ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
31-01-2025, 14:53
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "อย่าต้อน-หมาจนตรอกยังสู้" ทักษิณเปิดใจผ่านพ็อกเก็ตบุ๊ค 0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"อย่าต้อน-หมาจนตรอกยังสู้" ทักษิณเปิดใจผ่านพ็อกเก็ตบุ๊ค  (อ่าน 1625 ครั้ง)
achiteer
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 285



« เมื่อ: 31-07-2007, 21:31 »

"อย่าต้อน-หมาจนตรอกยังสู้" ทักษิณเปิดใจผ่านพ็อกเก็ตบุ๊ค
31 กรกฎาคม 2550 20:28 น.
"สมัคร"รับเข้าพลังประชาชนแล้ว “ชวน” ข้องใจ “พปช.” จีบสมัครเป็นหัวหน้าพรรค เชื่อ คมช.ป้องกันตัวเอง หลังอดีต ส.ส.ไทยรักไทยประกาศเช็คบิล "ชูวิทย์" เย้ย "สมัคร" ต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ก่อน ชม "มาร์ค" เหมาะนั่งนายกฯเพราะเป็นคนหนุ่ม

"สุนิสา เลิศภควัคร" อดีตผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และ นักเขียนอิสระ ได้เดินทางไปสัมภาษณ์พิเศษพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อจัดทำเป็นพ็อกเก็ตบุ้คชื่อ “ทักษิณ :Where are you?” เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยตอนหนึ่งของการสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวโจมตี คตส. ในการอายัดทรัพ์สินตนเองและครอบครัว

“มันไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย แต่เป็นขั้นตอนการเมือง การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำของคนที่ขาดความเข้าใจเรื่องโลก มันเป็นเงินของเรา เงินของผมนะ ผมจะไปอะไร จะมายุ่งกับของผมได้ไง ตราบใดที่ผมใช้สิ่งนั้นถูกกฎหมายภายใต้ระเบียบของกระทรวงพาณิชย์ และ ธนาคารแห่งประเทศไทย คุณยุ่งกับผมไม่ได้ นี่คุณยุ่งกับผมนะ ก็คงต้องต่อสู้ ฟ้องกันทางแพ่ง และทางอาญาอีกต่อไป คนที่ทำคือพนักงานแก้แค้นทางการเมือง ไม่ใช่พนักงานยุติธรรม” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียวว่า รู้สึกทุเรศที่มีคนมาพูดว่าเงินและทรัพย์สินที่มีอยู่ ได้จากการโกงมา หรือแม้กระทั่งบอกว่าใช้เงินเพื่อไปต่อท่อเลี้ยงในการต่อต้าน คมช. นั้นก็เป็นเรื่องที่คนกล่าวหากันไป หรือแม้กระทั่งเว็บไซด์ ไฮ-ทักษิณ ก็เป็นคนที่ชอบและสนับสนุนตนทำขึ้นมา จะมีบางครั้งเท่านั้นที่มีการติดต่อผ่านส.ส.หรือสื่อมวลชนที่สนิทเพื่อขอให้ตนถ่ายคลิปไปลง ซึ่งตนก็ทำให้แค่นั้น

พ.ต.ท. กล่าวว่า ตนเองคงไม่เล่นการเมืองแล้ว เพราะทุกวันนี้ขนาดยอมให้ชาติพังทั้งชาติ เพราะต้องการขจัดตนออกจากการเมืองอย่างเดียว โดยไม่คำนึงว่าชาติจะแย่ ถ้าขืนตนอยู่ต่อชาติก็จะพังแน่ เขาบอกว่าไม่ได้มองย้อนไปในชีวิตของการเป็นนักการเมือง เพราะได้แต่มองไปข้างหน้า พอมองข้างหน้าถึงบอกว่าไม่เอาอีกแล้ว ภริยา บุตรชาย และ บุตรสาวก็ไม่ต้องการให้เล่น ถึงขนาดที่ ภริยาขู่ว่าหากเล่นการเมืองก็จะหย่า

“แต่อย่าต้อนให้ผมเข้ามุมซิ หมาจนตรอกมันยังสู้เลย ถ้าไม่กลั่นแกล้งกัน เราก็เลิก ก็ไปพักผ่อน ใช้ชีวิตแบบเป็นปกติ ถ้ากลั่นแกล้งทางการเมืองก็ต้องต่อสู้กันทางการเมือง” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวและว่า กรณีที่เคยมีข่าวว่าคุณหญิง พจมานจะมาดูแลไทยรักไทยแทนนั้น ความจริงคุณหญิงไม่ชอบการเมือง ยกเว้นต้องบังคับเพราะถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ส่วนนายบุญคลี ปลั่งศิริ ถือเป็นคนที่มีฝีมือเป็นมืออาชีพ แต่ก็ไม่ชอบการเมือง เช่นเดียวกับ นพ.พรหมินทร์ สุริย์เดช ก็ไม่ชอบ แต่ตนบังคับให้มาเล่น

เมื่อผู้สัมภาษณ์ ถามถึง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่อาจจะมีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า “ท่านยังแอคทีฟทางการเมืองอยู่ ก็เป็นไปได้ที่ท่านอาจจะตั้งพรรคการเมืองของท่าน แต่ผมคงไม่ไปสนับสนุน ส่วนในแง่การบริจาคเงินก็มีกฎหมายอยู่ ซึ่งมันเป็นเรื่องทางการอยู่แล้ว”

ตอนท้ายของการให้สัมภาษณ์ ผู้เขียนได้ถามว่า รู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นห่วงครอบครัวมาก อดีตนายกฯ กล่าวว่า “เชื่อเถอะ ตนผ่านชีวิตมาหมดทุกอย่าง ในที่สุดความสุขที่แท้จริงอยู่ที่บ้าน ทุกอย่างมันเป็นสมมุติทั้งนั้น ของปลอมทั้งนั้น อำนาจ วาสนา เงินทองมันเป็นสิ่งที่เมือ่ถึงจุดหนึ่งมันก็ธรรมดา” ผู้สัมภาษณ์ถามว่า รู้สึกอย่างไรที่เห็นภริยา และลูกต้องขึ้นศาล พ.ต.ท.ทักษิณ อึ้งไปพักใหญ่ก่อนตอบว่า “ ก็ต้องถ่องโครงศรีปราชญ์”

พ.ต.ท.ทักษิณ เล่าว่า ตลอด 1 เดือนที่จากเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร จะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยพักอาศัยอยู่ที่ “เซอ์วิสอพาร์ทเม้น”ใจกลางเมืองลอนดอน และ บ้านพักนอกเมืองย่านเวย์บริดจ์ มูลค่าราว 280 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังไปท่องเที่ยวที่ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และ เมาดีฟ นอกจากนั้น ยังมีเพื่อนใหม่ต่างวัย ชื่อ ลิเดีย นักร้องค่ายอาร์เอส ที่บิดาสนิทสนมกับเขา และได้ใช้เวลาในต่างแดนในการตีกอล์ฟ ดำน้ำที่เมาดีฟ ชอปปิ้ง คาราโอเกะ กับลิเดีย และครอบครัวของเธอ เช่นเดียวกับใหม่ เจริญปุระ ที่แวะไปเยี่ยม โดย เขารู้จักกับ รุจน์ รณภพ ตั้งแต่ทำธุรกิจหนัง โดยนักร้องทั้งคู่จะร่วมร้องเพลงในงานเปิดสโมสรแมนซิตี้ วันที่ 4 สค.นี้ด้วย

นางสาว สุนิสา ให้สัมภาษณ์ว่า พ็อกเก็ตบุ้ค ฉบับนี้เป็นความตั้งใจของตนเองที่อยากจะไปสัมภาษณ์บุคคลที่น่าสนใจในแต่ละสถานการณ์ และ มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นแหล่งข่าวและ บุคคลการเมืองที่น่าสนใจ อีกทั้งเป็นหนังสือฉบับแรกที่ตนเริ่มตั้งสำนักพิมพ์ก็เลยเลือกอดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นี้

“ดิฉันไปเอง เขียนเอง ไม่ได้เกี่ยวกับสื่อต่างๆ ของคุณทักษิณ เดินทางไปเอง ใช้เงินที่เก็บมาช่วงทำงานประมาณ 2 แสนบาท เดินทางไป วางแผนไปรอดักสัมภาษณ์ อ้อนวอนให้เขาสัมภาษณ์เอง เพราะเห็นว่ามีหลายเรื่องเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะข้อมูลหรือประเด็นที่ค้างคา และฉันอยากจะถาม ก็เก็บไว้ และ คิดว่าจะถามให้ได้ อีกทั้งเชื่อว่าคนจะสนใจ และ ซื้ออ่านเท่านั้น “ นางสาวสุนิสา กล่าว

"สมัคร"รับเข้าพลังประชาชนแล้ว

ที่อาคารไอเอฟซีที ที่ทำการกลุ่มไทยรักไทย วันที่ 31 ก.ค. นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แกนนำกลุ่มไทยรักไทย สมาชิกพลังประชาชน แถลงว่า หลังจากแกนนำกลุ่มไทยรักไทย เดินทางไปทาบทามนายสมัคร สุนทรเวช มาเป็นหัวหน้าพรรค ล่าสุดนายสมัครได้เซ็นเอกสารใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนแล้ว โดยฝากใบสมัครกลับมากับแกนนำ

ชวนข้องใจสมัครนั่งหน.พปช.

ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชนนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดา หากใครยังอยากลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ต้องหาพรรคสังกัด ก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก แต่จะแปลกก็ตรงที่จะไปเชิญนายสมัคร สุนทรเวช อดีตหัวหน้าพรรคประชากรไทย มาเป็นหัวหน้าพรรค เพราะเหมือนขั้วซ้ายสุดกับขวาสุด แล้วมาเปลี่ยนความสัมพันธ์กัน แต่หากมองย้อนกลับไปก็ต้องยอมรับว่านายสมัครก็เป็นคนในระบอบทักษิณ และกลุ่มไทยรักไทยที่อยู่ตอนนี้ ต้องอาศัยปัจจัยและเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย

“ถ้ามองย้อนไปไกล ๆ อาจจะดูแปลก แต่ถ้ามองใกล้ ๆ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เขาก็เป็นส่วนหนึ่ง ยังออกรายการวิทยุช่วยกันจนถูกฟ้องร้อง ถ้ามองตรงนี้จะเห็นว่ามีความสัมพันธ์กันและกลุ่มไทยรักไทยที่มีอยู่ ก็ต้องอาศัยปัจจัยจากพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เชื่อว่าทุกอย่างถ้าเป็นไปอย่างถูกต้อง ก็ไม่ต้องกังวล หากใครลงสมัครรับเลือกตั้ง และชนะมา ก็ต้องยอมรับ ขออย่างเดียวให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ใช่ทุจริตเหมือนการเลือกตั้งปี 48” นายชวน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การรวมตัวกันของกลุ่มไทยรักไทยที่ไปสังกัดพรรคพลังประชาชน จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในการเลือกตั้งแต่ละสมัย ก็มีคนเข้ามาแข่งขันเสมอ แต่จะพูดว่าน่ากลัวหรือไม่ ก็อย่าประเมินน้อยและอย่าประมาท เพราะถึงอย่างไรก็ยังถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อยู่ แต่เงินอยู่ ดังนั้นการจะแข่งขันกับคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเข้าใจจุดนี้เป็นจุดสำคัญ ส่วนพรรคอื่นที่รวมกันก็คิดว่าถ้าดำเนินไปตามกระบวนการ ก็ไม่มีฝ่ายหนึ่งที่ต้องกังวล ใครชนะหรือแพ้ก็ต้องว่าไปตามกฎเกณฑ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้ที่เคลื่อนไหวตั้งพรรคเป็นผู้ที่ถูกตัดสิทธิ 5 ปี นายชวน กล่าวว่า เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ทุกฝ่ายต้องยอมรับว่างานการเมืองไม่ใช่ของง่าย และนักวิชาการก็ต้องเรียนรู้ว่า เวลาทำอะไรไปต้องคิดและให้การเคารพแต่ละฝ่ายด้วย โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองที่มาโดยถูกต้องชอบธรรม ดังนั้นจึงได้เตือนทุกฝ่ายโดยเฉพาะฝ่ายที่ดูแลการเลือกตั้ง ต้องรณรงค์การเลือกตั้งให้ถูกต้องชอบธรรม แต่ผ่านมาแล้ว 9 เดือนก็ยังไม่ทำอะไร

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ อดีตส.ส.ไทยรักไทยประกาศเช็คบิลคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ( คมช.) นายชวน กล่าวว่าเข้าใจ ว่า คมช.ป้องกันตัวเองด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้นหากทำอะไรตรงไปตรงมาก็ไม่มีอะไรน่ากลัว รวมถึงคณะทำงานตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ(คตส.)ด้วย แต่ความน่ากลัวก็คือการละเมิดกฎหมายเหมือนสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กล้าทำเพราะมั่นใจว่าอยู่ยาว แต่เท่าที่ดูรัฐบาลชุดนี้ตนเชื่อว่าไม่กล้า แต่ตนเห็นด้วยว่าอย่าทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง อย่าไปกลั่นแกล้ง ขอให้ทำทุกอย่างตามความเป็นจริง เพราะรู้อยู่แล้วว่าบทเรียนของบ้านเมืองถึงขั้นมีวิกฤต

เพราะผู้มีอำนาจสมัยนั้น ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมายสมัยนั้นที่ทำได้เพราะเชื่อว่าคุมได้หมด

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนั้น ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิ ไม่เป็นไร และพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินประธาน คมช.ก็มีสิทธิรณรงค์ให้ประชาชนรับร่าง แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชน

“นิพิฏฐ์”เชื่อ"สมัคร"แค่ขัดตาทัพ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องเซอร์ไพร์สเกินความคาดหมาย ที่จะเอานายสมัครมาขัดตาทัพเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งนี้ก็เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น เพราะนายสมัครเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ไม่ต้องมาสร้างใหม่ว่าคือใคร และที่ผ่านมานายสมัครก็ได้สนับสนุนพรรคไทยรักไทย และสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาตลอด

"ชูวิทย์"เย้ยต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ก่อน

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า คนบางคนขอให้เคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อยก่อน โดยเฉพาะเรื่องรถดับเพลิงของ กทม.ก็ยังค้างคาอยู่ แล้วจะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคได้อยางไร หากยกมือไหว้คงจะเมื่อยมือ สำหรับตนนั้นแม้จะเด็กกว่าแต่ถ้าเป็นคนดีก็พร้อมที่จะยกมือไหว้ แต่สำหรับบางคนรู้ๆกันอยู่ว่าเป็นอย่างไร ถึงแม้จะแก่กว่าก็ไม่อยากยกมือไหว้ เพราะคนพวกนี้เป็นพวกที่แก่แล้วแก่เลย

นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตนเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนหนุ่ม แม้จะยังไม่เคยเห็นฝีมือในการบริหารงาน แต่ก็ควรเปิดโอกาสให้เขา และหากมองดูยุคนี้ผู้นำทั่วโลกส่วนใหญ่จะเป็นคนหนุ่มทั้งนั้น ไม่มีประเภทพวกแก่เลย 70 ปี ทั้งนี้หากบริหารงานไม่ดีประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน

"ผมขอเตือนว่า พรรคพลังประชาชนจะหาใครมานั่งหัวหน้าพรรคก็หาไป แต่อย่าหาหัวหน้าแบบคนก่อนก็แล้วกัน" นายชูวิทย์ กล่าว


“เสนาะ”มั่นใจ“สมัคร-ชวลิต” ปัดนั่งเก้าอี้หน.

 

นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงกรณีที่พรรคยังไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ชัดเจน ว่า เหตุที่พรรคยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรในเวลานี้ เพราะยังไม่มีความชัดเจนทั้งผลการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และการกำหนดวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ เชื่อว่าการจัดการเลือกตั้งไม่น่าจะทำได้ทันภายในปีนี้ เนื่องจากเงื่อนเวลาในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่จำกัด แม้ปัจจุบันจะทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ร่างรัฐธรรมนูญจะต้องผ่านการทำประชามติ และขั้นตอนการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม การกำหนดวันเลือกตั้งที่เหมาะสมน่าจะอยู่ในช่วงต้นปี 2551 หากรัฐบาลเกรงจะเสียหายที่ได้เคยประกาศว่าจะจัดการเลือกตั้งในปีนี้ จะสามารถประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งในช่วงเดือนธันวาคมนี้

สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มไทยรักไทย ที่มีอดีต ส.ส.จะไปสังกัดพรรคพลังประชาชนนั้น นายเสนาะ กล่าวว่า “ผมเป็นห่วงน้องนุ่งลูกหลานที่เป็นข่าว ผมเชื่อว่าประชาชนสามารถใช้ดุลพินิจได้ว่า แต่ละกลุ่มมีเจตนาอย่างไร”

ส่วนความพยายามของพรรคพลังประชาชน ที่จะสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น นายเสนาะ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่พรรคการเมืองต้องมีหัวหน้าพรรค ส่วนตัวไม่เชื่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยเฉพาะกรณีของนายสมัคร คงเป็นไปได้ยาก เพราะหากนายสมัครมาจริง จะเป็นเรื่องยากที่จะตอบคำถามต่อสังคม ส่วนกรณี พล.อ.ชวลิต ตนไม่ขอออกความเห็น เพราะ พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ใหญ่ และรู้อะไรดีกว่าตนมาก


"สุธรรม”ยืนยัน"สมัคร"ส่อรับหัวหน้าพปช.

นายสุธรรม แสงประทุม ที่ปรึกษากลุ่มไทยรักไทย(ทรท.) กล่าวกรณีการทาบทามนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม.และอดีตหัวหน้าพรรคประชากรไทย มาเป็นหัวหน้าพรคพลังประชาชน (พปช.) ว่า เท่าที่มีการพูดคุย นายสมัครยินดีที่จะมาร่วมงานทางการเมืองด้วยกัน โดยยึดเอาประโยชน์การเมืองเป็นที่ตั้ง ซึ่งแนวทางจากนี้ไปพรรคพลังประชาชนต้องใช้บุคคลากรที่มีอยู่ช่วยผลักดันนโยบายเดิมของพรรคไทยรักไทยไปสู่ความสำเร็จในการเลือกตั้งโดยไม่ต้องต่อกรกับใคร

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินกันว่าการทาบทามนายสมัครมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชนเพื่อต้องการให้ชนกับผู้มีอำนาจในขณะนี้ นายสุธรรม กล่าวว่า เป็นเพียงการประเมินเท่านั้น กลุ่มไทยรักไทยไม่ต้องการท้าชนกับใคร เมื่อถามว่านายสมัคร มีคุณสมบัติอะไรที่เหมาะกับการเป็นหัวหน้าพรรค นายสุธรรม กล่าวว่า นายสมัครเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดของตัวเอง มีประสบการณ์ทางการเมืองมากกว่า 10 ปี และมีความชัดเจนในการนำเสนอทำเรื่องยากให้สามารถเข้าใจได้ง่าย เพื่อผลักดันนโยบายความคิดใหม่ๆ ต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าห่วงหรือไม่ว่าจะมีการสกัดกั้นโดยนำคดีรถดับเพลิงกทม. ไม่ให้นายสมัครเป็นหัวหน้าพรรคการ เมือง นายสุธรรม กล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่ถึงขนาดนั้น และเชื่อว่าคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดปัญหาแก่รัฐ(คตส.) จะสนับสนุนให้กลุ่มไทยรักไทยเป็นพรรคการเมือง เพื่อที่จะได้มีการเลือกตั้ง และมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ซึ่งคตส.น่าจะดีใจที่เห็นคนเข้าสู่กระบวนการ มากกว่าการชุมนุมในที่ต่างๆ

ส่วนกรณีที่กลุ่มมัชฌิมาระบุว่าการย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชนกลุ่มไทยรักไทยเป็นการกลัวเกินเหตุและเป็นการแยกปลาออกจากน้ำ นายสุธรรม กล่าวว่า เป็นความคิดของมัชฌิมา ทุกคนมีสิทธิคิด แต่การที่กลุ่มไทยรักไทยไปสังกัดกับพรรคพลังประชาชนนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิก โดยถือเป็นยุทธการทาบกิ่งที่ใช้รากต้นไม้เดิมแต่เป็นกิ่งใหม่ไทยรักไทย

“ถ้าอยากให้มีต้นไม้ใหม่ ให้ความเขียวชะอุ่มกับบ้านเมืองก็ไม่อยากให้ทำลายแต่ควรสนับสนุน เพื่อไม่ให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งเรื่องการย้ายพรรคนี้นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานที่ปรึกษากลุ่มไทยรักไทยก็เห็นด้วย” นายสุธรรรม กล่าว

สำหรับยอดผู้สมัครเข้าสังกัดพรรคพลังประชาชนที่มีความประสงค์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งซึ่งเป็นอดีตส.ส.ไทยรักไทยมีจำนวน 207 คน ผู้ที่ไม่ได้เป็นอดีตส.ส. แต่มีความประสงค์ที่จะลงสมัครมี 618 คน ส่วนสมาชิกทั่วไปมีจำนวน 2,000 คน
 
http://www.komchadluek.net/2007/07/31/a001_129203.php?news_id=129203
บันทึกการเข้า
เซนเบ้
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 135



« ตอบ #1 เมื่อ: 31-07-2007, 22:15 »

อ้าวเสี่ยแม้ว...   มาพูดแบบนี้ได้ไง
อย่างน้อยหมามันก็ไม่เนรคุณเจ้าของที่ให้ข้าวให้น้ำนะครับ
พูดพาดพิงแบบนี้  หมาก็เสียหายหมดดิ

 
บันทึกการเข้า

เหลี่ยมมาตั้งแต่เกิด
chaidan
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 203



« ตอบ #2 เมื่อ: 31-07-2007, 22:38 »

มีเงินเป็นแสนๆล้าน หมาจนตรอก ?  Yell
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #3 เมื่อ: 31-07-2007, 22:58 »

งานนี้ไม่ใช่หมาจนตรอกหรอก มันเป็นปิดประตูตีแม้วมากกว่านะ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: