1. คำนำ (Introduction)
บุคคลในวัยคุณภาพ หมายถึง บุคคลทุกคนทั้งชายและหญิงที่ผ่านพ้นอายุ 45 ปี สาเหตุที่ผู้เขียนกำหนดวัยคุณภาพด้วยตัวเลขดังกล่าว ก็เพื่อการยึดหลักทางสรีระวิทยาของการสืบพันธุ์ของสตรี และสามารถจดจำได้ง่าย ความจริงแล้วผู้เขียนมิได้เป็นผู้บัญญัติศัพท์คำนี้ขึ้น และศัพท์คำนี้ถูกบัญญัติขึ้นมาจากศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Productive age ซึ่งตราบใดที่บุคคลใดก็ตามทั้งชายและหญิงที่มีอายุสูงกว่า 45 ปี แต่ยังคงสามารถดำรงชีวิต และประกอบการงานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ ก็น่าจะเรียกบุคคลนั้นว่ายังอยู่ในวัยคุณภาพได้ วัยคุณภาพนั้น หมายถึง วัยที่ร่างกายของสตรีและบุรุษเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาจากวัยเจิรญพันธุ์ (Reproductive age) ไปสู่การยุติการตกไข่ และการหมดประจำเดือนในสตรี และในบุรุษเริ่มมีการเสื่อมถอยของการสร้างเซลล์อสุจิ น้ำกามและการลดระดับลงของฮอร์โมนเพศ ส่งผลให้ความต้องการทางเพศและกิจกรรมทางเพศเริ่มลดลงจนหมดไปในที่สุด เมื่อสูงอายุขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในระยะนี้แพทย์ในประเทศไทยจะเรียกบุคคลเหล่านี้ว่า อยู่ในวัยทอง (Menopause) หรือ บางคนอาจใช้คำว่าวัยสร้างสรรแทนคำว่า วัยทองก็ได้
ส่วนผู้สูงอายุคือ คนแก่ หรือ คนชรา ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Old man and Old Women ฟังดูแล้วไม่ไพเราะก็ได้ จึงบัญญัติคำใหม่ขึ้นซึ่งจะเป็นใครก็ตามผู้เขียนขอน้อม คาระวะและขอใช้คำนี้ร่วมด้วย นับตั้งแต่บัดนี้ต่อไปบุคคลในวัยคุณภาพ หมายถึง บุคคลทั้งหญิงและชายที่มีอายุสูงกว่า 45 ปี ขึ้นไป ทุกผู้ทุกคน โดยสามารถแยกเป็นหมวดหมู่ย่อย ๆ ได้ดังนี้
วัยคุณภาพ บุคคลที่มีอายุสูงกว่า 45 ปี จนถึงอายุใดก็ได้ตราบใดที่ยังทำงานอยู่ วัยเริ่มต้นของการสูงอายุ บุคคลที่มีอายุ 51 - 65 ปี
วัยเกษียณ บุคคลที่มีอายุ 55 - 70 ปี
วัยสูงอายุ บุคคลที่มีอายุ 65 - 75 ปี
วัยสูงอายุยิ่ง บุคคลที่มีอายุ 71 - 80 ปี
วัยคุณภาพนอกจากจะหมายถึง บุคคลที่มีอายุสูงกว่า 45 ปี ขึ้นไปแล้ว ยังหมายถึงฐานะอื่น ๆ ทางสังคมที่ติดตามมาพอจะอนุมานได้คือ
1. เป็นผู้ที่มีอาชีพการงานที่มั่นคง
2. เป็นผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ การเงินดี หรืออย่างน้อยก็พออยู่ พอกิน
3. เป็นผู้มีประสบการณ์ในการดำรงชีวิต หรือ ดำรงตนในทางที่ชอบ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความทุกข์ระทม และรู้จักสร้างสุขให้แก่ตนเองได้ดีพอประมาณ จนถึงดีเลิศ ผู้เขียนยังไม่เคยพบบุคคลในวัยคุณภาพตามเมืองใหญ่ ๆ ในระดับโลก เช่นในมหานครนิวยอร์ก โตเกียว ซานฟรานซิสโก ลอสเองเจริส โทรอนโต โรม มนิลา และ กรุงเทพฯ ที่ขาดคุณสมบัติเบื้องต้นดังที่กล่าวมาแล้วจะสามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างสุขสบายพอประมาณในนคร ต่าง ๆ ของโลก ดังที่กล่าวมาได้เลย และเนื่องจากวัยคุณภาพนั้นไม่ถูกจำกัดด้วยอายุ คนบางคนยังทำงานอยู่แม้ว่าอายุจะล่วงเลยไปถึง 80 ปี แล้วก็ตาม ผู้เขียนจึงขอใช้คำว่าวัยคุณภาพ ในข้อเขียนนี้ และใช้คำภาษาอังกฤษว่า Senior citizen ก็คงไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
2. การเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาบางประการที่ต้องเผชิญ
(Some Physiological Changes of Senior Citizen Body)
2.1 การตายและการเกิดใหม่ของเซลล์
ในทุก ๆ วันเซลล์ในอวัยวะส่วนต่าง ๆ จะตายลง และเซลล์ใหม่จะถูกสร้างขึ้นทดแทน ซึ่งอัตราการเกิดและตายลงของเซลล์จะเป็นตัวกำหนดการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญ ของร่างกายและสรีระของมนุษย์ซึ่งสามารถจำแนกตามวัยต่าง ๆ ได้ดังนี้ วัยเจริญเติบโต - เซลล์สร้างขึ้นใหม่มากกว่าเซลล์ที่ตายลงมาก (อิทธิพลของโกรทฮอร์โมน)
วัยหนุ่มสาว - เซลล์สร้างขึ้นใหม่มีมากกว่าเซลล์ที่ตายและเสื่อมลงในอัตราที่ลดลง
วัยกลางคน - เซลล์สร้างขึ้นใหม่มีพอ ๆ กับเซลล์ที่ตายและเสื่อมลง
วัยเริ่มต้นสูงอายุ - เซลล์ที่สร้างขึ้นใหม่ลดน้อยลงกว่าเซลล์ที่ตายและ ลงแต่ยังไม่มากนัก (การลดระดับลงของการผลิตและ การหลั่งโกรทฮอร์โมน)
วัยสูงอายุ - เซลล์ที่สร้างขึ้นใหม่ลดน้อยลงกว่าเซลล์ที่ตายและ เสื่อมลงในอัตราที่เพิ่มขึ้น (การลดระดับลงของฮอร์โมนและการเสื่อมของตับที่จะ ผลิต IGF-1 ได้ลดลง)
ยกตัวอย่างเช่น ทุก ๆ วินาทีในคนหนุ่มจะมีการสร้างเซลล์อสุจิจากเจิมเซลล์ในลูกอัณฑะ ประมาณ 6000 ตัว/วินาที และเซลล์อสุจิที่ถูกสร้างขึ้นแต่ไม่ถูกขับออกมาใช้ผสมพันธุ์เมื่อถูกกักเก็บไว้นาน ๆ จะตายลง เมื่อถึงวัยกลางคนจนถึงวัยเริ่มต้นสูงอายุ การสร้างใหม่และการตายของเซลล์อสุจิจะเป็นปฏิภาคกลับกัน จนท้ายสุดจะไม่พบการสร้างเซลล์อสุจิขึ้นใหม่ ใด ๆ เลย ในวัยของผู้สูงอายุ ยิ่งอวัยวะทุกส่วนของร่างกายไม่เว้นแม้แต่เซลล์ภายในสมองจะมีวัฎจักรของการเกิดและการตายของเซลล์ภายในอวัยวะนั้น ๆ อยู่ตลอดเวลา ปัจจัยที่มากระทบในข้อ 2.1 ส่วนใหญ่เนื่องจากสารอาหารที่ร่างกายบริโภคเข้าไป เพื่อนำไปใช้ประกอบเป็นวัตถุดิบในการสร้างเซลล์ใหม่ และเมตาบอลิซึม เพื่อก่อให้เกิดพลังงานในการดำรงชีพ
2.1.1 ถ้าขาดสารอาหาร บางตัวการสร้างเซลล์ใหม่ทำได้เชื่องช้า และเซลล์จะไม่แข็งแรง
2.1.2 ถ้าระบบการเมตาบอลิซึมทำงานด้วยเอ็นไซม์ และโคเอ็นไซม์ต่าง ๆ บกพร่อง พลังงานจะมีไม่เพียงพอ เซลล์ใหม่เกิดขึ้นได้เชื่องช้า และไม่แข็งแรง
2.1.3 ถ้าระบบขับถ่ายของเสียในเซลล์ ขับออกนอกเซลล์ และขับออกนอกร่างกายบกพร่อง เซลล์จะเป็นที่สะสมของของเสีย ทำให้เกิดการหมักหมม สะสมสารพิษ ทำให้เซลล์เจ็บป่วย อวัยวะเสื่อมโทรม เกิดโรคภัยไข้เจ็บ เบียดเบียนร่างกาย ทำให้บุคคลเจ็บป่วย แก่ชรา ฯลฯ
2.2 การเปลี่ยนแปลงของอวัยวะต่าง ๆ ที่สามารถสังเกตุเห็นได้ของบุคคลในวัยคุณภาพ (Some Physiological changes in Various Organs of Senior citizens) อวัยวะต่าง ๆ ของบุคคลที่ย่างเข้าสู่วัยคุณภาพจะเริ่มสังเกตุการเปลี่ยนแปลงได้เป็นรูปธรรม ทั้งนี้เนื่องจากปัจจัยที่มากระทบต่อวัฏจักรการตายและการเกิดใหม่ของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาดังต่อไปนี้
2.2.1 ผิวหนัง (Skin)
ผิวหนังของบุคคลในวัยคุณภาพ และวัยเริ่มต้นของการสูงอายุ จะเริ่มปรากฏอาการต่าง ๆ ให้เห็นดังนี้
1) เซลล์สร้างเม็ดสี ของผิวหนังลดลง 8-10% ทำให้เกิดการตกกระ
2) ความชุ่มชื้นของผิวหนังลดลง ผิวจะแห้งและเหี่ยวย่น
3) ไขมันสะสมใต้ผิวหนังลดลง ทำให้ทนต่อแสงแดดได้น้อยลง ง่ายต่อการติดเชื้อ และทนต่อสภาวะอากาศร้อนและเย็นได้ลดลง
4) ผิวหนังฉีกขาดง่าย
5) การสร้างไวตามินดี จากแสงแดดของเซลล์ผิวหนังลดลง
6) เซลล์ต่อมเหงื่อลดลง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการลดระดับของ GH, IGF-1 และฮอร์โมนเพศ สำหรับฮอร์โมนเพศ ส่งผลชัดเจนในข้อ 3
2.2.2 เส้นใยประสาทบริเวณผิวหนังเกิดการเสื่อม อาการที่แสดงออกคือ
1) ความรู้สึกจากการถูกกดลดลง
2) หยิบจับ - การคัดเลือกของใช้ต่าง ๆ ไม่คล่องตัว
3) หยิบจับสิ่งของทำได้ไม่ดีนัก ทำให้สิ่งของหลุดล่วงจากมือได้ง่ายขึ้น
4) ปิดก๊อกน้ำ แก๊สหุงต้ม ที่คิดว่าทำได้สนิทดีแล้วไม่สนิทสมบูรณ์ ฯลฯ
2.2.3 เล็บ
การไหลเวียนของโลหิตไปสู่เซลล์เล็บและปลายเล็บด้วยการลำเลียงผ่านปลายเส้นโลหิตฝอยลดลง ทำให้แคลเซี่ยมถูกขนส่งเข้าไปได้น้อยลง ผลทำให้ผิวของเล็บจะด้าน ไม่มีความมัน
2.2.4 เหงือก ฟัน และสุขภาพของช่องปาก
ฟันผุกร่อนและหลุดล่วงง่าย เนื่องจากฮอร์โมนเพศลดลง ทำให้แคลเซี่ยมและฟอสฟอรัสที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกระดูก จะศูนย์เสียและถูกขับออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น ในวัยคุณภาพ มากกว่าในวัยหนุ่มสาว ผลของฟันผุ ถ้าไม่ได้รับการบำบัด ก็ทำให้เกิดเหงือกอักเสบฟันโยกคลอน และท้ายสุดต้องถอนฟันไปจนหมด สุขภาพของช่องปากเลวลง มีผลกระทบต่อ
1) การเคี้ยวอาหารเลวลง
2) การกัดอาหารเลวลง
3) การรับกลิ่นและรสอาหารเลวลง ทำให้เบื่ออาหาร
4) การพูดสำเนียงไม่ชัดเจน
5) การยิ้มถ้าไม่มีการใส่ฟันปลอม ทำให้ไม่กล้ายิ้มอย่างเปิดเผย
6) การหัวเราะ ไม่กล้าหัวเราะอย่างเปิดเผย
7) ส่งผลถึงการย่อยอาหาร ของกระเพาะและลำไส้ทำได้ลำบากขึ้น ทำให้เกิดการปรวนแปรของกระเพาะและลำไส้ได้มากขึ้น
ร่างกายขาดสารอาหาร บางชนิด เนื่องจาก 1, 2 และ 7
2.2.5 ระบบประสาทและประสาทสัมผัส
น้ำหนักสมองของผู้สูงวัยอาจลดลงได้ประมาณ 200 กรัม จากวัยหนุ่มสาว (จากน้ำหนักสมองเดิม) ขนาดของสมองก็ลดลงด้วย เซลล์สมองและเซลล์ประสาทเชื่อมโยงมีจำนวนลดลง ประสิทธิภาพการทำงานของสมองและประสาทอัตโนมัติลดลงกว่าบุคคลในวัยหนุ่มสาว ทั้งนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการลำเลียงขนส่งของวัตถุดิบและสารอาหารเข้าไปหล่อเลี้ยงเซลล์สมอง และการขับถ่ายของเสียจากกระบวนการเมตาบอลิซึม ของเซลล์สมอง กระทำได้ลดลงเนื่องจาก หลอดเลือดภายในสมองของผู้สูงวัย นับจากวัยคุณภาพ มักจะมีการหนาตัวขึ้น แข็งตีบ หรือการตีบตัวผิดปกติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ส่งผลต่อบุคลิกภาพและสรีระวิทยาของสมองคือ
1) การเคลื่อนไหว อืดอาด เชื่องช้า
2) ความคิด เชื่องช้าลง
3) ความจำเสื่อมลงในเรื่องใหม่ แต่มักจดจำอดีตได้ดี
4) การตอบสนองต่อสิ่งเร้า ทำได้ช้าลง
5) ความคิดเห็นและวิสัยทัศน์ไม่ปราดเปรื่อง ส่วนใหญ่จะมีลักษณะอนุรักษ์นิยม และค่อนข้างคงที่
6) เกิดการซึมเศร้า (depression) เนื่องจากการสะสมของสารชีวะเคมี Norepinephrine (ดูรายละเอียดหนังสือ Noni พืชมหัศจรรย์ ในยุค 2001 โดย ดร.สุรชัย ชาครียรัตน์)
2.2.6 การมองเห็น และสรีรวิทยาของตา
เนื่องจากมีการหนาและแข็งตัวของหลอดเลือดฝอยที่ไปหล่อเลี้ยงตาและเซลล์ของตาซึ่งเป็นสาเหตุหลัก เช่นเดียวกับเซลล์ของสมองในหัวข้อ 2.2.5 ส่งผลให้ตาของผู้สูงวัยจะมีขนาดเล็กกว่าตาตามปกติขณะอยู่ในวัยหนุ่มสาว การปรับโฟกัสจะทำได้เลวลง ทำให้เห็นภาพไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่มืดหรือกลางคืน รูม่านตาก็จะเล็กลงกว่ารูม่านตาตามปกติด้วย ทำให้การตอบสนองต่อแสงสว่างและความมืดทำได้ลำบากกว่า ตาตามปกติในวัยหนุ่มสาว
2.2.7 จมูกและการดมกลิ่น
การเสื่อมและตายลงของเซลล์เยื่อบุโพรงจมูก เกิดขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าการเกิดใหม่ ทำให้จมูกและการรับรู้กลิ่นมีประสิทธิภาพด้อยลง
2.2.8 การรับรส
การเสื่อมและตายลงของเซลล์รับรสในช่องปากเกิดขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าการเกิดใหม่ ประกอบกับสุขภาพในช่องปากที่เลวกว่าในวัยหนุ่มสาว ทำให้ต่อมรับรสในวัยคุณภาพและสูงอายุมีจำนวนลดลง การรับรสมีประสิทธิภาพลดลง ทำให้การรับรสหวานเสื่อมลงก่อน รสขม และรสเค็ม ผลทำให้เกิดการเบื่ออาหารได้
2.2.9 การได้ยิน
เช่นเดียวกับ 2.2.8 มีการเสื่อมและตายของเซลล์ในช่องหู และประสาทที่เกี่ยวเนื่องกับการได้ยิน ที่เร็วกว่าการเกิดใหม่ทำให้การได้ยินลดลง (หูตึง) หรือต้องเพิ่มเสียงในการสนทนาขึ้นเรื่อย ๆ (หูตึง)
2.2.10 กระดูก
กระดูกและเซลล์กระดูกเฉลี่ยลดลงประมาณ 25% ในสตรี วัยคุณภาพ ถึง วัยสูงอายุ และ 12% ในบุรุษ
กระดูกสันหลังมีความยาวลดลง ทำให้คนเตี้ยลง เนื่องจากหมอนรองกระดูกเสื่อม
ทั้งนี้เนื่องจากขาดฮอร์โมนเพศ เป็นปัจจัยหลักทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุน ในผู้สูงอายุ
2.2.11 กล้ามเนื้อ
เซลล์กล้ามเนื้อและความแข็งแรงของใยกล้ามเนื้อลดลง เนื่องจากขาดฮอร์โมนเพศ และฮอร์โมนแห่งการเจริญเติบโต จากผลของ 2.2.10 ร่วมกับ 2.2.11 ทำให้
การทรงตัวและท่าทีของผู้อยู่ในวัยคุณภาพและสูงอายุทำได้ไม่ดีนัก ความกระฉับกระเฉงลดลง หกล้มง่ายขึ้น กระดูกเปราะและหักง่าย
ข้อต่อต่าง ๆ เสื่อม เอ็นยึดติดได้ง่าย และทำให้เป็นโรคปวดเมื่อยต่าง ๆ
2.2.12 ระบบหัวใจและหลอดเลือด
การเสื่อมของเซลล์หลอดเลือดที่เข้าไปหล่อเลี้ยงหัวใจ การหนาตัวขึ้น แข็งตัว หรือตีบลง ของหลอดเลือดภายในร่างกายทั่วไป ของผู้อยู่ในวัยคุณภาพ จนถึงสูงวัย เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการ
เป็นลมหน้ามืด โดยไม่รู้ตัว
ความดันโลหิต อาจสูงหรือต่ำ กว่าปกติได้เสมอ ขณะเปลี่ยนแปลงอริยาบท อย่างกระทันหัน
การเต้นของชีพจร และความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงไปในภาวะเจ็บป่วย ได้อย่างรวดเร็วและจะปรับตัวเข้าสู่สภาวะปกติได้ช้ากว่าคนหนุ่มสาว
2.2.13 ปอดและระบบทางเดินหายใจ
เซลล์ต่าง ๆ ภายในปอดและระบบทางเดินหายใจ เสื่อมประสิทธิภาพลง ทำให้
การหายใจตื้นขึ้น ปอดมีความจุลดลง
อัตราหารหายใจลดลง
ประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนก๊าซอ๊อกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปอดลดลง ทำให้อ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายขึ้นในบุคคลในวัยคุณภาพ และสูงวัย รวมตลอดถึงประสิทธิภาพการไอและรีเฟล็กต่าง ๆ ลดลงด้วย
2.2.14 กระเพาะอาหารและระบบทางเดินอาหารและลำไส้
เนื่องจากผู้สูงวัยมีปัญหาในเรื่องเหงือกและฟัน รวมทั้งสุขภาพในช่องปากที่ลดลง ส่งผลให้กระเพาะอาหาร ระบบทางเดินอาหาร และลำไส้ต้องทำงานหนักขึ้น บางครั้งเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
ทำให้ความอยากอาหารลดลง เบื่ออาหาร
สำลักอาหารง่ายขึ้น
หรือกลั้นอุจจาระไม่ได้ เป็นต้น
ส่งผลให้ผู้สูงวัยบางครั้งขาดสารอาหารต่าง ๆ แม้ว่าจะรับประทานอาหารครบหมู่ และครบตามความต้องการ เนื่องจากการย่อยและการดูดซึมสารอาหารจากกระเพาะและลำไส้ลดลงนั่นเอง
2.2.15 ระบบปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธ์
อัตรากรองของเสียจากโลหิตจากไตลดลง ทำให้ปัสสาวะขุ่นข้นกว่าปกติ ผนังกระเพาะปัสสาวะมีความหนาขึ้น ทำให้มีความยืดหยุ่นตัวลดลง และความจุปัสสาวะทำได้น้อยลง หูรูดของกระเพาะปัสสาวะมีกำลังลดลง ต่อมลูกหมากในบุรุษโตขึ้น
ทำให้ปวดปัสสาวะ และกลั้นปัสสาวะไม่ได้ ต้องถ่ายปัสสาวะบ่อยครั้งขึ้น บางครั้งเกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ ได้ง่ายขึ้น
เนื่องจากรังไข่ของสตรี เริ่มยุติการทำงาน
มดลูกและรังไข่จะฟ่อเหี่ยวลง ทำให้ฮอร์โมนเพศ เอสโตรเจนลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กลุ่มเซลล์เยื่อบุบริเวณอวัยวะเพศของสตรีมีจำนวนลดลง
ช่องคลอดจะแห้งยืดหยุ่นน้อยลง เนื้อเยื่อของอวัยวะเพศภายนอกเหี่ยว เช่นเดียวกับ
อวัยวะเพศและกลุ่มเซลล์ต่าง ๆ ของอัณฑะของบุรุษ ก็จะเริ่มสำแดงการเสื่อมและฟ่อเหี่ยวลงเช่นกัน
2.2.16 ระบบต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อทำการผลิตฮอร์โมนที่สำคัญต่าง ๆ ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งผลโดยตรงต่อการดำรงชีพต่อความเป็นปกติสุขของร่างกายและจิตใจมนุษย์
ต่อมไฮโปธาลามัส ในสมอง และต่อมใต้สมองส่วนต่าง ๆ ทำงานลดลง ส่งผลให้เกิดความแปรปรวน ของฮอร์โมนต่าง ๆ ที่ร่างกายผลิตออกมาจากอวัยวะส่วนต่าง ๆ และควบคุมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติลดลง ดังนี้
การผลิตโกรทฮอร์โมน (GH) จากต่อมใต้สมองส่วนหน้าลดลง
ทำให้การผลิตฮอร์โมน IGF-1 จากตับที่เป็นฮอร์โมนสำคัญที่เซลล์ต่าง ๆ ต้องการในการสร้างเซลล์ใหม่ในอวัยวะทุกส่วนขึ้นมาทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมและตายลง ลดลงเช่นกัน ทำให้อัตราการตายและเสื่อมลงอวัยวะต่าง ๆ ทุกส่วนของร่างกายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน จึงเป็นสาเหตุหลักของความชราภาพของร่างกายมนุษย์
การผลิตรีลิสซิ่ง ฮอร์โมนต่าง ๆจากต่อมไฮโปทาลามัสลดลง ทำให้ต่อมใต้สมองส่วนต่าง ๆ ผลิตฮอร์โมนต่าง ๆ ได้ลดลงเกือบทุกตัว รวมทั้งฮอร์โมนที่ควบคุมกิจกรรมทางเพศ คือ ฮอร์โมนเพศด้วย
ต่อมไทรอยด์ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้คนเบื่ออาหาร ตาฝ้าฟาง ขุ่นมัว
ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ผลิตได้ลดลง และฮอร์โมนเพศก็ลดระดับลง ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนในผู้สูงวัย เนื่องจากฮอร์โมนที่ผลิ่ตออกมาจากต่อมไทรอยด์ คือ ฮอร์โมน Calcitonin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ต้านภาวะกระดูกพรุน ในมนุษย์โดยเฉพาะลดระดับการผลิตลง ในวัยคุณภาพ และในผู้สูงวัย
ตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลินก็ผลิตได้ลดลง ซึ่งท้ายสุดจะชักนำผู้สูงวัยไปสู่ภาวะของโรคเบาหวานได้ในที่สุด
2.2.17 การนอนหลับ
ผู้อยู่ในวัยคุณภาพ และผู้สูงวัย จะมีภาวะการนอนหลับลดลงเรื่อยๆ เนื่องจาการเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาของระบบประสาทในสมอง ร่วมกับการเสื่อมของอวัยวะบางส่วนของร่างกาย เช่น ภาวะการเกิดต่อมลูกหมากโตในบุรุษ การเสื่อมของกระเพาะปัสสาวะทั้งบุรุษและสตรี และการเกิดภาวะกระดูกพรุน เป็นต้น ทำให้การนอนหลับเมื่อคิดเป็นจำนวนชั่วโมงจะค่อย ๆ ลดลง
ผู้อยู่ในวัยคุณภาพจนถึงวัยสูงอายุจะตื่นมาปัสสาวะบ่อยขึ้น รบกวนการนอนหลับ
ผู้อยู่ในวัยคุณภาพจนถึงวัยสูงอายุ มีอาการปวดเมื่อย ของร่างกาย ปวดข้อ และกระดูกถ้าเกิดภาวะกระดูกพรุน รบกวนการนอนหลับ
เมื่อการนอนหลับลดลง การผลิตและหลั่งฮอร์โมนแห่งการเจริญเติบโต (โกรทฮอร์โมน GH) จากต่อมใต้สมองส่วนหน้าจะผลิตและหลั่งออกมาลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากฮอร์โมนดังกล่าว ต่อมใต้สมองส่วนหน้าจะทำการผลิตและหลั่งออกมาได้สูงสุดก็ต่อเมื่อมนุษย์หลับสนิทเท่านั้น
ภาวะดังกล่าวทำให้ฮอร์โมน IGF-1 ที่ตับมนุษย์ผลิตได้ลดลง เช่นกัน ฮอร์โมนนี้เป็นฮอร์โมนที่สำคัญที่สุดของร่างกายการซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ที่สึกหรอ และสร้างเซลล์ใหม่ของอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ภาวะการขาดฮอร์โมนที่จะชักนำให้คนผู้สูงวัย ชราลงได้อย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงในทางลบที่เกิดขึ้นพร้อมกันตั้งแต่ข้อ 2.2.1 - 2.2.17 กระทบต่อผู้อยู่ในวัยคุณภาพถึงสูงวัยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งทางด้านร่างกาย (Physical) และ จิตใจ (mental) ทำให้มีบุคลิกภาพ เปลี่ยนแปลงไป (Personality) ทางด้านร่างกายความแข็งแรง และกระฉับกระแฉงลดลง โดยรวมถ้าไม่เจ็บป่วย หรือเกิดโรคภัยเบียดเบียน ทางด้านจิตใจ การเรียนรู้และความจำ (learning and memory) ลดลง ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Creativity) ลดลงตามส่วนเชาว์ปัญญา (Intelligence) ลดลงกว่าปกติเมื่อเทียบกับวัยหนุ่มสาว
แต่ผู้อยู่ในวัยคุณภาพและสูงอายุ จะได้เปรียบคนหนุ่มสาว คือ ประสบการณ์ในการดำรงชีวิตที่มีสูงกว่าคนในวัยหนุ่มสาวเท่านั้นที่เป็นข้อได้เปรียบคนในวัยหนุ่มสาว