ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 18:33
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  (ชักจะไปกันใหญ่) ข้อกฎหมายพวกนี้ จะเปลี่ยนไทยให้เป็น "ตาลิบัน 2" ได้จริงหรือ? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
(ชักจะไปกันใหญ่) ข้อกฎหมายพวกนี้ จะเปลี่ยนไทยให้เป็น "ตาลิบัน 2" ได้จริงหรือ?  (อ่าน 1418 ครั้ง)
วิหค อัสนี
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 946



« เมื่อ: 12-07-2007, 22:59 »

นี่เป็นกระทู้ที่วิเคราะห์ วิจารณ์ กฎหมายที่จำกัดควบคุมวิถีชีวิตและการแสดงออกของประชาชนหลายๆ ข้อที่เป็นกระแสว่ากำลังจะออกมา

http://bbs.pramool.com/webboard/view.php3?katoo=C35840


ก่อนอื่นขอให้ละวางเรื่องฝ่ายไหนเริ่ม ฝ่ายไหนร่าง ฝ่ายไหนแก้ ฝ่ายไหนประกาศใช้ เอาไว้ก่อน

ผมอยากจะขอความเห็นจากทุกๆ ท่านในที่นี้ ในประเด็นหลักที่ว่า
(1) กฎหมายเหล่านี้จะมีโอกาสได้ออกมาบังคับใช้ในสภาพที่เป็นอยู่จริงหรือ? และเมื่อไหร่?
(2) กฎหมายเหล่านี้จะถูกนำไปตีความบังคับใช้แบบสุดโต่งได้ขนาดไหน

บันทึกการเข้า

_______ดังนี้แล
__เปลวไฟจักลุกโชน
___หามีวันดับลงได้
_ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า
ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 12-07-2007, 23:10 »

กฎหมายความมั่นคง มีหลัก ๆ อยู่แล้ว คือ กฎอัยการศึก กับ พรก.ฉุกเฉิน

กฎหมายใหม่ ไม่ได้รุนแรงกว่าของเก่าซักเท่าไหร่...ผมมองในแง่ซ้ำซ้อนมากกว่า

อย่าลืมว่า พรก.ฉุกเฉิน ที่ทักษิณประกาศใช้ วันที่ 19 กย. ก็หนักหนานะครับ

ส่วนกฎหมายป้องกันอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต ชื่อก็บอกอยู่แล้ว

ถ้าเราเป็นคนดี ไม่รุกล้ำสิทธิผู้อื่นก็ไม่เดือดร้อน
บันทึกการเข้า

ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #2 เมื่อ: 12-07-2007, 23:16 »

สำหรับผมว่า ยังไงคนไทยก็ทน อยู่แบบไร้อิสระ ไม่ได้หรอกครับ
ไม่งั้น ไทยเป็น คอมมิวนิสต์นานแล้ว
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #3 เมื่อ: 12-07-2007, 23:52 »

1. การบังคับใช้ก็คงไม่ต่างจากที่มีอยู่ในปัจจุบันเท่าไหร่
ส่วนแรก มาตรา 9 ที่ต้องให้อยู่กับทบ. ก็เพราะทบ.เป็นหน่วยงานที่มีปัจจัยสนับสนุนกิจการได้ดีที่สุด หากจะแจกเป็นกิจการต่างหากก็สามารถทำได้ แต่ต้องให้อำนาจในการขอยืมปัจจัยต่างๆได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหากทำอย่างนั้นในระบบราชการไทยคงไม่พ้นต้องเหยีบเท้ากันวุ่วาย
มาตรา 27 เป็นระเบียบวิธีปฎิบัติตามปกติ ที่ต้องให้เวลาเจ้าพนักงานมีเวลาในการรวบรวมหลักฐานดำเนินคดี มีข้อดีกว่าแต่ก่อนคือไม่ต้องเข้าคุก
มาตรา 36-37 กฎหมายก็เขียนดีแล้วครับ แต่ในทางปฎิบัติอาจมีปัญหา เพราะระบบราชการแบบเดิมๆของไทย

ส่วนที่ 2 มาตรา 7 เป็นเรื่องควารมเข้าใจคลาดเคลื่อนของผู้เขียนบทความครับ มาตรานี้จะเน้นที่การใช้งานส่วนบุคคลและโดนรบกวนโดยผู้อื่น ไม่ได้รวมถึงเว็บที่ทางราชการบล็อกด้วยความไม่เหมาะสม
มาตรา 11 เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องมีครับ เพื่อป้องกันการส่งภาพหหรือข้อความอันไม่สมควร แต่หากเป็นกรณีการเมืองก็ต้องวัดใจกันหน่อยละครับ และเรื่องนี้เมื่อถึงศาลหากทำไปโดยสุจริต มีกฏหมายฉบับนี้ผมว่ายังสู้คดีง่ายกว่าด้วยซ้ำ
มาตรา 14 เป็นการขยายฐานอำนาจการเอาผิดให้สามารถเอาผิดในระบบอินเตอร์เน็ตได้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ใช้ประมวลกฏหมายอาญามาปรับใช้ การมีกฏหมายฉบับนี้ก็เป็นการระบุโทษให้ชัดเจนมากกว่า
หลังจากนั้นก็เป็นความเข้าใจผิดในเรื่องของการเก็บ log ไฟล์ของผู้เขียนบทความ

ส่วนที่ 3 มาตรา 3 เป็นเรื่องปกตที่ควรกำหนดไว้อยู่แล้ว ในส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองหากทำโดยสุจริต(อีกแล้ว) กฏหมายก็เสรีให้เคลื่อนไหวทางการเมืองได้ ดังนั้นหากไม่ไดด้จงใจให้เกิดความรุนแรง หรือไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น ย่อมไม่ต้องกลัวกฏหมายฉบับบนี้
มาตรา 13 ผมว่าเจ้าของบทความคิดมากไป เช่นเดียวกับมาตรา 3 ข้างต้น
มาตรา 23 มีเอาไว้เพื่อให้อำนาจในการจับผู้กระทำผิดซึ่งหน้า อ้างอิงได้จากตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๗ ครับ ไม่ใช่ให้เข้าไปค้นได้ตามอำเภอใจ

2. มีโอกาสที่จะนำไปบังคับใช้อย่างสุดโต่งได้เช่นกัน หากผู้มีอำนาจในตอนนั้นให้ท้าย(บงการเอง) ซึ่งหากทำเช่นนั้นเมื่อไหร่ผมเชื่อว่าคนไทยคงไม่นิ่งเฉยแน่
ในเบื้องต้น ผมขอเชื่อว่ากฏหมายเหล่านี้ ออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าใช้เป็นเครื่องมือ ในการดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองครับ

เฮ้อ ยาวจริงๆ
บันทึกการเข้า
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #4 เมื่อ: 13-07-2007, 02:32 »

รัฐราชการอาญาสิทธิ์เพื่อความมั่นคง และการสอดส่องเบ็ดเสร็จ

เกษียร เตชะพีระ

เมื่อพลเอก สนธิ บุณยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครอง
ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) นำกำลังทหาร
ก่อรัฐประหารยึดอำนาจอธิปไตยแห่งรัฐไปจากปวงชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของในคืนวัน
ที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 นั้น ได้กล่าวย้ำคำมั่นสัญญาท้ายแถลงการณ์ คปค. ฉบับ
แรกว่า :-

"ขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินเสียเอง แต่จะได้คืน
อำนาจการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
กลับคืนสู่ปวงชนชาวไทยโดยเร็วที่สุด"

ทว่าหลังจากที่หัวหน้า คปค. ผู้กลายมาเป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
(คมช.) และรัฐบาลพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ปฏิรูปการปกครองมาเป็นเวลาร่วม
10 เดือน บัดนี้กลับเป็นที่ประจักษ์ชัดขึ้นทุกทีว่า เส้นทางที่ท่านนำพาประชาชนไทย
รุดหน้ามานั้นจะไม่นำไปสู่ที่นัดพบของเราตามที่ท่านให้สัญญาไว้นับแต่วันที่ 19
กันยายน พ.ศ.2549 นั้นเลย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ระบอบการปกครองอะไรก็แล้วแต่ที่กำลังถูก คมช.และรัฐบาล "ปฏิรูป"
ให้เกิดขึ้นมานั้น แม้จะมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แม้จะมีรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง
แต่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างแน่นอน!

จะตระหนักเห็นความจริงข้อนี้ได้ เราต้องไม่มัวเพ่งมองยึดติดถือมั่นอยู่แต่เพียงบางหมวด
บางมาตราที่มีสีสันเสรีประชาธิปไตยจัดจ้านขึ้นบ้างในร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 เพราะ
นั่นรังแต่ชวนให้ไขว้เขวหลงผิดเหมือนต้องมนต์สะกด

หากต้องมองกว้างออกไปให้เห็นภาพรวมของ

[แพคเกจนิติบัญญัติทั้งชุด] ที่คณะรัฐประหาร [หรือนัยหนึ่ง คมช.+รัฐบาลสุรยุทธ์]

กำลังผลักดันเสนอให้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ-ที่ซึ่งสมาชิกผู้มีเกียรติแห่งสภานั้น
แต่ละท่านแต่ละคนล้วนถูกประธาน คมช. คัดเลือกลงนามแต่งตั้งมาเองกับมือ

ก็แล้ว [แพคเกจนิติบัญญัติทั้งชุด] ของคณะรัฐประหาร ประกอบด้วยอะไรบ้างเล่า?

มันประกอบไปด้วย :-

-ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ..... (ผ่าน ครม. 15 พ.ค.50)

- ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ... (ผ่าน ครม. 29 พ.ค. 50)

- ร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ. ... (ผ่าน ครม. 19
  มิ.ย. 50)

- ร่างพระราชบัญญัติข่าวกรองแห่งชาติ พ.ศ. ... (ผ่าน ครม. 19 มิ.ย. 50)

- ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 (ผ่าน ส.ส.ร. 6 ก.ค. 50)

[แพคเกจนิติบัญญัติทั้งชุด] ของคณะรัฐประหาร ทำงานประสานกันอย่างไรหรือ?

1) ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่

จะริบสถาบันกำนันผู้ใหญ่บ้านซึ่งเคยเป็นห่วงเชื่อมสื่อประสานอำนาจฉันทามติของ
ชาวบ้านจากการเลือกตั้งตามวาระ เข้ากับอำนาจกำกับบังคับบัญชาของรัฐราชการ
ส่วนกลางอันเป็นพื้นฐานการปกครองส่วนท้องถิ่นแต่เดิมมา ให้กลายเป็นกลไกอำนาจ
ของรัฐราชการส่วนกลางล้วนๆ โดยให้กำนันผู้ใหญ่บ้านอยู่ในตำแหน่งต่อจนอายุ 60 ปี
อันเท่ากับปลดพวกเขาให้พ้นพันธะและอาณัติคะแนนเสียงของชาวบ้าน
ไม่ต้องขึ้นต่อ
การเลือกตั้งตามวาระอีกต่อไป

- ทำให้อำนาจรัฐราชการแผ่ซ่านเข้ายึดกุมครอบงำการปกครองระดับรากหญ้าท้องถิ่น
  เหนียวแน่นขึ้น ถ่วงทานองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจากการเลือกตั้งต่างๆ เช่น อบต.

2) ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

จะเพิ่มอำนาจให้ราชการระดับจังหวัดด้านงบประมาณ การวางแผนพัฒนาและการบริหาร

- ทำให้อำนาจรัฐราชการส่วนภูมิภาคอิสระและกว้างขวางขึ้น เหมือนมีคณะซีอีโอระดับ
จังหวัดที่ไม่ตกอยู่ใต้การนำแบบรวมศูนย์เด็ดขาดของฝ่ายการเมืองดังสมัยรัฐบาลทักษิณ
อีกต่อไปเพราะนายกฯซีอีโอระดับชาติจะถูกบั่นทอนให้อ่อนเปลี้ยลงตามร่างรัฐธรรมนูญ
2550 อยู่แล้ว

3) ร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร

จะสร้างโครงข่ายกลไกรักษาความมั่นคงภายใน ตั้งแต่ระดับชาติ-ภาค-จังหวัดและ
กรุงเทพมหานครขึ้น อยู่ภายใต้การกำกับบริหารของกองอำนวยการรักษาความมั่นคง
ภายในที่มีผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้อำนวยการ โดยรวมศูนย์อำนาจทั้งด้านการอนุมัติ
แผนแม่บทและแผนปฏิบัติการ ออกข้อกำหนดประกาศ คำสั่ง มีอำนาจบังคับบัญชา
หน่วยงานของรัฐทั้งหลายที่เกี่ยวกับความมั่นคงและฟื้นฟูช่วยเหลือประชาชน กระทั่ง
ร่วมใช้อำนาจระดับสอบสวนและสั่งดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรม

อำนาจที่ ผบ.ทบ.ในฐานะ ผอ.รมน. มีตามกฎหมายนี้ล้วนเป็นอำนาจที่เข้าไปล่วง
ละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลพลเมืองเหนือชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน
เช่น
ห้ามพกพาอาวุธ, ห้ามใช้ถนนเส้นทาง, ห้ามชุมนุม, ห้ามออกนอกบ้าน, ขอข้อมูลส่วนตัว
ลูกจ้างพนักงานเอกชนจากนายจ้าง, ห้ามซื้อขายครอบครองสินค้า, เข้าจับกุม คุมตัว
ปราบปราม, เรียกตัวสอบถาม เรียกเอกสาร, ตรวจค้นยานพาหนะและเคหสถาน, ยึดหรือ
อายัดทรัพย์สินเอกสารพยานหลักฐาน เป็นต้น

เนื่องจาก "ความมั่นคง" ในกฎหมายนี้ได้ถูกนิยามให้มีความหมายครอบจักรวาลอย่าง
แท้จริงคือ คลุมเหนือเรื่องอะไรต่อมิอะไรจิปาถะในชีวิตปกติสามัญของประชาชนที่
ไม่ใช่เรื่องความมั่นคงมาแต่ก่อน ให้กลายเป็นเรื่อง "ความมั่นคง" ไปเสียหมด อาทิ
ความภาคภูมิใจในความเป็นไทย, ความรักและหวงแหนวัฒนธรรมและผืนแผ่นดินไทย,
ความสามัคคีเข้มแข็ง, การโฆษณาชวนเชื่อ, การยุยง, การปลุกปั่น เป็นต้น

ฉะนั้น อำนาจเหล่านี้ ผอ.รมน. หรือผู้ได้รับมอบหมายจึงสามารถใช้ได้ทุกเวลาทั้งใน
ภาวะปกติและภาวะไม่ปกติ, ใช้ได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ทุกภาคทุกจังหวัดรวมทั้งเขต
กรุงเทพมหานคร และใช้ได้เมื่อมีเหตุอันควรสงสัย ต่อบุคคลที่ต้องสงสัยว่าเป็นภัยต่อ
ความมั่นคงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเท่านั้นเป็นพอ โดยมิต้องมีพยานหลักฐานพิสูจน์ชัดจนสิ้น
ความสงสัยที่มีเหตุผลดังในกระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใด

โดยผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายนี้ไม่ต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งทางอาญาและทางวินัย
อีกทั้งไม่อยู่ในอำนาจตรวจสอบถ่วงดุลของศาลปกครองด้วย

- ทำให้อำนาจรัฐราชการสถาปนาโครงสร้างรักษาความมั่นคงภายในขึ้นเป็นรัฐซ้อนรัฐ
และสถาปนา ผบ.ทบ. ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในขึ้นเป็นผู้กุมอำนาจ
บริหารรัฐซ้อนผู้กุมอำนาจบริหารรัฐ (นายกรัฐมนตรี) เพื่อใช้อำนาจครอบจักรวาลทุก
กาละ เทศะ และภาวการณ์ในนามของ "ความมั่นคง" ขอเพียงแต่เป็นภัยที่ต้องสงสัยหรือ
คาดว่าจะเกิดขึ้นเท่านั้นโดยไม่ต้องรับผิดทางใดๆ

4) ร่างพระราชบัญญัติข่าวกรองแห่งชาติ

จะให้อำนาจรัฐราชการดำเนิน "การข่าวกรอง" หรือนัยหนึ่งแอบลักลอบแฝงตัวติดตาม
สืบล้วงข่าวสารข้อมูลของ "บุคคล กลุ่มบุคคลหรือองค์กรทั้งภายในประเทศและต่าง
ประเทศ เพื่อเสนอให้รัฐบาลนำมาใช้กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์แห่งชาติ เพิ่มขีด
ความสามารถ ศักยภาพและพลังอำนาจของชาติ ป้องกันปัญหาหรือผลกระทบต่อความ
มั่นคงของชาติ"

- ทำให้รัฐราชการมีอำนาจสืบล้วงล่วงรู้ข้อมูลข่าวสารของทุกคนทุกสถาบันเอกชนใน
สังคมทั้งสังคมได้โดยชอบด้วยกฎหมายเป็นปกติตลอดเวลาอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด
เรื่องสิทธิส่วนบุคคล

5) ร่างรัฐธรรมนูญ 2550

จะทำให้อำนาจของสถาบันฝ่ายการเมืองจากการเลือกตั้งอ่อนแอลงอย่างทั่วด้าน
ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง, รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี เช่น

การเลือกตั้ง ส.ส. แบบรวมเขตเรียงเบอร์ จะทำให้ได้ ส.ส. ผสมต่างพรรคหลากหลาย

การเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 8 เขตกลุ่มจังหวัด จะทำให้อำนาจอิทธิพลท้องถิ่น
ในพรรคเด่นชัดขึ้น อำนาจการนำระดับชาติของแกนนำพรรคอ่อนด้อยลง

วุฒิสภาแบบกึ่งเลือกตั้งกึ่งสรรหาและการเพิ่มสัดส่วนข้าราชการตุลาการในคณะกรรมการ
สรรหาองค์กรอิสระต่างๆ จะเพิ่มอำนาจข้าราชการประจำมากขึ้นในองค์กรตรวจสอบถ่วงดุล
ฝ่ายการเมือง

เหล่านี้เมื่อรวมกับมาตราที่ตอกย้ำการลงโทษเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการพรรค
ที่ถูกยุบ ทว่าในทางตรงข้ามกลับรับรองความชอบด้วยกฎหมายของบรรดาการที่เกี่ยว
เนื่องกับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2549 (ฉบับรัฐประหาร) ด้วยแล้ว

- ทำให้ดุลอำนาจของสังคมการเมืองไทยพลิกเปลี่ยน อำนาจรัฐราชการกลับขึ้นเป็น
ฝ่ายครอบงำเหนือพลังการเมืองของกลุ่มทุนใหญ่ที่มีพรรคการเมืองเป็นตัวแทน ด้วย
การบั่นทอนกร่อนเซาะบรรดาสถาบันที่เป็นช่องทางในการใช้อำนาจอธิปไตยโดย
ประชาชนผ่านการเลือกตั้งตัวแทนลงไป

ผลลัพธ์โดยรวมของ [แพคเกจนิติบัญญัติทั้งชุด] ของคณะรัฐประหาร จึงจะพลิกเปลี่ยน
โฉมหน้าโครงสร้างการเมืองการปกครองของไทย ด้วยการสถาปนาและทำให้เป็นภาวะ
ปกติซึ่งรัฐแห่งความมั่นคงและการสอดส่องเบ็ดเสร็จใต้อำนาจราชการอย่างเด็ดขาด

สัมบูรณ์ (Institutionalization & Normalization of the Totalizing Security &
Surveillance State under Absolute Brueaucratic Rule)

หรือพูดง่ายๆ ก็คือทำให้สภาพของเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใต้อำนาจบริหารใน
สถานการณ์ฉุกเฉินทุกวันนี้กลายเป็น --> สภาพของประเทศไทยทั้งประเทศภายใต้
อำนาจบริหารในสถานการณ์ปกติในอนาคตนั่นเอง

ฉะนั้น ไม่ว่าผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2550 จะออกมาเช่นไร ประเทศไทย
ก็ยังคงจะลงเอยเป็นรัฐราชการอาญาสิทธิ์เพื่อความมั่นคงและการสอดส่องเบ็ดเสร็จนี้
ด้วยอานุภาพของ [แพคเกจนิติบัญญัติทั้งชุด] ของคณะรัฐประหารดังกล่าวข้างต้นอยู่ดี

แต่อย่างน้อย การลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการ
แสดงพลังของประชาชนในกระบวนการพยายามต้านทานถอดรื้อมันอย่างสันติวิธี เพื่อ
เห็นแก่อนาคตของเราทั้งปวง

มติชน วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10715

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act01130750&day=2007/07/13&sectionid=0130

Military dictatorship goes to hell.

คมช. ออกไป ...

ประชาธิปไตย คืนมา


 
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 13-07-2007, 04:07 »

ภยาคติ

ความกลัวทหารในอดีตที่ยังไม่เคยลบเลือน

คงลืมไปว่า ยังมีรัฐธรรมนูญ ค้ำคออยู่

ลองไปพลิกดู "หมวดสิทธิ์" ให้ดี ๆ ประชาชนสามารถใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องคุ้มภัยได้

กฎหมายพวกนี้ หากใช้สิทธิ์ที่ศาลปกครอง ก็ไปยื่นซีครับ

ยื่นไปเลยออกฎหมายขัดกับรัฐธรรมนูญ เหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว
บันทึกการเข้า

qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #6 เมื่อ: 13-07-2007, 04:29 »

อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

1 ทำอย่างไรก็ได้  ให้ระบบราชการฉิบหายวายป่วง
...แม้ผลจากความฉิบหายวายป่วงนั้น  จะส่งผลให้ "กฎุมพีไม่กี่ตระกูล" อิ่มหมีพีมัน


ไม่ทราบว่า "ระบบราชการไทย" ที่ผ่าน ๆ มา  มันเxี้ย ไปกว่า "ระบบการบริหารงานแบบทักษิณ" ตรงไหนหรือครับ  คุณเกษียร ??
...ระบบมันเxี้ย หรือคนเxี้ย ๆ มันเข้าไปในระบบ ??
ระบบราชการไทย  มีมานานกว่าโคตรเหง้าตระกูลเตชะพีระ  ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาตามสภาวะของมัน - ตามธรรมชาติของมัน "จวบจนกระทั่งมีที่ให้คนชื่อเกษียร  เตชะพีระ" ได้ยืน - ได้มีที่เห่า - ได้มีที่พ่นน้ำลายเน่า ๆ
...ในขณะที่ "ระบบบริหารงานแบบทักษิณ" แค่ 6 ปี  ได้ทำลายทุกอย่าง   สร้างความขััดแย้งในบ้านเมืองอย่างสุด ๆ   และไม่มีที่ให้ "ฝ่ายตรงข้าม" ได้ยืน - ได้แย้ง
...ประเทศชาติบ้านเมืองกลายเป็นสวรรค์ของอันธพาลสันดานถ่oยอย่างเป๋  คลองเตย, ยุทธ  ตู้เย็น, วัฒนา  เมืองสุข, ชิณวัฒน์  หาบุญพาด ฯลฯ

2. "เสียงส่วนใหญ่ ทำได้ทุกอย่าง - ถูกต้องเสมอ
และบุคคลที่ "เสียงส่วนใหญ่" เลือกเข้าไปเป็นใหญ่ จะทำเxี้ยทำห่าอะไรก็ได้ทั้งนั้น
...ฉันทามติสูงกว่าจริยธรรม
...คนที่ถูกใจแม้จังรัย  หาก "เสียงส่วนใหญ่" เลือกเข้าไป   ก็คือผู้วิเศษที่จะดลบันดาลอะไรก็ได้ทั้งแผ่นดิน
??????!!!!!!


ภาษิตเหนืออันหนึ่งกล่าวไว้ว่า "หลวกผู้เดียว บ่เท่าง่าวตึงหมู่" 
ภาษิตภาคกลางหนึ่งกล่าวไว้ว่า  "เข้าเมืองตาหลิ่ว  ก็ต้องหลิ่วตาตาม"
...หวังว่าคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ คงไม่สอนสั่งลูกศิษย์ว่า
 "ถ้าคนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองชอบคนsะยำ - ผู้ที่นำกระแส "ตัณหานิยม" มาเป็นแนวทางตลาดอย่างได้ผล   พวกเธอลูกแม่โดมทั้งหลายจงอย่าได้ขัดกระแส   แม้รู้ว่านั่นเป็นหนทางอันสร้างความวิบัติฉิบxาย  ก็จงละลายตัวให้กลืนกลม  แล้วกวัก ๆ อม ๆ ผลประโยชน์เข้าตัวให้มากที่สุด..."
...เพราะถ้าพวกคุณทำอย่างนั้นล่ะก็   พวกคุณมิได้ผลิต "บัณฑิต" ให้สังคมหรอกครับ
...รัฐศาสตร์ มธ. ของคุณเกษียรก็คือโรงผลิต "คนขายชาติ - เนรคุณแผ่นดิน" เราดี ๆ นี่เอง

3. ถ้าคุณเกษียรยังรู้สึกไม่มั่นใจว่า "เสียงส่วนใหญ่" ในเวลานี้มีคุณภาพจริง
"ผลผลิตจากเสียงส่วนใหญ่" นั้นก็มิได้จรรโลงสังคม  จริยธรรม  หรือแม้แต่ความเจริญทางวัตถุอย่างยั่งยืน ( ความเจริญขั้นต่ำสุด ๆ แล้ว ) ได้จริง
...ผมขอแนะนำให้คุณเกษียร "หุบปากซะบ้าง" และ "ใช้สติให้มากกว่าจริต" สักหน่อย



เพราะคุณกำลังดันทุรังสร้างบ้านด้วย "วัสดุห่วย ๆ" + "แรงงานเฮงซวย" ให้ลูกหลานอยู่อาศัยอย่างเสี่ยงภัย - เสี่ยงตายในวันข้างหน้า
หรือ...คุณกำลังยืนกรานที่จะให้ "ผู้คนไร้สติ - สันดานเห็นแก่ได้" + "นักการเมืองขี้ฉ้อ - ขี้โกง" ในปัจจุบัน  กำหนดทิศทางและชะตาประเทศชาติบ้านเมือง  ที่จะส่งผลต่อผู้คนรุ่นหลัง

นักรัฐศาสตร์ ต้อง "มองไกล" ไปถึงคนรุ่นหลัง  ด้วยการปกป้อง "อารยธรรม - สมบัติของแผ่นดิน" ไว้ให้พวกเขา
แล้วมันก็เป็นสิทธิของพวกเขา - คนรุ่นหลัง  ที่จะทำอย่างไรกับ "อารยธรรม - สมบัติของแผ่นดิน" เพื่อส่งทอดต่อไปยังลูกหลานของพวกเขา
เหมือนดั่งที่คุณเกษียร  เตชะพีระ  ผม  และใคร ๆ ในเวลานี้ที่ได้รับ "อารยธรรม - สมบัติของแผ่นดิน" มาจากคนรุ่นก่อน


ถามตัวเองนะคุณเกษียร  ว่า "ประชาิธิปไตย - เสียงส่วนใหญ่เป็นเอกอุโฆษ" แบบที่คุณพยายามดิ้นรน "ทำให้เป็น - ยืนกรานให้ปรากฎ" ด้วยอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ของคุณ..นั้น
...ผู้คนรุ่นหลังเขาต้องการ มากกว่า "อารยธรรม - สมบัติของแผ่นดิน" แบบที่คุณ  ผม  และใคร ๆ ในเวลานี้ได้รับมาจากคนรุ่นก่อน หรือเปล่า ?


สัตว์ผอมโซ ที่วิ่งอยู่ใน "ท้องทุ่งอันแห้งแล้ง" 
มันอาจจะกำลัง "หนีหัวซุกหัวซุน" มากกว่า "เริงร่าอย่างมีอิสระเสรี" ก็ได้นะ
...วันนี้ "ป่ายังอุดม"  คุณ  ผม  และใคร ๆ ในปัจจุบัน อาจ "รู้สึกไม่ชอบ" ที่จะได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ใหญ่ที่มีอำนาจ
...แล้วแน่ใจหรือว่าเมื่อสัตว์ใหญ่ที่มีอำนาจนั้นถูกกำจัดไป
วันข้างหน้า  ป่าที่คุณ  ผม  และใคร ๆ ในปัจจุบันได้รับมาจากบรรพบุรุษ  มันจะไม่กลายเป็นท้องทุ่งอันแห้งแล้ง
...ที่มีลูกหลานตัวผอมโซ  วิ่งหนี "ตัวอะไร ( ที่ทำลายป่า )" อย่างหัวซุกหัวซุน
???

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2007, 04:45 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #7 เมื่อ: 13-07-2007, 08:07 »

ขนาดรธน.ของปชช......มันยังฉีกหน้าตาเฉย
รัฐบาลที่ปชช.เลือกมากับมือ....มันยังล้มแล้วตามล้างตามเช็ดไร้หลักนิติธรรม


แล้วนับประสาอะไรกับกฎหมายยิบย่อย....ที่พวกมันจะร่างขึ้นมาเพื่อกดหัวปชช.ที่หลายคนก็เคยสนับสนุนพวกมันเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549!!!
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #8 เมื่อ: 13-07-2007, 08:16 »

มาดูตัวอย่างของร่างกฎหมายเผด็จการล่าสุดกัน


"นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบในการเสนอให้กำหนดห้ามข้าราชการสังกัดพรรคการเมือง เพื่อรักษาความเป็นกลางทางการเมืองไว้ โดยจะเสนอให้กรรมาธิการยกร่างฯ พิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง ทั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจาก พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ที่อนุญาตให้ข้าราชการสามารถสังกัดพรรคการเมืองได้ แต่ห้ามมีตำแหน่งบริหารในพรรค"
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 13-07-2007, 12:58 »

มาดูตัวอย่างของร่างกฎหมายเผด็จการล่าสุดกัน


"นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบในการเสนอให้กำหนดห้ามข้าราชการสังกัดพรรคการเมือง เพื่อรักษาความเป็นกลางทางการเมืองไว้ โดยจะเสนอให้กรรมาธิการยกร่างฯ พิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง ทั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจาก พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ที่อนุญาตให้ข้าราชการสามารถสังกัดพรรคการเมืองได้ แต่ห้ามมีตำแหน่งบริหารในพรรค"


ใครจะว่าอย่างไรไม่รู้ แต่KUเห็นด้วยว่ะ ไอ้จ๊ะ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #10 เมื่อ: 13-07-2007, 13:11 »

แล้วไม่ดีไงวะ งงวะ

มันก้ดีแล้วไง ราชการจะได้ทำอะไรเป็นกลางๆ อะไรทที่ต่างจากเดิมเล่นมันทุกอย่างเลยนะ เท้านะ

เค้าสร้างความเป็นกลางความอิสระปราศจากการครอบงำทางการเมืองดันไม่ชอบสงสัยเท้าคงอยากให้ราชการไม่เป็นกลางเลือกปฎิบัติทั่วราชอนาจักร(เลือกพรรคผมจิเดี่ยวบริการให้ก่อน)งิงิ
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 13-07-2007, 13:17 »

แล้วไม่ดีไงวะ งงวะ

มันก้ดีแล้วไง ราชการจะได้ทำอะไรเป็นกลางๆ อะไรทที่ต่างจากเดิมเล่นมันทุกอย่างเลยนะ เท้านะ

เค้าสร้างความเป็นกลางความอิสระปราศจากการครอบงำทางการเมืองดันไม่ชอบสงสัยเท้าคงอยากให้ราชการไม่เป็นกลางเลือกปฎิบัติทั่วราชอนาจักร(เลือกพรรคผมจิเดี่ยวบริการให้ก่อน)งิงิ

มันกำลังจะบอกว่า นี่เป็นการริดรอนสิทธิของข้าราชการไง๊ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #12 เมื่อ: 13-07-2007, 13:25 »

มันกำลังจะบอกว่า นี่เป็นการริดรอนสิทธิของข้าราชการไง๊ 

เป็นประโยคที่ SM พูดได้ดีสมกับเป็นคนจริงๆ
บันทึกการเข้า
An.mkII
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,984


Out of kontrol....!!!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 13-07-2007, 13:47 »

ความเป็นจริง..กะสิ่งสมมุติ...

นี้คือเรื่องจริง..ที่ใครบางคนกำลังลืมเหตุปัจจัยในข้อนี้...


ที่ว่าพยายามบอกว่ามันน่ากลัวทั้งๆที่มันยังไม่เกิด.....แต่กะบางสิ่งที่ดันเกิดมาแล้วดันทะลึ่งไม่กลัว....เเละพร้อมจะยอมให้มันกลับมา..???
 

และเหตุอะไรเราควรจะกลัวเรื่องบ้าๆที่เป็นปัญหาของพวกวิตกจริต...  (บางจำพวก..)


ที่คิดว่าตนเองนั้นเป็นคนชนชั้นสูงปัญญาชน.......

เที่ยวกดข่มคนอื่นเขาว่าโง่เเละต่ำกว่าตนซึ่งผมเห็นได้จากกระทู้นี้...


ที่ชอบยืนดูปัญหาจากหอคอยงานช้าง.... 

แล้วเที่ยวเอามือมาชี้ๆแล้วบอกว่านกก็ต้องเป็นนก...  ไม้ต้องเป็นไม้  แต่มันไม่เคยคำนึงว่าบางครั้งนกมันก็เป็นไม้ไม่ได้..

เพราะคนพวกที่มันหลงอยู่แต่ในตำราไม่เคยออกมาเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง...


ฉะนั้นอย่าสนใจและเอามาคิดให้รกสมองมากนัก....

 
บันทึกการเข้า
(ก้อนหิน) ละเมอ
Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,041



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 13-07-2007, 14:04 »

ภาวนาอย่าให้ฎหมายฉบับนี้ออกเลยครับ... ไม่งั้นความยุ่งยากทั้งปวงจะตกกับ webmaster ที่มีบริการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือเว็บบอร์ด...
ของผม มันเป็นเว็บบอร์ดสำหรับเด็กๆ อายุ 12-18 ครับ ครึ่งหนึ่งยังไม่มีบัตรประชาชนด้วยซ้ำ
บันทึกการเข้า

วิหค อัสนี
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 946



« ตอบ #15 เมื่อ: 14-07-2007, 23:15 »

ประชาชนไทยทุกคนที่เกิดมาได้สัญชาติไทย จะมีเลขประจำตัวประชาชนมาตั้งแต่เกิดแล้วครับ ไม่ต้องรอให้ครบ 15 ปีทำบัตรซะก่อน

ส่วนกฎหมายห้ามข้าราชการสังกัดพรรคการเมือง น่าจะออกมาเพื่อปรับความเป็นกลางทางการเมืองของกลไกระบบราชการให้ดีขึ้น แต่ก็ยังคิดอยู่ว่า "ห้ามเป็นสมาชิกพรรคการเมือง" เลยมันจำกัดเกินไปรึเปล่า ถ้าให้เป็นสมาชิกพรรคได้แต่ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง/ดำรงตำแหน่งใดๆ ในพรรค จะดีกว่ามั๊ย

ส่วนประเด็นเรื่องของกฎหมายต่างๆ ในหัวข้อกระทู้ มันก็จริงที่ว่าในทางปฏิบัติคงมีโอกาสน้อยที่จะเอาไปใช้ได้สุดโต่งถึงขั้นนั้น แต่ก็ยังมีเหตุที่น่าเป็นกังวลอยู่ดี (เดี๋ยวจะมาถกต่อ)

บันทึกการเข้า

_______ดังนี้แล
__เปลวไฟจักลุกโชน
___หามีวันดับลงได้
_ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า
ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
หน้า: [1]
    กระโดดไป: