ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 14:56
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "หลวงพ่อปัญญา"แนะม็อบนปก.กลับบ้าน อย่าเป็นควายถูกจูงจมูก 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"หลวงพ่อปัญญา"แนะม็อบนปก.กลับบ้าน อย่าเป็นควายถูกจูงจมูก  (อ่าน 2032 ครั้ง)
RONALDO
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 684


ไม่มีใคร ทำให้เรารู้สึกต่ำต้อยได้ หากเราไม่ยินยอม


« เมื่อ: 06-08-2007, 23:36 »

เช้าวันที่ 5 สิงหาคม หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฎ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้เทศน์ผ่านวิทยุกรมประชาสัมพันธ์และเครือข่ายทั่วประเทศ โดยให้ข้อแนะนำกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.)ที่ท้องสนามหลวงให้กลับบ้าน เพื่อสังคมจะได้สงบสุข

 "อย่าเป็นควายให้เขาจูงจมูก ไม่ควรโหวกเหวก พ่นน้ำลายเหม็นๆใส่สนามหลวง กลับบ้านกันเถอะฝนตกชุ่มฉ่ำแล้ว ไปปลูกข้าวปลูกงา หาเงินเลี้ยงชีพดีกว่าปล่อยให้ลูกเมียทางบ้านว้าเหว่"หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ กล่าว

 และว่าการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากถูกหลอก ถูกจ้างด้วยเงินเพียงเล็กน้อยไม่คุ้มกับความเป็นคน เป็นมนุษย์เป็นพุทธบริษัท ต้องทำตัวเป็นไทยแท้ไม่ใช่ไทยจอมปลอมและยังน่าสงสารที่ต้องมานั้งให้ยุงกัด จะเป็นโรคอันตรายตามมาได้ ขอวิงวอนให้กลับบ้าน กลับไปแต่หัวรุ่ง ไม่ต้องร่ำลาใคร

 หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ยังกล่าวว่าได้อ่านร่างรัฐธรรมนูญแล้ว เห็นว่า เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ควรลงมติรับไปก่อน ถ้าเห็นว่าส่วนใดเหมาะสมก็ค่อยหาทางแก้ไขในภายหลัง แต่จะมานั่งชุมนุมที่สนามหลวงนั้นคงไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ เพราะรัฐธรรมนูญต้องไปแก้ไขกันในสภา ต้องใช้สติต้องใช้ปัญญาเป็นหลัก
อนุโมทนา สาธุ พระคุณเจ้า
บันทึกการเข้า

เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ถ้าไล่พวกโกงกิน ขจัดระบอบทักษิณ ให้ออกไป
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #1 เมื่อ: 06-08-2007, 23:53 »

ได้ข่าวว่าหลวงพ่อเองก็เดือดร้อนจะโดนไล่ที่ไปสร้างรัฐสภา

แต่ไม่เห็นท่านออกมาพ่นน้ำลายด่าใคร

บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #2 เมื่อ: 07-08-2007, 00:04 »

เห็นคนรักแม้วในหลายๆ บอร์ดก็เริ่มออกมาเล่นงานท่านแล้วครับ

คนเรานี่เวลาหน้ามืดตามัว มันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นจริงๆ
บันทึกการเข้า
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #3 เมื่อ: 07-08-2007, 00:18 »

ควายดี ๆ ไม่มาทำแบบนี้หรอกครับ 

ชีวิตผมเห็นควายมามากมาย ส่วนใหญ่ทำประโยชน์ทั้งนั้น

มีครั้งเดียวที่เห็นควายคลั่งอาละวาด ควบตะบึงย้อนศรบนถนนมิตรภาพ

ถ้าจะจัดการควายอาละวาด ขอแนะนำให้ส่งไปเชียงราย

คนที่นั่นนิยมรับประทานหนังควายจี่
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 07-08-2007, 10:31 »

เห็นคนรักแม้วในหลายๆ บอร์ดก็เริ่มออกมาเล่นงานท่านแล้วครับ

คนเรานี่เวลาหน้ามืดตามัว มันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นจริงๆ

กะแล้ว ว่าพวกเห็นกงจักร ต้องไม่อยู่เฉยๆแน่ๆ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #5 เมื่อ: 07-08-2007, 10:36 »

ก็ท่านไม่รู้อะไร ท่านรู้ปะ ว่า ที่ใช้จูงๆๆอะ มันเยอะกว่าทำบุญงานวัดที่วัดท่านอีกนะ แล้วอย่างงี้จะไม่ให้จูงได้ไง
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
irq5
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,149



« ตอบ #6 เมื่อ: 07-08-2007, 10:59 »

 

ความจริงหลวงพ่อไม่น่าพลาดมาชี้เรื่องรับไม่รับเลยครับ
บันทึกการเข้า

.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs..
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs..
.:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs..
.:M................................................hs..
.:M.............//:................//:.............hs..
.:M...........:MMs.............NMd............hs..
.:M................................................hs..
.:M................................................hs..
.:M.............yNNNNNNNNNN................hs..
.:M.................................................hs..
.:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..

....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD..........
.....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D.......
.....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD..........
. . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
วิหค อัสนี
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 946



« ตอบ #7 เมื่อ: 07-08-2007, 11:05 »

ด้วยความเคารพ...

ผมก็เคยไปพบเห็นท่านที่วัดมาแล้วตอนทำรายงานกลุ่มม.ปลาย ถึงแม้จะเห็นว่าที่ท่านเทศนาก็มีเหตุผลอยู่ และพระก็มีหน้าที่เทศนาเตือนสติสังคม แต่ในเรื่องนี้ผมกังวลว่าท่านล้ำเข้ามามากเกินไปหรือเปล่า โดยเฉพาะการแสดงท่าทีเหมือนเลือกข้างชัดเจน และโดยเฉพาะในประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญที่มีความขัดแย้งและหาจุดลงตัวได้ยากในสถานการณ์ทุกวันนี้

ที่ผมกล่าวมาก็หวังเพื่อจะปกป้องพระศาสนาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด


บันทึกการเข้า

_______ดังนี้แล
__เปลวไฟจักลุกโชน
___หามีวันดับลงได้
_ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า
ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
ล้างโคตรทักษิณ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 903



« ตอบ #8 เมื่อ: 07-08-2007, 12:11 »

ลิงค์กระทู้นี้ที่บอร์ดประชาถ่อ.ย?
บันทึกการเข้า
samrung
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 226



« ตอบ #9 เมื่อ: 07-08-2007, 13:16 »

 
บันทึกการเข้า
An.mkII
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,984


Out of kontrol....!!!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 07-08-2007, 14:40 »

   พระพรหมังคลาจารย์ หรือที่รู้จักกันดีทั่วไปคือ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ถือกำเนิดที่ตำบลคูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2454 เดิมมีนามว่า ปั่น เสน่ห์เจริญ หลังใช้ชีวิตฆราวาสจนมีอายุได้ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดอุปนันทนาราม จ.ระนอง โดยมีพระระณังคมุนีเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดนางลาด อ.เมือง จ.พัทลุง โดยมีพระจรูญกรณีย์เป็นอุปัชฌาย์เมื่อปี พ.ศ.2474
     หลังจากอุปสมบทได้ไม่นาน ได้เดินทางไปศึกษาหาหลักธรรมในบวรพุทธศาสนาหลายจังหวัดที่มีสำนักเรียนธรรมะ เช่น นครศรีธรรมราช สงขลา และกรุงเทพมหานคร จนหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีเป็นที่ 1 ของสังฆมณฑลภูเก็ต และสามารถสอบได้นักธรรมชั้นโท และเอกในปีถัดมาที่ จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นท่านได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านภาษาบาลีจนสามารถสอบเปรียญธรรม 4 ประโยค ที่สำนักเรียนวัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร แต่เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้หลวงพ่อต้องหยุดการศึกษาไว้เพียงเท่านั้น แล้วเดินทางกลับพัทลุงภูมิลำเนาเดิมและได้เริ่มแสดงธรรมในพื้นที่ต่างๆ ของภาคใต้ รวมทั้งเดินทางไปจำพรรษาที่วัดสีตวนารามและวัดปิ่นบังอร รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่นี้ก็ได้ศึกษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน เพื่อเป็นพื้นฐานในการเผยแพร่ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป
     ปี พ.ศ.2475 หลวงพ่อมีโอกาสร่วมเดินทางไปประเทศพม่า กับพระโลกนาถชาวอิตาลีสหายธรรม ร่วมเดินทางแสวงบุญไปประเทศอินเดียและทั่วโลกโดยผ่านทางประเทศพม่าด้วยเท้าเปล่าเพื่อเป็นพุทธบูชา แต่เมื่อเดินทางถึงประเทศพม่าก็ต้องเดินทางกลับ
     ระหว่างปี พ.ศ.2475-2476 หลวงพ่อได้มีโอกาสเดินทางไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศหลายประเทศ จนหลวงพ่อได้ชื่อว่า เป็นพระสงฆ์รูปแรกของไทยที่ได้เดินทางไปประกาศธรรมในภาคพื้นยุโรป
    ปี พ.ศ.2477 หลวงพ่อได้เดินทางไปจำพรรษากับพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) ที่สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และร่วมเป็นสหายธรรมดำเนินการเผยแพร่หลักธรรมที่แท้จริงตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    ในปี พ.ศ.2492 หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ได้รับอาราธนานิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่ และได้เริ่มแสดงธรรมในทุกวันอาทิตย์และวันพระที่พุทธนิคม จ.เชียงใหม่ พร้อมกันนี้หลวงพ่อได้เขียนบทความต่างๆ ลงในหนังสือพิมพ์และเขียนหนังสือธรรมะขึ้นจำนวนหลายเล่ม นอกจากนี้ หลวงพ่อได้เดินทางไปประกาศธรรมแก่ชาวบ้าน ชาวเขาโดยใช้รถติดเครื่องขยายเสียง จนชื่อเสียงของหลวงพ่อดังกระฉ่อนไปทั่ว จ.เชียงใหม่ ในนาม "ภิกขุปัญญานันทะ"
     ในยุคนี้เองที่หลวงพ่อได้ก่อตั้งมูลนิธิ "เมตตาศึกษา" ที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ และบำเพ็ญศีล กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกมากมาย
     ในปี พ.ศ.2502 ม.ล.ชูชาติ กำภู อธิบดีกรมชลประทาน ในสมัยนั้น ระหว่างที่ไปเยือนเชียงใหม่มีความประทับใจ ในลีลาการสอนธรรมะแนวใหม่ของหลวงพ่อ จึงเกิดความศรัทธาปสาทะในพลวงพ่อ และในขณะนั้นกรมชลประทานได้สร้างวัดใหม่ขึ้น ชื่อ "วัดชลประทานรังสฤษฎ์" ที่ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงได้อาราธนาหลวงพ่อไปเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ พ.ศ.2503 จนถึงปัจจุบัน
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมโกศาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) ได้ดำเนินการเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยวิธีที่ท่านได้เริ่มปฏิวัติรูปแบบการเทศนาแบบดั้งเดิมที่นั่งเทศนาบนธรรมาสน์ถือใบลาน มาเป็นการยืนพูดปาฐกถาธรรมแบบพูดปากเปล่าต่อสาธารณชน พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุผลร่วมสมัย ทันต่อเหตุการณ์ เป็นการดึงดูดประชาชนให้หันเข้าหาธรรมะได้เป็นเป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงแรกๆ ได้รับการต่อต้านอยู่บ้าง แต่ต่อมาภายหลังการปาฐกถาธรรมแบบนี้กลับเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปจนถึงบัดนี้ เมื่อพุทธศาสนิกชนทราบข่าวว่า หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุจะไปปาฐกถาธรรมที่ใดก็จะติดตามไปฟังกันเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดหลวงพ่อได้รับอาราธนาให้เป็นองค์แสดงปาฐกถาธรรมในสถานที่ต่างๆ และเทศนาออกอากาศทั้งทางสถานีวิทยุกระจายเสียง และสถานีวิทยุโทรทัศน์ต่างๆ จนถึงปัจจุบัน
     นอกจากนี้ หลวงพ่อยังได้รับอาราธนาไปแสดงธรรมในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น และยังได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมและกล่าวคำปราศรัยในการประชุมองค์กรศาสนาของโลกเป็นประจำอีกด้วย
    โดยที่หลวงพ่อท่านเป็นพระมหาเณรผู้มีชื่อเสียงของประเทศไทย ได้สร้างงานไว้มากมายทั้งด้านศาสนาสังคมสงเคราะห์ตลอดจนงานด้านวิชาการ ดังนั้นหลวงพ่อจึงได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ได้รับรางวัลเกรียรติคุณมากมาย และเป็นประธานในการดำเนินกิจกรรมทั้งที่เป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาและสังคม เช่น สนับสนุนโครงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างแดน เป็นประธานจัดหาทุนสร้างตึกโรงพยาบาล กรมชลประทาน 80 ปี (ปัญญานันทะ) และเป็นประธานในการดำเนินการจัดหาทุนสร้างวัดปัญญานันทาราม ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ แม้ว่าคำสอนของหลวงพ่อจะเป็นคำสอนที่ฟังง่ายต่อการเข้าใจ แต่ลึกซึ้งด้วยหลักธรรมและอุดมการณ์อันหนักแน่นในพระรัตนตรัย หลวงพ่อปัญญานันทภิภขุ เป็นหนึ่งในบรรดาภิกษุผู้มีชื่อเสียง และเปี่ยมด้วยคุณธรรมเมตตาธรรม ผู้นำคำสอนในพระพุทธศาสนา ซึ่งเหมาะสมสำหรับชนทุกชั้นที่จะเข้าถึง หลวงพ่อเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่กล้าในการปฏิรูปพิธีกรรมทางศาสนา ของชาวไทยที่ประกอบพิธีกรรมหรูหรา ฟุ่มเฟือย โดยเปลี่ยนเป็นประหยัด มีประโยชน์และเรียบง่าย ดังนั้น หลวงพ่อจึงได้รับการขนานนามว่า "ผู้ปฏิรูปพิธีกรรมของชาวพุทธไทย" ในปัจจุบัน

ผลงานและเกียรติคุณ

งานด้านการปกครอง
-พ.ศ.2503 เป็นเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์
-พ.ศ.2506 ได้รับพระบัญชา แต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
                  -เป็นหัวหน้าพระธรรมทูตสายที่ 9
                  -เป็นรองเจ้าคณะภาค 18
-พ.ศ.2515 เป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธธรรม ชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

งานด้านการศึกษา
-พ.ศ.2503 เป็นเจ้าสำนักศาสนาศึกษา แผนกธรรมและบาลีวัดชลประทานรังสฤษฏ์
-พ.ศ.2512 เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนพุทธศาสนาวัดอาทิตย์ ระดับอนุบาล ประถม มัธยมศึกษา
-พ.ศ.2524 เป็นผู้อำนวยการจัดการการอบรมพระธรรมทายาทของวัดชลประทานรังสฤษฏ์
                 -เป็นผู้อำนวยการจัดการอบรมพระนวกะที่บวชในวัดชลประทานรังสฤษฏ์

งานด้านการเผยแผ่
-พ.ศ.2492-2502 เป็นองค์แสดงปาฐกถาธรรมประจำวันพระและวันอาทิตย์ ณ พุทธนิคม สวนพุทธธรรม วัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่
-พ.ศ.2500 เป็นประธานมูลนิธิ "ชาวพุทธมูลนิธิ" จังหวัดเชียงใหม่
                 -เป็นประธานก่อตั้งพุทธนิคม จ.เชียงใหม่
-พ.ศ.2503 เป็นองค์แสดงธรรมทางสถานีวิทยุกระจายเสียง และสถานีวิทยุโทรทัศน์
                 -เป็นผู้ริเริ่มการทำบุญ ฟังธรรมในวันอาทิตย์ ณ วัดชลประทานรังสฤษฏ์
                 -เป็นผู้ก่อตั้งทุนพิมพ์หนังสือเพื่อเผยแผ่ธรรมะแก่ประชาชน พ.ศ.2520
                 -เป็นผู้อบรมผู้ช่วยผู้พิพากษา
-พ.ศ.2525 รับเป็นองค์แสดงธรรมแก่วุฒิสมาชิก และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
-พ.ศ.2534 เป็นผู้ริเริ่ม "ค่ายคุณธรรมแก่เยาวชน" ในโรงเรียนต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย ฯลฯ
-พ.ศ.2536 จำพรรษา ณ วัดพุทธธรรม ชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

การปฏิบัติศาสนากิจในต่างประเทศ
-พ.ศ.2497 เดินทางเผยแผ่ธรรมรอบโลก
-ช่วยเหลือกิจการพุทธศาสนา เผยแผ่ธรรมะในต่างประเทศ คือ ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เยอรมัน
-เป็นเจ้าอาวาสววัดพุทธธรรม วัดไทยในชิกาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

งานด้านสาธารณูปการ
-พ.ศ.2516 เป็นประธานในการก่อสร้างกุฏิสี่เหลี่ยม เพื่อเป็นที่อยู่แก่พระภิกษุผู้บวชใหม่
-พ.ศ.2518 เป็นประธานในการก่อสร้างโรงเรียนพุทธธรรม
-เป็นประธานในการก่อสร้างโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์
-พ.ศ.2537 เป็นประธานก่อสร้างกุฏิสองหลังเป็นกุฏิทรงไทยประยุกต์

งานด้านสาธารณประโยชน์
-พ.ศ.2533 เป็นประธานหาทุนสร้าง "ตึก 80 ปี ปัญญานันทะ" ให้โรงพยาบาลชลประทานรังสฤษฏ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
-สร้างศูนย์ฝึกและปฏิบัติงาน มูลนิธิแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ที่ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
-พ.ศ.2534 บริจาคเงินสร้างอุโบสถวัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) จ.เชียงใหม่
-พ.ศ.2537 บริจาคเงินสร้างโรงอาหารแก่โรงเรียนประภัสสรรังสิต อ.เมือง จ.พัทลุง
-บริจาคเงินซื้อเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลวชิระ จ.ภูเก็ต
-เป็นประธานหาทุนสร้างวัดปัญญานันทาราม จ.ปทุมธานี
-บริจาคเงินเป็นทุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียนในโรงเรียนท้องถิ่นที่ขาดแคลนต่างๆ หลายจังหวัด

งานพิเศษ
-พ.ศ.2503 เป็นองค์แสดงธรรมถวายสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ณ ตำหนักจิตรลดารโหฐาน
-พ.ศ.2518 เป็นองค์แสดงธรรมถวายสมเด็จพรเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ณ ศาลาการเปรียญ วัดชลประทานรังสฤษฏ์
-เป็นองค์แสดงธรรมถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และ พระบรมวงศานุวงศ์ เนื่องในพระราชพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์รามาธิบดีอันมีศักดิ์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
-เป็นพระอุปัชฌาย์อุปสมบทแก่ช่าวต่างประเทศ ที่อุปสมบทในประเทศไทย เช่น ชาวอเมริกัน อังกฤษ ออสเตรเลีย เยอรมัน ญี่ปุ่น และศรีลังกา เป็นต้น
-พ.ศ.2529 ได้รับนิมนต์เข้าร่วมประชุมพุทธศาสนิกสัมพันธ์อาเชี่ยนเพื่อสันติภาพ ครั้งที่ 7 ที่ประเทศประชาธิปไตยประชาชนลาว (12th Asain Buddist Conference for Peace)
-พ.ศ.2536 ได้รับนิมนต์ไปร่วมประชุมและบรรยาย ในการประชุมสภาศาสนาโลก 1993 ณ นครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา (The 1993 Parliament of the world's Religion)

งานด้านวิทยานิพนธ์
ได้เขียนหนังสือที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาไว้มากมาย เช่น
 1.ทางสายกลาง
 2.คำถามคำตอบพุทธศาสนา
 3.คำสอนในพุทธศาสนา
 4.หน้าที่ของคนฉบับสมบูรณ์
 5.รักลูกให้ถูกทาง
 6.ทางดับทุกข์
 7.อยู่กันด้วยความรัก
 8.อุดมการณ์ของท่านปัญญา
 9.ปัญญาสาส์น
10.ชีวิตและผลงาน
11.มรณานุสติ
12.ทางธรรมสมบูรณ์แบบ
13.72 ปี ปัญญานันทะ เป็นต้น
 
เกียรติคุณที่ได้รับ
-พ.ศ.2520 ได้รับรางวัล "สังข์เงิน" จากสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ในฐานะพระภิกษุผู้เผยแผ่ธรรมะและศีลธรรมยอดเยี่ยมของประเทศไทย
-พ.ศ.2521 ได้รับรางวัล "นักพูดดีเด่น" ประเภทเผยแผ่ธรรม จากสมาคมฝึกพูดแห่งประเทศไทย
-พ.ศ.2525 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระศาสนา เนื่องในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จากกรมการศาสนา โดยได้รับรางวัลและประกาศเกียรติคุณ 2 รางวัล คือ ประเภท ก.บุคคล และประเภท ข.สื่อสารมวลชน (รายการส่งเสริมธรรมะทางสถานีวิทยุโทรทัศน์)
-พ.ศ.2524 ได้รับปริญญาพุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาครุศาสตร์ จาก มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
-พ.ศ.2531 ได้รับปริญญา ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง
-พ.ศ.2534 ได้รับปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรจน์
-พ.ศ.2536 ได้รับปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
-พ.ศ.2536 ได้รับปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปรัชญาและศาสนา) จาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
-พ.ศ.2537 ได้รับปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สมณศักดิ์ที่ได้รับ
-วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2499 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ "พระปัญญานันทมุนี"
-วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2514 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระราชาคณะชั้นราช ที่ "พระราชนันทมุนี"
-วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2530 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระราชาคณะชั้นเทพ ที่ "พระเทพวิสุทธิเมธี"
-วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2537 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระราชาคณะชั้นธรรม ที่ "พระธรรมโกศาจารย์ สุนทรญาณดิลก สาธกธรรมภาณ วิสาลธรรมวิภูษิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"

    พระพรหมังคลาจารย์ หรือที่ชาวพุทธรู้จักกันดีในนาม "หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ" ได้อุทิศชีวิตและร่างกายเป็นพุทธบูชา แด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธศาสนา แม้ว่าหลวงพ่อจะมีอายุมากแล้ว แต่หลวงพ่อยังคงทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง ในการรณรงค์ให้ชาวพุทธไทยได้เป็นชาวพุทธที่แท้จริง โดยให้ละทิ้งจากความเชื่องมงาย ตามหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงพ่อเน้นเสมอในแก่นแท้ของพระศาสนา และความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนาอื่นๆ
    ดังนั้น หลวงพ่อจึงกล้าพูดความจริงทุกกาลเทศะ และสนับสนุนคนดีตลอดมา หลวงพ่อจึงเป็นที่ยอมรักจากทุกชุมชน ทั่วทุกมุมโลกที่มีชาวพุทธอยู่อาศัย ผู้เขียนและชาวพุทธ ขอตั้งจิตอธิษฐานให้หลวงพ่อ พระธรรมโกศาจารย์ พลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ มีสุขภาพ พลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร เป็นดวงประทีปธรรมส่องกลางใจของมวลศิษย์ตราบนานเท่านานเทอญ..... กราบนมัสการ

นายชัยยันต์ ศุภกิจ
15 มกราคม 2546

http://www.muanglung.com/panyananta.htm


-----


และ..โดยส่วนตัว..

หลวงพ่อปัญญา..เป็นพระอีกหนึ่ง..ที่ผมเคารพ..  เพราะท่านเป็นพระในแบบที่ผมเคารพจริงๆ. ขนาดที่ว่าท่านเคยออกมาด่าพวกที่หลงกระเเสจตุคามแบบได้ใจผมมากๆ
 
ฉะนั้นผมก็คิดว่าการที่ท่านออกมาพูดแบบนี้...ผมคิดว่าไม่น่าจะสู้ดี..  เพราะเดี๋ยววัวเเละควายมันจะขวิดท่านให้..

เพราะคนพวกที่มันไม่รู้จักคำว่าที่ต่ำที่สูง..และถ้าใครขว้างกระทำชั่วๆของมัน มันก็ด่าไม่ไว้หน้าใคร..


อ้อและถ้าใครได้ฟังท่านเทศน์..มาก่อนหน้านี้ ผมก็คิดว่าท่านน่าจะเลือกข้างมาตั้งนานเเล้วด้วยครับ..

คือท่าน.. " ไม่ได้อยู่ข้างคนโกง..และข้างทุน."   เพราะท่านบอกว่าสังคมไทยนั้นไม่ไม่เหมาะกะสังคมทุน และสังคมไทยเป็นสังคมที่เอื้อเฟื้อเพื่อแผ่ซึ่งกันเเละกัน..

แต่ทุนมันเข้าทำลายสิ่งที่ดีๆของคนไทยไปหมด... จึงทำให้เมืองไทยมันอยู่ในสภาพนี้ในทุกวันนี้.. ก็เพราะทุน โดนเฉพาะทุนสามานย์..

เพราะผมก็ติดตามท่านมานานแล้วเหมือนกัน...
บันทึกการเข้า
morning star
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,119


don't let them make up your mind


« ตอบ #11 เมื่อ: 07-08-2007, 15:00 »

หลวงพ่อปัญญาฯ เป็นพระในแบบที่ผม"คาดหวังไว้" เหมือนกันครับ..จริง ๆ ผมไม่ควรต้องคาดหวังอะไรกับพระหรอกครับ แต่ท่าน น่าจะได้ชื่อว่า ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบรูปหนึ่งเหมือนกัน

ในมุมองผม ท่านออกจะแนวเดียวกับท่านพุทธทาส แต่หลวงพ่อปัญญาจะเป็นนักพัฒนาและมองเรื่องทางโลกว่า พระควรจะมีส่วนช่วยเหลือสังคมด้วยทางหนึ่ง
บันทึกการเข้า

อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
สมปอง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #12 เมื่อ: 07-08-2007, 15:05 »

เป็นผู้มีปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรมจริงๆ สมปองนับถือ
บันทึกการเข้า



ไม่มีดินผืนใดให้ไออุ่น เท่ากับดินที่คุณถือกำเนิด
ไม่มีดินผืนใดดูมั่นคง เท่ากับดินที่ลงสำมะโนครัว
ไม่มีดินผืนใดให้คุณเดิน เท่ากับดินที่คุณเดินตอนตั้งไข่
ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่าแผ่นดินสุดท้ายของเผ่าพันธุ์

ไม่มีเงินไม่มีทองยังไม่หมองเศร้า
มีแผ่นดินปลูกข้าวเราอยู่ได้
ไม่มีเงินไม่มีทองค่อยหาใหม่ บนแผ่นดินสุดท้ายของไทยทุกคน
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 07-08-2007, 15:59 »

 

บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
varada
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,193



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 07-08-2007, 16:37 »

ติงอยู่นิดเดียว ไม่น่าชี้นำรัฐธรรมนูญ
บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #15 เมื่อ: 07-08-2007, 16:54 »

ผมเคยเข้าพบท่าน หลายครั้งเนื่องจากมีพี่ชายรู้จักกันบวชอยู่ที่วัด

ท่านคือพระ ที่ไม่ใช่พระธรรมดา เป็นพระนักปราชน์

เช่นเดียวกับพี่ท่านคือท่นพุทธทาส กับท่าน ป.อ.ปยุตโต

บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
RONALDO
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 684


ไม่มีใคร ทำให้เรารู้สึกต่ำต้อยได้ หากเราไม่ยินยอม


« ตอบ #16 เมื่อ: 08-08-2007, 00:56 »

ผมชื่นชมในตัวท่าน และที่สำคัญคำสั่งสอนของท่านนั้นก็ถ่ายทอดมาจากท่าน พุทธทาส ซึ่งผมเคารพมาก

ท่านคงจะเทศน์เตือนสติให้กับคนที่หลงผิดอยู่ ไม่ใช่การชี้นำในรธน.หรอกครับ เพราะท่านเป็นมนุษย์ เป็นคนไทยคนหนึ่งเหมือนกันท่านก็มีสิทธิ์คิดพูดอย่างที่ตัวท่านคิดว่าดีและไตร่ตรองแล้วอย่างลึกซึ้ง

ใครที่เชื่อในคำสั่งสอนของท่าน ก็อย่าหลงในความดีที่ท่านทำ แต่ต้องลึกซึ้งในธรรมคำสั่งสอนของท่านต่างหาก 


บันทึกการเข้า

เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ถ้าไล่พวกโกงกิน ขจัดระบอบทักษิณ ให้ออกไป
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 08-08-2007, 06:41 »

พระที่ดี ต้องกล้าฟันธง ในเรื่อง ดี-ชั่ว

นี่สิ "พระดี" ไม่มีกั๊ก

 
บันทึกการเข้า

jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #18 เมื่อ: 09-08-2007, 01:04 »

สำหรับหลวงพ่อปัญญาฯ ท่านมีต้นทุนทางสังคมเพียงพอที่จะแสดงความเห็นได้ตรงๆ นะครับ
ซึ่งท่านก็ไม่ได้บังคับว่าทุกคนต้องเชื่อตามท่านแต่สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจได้ครับ
ที่สำคัญท่านให้ความเห็นโดยได้อ่านพิจารณาแล้ว ไม่ใช่ให้ความเห็นลอยๆ

โดยส่วนตัวผมชื่นชมนะครับที่หลวงพ่อปัญญาฯ แสดงความเห็นต่อสังคมชัดเจนแบบนี้
เชื่อว่าท่านพิจารณาไตร่ตรองดีแล้วและเลือกจะแสดงท่าทีแบบนี้ต่อสังคมครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 09-08-2007, 06:01 »

ถูกต้องแล้วครับ พระที่ดีต้องกล้าสอนคนในทางที่ดี ชี้นำคนให้ทำดี ละจากสิ่งที่ชั่ว สิ่งมัวเมา อวิชชา กิเลส ตัณหา อุปาทาน
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


(ก้อนหิน) ละเมอ
Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,041



เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 09-08-2007, 07:50 »

ถ้าพระเชียร์แม้ว --> ชี้นำทาง
ถ้าพระด่าแม้ว --> ยุ่งทางโลก
บันทึกการเข้า

นายเบียร์
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 997



« ตอบ #21 เมื่อ: 13-08-2007, 08:15 »

เคยมีโอกาสได้สนทนากับท่าน นับถือในความเป็นทั้งพระที่ดีและนักปราชญ์ของแท้มากๆครับ
บันทึกการเข้า

RONALDO
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 684


ไม่มีใคร ทำให้เรารู้สึกต่ำต้อยได้ หากเราไม่ยินยอม


« ตอบ #22 เมื่อ: 14-08-2007, 14:33 »

ดีชั่วเป็นสัจธรรมครับ ท่านเทศน์ท่านสอน ไม่ได้ประโคมข่าวมัวแต่ปลุกเสกจตุคาม โอ้อวดอภินิหารเหมือนพระบางรูป

ท่านคือแบบอย่างของพระที่อยู่ในศีลในธรรม เป็นพุทธสาวกของพระองค์อย่างแท้จริง
บันทึกการเข้า

เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ถ้าไล่พวกโกงกิน ขจัดระบอบทักษิณ ให้ออกไป
stromman
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 526



« ตอบ #23 เมื่อ: 14-08-2007, 16:03 »

สาธุ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: