|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #602 เมื่อ: 19-08-2007, 02:20 » |
|
Do genetic differences disprove that Neandertals and modern humans interbred?by Michael Oard http://www.answersingenesis.org/docs2003/0618neandertal.asp18 June 2003 New research results comparing the mitochondrial DNA (mtDNA) have shown substantial divergence between Neandertals and modern humans, including the Cro-Magnons of ice age Europe.1–3 (Mitochondrial DNA, which is not the same as that carried on the chromosomes (nuclear DNA), is generally inherited unchanged from the mother. Evolutionists believe that the more differences between the mtDNA of two organisms, the longer ago their ancestors branched off from a common ancestor.) The large differences have been taken as evidence that Neandertals were a different ‘species’ from humans. However, even some evolutionary scientists are more cautious in their conclusions of the new mtDNA genetic results. Mark Stoneking, a supporter of the mitochondrial Eve hypothesis (which actually favours the idea of Neandertal non-humanity—see No Bones about Eve), is a bit nervous about the possible DNA contamination that can occur easily.3 Furthermore, the sample size of Neandertals and Cro-Magnons was quite small, and certain modern people groups are over-represented. Therefore, the results may not apply to larger populations. แปลว่า หลักฐานน้อยและตีความโอเวอร์ครับ..  หลักฐานน้อยนะ น้อยเท่าไหร่ และตัวอย่างของ Neandertal ใช้กี่ตัวอย่าง 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #605 เมื่อ: 19-08-2007, 02:36 » |
|
ผมว่าพยายามหาโครงกระดูกหลังยุคน้ำท่วมมาศึกษาก็ไม่เลวครับ มีเยอะดีกว่าหาไม่พบ..  แล้วยุคน้ำท่วมนะกี่ปีครับ ระบุมาสักทีสิครับ ตกลงไม่ทราบหรือครับว่าที่หลักฐานน้อยนะ น้อยเท่าไหร่ และตัวอย่างของ Neandertal ใช้กี่ตัวอย่าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #606 เมื่อ: 19-08-2007, 02:37 » |
|
หากมีถึงสามสิบล้านสปีชี หลายคนคงศึกษาจนตายไม่ก็ตาแฉะไปก่อน..
ไม่ก็เอามือคลำกระดูกก้นกบของตัวเองทุกวัน สลับไปกับการเอามือลูบหินที่เก็บมาเป็นที่ระลึก..
พูดแล้วเหนื่อยแทนนักวิทยาศาสตร์ มันจะต่างอะไรกับนักการเมือง...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #607 เมื่อ: 19-08-2007, 02:43 » |
|
แล้วยุคน้ำท่วมนะกี่ปีครับ ระบุมาสักทีสิครับ ตกลงไม่ทราบหรือครับว่าที่หลักฐานน้อยนะ น้อยเท่าไหร่ และตัวอย่างของ Neandertal ใช้กี่ตัวอย่าง
ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับมนุษย์พันธุ์อืนครับ เชื่อว่าน้ำเคยท่วมใหญ่แน่นอนสักไม่กี่พันปีที่ผ่านมาจากเวลาตอนนี้ ที่เอเวอร์เรส ก็มีหินตะกอนเหมือนกัน
ยังไม่ทราบจำนวนเห็นจีนแก็บไปตรวจ คงยังไม่ได้ข้อสรุปอะไร..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #608 เมื่อ: 19-08-2007, 02:46 » |
|
วันก่อนอ่านความเห็นเกี่ยวกับไดโนเสาร์ของนักวิทยาศาสตร์
เขาว่าสูญพันธุ์เพราะภูเขาไฟครับ และตัวจริง คงจะไม่ได้วิ่งเร็วมากเพราะตัวใหญ่เท้าเล็ก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #609 เมื่อ: 19-08-2007, 02:51 » |
|
หากมีถึงสามสิบล้านสปีชี หลายคนคงศึกษาจนตายไม่ก็ตาแฉะไปก่อน..
ไม่ก็เอามือคลำกระดูกก้นกบของตัวเองทุกวัน สลับไปกับการเอามือลูบหินที่เก็บมาเป็นที่ระลึก..
พูดแล้วเหนื่อยแทนนักวิทยาศาสตร์ มันจะต่างอะไรกับนักการเมือง...
แล้วนักวิทยาศาสตร์ใครเขาจะศึกษาทุกสปีซีส์ล่ะครับ แล้วตกลงอธิบายได้รึยังล่ะครับว่าการเกิดสปีซีส์เกิดได้อย่างไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #610 เมื่อ: 19-08-2007, 02:53 » |
|
ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับมนุษย์พันธุ์อืนครับ เชื่อว่าน้ำเคยท่วมใหญ่แน่นอนสักไม่กี่พันปีที่ผ่านมาจากเวลาตอนนี้ ที่เอเวอร์เรส ก็มีหินตะกอนเหมือนกัน
ยังไม่ทราบจำนวนเห็นจีนแก็บไปตรวจ คงยังไม่ได้ข้อสรุปอะไร..
แล้วตกลงน้ำท่วมตอนไหนล่ะครับ บอกมาสักทีสิครับ บอกแต่ว่าหาโครงกระดูกหลังน้ำท่วมแต่กลับไม่ยอมระบุว่าน้ำท่วมเท่าไหร่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #611 เมื่อ: 19-08-2007, 02:54 » |
|
วันก่อนอ่านความเห็นเกี่ยวกับไดโนเสาร์ของนักวิทยาศาสตร์
เขาว่าสูญพันธุ์เพราะภูเขาไฟครับ และตัวจริง คงจะไม่ได้วิ่งเร็วมากเพราะตัวใหญ่เท้าเล็ก
แล้วภูเขาไฟที่ไหนบ้างครับระบุสิครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #613 เมื่อ: 19-08-2007, 03:03 » |
|
อย่างเปลือกหอยนี่ ตอนนี้คงใช้ กล้องส่องและเอาคอมพิวเตอร์คำนวนความเหมือนของยีน..??โดยการสะกัดด้วยวิธีการต่างๆ
ผมคงเลิกตามแล้ว กลับมาสนใจว่าจะมีอาณาจักรใหม่ๆเกิดขึ้นหรือเปล่า?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #614 เมื่อ: 19-08-2007, 03:07 » |
|
เรื่องบิกแบงค์ก็เห็นว่า ทำท่าจะมีปัญหามากเหมือนกัน.. 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #615 เมื่อ: 19-08-2007, 03:11 » |
|
ด้านกายวิภาค ผมสนใจเกี่ยวกับการฝึกกระดิกหูในคนครับ..
พอทราบหรือเปล่าฝึกอย่างไรจึงจะทำได้ ผมว่าใช้สือสารได้เหมือนกัน..
กล้ามเนื่อสวนที่ควบคุมบริเวณรอบใบหูก็มีอยู่..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #616 เมื่อ: 19-08-2007, 03:26 » |
|
อย่างเปลือกหอยนี่ ตอนนี้คงใช้ กล้องส่องและเอาคอมพิวเตอร์คำนวนความเหมือนของยีน..??โดยการสะกัดด้วยวิธีการต่างๆ
ผมคงเลิกตามแล้ว กลับมาสนใจว่าจะมีอาณาจักรใหม่ๆเกิดขึ้นหรือเปล่า?
ไม่ลองสนใจหน่อยรึครับ ลองหาเรื่องนี้อ่านเล่นดูก็ได้นะครับ   
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #617 เมื่อ: 19-08-2007, 03:27 » |
|
ด้านกายวิภาค ผมสนใจเกี่ยวกับการฝึกกระดิกหูในคนครับ..
พอทราบหรือเปล่าฝึกอย่างไรจึงจะทำได้ ผมว่าใช้สือสารได้เหมือนกัน..
กล้ามเนื่อสวนที่ควบคุมบริเวณรอบใบหูก็มีอยู่..
นี่คุณไม่รู้เรื่องกายวิภาคเลยรึนี่ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #618 เมื่อ: 19-08-2007, 03:36 » |
|
นี่คุณไม่รู้เรื่องกายวิภาคเลยรึนี่  ข้อมูลเขาว่าฝึกได้ แต่ผมยังหาวิธีฝึกอยู่ครับ
เอาไว้บอกต่อก็ดีเหมือนกัน.. 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #619 เมื่อ: 19-08-2007, 03:44 » |
|
การหาความสัมพันธ์ เชื่อมโยง แบบซีเควนส์ มันมีอยู่ในสิ่งมีชิวิต
และเหตุการณ์ที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตครับ..
สิ่งมีชีวิตชั้นสูงอย่างมนุษย์ เป็นผู้กำหนดความเป็นไปของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
อยากได้พันธุ์ปลาดีๆ ควรเลี้ยงอะไรดี ปลาทะเลหรือปลาน้ำจืด..
มันควรเป็นปลาที่ให้สารอาหารได้ดี และไม่มีพยาธิ์
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2007, 04:12 โดย ********Q******** »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #620 เมื่อ: 19-08-2007, 03:46 » |
|
ถ้าเอาปลาทะเลผสมกับปลาน้ำจืด
ควรเอาอะไรมาจับคู่กันดีครับ...??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
eAT
|
 |
« ตอบ #621 เมื่อ: 19-08-2007, 07:22 » |
|
ไปคุ้ยมา มันไม่ค่อยมีรายละเอียดเท่าไหร่ การทดลองเกี่ยวกับ origin of live การสร้าง cell จากสิ่งที่ไม่มีชีวิต Experimental approaches active in Origin of Life research... (continued) 3rd experimental approach) PROTOBIONTS... chemically made artificial cell systems... aggregates of prebiotic molecules macromolecules that acquire a boundary to maintain an interior chemical environment distinct from "primordial soup Sidney W. Fox Univ of Miami (1912 - 1998) - Director of NASA supported Institute for Molecular Evolution at UM. his laboratory conducted analyses of the first moon rock samples... he produced proteinoids from amino acid solutions... dropped on hot lava rock, sand or clay. Experimental Protobionts include coacervates, proteinoid microspheres, and liposomes. - coacervates droplets form from polypeptides, polysaccharides & nucleic acids
tough skin water molecules held by hydrophobicity, possess osmotic capability maybe with enzymatically active interior
 - poteinoids form microspheres or water filled vesicles (1-2um dia), which
are osmotically active with selective permeability have membrane potentials - liposomes form from phopspholipids, which
are microscopic spherical vesicles that form when phospholipids are hydrated can engulf smaller proteinoids making more active ones in 2003 M. Hanczyc, S.Fujikawa, & J.Szostak made liposomes that grow & divide via clays (reproduce?) & if RNA present it was encapsulated [ a plausible route to 1st cells ?]
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #622 เมื่อ: 19-08-2007, 08:24 » |
|
Dinosaur mass grave discovered in Switzerland http://www.reuters.com/article/scienceNews/idUSL0888871120070809Thu Aug 9, 2007 7:36AM EDT Email | Print | Digg | Reprints | Single Page | Recommend (0) [-] Text Featured Broker sponsored link Power. Price. Service. No Compromises.ZURICH (Reuters) - An amateur paleontologist in Switzerland may have unearthed Europe's largest dinosaur mass grave after he dug up the remains of two Plateosaurus. The dinosaurs' bones came to light during house-building in the village of Frick, near the German border. "A hobby paleontologist looked at a construction site for a house and happened to discover the bones," said Monica Ruembeli from the Frick dinosaur museum. The finds show that an area known for Plateosaurus finds for decades may be much larger than originally thought. "It could be that the area extends for 1.5 kilometers (0.9 miles) and in that case, you could certainly say it's the biggest site in Europe," said Martin Sander, a dinosaur paleontologist at the university of Bonn in Germany. The Frick area contained the bones of one animal per 100 square meters, Sander said, so the entire area might contain bones of 100 more Plateosaurus. The peaceful herbivore -- measuring up to 10 meters from head to tail -- roamed river deltas in large herds some 210 million years ago, according to some scientists, when most of Switzerland was covered with desert and its landscape may have looked much like the estuary of the Nile now. There are two other large Plateosaurus sites in Germany, Sander said. It is not known how big they are because one is covered by the town of Halberstadt and the other, near Trossingen, by a forest.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #623 เมื่อ: 19-08-2007, 12:00 » |
|
เรื่องทฤษฎีเปลือกโลก ก็เละพอกับวิธีการคำนวณหาอายุชั้นหินและครับ
เปลือกโลกทั้งเคลื่อน ยุบและยกตัวได้ มันไม่นิ่ง ไม่ต่างอะไรจากน้ำ เพียงแต่ขณะที่เรามอง จะเห็นเหมือนกับว่ามันอยู่นิ่งเท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องภูเขาก็เอาหลักฐานมาให้ดูว่า เวลาห้าวันก็เกิดภูเขาหินตะกอนได้
คุณ Q ว่าเรื่อง Plate Tectonic "เละ" ยังไงหรือครับ เอาแค่เรื่องที่พบ Fossil ชนิดเดียวกัน ในพื้นที่ห่างกันหลายพันกิโลเมตร ก็บ่งชี้แล้วว่าแต่ละทวีปเคยอยู่ติดกันมาก่อนในอดีต และคุณ Q ก็ยอมรับเองว่าเปลือกโลกเคลื่อนที่ได้แต่เคลื่อนช้ามากจนเราสังเกตไม่เห็น ก็ใช่ไงครับถึงต้องใช้เวลาหลายร้อยล้านปี จึงกลายเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน หรือคุณ Q จะบอกว่าตามตัวอย่างทวีป Gondwana ข้างล่างนี้ก็ใช้เวลาแค่ 250,000 ปี (หรือ 5 พันปี) เคลื่อนตัวกลายเป็นตำแหน่งเปลือกทวีปในปัจจุบัน (จากเดิม 200 ล้านปี)
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2007, 13:54 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #624 เมื่อ: 19-08-2007, 12:40 » |
|
เรื่องทฤษฎีเปลือกโลก ก็เละพอกับวิธีการคำนวณหาอายุชั้นหินและครับ
เปลือกโลกทั้งเคลื่อน ยุบและยกตัวได้ มันไม่นิ่ง ไม่ต่างอะไรจากน้ำ เพียงแต่ขณะที่เรามอง จะเห็นเหมือนกับว่ามันอยู่นิ่งเท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องภูเขาก็เอาหลักฐานมาให้ดูว่า เวลาห้าวันก็เกิดภูเขาหินตะกอนได้
 Less dramatic in scale, but directly and awesomely visible, was an eruption of Mt. St. Helens. We have described the first eruption in May of 1980, as the force of water flashing to steam blew the top 1300 feet (400 m) off the north side of the volcano. More to the immediate point was the explosion in June of 1982. The heat generated from that explosion melted frozen mud, producing a mud flow that filled up the North Fork of the Toutle River. The smoke cleared five days later to reveal that the mud flow had been eroded into a zig-zag main channel with many sharply tapered side canyons. Horizontal bands of sediment, some thick, and some exceedingly fine, lined the walls of the newly formed canyon. Right before our eyes, a small volcano (which never even produced a lava flow) had stacked up horizontal bands of sediment, and cut channels through it, forming a 1/40th size scale model of Grand Canyon in just five days! All sorts of features once thought to take millions of years of time were formed, instead, by a lot of water in just five days! And my wife and I got to see it on a dizzying flight down the length of that Little Grand Canyon. (See Austin video,53 Morris,54 and Fig. 35.) http://www.answersingenesis.org/home/area/cfol/ch3-grand-canyon.asp--- ที่คุณ Q ว่า ห้าวันก็เกิดภูเขาหินตะกอนได้ คงหมายถึง คคห.ข้างบน .. คุณ Q เข้าใจผิดนะครับสิ่งที่เกิดขึ้นคือชั้นดินตะกอนเยือกแข็งละลายกลายเป็นโคลนไหลจากที่สูงลงมาท่วมที่ราบหุบเขา แล้วชั้นดินตะกอนที่เกิดใหม่ถูกทางน้ำกัดเซาะลึกลงไปภายใน 5 วัน ทั้งหมดเกิดขึ้นเนื่องจากการ การระเบิดของภูเขาไฟ St. Helens เมื่อปี 1982 หลังจากเคยมีปฏิกิริยามาก่อนเมื่อปี 1980 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ "ชั้นดินตะกอน" ไม่ใช่ "ชั้นหิน" คนละเรื่องเลย อีกกี่ล้านปีจะเป็นหินก็ไม่รู้
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2007, 13:14 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #625 เมื่อ: 19-08-2007, 13:12 » |
|
ภาพถ่ายแถวๆ นั้นของ USGS เมื่อต้นเดือนตุลาคม 1983 ประมาณปีกว่าๆ หลัง ภูเขาไฟ St. Helens ระเบิด  ภาพถ่ายอีกมุมนึงแถวๆ นั้นของ USGS เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 1983 ถัดมาจากภาพก่อนเกือบๆ 2 เดือน จะเห็นว่าเริ่มมีต้นไม้เล็กๆ ขึ้นมาปกคลุมผิวดินตะกอนบางส่วน  --- ขอตั้งข้อสังเกตข้อความที่ว่า ชั้นดินตะกอนถูกกัดเซาะมีขนาด 1/40th size scale model of Grand Canyon นั้น หมายถึง "ความสูง" ของชั้นดินตะกอน ไม่ใช่ "ปริมาตร" นะครับ เพราะถ้านับปริมาตรจริงๆ คงไม่กี่ลูกบากศ์กิโลเมตร คลุมพื้นที่ไม่กี่ตารางกิโลเมตร การเทียบว่าเป็น 1 ใน 40 ของ Grand Canyon จึงเทียบแบบจงใจเลือกการนำเสนอ ให้เห็นว่ามีขนาดใหญ่โต แต่จริงๆ ไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไร เทียบกับชั้นทราย Coconino แค่ชั้นเดียวก็มีปริมาณ "อย่างน้อย" 41,700 ลูกบากศ์กิโลเมตร โดยครอบคลุมพื้นที่ กว้างกว่าประเทศไทย ไม่ต้องนับว่าเรื่องที่ North Fork แม่น้ำ Toutle River เป็นแค่ดินตะกอน เทียบเรื่องปริมาตร อย่างเดียวก็เทียบไม่ได้กับชั้นหินเพียงชั้นเดียวของ Grand Canyon แล้วครับ
ส่วนความสูงที่เอามาเทียบก็ประมาณตึกสิบกว่าชั้นนิดหน่อย เทียบกับหุบเขา Grand Canyon ที่ลึก 1600 เมตร เท่ากับกว่า 5 เท่าของตึกใบหยก 2 ที่สูง 80 ชั้นนะครับ ขนาดความสูงก็เทียบกันไม่ได้ครับ ... สรุปว่าแพ้ราบคาบและขอย้ำว่าที่เห็นน่ะเป็น "ชั้นดินตะกอน" ไม่ใช่เป็น "ชั้นหิน" นะครับอย่างเอามาสับสนปนกัน--- อันนี้ภาพถ่ายอีกมุมนึงแถวนั้นเหมือนกัน เมื่อเร็วๆ นี้ประมาณกลางปี 2005 ครับ ดินตะกอนดังกล่าวปัจจุบันกลายเป็น ตลิ่งของทางน้ำ อยู่ในที่ราบหุบเขาเห็นได้ชัดเจน เทียบกับขนาดภูเขาก็จะเห้นได้ว่ามีปริมาณนิดเดียว 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2007, 13:18 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #626 เมื่อ: 19-08-2007, 13:31 » |
|
เผื่อมีคนสงสัยว่า สภาพพื้นที่บริเวณรอบๆภูเขาไฟ St.Helens เป็นอย่างไร ก็เลยเอาแผนที่มาให้ดูนะครับ มีสเกลระยะทางเป็นกิโลเมตรให้เทียบด้วย หุบเขาของแม่น้ำ Toutle ที่ว่ามีดินตะกอนมาสะสม อยู่ทางมุมซ้ายบนแผนที่ (N. Fk. Toutle) โดยที่ปล่องภูเขาไฟ St.Helens ทลายลงทางด้านบนนะครับ  ส่วนภาพภูเขาไฟ St.Helens นี้บันทึกเมื่อช่วงต้นปี 1982 ระหว่างที่มีการระเบิด โดยมุมกล้องหันเขาหาปากปล่องภูเขาไฟที่ทลาย จะเห็นตะกอนไหลเป็น 2 ทาง โดยทางขวามือคือแนวตะกอนที่ไหลไปลงหุบเขา Toutle River ครับ  แถมอีกภาพครับ จากกระสวยอวกาศโคลัมเบีย จะเห็นแนวหุบเขา Toutle River อยู่ค่อนไปทางมุมขวาบนนะครับ .. เป็นร่องน้ำ(เล็กๆ) กลางหุบเขา  
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2007, 13:52 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #627 เมื่อ: 19-08-2007, 13:43 » |
|
นอกจากนี้ คุณ eAT ก็เอาข้อมูลการทดลองของ Sidney W. Fox เกี่ยวกันการกำเนิดสิ่งมีชีวิต จากสิ่งไม่มีชีวิตมาให้ดูแล้วนะครับ
ที่เห็นคือนักวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ผลิตได้แค่กรดอมิโน แต่ยังพบว่า มีการฟอร์มตัวเป็นรูปแบบคล้ายเซลล์สิ่งมีชีวิตอีกด้วย
ซึ่งถ้ามีเวลานานพอ(หลายๆ ล้านปี) มันก็เป็นไปได้ว่าจะเกิด วิวัฒนาการไปเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่ซับซ้อน และกลายเป็น สิ่งมีชีวิตหลายเซล(ในอีกหลายๆ ล้านปีต่อมา)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #628 เมื่อ: 19-08-2007, 14:44 » |
|
นอกจากนี้ คุณ eAT ก็เอาข้อมูลการทดลองของ Sidney W. Fox เกี่ยวกันการกำเนิดสิ่งมีชีวิต จากสิ่งไม่มีชีวิตมาให้ดูแล้วนะครับ
ที่เห็นคือนักวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ผลิตได้แค่กรดอมิโน แต่ยังพบว่า มีการฟอร์มตัวเป็นรูปแบบคล้ายเซลล์สิ่งมีชีวิตอีกด้วย
ซึ่งถ้ามีเวลานานพอ(หลายๆ ล้านปี) มันก็เป็นไปได้ว่าจะเกิด วิวัฒนาการไปเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่ซับซ้อน และกลายเป็น สิ่งมีชีวิตหลายเซล(ในอีกหลายๆ ล้านปีต่อมา)
วัดอายุโลกได้แน่นอนแล้วเหรอครับ..
มันคล้ายกับความฝันนะครับ ขนาดตั้งใจยังทำไม่ได้
เรื่องบังเอิญแบบที่คิดอย่าสอนเด็กเลยครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #629 เมื่อ: 19-08-2007, 14:53 » |
|
 Less dramatic in scale, but directly and awesomely visible, was an eruption of Mt. St. Helens. We have described the first eruption in May of 1980, as the force of water flashing to steam blew the top 1300 feet (400 m) off the north side of the volcano. More to the immediate point was the explosion in June of 1982. The heat generated from that explosion melted frozen mud, producing a mud flow that filled up the North Fork of the Toutle River. The smoke cleared five days later to reveal that the mud flow had been eroded into a zig-zag main channel with many sharply tapered side canyons. Horizontal bands of sediment, some thick, and some exceedingly fine, lined the walls of the newly formed canyon. Right before our eyes, a small volcano (which never even produced a lava flow) had stacked up horizontal bands of sediment, and cut channels through it, forming a 1/40th size scale model of Grand Canyon in just five days! All sorts of features once thought to take millions of years of time were formed, instead, by a lot of water in just five days! And my wife and I got to see it on a dizzying flight down the length of that Little Grand Canyon. (See Austin video,53 Morris,54 and Fig. 35.) http://www.answersingenesis.org/home/area/cfol/ch3-grand-canyon.asp--- ที่คุณ Q ว่า ห้าวันก็เกิดภูเขาหินตะกอนได้ คงหมายถึง คคห.ข้างบน .. คุณ Q เข้าใจผิดนะครับสิ่งที่เกิดขึ้นคือชั้นดินตะกอนเยือกแข็งละลายกลายเป็นโคลนไหลจากที่สูงลงมาท่วมที่ราบหุบเขา แล้วชั้นดินตะกอนที่เกิดใหม่ถูกทางน้ำกัดเซาะลึกลงไปภายใน 5 วัน ทั้งหมดเกิดขึ้นเนื่องจากการ การระเบิดของภูเขาไฟ St. Helens เมื่อปี 1982 หลังจากเคยมีปฏิกิริยามาก่อนเมื่อปี 1980 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ "ชั้นดินตะกอน" ไม่ใช่ "ชั้นหิน" คนละเรื่องเลย อีกกี่ล้านปีจะเป็นหินก็ไม่รู้ ครับเป็นผลิตผลของภูเขาไฟครับ ไม่ได้มาจากทะเลหรือน้ำบนดินโดยตรง
ดังนั้นสภาพทางธรณีวิทยาบริเวณนั้นจีงซับซ้อนครับ..มีชั้นหินที่ทับกันเป็นชั้น
อายุต่างกันตามความคิดเดิม.. ก็เห็นกันอยู่ตรงหน้าครับว่าหินละลายน้ำได้
มีโครงสร้างเหมือนฟองน้ำคือมีรูพรุนในเนื้อหินหลายชนิด สถานะเป็นก๊าซก็ได้ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #630 เมื่อ: 19-08-2007, 15:01 » |
|
ลองมาดูความเป็นไปได้ของรูปแบบซีวิตที่มีดีเอ็นเอจะเกิดจากสารอินทรีย์ครับThe Single Law of Chance http://creationsafaris.com/epoi_c10.htmÉmile Borel, a distinguished French expert on probability, stated what he called the single law of chance, or merely the law of chance, in these words: Events whose probability is extremely small never occur29 He calculated that probabilities smaller than 1/1015 were negligible on the terrestrial scale, and, he said: -------------------------------------------------------------------------------- Could Chance Arrange the Code for One Gene? 167 We may be led to set at 10-50 the value of negligible probabilities on the cosmic scale. When the probability of an event is below this limit, the opposite event may be expected to occur with certainty, whatever the number of occasions presenting themselves in the entire universe.30 By opposite event, he means no event, or failure to occur. Under the single law of chance, therefore, even a single gene would never be arranged in any usable order in the entire universe, if we apply this statement by the eminent mathematician. One need only to compare the probability of one gene (10-236) with Borels 10-50 which he said is the limit of meaningful probabilities on the cosmic scale. What would he say to the figure we got for the minimum set for smallest life, namely, a probability of 10-57800? The amebas journeys have made it clear that our minds cannot grasp such an extremely small probability as that involved in the accidental arranging of even one gene (10-236). By the single law of chance, it will never occur.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #631 เมื่อ: 19-08-2007, 15:05 » |
|
วัดอายุโลกได้แน่นอนแล้วเหรอครับ..
มันคล้ายกับความฝันนะครับ ขนาดตั้งใจยังทำไม่ได้
เรื่องบังเอิญแบบที่คิดอย่าสอนเด็กเลยครับ  ไม่มีทฤษฎีอะไรคัดค้านได้เลยนะครับ ว่าการรวมกันของโมเลกุลสารอินทรีย์ อย่างที่ตรวจพบในการทดลอง จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวจริงๆ ไม่ได้ มันอยู่ที่ "เวลา" ว่าจะเกิดได้เมื่อไหร่เท่านั้นเอง การมี RNA หรือ DNA ไปอยู่ในโครงสร้างโมเลกุลทรงกลม อาจเกิดในทันที อย่างรวดเร็วมากเลยก็ได้ หรืออาจใช้เวลายาวนานหลายล้านปีก็ได้ ในขณะที่การเกิด "ชั้นหิน" มันทำไม่ได้อย่างรวดเร็วในทันทีนะครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2007, 15:07 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #632 เมื่อ: 19-08-2007, 15:12 » |
|
ครับเป็นผลิตผลของภูเขาไฟครับ ไม่ได้มาจากทะเลหรือน้ำบนดินโดยตรง
ดังนั้นสภาพทางธรณีวิทยาบริเวณนั้นจีงซับซ้อนครับ..มีชั้นหินที่ทับกันเป็นชั้น
อายุต่างกันตามความคิดเดิม.. ก็เห็นกันอยู่ตรงหน้าครับว่าหินละลายน้ำได้
มีโครงสร้างเหมือนฟองน้ำคือมีรูพรุนในเนื้อหินหลายชนิด สถานะเป็นก๊าซก็ได้ด้วย
คุณ Q พยายามอธิบายเรื่องอะไรครับ? ที่ผมอธิบายมาทั้งหมดคือต้องการชี้ว่าตัวอย่างที่ยกมาเป็นการเกิด "ชั้นดิน" ไม่ใช่ "ชั้นหิน"ยกเอามาอ้างเป็นตัวอย่างว่ามีชั้นหินเกิดขึ้นภายใน 5 วันไม่ได้ครับ เรื่องหินละลายน้ำได้ มีรูพรุน หรือเป็นก๊าซ ไปพูดถึงทำไมครับไม่เกี่ยวกันเลย? 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2007, 15:29 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #633 เมื่อ: 19-08-2007, 15:17 » |
|
และอีกประเด็นที่ผมต้องการชี้ก็คือปริมาณของตะกอนตามตัวอย่าง มีเพียงนิดเดียว ถ้าจะเอามาเทียบกับ Grand Canyon นะครับ
หาที่ขนาดมันใหญ่โต พอสมน้ำสมเนื้อกันมาให้ดูหน่อยสิครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #634 เมื่อ: 19-08-2007, 15:55 » |
|
อ้นนี้น่าเชื่อกว่า แนวคิดของดาร์วินCreative Evolution: An Anti-Darwin Theory Won a Nobel http://www.icr.org/article/98/by Jerry Bergman, Ph.D* Abstract An anti-Darwinian theory of biological origins that was well received and widely accepted for years was creative evolution. This theory attempted to deal with some of the major problems of Darwin's theory, especially the origin of biological information. Developed by Henri Bergson, the level of the theory's acceptance is indicated by the fact that the author was awarded the Nobel Prize for his work in this area. It is the only Nobel ever awarded for an anti-Darwinian theory of biological origins.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #635 เมื่อ: 19-08-2007, 16:00 » |
|
ครับเป็นผลิตผลของภูเขาไฟครับ ไม่ได้มาจากทะเลหรือน้ำบนดินโดยตรง
ดังนั้นสภาพทางธรณีวิทยาบริเวณนั้นจีงซับซ้อนครับ..มีชั้นหินที่ทับกันเป็นชั้นๆ
อายุต่างกันตามความคิดเดิม.. ก็เห็นกันอยู่ตรงหน้าครับว่าหินละลายน้ำได้
มีโครงสร้างเหมือนฟองน้ำคือมีรูพรุนในเนื้อหินหลายชนิด สถานะเป็นก๊าซก็ได้ด้วย
คุณ Q พยายามอธิบายเรื่องอะไรครับ? ที่ผมอธิบายมาทั้งหมดคือต้องการชี้ว่าตัวอย่างที่ยกมาเป็นการเกิด "ชั้นดิน" ไม่ใช่ "ชั้นหิน"ยกเอามาอ้างเป็นตัวอย่างว่ามีชั้นหินเกิดขึ้นภายใน 5 วันไม่ได้ครับ เรื่องหินละลายน้ำได้ มีรูพรุน หรือเป็นก๊าซ ไปพูดถึงทำไมครับไม่เกี่ยวกันเลย?  บอกไปแล้วในความเห็นก่อนๆครับ ว่ามีปรากฎการณ์เกิดขึ้นพร้อมกันหลายอย่างในช่วงเวลาไม่ถึงหมืนปีครับ
ไม่ใช่เป็นล้านปี ตามสมมุติฐานของคุณจีรศักดิ์ ซึ่งแม้แต่การคำนวณอายุโลก ผมยังไม่ทราบเลยว่า
ยึดถือและใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการคำนวณและยกมาอ้างครับ คุณจีรศักดิ์ ได้อ่านส่วนที่ว่าชั้นหินข้ามยุคเกิดขึ้นได้อย่างไรทับซ้อนกันเป็นชั้นหรือเปล่าครับ??
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2007, 16:05 โดย ********Q******** »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
 |
« ตอบ #636 เมื่อ: 19-08-2007, 16:05 » |
|
ด้วยความเคารพในภูมิความรู้ของทุกท่าน แต่ดั่งกับคุยกันอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ หรือไม่ก็อยู่คนละลำเรือ และล่องขนานกันไปเรื่อย ๆๆๆๆ ไม่บรรจบกันซักที  ขอให้สนุกสนานในการถกประเด็นปัญหาต่อไปนะคะ จะเอาใจช่วยค่ะ (อ่านแต่ความเห็นของทุกท่านทั้งหมด ส่วนทีนำมาแปะ ขออนุญาตมองข้ามไป อาจจะดูรูปและไฮไลต์ประกอบนิดหน่อยเพราะตาลายยย  ) 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #637 เมื่อ: 19-08-2007, 16:13 » |
|
ไม่มีทฤษฎีอะไรคัดค้านได้เลยนะครับ ว่าการรวมกันของโมเลกุลสารอินทรีย์ อย่างที่ตรวจพบในการทดลอง จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวจริงๆ ไม่ได้ มันอยู่ที่ "เวลา" ว่าจะเกิดได้เมื่อไหร่เท่านั้นเอง
การมี RNA หรือ DNA ไปอยู่ในโครงสร้างโมเลกุลทรงกลม อาจเกิดในทันที อย่างรวดเร็วมากเลยก็ได้ หรืออาจใช้เวลายาวนานหลายล้านปีก็ได้
ในขณะที่การเกิด "ชั้นหิน" มันทำไม่ได้อย่างรวดเร็วในทันทีนะครับ
สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็มีเพียงความน่าจะเป็นก็คัดค้านได้แล้วละครับ..ตามตัวอย่างการคำนวณที่ผมยกมาในความเห็นก่อนหน้านี้
ที่สำคัญมันไม่เคยพิสูจน์ว่าเกิดขึ้นได้จริงครับ..จึงนับเป็นเพียงสมมุติฐาน แปลความไปเชื่อมต่อว่าเป็นจุดกำเนิดของชีวิตไม่ได้ ด้วยระยะเวลานานแค่ไหนก้ตาม
โดยบังเอิญ เพราะแม้ตั้งใจทำยังไม่สามมารถทำได้ เซลล์แบคทีเรียที่ตายแล้วยังไม่สามารถทำให้กลับมีชีวิตได้เลย The Single Law of Chance http://creationsafaris.com/epoi_c10.htmÉmile Borel, a distinguished French expert on probability, stated what he called the single law of chance, or merely the law of chance, in these words: Events whose probability is extremely small never occur29 He calculated that probabilities smaller than 1/1015 were negligible on the terrestrial scale, and, he said: -------------------------------------------------------------------------------- Could Chance Arrange the Code for One Gene?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #638 เมื่อ: 19-08-2007, 16:25 » |
|
คุณ Q ว่าเรื่อง Plate Tectonic "เละ" ยังไงหรือครับ เอาแค่เรื่องที่พบ Fossil ชนิดเดียวกัน ในพื้นที่ห่างกันหลายพันกิโลเมตร ก็บ่งชี้แล้วว่าแต่ละทวีปเคยอยู่ติดกันมาก่อนในอดีต และคุณ Q ก็ยอมรับเองว่าเปลือกโลกเคลื่อนที่ได้แต่เคลื่อนช้ามากจนเราสังเกตไม่เห็น ก็ใช่ไงครับถึงต้องใช้เวลาหลายร้อยล้านปี จึงกลายเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน หรือคุณ Q จะบอกว่าตามตัวอย่างทวีป Gondwana ข้างล่างนี้ก็ใช้เวลาแค่ 250,000 ปี (หรือ 5 พันปี) เคลื่อนตัวกลายเป็นตำแหน่งเปลือกทวีปในปัจจุบัน (จากเดิม 200 ล้านปี) ผมไม่คิดจะข้ามประเด็นไปเชื่อมโยงเรื่องอายุไลก เพราะเรื่องเปลือกโลกนักธรณีวิทยาเองก็ยังเถียงกันไม่จบ
สัตว์ที่ว่าพบ มันก็พบได้ทั่วไป ในทุกเขตของโลก อย่างมนุษย์ พบได้ทุกทวีปเลยครับ ไม่ได้เกี่ยวกับเปลือกโลกเคลือนตัว คืออพยพหรือเดินทางได้
สัตว์ต่างๆก็คงเช่นเดียวกัน นกบินอพยพได้หลายพันไมล์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #639 เมื่อ: 19-08-2007, 16:41 » |
|
ผมไม่คิดจะข้ามประเด็นไปเชื่อมโยงเรื่องอายุไลก เพราะเรื่องเปลือกโลกนักธรณีวิทยาเองก็ยังเถียงกันไม่จบ
สัตว์ที่ว่าพบ มันก็พบได้ทั่วไป ในทุกเขตของโลก อย่างมนุษย์ พบได้ทุกทวีปเลยครับ ไม่ได้เกี่ยวกับเปลือกโลกเคลือนตัว คืออพยพหรือเดินทางได้
สัตว์ต่างๆก็คงเช่นเดียวกัน นกบินอพยพได้หลายพันไมล์
งั้นลองบอกหน่อยสิว่าสัตว์ที่ถูกจำกัดการแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์ด้วยอุณหภูมิหรือน้ำทะเล ทำไมถึงแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ได้ ทั้งเอเชีย ออสเตรเลีย อเมริกา ซึ่งถ้าจะข้ามต้องผ่านน้ำทะเลหรือผ่านในที่ ๆ มีอุณหภูมิเย็นจัด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #640 เมื่อ: 19-08-2007, 16:53 » |
|
ด้วยความเคารพในภูมิความรู้ของทุกท่าน แต่ดั่งกับคุยกันอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ หรือไม่ก็อยู่คนละลำเรือ และล่องขนานกันไปเรื่อย ๆๆๆๆ ไม่บรรจบกันซักที  ขอให้สนุกสนานในการถกประเด็นปัญหาต่อไปนะคะ จะเอาใจช่วยค่ะ (อ่านแต่ความเห็นของทุกท่านทั้งหมด ส่วนทีนำมาแปะ ขออนุญาตมองข้ามไป อาจจะดูรูปและไฮไลต์ประกอบนิดหน่อยเพราะตาลายยย  )  ครับคุณเม่ย..  จะพยายามจัดหารูปสวยๆ มาลงประกอบให้ดูนะครับ ส่วนเรื่องข้อความถ้าตาลายก็มองข้ามๆ ไปแล้วกัน 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #641 เมื่อ: 19-08-2007, 17:00 » |
|
งั้นลองบอกหน่อยสิว่าสัตว์ที่ถูกจำกัดการแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์ด้วยอุณหภูมิหรือน้ำทะเล ทำไมถึงแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ได้ ทั้งเอเชีย ออสเตรเลีย อเมริกา ซึ่งถ้าจะข้ามต้องผ่านน้ำทะเลหรือผ่านในที่ ๆ มีอุณหภูมิเย็นจัด
คุณยกตัวอย่างมาดีกว่า ถ้าคิดว่าสนับสนุนความคิดคุณนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #643 เมื่อ: 19-08-2007, 17:08 » |
|
ตัวอย่างข้อมูลความคิดทางธรณีวิทยา ที่เชื่อมโยงกับระยะเวลาที่รวดเร็วโดยตรง Recent Rapid Uplift of Today's Mountains http://www.icr.org/article/98/ by John Baumgardner, Ph.D.During the rapid subduction, the overlying continental surface tends to be depressed, even below sea level, due to the powerful dynamical forces produced by the sinking ocean slab below, despite the buoyancy of the thick layer of continental crust above. But when the process of rapid subduction shuts down, these dynamical forces disappear, and the buoyancy forces take over to elevate the zone of thickened crust toward a state of isostatic balance. The uplift of high mountains at the close of this episode of rapid subduction is therefore a logical after effect of this runaway process. Within the Flood framework, the timing of the uplift, unfolding in the centuries following the cataclysm, is just what one should expect based on simple mechanics considerations. On the other hand, no mechanical response in terms of uplift during tens of millions of years of tectonic forcing followed by a sudden pulse of uplift poses a serious problem for the uniformitarian framework. Yet an equally bewildering difficulty for a uniformitarian is the widespread presence of what are known as planation surfaces that pre-date this global pulse of mountain building. Ollier and Pain document dozens of examples where regions that were later uplifted to form mountain ranges were first beveled to nearly flat surfaces by intense erosion just prior to uplift. These authors puzzle how the tectonic forces could have ceased operating long enough for erosion to have abraded away hundreds to thousands of feet of rock to form flat topography and then be unleashed again to uplift rapidly the entire region by many thousands of feet. The Flood framework provides the obvious answer. The beveling flat of such broad expanses of terrain was the logical consequence of the runoff from the Flood. And it would have occurred just prior to when the uplift took place. Whitcomb and Morris, 45 years ago in their classic book, The Genesis Flood, pointed out the remarkable timing of the uplift of the present mountains as being after the Flood. They write, "It is extremely interesting . . . to note that most of the present mountain ranges of the world are believed to have been uplifted (on the basis of fossil evidence) during the Pleistocene or late Pliocene."4 They then quote a paper that provides documentation from North America, Europe, Asia, South America, and Africa. Surely it is time for evolutionists as well as creationists to give attention to this evidence that so strongly supports a recent global Flood.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #644 เมื่อ: 19-08-2007, 17:24 » |
|
คุณยกตัวอย่างมาดีกว่า ถ้าคิดว่าสนับสนุนความคิดคุณนะ
พวกสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกไงครับ หรือสัตว์เลื้อยคลานที่เป็นสัตว์บก สัตว์พวกนี้แพร่กระจายผ่านน้ำทะเลหรือผ่านเขตอาร์กติกไปได้อย่างไรครับ เช่น ปาดในสกุล Hyla ที่พบทั้งในเขตโลกเก่าและเขตโลกใหม่ มันแพร่กระจายได้อย่างไรครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #645 เมื่อ: 19-08-2007, 17:43 » |
|
พวกสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกไงครับ หรือสัตว์เลื้อยคลานที่เป็นสัตว์บก สัตว์พวกนี้แพร่กระจายผ่านน้ำทะเลหรือผ่านเขตอาร์กติกไปได้อย่างไรครับ เช่น ปาดในสกุล Hyla ที่พบทั้งในเขตโลกเก่าและเขตโลกใหม่ มันแพร่กระจายได้อย่างไรครับ
คือปัญหาคือ กรอบความคิดคุณถูกจำกัดด้วยระยะเวลาเป็นล้านปี ถูกไม๊?
ผมก็โต้แย้งว่าทราบได้อย่างไร? ในเมื่อวิธีการคำนวณยังไม่ชัดเจน ว่าโลกอายุเท่าไร?
แต่ละทวีปอายุมากกว่ากันจากสมุติฐานอะไร?
ในเมื่อสภาพแวดล้อมมันอยู่ได้ มันก็มีอยู่ ทราบได้อย่างไรว่าประเภทใดอพยพ..?จากที่ใดไปที่ใดบ้าง?
นกผมเชื่อแน่ว่าบินไปได้ ปลาและสัตว์ทะเลก็ว่ายน้ำไปได้..
มนุษย์ก็เป็นพาหะที่ดีมาก ทุกวันนี้มีการซื้อขายสัตว์ทุกชนิด...?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #646 เมื่อ: 19-08-2007, 18:08 » |
|
เหมือนกับที่ผมพยายามถามครับว่า ทราบได้อย่างไรว่าสัตว์แต่ละชนิดเกิดขึ้นมาในโลกได้อย่างไร?
ท่านที่เชื่อการวิวัฒน์ก็จะหนีไม่พ้น กรอบความคิดที่ชี้นำผลการวิจัยหรือคิดไว้แล้ว ว่าพัฒนาตามกันมาเป็นลำดับ..
ขณะที่พยายามหาความเชื่อมโยงจริงๆ ก็ขาดจุดสำคัญที่ผมท้าทายไว้แล้ว..
ว่าไม่พบว่ามีสิ่งมีชีวิตเกิดจากสิ่งไม่มีชีวิตแม้แต่ครั้งเดียว ในหลายพันปีที่มนุษย์ปัจจุบันเริ่มศึกษาสิ่งต่างๆ
ไม่พบบรรพบุรุษทีเชื่อมโยงมนุษย์ปัจจุบันกับบรรพบุรุษของลิง หรือจะเป็นลิงเองก็ตาม..
ทำไมบรรพบุรุษใกล้ชิดที่สุดของมนุษย์สูญพันธุ์ไปได้อย่างรวดเร็ว และพบตัวอย่างซากหรือฟอลซิลน้อยมาก?
ระยะเวลาต้องมีเครื่องชี้วัดที่แม่นยำครับ เพราะแม้แต่หินต่างๆก็เอนเอียงไปตามสมุมุติฐานทั้งสิ้น
ชั้นน้ำแข็งของคุณจีรศักดิ์ที่ว่าเป็นแสนปีผม ก็ยังไม่เห็นวิธีคำนวณอายุเลย?
คงใช้สมมุติฐานมาคำนวณอายุจริงไม่ได้หรอกครับ
ต้องเก็บตัวอย่าง และมีวิธีการที่เป็นกลาง
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2007, 18:12 โดย ********Q******** »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #648 เมื่อ: 19-08-2007, 18:59 » |
|
ผมไม่คิดจะข้ามประเด็นไปเชื่อมโยงเรื่องอายุไลก เพราะเรื่องเปลือกโลกนักธรณีวิทยาเองก็ยังเถียงกันไม่จบ
สัตว์ที่ว่าพบ มันก็พบได้ทั่วไป ในทุกเขตของโลก อย่างมนุษย์ พบได้ทุกทวีปเลยครับ ไม่ได้เกี่ยวกับเปลือกโลกเคลือนตัว คืออพยพหรือเดินทางได้
สัตว์ต่างๆก็คงเช่นเดียวกัน นกบินอพยพได้หลายพันไมล์
คุณ Q ยกตัวอย่างเรื่องการอพยพของคน กับการอพยพของนก .. จะคุยตลกกันหรือครับ คนต่อเรือได้ ส่วนนกก็มีปีกครับ นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเจอ Fossil คนหรือนก สายพันธุ์เดียวกันในต่างทวีป ตัวอย่าง Fossil ที่ยกมาเป็นสัตว์บกไม่มีปีก และไม่ใช่คนครับ ในเมื่อคุณ Q ก็ยอมรับว่าเปลือกทวีปเคลื่อนที่ได้ ทำไมไม่ยอมรับว่าแต่ละทวีปเคยติดกัน หรือเพราะมันจะไปขัดกับทฤษฎีโลกอายุน้อย จะเชื่อเพียงว่าทวีปเคลื่อนที่ได้ แต่ไม่เชื่อว่า ในอดีตทวีปเคยอยู่ติดกัน แบบนี้ก็ "เลือกเชื่อ" เฉพาะที่ไม่ขัดกับเรื่องโลกอายุน้อยสิครับ ถ้าจะเปรียบเทียบจากที่คุณ Q บอกว่าสัตว์ต่างๆ ก็พบได้ทั่วไป ในทุกเขตทั่วโลกนะครับ ถามว่าทำไมเราไม่พบหมีโคอะล่าที่อเมริกา ทำไมเราไม่พบกระทิงไบซันที่ออสเตรเลีย ทำไมเราไม่พบยีราฟที่ประเทศไทย (อย่าบอกว่ามีที่สวนสัตว์นะครับ จะตลกไปกันใหญ่)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #649 เมื่อ: 19-08-2007, 19:08 » |
|
คุณ Q ยกตัวอย่างเรื่องการอพยพของคน กับการอพยพของนก .. จะคุยตลกกันหรือครับ
คนต่อเรือได้ ส่วนนกก็มีปีกครับ นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเจอ Fossil คนหรือนก สายพันธุ์เดียวกันในต่างทวีป ตัวอย่าง Fossil ที่ยกมาเป็นสัตว์บกไม่มีปีก และไม่ใช่คนครับ
ในเมื่อคุณ Q ก็ยอมรับว่าเปลือกทวีปเคลื่อนที่ได้ ทำไมไม่ยอมรับว่าแต่ละทวีปเคยติดกัน หรือเพราะมันจะไปขัดกับทฤษฎีโลกอายุน้อย จะเชื่อเพียงว่าทวีปเคลื่อนที่ได้ แต่ไม่เชื่อว่า ในอดีตทวีปเคยอยู่ติดกัน แบบนี้ก็ "เลือกเชื่อ" เฉพาะที่ไม่ขัดกับเรื่องโลกอายุน้อยสิครับ
ถ้าจะเปรียบเทียบจากที่คุณ Q บอกว่าสัตว์ต่างๆ ก็พบได้ทั่วไป ในทุกเขตทั่วโลกนะครับ ถามว่าทำไมเราไม่พบหมีโคอะล่าที่อเมริกา ทำไมเราไม่พบกระทิงไบซันที่ออสเตรเลีย ทำไมเราไม่พบยีราฟที่ประเทศไทย (อย่าบอกว่ามีที่สวนสัตว์นะครับ จะตลกไปกันใหญ่)
ยกตัวอย่างนะครับ..http://midnightuniv.org/midnight2544/0009999735.htmlสัตว์ที่นำมาเลี้ยงให้เชื่องได้ เรามาลองหาเหตุผลย้อนไปอีกขั้นหนึ่งที่ว่า ทำไม Eurasia จึงมีพันธุ์สัตว์ป่าที่คนนำมาเลี้ยงให้เชื่องเป็น "สัตว์เลี้ยง" มากกว่าในทวีปอเมริกา? การที่อเมริกามีสัตว์ป่าเฉพาะถิ่นกว่าหนึ่งพันชนิด น่าจะทำให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงชั้นเลิศมิใช่หรือ? แต่ในความเป็นจริง โลกนี้มีสัตว์ป่าที่เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงไม่กี่ชนิด ที่คนนำมาเลี้ยงให้เชื่องได้ ทั้งนี้เพราะการเลี้ยงสัตว์ให้เชื่องมีเงื่อนไขมากมาย: สัตว์ชนิดนั้นต้องกินอาหารประเภทที่มนุษย์สามารถหาให้ได้, มีอัตราการเติบโตสูง, ยอมผสมพันธุ์ในที่กักขัง, มีนิสัยว่านอนสอนง่าย, มีโครงสร้างสังคมที่ยอมตกอยู่ใต้อาณัติของสัตว์อื่นที่มีอำนาจเหนือกว่า, และมีแนวโน้มต่ำที่จะแตกตื่นเมื่อถูกล้อมกรอบ หลายพันปีมาแล้ว สัตว์ป่าที่เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดที่เลี้ยงได้ ที่มีคุณสมบัติตรงกับเงื่อนไขที่ยกมา ได้ถูกมนุษย์ทำให้เชื่องเป็นสัตว์เลี้ยงไปหมด ผลก็คือไม่มีสัตว์ป่าพันธุ์อื่นอีกแล้วที่มนุษย์นำมาเลี้ยงหลังจากนั้น แม้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่จะพยายามเพียงใดก็ตาม ทวีป Eurasia มีพันธุ์สัตว์ป่าที่มนุษย์นำมาเลี้ยง ในจำนวนมากกว่าทวีปอื่นๆ ส่วนหนึ่งเพราะมันเป็นพื้นแผ่นดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีพันธุ์สัตว์ป่ามากที่สุดตั้งแต่แรก ความแตกต่างระหว่าง Eurasia และทวีปอื่นๆ ในแง่นี้ขยายห่างมากกว่าเดิมเมื่อ 13,000 ปีก่อน ณ จุดจบของยุคน้ำแข็งยุคสุดท้าย (the last Ice Age) ที่นำมาซึ่งการสูญพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่แทบทั้งหมด ซึ่งอาจเกิดจากการถูกล่าโดยอินเดียนแดงเผ่าแรกๆ ผลที่ตามมาคือ ชาวอินเดียนแดงเผชิญกับภาวะที่จำนวนสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ มีจำนวนน้อยกว่าในทวีป Eurasia มาก คือเหลือเพียงตัวลามะ (llama) และอัลปาก้า (alpaca คือสัตว์ขนปุยคล้ายแกะ) ที่นำมาเลี้ยงได้เท่านั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|