http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0104210750§ionid=0301แอ้ดบอก ให้รอตาม "ขั้นตอน"
"เสรี พิศุทธ์"ทำหนังสือถึง"นายกฯแอ้ด"เร่งรัดแต่งตั้งเป็นผบ.ตร. เผยส่งหนังสือด่วนที่สุดเมื่อต้นเดือนก.ค.ถึงนายกฯอ้างมติกตช.ที่ระบุให้ แต่งตั้งเป็นผบ.ตร.เมื่อพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ พ้นจากตำแหน่งผบ.ตร. หรือเกษียณอายุ ขณะที่แอ้ดบอกทุกอย่างทำตามขั้นตอน ไม่ยืนยันว่าเสรีพิศุทธ์จะได้เป็นผบ.ตร.หรือไม่เพราะอยู่ที่กตช. เผยคณะกฤษฎีกานำร่างของตำรวจร่วมพิจารณากับร่างคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ วันที่ 23 ก.ค.นี้
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการแทนผบ.ตร. ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ตช. 0004.25/ ลงวันที่ 9 ก.ค. 2550 ถึงพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตามมติคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2550 เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอชื่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็นผบ.ตร. เมื่อพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.พ้นจากตำแหน่งผบ.ตร. หรือเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ต.ค. 2550 นั้น
หนังสือของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุต่อไปว่า เนื่องจากพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. 2550 และเพื่อให้การบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นควรนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ดำรงตำแหน่งผบ.ตร. ตามนัยมาตรา 51 (1) และ 53 (1) แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2550 เป็นต้นไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหนังสือของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่า เห็นหนังสือดังกล่าวแล้ว เมื่อถามว่า จะมีการแต่งตั้งตำแหน่งผบ.ตร.โดยเร็วหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาทั่วๆ ไป ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนว่าจะต้องมีการประกาศก่อนว่ามีนายตำรวจชั้น ผู้ใหญ่จะเกษียณอายุราชการในเดือนต.ค.นี้ ก็เป็นไปตามขั้นตอน เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันหรือไม่ว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะได้ขึ้นมาเป็นผบ.ตร. พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบอยู่ที่กตช.
เมื่อถามว่า จะมีชื่อนายตำรวจคนอื่นขึ้นมาเป็นผบ.ตร.แทนรักษาการผบ.ตร.คนปัจจุบันได้ หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ คงต้องรอให้เป็นไปตามขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ได้ยื่นศาลปกครอง ฟ้องพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ว่าออกคำสั่งย้ายไปเป็นข้าราชการตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้า ราชการประจำ ระดับ 11 สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 122/2550 ลงวันที่ 22 เม.ย. 2550 ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น การทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวมีผลทำให้ผู้ถูกฟ้อง ไม่อาจดำเนินการใดๆ เพื่อให้เป็นไปตามผลของคำสั่ง รวมถึงการที่จะนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้ฟ้องคดีด้วย จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลจะต้องกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ฟ้องคดีพ้นจากตำแหน่งผบ.ตร.ตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการปรับโครงสร้างตำรวจใหม่ วันเดียวกัน ที่กระทรวงยุติธรรม นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 23 ก.ค. เวลา 14.00 น. คณะกรรมการกฤษฎีกาจะเริ่มพิจารณาร่างกฎหมายตำรวจ 2 ฉบับ ต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะพิจารณาเรียงไปตามมาตรา ไม่มีประเด็นใดเร่งด่วน โดยคณะกรรมการจะมีหน้าที่เพียงชี้แจงที่มาของกฎหมายเท่านั้น ส่วนข้อเสนอแนะรวมทั้งผลการสัมมนารับฟังความเห็นตำรวจและประชาชนนั้น ขณะนี้ได้สรุปเสนอความเห็นเบื้องต้นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ กฤษฎีกา
นายกิตติพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นความเห็นของนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีน่าจะเป็นประธาน คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช.) เพียงคณะเดียว ส่วนตำแหน่งประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งมีเป็นงานด้านการบริหารงานบุคคล และการแต่งตั้งโยกย้าย อาจจะไม่เหมาะสมนั้น ทางคณะกรรมการจะนำเสนอ แต่ไม่มีหน้าที่เสนอให้ตัดหรือเปลี่ยนแปลงได้ทันที แต่จะนำข้อเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกว่าจะปรับ เปลี่ยนหรือแก้ไขถ้อยคำใดบ้าง
"การพิจารณาร่างกฎหมายตำรวจทั้ง 2 ฉบับกับกฤษฎีกา คณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจต้องตอบข้อสงสัยและประเด็นปัญหา อีกทั้งถ้อยคำที่ระบุในกฎหมายให้ได้ว่ามีความจำเป็นหรือมีเหตุผลอย่างไรที่ ต้องเขียนเช่นนั้น แต่การตัดหรือเปลี่ยนถ้อยคำในร่างกฎหมายเป็นหน้าที่ของกฤษฎีกา ผมยอมรับว่าคณะกรรมการฯทั้ง 28 คนไม่ได้เห็นด้วยกับกฎหมายทุกมาตรา ดังนั้นข้อเสนอแนะและความเห็นทั้งหมดจะถูกพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยมีผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาร่วมพิจารณาด้วย" นายกิตติพงษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะกรรมการต้องล้มเลิกแนวคิดการโอนย้ายสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติหรือไม่ นายกิตติพงษ์กล่าวว่า คงบอกว่าล้มเลิกไม่ได้ เพราะคณะกรรมการไม่ได้มีแนวคิดมาตั้งแต่แรก และไม่ได้ระบุการโอนย้ายสังกัดในกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นคนกล้าจริงๆ ว่าแต่คดีระเบิดปีใหม่ไปถึงไหนแล้วคะ จนป่านนี้ เงียบหายเป็นเป่าสากยิ่งกว่าสมัยอาโกซะอีิก