ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 09:20
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ==เงินบาทอยู่ที่ไหน ตอนที่ 1 :บทความเรื่องค่าเงินบาทโดย พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล== 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
==เงินบาทอยู่ที่ไหน ตอนที่ 1 :บทความเรื่องค่าเงินบาทโดย พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล==  (อ่าน 2766 ครั้ง)
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« เมื่อ: 10-08-2007, 01:49 »

ไปเจอบทความ 3 ตอนจบ ในคอลัมน์ อภิปรายนอกสภา ของคุณพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล
คิดว่าครอบคลุมเรื่องค่าเงินบาทไว้อย่างน่าสนใจ ก็เลยเอามาฝากกันอ่านนะครับ..

อ่านแล้วจะเห็นว่าอย่างน้อยที่สุดทักษิณก็เคยพูดจริงเรื่องหนึ่งคือเรื่อง "จะเสกกระดาษให้เป็นเงิน"

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เงินบาทไปอยู่ที่ไหน ? (ตามล่าหาเงินบาทของ ธปท. ตอนที่ 1)  
(อภิปรายนอกสภา โดย พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล  วันที่ 21/7/2007)
http://www.naewna.com/news.asp?ID=68438

วิกฤติเศรษฐกิจไทยขณะนี้ สาเหตุสำคัญเกิดจากปัญหาค่าเงินบาท ปัญหาค่าเงินบาทคือ เงินบาทแข็งค่าเกินไปเมื่อเทียบกับเงินเหรียญ/สรอ. ค่าเงินเหรียญ/สรอ.อ่อนเพราะมีมาก แต่ความต้องการน้อย ค่าเงินบาทแข็งเพราะมีน้อย แต่มีความต้องการมาก

แล้วเงินบาทไปอยู่ที่ไหน ?

ปริมาณเงินบาททั้งหมดของไทยเรียกว่า "ฐานเงินบาท" มีอยู่ทั้งในประเทศซึ่งเรียกว่า "ออนชอร์" และที่ตลาดเงินต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งเรียกว่า "ออฟชอร์"

ตลาดเงินไทยต่างประเทศที่สำคัญ คือสิงคโปร์ ฮ่องกง และอื่นๆ ค่าเงินบาทจึงมีอัตราแลกเปลี่ยนทั้งราคาในประเทศและราคาต่างประเทศ วันนี้ค่าเงินบาทในต่างประเทศแข็งกว่าค่าเงินบาทในประเทศประมาณ 2 บาทต่อเหรียญ/สรอ. การแก้ปัญหาค่าเงินบาทในประเทศจึงทำได้ยาก มีเงินบาทไหลออก และมีเงินเหรียญ/สรอ.ไหลเข้าในรูปแบบต่างๆ ด้วยวิธีการต่างๆ

เมื่อประมาณปี 2541-2544 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย (2) ฐานเงินบาทอยู่ที่ประมาณ 480,000 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2549 ฐานเงินบาทเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 800,000 ล้านบาท นั่นคือช่วงระยะเวลา 5 ปี ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)น่าจะได้พิมพ์ธนบัตรไทยออกมาเพิ่มขึ้นเกือบ 400,000 ล้านบาท โดยไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ

ผู้มีหน้าที่พิมพ์ธนบัตรเงินบาท คือโรงพิมพ์ธนบัตรของ ธปท. ซึ่งอยู่ในการบริหารของ"ฝ่ายออกบัตร" ผู้ที่ทำการค้าเงินบาทและปริวัตรเงินตราคือ "ฝ่ายกิจการธนาคาร"

 ทั้งฝ่ายออกบัตร และฝ่ายกิจการธนาคาร ต่างมีทุนสำรองเงินตราฯ แบ่งอยู่ในบัญชีการบริหารของตน

ธปท. โดยฝ่ายกิจการธนาคารซื้อเงินเหรียญเข้ามาโดยใช้ถ้อยคำว่า "ขายเงินบาทออกไป" และขายเงินเหรียญออกไปโดยใช้ถ้อยคำว่า "ซื้อเงินบาทเข้ามา"

ตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา ธปท.ได้ "ขายเงินบาทออกไป" มากกว่า "ซื้อเงินบาทเข้ามา"

เงินบาทที่ขายออกไป ส่วนหนึ่งคือธนบัตรที่ฝ่ายออกบัตรพิมพ์เพิ่มขึ้นมาเกือบ 400,000 ล้านบาทดังกล่าว

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ (Reserve) ได้เพิ่มขึ้นประมาณ 40,000 ล้านเหรียญ/สรอ. คือเพิ่มจากประมาณ 32,200 ล้านเหรียญ/ สรอ.ในปี พ.ศ. 2544 เป็นประมาณ 72,000 ล้านเหรียญ/สรอ.ในปัจจุบัน

ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่ง มาจากการได้กำไรดุลการค้า ระหว่างประเทศ ส่วนหนึ่งได้มาจากการพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม แล้ว "ขายเงินบาท" ที่พิมพ์เพิ่มส่วนหนึ่งออกไป ดังกล่าวข้างต้น

เงินบาทที่ขายออกไป ส่วนหนึ่งอยู่ในประเทศ อีกส่วนหนึ่งอยู่ในตลาดต่างประเทศ

เงินบาทที่มีอยู่ในต่างประเทศเป็นปัจจัยให้ตลาดเงินและกองทุนแสวงหากำไรค่าเงินจากต่างประเทศมีโอกาสได้ใช้มาเก็งกำไรค่าเงินบาท

ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของไทยที่เพิ่มขึ้น มีภาระต้องหนุนค่าเงินบาทที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้พิมพ์เพิ่มขึ้นด้วย (back up currency fund) เป็นภาระที่เพิ่มขึ้นพร้อมจำนวนเงินบาทหรือ "ฐานเงิน" ที่เพิ่มขึ้น การมียอดเงินทุนสำรองเงินตราฯ สูงขึ้นไม่อาจสรุปว่าประเทศชาติแข็งแรงขึ้นหรืออ่อนแอลงตามสัดส่วน

ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศไม่ได้เป็นเงินเหรียญ/สรอ.ทั้งหมด แต่เป็นเงินตราต่างประเทศทุกตระกูลในมือของ ธปท. ที่ตีมูลค่าเป็นค่าเงินเหรียญ/สรอ. แล้ว และประกอบด้วยสินทรัพย์อื่นที่มิใช่ตัวเงินตราด้วย เช่น ทองคำ ตราสาร ตั๋วเงิน พันธบัตร หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของ ธปท.ในต่างประเทศที่อาจคำนวณเป็นมูลค่าเงินเหรียญ/สรอ.ที่แน่นอนได้

ประมาณครึ่งหนึ่งของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั้งหมดอยู่ในบัญชีของฝ่ายออกบัตร เป็น "สมบัติเจ้าคุณปู่" ตามคำเรียกขานของคน ธปท. และเป็น "คลังหลวง" ตามคำเรียกขานของท่าน หลวงตามหาบัว

เหตุที่เรียกว่าเป็นสมบัติเจ้าคุณปู่ และเป็นคลังหลวง เพราะทุนสำรองในบัญชีส่วนนี้มีพระราชบัญญัติเงินตรากำกับไว้ว่า ทั้งทุนประเดิมและดอกผลทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นในบัญชีของฝ่ายออกบัตรต้องเป็นทุนสำรองหนุนค่าเงินบาท ห้ามนำไปใช้ในทางอื่นใดทั้งสิ้น

ทุนสำรองเงินตราฯ อีกประมาณครึ่งหนึ่งใช้เพื่อการปริวัตรเงินตราและค้าเงิน อยู่ในการดูแลของ ฝ่ายกิจการธนาคาร การ ซื้อเงินบาทเข้ามา หรือ ขายเงินบาทออกไป กระทำโดยฝ่ายกิจการธนาคารในธปท.ทั้งสิ้นเช่นเดียวกัน

การต่อสู้ปกป้องค่าเงินบาทเมื่อปี 2539-2540 ของ ธปท. กระทำในบัญชีของฝ่ายกิจการธนาคาร ด้วยการขายทันทีโดยวิธีการที่เรียกว่า SPOT และการขายล่วงหน้าโดยวิธีการที่เรียกว่า SWOP

ฝ่ายกิจการธนาคารในขณะนั้นได้ทำการ SPOT จนทุนสำรองที่เป็นเงินสดในบัญชีของตนประมาณ 20,000 ล้านเหรียญ/สรอ. หมดสิ้น แล้วยังได้ทำการ SWOP ไปอีกเกือบ 20,000 ล้านเหรียญ/สรอ. เท่ากับจำนวนที่มีเหลืออยู่ในบัญชีของฝ่ายออกบัตร

หากหักส่วนที่ได้ SWOP ไปแล้วออกจากทุนสำรองที่มีอยู่ในบัญชีของฝ่ายออกบัตร ในวันหนึ่งของเดือนสิงหาคม 2540 มีตัวเลขสุทธิคงเหลือเพียงประมาณ 159 ล้านเหรียญ/สรอ.

เมื่อทุนสำรองในบัญชีฝ่ายออกบัตรที่มีอยู่ประมาณ 20,000 ล้านเหรียญ/สรอ. เป็นเงินที่มีภาระผูกพัน ฐานเงินบาทจึงขาดทุนสำรองหนุนค่า (back up) ที่เหมาะสม ค่าเงินบาทหลังจากมีการลอยตัวเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 จึงได้อ่อนค่าลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จาก 25-26 บาทต่อเหรียญ/สรอ. ในเดือน มิถุนายน 2540 เป็นประมาณ 45 บาทต่อเหรียญ/สรอ. ในเดือนสิงหาคม 2540 จนจำเป็นต้องเข้าโครงการขอกู้เงินจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2540

ต้นทุนเงินเหรียญ/สรอ. ในทุนสำรองเงินตราฯ อยู่ที่ประมาณ 25-26 บาท ขณะนั้น จึงมีความเห็นบางกระแสเรียกร้องให้ลดค่าเงินบาทลง และมีความเห็นว่าเหรียญฯ ละ 35 บาท น่าจะเป็นอัตราที่เหมาะสม แต่รัฐบาลขณะนั้นยืนยันจะ "ต่อสู้จนเลือดหยดสุดท้าย"

หากรัฐบาลในขณะนั้นตัดสินใจลดค่าเงินบาทลงสักเหรียญฯละ 10 บาท ธปท.จะ มีกำไรในเงินเหรียญฯ ที่อยู่ในบัญชีฝ่ายกิจการธนาคารถึงประมาณ 200,000 ล้านบาท (20,000x10) และไม่ต้องขาดทุนในเงินที่ขายล่วงหน้าหรือ SWOP ไปอีกประมาณ 200,000 ล้านบาท (20,000x10)

ส่วนที่ต้องขาดทุนไปเนื่องจากการทำ SWOP ประมาณ 200,000 ล้านบาท คือส่วนที่ต่อมาศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยท่านหนึ่งต้องชดใช้

แต่ส่วนที่ขาดกำไรทางบัญชีไปประมาณ 200,000 ล้านบาท เนื่องจากการทำ SPOT ยังไม่มีใครรับผิดชอบและพูดถึงเลย

วิกฤตเงินบาทขณะนี้เพราะค่าเงินบาทแข็งเกินไป เหมือนก่อน ลอยตัวค่าเงินบาท

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540

รัฐบาลขณะนั้นลอยตัวค่าเงินบาทหลังจากไปปกป้องต่อสู้ค่าเงินบาทจนทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศแทบจะหมดแล้ว

แต่วิกฤตค่าเงินบาทขณะนี้เกิดขึ้นในขณะที่อ้างว่ามีทุนสำรองเงินตราฯ อยู่มากถึงกว่า 70,000 ล้านเหรียญ/สรอ.

นักทฤษฎีผู้ไม่มีภาระหน้าที่ในทางปฏิบัติหลายคนออกมาให้ความเห็นว่า ต้องมีมาตรการควบคุมรักษาระดับค่าเงินบาทให้อ่อนลง แต่ไม่มีใครกล้าพูดว่ามาตรการควบคุมรักษาระดับค่าเงินบาทคือทำอย่างไร

ไม่มีใครกล้าเสนอ มาตรการลดค่าเงินบาท เหมือนที่ไม่มีใครกล้าเสนอเมื่อปี พ.ศ. 2540 เพราะขณะนั้นทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีหนี้สินต่างประเทศอยู่มาก แต่ก็ได้ทำไปในลักษณะเดียวกัน โดยใช้ถ้อยคำว่า ลอยตัวค่าเงินบาท

วันนี้เห็นยืนยันว่าหนี้ต่างประเทศทั้งภาครัฐและภาคเอกชนลดน้อยไปมากแล้ว

หากค่าเงินบาทลดลงไปเหรียญละเท่าไร เท่ากับ ธปท.จะมีกำไรทางบัญชีเพิ่มขึ้นเท่ากับ 70,000 คูณด้วยจำนวนค่าเงินบาทที่ลดไป

หรือ ธปท.และกระทรวงการคลังได้แอบคิดไว้แล้ว แต่ยังลังเลใจอยู่ ?

มาตรการของกระทรวงการคลังที่พยายามให้รัฐวิสาหกิจลดหนี้ต่างประเทศที่อยู่ในรูปเงินเหรียญฯ ลงเสีย เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ ?

ผู้เขียนเองขณะนี้ไม่มีหน้าที่ แต่ได้เคยเป็นกรรมการทุนรักษาระดับเงินตราโดยตำแหน่งในอดีต และต้องร่วมแก้ไขปัญหากระทบจากนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลในอดีต วันนี้ก็ยังไม่กล้ามีความคิดเห็น เพราะไม่ทราบข้อมูลแท้จริงในชั้นความลับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง จึงไม่อยากเป็นทั้งนักทฤษฎีและนักจินตนาการ

กรรมการทุนรักษาระดับเงินตราในธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นอย่างไร ?

 หรือได้แอบทำอะไรไปบ้างแล้ว ?

กระทรวงการคลังและรัฐบาลคิดอย่างไร ?

 หรือได้แอบทำอะไรไปบ้างแล้ว ?

นักเก็งกำไรค่าเงินบาททั้งหลาย ไม่เกรงสัญญาณมาตรการเด็ดขาดที่ดูเหมือนได้ส่งออกมาบ้างแล้วหรือ ?

พูดมาถึงตอนนี้ ยังไม่ได้มีเบาะแสเลยว่า "เงินบาทหายไปไหน ?"

คงจะต้องช่วยกันตามล่าหาเงินบาท ใน "อภิปรายนอกสภา" ตอนต่อไป

บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #1 เมื่อ: 10-08-2007, 02:01 »

ถ้าอ่านจบแล้วยังอยากอ่านต่อ ก็ไปอ่านตอนที่ 2 ได้ที่กระทู้นี้นะครับ

==เงินบาทอยู่ที่ไหน ตอนที่ 2 :บทความเรื่องค่าเงินบาทโดย พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=15871.0

----------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำหรับตอนจบของซีรีย์ชุดนี้ ผมลงไว้ให้ตามลิงค์ข้างล่างนี้แล้วนะครับ สามารถอ่านต่อได้เลย
หวังว่าคงจะให้ความกระจ่างกับหลายท่านเกี่ยวกับปัญหาค่าเงินบาทของเราได้พอสมควร

==เงินบาทอยู่ที่ไหน ตอนที่ 3 :บทความเรื่องค่าเงินบาทโดย พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=15873.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2007, 23:01 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #2 เมื่อ: 10-08-2007, 05:48 »

  เข้ามาติดตามฮะ

เรื่องราวจริงในอดีตแบบนี้ นี่แหละฮะ น่าเอามารวมเล่ม เป็นเรื่อง
" Thaksin..He..is..Here!."

บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #3 เมื่อ: 10-08-2007, 11:28 »

  เข้ามาติดตามฮะ

เรื่องราวจริงในอดีตแบบนี้ นี่แหละฮะ น่าเอามารวมเล่ม เป็นเรื่อง
" Thaksin..He..is..Here!."

ล่าสุดเห็นว่ามีการเปิดคลิปวิดีโอคำแนะนำ+ปลุกใจจากทักษิณในงานประชุม
พร้อมทั้งจับสมาชิกดื่มน้ำสาบานว่าจะมั่นคงต่อกลุ่มไทยรักไทย

ทักษิณบอกให้สมาชิกใช้จุดเด่นด้านเศรษฐกิจที่ไทยรักไทยเคยทำไว้มาต่อยอด
ก็เลยอยากให้ดูเอาไว้ว่าจุดเด่นด้านเศรษฐกิจที่เคยทำไว้นั้น ... ทำไว้ยังไง

รัฐบาลนี้ก็อ่อนเรื่องประชาสัมพันธ์จริงๆ รับเวรรับกรรมต่อจากรัฐบาลที่แล้วแท้ๆ
แต่กลับถูกมองว่าบริหารงานไร้ฝีมือ ต้องแบบรัฐบาลที่แล้วถึงจะดี 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #4 เมื่อ: 10-08-2007, 13:21 »

ล่าสุดเห็นว่ามีการเปิดคลิปวิดีโอคำแนะนำ+ปลุกใจจากทักษิณในงานประชุม
พร้อมทั้งจับสมาชิกดื่มน้ำสาบานว่าจะมั่นคงต่อกลุ่มไทยรักไทย

ทักษิณบอกให้สมาชิกใช้จุดเด่นด้านเศรษฐกิจที่ไทยรักไทยเคยทำไว้มาต่อยอด
ก็เลยอยากให้ดูเอาไว้ว่าจุดเด่นด้านเศรษฐกิจที่เคยทำไว้นั้น ... ทำไว้ยังไง

รัฐบาลนี้ก็อ่อนเรื่องประชาสัมพันธ์จริงๆ รับเวรรับกรรมต่อจากรัฐบาลที่แล้วแท้ๆ
แต่กลับถูกมองว่าบริหารงานไร้ฝีมือ ต้องแบบรัฐบาลที่แล้วถึงจะดี 

เหมือนกับ คุณชวน กับคุณ ธารินทร์ ไงครับ  .........ไม่รู้ทำไง  .......โดนป้ายสีจนกลายเป็นคนขายชาติไปได้ ....... เข้ามาแก้ไขแท้ ๆ .....
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #5 เมื่อ: 10-08-2007, 19:25 »

บทความชุดนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 บทผมแบ่งตั้งเป็น 3 กระทู้เนื่องจากกลัวเนื้อหาจะยืดยาวเกินไป
คุณ 55555 แนะนำว่าน่าจะเอามารวมกันเป็นกระทู้เดียว แต่ผมคิดว่าแค่เอากระทู้แรกแขวนไว้
แล้วให้ไปอ่านตามลิงค์ เหมือนอย่างกระทู้ "ความจริงครึ่งเดียวฯ"

ไม่ทราบท่านอื่นๆ เห็นว่าอย่างไรดีครับ แต่ก่อนอื่นผมอยากให้แขวนกระทู้แรกนี้ไว้ข้างบนก่อน
ถ้ามีใครเห็นว่าเนื้อหาบทความนี้น่าจะมีประโยชน์ ก็รบกวนช่วยแขวนให้หน่อยนะครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
buntoshi
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,348



« ตอบ #6 เมื่อ: 10-08-2007, 22:29 »

ขอบคุณคุณจี มากๆ ครับ สำหรับ บทความดีๆ แบบนี้

ส่วน ตอนที่สอง ผมตามลิ้งไปไม่มีนะครับ ไม่ทราบ ว่าหายไปใหน

ผมก็ไม่มีความรู้เท่าไหร่หรอกครับ แต่ เท่าที่ศึกษาประวัติศาสตร์ หรือ หาความรู้ในเรื่องราว จากอดีต ที่ผ่านมา

ผมอยากถามว่า แบ็งค์ชาติ มีความผิดพลาดมาโดยตลอด แล้ว ตอนนี้ แบ็งชาติ ควร ทำอย่างไรดี ทำไม ประเทศไทย ต้องฝากความหวังไว้ กับ องค์กร องค์กรเดียวขนาดนี้

ถ้ามีคนที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง ประเทศไทย จะไม่ตกเป็นทาส เพราะแบ็งชาติเหรอครับ
บันทึกการเข้า


เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น....  ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
---------------------------
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #7 เมื่อ: 10-08-2007, 23:18 »

ขอบคุณคุณจี มากๆ ครับ สำหรับ บทความดีๆ แบบนี้

ส่วน ตอนที่สอง ผมตามลิ้งไปไม่มีนะครับ ไม่ทราบ ว่าหายไปใหน

ผมก็ไม่มีความรู้เท่าไหร่หรอกครับ แต่ เท่าที่ศึกษาประวัติศาสตร์ หรือ หาความรู้ในเรื่องราว จากอดีต ที่ผ่านมา

ผมอยากถามว่า แบ็งค์ชาติ มีความผิดพลาดมาโดยตลอด แล้ว ตอนนี้ แบ็งชาติ ควร ทำอย่างไรดี
ทำไม ประเทศไทย ต้องฝากความหวังไว้ กับ องค์กร องค์กรเดียวขนาดนี้

ถ้ามีคนที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง ประเทศไทย จะไม่ตกเป็นทาส เพราะแบ็งชาติเหรอครับ


ขอบคุณที่ทักนะครับ... ตรวจสอบแล้วลิงค์มันผิดน่ะครับตอนนี้แก้ไขให้เปิดได้แล้วครับ

ความผิดพลาดของแบงค์ชาติคราวก่อนหน้านี้ก็ก่อวิกฤติค่าเงินบาท 2540 ไปรอบนึงแล้ว
แต่คราวก่อนนี้เชื่อว่ารัฐบาลชวลิตไม่ค่อยจะรู้เรื่องด้วยเท่าไหร่ แบงค์ชาติตัดสินใจผิดเอง
เพียงแต่เชื่อว่ามีคนรู้ข้อมูลภายใน แล้วเอาไปเก็งกำไรค่าเงิน

แต่ผลงานแบงค์ชาติในยุครัฐบาลทักษิณ ผมเชื่อว่ารัฐบาลมีส่วนเข้าไปล้วงลูกบงการ
ขนาดที่ออกมาพูดว่าจะเสกกระดาษให้เป็นเงินอะไรแบบนั้น

ก็มีการตั้งข้อสังเกตมาเรื่อยๆ นะครับว่ากลไกแบงค์ชาติปัจจุบันรับมือปัญหายุคใหม่ไม่ไหว
ยิ่งต้องแก้ปัญหาสะสมที่เคยแทรกแซงค่าเงินไว้สมัยรัฐบาลก่อน มาผสมกับดอลลาร์อ่อนค่า
และสภาพคล่องท่วมของเงินดอลลาร์ที่ไหลเข้าประเทศ ยิ่งทำให้ดิ้นไม่ออกไปกันใหญ่

ตอนนี้ต้องรอดูการประชุมใหญ่วันที่ 20 สิงหาคม ว่าจะตัดสินใจใช้นโยบายอะไรต่อไปครับ
คิดว่าบทวิเคราะห์ในตอนที่ 3 สรุปปัญหาและแนวทางแก้ไขต่างๆ เอาไว้แล้วพอสมควร
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 11-08-2007, 01:08 »

คือว่า SWAP ค่ะ มันเขียนแบบนี้ แต่อ่านว่า สวอป

http://en.wikipedia.org/wiki/Currency_swap

บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 11-08-2007, 01:13 »

ขอแถมอีกหน่อยแล้วกันนะคะ

เรื่องให้ใช้หนี้เงินเหรียญ ไม่ใช่เรื่องส่งสัญญาณ หรือชั้นความลับอะไรของ ธปท. หรอกค่ะ เฮ้อ   
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #10 เมื่อ: 11-08-2007, 03:04 »

คือว่า SWAP ค่ะ มันเขียนแบบนี้ แต่อ่านว่า สวอป

http://en.wikipedia.org/wiki/Currency_swap


ใช่ครับคุณแอ่นแอ๊น.. คำนี้ต้องเขียนว่า "SWAP" จริงๆ ด้วย
คุณแอ่นแอ๊นตาไว  ผมอ่านผ่านไปผ่านมาหลายรอบก็ไม่เห็น
แต่คงไม่ไปแก้ไขนะครับ สะกดผิดมาก็คงไว้ตามต้นฉบับแล้วกัน
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 11-08-2007, 03:30 »

แอนแม่งๆ ตรงที่คนเคยเป็น "กรรมการทุนรักษาระดับเงินตรา" เขียนผิดนี่แหละ 
เลยชักไม่ค่อยแน่ใจว่า แกเข้าใจเรื่องที่แกเีขียนหรือเปล่า หรือเอาตัวเลขมาผูกเรื่อง
ถึงแม้ว่าจะมีเครดิตเป็น รมต ช่วยคลังก็เหอะนะ แต่เรื่องพวกนี้มันเทคนิคมากๆ 

ยิ่งเห็นคำถามท้ายบทความของแกยิ่งแม่งหนักเข้าไปใหญ่   

ที่จริง สวอป ภาษาไทยก็ไม่ได้สะกดยากเย็นอะไร หรือว่า กลัวสะกดภาษาไทยไม่ถูกด้วย เฮ้อ
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 11-08-2007, 03:42 »

พูดตรงๆ นะคะ เรื่องค่าเงินเนี่ย คนพูดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้พูด ไม่เชื่อลองดู รมต คลัง คนปัจจุบันก็ได้ ตอนอยู่นอกวงก็วิจารณ์เหยงๆ ว่าทำแบบนี้ซิ แบบนั้นซิ พอเข้าไปทำเองทำไมเงียบ ไม่ด่าแบงค์ชาติซักคำ

แอนอยากจะบอกว่า ตอนนี้แบงค์ชาติหน่ะ ควักมีด หอก ง้าว พร้า ออกมาจนจะหมดกรุแล้ว เพราะรอบที่แล้ว ก่อกำแพงล้อมค่ายไว้ ดันมีไอ้บ้าหัวแดงมันเสี้ยมให้เจาะรู ตอนนี้เค้าอ้อมค่ายเข้ามาตี ยันไม่อยู่ ก็มีแต่คนออกมาด่า สรุปแล้ว ทำแบบไหนก็ไม่ถูกใจหรอกค่ะ

ตอนแรกที่แข็งใหม่ๆ ใครหล่ะลุกขึ้นมาบอกให้แบงค์ชาติพยุง นี่ยันจนยันไม่ไหวถึงได้ออกมาตราการช๊อคซีนีม่าออกมา ก็โดนด่าอีก

ถามหน่อยว่า เรามีมีด ง้าว พร้า แต่ฝ่ายตรงข้ามพี่แกขนปืนกลมาจะเอาอะไรไปสู้ ทำได้อย่างมาแค่ยันเอาไว้ไม่ให้เข้ามาเร็วเกินไป

บางคนออกมาบอกให้กลับไปใช้ fixed อย่างเดิม แอนได้ยินแล้วอนาจ ไม่รู้มันคิดออกมาได้ยังไง บางคนเป็นด๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกเตอร์ด้วยซ้ำ

เติมอีกนิด บรรทัดข้างบน ไม่ได้ว่าคนที่ขีดเส้นใต้ 3 เส้น 5 เส้นนะคะ ใครมันพูดก็รับไปแล้วกัน
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #13 เมื่อ: 11-08-2007, 03:55 »

ขอแถมอีกหน่อยแล้วกันนะคะ

เรื่องให้ใช้หนี้เงินเหรียญ ไม่ใช่เรื่องส่งสัญญาณ หรือชั้นความลับอะไรของ ธปท. หรอกค่ะ เฮ้อ   

เท่าที่อ่านดูในบทแรกนี้ที่เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม  คิดว่าผู้เขียนวิเคราะห์ในทำนองว่า ธปท. อาจมีมาตรการแรงๆ
ที่จะมีผลในการลดค่าเงินบาท การบอกให้กิจการต่างๆ เร่งใช้หนี้เงินเหรียญอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าจะลดค่าเงิน
ทั้งนี้ผู้เขียนออกตัวว่ายืนยันไม่ได้เรื่องจะมีมาตรการลดค่าเงินจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้ไม่ได้ดำรงตำแหน่งอะไรที่จะ
สามารถเข้าถึงชั้นความลับของ ธปท. อย่างการวางแผนลดค่าเงินน่ะครับ

อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้มาตรการแรงๆ ขนาดทุบค่าเงินก็ยังไม่มีออกมาและสถานการณ์ก็ดูจะลดระดับความรุนแรง
ลงมาระดับหนึ่งเทียบกับขณะเขียนบทความนะครับ และก็เป็นไปได้ว่าตอนนั้น ธปท. ไม่ได้ตั้งใจส่งสัญญาณอะไร
(เพราะมันไม่รู้สึกชัดเจนอะไรเลย) คงแค่ขอให้กิจการต่างๆ ช่วยเอาเงินดอลลาร์ไปใช้สักหน่อยเถิดเท่านั้นเอง

ถ้าตามอ่านบทความไปจนครบ 3 ตอน ซึ่งผ่านเวลาที่สถานการณ์ชัดเจนมากขึ้น ในตอนที่ 2 ผู้เขียนได้วิเคราะห์
ปัญหาค่าเงินย้อนหลังไปถึงก่อนรัฐบาลทักษิณ จนมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน  และในตอนที่ 3 ได้วิเคราะห์มาตรการ
แก้ไขปัญหาค่าเงินที่รัฐบาลประกาศออกมารวม 6 ประการ และสรุปว่าคงไม่มีการ "ทุบ" ค่าเงินบาท ตามที่เคย
ตั้งข้อสงสัยไว้ตั้งแต่บทความตอนที่ 1 ครับ

ส่วนเรื่องที่ว่าแกเข้าใจเรื่องที่แกเขียนหรือเปล่านี่ผมแน่ใจว่าแกรู้เรื่องนะครับ โดยเฉพาะการวิเคราะห์สถานการณ์
ค่าเงินบาทในบทความชุดนี้ที่เขียนออกมาอ่านเข้าใจได้ง่ายสำหรับคนทั่วไป (ถึงแกจะสะกดคำผิดก็เถอะ Very Happy)
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 11-08-2007, 04:03 »

คุณจีฯ คะ ตอนนี้เราใช้ระบบ manage float ค่ะ ไม่มีลดค่ง ลดค่าอะไรแล้ว เพราะึขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา

ส่วนเรื่องที่ว่ากระตุ้นการชำระหนีหน่ะ มันก็เป็นกลยุทธเพื่อจะดันดอลล่าร์ที่ท่วมอยู่ให้ออกไปบ้าง เผื่อว่าเงินจะอ่อนลง

ซึ่ง ไม่น่าจะได้ผลเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะ ดอลล่าร์มันจะอ่อนลงไปอีก

ระวังเรื่อง sub-prime แอนว่า เรื่องนี้ถ้าขยายตัว จะเป็นตัวเร่งให้เงินทุนเคลื่อนย้ายออกจากดอลล่าร์เร็วขึ้น

ที่เรากลัว ไม่ได้กลัวเงินที่ไหลมาแบบปกติ (เราได้ดุลการค้านะคะ หลังจากที่ขาดดุลมาตลอด ต้องเอาบริการมาโป๊ะ)

ที่กลัวหน่ะกลัวอิแร้ง

ไอ้เรื่องทุบไม่ทุบหน่ะ ไม่มีแรงทุบหรอก ถ้าทุบเองได้ ทุบไปตั้งนานแล้ว ยอมถูกด่าทำไมตั้งหลายเดือน เฮ้อ
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #15 เมื่อ: 11-08-2007, 04:04 »

พูดตรงๆ นะคะ เรื่องค่าเงินเนี่ย คนพูดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้พูด ไม่เชื่อลองดู รมต คลัง คนปัจจุบันก็ได้ ตอนอยู่นอกวงก็วิจารณ์เหยงๆ ว่าทำแบบนี้ซิ แบบนั้นซิ พอเข้าไปทำเองทำไมเงียบ ไม่ด่าแบงค์ชาติซักคำ

แอนอยากจะบอกว่า ตอนนี้แบงค์ชาติหน่ะ ควักมีด หอก ง้าว พร้า ออกมาจนจะหมดกรุแล้ว เพราะรอบที่แล้ว ก่อกำแพงล้อมค่ายไว้ ดันมีไอ้บ้าหัวแดงมันเสี้ยมให้เจาะรู ตอนนี้เค้าอ้อมค่ายเข้ามาตี ยันไม่อยู่ ก็มีแต่คนออกมาด่า สรุปแล้ว ทำแบบไหนก็ไม่ถูกใจหรอกค่ะ

ตอนแรกที่แข็งใหม่ๆ ใครหล่ะลุกขึ้นมาบอกให้แบงค์ชาติพยุง นี่ยันจนยันไม่ไหวถึงได้ออกมาตราการช๊อคซีนีม่าออกมา ก็โดนด่าอีก

ถามหน่อยว่า เรามีมีด ง้าว พร้า แต่ฝ่ายตรงข้ามพี่แกขนปืนกลมาจะเอาอะไรไปสู้ ทำได้อย่างมาแค่ยันเอาไว้ไม่ให้เข้ามาเร็วเกินไป

บางคนออกมาบอกให้กลับไปใช้ fixed อย่างเดิม แอนได้ยินแล้วอนาจ ไม่รู้มันคิดออกมาได้ยังไง บางคนเป็นด๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกเตอร์ด้วยซ้ำ

เติมอีกนิด บรรทัดข้างบน ไม่ได้ว่าคนที่ขีดเส้นใต้ 3 เส้น 5 เส้นนะคะ ใครมันพูดก็รับไปแล้วกัน

จริงเลยครับตอนนี้สถานการณ์แบงค์ชาติเหมือนโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ถ้ามันแก้ได้หมูๆ เหมือนที่แย่งกันแนะนำก็แก้เสร็จไปนานแล้ว
ตอนนี้เห็นว่าจะมีประชุมกันอีกรอบวันที่ 20 สิงหาคม ก็ไม่รู้จะได้อะไรออกมาอีกหรือเปล่า

และความจริงถ้าค่าเงินบาทกลับไปอ่อนอีกก็ยังมีราคาน้ำมันรอต้อนรับอยู่อีกด้านหนึ่งด้วย.. คิดแล้วปวดหัวแทน 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 11-08-2007, 04:08 »

สงสัยไปงัดพร้าออกมาจากกรุอีก 2-3 อันหน่ะค่ะ ไม่มีอะไรตื่นเต้นหรอก

ส่วนเรื่องคุณพิเชษฐ์ อ่านไปอ่านมา แอนว่า แกหาเรื่องด่าแม้วแก้เซ็งหน่ะ

เรื่องที่แกเีขียนไปๆ มาๆ ก็วนไปวนมา เรื่องที่รู้ๆ กันอยู่แล้วมาเล่าซ้ำ

แอนว่า คนรุ่นเก่าหลายคน ไม่ทันเรื่องเครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ หน่ะค่ะ

บางทีฟังที่ออกมาแสดงความเห็นเลยเป็นอาการเป๋อเร๋อ ของหลายๆ คน 
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #17 เมื่อ: 11-08-2007, 04:09 »

คุณจีฯ คะ ตอนนี้เราใช้ระบบ manage float ค่ะ ไม่มีลดค่ง ลดค่าอะไรแล้ว เพราะึขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา

ส่วนเรื่องที่ว่ากระตุ้นการชำระหนีหน่ะ มันก็เป็นกลยุทธเพื่อจะดันดอลล่าร์ที่ท่วมอยู่ให้ออกไปบ้าง เผื่อว่าเงินจะอ่อนลง

ซึ่ง ไม่น่าจะได้ผลเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะ ดอลล่าร์มันจะอ่อนลงไปอีก

ระวังเรื่อง sub-prime แอนว่า เรื่องนี้ถ้าขยายตัว จะเป็นตัวเร่งให้เงินทุนเคลื่อนย้ายออกจากดอลล่าร์เร็วขึ้น

ที่เรากลัว ไม่ได้กลัวเงินที่ไหลมาแบบปกติ (เราได้ดุลการค้านะคะ หลังจากที่ขาดดุลมาตลอด ต้องเอาบริการมาโป๊ะ)

ที่กลัวหน่ะกลัวอิแร้ง

ไอ้เรื่องทุบไม่ทุบหน่ะ ไม่มีแรงทุบหรอก ถ้าทุบเองได้ ทุบไปตั้งนานแล้ว ยอมถูกด่าทำไมตั้งหลายเดือน เฮ้อ

มาตราการที่ว่าจะเกิดผลกับการลดค่าเงินก็คือเรื่องกลับไป Fixed Rate นั่นแหละครับ ซึ่ง ธปท. ก็ประกาศแข็งขันแล้วว่าไม่เอา
เรื่องกระตุ้นเร่งการชำระหนี้ก็ยังมีกรณีคาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนลงไปอีก รีบชำระหนี้ตอนนี้ก็เท่ากับขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
มันก็เลยไม่มีใครยอมเล่นด้วย สรุปว่าจนถึงตอนนี้ก็เหมือนยังหาทางออกอะไรกันที่รอบด้านไม่ได้เลยนะครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 11-08-2007, 04:19 »

มาตราการที่ว่าจะเกิดผลกับการลดค่าเงินก็คือเรื่องกลับไป Fixed Rate นั่นแหละครับ ซึ่ง ธปท. ก็ประกาศแข็งขันแล้วว่าไม่เอา
เรื่องกระตุ้นเร่งการชำระหนี้ก็ยังมีกรณีคาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนลงไปอีก รีบชำระหนี้ตอนนี้ก็เท่ากับขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
มันก็เลยไม่มีใครยอมเล่นด้วย สรุปว่าจนถึงตอนนี้ก็เหมือนยังหาทางออกอะไรกันที่รอบด้านไม่ได้เลยนะครับ

มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วอ่ะค่ะ ใครก็ไม่รู้พูดออกมา คนในวงการด่ากันกระเจิงว่าคิดออกมาได้ไง รู้หรือป่าวว่า อะไรที่พ่วงมากะฟิก มันไม่ใช่ว่าอยากทำอย่างนี้แล้วไม่เอาเงื่อนไขที่พ่วงมาได้นะคะ

ส่วนเรื่องการชำระหนี้ก็อย่างที่ว่าข้างบนค่ะ เพราะใครๆ ก็มองออกว่า ดอลล่าร์มันจะอ่อนอีกนี่แหละ เลยได้แต่เห็นอะไรเป๋อๆ ออกอย่างว่า เรียกว่า งวดนี้คนพูด เสียรังวัดไปหลายในเวลาเดียวกัน

ส่วนเรื่องทางแก้ มันเป็นเรื่องที่มากะพลวัตรค่ะ เราไปสวนกระแสไม่ได้หรอก ชาวบ้านเค้าก็แข็งกันหมด อยู่ๆ เราจะสวนอ่อนได้ยังไง ตอนนี้ก็ดีแต่ว่า น้ำมันลงแล้ว เงินแข็งด้วย ได้สองเด้ง อยากเห็นน้ำมันต่ำกว่า 60 เหรียญหน่ะ ตรงนี้ยังแพงไปอยู่ดี (อาจจะได้เห็นนะคะ แต่อาจจะไม่ดี)

เรียลเซคเตอร์ก็ต้องปรับตัวกันนานหน่อย ส่วนเรื่องอุตสาหกรรมบางอย่างมันถึงแก่การสิ้นชีวิตแล้ว ก็จะไปเรียกร้องเอาคืนมา ก็เหมือนเรียกให้คนตายแล้วฟื้น สำคัญคือ คนของเราหน่ะ ถ้าอ่านหนังสือ ปีละ 6 บรรทัดอยู่ละก็ คงหวังอะไรกว่านี้ไม่ได้หรอก
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #19 เมื่อ: 11-08-2007, 04:36 »

สงสัยไปงัดพร้าออกมาจากกรุอีก 2-3 อันหน่ะค่ะ ไม่มีอะไรตื่นเต้นหรอก

ส่วนเรื่องคุณพิเชษฐ์ อ่านไปอ่านมา แอนว่า แกหาเรื่องด่าแม้วแก้เซ็งหน่ะ

เรื่องที่แกเีขียนไปๆ มาๆ ก็วนไปวนมา เรื่องที่รู้ๆ กันอยู่แล้วมาเล่าซ้ำ

แอนว่า คนรุ่นเก่าหลายคน ไม่ทันเรื่องเครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ หน่ะค่ะ

บางทีฟังที่ออกมาแสดงความเห็นเลยเป็นอาการเป๋อเร๋อ ของหลายๆ คน 

ประเด็นสำคัญที่สุดในบทความชุดนี้น่าจะอยู่ที่แทคติกของรัฐบาลทักษิณในการพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม
แล้วเอาไปแลกดอลลาร์ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับเป็นการจงใจกดค่าเงินบาทให้อ่อนลงเฉยๆ
และเกิดผลทางตัวเลขให้รัฐบาลทักษิณเอาไปใช้หาเสียงได้มากมาย

เช่น มูลค่าการส่งออกที่นำเสนออัตราเติบโตเป็นหน่วยบาท ปริมาณเงินไหลเวียนในประเทศ
เพิ่มขึ้นมหาศาลจากการส่งออกแล้วแลกเป็นเงินบาท ส่งผลถึงสภาพเศรษฐกิจดีทุกคนมีเงินใช้
ซื้อง่ายขายคล่องไม่ต้องคิดมากเรื่องราคา เพราะส่งออกเท่าเดิมแต่ได้เงินบาทมากกว่าเดิม
แต่ขณะเดียวกันก็ไปกดดอกเบี้ยธนาคารเอาไว้ให้ต่ำติดดินแบบลากยาวเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
พันธบัตรที่ออกมาเพื่อซับสภาพคล่องก็ต้องแบกดอกเบี้ยไปอีกหลายปี

ส่วนธนบัตรที่พิมพ์ออกมาหลายแสนล้าน ไปอยู่ในมือใคร ธปท. ก็ทำอะไรไม่ได้จะเอาดอลลาร์
ซื้อคืนกลับมาก็จะยิ่งไปเร่งให้ค่าเงินบาทแข็งเข้าไปอีก ตอนสมัยที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นย่ำแย่มากๆ
เคยมีคนเสนอให้รัฐบาลญี่ปุ่นพิมพ์ธนบัตรออกมาอัดฉีดระบบยังมีคนค้านมากมาย

ผมว่าถ้ารัฐบาลทักษิณพิมพ์ธนบัตรออกมาเล่นแทคติกแบบนี้จริงๆ ต้องถือเป็นเรื่องแย่มากๆ
เป็นการบริหารประเทศแบบมักง่ายโดยไม่สนใจว่าจะทำลายวินัยทางการเงินการคลังขนาดไหน

เพราะถ้าจะเล่นกันแบบนั้นไม่ต้องทักษิณมาบริหาร ใครก็ทำได้พิมพ์แบงค์ใช้เองสบายใจ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2007, 04:42 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #20 เมื่อ: 11-08-2007, 05:22 »

มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วอ่ะค่ะ ใครก็ไม่รู้พูดออกมา คนในวงการด่ากันกระเจิงว่าคิดออกมาได้ไง รู้หรือป่าวว่า อะไรที่พ่วงมากะฟิก มันไม่ใช่ว่าอยากทำอย่างนี้แล้วไม่เอาเงื่อนไขที่พ่วงมาได้นะคะ

ส่วนเรื่องการชำระหนี้ก็อย่างที่ว่าข้างบนค่ะ เพราะใครๆ ก็มองออกว่า ดอลล่าร์มันจะอ่อนอีกนี่แหละ เลยได้แต่เห็นอะไรเป๋อๆ ออกอย่างว่า เรียกว่า งวดนี้คนพูด เสียรังวัดไปหลายในเวลาเดียวกัน

ส่วนเรื่องทางแก้ มันเป็นเรื่องที่มากะพลวัตรค่ะ เราไปสวนกระแสไม่ได้หรอก ชาวบ้านเค้าก็แข็งกันหมด อยู่ๆ เราจะสวนอ่อนได้ยังไง ตอนนี้ก็ดีแต่ว่า น้ำมันลงแล้ว เงินแข็งด้วย ได้สองเด้ง อยากเห็นน้ำมันต่ำกว่า 60 เหรียญหน่ะ ตรงนี้ยังแพงไปอยู่ดี (อาจจะได้เห็นนะคะ แต่อาจจะไม่ดี)

เรียลเซคเตอร์ก็ต้องปรับตัวกันนานหน่อย ส่วนเรื่องอุตสาหกรรมบางอย่างมันถึงแก่การสิ้นชีวิตแล้ว ก็จะไปเรียกร้องเอาคืนมา ก็เหมือนเรียกให้คนตายแล้วฟื้น สำคัญคือ คนของเราหน่ะ ถ้าอ่านหนังสือ ปีละ 6 บรรทัดอยู่ละก็ คงหวังอะไรกว่านี้ไม่ได้หรอก

เรื่องการกระตุ้นให้เร่งชำระหนี้ ความจริงเป็นเรื่องที่เข้าท่านะครับ เพียงแต่มันไม่ work เพราะที่ผ่านมาไม่มีคนเอาด้วย
ดังนั้นปัญหาก็คือถ้าจะให้เขาเอาด้วยก็ต้องมีเงื่อนไขอะไรแถมให้เขาสนใจ (ส่วนจะแถมอะไรรัฐบาลก็ต้องเป็นผู้พิจารณา)

เศรษฐกิจของไทยเราก็มีคนทักท้วงมานานแล้วว่าพึ่งพาการส่งออกในสภาพเงินบาทอ่อนมากเกินไป แต่ที่คิดไม่ถึงกัน
ก็คือไม่นึกว่าค่าเงินจะแข็งได้เร็วปุบปับแบบนี้ พออุตสาหกรรมส่งออกล่มขึ้นมาเลยไม่รู้จะให้คนตกงานไปอยู่ที่ตรงไหน
แต่อย่างน้อยกลับบ้านก็ยังพอมีข้าวกินไปพลางๆ  ปัญหาคือจะทำยังไงกันต่อไปยังไม่เห็นมีใครเสนออะไรเลยน่ะครับ

ส่วนเรื่องอ่านหนังสือปีละ 6 บรรทัดเขาไม่นับอ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารนะครับ คนของเรายังไม่แย่ขนาดนั้นหรอก 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 11-08-2007, 07:20 »



บาทแข็งผมเสนอเพิ่มเติมแบบนี้ครับ..

-หามาตรการต่างๆ ที่มีผลทำให้เงินตราต่างประเทศที่ไหลเข้าออกช้าลงโดยเฉลี่ยกว่าประเทศอื่นๆครับสักเล็กน้อยครับ..

-ถือครองเงินสกุลเอเชีย เช่นหยวน และเยนให้มากขึ้น

-ส่งเสริมให้ผู้ส่งออกหันมา ทำตลาดภายในประเทศให้มากขึ้น

-รัฐออกพันธบัตรเป็นทุนประเดิมทำรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ แล้วกู้เงินดอลล่าร์ มาลงทุนระยะยาว เพื่อสร้างงานและการลงทุนทางตรง..

-ปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยเป็นอิสระเพื่อสะท้อนสภาพจริงของตลาด แต่หันมาควบคุมโดยลดช่วงห่างของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้แทน
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: