การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม คุณธรรมจริยธรรม
แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ? ชื่อบทความเดิม:
การครอบงำการเมืองไทยของฝ่ายอนุรักษ์นิยมผ่านวาทกรรม คุณธรรม
จริยธรรม จะแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นได้จริงหรือ ? วีระ สมความคิด
เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.)31 กรกฎาคม 2550
การกำหนดรูปแบบการเมืองของไทยใหม่ภายหลังรัฐประหารในคืนวันที่ 19 กันยายน
2549 โดยกลุ่มพลังอนุรักษ์นิยม มีพื้นฐานมาจากความหวาดกลัวระบบการเมืองแบบ
เลือกตั้งและผู้นำการเมืองจากระบบเลือกตั้งที่สามารถแข่ง บารมี กับสถาบันสำคัญ
ในสังคมไทยได้เป็นครั้งแรก ดังนั้น
ภารกิจเร่งด่วนของการกำหนดรูปโฉมการเมืองไทย
ก็คือการกำจัด เสี้ยนหนาม ที่อาจสั่นคลอนเสถียรภาพของ ระบอบประชาธิปไตยอัน
มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ให้บังเกิดขึ้นได้อีกต่อไป
ดังจะเห็นได้ว่า ภายหลังรัฐประหาร คณะรัฐประหารพยายามครอบงำการเมืองไทยโดย
ลดทอนความสำคัญของ รัฐสภา ซึ่งเป็นสถาบันที่สามารถผูกโยงที่มาทางอำนาจกับ
ปวงชน ตามคติของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ (อย่างน้อยในทางทฤษฎี)
โดย
กระทำผ่านการโจมตีระบอบการเมืองดังกล่าวว่า เป็นของตะวันตก กล่าวหานักการเมือง
ว่าคอร์รัปชั่น ซื้อเสียง มีผลประโยชน์ทับซ้อน ขาดคุณธรรมจริยธรรม [1] และพยายาม
กำหนดและควบคุมทิศทางการเมืองไทย โดยอาศัยระบบราชการเป็นเครื่องมือ โดย
ออกแบบระบบการเมืองที่ผู้นำไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่านายกรัฐมนตรี
วุฒิสภา องค์กรอิสระต่างๆ ที่มาจากการ
สรรหา โดยกระทำผ่านการสร้างวาทกรรม
คุณธรรมจริยธรรม หรือ คนดี โดยผ่านการการันตีจาก
ผู้มีบารมี โดยไม่จำเป็น
ว่าประชาชนจะต้องตรวจสอบเพราะ คนดี เหล่านี้คู่ควรกับการปกครองบ้านเมือง
แบบไทยๆ
จากปัญหาดังกล่าว บทความนี้จึงต้องการพิจารณาว่า
คุณธรรม และ คนดี ที่ไม่
สามารถตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ได้นั้น แท้จริงแล้วมีผลประโยชน์ ทับซ้อน เฉกเช่น
เดียวกับนักการเมืองในระบบรัฐสภาหรือไม่ วิถีทางได้มาซึ่งอำนาจของบุคคลเหล่านี้
เป็นอันตรายต่อสังคมไทยเพียงใด
ในประเด็นการครอบงำการเมืองไทยโดยระบบราชการภายหลัง 19 กันยานั้น มีผู้กล่าว
ถึงแล้วเป็นจำนวนมาก จึงไม่ขอกล่าวซ้ำในที่นี้ แต่จะขอรวบยอดคุณลักษณะเด่นๆ ของ
การหวนกลับของระบบราชการในครั้งนี้ ตามคำกล่าวของ อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ ที่เรียก
ว่า "รัฐบาล เปรม 6
[2] เพราะบุคคลในคณะรัฐประหารและรัฐบาลสุรยุทธ์ ล้วนมีความ
เกี่ยวพันกับพลเอกเปรมในทางใดทางหนึ่ง
[3] และหากพิจารณาจำเพาะลงไปอีกจะพบ
ว่า
ผู้ที่มีบทบาทควบคุมการเมืองไทยในปัจจุบันมีอยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ องคมนตรี ศาล
ทหาร[4] และที่สำคัญสถาบันหรือกลุ่มการเมืองทั้งสามกลุ่ม ไม่สามารถหรือไม่พยายาม
ยึดโยงตนเองกับปวงชนแต่อย่างใด ตรงกันข้ามสถาบันทั้งสามต่างอ้างอิงตนเองเข้ากับ
พระราชอำนาจ อยู่เสมอ
กล่าวคือ
องคมนตรีนั้นมาจากการแต่งตั้งของกษัตริย์ ศาลก็อ้างอยู่เสมอว่า กระทำการ
ภายใต้พระปรมาภิไธย ส่วนทหารนั้นก็ประกาศตนผ่านพลเอกเปรม (ซึ่งมีอีกสถานะหนึ่ง
คือองคมนตรี) ว่าเป็น ทหารพระราชา และที่พิเศษยิ่งกว่านั้น
b]รัฐประหารครั้งนี้เป็นครั้ง
แรกที่องคมนตรีและศาลเข้าแทรกแซงทางการเมืองอย่างเปิดเผย[5] และภายหลัง
บทบาทของศาลยิ่งสูงเด่นขึ้นในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่ง
กรรมการสรรหาองค์กรอิสระทุกองค์กร ซึ่ง
ฝ่ายตุลาการมีเสียงถึงสามในห้าของกรรมการ
สรรหา และยังเป็นคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ที่สำคัญคณะกรรมการสรรหา
สมาชิกวุฒิสภานั้นประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการ
ทุจริตแห่งชาติ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้พิพากษาในศาลฎีกาฯ จำนวน
1 คน และตุลาการในศาลปกครองสูงสุดฯ จำนวน 1 คน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ประธาน
องค์กรอิสระล้วนมาจากการ สรรหา ของฝ่ายตุลาการทั้งสิ้น
[6] จากเนื้อหาสำคัญๆ
ของร่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เห็นได้ชัดว่า
การเมืองอยู่ภายใต้การครอบงำของศาล
อย่างไม่มีทางปฏิเสธได้อาจมีผู้แย้งว่า ศาลเป็นองค์กรที่เป็นกลาง ปราศจากซึ่งผลประโยชน์ ฯลฯ (ตรงตาม
สโลแกน คุณธรรมจริยธรรม) แต่ทั้งนี้
การที่สังคมไทยมีความเชื่อเช่นนั้น เนื่องมา
จากสังคมไม่สามารถตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ศาลได้ ที่สำคัญที่สุด ศาลเป็นองค์กร
เดียวที่ใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนแต่ไม่ถูกตรวจสอบจากองค์กรอื่น[7] (ซึ่งเป็น
คนละกรณีกับการตรวจสอบผู้พิพากษาเป็นรายบุคคลโดย ป.ป.ช. และวุฒิสภา)
ดังนั้น กระบวนการพิจารณาคดีและการวินิจฉัยของศาลไม่ว่ากรณีใด จึงไม่อาจถูกตรวจ
สอบหรือคัดค้านได้ เพราะมีกฎหมาย หมิ่นศาล เป็นเกราะที่สำคัญ ทั้งที่ความจริง
แล้ว ศาลเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากองค์กรอื่น ในเรื่องนี้ผู้เขียนขอยกเอาคำกล่าวของ
ไพสิฐ พาณิชย์กุล มาเพื่อให้เห็นภาพภายในแวดวงตุลาการดังนี้
จริงๆ แล้ว ภาพของศาลเองก็ไม่ได้ต่างไปจากรัฐสภา มีกรณีผู้พิพากษาแย่งกันไป
ดูงานเมืองนอกก็มี มีการที่อำนาจทุนแบบ Rent Seeker ชนะคดีฟ้องร้องเพราะตนมี
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายว่าความ มีล็อบบี้ก็มี เพียงแต่ศาลมีอำนาจตัดสินให้คนติดคุก
เราก็เลยไม่ไปข้องแวะ ไม่ไปแฉ
[8]โดยพื้นฐานดังกล่าว ทำให้
การเข้าแทรกแซงทางการเมืองของศาลจึงไม่มีความชอบ-
ธรรม เพราะเป็นผู้ใช้อำนาจทั้งสามฝ่ายแทนปวงชน แต่ไม่ยอมให้ปวงชนซึ่งเป็นเจ้า-
ของอำนาจอธิปไตยตรวจสอบ การก้าวเข้ามาในปริมณฑลทางการเมืองย่อมอยู่ใน
สถานะของ นักการเมือง ที่สังคมสามารถตรวจสอบวิจารณ์ได้ แต่ในสถานการณ์
ปัจจุบันกลับเป็นว่า ฝ่ายตุลาการเองได้ออกมาข่มขู่ผู้ที่กังขาและคิดจะตรวจสอบโดย
การอ้างพระราชดำรัส
[9]ในส่วนขององคมนตรีนั้น เมื่อมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ ก็จะมีบรรดา ลูกหาบ ออกมาปกป้อง
และห้ามปรามว่า เป็นการกระทำที่มิบังควร หมิ่นเหม่ต่อการระคายเคืองเบื้องพระยุคล-
บาท และเลยเถิดไปถึงว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งที่องคมนตรีไม่ได้รับความคุ้มครอง
ตามกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่อย่างใด บางคนถึงกับกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยว่า
ไม่ควรวิจารณ์พลเอกเปรมเพราะเป็นตัวแทนของ คุณธรรม
[10] โดยไม่อธิบายบริบท
ใดๆ รองรับ และตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า องคมนตรีทั้งหลายต่างพากันเป็นกรรมการ
ในองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนคนละหลายๆ แห่ง น่าคิดว่า ผลประโยชน์ ที่คนเหล่านี้
ได้รับจะมหาศาลขนาดไหน
ส่วนกองทัพนั้นเล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
งบประมาณที่เป็นค่าใช้จ่ายในการรัฐประหาร รวม
ถึงงบลับและงบประมาณของกองทัพ รวมถึงเงินเดือนของ คมช. ก็ไม่เป็นที่เปิดเผยต่อ
สาธารณชน ยังไม่ต้องพูดถึงการที่บรรดานายทหาร ตบเท้า เข้าไปเป็นกรรมการรัฐ-
วิสาหกิจทั้งก่อนและหลังการรัฐประหาร แต่ห้ามไม่ให้สังคมตั้งคำถามในเรื่องดังกล่าว(และเป็นที่คาดหมายกันว่าทหารจะเข้าไปครอบงำวุฒิสภาเฉกเช่นในอดีต ถึงแม้จะต้อง
แบ่งสัดส่วนกับตุลาการก็ตาม) หนำซ้ำองค์กรที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาสางทุจริตอย่าง คตส.ก็
ปฏิเสธที่จะเข้าไปตรวจสอบ ทั้งที่บุคคลเหล่านี้อวดอ้างว่า ตนเองรังเกียจการทุจริต
คอร์รัปชั่นและยึดมั่น คุณธรรมจริยธรรม เป็นสรณะ
เมื่อตระหนักถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว รวมถึงเข้าใจว่า การเมืองเป็นเรื่องของการต่อสู้
แย่งชิงผลประโยชน์และทรัพยากรของคนกลุ่มต่างๆ ในสังคม
เราก็จะเข้าใจสถานะ
ของสถาบันการเมืองทั้งสามว่าแท้จริงแล้วก็เป็นกลุ่มผลประโยชน์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งย่อม
ตอบสนองผลประโยชน์ให้แก่สถาบันการเมืองของตนเองและผู้ที่ผลักดันให้ตนเอง
เข้ากุมอำนาจรัฐเช่นกัน และเมื่อตระหนักว่าสถาบันทั้งสามอ้างอิงหรือยึดโยงตนเองเข้ากับ พระราชอำนาจ
นั่นหมายความว่า ระบบราชการและกองทัพเป็นฐานอำนาจของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ดังนั้น
สามารถกล่าวได้ว่า นี่เป็นการเข้าควบคุมสถาบันการเมืองในระบบประชาธิปไตยรัฐสภา
โดย พระราชอำนาจ อย่างเปิดเผย หรือกล่าวอีกอย่างได้ว่า นี่อาจจะเป็นชัยชนะของ
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เหนือประชาธิปไตยที่อำนาจ
สูงสุดเป็นของราษฎร ตามหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยและเจตนารมณ์ของ
คณะราษฎร
และเมื่อ
พระราชอำนาจเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้ในสังคมไทย ดังนั้น
องค์กรที่มีฐานมา
จากพระราชอำนาจย่อมอาศัยเรื่องดังกล่าวบวกกับ คุณธรรม จริยธรรม เพื่อที่จะอยู่
เหนือการตรวจสอบ นั้น นับว่าอันตรายยิ่งกว่านักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่า
ในทางทฤษฎีหรือปฏิบัติ เพราะนอกจากขัดกับหลักที่ว่า
อำนาจสูงสุดเป็นของปวงชน
แล้วยังขัดกับหลักการพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาลในเรื่องการตรวจสอบการใช้อำนาจ
รัฐ โดยปวงชนนับจากนี้สิ่งที่น่าจับตาก็คือ การเมืองใหม่ภายใต้
ความโปร่งใส มีคุณธรรม และจริย-
ธรรม จะสามารถชำระความสกปรกโสมมของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และ
จะสามารถแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในสังคมไทยได้จริงหรือไม่? ซึ่งท้ายที่สุด
กาลเวลาจะเป็นผู้กระชากหน้ากาก
นักประชาธิปไตยจอมปลอม ออกมาให้สังคมได้
รับรู้ เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่ากรณีครอบครองที่ดินเขายายเที่ยงของนายกฯ สุรยุทธ จุลา-
นนท์ อย่างผิดกฎหมาย กรณีการเข้าไปอุ้มพนักงานของ ไอทีวี โดยไม่มีกฎหมายรอง
รองรับและเป็นการเลือกปฏิบัติ กรณีการสมรสซ้อนของพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน กรณี
พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ขัดแย้งอย่างรุนแรงกับ ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ ในการ
นำเงิน 800 ล้านของ ทีโอที ไปใช้จัดซื้อเครื่องมือดักฟังเพื่อความมั่นคงอย่างมีเงื่อนงำ
และกรณีข่าวอื้อฉาวการพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 20 ล้านเล่มเพื่อแจกจ่ายกับประชา-
ชนเพื่อศึกษาและใช้ประกอบเป็นข้อมูลในการออกเสียงประชามติ ที่มีข่าวว่ามีการกิน
หัวคิวจากส่วนต่างที่โรงพิมพ์ของรัฐนำไปจ้างให้เอกชนพิมพ์ต่อทั้งที่เป็นการกระทำที่
ผิดสัญญาอย่างชัดเจน
แต่ปรากฎว่า กรณีทั้งหมดนี้กลับไม่มีการตรวจสอบกันอย่างจริงจัง ตรงไปตรงมา ของ
ฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล คมช. สนช. และสสร. เหมือนกับที่กระทำกับ
ทักษิณและครอบครัว เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ผู้รักความเป็นธรรมทั้งหลายรู้สึกว่า กลุ่มพลัง
อนุรักษ์นิยมทั้งหลายกำลังให้ฝ่าย คุณน่ะทำ แต่ พวกผมไม่ต้องทำ ไม่ต้องมาตรวจ
สอบผม คงอีกไม่นานเกินรอหรอกครับที่เราท่านทั้งหลายจะได้เห็น
ธาตุแท้ของกลุ่ม
พลังอนุรักษ์นิยม กันในไม่ช้านี้
--------------------------------------------------------------------------------------------------
[1] ไม่มีใครปฏิเสธว่าข้อกล่าวหาต่างๆ เหล่านี้ไม่เป็นความจริง แต่ทว่าการที่สังคม
สามารถ ชำแหละ หรือ ประณาม นักการเมืองเหล่านี้ได้อย่างครึกโครมและสนุก
ปาก ก็เพราะคนเหล่านี้มาจากการเลือกตั้งมิใช่หรือ? ในทางกลับกันบุคคลที่อวดอ้าง
ว่า ตนเองจะเข้ามาชำระความโสมมที่เกิดขึ้น กลับไม่ยอมทนต่อการวิจารณ์หรือการ
ตรวจสอบ ยกตัวอย่างเพียงประการเดียวตามข้อสังเกตของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่
ปรากฏในกระดานข่าวแห่งหนึ่งว่า จนบัดนี้มีใครรู้บ้างว่าเปรมมีทรัพย์สินเท่าไหร่?
[2] อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ นี่คือรัฐบาลเปรม 6.
[3] ดูรายละเอียดของความสัมพันธ์ดังกล่าวได้ใน สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี. วิเคราะห์
ระบอบสนธิ ใน ธนาพล อิ๋วสกุล (บรรณาธิการ). รัฐประหาร 19 กันยา.กรุงเทพ: ฟ้า-
เดียวกัน,2550. หน้า 278 281.
[4] สมชาย ปรีชาศิลปกุล ชี้ 3 สถาบัน จะค้ำยันประชาธิปไตยแบบไทยๆ ในอนาคต.
และ สมชาย ปรีชาศิลปกุล : เมื่อชนชั้นนำกำลังแย่งชิงอำนาจกัน โดยใช้ประชาชนเป็น
เบี้ย.
[5] สำหรับสถาบันตุลาการนั้น เข้าแทรกแซงอย่างเปิดเผยและต่อเนื่องภายหลัง 25
เมษายน พิจารณาในแง่นี้ 25 เมษายน จึงเปรียบเสมือน ไฟเขียว ของสถาบันตุลาการ
[6] บทความชำนาญ จันทร์เรือง : ตุลาการมิใช่ผู้วิเศษ.
http://sameskybooks.org/webboard/show.php?Category=sameskybooks&No=7289
[7] ชำนาญ จันทร์เรือง. ปัญหาการเมืองหรือปัญหากฎหมาย.
http://www.
prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID
=3586&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai
[8] บทสนทนาจากม. เที่ยงคืน: การต่อสู้ที่ไม่สร้างเครือข่าย รักในหลวง ห่วงทักษิณ
vs รักในหลวง เกลียดทักษิณ
http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=4320&SystemModuleKey=
HilightNews&SystemLanguage=Thai
[9] วิชา ยกดำรัสพระมหากษัตริย์ไว้ใจศาล ท่านจะประณามหรือ.
http://www.
midnightuniv.org/forum/index.php?PHPSESSID=7efabaf7c884a8971dd
5561ffa9265fb&topic=1728.0
[10] คำแถลงของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช.
http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=9086&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thaiอยากให้แสดงออกมาเร็วๆ ค่ะ
ธาตุแท้ของพวกอ้างคุณธรรมจริยธรรมจอมปลอม ที่ไม่ยอมให้ตรวจสอบ
หน้ากาก นักประชาธิปไตยจอมปลอม จงหลุดออกมาไวๆ