เคยอยากเป็นลีกวนยิว...แต่ตอนนี้เปรียบเป็นคลินตันหรือแบลร์เสียแล้ว 7 สิงหาคม พ.ศ. 2550 00:01:00
กาแฟดำ คำให้สัมภาษณ์ที่ตีพิมพ์ที่หน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ของ "หมอเลี้ยบ" หรือ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ขุนพลคู่กายของ ทักษิณ ชินวัตร
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : และที่มีบทบาทวันนี้เป็น "หัวหน้ากลุ่ม" ชั่วคราวของคนไทยรักไทยในอดีตบอกกล่าวได้ชัดเจนว่า นี่คือยุคสิ้นสุดของคำว่า "หลักการ" และ "อุดมการณ์ทางการเมือง"
วันที่ผู้อาสามาทำงานให้กับประชาชนสามารถบอกกับสาธารณชนได้ว่า จุดยืนของตนและพรรคการเมืองในอดีตไม่จำเป็นต้องเหมือนของวันนี้ และพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนวันนี้เช่นกัน
ดร.ทักษิณ ชินวัตร
ผมจะไม่พูดถึงเรื่อง "ซ้าย" หรือเรื่อง "ขวา" และจะไม่ย้อนให้ฟังว่า คนที่เข้าป่าหลัง 6 ตุลาคม 2519 กับคนที่ขณะนั้นเป็นแกนนำของผู้ปราบปรามนักศึกษาหัวก้าวหน้านั้น วันนี้สามารถมารวมตัวและร้องเพลง "เราต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" ให้กับคนที่ผ่านเหตุการณ์เดียวกันนั้นฟังอย่างหน้าตาเฉย ควรจะคิดอย่างไร
เพราะประวัติศาสตร์จะจารึกการเมืองจังหวะนี้ลงไปอย่างละเอียดถี่ถ้วนอย่างแน่นอน...เหมือนกับที่ทุกนาทีของเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ และ 6 ตุลาฯ กับตัวละครทุกตัวที่มีบทบาทสำคัญขณะนั้นได้ถูกบันทึกเอาไว้ ...
ผมเพียงแต่จะเอาเฉพาะประโยคปัจจุบันที่คุณหมอเลี้ยบ สะท้อนออกมาให้คนไทยที่ยังพอมีสติปัญญาจะคิดและวิเคราะห์ความเป็นไปทางการเมืองวันนี้ได้ พอที่จะไม่ถูกใครมาบิดเบือนสถานการณ์ด้วยคำพูดที่ฟังดูทันสมัย แต่ความจริงคนละประเด็นได้
เช่นที่บอกว่า "อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ของสหรัฐ ต้องปรับนโยบายของพรรคเดโมแครตให้มาอยู่ตรงกลางเช่นเดียวกับจอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็พยายามปรับนโยบายของพรรครีพับลิกัน จากขวาให้มาสู่จุดกึ่งกลางมากกว่าเดิม เพราะกระแสโลกปัจจุบันมันเป็นเช่นนี้...หรืออย่างโทนี แบลร์ (อดีตนายกฯ อังกฤษ) ก็ต้องปฏิรูปพรรคแรงงานให้เป็นนิว เลเบอร์ ปาร์ตี้ (New Labour Party หรือพรรคแรงงานสมัยใหม่) เนื่องจากแนวคิดซ้ายกับขวามันตกยุคไปแล้ว..."
หากฟังอย่างไม่คิด ไม่วิเคราะห์ก็เท่ไม่เบา เพราะฟังดูเหมือนพรรคไทยรักไทยเปลี่ยนมาเป็นพรรคพลังประชาชนไทย เพราะเหมือนโทนี แบลร์ เปลี่ยนพรรค Labour เป็น New Labour เพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
หรือที่เชิญ คุณสมัคร สุนทรเวช และ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ มาเป็นหัวหน้าพรรคใหม่แทนทักษิณ ชินวัตร นั้น เป็นการ "ปรับเปลี่ยนตามกระแสของโลก" ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น คนไทยผู้ไม่ได้กินแกลบก็เห็นได้ด้วยตนเองว่า นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับการปรับเปลี่ยนนโยบาย หรือทิศทางของพรรค เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนเลยแม้แต่น้อย
หากแต่เป็นการยกหูโทรศัพท์ของทักษิณไปหาสมัคร (อย่างที่เขายอมรับในที่สาธารณะแล้ว) เพื่อขอให้มาช่วยประคับประคองรักษาพรรคไประหว่างที่ทักษิณยังกลับมาเมืองไทยไม่ได้เท่านั้นเอง
เกี่ยวอะไรกับนโยบายของพรรคหรือเปล่า? เกี่ยวอะไรกับการ "ปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของประชาชน" หรือเปล่า?
คลินตัน ปรับนโยบายของพรรคเดโมแครต โทนี แบลร์ สร้างพรรคแรงงานใหม่ เพราะประชาชนต้องการอย่างนั้น แต่ทักษิณอ้างมาตลอดไม่ใช่หรือว่า ประชาชนยังนิยมศรัทธาแนวทางของไทยรักไทยอย่างเหนียวแน่น
ประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธาไทยรักไทย และทักษิณนั้นเรียกร้องต้องการให้สมัครมาเป็นหัวหน้ากระนั้นหรือ?
คนที่รักและนับถือแนวทางของไทยรักไทย เรียกร้องให้เลิกเชื่อในอุดมการณ์ของพรรคอย่างนั้นหรือ?
เหตุผลที่ไทยรักไทยเข้าไปอยู่พรรคพลังประชาชน เพราะ "นโยบายสอดคล้อง" กันอย่างยิ่งหรือ?
ต้องอ่านอีกประโยคหนึ่งในคำให้สัมภาษณ์ของหมอเลี้ยบให้จงหนักที่บอกว่า
"ไม่ว่าใครก็ตามที่ยืนยันจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าพื้นเพความคิดจะเป็นซ้ายหรือขวา ถ้ามีจุดยืนที่จะทวงคืนประชาธิปไตยให้กลับสู่บ้านเมืองโดยเร็วที่สุดแล้วละก็ เราพร้อมที่จะร่วมมือ..."
ต้องไม่ลืมนะครับว่า ขวาตกขอบก็บอกว่าต้องการประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์ก็บอกว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทักษิณ ชินวัตร ก็บอกว่าต้องการประชาธิปไตย พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ก็บอกว่าที่นำการปฏิวัติก็เพราะต้องการปกปักรักษาประชาธิปไตยเช่นกัน
ตกลงจะให้ทักษิณเป็นเหมือนลีกวนยิวหรือมหาธีร์...หรือคลินตันหรือบุชหรือโทนี แบลร์กันแน่ครับ?
ก่อนจะอยากเหมือนใครต้องตอบตัวเองก่อนว่า..."เอ๊ะ แล้วตูเองเป็นใครกันแน่หว่า?" (เข้ามาร่วมแสดงความเห็นใน blog ส่วนตัวของผมที่
www.oknation.net/blog/black ตลอด 24 ชั่วโมง)
http://www.bangkokbiznews.com/2007/08/07/WW12_1238_news.php?newsid=87980 ต้องอ่านอีกประโยคหนึ่งในคำให้สัมภาษณ์ของ หมอเลี้ยบให้จงหนักที่บอกว่า
"ไม่ว่าใครก็ตามที่ยืนยันจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าพื้นเพความคิดจะเป็นซ้ายหรือขวา ถ้ามีจุดยืนที่จะทวงคืนประชาธิปไตยให้กลับสู่บ้านเมืองโดยเร็วที่สุดแล้วละก็ เราพร้อมที่จะร่วมมือ..." ถ้า"หมอเลี๊ยบ" จะให้สัมภาษณ์ก่อนหน้าเป็น"แกนนำพรรคเทียมรักเทียม(ทรท.)
ด้วยภาพ"คนเดือนตุลา" มี"ต้นทุนสังคมสูง" ที่จะกล่าวคำพูดทำนองนี้ และคนจะยอมรับ.......
วันนี้ "หมอเลี๊ยบ" พูดในกลุ่มม๊อบจลาจลไข่แม้ว หรือ พรรคประชาชนได้
แต่ไม่ต้องพูดใกล้ ๆ คนต่อต้านเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก เหม็นขี้ฟัน..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า