ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
26-04-2024, 01:49
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ว่าแล้วก็ ... ท่านท้าวครับ แบบนี้เค้าเรียกอะไรอ่ะครับ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ว่าแล้วก็ ... ท่านท้าวครับ แบบนี้เค้าเรียกอะไรอ่ะครับ  (อ่าน 3061 ครั้ง)
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« เมื่อ: 07-08-2007, 12:22 »

ส.ส.-ส.ว. และ ครม.ทักษิณ ร่วมกันสร้างประโยชน์สมบูรณ์ให้กับการขายชินคอร์ป ด้วยการทำให้มีพระราชบัญญัติ การประกอบกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 อันเป็นการแก้ไข-เพิ่มเติมกฎหมายการประกอบโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ให้ต่างชาติเข้ามาครอบครองได้เบ็ดเสร็จในวันนี้

พ.ร.บ.แก้ไขให้ต่างชาติถือหุ้นได้เกิน 25% และยกเลิกสัดส่วนกรรมการบริษัทที่ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ออกทั้งหมด อันเป็นการอำนวยความสะดวกให้เทมาเซก จากสิงคโปร์เข้ามาครอบครองชินคอร์ปได้เบ็ดเสร็จ นั้น

พ.ร.บ.นี้ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เมื่อศุกร์ที่ 20 มกราคม 2549 โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
หมายความว่ามีผลบังคับใช้ตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่นี้ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมเป็นต้นไป แต่บังเอิญ วันที่ 21-22 มกรา.เป็นวันหยุดราชการ เสาร์-อาทิตย์ จึงยังไม่ได้ใช้

เช้าวันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549 ประเดิมกฎหมายฉบับแก้ไขด้วย...
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้มีการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไปให้กองทุนเทมาเส็ก ซึ่งบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นชินแซทเทลไลท์(ที่ได้จากโจร รสช) อยู่ด้วย

เรื่องราวการซื้อขายหุ้นระหว่างกลุ่มทุนรัฐบาลสิงคโปร์กับชินคอร์ปที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ 23 มกราคมเป็นต้นมา ไม่ใช่ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากสื่อมวลชนไทย และคนไทยเท่านั้น แต่ยังได้รับความสนใจอย่างมากต่อสื่อมวลชนทั่วโลก และคนต่างชาติมากมายอีกด้วย สิ่งที่คนเหล่านั้นได้เรียนรู้จากธุรกรรมนี้ก็คือ มีการถือหุ้นของคนต่างชาติในวงเงินที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด และในอีกหลายๆเรื่องที่ล้วนแล้วแต่สร้างข้อกังขา แต่รัฐบาลไทยกลับยอมรับให้ดีลนี้เกิดขึ้นได้ การทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการประทับตราโดยรัฐบาลไทยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถูกกฏหมายสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยต่อไปในอนาคตก็คือ ต่างชาติที่จ้องจะเข้ามาทำธุรกิจในบ้านเราจะสามารถอ้างได้ว่าทำตามกรณีเทมาเล็กกับชินคอร์ปเป็นต้นแบบ ไม่เพียงเท่านั้นการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA : Free Trade Area) กับนานาประเทศในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็จะไม่มีความหมาย เพราะในที่สุดต่างชาติจะอาศัยช่องนี้ข้ามเส้นเข้ามาในทำธุรกิจในประเทศไทย

“ต่อไปเราจะไม่มีอำนาจต่อรองใน FTA และต่างชาติก็ไม่จำเป็นต้องมาต่อรองด้วย เพราะเขาสามารถเข้าตลาดโดยวิธีนี้ได้อยู่แล้ว เป็นการเปิดการค้าเสรีแบบตกกระไดพลอยโจนจากกรณีนี้”

“บัดนี้ทุนต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการและทรัพย์สินในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ กิจการเหล่านี้ย่อมเพิ่มการขูดรีดคนไทย เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นโดยเราไม่มีทางต่อสู้ ถ้าขัดขืนเขาก็จะทำร้ายด้วยประการต่างๆ รวมทั้งด้วยกำลังอาวุธ เป็นการชัดศึกเข้าบ้านโดยแท้ คนไทยจะหมดอิสรภาพในการกำหนดอนาคตของตนเองก็เท่ากับสูญเสียอธิปไตย คนไทยจะทำงานหนักและเหนื่อยเหมือนวัวเหมือนควาย เพื่อให้ต่างชาติและคนไทยบางส่วนเอาส่วนเกินไปหมด” ส่วนหนึ่งของบทวิจารณ์ตระกูล “ชินวัตร-ดามาพงศ์” ขายหุ้นชินคอร์ปให้สิงคโปร์ เป็นเหตุปัจจัยที่นำไปสู่การสิ้นชาติ ที่เรียกว่า “ปฏิจจสมุปบาทแห่งการฆาตกรรมชาติ” โดย ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส

ว๊า เอาไปเอามา บ้านเรามันจะตาย จะพังเพราะอีชินคอร์ปนี่กระมั้ง

มั่นใจนะ ว่าสิ่งที่ สส และ ครม ทำ เป็นความต้องการของ 19 ล้านเสียงจริงๆ
เลือกมาเพื่อเอื้ออีชินคอร์ปเนี่ยนะ ??
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2007, 12:29 โดย ไทยแลนด์สแตนดาร์ด » บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 07-08-2007, 12:33 »

มันพักเที่ยง ไม่มาตอบหรอก
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 07-08-2007, 13:14 »

มัวแต่นั่งขายล้อแม็กซ์  
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

บ้านรามอินทรา
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 280


« ตอบ #3 เมื่อ: 07-08-2007, 13:36 »

จิงเด้
ร้านอยู่ไหนงับ เด่วไปอุดหนุน
 
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #4 เมื่อ: 07-08-2007, 13:45 »

ท่าทางท่านThailand Standard น่าจะเป็นมือใหม่ป้ายแดงอ่ะดิ๊....ท้าวฯตอบเรื่องนี้ไปจนเวียนheadแล้วน๊า  แต่เพื่อไม่เป็นการทำลายน้ำใจหักดิบกันเกินไป ท้าวฯจัดหั้ยยยยยย http://www.thai4thai.net/document/chapter/Shin%20Share%20Sale%20Chapter4%20V4a.htm


"คำอธิบาย กรณีขายหุ้นชินคอร์ป บทที่ 4 (กฏหมายสัดส่วนหุ้นต่างชาติ)                     โดย: “คนไทยเพื่อคนไทย”


4.การออกกฏหมายให้ต่างชาติถือหุ้นบริษัทโทรคมนาคมไทยได้ไม่เกิน 50%

4.1    เดิมบริษัทโทรคมนาคมไทยที่เป็นสัญชาติไทย ต้องมีสัดส่วนหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 50% ตามนิยามในกฏหมายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ไม่มีเจตนากีดกันหรือไม่ต้อนรับการลงทุนด้านโทรคมนาคมจากต่างชาติ

4.2    ต่อมาปี 2543 รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอร่าง พรบ การประกอบกิจการโทรคมนาคม เป็นการออกกฏหมายลูกตามรัฐธรรมนูญใหม่ปี 2540 โดยสัดส่วนต่างชาติ ให้ใช้นิยามตาม พรบ การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ปี 2542 (ว่าต้องเป็นบริษัทไทย คือต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50%)

·        แต่ในปี 2544 วุฒิสภาได้แปรญัตติให้สัดส่วนเป็นไม่เกิน 25% แทน ทำให้บริษัทโทรคมนาคมหลายราย คือ ดีแทค ออเร้นจ์ ทีทีแอนด์ที (บริษัทโทเทิ่ลแอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น, บริษัทซีพีออเร้นจ์ บริษัทไทยเทเลโฟน แอนด์เทเลคอมมิวนิเคชั่น) มีปัญหา เพราะมีสัดส่วนการลงทุนจากต่างชาติเกินกว่านี้ จึงร้องเรียนเสนอพรรคการเมืองทุกพรรคให้ปรับสัดส่วนนี้

·        มีการอภิปราย แปรญัตติ มาตลอด 4 ปี จึงผ่านการพิจารณาของทั้งสองสภาปลายปี 2548 ให้สัดส่วนต่างชาติตามพรบ การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ปี 2542 (ต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50%) ตามร่างแรกเมื่อปี 2542

4.3    สัดส่วนนี้สอดคล้องกับแนวโน้มการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ พันธสัญญาต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ในการเปิดเสรีโทรคมนาคมปี 2549 รวมถึงแนวโน้มการลงทุนเทคโนโลยีโทรคมนาคมใหม่เพื่อให้ทันกับการพัฒนา เช่น บรอดแบนด์โทรศัพท์มือถือยุคที่ 3 ซึ่งจะต้องมีการลงทุนเพิ่มอีกหลายแสนล้านบาท ขณะที่ทุนไทยจะมีข้อจำกัดอย่างแน่นอน ต้องอาศัยเงินลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก

4.4    การกล่าวหาว่าตั้งใจแก้กฏหมายแล้วขายหุ้นทันที ความจริงแล้วจังหวะเวลาที่กฏหมายมีผลใช้ใกล้เคียงกับการขายหุ้นชินคอร์ป เป็นความบังเอิญ ไม่ใช่การออกกฏหมายมาเอื้อการขายหุ้น

·        มีการทำเรื่องนี้ทุกพรรคและทุกสภามา 4 ปี วันที่ผ่านสภาผู้แทน 14 กันยายน 2548 ดูข้อมูลประกอบ

·        กรณีนี้ไม่มีผลต่อชินคอร์ป เนื่องจากไม่ใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการโทรคมนาคมโดยตรง และยังไม่มีผลต่อเอไอเอสหรือชินแซทเทลไลท์ในขณะนี้ตามใบอนุญาตเดิม จะมีผลเมื่อมีใบอนุญาตใหม่ในอนาคต"
บันทึกการเข้า
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #5 เมื่อ: 07-08-2007, 13:50 »

4.4    การกล่าวหาว่าตั้งใจแก้กฏหมายแล้วขายหุ้นทันที ความจริงแล้วจังหวะเวลาที่กฏหมายมีผลใช้ใกล้เคียงกับการขายหุ้นชินคอร์ป เป็นความบังเอิญ ไม่ใช่การออกกฏหมายมาเอื้อการขายหุ้น


มีแต่ควายโง่ๆๆ เท่านั้นแหละที่ ออเออ เห็นด้วย พูดกับคนประเภท นี้ ก็เปล่าประโยชน์ อย่าเสียเวลาเลยครับ คนไร้ค่า
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #6 เมื่อ: 07-08-2007, 13:57 »

4.4    การกล่าวหาว่าตั้งใจแก้กฏหมายแล้วขายหุ้นทันที ความจริงแล้วจังหวะเวลาที่กฏหมายมีผลใช้ใกล้เคียงกับการขายหุ้นชินคอร์ป เป็นความบังเอิญ ไม่ใช่การออกกฏหมายมาเอื้อการขายหุ้น


มีแต่ควายโง่ๆๆ เท่านั้นแหละที่ ออเออ เห็นด้วย พูดกับคนประเภท นี้ ก็เปล่าประโยชน์ อย่าเสียเวลาเลยครับ คนไร้ค่า


sit สมี sit down!!  ค่อยๆหายใจลึกๆตั้งสติอ่านให้ดีก่อนน๊ะสมีน๊ะ


"แต่ในปี 2544 วุฒิสภาได้แปรญัตติให้สัดส่วนเป็นไม่เกิน 25% แทน ทำให้บริษัทโทรคมนาคมหลายราย คือ ดีแทค ออเร้นจ์ ทีทีแอนด์ที (บริษัทโทเทิ่ลแอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น, บริษัทซีพีออเร้นจ์ บริษัทไทยเทเลโฟน แอนด์เทเลคอมมิวนิเคชั่น) มีปัญหา เพราะมีสัดส่วนการลงทุนจากต่างชาติเกินกว่านี้ จึงร้องเรียนเสนอพรรคการเมืองทุกพรรคให้ปรับสัดส่วนนี้ มีการอภิปรายแปรญัตติ มาตลอด 4 ปี จึงผ่านการพิจารณาของทั้งสองสภาปลายปี 2548 ให้สัดส่วนต่างชาติตามพรบ การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ปี 2542 (ต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50%) ตามร่างแรกเมื่อปี 2542"
บันทึกการเข้า
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #7 เมื่อ: 07-08-2007, 14:20 »

ก็ไม่ได้ว่าอะไร คุณจะเชื่อก็เชื่อ ผมไม่เชื่อ สิทธิ์ของผม ใครผิดใครถูก ใครโกงชาติสักวันมันก็ถึงเวลา ที่ความจริงเผิดเผยเองแหละ

คุณอะ sit รอเวลา เมื่อถึงเวลานั้น อยากได้ผ้าเช็ดหน้า ผมจะหามาให้
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
สมปอง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #8 เมื่อ: 07-08-2007, 14:25 »

แค่ผ้าเช็ดหน้าอย่างเดียวเหลอ อย่างเท้าหมานี่ต้องเอากระดาษมาเช็ดก้นด้วยนี่ครับ เพราะไปพนันกับใครต่อใครว่าถ้าแม้วโกงจิงจะให้ยัดรูก้นเลยนี่นา
บันทึกการเข้า



ไม่มีดินผืนใดให้ไออุ่น เท่ากับดินที่คุณถือกำเนิด
ไม่มีดินผืนใดดูมั่นคง เท่ากับดินที่ลงสำมะโนครัว
ไม่มีดินผืนใดให้คุณเดิน เท่ากับดินที่คุณเดินตอนตั้งไข่
ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่าแผ่นดินสุดท้ายของเผ่าพันธุ์

ไม่มีเงินไม่มีทองยังไม่หมองเศร้า
มีแผ่นดินปลูกข้าวเราอยู่ได้
ไม่มีเงินไม่มีทองค่อยหาใหม่ บนแผ่นดินสุดท้ายของไทยทุกคน
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #9 เมื่อ: 07-08-2007, 14:34 »

ก็ไม่ได้ว่าอะไร คุณจะเชื่อก็เชื่อ ผมไม่เชื่อ สิทธิ์ของผม ใครผิดใครถูก ใครโกงชาติสักวันมันก็ถึงเวลา ที่ความจริงเผิดเผยเองแหละ

คุณอะ sit รอเวลา เมื่อถึงเวลานั้น อยากได้ผ้าเช็ดหน้า ผมจะหามาให้


ทำไมสำนวนถึงเชยอย่างนี้...ท่านสมีเอ๊ย!! กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก
บันทึกการเข้า
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #10 เมื่อ: 07-08-2007, 15:40 »


ทำไมสำนวนถึงเชยอย่างนี้...ท่านสมีเอ๊ย!! กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก

ใครจะไปทันสมัย แถมหัศจรรย์ได้แบบคุณละครับ
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #11 เมื่อ: 07-08-2007, 17:09 »

ท่าทางท่านThailand Standard น่าจะเป็นมือใหม่ป้ายแดงอ่ะดิ๊....ท้าวฯตอบเรื่องนี้ไปจนเวียนheadแล้วน๊า  แต่เพื่อไม่เป็นการทำลายน้ำใจหักดิบกันเกินไป ท้าวฯจัดหั้ยยยยยย http://www.thai4thai.net/document/chapter/Shin%20Share%20Sale%20Chapter4%20V4a.htm

ผมเป็นรถเก่าแต่ติดทะเบียนใหม่น่ะ เพิ่งตอบเชลียร์ในพาลถีบมาเหมือนกัน

จะบอกว่า พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่ 2 (2549) เป็นบุญคุณให้ สามบริษัท ดีแทค ออเร้นจ์ ทีทีแอนด์ที (บริษัทโทเทิ่ลแอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น, บริษัทซีพีออเร้นจ์ บริษัทไทยเทเลโฟน แอนด์เทเลคอมมิวนิเคชั่น) ล่ะสิท่า ระวังหน่อย สามบริษัทนี้ มันไม่มีดาวเทียมที่กระทบต่อความมั่นคงของชาตินะ

ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 (กฎหมายเดิม) ได้บัญญัติเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตการประกอบกิจการโทรคมนาคม ซึ่งในที่นี้มีผลบังคับใช้กับบริษัท เอไอเอสและชินแซทว่า

"ต้องมิใช่คนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และต้องมีสัดส่วนการถือหุ้นของบุคคลผู้มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าของทุนทั้งหมดในนิติบุคคลนั้น รวมทั้งต้องมีกรรมการไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด และผู้มีอำนาจกระทำการผูกพันนิติบุคคลนั้นต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยด้วย ในการนี้คณะกรรมการ (กทช.) อาจกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตสำหรับการประกอบกิจการบางลักษณะ หรือบางประเภทที่เป็นนิติบุคคลจะต้องกำหนดข้อห้ามการกระทำอื่นใดที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยอีกด้วยก็ได้"

ดังนั้น บริษัท เอไอเอส บริษัท ชินแซทฯ จะมีบุคคลหรือนิติบุคคลที่เป็นต่างด้าวถือหุ้นเกินร้อยละ 25 ไม่ได้ และยังถูกจำกัดด้วยสัดส่วนกรรมการที่เป็นสัญชาติไทยไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ต้องมีสัญชาติไทยอีกด้วย

เมื่อมีข้อจำกัดดังกล่าว จึงจำเป็นต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ซึ่งด้วยเสียง 375 เสียงของพรรคไทยรักไทยในสภาผู้แทนราษฎร และเสียง ส.ว.ในวุฒิสภาที่เกินครึ่งเทให้กับพรรคไทยรักไทย จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ไขกฎหมายฉบับนี้

ดังนั้น พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่ 2 (ฉบับใหม่) พ.ศ.2549 จึงได้แก้ไขเงื่อนไขซึ่งเป็นข้อจำกัดดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาเมื่อเดือนธันวาคม 2548 รอแต่เพียงนำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธยประกาศ (ในราชกิจจานุเบกษา) ใช้เป็นกฎหมายต่อไป

พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมฉบับใหม่ได้ตัดเงื่อนไขที่จำกัดการถือครองหุ้นไว้ที่ร้อยละ 25 เป็นเพิ่มให้ต่างด้าวถือหุ้นในบริษัทด้านกิจการโทรคมนาคมได้ถึงร้อยละ 49 และตัดเงื่อนไขสัดส่วนกรรมการบริษัทที่ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ออกทั้งหมด

ในหมายเหตุท้าย พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ยังได้แสดงเจตจำนง ในนโยบายการเปิดรับบุคคลต่างชาติให้เข้ามาฮุบกิจการในประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบาย โดยระบุได้ดังนี้

"โดยที่กิจการโทรคมนาคมบางลักษณะหรือบางประเภท เป็นกิจการที่ต้องใช้ทุนเป็นจำนวนมากในการดำเนินการและต้องใช้เทคโนโลยีสูง ซึ่งปัจจุบันการพึ่งพาทุนและเทคโนโลยีจากต่างประเทศยังมีความจำเป็น การกำหนดคุณสมบัติของผู้รับใบอนุญาตการประกอบกิจการโทรคมนาคม... โดยให้มีสัดส่วนการถือหุ้นของบุคคลผู้มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้านั้น เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการระดมทุนจากผู้ลงทุนต่างประเทศ หรือหากจะร่วมทุนกับต่างประเทศก็จะติดขัดปัญหาสัดส่วนการถือหุ้นของคนต่างด้าวดังกล่าว ส่งผลให้ผู้รับใบอนุญาตทั้งรายเดิมและรายใหม่ ไม่สามารถพัฒนาโครงข่ายหรือเทคโนโลยีโทรคมนาคม เพื่อจัดการให้บริการแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพได้เท่าที่ควร สมควรแก้ไขสัดส่วนการถือหุ้นเสียใหม่ เอื้อต่อการระดมทุนจากนักลงทุนจากต่างประเทศ.."

อย่างไรก็ตาม กว่า พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมฉบับใหม่ ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ กว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาต้องรอถึงวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2549 และมีผลบังคับใช้วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2549 เหตุผลสำคัญที่ทำให้การซื้อขายหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ต้องเลื่อนมาจนถึงวันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549

บังเอิญเนอะ ผ่าน กม ธันวา 48 ขายมกรา 49
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #12 เมื่อ: 07-08-2007, 17:39 »

อย่าคิดว่าเขาจะไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเลยครับ

ทุนสัมปทานโทรคมในรบ.ทักษิณ กับธรรมาภิบาลภาครัฐ
มติชนรายวัน  วันที่ 07 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10498

รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารประกอบการสัมนาวิชาการประจำปี เรื่อง สู่หนึ่งทศวรรษหลังวิกฤตเศรษฐกิจ : ได้เรียนรู้ และปรับปรุงอะไรบ้าง? วันที่ 9-10 ธันวาคม 2548 ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน จ.ชลบุรี เป็นรายงาน กลุ่มที่ 3 ธรรมาภิบาลทางการเมืองกับนโยบายทางเศรษฐกิจ เรื่องทุนสัมปทานกับธรรมาภิบาลทางเศรษฐกิจ โดย สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือทีดีอาร์ไอ

ดูสิครับ ในเดือนธันวาเดียวกันนี้ เล่นพรรคเล่นพวกแก้กฏหมายกิจการโทรคมนาคมแสกหน้า คุณสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ อีก

กรณีศึกษาต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทต่างๆ ในเครือของบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเคยถือหุ้นใหญ่โดยครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการใช้มาตรการและนโยบายของรัฐ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจโทรคมนาคม

กรณีการออก พ.ร.ก. ภาษีสรรพสามิตบริการโทรคมนาคม

ที่ผ่านมา กลุ่มทุนโทรคมนาคมในประเทศไทย พยายามผลักดันให้มีการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม ในทิศทางที่ตนจะได้ประโยชน์มหาศาลมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเรียกร้องที่จะไม่จ่ายค่าสัมปทานต่อไป เช่น เมื่อปี 2545 ซึ่งเป็นปีที่สองในสมัยรัฐบาลทักษิณ ก็มีข้อเสนอให้ผู้รับสัมปทานโทรคมนาคมทุกรายหยุดจ่ายค่าสัมปทานตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นไป ทั้งๆ ที่สัญญาส่วนใหญ่ยังมีอายุต่อไปเกินกว่า 10 ปี แต่ข้อเสนอนี้ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม เนื่องจากเห็นได้ชัดเจนว่า กลุ่มทุนสัมปทานโทรคมนาคมจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลเป็นมูลค่าเกินกว่า 1 แสนล้านบาท

เมื่อกลุ่มทุนโทรคมนาคมไม่สามารถปฏิเสธการจ่ายค่าสัมปทานได้ แนวทางใหม่ในการแปรสัญญาสัมปทาน จึงถูกเสนอขึ้น ภายใต้ตรรกะที่ว่า หากตนต้องจ่ายค่าสัมปทานต่อไป ก็ต้องหาทางทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่มีภาระทางการเงินสูงตามไปด้วย เพื่อสกัดกั้นไม่ให้คู่แข่งเหล่านี้ เติบโตขึ้นมาแข่งขันกับตนได้ วิธีหนึ่งในการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวก็คือ การนำเอา "ภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม" มาใช้ เพราะสามารถอ้างได้ว่า รัฐต้องจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการทุกรายในอัตราเดียวกัน ไม่ว่าผู้ประกอบการรายใหม่จะเคยได้สิทธิพิเศษเหมือนรายเดิมหรือไม่ก็ตาม

แนวทางนี้ถูกผลักดันจนสำเร็จในช่วงต้นปี 2546 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ โดยการออกพระราชกำหนด 2 ฉบับ ทั้งนี้ รัฐบาลให้เหตุผลในการออกพระราชกำหนดว่า "เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ ในอันที่จะรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ" พระราชกำหนดดังกล่าวมีผลทำให้กิจการโทรคมนาคม มีอัตราภาษีสรรพสามิตตามมูลค่าสูงสุดร้อยละ 50

ต่อมา รัฐบาลทักษิณได้กำหนดอัตราภาษีภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และโทรศัพท์พื้นฐานที่อัตราร้อยละ 10 และร้อยละ 2 ตามลำดับ และหลังจากนั้นไม่นาน คณะรัฐมนตรีก็มีมติเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2546 อนุญาตให้นำเอาภาษีสรรพสามิตของผู้รับสัมปทานบริการโทรคมนาคมไปหักออกจากค่าสัมปทาน

มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวจึงมีลักษณะเลือกปฏิบัติในการจัดเก็บภาษี และขัดแย้งโดยสิ้นเชิง กับเหตุผลในการออกพระราชกำหนด ซึ่งอ้างกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ในด้านความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ เพราะในกรณีของบริการโทรคมนาคม รายได้ที่รัฐจะจัดเก็บได้ในช่วงนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย เพียงแต่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นภาษีสรรพสามิต ซึ่งจัดเก็บโดยกระทรวงการคลัง และส่วนที่เป็นค่าสัมปทานซึ่งจัดเก็บโดยรัฐวิสาหกิจที่เป็นคู่สัญญา

การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในลักษณะดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบอย่างน้อย 2 ประการคือ ประการที่หนึ่ง รัฐสูญเสียรายได้มหาศาล จากการยกเว้นภาษีให้แก่ผู้รับสัมปทาน ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมสรรพสามิต ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2546 จนถึงเดือนสิงหาคม 2549 ค่าสัมปทานที่ถูกหักออกเป็นภาษีสรรพสามิตมีมูลค่าถึง 47,134.39 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่า หากไม่มีการเลือกปฏิบัติทางภาษี รัฐน่าจะสามารถจัดเก็บภาษีสรรพสามิตได้เพิ่มเติม ในระดับที่ใกล้เคียงกับมูลค่าดังกล่าว

ประการที่สอง ค่าสัมปทานซึ่งเป็นค่าตอบแทนสิทธิพิเศษที่รัฐให้แก่ผู้รับสัมปทาน ถูกเปลี่ยนความหมายให้กลายเป็นภาษี ซึ่งรัฐต้องจัดเก็บจากผู้ประกอบการทุกราย ไม่ว่าผู้ประกอบการนั้นจะเคยได้ประโยชน์จากระบบสัมปทานหรือไม่ การเปลี่ยนความหมายของค่าสัมปทานนี้มีผลในการกีดกันผู้ประกอบการรายใหม่ให้เข้าสู่ตลาดได้ยากขึ้น ทั้งนี้ แม้ไม่มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ผู้ประกอบการรายใหม่ก็ยากที่จะแข่งขันกับผู้รับสัมปทานอยู่แล้ว เพราะมีต้นทุนต่อหน่วยสูงกว่าเนื่องจากมีฐานลูกค้าเล็กกว่า และมีรายได้ต่อผู้ใช้บริการต่ำกว่า เนื่องจาก ลูกค้าที่เหลืออยู่ในตลาดมักเป็นลูกค้ากลุ่มที่มีรายได้ต่ำ

โดยสรุป ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากบริการโทรคมนาคมในลักษณะดังกล่าวก็คือ ผู้รับสัมปทานในปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ในเครือชิน คอร์ปอเรชั่น เพราะไม่ต้องกังวลกับการแข่งขันในอนาคต ส่วนผู้ที่เสียประโยชน์ก็คือ ประชาชนผู้ใช้บริการโทรคมนาคม ซึ่งเสียประโยชน์จากการแข่งขันในตลาดโทรคมนาคม ที่จะลดลงในอนาคต

กรณีการแก้ไขสัญญาสัมปทานของเอไอเอส

สัญญาสัมปทานที่บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เอไอเอส ได้รับจาก ทศท ในวันที่ 27 มีนาคม 2533 เพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสัญญาที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อเครือชิน คอร์ปอเรชั่น เพราะรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นรายได้ส่วนใหญ่ของเครือ

สัญญาสัมปทานของเอไอเอสได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมหลายครั้ง ทั้งก่อนและหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตัวอย่างการแก้ไขสัญญาครั้งสำคัญได้แก่

- การแก้ไขสัญญาครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2539 : บริษัทได้สิทธิในการขยายอายุของสัมปทานจาก 20 ปี เป็น 25 ปี เพื่อแลกกับการเลิกสิทธิผูกขาดในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่เพียงรายเดียวที่บริษัทมีอยู่กับ ทศท

- การแก้ไขสัญญาครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2544 : บริษัทได้รับการลดหย่อนการจ่ายค่าสัมปทาน จากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในระบบพรีเพด (บัตรเติมเงิน) จาก ร้อยละ 25 เป็น ร้อยละ 20 ของรายได้ โดยอ้างว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2544 บริษัทคู่แข่งคือ แทค ได้รับการลดหย่อนค่าเชื่อมโยงโครงข่ายของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบพรีเพดจาก 200 บาทต่อเลขหมายต่อเดือน เป็น ร้อยละ 18 ของรายได้

- การแก้ไขสัญญาครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2545 : ในกรณีที่บริษัทเข้าไปใช้เครือข่ายร่วม (roaming) ของผู้ประกอบการรายอื่น บริษัทได้สิทธิในการหักค่าใช้เครือข่ายร่วมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการรายนั้น ก่อนจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ ทศท

ผู้เขียนมีข้อสังเกตว่า การเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาสัมปทานดังกล่าวข้างต้น เป็นประโยชน์อย่างมากต่อเอไอเอส ในขณะที่ ทศท ซึ่งเป็นคู่สัญญา ตลอดจนประชาชนไม่ได้ประโยชน์ในสัดส่วนที่ทัดเทียมกันแต่อย่างใด นอกจากนี้ ข้ออ้างที่ใช้ในการแก้ไขสัญญาแต่ละครั้งยังไม่สมเหตุสมผลหลายประการ กล่าวคือ

- แม้บริษัทจะมีสิทธิผูกขาดในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่เพียงรายเดียวตามสัญญาที่มีอยู่กับ ทศท ตั้งแต่ปี 2533 ในทางปฏิบัติ สิทธิผูกขาดในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่เพียงรายเดียวของบริษัทหมดไปแล้วตั้งแต่ปี 2534 เมื่อ กสท ให้สัมปทานบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แก่แทค

- การเชื่อมโยงโครงข่ายไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของระบบสัญญาสัมปทาน ดังจะเห็นได้ว่าแม้ในประเทศที่มีระบบสัญญาสัมปทาน ก็ยังมีการเชื่อมโยงโครงข่ายระหว่างผู้ประกอบการ นอกจากนี้ หลักปฏิบัติที่ดีในระดับสากล ในการคิดอัตราค่าเชื่อมโยงโครงข่ายก็คือ เจ้าของโครงข่ายต้องไม่เลือกปฏิบัติระหว่างผู้ประกอบการรายอื่น ที่ขอเชื่อมโยงโครงข่าย

การที่ ทศท ปรับลดค่าเชื่อมโยงโครงข่ายบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบพรีเพดให้แก่แทค จึงไม่ควรเป็นข้ออ้างให้บริษัท ขอปรับลดการจ่ายค่าสัมปทานแก่ ทศท และแม้ว่าแทคได้รับการปรับลดค่าเชื่อมโยงโครงข่ายจาก ทศท เหลือร้อยละ 18 ของรายได้ อัตราดังกล่าวก็ยังสูงกว่าอัตราร้อยละ 0 ที่บริษัทได้รับจาก ทศท มากซึ่งถือว่ามีการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน

- การอนุญาตให้บริษัทหักค่าใช้เครือข่ายร่วมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่น ก่อนจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ ทศท เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ ทศท ซึ่งในสัญญาเดิมจะคิดจากรายได้จากการให้บริการ โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจมีผลทำให้บริษัทตัดสินใจลงทุนสร้างเครือข่ายเองน้อยลง ซึ่งทำให้ทรัพย์สินที่ ทศท จะได้รับจากสัมปทานลดลงตามไปด้วย

ผลจากการแก้ไขสัญญาดังกล่าว จึงเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเอไอเอสและทำให้ ทศท ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเสียประโยชน์ และทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่

การประมาณการเบื้องต้นชี้ว่าเฉพาะการที่ ทศท ปรับลดค่าสัมปทานจากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบพรีเพดจาก ร้อยละ 25 เหลือ ร้อยละ 20 ให้แก่บริษัท น่าจะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์ประมาณ 13,420 ล้านบาท เมื่อคิดเฉพาะช่วงเวลาระหว่างเดือนตุลาคม 2544 ถึงเดือนกันยายน 2549ในอนาคตมูลค่าความเสียหายดังกล่าว จะเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณการใช้บริการ โดยความเสียหายตลอดอายุสัญญาอาจสูงถึง 8 หมื่นล้านบาท ตามที่มีการประมาณการกัน

กรณีการส่งเสริมการลงทุนในโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2546 ซึ่งเป็นปีที่สามของรัฐบาลทักษิณ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยตำแหน่งตามกฎหมาย ได้มีมติส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียม "ไอพีสตาร์" ของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ ซึ่งให้บริการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เฉพาะรายได้ที่ได้รับจากต่างประเทศ เป็นระยะเวลาถึง 8 ปี หรือเทียบเท่ากับสิทธิประโยชน์สูงสุด ที่บีโอไอให้แก่นักลงทุนที่ลงทุนในเขต 3 ซึ่งเป็นเขตท้องที่ห่างไกล

รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจแจ้งว่า ภาษีเงินได้ที่บริษัทชินแซทเทลไลท์ ได้รับการยกเว้นสูงถึง 22,165 ล้านบาท แต่กฎหมายส่งเสริมการลงทุนได้กำหนดมูลค่าภาษีเงินได้ที่จะได้รับการยกเว้นไว้ไม่เกินเงินลงทุนของโครงการคือ 16,459 ล้านบาท บริษัทจึงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ 16,459 ล้านบาท

การส่งเสริมการลงทุนนี้ทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทชินแซทเทลไลท์ ซึ่งรวมถึงครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ประโยชน์อย่างมาก อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวไม่สมควรได้รับการส่งเสริมการลงทุน ด้วยเหตุผลหลายประการคือ

ประการที่หนึ่ง การส่งเสริมการลงทุนดังกล่าวจะไม่มีผลโน้มน้าวให้เกิดการลงทุนใดๆ เพิ่มขึ้น เพราะบริษัทชินแซทเทลไลท์ ได้ตัดสินใจลงทุนไปแล้วนอกจากนี้ การขยายการลงทุนในธุรกิจดังกล่าว ยังถูกจำกัดด้วยตำแหน่งวงจรดาวเทียม และคลื่นความถี่ที่เป็นทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด

ประการที่สอง ดาวเทียมไอพีสตาร์ใช้เทคโนโลยีใหม่และมีประสิทธิภาพดีกว่าดาวเทียมแบบเดิมถึง 30 เท่า ซึ่งหมายความว่า ไอพีสตาร์สามารถแข่งขันกับคู่แข่งจากประเทศอื่นๆ ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่ามากอยู่แล้ว การได้รับการส่งเสริมการลงทุน จึงไม่มีความจำเป็นในการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ชินแซทเทลไลท์

ประการที่สาม การยกเว้นภาษีเงินได้แก่บริษัทดังกล่าว ถือเป็นการให้การอุดหนุนแก่บริษัท ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ในตลาดโทรคมนาคมของประเทศไทย และอาจทำให้บริษัทสามารถผูกขาด การให้บริการโทรคมนาคมบางประเภทได้ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคในระยะยาว

ประการที่สี่ ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนคือ ผู้ใช้บริการต่างชาติ ซึ่งได้รับการอุดหนุนบริการ และผู้ถือหุ้นของบริษัทเท่านั้น โดยประชาชนไทยที่เหลือไม่ได้ประโยชน์แต่อย่างใด

โดยสรุป การส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอแก่โครงการดังกล่าวจึงมีผลทำให้รัฐบาลไทยสูญเสียรายได้จากภาษีเงินได้ ซึ่งควรจัดเก็บได้จากบริษัท ผลกระทบที่ตามมาก็คือ รัฐบาลจะต้องพยายามจัดเก็บภาษีจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม เพื่อรักษาฐานะทางการคลังให้อยู่ในระดับเดิม ซึ่งมีผลกระทบต่อการกระจายรายได้และประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การให้การอุดหนุนแก่บริษัท ซึ่งมีความสามารถในการแข่งขันสูงอยู่แล้ว น่าจะทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในตลาดโทรคมนาคมของไทย ซึ่งจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคในที่สุด

สปก กับ ปรส อายเลยอ่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2007, 17:45 โดย ไทยแลนด์สแตนดาร์ด » บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #13 เมื่อ: 08-08-2007, 07:20 »

อย่างไรก็ตาม กว่า พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมฉบับใหม่ ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ กว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาต้องรอถึงวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2549 และมีผลบังคับใช้วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2549 เหตุผลสำคัญที่ทำให้การซื้อขายหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ต้องเลื่อนมาจนถึงวันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549

บังเอิญเนอะ ผ่าน กม ธันวา 48 ขายมกรา 49

มีเรื่องที่บังเอิญกว่านั้นด้วยครับ คือ 1 สัปดาห์ก่อนหน้าการขายหุ้น SHIN ในวันจันทร์ที่ 23 มค. 49
ระหว่างวันที่ 16-20 มค.49 มีการจัดถ่ายทอดสดเรียลิตี้โชว์ของทักษิณ ที่ทุ่มงบประมาณนับสิบล้าน
ใช้ทีมงานกว่าร้อยชีวิตพร้อมกล้อง 40 ตัว รถโอบี 5 คัน แถมด้วยเฮลิคอปเตอร์จากสำนักนายกฯ

มีเจตนาชัดเจนว่าต้องการสร้างกระแสข่าวขนาดใหญ่ที่สามารถกลบข่าวอื่นๆ ได้ทุกชนิดตลอดสัปดาห์
ท่ามกลางความงุนงงของหลายฝ่ายกับความไม่สมเหตุสมผลในการจัดงานครั้งนั้น บางคนถึงกับวิจารณ์ว่า
นายกฯ ทักษิณทำอะไรบ้าๆ บอๆ ไปแล้วก็มี

จนเมื่อเวลาผ่านไปหลังการขายหุ้นชินคอร์ปอันลือลั่น ทำให้มีคนฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าการจัดงานเรียลิตี้โชว์
ก่อนการขายหุ้นชินคอร์ป 1 สัปดาห์  อาจเกิดจากวัตถุประสงค์แอบแฝงของทักษิณที่ต้องการกลบข่าว
การขายหุ้นของตัวเองแต่เกิดการ "ผิดคิว" เนื่องจากกฎหมายประกาศใช้ช้ากว่าที่คาดไว้ไป 1 สัปดาห์
ทำให้เมื่อถึงเวลาขายหุ้นไม่มีข่าวเรื่องเรียลิตี้โชว์มากลบตามแผน  ประกอบกับคาดไม่ถึงว่าหุ้นที่ซุกไว้
ในแอมเพิลริชจะถูกขุดคุ้ยจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา


และผลจากการผิดคิวในครั้งนั้นขยายตัวลุกลาม จนไปปลุกกระแสที่เริ่มตกของขบวนการต่อต้านทักษิณ
ให้กลับมีพลังรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง และสุดท้ายจบลงด้วยการถูกยึดอำนาจโดย คปค. ในเดือนกันยา 49


---

หากจะสังเกตว่าการแก้กฎหมายโทรคมนาคมต้นปี 49 เอื้อประโยชน์แก่ตระกูลชินวัตรหรือไม่
ก็ต้องถามว่าหลังจากแก้กฎหมายครั้งนั้นมีใครได้ใช้กฎหมายดังกล่าวบ้างนอกจากกลุ่มชิน

และยังอาจเป็นไปได้ว่ามีการวางแผนเป็นระบบ ถึงขนาดใช้ทรัพยากรของชาติสร้างข่าวระดับประเทศ
เพื่อกลบข่าวการขายหุ้นให้ต่างชาติที่กำหนดขายไว้ล่วงหน้า หลังจากสามารถแก้ไขกฎหมายได้สำเร็จ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2007, 07:40 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #14 เมื่อ: 08-08-2007, 08:53 »

ผมเป็นรถเก่าแต่ติดทะเบียนใหม่น่ะ เพิ่งตอบเชลียร์ในพาลถีบมาเหมือนกัน

จะบอกว่า พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่ 2 (2549) เป็นบุญคุณให้ สามบริษัท ดีแทค ออเร้นจ์ ทีทีแอนด์ที (บริษัทโทเทิ่ลแอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น, บริษัทซีพีออเร้นจ์ บริษัทไทยเทเลโฟน แอนด์เทเลคอมมิวนิเคชั่น) ล่ะสิท่า ระวังหน่อย สามบริษัทนี้ มันไม่มีดาวเทียมที่กระทบต่อความมั่นคงของชาตินะ


ระวังหน่อยน๊ะท่าน 'มาตรฐายไทยๆ' ว่าดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์มันคนละเรื่องกับดาวเทียมเพื่อการทหาร อย่าเอามาปนกัน....ความมั่นคงของชาติที่ว่าน๊ะมันน่าจะเกี่ยวกับเศรษฐกิจมากกว่าการทหารน๊ะท่านน๊ะ




บังเอิญเนอะ ผ่าน กม ธันวา 48 ขายมกรา 49

ก็เทมาเซ็คเค้าสนใจจะซื้อช่วงนั้น...จะให้AISบอกว่ารอไปก่อนน๊าหรือเปล่า!?!

บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #15 เมื่อ: 08-08-2007, 09:31 »



ไม่ใช่  ต้องพูด ใหม่  "บังเอิญ คุณทักษิณ อยากขายชิน ฯ ช่วงนั้น ครับท่าน

 
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #16 เมื่อ: 08-08-2007, 09:43 »

ไม่ใช่  ต้องพูด ใหม่  "บังเอิญ คุณทักษิณ อยากขายชิน ฯ ช่วงนั้น ครับท่าน

 


การซื้อ-ขายจะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาดหากทั้ง 2 ฝ่ายไม่ตกลงใจ....ท่านโคด5ที่เป็นนักธุรกิจชั้นนำน่าจะเข้าใจในตรรกะข้อนี้ดีมิใช่หรือ!?!
บันทึกการเข้า
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #17 เมื่อ: 08-08-2007, 09:48 »

   กะทู๊.. นี๊ หนุก ดี ฮะ
บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #18 เมื่อ: 08-08-2007, 09:50 »

ถูกแล้วครับ.........คุณทักษิณ พูดเอง ว่า ไม่มีคนไทย มีกระตังเยอะขนาดซื้อชิน ฯ ....เลยต้องหาพันธมิตรต่างชาติ.......นี่คือสาเหตุของการรื้อ พรบ.ทุนต่างชาติไง.......นักเรียนนอกอย่างท่านท้าว ฯ ก็น่าจะเข้าใจ น๊ะ

 
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #19 เมื่อ: 08-08-2007, 10:07 »



เรื่องที่เค้าคุยกันไปประมาณพันล้านรอบ ยังขุดขึ้นมาด้าย ถ้ารู้มากกว่านี้คงจะไม่กล้าพูดมากหรอก

ไม่มีความบังเอิญแต่เป็นการวางแผนล่วงหน้ามาเป็นอย่างดีเยี่ยม โดย กลุ่มต่างๆ ดังนี้
1. พงส์ สารสิน และ ศุภเดช พูนพิพัฒน์ ในนาม กุหลาบแก้ว
2. ธนาคารไทยพาณิชย์
3. เทมาเส็ก โฮลดิ้ง
4. ตระกูลชินวัตร ผู้ขาย

มาดูกันว่าแต่ละคนมาจากไหน
นายพงส์ สารสิน ชื่อเสียงในวัยหนุ่มที่เป็นนักการเมืองก็รู้กันดีอยู่แล้ว ในวัยชราได้รับคัดเลือกให้เป็น
กรรมการบริษัทนี้

บุคคลที่เป็นคณะกรรมการบริษัทนี้ไม่มีคนไหนธรรมดา profile สูงๆ ทั้งนั้น

พลเรือตรีหม่อมหลวง อัศนี ปราโมช ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระองค์
พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา
- ผู้บริหารกลุ่มปูนซีเมนต์ไทย
- นายกสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยชินวัตร
- รองประธานกรรมการ มูลนิธิไทยคม
http://council.chula.ac.th/RParon.htm
นายกวี อังศวานนท์ ประธานกรรมการบริษัท สุวรรณชาติ จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์
สมศักดิ์ เขมะรังสี ผู้ช่วยผู้จัดการบ้านสัมมากร
อภิชัย จันทรเสน มืออาชีพด้านกฎหมาย
ชินภัทร สารสิน --> สามหนุ่ม "สารสิน" กลินท์-พ.ต.อ.ชินภัทร-กนิษฐ์
พิพิธ พิชัยศรทัต
- กรรมการที่เข้าบริหารบริษัทสุวรรณชาดมีผู้แทนพระองค์ 5 ท่าน
(ดิสธร วัชโรทัย พิพิธ พิชัยศรทัต พลโททวีศักดิ์ ทวีศรี กวี อังศวานนท์ และทำนุ ธรรมมงคล)
อนุทิพย์ ไกรฤกษ์ บุตรนายพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์
สิทธิชัย จันทราวดี ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจสอบ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย 
กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา บุตรชาย พล.ร.ต. หม่อมหลวง อัศนี  ปราโมช

นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)
ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ


ธนาคารไทยพาณิชย์


คนที่ต้องรับผิดชอบธนาคารไทยพาณิชย์ คือ
เพราะมีรายชื่อในกรรมการ และ เป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นรายใหญ่


ไม่อยากวิเคราะห์อะไรให้โดนลบ ไปเชื่อมโยงหาเหตุผลกันเอาเองนะจ๊ะ ดีลใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้คิด
แค่วันสองวันหรอก วางแผนกันหลายเดือน แถมให้อีกหน่อย คนวางแผนเค้าเอาโมเดลนี้มาใช้ด้วย

กลต. อธิบายหลักการเรื่องนี้ไว้เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2549 ว่า: "หลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาเสนอซื้อหุ้นบริษัทลูกมีกำหนดตั้งแต่ปี 2545 แล้ว โดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหลายท่านได้เข้าร่วมพิจารณาและร่วมกันกำหนดเกณฑ์ …โดยเห็นว่า ไม่ควรใช้ราคาตลาด แต่ให้ใช้ราคาที่ได้มา ทั้งนี้ เพื่อให้สะท้อนมูลค่าหุ้นที่แท้จริงของบริษัทลูกในขณะที่มีการทำ takeover บริษัทแม่ ...โดยวิธีการคำนวณราคาลักษณะนี้เคยใช้มาแล้วในกรณีการทำคำเสนอซื้อ NPC โดย SCC ซึ่งเป็นกรณี chain principle เช่นเดียวกัน"
http://www.midnightuniv.org/midnight2545/document95157.html

ตาสว่างกันมั่งหรือยังจ๊ะ ถ้าตาสว่างแล้ว ก็หุบปากลงหน่อยก็ดี
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #20 เมื่อ: 08-08-2007, 10:28 »

ถูกแล้วครับ.........คุณทักษิณ พูดเอง ว่า ไม่มีคนไทย มีกระตังเยอะขนาดซื้อชิน ฯ ....เลยต้องหาพันธมิตรต่างชาติ.......นี่คือสาเหตุของการรื้อ พรบ.ทุนต่างชาติไง.......นักเรียนนอกอย่างท่านท้าว ฯ ก็น่าจะเข้าใจ น๊ะ

 


ท่านโคด5 อ่านรายละเอียดข้อมูลที่ท่านติดแก๊สโพสต์แล้วน่าจะเข้าใจอะไรๆชัดขึ้นน๊า
บันทึกการเข้า
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #21 เมื่อ: 08-08-2007, 11:09 »


ท่านโคด5 อ่านรายละเอียดข้อมูลที่ท่านติดแก๊สโพสต์แล้วน่าจะเข้าใจอะไรๆชัดขึ้นน๊า

เออ อ่านแล้วเข้าใจว่าไม๋จงใจเหรอ ผมเห้นเป้นแค่ราสบชื่อกรรมการ ไม่ได้ทำให้ข้อกังขาหายไปนะครับ เรากำลังพูดเรื่องกฎหมายที่ออกมาพอเหมาะจนน่าเกลียดแต่ก็มีพวกที่ปิดตาข้างนึงแล้วบอก บังเอิญๆๆ

แถ มหัศจรรย์ ทำได้ทำไป
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #22 เมื่อ: 08-08-2007, 14:51 »



เรื่องที่เค้าคุยกันไปประมาณพันล้านรอบ ยังขุดขึ้นมาด้าย ถ้ารู้มากกว่านี้คงจะไม่กล้าพูดมากหรอก

ตาสว่างกันมั่งหรือยังจ๊ะ ถ้าตาสว่างแล้ว ก็หุบปากลงหน่อยก็ดี

ตาไม่สว่างอยู่แล้วครับ เพราะเอามาทีไรก็เจอแต่พวกทำอินโนเซนต์ ตาใส

ก็เพราะว่าชอบอ้างแต่ว่าตัวเองถูกอยู่เสมอ หน้าไม่อายครับ
ออกกฏหมายเอื้อตัวเองโดยอ้างความชอบธรรมจาก 19 ล้านตัว

แถมยังหน้าด้านยื่นคำร้องขอตรวจสอบการถือหุ้นของดีแทคอีก จะหาพวกว่างั้นเถอะ

อนิจจา โดนรถถังชน สมควรแล้วครับ


ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุณชอบแถ ก็ตอบเรื่องการแก้ไขสัมปทาน อยู่บนๆหน่อย ให้ฟังมั่งละกันครับ
ว่าชาติขาดรายได้อันชอบธรรมไปเท่าไหร่

และคนที่เลี่ยง ก็คือคนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้นำประเทศ เนี่ย

ผมว่าสมควรแล้วโดนแล้วล่ะครับ

แต่ที่ทึ่งก็คือยังหน้าด้านหาทางกลับมาทำลายชาติอีก

ทำไปได้
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #23 เมื่อ: 08-08-2007, 14:59 »



เขาเสียดายเอกสิทธิ์วงโคจรดาวเทียมและสัมปทานชาติ ที่ต้องไปตกอยู่ในมือประเทศอื่น

ไม่งั้นเราจะมี น่านน้ำ น่านฟ้า ไว้ทำสากอะไรล่ะครับ

ถ้าไม่มีน่านน้ำ น่านฟ้าที่ต้องคอยปกป้องไว้ เราจะมีชาติและเอกราชไว้ทำมวยอะไรล่ะครับ

และอีกอย่าง พอมีคนแบบนิติภูมิพูดว่า ระวัง ไทยจะเหมือนอาร์เจนติน่า ซึ่งไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง พวกสาวกแม้วก็บอก อย่าไปฟังมัน มันบ้า

แต่หลังการขายชินคอร์ป
แอร์เอเชีย ซึ่งชินคอร์ปลงทุนกับมาเลย์
แล้วพอขายชินคอร์ปออกไป ก็กลายเป็นของสิงคโปร์ กับมาเลย์ มาบินว่อนหากินอยู่บนน่านฟ้าไทย

แบบนี้ไม่เรียกเลวทรามขายชาติ จะเรียกว่าอะไรครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2007, 15:04 โดย ไทยแลนด์สแตนดาร์ด » บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #24 เมื่อ: 08-08-2007, 15:04 »

เขาเสียดายเอกสิทธิ์วงโคจรดาวเทียมและสัมปทานชาติ ที่ต้องไปตกอยู่ในมือประเทศอื่น

ไม่งั้นเราจะมี น่านน้ำ น่านฟ้า ไว้ทำสากอะไรล่ะครับ

ถ้าไม่มีน่านน้ำ น่านฟ้าที่ต้องคอยปกป้องไว้ เราจะมีชาติและเอกราชไว้ทำมวยอะไรล่ะครับ


ฮ่าๆๆๆ....การให้สัมประทานดาวเทียมเชิงพาณิชย์แก่ต่างชาติมันทำให้ประเทศไทยเสียหายอย่างไรเอ่ย!?!  ช่วยซิบที่ข้างหูท้าวฯหน่อยดิ๊ pleaseeeee
บันทึกการเข้า
สมปอง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #25 เมื่อ: 08-08-2007, 15:06 »


ฮ่าๆๆๆ....การให้สัมประทานดาวเทียมเชิงพาณิชย์แก่ต่างชาติมันทำให้ประเทศไทยเสียหายอย่างไรเอ่ย!?!  ช่วยซิบที่ข้างหูท้าวฯหน่อยดิ๊ pleaseeeee
What a great joke!! haha
บันทึกการเข้า



ไม่มีดินผืนใดให้ไออุ่น เท่ากับดินที่คุณถือกำเนิด
ไม่มีดินผืนใดดูมั่นคง เท่ากับดินที่ลงสำมะโนครัว
ไม่มีดินผืนใดให้คุณเดิน เท่ากับดินที่คุณเดินตอนตั้งไข่
ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่าแผ่นดินสุดท้ายของเผ่าพันธุ์

ไม่มีเงินไม่มีทองยังไม่หมองเศร้า
มีแผ่นดินปลูกข้าวเราอยู่ได้
ไม่มีเงินไม่มีทองค่อยหาใหม่ บนแผ่นดินสุดท้ายของไทยทุกคน
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #26 เมื่อ: 08-08-2007, 15:10 »


ฮ่าๆๆๆ....การให้สัมประทานดาวเทียมเชิงพาณิชย์แก่ต่างชาติมันทำให้ประเทศไทยเสียหายอย่างไรเอ่ย!?!  ช่วยซิบที่ข้างหูท้าวฯหน่อยดิ๊ pleaseeeee

งั้นก็ยกการไฟฟ้า ประปา ให้สิงคโปร์มันเถอะครับ
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #27 เมื่อ: 08-08-2007, 16:49 »

งั้นก็ยกการไฟฟ้า ประปา ให้สิงคโปร์มันเถอะครับ


ก็ต้องถามกลับว่าธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงินนี่ถือว่าเป็นธุรกิจที่ต้องคุ้มครองไม่ให้ตกไปอยู่ในมือต่างชาติไหมเอ่ย??
บันทึกการเข้า
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #28 เมื่อ: 08-08-2007, 17:38 »


ก็ต้องถามกลับว่าธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงินนี่ถือว่าเป็นธุรกิจที่ต้องคุ้มครองไม่ให้ตกไปอยู่ในมือต่างชาติไหมเอ่ย??

จะว่า ปรส ว่าง๊านเถอะ

วันไหนต่างชาติ มันอ้าง เทมาเส็ก ชินคอร์ป โมเดล ล่ะก้อ ชาติบรรลัยกว่าเดิม
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #29 เมื่อ: 08-08-2007, 18:19 »


ท่านโคด5 อ่านรายละเอียดข้อมูลที่ท่านติดแก๊สโพสต์แล้วน่าจะเข้าใจอะไรๆชัดขึ้นน๊า

แล้วท่านติดแก๊ส เอาอะไรมาโพสต์เนี่ย  ให้ดูว่ามีนอมินี เป็นใครบ้างรึ


 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: