The Last Emperor
|
|
« เมื่อ: 11-07-2007, 13:19 » |
|
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00 น. ที่ผ่านมา (11 ก.ค.) เกิดเหตุพนักงานบริษัทไทยศิลป์อาคเนย์อิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ถนนกิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ประมาณ 5,000-6,000 คน ชุมนุมปิดถนนประท้วงกรณีบริษัทปิดการดำเนินกิจการโดยไม่มีการแจ้งให้พนักงานรับทราบล่วงหน้า ทำให้บริเวณดังกล่าวมีปัญหาการจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทตัดเย็บเสื้อผ้าแบรนด์เนมชั้นดังส่งออก อาทิ ไนกี้ อาดิดาส ส่งออก มีพนักงานประมาณ 5,000-6,000 คน คาดว่ามีปัญหาเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่า ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจาหาทางออกในการแก้ไขปัญหาระหว่างพนักงานและผู้บริหารบริษัท มีเพียงการติดประกาศจากบริษัทแจ้งพนักงานว่าปิดกิจการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kittinunn
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 11-07-2007, 13:25 » |
|
พิษบาทแข็งโรงงานส่งออก'ไนกี้-อดีดาส'เจ๊ง ลอยแพคนงาน6พันคน11 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 12:23:00 (Update) มรสุมบาทแข็ง โรงงานส่งออก "ไนกี้-อดีดาส" เจ๊ง ลอยแพล็อตใหญ่ คนงาน 6 พันเศร้า ก่อหวอดประท้วง ขู่บุกก.แรงงานขอความช่วยเหลือ ไร้เงานายจ้างคาดเผ่นหนี กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 ก.ค.ได้มีคนงานบริษัทไทยศิลป์ อาคเนย์อิมพอร์ต เอ็กพอร์ต จำกัด ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 79 หมู่ 14 ถ.กิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการจำนวนกว่า 6,000 คนได้รวมตัวปิดถนนกิ่งแก้วหน้าบริษัทประท้วงกรณีที่บริษัทไดปิดประกาศเลิกจ้างทำให้พนักงานจำนวนมากถูกลอยแพกระทันหัน ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัดรถสัญจรไปมาไม่สะดวก ทั้งนี้คนงานที่จับกลุ่มประท้วงต่างสับสนกับเหตุการณ์ดังกล่าวบางคนถึงกับร้องไห้เสียใจ เศร้าซึมไปตามๆ กัน นายชุลี กองยุทธิ์ แกนนำเครือข่ายแรงงานบ.ไทยศิลป์ฯ กล่าวว่า บริษัทได้มีการติดป้ายเลิกจ้างประมาณ 02.00 น.ขณะที่คนงานที่เดินทางไปทำงานตอนเช้าก็ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ ซึ่งขณะนี้มีคนงานประมาณ 6,000 คนมีการชุมนุมปิดถนนประท้วงการเลิกจ้างพร้อมทั้งขอเรียกร้องเงินค่าชดเชย และสวัสดิการต่างๆที่จะได้รับ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสัญญาณ นายจ้างไม่เคยบอกล่วงหน้า หลายคนที่ร้องให้เสียใจเพราะทำงานที่นี่มานานไม่อยากย้ายไปไหนและเกรงว่าไปทำงานที่อื่นไม่มีใครรับ อย่างไรก็ตามขณะนี้กำลังประสานงานกับนายจ้างให้ออกมาเจรจากับลูกจ้างโดยด่วนไม่เช่นนั้นเราก็จะยังคงประท้วง พร้อมขอเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานเข้ามาช่วยด้วย คนงานบริษัทไทยศิลป์และเครือข่ายตัดเย็บเสื้อผ้าใน จ.สมุทรปราการ จะมีมาตรการไปร่วมชุมนุมกันที่กระทรวงแรงงานอย่างแน่นอน นายบุญลือ ยอดบุญ ผู้จัดการฝ่ายผลิตบ.ไทยศิลป์ฯ กล่าวว่าเพิ่งทราบว่ามีการเลิกจ้างในช่วงเช้าวันนี้เช่นวันเดียวกับพนักงานคนอื่นๆ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยส่ง สัญญาณหรือแนวโน้มการเลิกจ้างอะไร ทั้งนี้ในวันที่ 17 ก.ค.จะมีตัวแทนฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างนัดเจรจากัน อย่างไรก็ตามตนในฐานะลูกจ้างก็ต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุดตามสิทธิที่มี แต่ตอนนี้ทุกคนยังมืดมนไม่มีแนวทางในการต่อสู้ ตอนนี้เราไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะทุกคนก็ทำงานแบบหาเช้ากินค่ำ หลายคนอายุมาก มีที่อยู่อาศัยที่นี่ ไม่รู้จะต่อสู้กันอย่างไร ดังนั้นขอให้กระทรวงแรงงานที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรงเข้ามาช่วยเหลือด่วนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินค่าชดเชย ค่าจ้าง เงินช่วยเหลือกรณีตกงาน เงินสงเคราะห์ลูกจ้าง และช่วยดูแลให้มีงานใหม่ทำด้วยไม่เช่นนั้นคนงานตายแน่ๆนายบุญลือ กล่าว ขณะที่ นายศักดา เชษฐเจริญนิรันดร์ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.สมุทรปราการ กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อแกนนำคนเพื่อเจรจากรณีปัญหาการถูกเลิกจ้างเฉียบพลัน รวมทั้งยังไม่สามารถติดต่อเจ้าของโรงงานอย่างแท้จริง เรื่องนี้หลายฝ่ายเกรงว่านายจ้างอาจจะพยายามเจรจาหาเงินหรืออาจจะหลบหนีไปแล้ว อย่างไรก็ตามเบื้องต้นกรมสวัสดิการฯพร้อมจะนำเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างที่มีอยู่ประมาณ 200 ล้านบาท มาจ่ายชดเชยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับคนงานเป็นระยะเวลา 1-2 เดือนไปก่อนแต่คนงานต้องมายื่นคำร้องขอรับค่าชดเชย ซึ่งขั้นตอนในการขอนั้นจะใช้เวลา 90 วัน อย่างไรก็ตามกรมสวัสดิการฯพยายามเข้าไปประสานเจรจาหาตัวนายจ้างและให้ความช่วยเหลือคนงานมากที่สุดก่อนที่คนงานจะเดินทางมาชุมนุมประท้วงที่กระทรวงแรงงาน ที่สำคัญ สถานการณ์การเลิกจ้างของโรงงานใน จ.สมุทรปราการ มีแนวโน้มเลิกจ้างตามมากอีกหลาย แห่ง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งเงินส่งออกไม่ได้ รมว.แรงงานสั่งกสร.จี้นายจ้างจ่าย150ล้าน-เผยรง.พื้นที่ส่อปิดอื้อ นายอภัย จันทนจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่าได้รับรายงานจากนายผดุงศักดิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) ว่า ในช่วงเช้าวันนี้บริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นบริษัทตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งออกต่างประเทศยี่ห้อไนกี้ อาดีดาส ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานกว่า 6,000 คน โดยไม่มีการแจ้งกระทรวงล่วงหน้าและให้มีผลตั้งแต่วันนี้ ทำให้พนักงานกว่าหลายพันคนชุมนุมบริเวณด้านหน้าบริษัท แต่ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่แรงงานสัมพันธ์ลงไปไกล่เกลี่ย โดย สถานการณ์การชุมนุมขณะนี้ได้คลี่คลายลงแล้ว พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ติดต่อให้นายจ้างมาเจรจาและจ่ายค่าชดเชย นายอภัย กล่าวด้วยว่า จากการประเมินตามอายุงานทางบริษัทต้องจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างดังกล่าวจำนวน 150 ล้านบาท ซึ่งหากทางบริษัทไม่ยอมจ่ายจะต้องถูกดำเนินคดี นอกจากนี้ ได้ประสานสำนักงานประกันสังคมให้จ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นเวลา 6 เดือน รวมทั้ง รวมทั้ง ได้ให้จัดหางานจังหวัด สมุทรปราการจัดหางานในพื้นที่ใกล้ เคียงให้กับช่างที่ถูกเลิกจ้าง โดยทราบว่ามีช่างฝีมืออยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทต้องปิดตัวลงเนื่องจากถูกตัดยอดการส่งสินค้าจากต่างประเทศ มีหนี้สินอยู่จำนวนมาก รวมทั้ง ธนาคารไม่ยอมปล่อยกู้ให้ทางบริษัท อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่ง สำรวจโรงงานที่มีแนวโน้มเลิกจ้างเพราะได้รับผลกระทบจากกรณีเงินบาทแข็งตัว เพื่อหามาตรการช่วยเหลือต่อไป http://www.bangkokbiznews.com/2007/07/11/WW10_WW10_news.php?newsid=83455
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 11-07-2007, 13:28 » |
|
น่าเศร้าใจและเห็นใจท่านเหล่านี้ที่ต้องตกงานภายใต้สภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างแรง ท้าวฯเห็นว่าประเทศไทยน่าจะนำงบส่วนหนึ่งจาก 3 หมื่นกว่าล้านที่เพิ่มขึ้นในส่วนของกองทัพนำมาปรับปรุงเศรษฐกิจของประเทศดีกว่าไหม? ตอนนี้ประเทศไทยไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องไปซื้ออาวุธเพราะคนไทยกำลังรบกับความยากจนอยู่ขณะนี้
ขอให้ทหารอาชีพโปรดตรองดู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 11-07-2007, 13:32 » |
|
ขอบคุณAloha007ที่ช่วยยืนยันข่าวร้ายดังกล่าว จึงใคร่ขอปรึกษาทุกท่านในเว๊บนี้ให้ช่วยกันกราบคมช. และ รัฐบาลขิงแก่ให้โปรดลาออกเถิด สงสารคนจนอีกนับล้านคนที่พวกเค้าต้องซวยเพราะพวกท่าน!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
::วิญญาณห้อง2::
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 11-07-2007, 13:33 » |
|
น่าเห็นใจก็เรื่องนึง
แต่ปิดกิจการเพราะเงินบาทแข็ง อันนี้จริงรึเปล่ายังต้องไปดูในรายละเอียด
เศรษฐกิจถดถอย ไม่ได้หมายถึงค่าเงินบาทแข็ง หรือค่าเงินบาทแข็ง ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจดี
ที่เศรษฐกิจไม่ดีตอนนี้ ก็คนชั้นล่างเป็นส่วนใหญ่ เพราะอะไรเหรอ ก็ไม่มีคนมาปลดหนี้ให้ฟรีๆไง ใช้จ่ายเกินพอดี ก็แบบนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--------this is the world-------
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 11-07-2007, 13:36 » |
|
อ้างแหล่งข่าวเค้าด้วยจ้ะ ท่านท้าวฯ อย่าเอานิสัยไอ้เหลี่ยมมาใช้ เอ้า เอาของบางกอกโพสต์มาเสริมให้ ผมว่าเค้าลงได้ละเอียดและนำเสนอมุมมองที่น่าสนใจทีเดียว ดูตรงไฮไลท์นะครับท่านมหาเทพฯ วานช่วยตามคุณ phantom มาช่วยแปลหน่อยนะค้าบบบบ 5,000 workers find factory closed (dpa) - Thousands of Thai labourers on Wednesday demonstrated against the surprise closure of a garment factory that has allegedly shut shop for lack of export orders. An estimated 5,000 labourers blocked traffic on Gingkeow Raod in Samut Prakan province, adjoining Bangkok, after they were shut out of the Thaisilipa Arcanay Import-Export Company when they arrived for work Wednesday morning. The Thai-owned factory, which specialises in sports clothing for the export market, had not informed the workers of their intention to close the factory beforehand. When they arrived Wednesday morning they found the doors shut and a sign posted "Closing Business." A protest ensued that blocked traffic in the already congested area. "We're negotiating with the protestors to find a solution," said Phadungsak Thephasadin Na Ayuthaya, director-general of the Department of Labour Protection and Welfare. He said the factory had been forced to close because of lack of orders from its main clients, which include well-known brands such as Nike and Adidas. Phadungsak said the factory owed the laid-off labourers at least 150 million baht (4.4 million dollars) in compensation. The factory closure comes at a time of rising concern about Thailand's export competitiveness in the face of the baht currency's rapid and seemingly endless appreciation against the US dollar. Despite the appreciation, Thailand's exports rose 18.8 percent during the first five months of this year, to reach 58.74 billion dollars.
But the Export-Import Bank of Thailand warned earlier this week that the export surge was primarily in high-tech items such as electronics, electrical appliances, automobiles and auto parts, that require a large import component.
Apichai Boontherawara, president of the state-owned EXIM Thailand, has warned that the surge in these high-tech exports was creating an "illusion" that Thailand's export picture was a bright one.
He noted that while these high-tech items, which account for a whopping 64 per cent of the country's total export value, are performing well, many lower-tech products such as garments, shoes and agricultural products are losing competitiveness because of the rising baht. Thailand's baht currency has appreciated more than 4 per cent against the dollar already this year, and rose about 12 per cent against the greenback in 2006. Exports account for some 60 per cent of Thailand's gross domestic product. http://www.bangkokpost.com/breaking_news/breakingnews.php?id=120072
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พรรณชมพู
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 11-07-2007, 13:37 » |
|
นี่แหละ ทุนสามานย์ ที่ไอ้เหลี่ยมนำเข้ามาในประเทศ ชั่วร้ายเลวทราม ดูไว้แล้วสำนึกซะ อีกไม่นานจะต้องปิดกิจการกันอีกมากกว่านี้ เมื่อทุนนิยมล่มสลาย อย่าโง่เอาเงินไปช่วยกิจการเฮงซวยเหล่านี้อีกเลย ไร้สาระ ไร้ประโยชน์ ทำลายชาติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 11-07-2007, 13:40 » |
|
น่าเห็นใจก็เรื่องนึง
แต่ปิดกิจการเพราะเงินบาทแข็ง อันนี้จริงรึเปล่ายังต้องไปดูในรายละเอียด
เศรษฐกิจถดถอย ไม่ได้หมายถึงค่าเงินบาทแข็ง หรือค่าเงินบาทแข็ง ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจดี
ที่เศรษฐกิจไม่ดีตอนนี้ ก็คนชั้นล่างเป็นส่วนใหญ่ เพราะอะไรเหรอ ก็ไม่มีคนมาปลดหนี้ให้ฟรีๆไง ใช้จ่ายเกินพอดี ก็แบบนี้
เอาอีกแล้ว...ชอบมีการกล่าวโทษบริษัทที่เจ๊งว่าไม่รู้จักการใช้จ่ายอย่างพอดี เจ้าของบริษัทดังกล่าวเป็นคนจนรึท่าน!?! อย่าเถียงข้างๆคูๆดีกว่าเพราะถ้าเศรษฐกิจมันดีจริง...บริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนี้จะเจ๊งเสียงดังฤา!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 11-07-2007, 13:46 » |
|
อ้างแหล่งข่าวเค้าด้วยจ้ะ ท่านท้าวฯ อย่าเอานิสัยไอ้เหลี่ยมมาใช้ เอ้า เอาของบางกอกโพสต์มาเสริมให้ ผมว่าเค้าลงได้ละเอียดและนำเสนอมุมมองที่น่าสนใจทีเดียว ดูตรงไฮไลท์นะครับท่านมหาเทพฯ วานช่วยตามคุณ phantom มาช่วยแปลหน่อยนะค้าบบบบ 5,000 workers find factory closed (dpa) - Thousands of Thai labourers on Wednesday demonstrated against the surprise closure of a garment factory that has allegedly shut shop for lack of export orders. An estimated 5,000 labourers blocked traffic on Gingkeow Raod in Samut Prakan province, adjoining Bangkok, after they were shut out of the Thaisilipa Arcanay Import-Export Company when they arrived for work Wednesday morning. The Thai-owned factory, which specialises in sports clothing for the export market, had not informed the workers of their intention to close the factory beforehand. When they arrived Wednesday morning they found the doors shut and a sign posted "Closing Business." A protest ensued that blocked traffic in the already congested area. "We're negotiating with the protestors to find a solution," said Phadungsak Thephasadin Na Ayuthaya, director-general of the Department of Labour Protection and Welfare. He said the factory had been forced to close because of lack of orders from its main clients, which include well-known brands such as Nike and Adidas. Phadungsak said the factory owed the laid-off labourers at least 150 million baht (4.4 million dollars) in compensation. The factory closure comes at a time of rising concern about Thailand's export competitiveness in the face of the baht currency's rapid and seemingly endless appreciation against the US dollar. Despite the appreciation, Thailand's exports rose 18.8 percent during the first five months of this year, to reach 58.74 billion dollars.
But the Export-Import Bank of Thailand warned earlier this week that the export surge was primarily in high-tech items such as electronics, electrical appliances, automobiles and auto parts, that require a large import component.
Apichai Boontherawara, president of the state-owned EXIM Thailand, has warned that the surge in these high-tech exports was creating an "illusion" that Thailand's export picture was a bright one.
He noted that while these high-tech items, which account for a whopping 64 per cent of the country's total export value, are performing well, many lower-tech products such as garments, shoes and agricultural products are losing competitiveness because of the rising baht. Thailand's baht currency has appreciated more than 4 per cent against the dollar already this year, and rose about 12 per cent against the greenback in 2006. Exports account for some 60 per cent of Thailand's gross domestic product. http://www.bangkokpost.com/breaking_news/breakingnews.php?id=120072 เห็นไหมว่าท้าวฯไม่เคยโม้ ทั้งหลักฐานภาคภาษาไทยโดยคุณ Aloha007 และภาษาอังกฤษโดยคุณ So What? มาช่วยยืนยันความเป็นเทพของท้าวฯได้เนียนสุดๆเลยน๊า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 11-07-2007, 13:49 » |
|
นี่แหละ ทุนสามานย์ ที่ไอ้เหลี่ยมนำเข้ามาในประเทศ ชั่วร้ายเลวทราม ดูไว้แล้วสำนึกซะ อีกไม่นานจะต้องปิดกิจการกันอีกมากกว่านี้ เมื่อทุนนิยมล่มสลาย อย่าโง่เอาเงินไปช่วยกิจการเฮงซวยเหล่านี้อีกเลย ไร้สาระ ไร้ประโยชน์ ทำลายชาติ ท่านพรรณน่าจะให้เหตุผลโดยการจับ Gasohol มาเป็นแพะ...ยังจะดูมีรสนิยมกว่าน๊าท้าวฯว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 11-07-2007, 13:51 » |
|
เห็นไหมว่าท้าวฯไม่เคยโม้ ทั้งหลักฐานภาคภาษาไทยโดยคุณ Aloha007 และภาษาอังกฤษโดยคุณ So What? มาช่วยยืนยันความเป็นเทพของท้าวฯได้เนียนสุดๆเลยน๊า แน่ะ บอกให้อ้างแหล่งข่าวที่หัวกระทู้ ยังมาทำไขสือยกหางตัวเองอีก การส่งออกภาคอุตสาหกรรม เราก็เคยชินแต่การได้เปรียบดุลการค้าสินค้าโลว์เทคเพราะค่าแรงถูก ค่าเงินบาทต่ำ แต่ตอนนี้เวียดนามกะจีนเค้ามาแทนที่เราตรงนั้นไปแล้วครับ ถ้าเรายังคิดหาพึ่งพิงการส่งออกอยู่ เราต้องขยับหนีตลาดล่างขึ้นมา แต่ก็อีกแหละครับ สินค้าทุนพวกเครื่องจักรก็ผลิตเองไม่ได้ นำเข้ามาก็แพง ตอนนี้การส่งออกภาคเกษตรที่ยังลากกันไปได้เพราะผลผลิตของเรายังคุณภาพดีกว่าเค้าอยู่ อย่างเช่นเวียดนามก็ยังชอบกินลองกองกับมะม่วงเขียวเสวยของไทยอยู่ แต่ต่อไปก็คงจะลำบากขึ้นเรื่อยๆครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 11-07-2007, 13:55 » |
|
แน่ะ บอกให้อ้างแหล่งข่าวที่หัวกระทู้ ยังมาทำไขสือยกหางตัวเองอีก การส่งออกภาคอุตสาหกรรม เราก็เคยชินแต่การได้เปรียบดุลการค้าสินค้าโลว์เทคเพราะค่าแรงถูก ค่าเงินบาทต่ำ แต่ตอนนี้เวียดนามกะจีนเค้ามาแทนที่เราตรงนั้นไปแล้วครับ ถ้าเรายังคิดหาพึ่งพิงการส่งออกอยู่ เราต้องขยับหนีตลาดล่างขึ้นมา แต่ก็อีกแหละครับ สินค้าทุนพวกเครื่องจักรก็ผลิตเองไม่ได้ นำเข้ามาก็แพง ตอนนี้การส่งออกภาคเกษตรที่ยังลากกันไปได้เพราะผลผลิตของเรายังคุณภาพดีกว่าเค้าอยู่ อย่างเช่นเวียดนามก็ยังชอบกินลองกองกับมะม่วงเขียวเสวยของไทยอยู่ แต่ต่อไปก็คงจะลำบากขึ้นเรื่อยๆครับ เอาชัดๆเลยน๊ะ...สมัยทักษิณเคยมีสักบริษัทใหญ่แบบนี้ไหมที่เจ๊ง!?! นี่ขนาดไม่ถึง 1 ปีน๊ะเนี่ย....ถ้ารอไปอีก มันจะเจ๊งสักกี่ร้อยแห่งเอ่ย??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
::วิญญาณห้อง2::
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 11-07-2007, 13:58 » |
|
ธปท. ไม่มีน้ำยา
ถึงตอนนี้ ธปท.ควรที่จะพิจารณาเปลี่ยนเป็นอัตราแลกเปลี่ยนแบบ"คงที่" ชั่วคราว
เจ๊งน้อยๆตอนนี้ ดีกว่าจะเจ๊งพินาศในอนาคต
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าฝรั่งขายหุ้นทิ้งพร้อมกันขนเงินออกนอกประเทศ ลองคิดดู
*************************************** เหตุผิดปกติ มันเกิดขึ้นจาก bank ญี่ปุ่นในไทย ที่เอาเงินมาจากไหนก็ไม่รู้น่า
ตอนนี้ตลาดซื้อคืนพันธบัตรปั่นป่วน เพราะเงินในระบบมีมาก มันเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน 6 แล้ว
ไม่รู้ว่ามาจากพวก hedge fund เข้ามารึเปล่า??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--------this is the world-------
|
|
|
THE THIRD WAY
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 11-07-2007, 13:58 » |
|
ปัญหาหนึ่งของประเทศนี้ คือเวลามีปัญหาแทนที่จะช่วยกันแก้ไข
ว่าอะไรไปเรื่อย คล้ายๆว่าประเทศที่อาศัยอยู่นี้ ไม่น่าอยุ่แล้ว จะหาที่อยู่ใหม่ก็ว่าไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้ ************************ การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
|
|
|
::วิญญาณห้อง2::
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 11-07-2007, 14:02 » |
|
แต่ว่าท่านท้าว
โรงงานปิด 1 โรงเพราะบาทแข็ง
ถ้ามันเป็นความจริง ก็เป็นเรื่องปกติ ก็ไปทำอย่างอื่นสิ
เพราะว่า อุตสาหกรรม บางอย่าง บางแข็งก็ยังแข่งขันได้ แต่ว่าบางอุตสาหกรรมบาทแข็งก็เจ็ง มันเป็นธรรมด๊าธรรมดา
การปิดหรือเกิดใหม่ของกิจการมีขึ้นทุกวัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--------this is the world-------
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 11-07-2007, 14:04 » |
|
ธปท. ไม่มีน้ำยา
ถึงตอนนี้ ธปท.ควรที่จะพิจารณาเปลี่ยนเป็นอัตราแลกเปลี่ยนแบบ"คงที่" ชั่วคราว
เจ๊งน้อยๆตอนนี้ ดีกว่าจะเจ๊งพินาศในอนาคต
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าฝรั่งขายหุ้นทิ้งพร้อมกันขนเงินออกนอกประเทศ ลองคิดดู
*************************************** เหตุผิดปกติ มันเกิดขึ้นจาก bank ญี่ปุ่นในไทย ที่เอาเงินมาจากไหนก็ไม่รู้น่า
ตอนนี้ตลาดซื้อคืนพันธบัตรปั่นป่วน เพราะเงินในระบบมีมาก มันเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน 6 แล้ว
ไม่รู้ว่ามาจากพวก hedge fund เข้ามารึเปล่า??
น่าจะมีการเปิดแผลเพื่อให้เลือดไหล ก่อนที่เหล่าตัวดูดเลือดทั่วโลกจะพากัน make money จากความโง่เขลาของผู้ที่ยึดอำนาจแต่ไม่มีปัญญาบริหาร!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 11-07-2007, 14:12 » |
|
เอาชัดๆเลยน๊ะ...สมัยทักษิณเคยมีสักบริษัทใหญ่แบบนี้ไหมที่เจ๊ง!?! นี่ขนาดไม่ถึง 1 ปีน๊ะเนี่ย....ถ้ารอไปอีก มันจะเจ๊งสักกี่ร้อยแห่งเอ่ย??
พ่อคู้ณณณณณ เงินบาทน่ะมันแข็งมาจากสี่สิบสองบาท จนเหลือสามสิบเจ็ดตั้งแต่สมัยไอ้เหลี่ยมแล้วค้าบบบ ลองไปดูข้อมูลย้อนหลังดู ตอนรัฐบาลขิงแก่เข้ามา ผมก็ยังเคยปรารภอยู่ในนี้บ่อยๆ โดยเฉพาะกับคุณไทยทรูท ว่าค่าเงินมันเพี้ยนๆดูเหมือนมีการบิดเบือน จากการเก็งกำไร แต่ก็สงสัยว่าทำไม ธปท.กับรัฐบาลถึงใจเย็นขนาดนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 11-07-2007, 14:15 » |
|
มาลองอ่านข่าวเก่าๆที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้เกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยกันดีกว่า....ท้าวฯอ่านไปเสียวไปจริงๆน๊า
"ธุรกิจพลิกแผนรับมือ''เกียร์ว่าง'' พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน-ศก.แกว่ง
ธุรกิจพลิกกลยุทธ์รับเศรษฐกิจเกียร์ว่าง ยอมรับ "มู้ด" คนดีขึ้นแต่พฤติกรรม "คน" เปลี่ยนไป ชี้คนช็อปอย่างมีเป้าชัด ใช้เวลาอยู่ในศูนย์การค้าลดลง อีเวนต์กลางแจ้งกร่อยแต่ปรับรูปแบบรับภัยรูปแบบใหม่ พร้อมลุยเจาะลูกค้ารายบุคคล นักกลยุทธ์แนะทำงานหนักขึ้น ทวนกระแสใส่เกียร์เดินหน้า ด้านอสังหาฯลูกค้าไม่เยี่ยมชมโครงการ นายแบงก์หวั่นเอ็นพีแอลใหม่โผล่เพียบ ขณะที่ธุรกิจโฆษณาหงอย อุตสาหกรรมชั้นแนวหน้าชะลอใช้เงิน หน่วยงานรัฐกระเป๋าแห้ง ด้านผู้ผลิต-ส่งออกเผยบาทผันผวนทำใจลำบาก
สัญญาณเศรษฐกิจไทย ภายใต้รัฐบาลชั่วคราวสุรยุทธ์ เริ่มออกอาการน่าเป็นห่วง ไม่เฉพาะข้าราชการและบรรดารัฐมนตรีเท่านั้นที่ใช้เกียร์ว่างในการทำงาน แม้แต่วงการธุรกิจเอง ชั่วโมงนี้ได้เกิดปรากฏการณ์เกียร์ว่างแล้วในหลายธุรกิจ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้หลายคนหวั่นใจอดหวนคิดถึงปรากฏการณ์หลังวิกฤตปี 2540 "ประชาชาติธุรกิจ" ได้สำรวจมู้ดของภาคธุรกิจต่างๆ ดังนี้
ขายบ้านเงียบเหงาลูกค้าหาย
นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่ลงไปสำรวจการขายโครงการที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กทั้งในกรุงเทพฯและภูมิภาคที่ธนาคารให้การสนับสนุนด้านเงินลงทุน พบว่าสถานการณ์ขณะนี้ยิ่งแย่ลง แทบจะไม่มีลูกค้าเข้าเยี่ยมชมโครงการเลย ทำให้ภาวะการขายที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ช่วงนี้ชะงัก
"สภาพคือ เพราะคนขาดความมั่นใจทั้งความปลอดภัยและความมั่นคงในอาชีพการงานในอนาคต ทำให้ไม่อยากจะใช้เงินที่จะต้องมีภาระผูกพันในอนาคต คนที่คิดจะซื้อบ้านหรืออยู่ระหว่างตัดสินใจ เมื่อเจอเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯและยังไม่รู้จะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นอีก ทุกคนก็หยุดก่อน มันเลยเป็นปัญหาต่อเนื่องกระทบกันไปหมด คนไม่ซื้อบ้าน โครงการก็ขายไม่ได้ สุดท้ายก็ถูกจัดชั้นหนี้เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ ต้องมาโอนทรัพย์ชำระหนี้หรือขายทอดตลาด"
นายธวัชไชยกล่าวว่า ช่วงนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคอาจจะมีการปรับเปลี่ยน จากเดิมที่เคยจะตัดสินใจซื้อบ้านเพราะแนวโน้มดอกเบี้ยจะลด แต่เมื่อไม่มั่นใจเกิดขึ้น ก็เปลี่ยนการตัดสินใจหันมาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ต่อไป ฉะนั้นธนาคารคิดว่าสินเชื่อธุรกิจประเภทหนึ่งที่เกียรตินาคินจะเน้น คือ การปล่อยกู้ให้กับโครงการก่อสร้างอพาร์ตเมนต์ให้เช่า
แบงก์บี้ตามหนี้เข้มข้น
ขณะที่แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์การขายสินค้าทุกอย่างของผู้ประกอบการเริ่มมียอดขายที่ลดลง เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้า จะทำให้เกิดผลกระทบในเรื่องรายได้และกำไรของผู้ประกอบการที่ปีนี้จะลดต่ำลง และจะเกิดผลกระทบต่อเนื่องไปยังความสามารถในการชำระหนี้ที่เสื่อมลง อาจจะถึงขั้นไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ คาดว่าในระยะต่อไปธนาคารพาณิชย์คงจะต้องมีการติดตามหนี้กันอย่างเข้มข้นขึ้น หรือมีวิธีการอื่นที่จะพยายามช่วยเหลือลูกหนี้ภาคธุรกิจให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้เพื่อสร้างรายได้และมีความสามารถในการชำระหนี้
มู้ดคนดีขึ้น-ห้างอัดความมั่นใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความกังวลในเรื่องระเบิดของผู้ประกอบการศูนย์กาารค้า ห้างสรรพสินค้า จะเริ่มคลี่คลายลงไปบ้าง แต่ในส่วนของผู้บริโภคเองนั้นในแง่ของอารมณ์การจับจ่ายยังไม่กระเตื้องขึ้นเท่าที่ควร ส่วนใหญ่ยังกังวลปัจจัยทางเศรษฐกิจในอนนาคตด้วย และปัจจัยลบที่เกิดขึ้นก็ทำให้ ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยหรือช็อปปิ้ง โดยใช้เวลาอยู่ในศูนย์การค้าน้อยลง
ส่วนแหล่งข่าวจากบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มชื่อดังในศูนย์การค้าเซ็นทรัล กล่าวว่า ถึงตอนนี้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้านั้นยังถือว่าไม่มาก และยอดขายของร้านก็ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนัก โดยส่วนตัวมองว่าภาวะที่เกิดขึ้นน่าจะซึมยาวไปยัง 2-3 เดือน หรืออาจจะมากกว่านั้นถึงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่หากมีระเบิดซ้ำก็จะยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก อาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หรืออาจจะมากกว่านั้น
ด้าน ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้มู้ดการจับจ่ายของผู้บริโภคเริ่มกลับมามากขึ้น โดยเฉพาะศูนย์การค้าในย่านชานเมืองที่เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ผู้บริโภคเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะที่ศูนย์ในเมืองจำนวนลูกค้ายังลดลงประมาณ 30% โดยบริษัทพยายามที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็พยายามจัดกิจกรรมหรืออีเวนต์ต่างๆ ให้มีความถี่และยิ่งใหญ่มากขึ้นจากแผนเดิมที่วางไว้ โดยเฉพาะเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ล่าสุดได้ร่วมกับเอสเอฟ จัดงานเปิดตัวภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ และในเดือนกุมภาพันธ์ก็จะจัดงาน แอลแฟชั่น วีก รวมทั้งจะมีการจัด โปรโมชั่นใหญ่ร่วมกับร้านค้าในศูนย์
อีเวนต์กลางแจ้งยังกร่อย
ขณะที่แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มรายใหญ่ กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ตอนนี้บริษัทยังติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้ก็คือ การระวังตัว อย่างกรณีของการจัดอีเวนต์กลางแจ้ง เราก็จะต้องพิจารณาอย่างละเอียด หรือไม่ก็จะต้องจัดให้อยู่ในสเกลที่สามารถควบคุมดูแลได้ อะไรที่เป็นงานใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนมากๆ เราก็จะต้องพิจารณาเป็นพิเศษ
สอดคล้องกับความเห็นของแหล่งข่าวจากวง การออร์แกไนเซอร์รายหนึ่งที่กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของสินค้าหลายๆ รายที่มีแผนจะจัดอีเวนต์มาร์เก็ตติ้งได้ชะลอแผนออกไปก่อน นอกจากนี้ยังมีหลายๆ รายที่เดิมมีแผนจะจัดอีเวนต์ขนาดใหญ่ก็หันมาปรับลดขนาดของอีเวนต์ลง และจะหันไปเพิ่มจำนวนครั้งหรือความถี่ให้มากขึ้น
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานบริหาร บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด ยอมรับว่า จากความไม่สงบที่เกิดขึ้นมีหลายธุรกิจ หลายสินค้า ที่ชะลอแผนการจัดกิจกรรมที่เป็นบีโลว์เดอะไลน์ออกไปเป็นช่วงไตรมาสหน้า จากเดิมที่มีแผนจะจัด อีเวนต์มาร์เก็ตติ้งในช่วงต้นปีหรือภายในช่วงไตรมาสแรกนี้ ซึ่งตรงนี้ก็น่าจะส่งผลให้การใช้งบฯด้านอีเวนต์ในช่วงไตรมาสแรกถดถอยลงไปมากกว่า 20%
งบฯโฆษณาเจาะนิชมาร์เก็ต
แหล่งข่าวในแวดวงการเงิน กล่าวว่า งบฯการตลาดในช่วงนี้ของภาคธุรกิจการเงิน ทั้งธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกัน ยอมรับว่าต้องการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หันมาโฆษณาประชาสัมพันธ์ในลักษณะทางตรงเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นนิชมาร์เก็ต ไม่ใช่การทำในลักษณะเดิมที่หว่านงบฯไปลงตามหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งได้ผลในการรับรู้น้อยกว่า
"ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการโฆษณาตัวสินค้าทางตรงเข้าถึงผู้บริโภค อาทิ การจัดอีเวนต์ตัวสินค้า ซึ่งได้ผลค่อนข้างมาก การแจกสินค้าตามป้ายรถเมล์ ทางขึ้นรถลงรถไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งด่านเก็บเงินช่วงลงทางด่วน ซึ่งถือว่าได้ผลมากเพราะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงจุด" แหล่งข่าวกล่าว
ธุรกิจใหญ่ชะลอใช้งบฯโฆษณา
นายสรณ์ จงศรีจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังก์ แอนด์ รูบิแคม หรือ Y&R กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่าปีนี้อุตสาหกรรมโฆษณาน่าจะขยายตัวอยู่ในอัตราที่ทรงตัว โดยในไตรมาสแรกนี้เชื่อว่ายังมองไม่เห็นอัตราการเติบโต เนื่องจากที่ผ่านมาเริ่มเห็นภาพชัดเจนว่าการใช้งบฯโฆษณาของหลายๆ กลุ่มสินค้าเริ่มหายไปจากหน้าจอโทรทัศน์ ขณะที่ภาพยนตร์โฆษณาโปรโมต รายการของสถานีเองเพิ่มในสัดส่วนที่สูงมาก
"กลุ่มที่เห็นภาพการชะลอการใช้งบฯโฆษณาชัดเจนประกอบด้วยกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, รถยนต์, กลุ่มไอพีโอ ยิ่งหน่วยงานภาครัฐยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบจะหยุดการใช้งบฯโฆษณาไปอย่างสิ้นเชิง จะมีเหลือให้เห็นว่ายังใช้งบฯโฆษณาก็คือ สินค้ากลุ่มเทเลคอมและคอนซูเมอร์โปรดักต์เท่านั้น และน่าจะเริ่มเห็นภาพการใช้งบฯโฆษณาที่เพิ่มขึ้นบ้างในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาสสุดท้าย"
แนะปรับตัวไม่ใส่เกียร์ว่าง
ด้านนายพงษ์ อิงคสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โททอล ควอลิตี้ โปรดักต์ จำกัด กล่าวว่า คนทำธุรกิจคงใส่เกียร์ว่างไม่ได้ และคงต้องพึ่งตัวเองมากขึ้น ตอนนี้ทุกฝ่ายต่างก็รู้ว่าเศรษฐกิจไม่ดี ถ้าไม่ดีแล้วไม่ทำอะไรคงไม่ใช่ เราก็ต้องพยายามหาช่องทางที่พอจะเป็นโอกาสของตัวเอง หาช่องทางใหม่ๆ ที่มีความเป็นไปได้ อย่างงานบิ๊กที่จะถึงนี้ หลายฝ่ายจะมองว่าต่างชาติมาน้อย ถ้าไม่ออกงานนี้ก็ไม่รู้จะไปงานไหนแล้ว การเตรียมพร้อมของเราก็คือ ทำสินค้าใหม่ให้โดนใจลูกค้าที่มาเดิน ทั้งเป็นบายเออร์คนไทยและต่างชาติ นอกจากนี้เราก็จะขยายสาขาไปตามจังหวัดแหล่งที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวด้วย ในทำนองเดียวกัน นาง อภิตา วรสาธิต ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เจ้าของผ้าดีไซน์ MORGANI บอกว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจปีนี้จะไม่ดี จะลงทุนอะไรก็ต้องระมัดระวัง เราคงใส่เกียร์ว่างไม่ได้
ส่วนแหล่งข่าวผู้ประกอบการสมาคมดีไซน์แอนด์ออบเจ็กต์ กล่าวว่า ปีนี้มีหลายรายที่ไม่ออกงานบิ๊ก เพราะเชื่อว่าต่างประเทศจะมาน้อย ปกติงานบิ๊กผู้ประกอบการจะต้องถูกคัดแล้วคัดอีก แต่ปีนี้น่าจะต่างกันไปแล้ว กรมอยากให้มีผู้ประกอบการมาออกงานบิ๊กจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสที่ผู้ไม่เคยออกงานบิ๊กได้สร้างโอกาสหาตลาดต่างประเทศ
ลุยเยี่ยมลูกค้ารายคน
นายวิวัฒน์ อรรถประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียเปเปอร์แบก จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ถ้าไม่ทำอะไรเลยยิ่งแย่ไปใหญ่ เราพยายามรักษาลูกค้าเก่า โดยการจัดทีมขายแบ่งโซนตะลุยเยี่ยมลูกค้าต่างประเทศแบบตัวต่อตัว จากปัญหาค่าเงินบาท มีผลแน่เรื่องต้นทุน เรื่องราคา แต่ก็จะพูดคุยให้เขาช่วยปรับให้สัก 3-4% ก็ยังดี ขณะเดียวกันก็จัดทีมแบ่งโซนหาลูกค้าใหม่ด้วย เพื่อเอามาคู่กับลูกค้าเก่าที่ปรับราคาขายไม่ได้
ความผันผวนดึงการผลิต
ในภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจาก ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ออกแบบสำรวจผู้ประกอบการทั้ง 18 กลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นสมาชิก ส.อ.ท.เมื่อเร็วๆ นี้ ปรากฏ สมาชิก ส.อ.ท.ได้ตอบแบบสอบถามมีทั้งผลกระทบทั้งบวกและลบดังต่อไปนี้
ผลกระทบด้านบวก มี 3 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ กลุ่มผู้นำเข้าในอุตสาหกรรมเคมี, กลุ่มผู้นำเข้าในอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม ต้นทุนของผู้ประกอบการลดลง กับกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตร ที่มีการนำเข้าในรูปของ "เยน" และส่งออกในรูปของ "บาท"
ผลกระทบด้านลบจะมีกลุ่มอุตสาหกรรมวงกว้าง ทำให้ 1) รายได้จากการส่งออกลดลง 2) ราคาสินค้าของไทยแพงขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน โดยเฉพาะจีน 3) ผู้ประกอบการขาดทุน เนื่องจากไม่สามารถปรับราคาขายได้ทันที
และที่สำคัญก็คือ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการผลิต เนื่องจากค่าบาทที่ผันผวนทำให้ผู้ประกอบการไม่แน่ใจว่าจะรับคำสั่งซื้อดีหรือไม่ กิจการควรจะขยายกำลังการผลิตลดลง หรือหยุดผลิต รวมไปถึงอาจจะต้องลดจำนวนแรงงานหรือเปลี่ยนแปลงแหล่งผลิต
ประชาชาติธุรกิจ - 18 มกราคม 2550"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
::วิญญาณห้อง2::
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 11-07-2007, 14:17 » |
|
คนยึดอำนาจไม่ใช่คนบริหาร
ท่านท้าว อย่าโยงผิดเรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--------this is the world-------
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 11-07-2007, 14:18 » |
|
ปัญหาหนึ่งของประเทศนี้ คือเวลามีปัญหาแทนที่จะช่วยกันแก้ไข
ว่าอะไรไปเรื่อย คล้ายๆว่าประเทศที่อาศัยอยู่นี้ ไม่น่าอยุ่แล้ว จะหาที่อยู่ใหม่ก็ว่าไป
ผู้ที่มีหน้าที่แก้ไขปัญหาก็คือ คมช. และ รัฐบาลมิใช่หรือ!?! หรือว่าจะโทษGasoholดีเอ่ย??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
::วิญญาณห้อง2::
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 11-07-2007, 14:22 » |
|
เสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ ไม่ได้หมายถึงว่า ค่าเงินจะแข็ง หรือจะอ่อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--------this is the world-------
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 11-07-2007, 14:24 » |
|
แต่ว่าท่านท้าว
โรงงานปิด 1 โรงเพราะบาทแข็ง
ถ้ามันเป็นความจริง ก็เป็นเรื่องปกติ ก็ไปทำอย่างอื่นสิ
เพราะว่า อุตสาหกรรม บางอย่าง บางแข็งก็ยังแข่งขันได้ แต่ว่าบางอุตสาหกรรมบาทแข็งก็เจ็ง มันเป็นธรรมด๊าธรรมดา
การปิดหรือเกิดใหม่ของกิจการมีขึ้นทุกวัน
ท่านพูดผิดแล้วหล่ะ...ถ้าบาทแข็งจริง มันต้องมีมากกว่า 1 โรงงานที่ปิด และโรงงานอื่นๆอีกมากมายที่ปิดไปแล้วแต่ไม่เป็นข่าวก็เพราะมีขนาดเล็กและไม่มีการปิดถนนสร้างข่าวเหมือนโรงงานแห่งนี้ สัญญาณอันตรายที่เกิดขึ้นในวันนี้...หวังว่ารัฐบาลจะหาทางช่วยก่อนที่จะเกิด Domino เศรษฐกิจล้มก็แล้วกัน พูดตรงๆว่าท้าวฯรู้สึกสังหรณ์ใจว่าประเทศไทยเราจะเลวร้ายกว่าปี 2540 แน่นอน เฮ้ออออออ!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 11-07-2007, 14:27 » |
|
แต่มีคนกลุ่มนึงที่ไม่เดือดร้อน ได้แก่ม็อบไข่แม้วสนามหลวง เพราะพวกนี้กำลังอู้ฟู่กับเศษเงินจากท่อน้ำเลี้ยงของสัมภเวษิณหน้าเหลี่ยมอยู่ ไม่ได้ว่ากระทบท่านท้าวฯนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 11-07-2007, 14:29 » |
|
พ่อคู้ณณณณณ เงินบาทน่ะมันแข็งมาจากสี่สิบสองบาท จนเหลือสามสิบเจ็ดตั้งแต่สมัยไอ้เหลี่ยมแล้วค้าบบบ ลองไปดูข้อมูลย้อนหลังดู ตอนรัฐบาลขิงแก่เข้ามา ผมก็ยังเคยปรารภอยู่ในนี้บ่อยๆ โดยเฉพาะกับคุณไทยทรูท ว่าค่าเงินมันเพี้ยนๆดูเหมือนมีการบิดเบือน จากการเก็งกำไร แต่ก็สงสัยว่าทำไม ธปท.กับรัฐบาลถึงใจเย็นขนาดนั้น สมัยทักษิณ...เงินบาทจะแข็งหรืออ่อน มันก็ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยดิ่งลงเหวเหมือนปัจจุบัน ธุรกิจเล็ก-ใหญ่อยู่กันได้สบายๆ แต่ขณะนี้ประเด็นก็คือ คมช.+รัฐบาลต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น!! หรือว่าจะปฎิเสธ!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 11-07-2007, 14:34 » |
|
คนยึดอำนาจไม่ใช่คนบริหาร
ท่านท้าว อย่าโยงผิดเรื่อง
สำหรับคนยึดอำนาจ.....ไปยึดมาแล้วจัดการไม่เป็น สำหรับคนที่กำลังบริหาร......รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีฝีมือแล้วรับเข้ามาบริหารทำไม
สรุปก็คือ ทั้งคู่นั่นแหล่ะที่ต้องรับผิดชอบต่อประเทศไทย!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 11-07-2007, 14:39 » |
|
เสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ ไม่ได้หมายถึงว่า ค่าเงินจะแข็ง หรือจะอ่อน
ถูกต้อง...มันขึ้นกับฝีมือผู้บริหารประเทศว่ามีกึ๋นหรือไม่มากกว่า เพราะสมัยทักษิณ...ค่าเงินก็แกว่ง+ซึนามิ+ไข้หวัดนก/ซาร์+ม๊อบพันธมาร (ไม่นับราคาน้ำมันที่สูงเหมือนปัจจุบัน) แต่ก็ไม่เห็นมีบริษัทใหญ่ขนาดนี้เจ๊งสักรายเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 11-07-2007, 14:47 » |
|
แต่มีคนกลุ่มนึงที่ไม่เดือดร้อน ได้แก่ม็อบไข่แม้วสนามหลวง เพราะพวกนี้กำลังอู้ฟู่กับเศษเงินจากท่อน้ำเลี้ยงของสัมภเวษิณหน้าเหลี่ยมอยู่ ไม่ได้ว่ากระทบท่านท้าวฯนะครับ โธ่...ท่านครับ ทั้งตำรวจ+ทหารบอกปาวๆว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าม๊อบดังกล่าวจ้างคนมาชุมนุม ทำไมท้าวฯไม่เห็นทางผู้มีอำนาจดำเนินคดีสักรายเดียว สมัยคุณทักษิณก็กล่าวหาบ่อยว่าฆ่าผู้บริสุทธิ์เป็นพันๆคน...แต่ไม่เห็นมีสักรายที่ดำเนินคดีในสมัยนี้
เรื่องท่อน้ำเลี้ยงนั่น...ท้าวฯเชื่อมั่นว่ามีการให้เงินทุนกับแกนนำ นปก. จริง แต่น่าจะเป็นเงินที่มาจากคนในวงการธุรกิจที่ต้องการโค่น คมช. ไม่มีทางที่จะเป็นเงินจากตระกูลชินวัตรแน่นอนเพราะถูกตรวจและติดตามทุกวินาที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kittinunn
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 11-07-2007, 15:06 » |
|
ลูกจ้างครึ่งหมื่นซวย! หลัง บ.ไทยศิลป์ ลอยแพ ก.แรงงาน เร่งเจรจานายจ้าง โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2550 13:07 น. โรงงานสิ่งทอส่งออก จ.สมุทรปราการ ปิดกิจการกะทันหัน ไม่พบสัญญาณบอกเหตุล่วงหน้า ลอยแพลูกจ้างกว่า 5,000 ราย อธิบดีกรมสวัสดิการฯ เร่งเจรจานายจ้างชดเชยเลิกจ้างกว่า 150 ล้านบาท แต่ยังหาตัวนายจ้างไม่เจอ พบแต่ที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท ส่งหนังสือถึงสวัสดิการฯ ทุกจังหวัดจับตาดูแลโรงงานสิ่งทอส่งออกทุกแห่งอย่างใกล้ชิด นายผดุงศักดิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีบริษัท ไทยศิลป์อาคเนย์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ ประกาศหยุดกิจการกะทันหัน เป็นเหตุให้ลูกจ้างของบริษัทที่มีอยู่กว่า 5,000 คน ที่เพิ่งทราบข่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตื่นตระหนก และรวมตัวปิดถนนกิ่งแก้ว ว่า บริษัทดังกล่าวทำกิจการผลิตชุดกีฬาส่งออก ข้อมูลเบื้องต้น ทราบว่า บริษัทไม่มีออเดอร์ หรือการจ้างผลิต จึงไม่มีงาน ประกอบกับงานส่งออกมีเรื่องมาตรฐานคุณภาพสินค้า หรือสเปกเข้ามาเกี่ยวข้อง บริษัทดังกล่าวมีโรงงานใหญ่ 1 แห่ง โรงงานเล็ก 2 แห่ง มีลูกจ้างกว่า 5,000 คน จากการคำนวณค่าชดเชยของลูกจ้างทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการเข้าไปเจรจาร่วมกับตำรวจขอให้คนงานทั้งหมดเปิดถนนก่อนและส่งตัวแทนเจรจากับฝ่ายนายจ้าง นายผดุงศักดิ์ กล่าวอีกว่า เจ้าของบริษัท ไทยศิลป์ เป็นคนไทย ขณะนี้ยังหาตัวไม่พบ แต่พบที่ปรึกษาด้านกฎหมายของโรงงานที่จะร่วมเจรจาได้อยู่ จึงขอฝากแรงงานอย่าตื่นตกใจ กรมสวัสดิการฯ จะติดตามค่าชดเชยต่างๆ ตามกฎหมายให้กับลูกจ้าง นอกจากนี้ ได้ประสานสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อเข้าดูแลลูกจ้างตาม ม.39 กรณีว่างงาน และตั้งแต่เกิดเหตุมีโรงงานในสมุทรปราการ 2-3 แห่ง ที่ติดต่อเข้ามาว่ายังขาดแคลนแรงงานพร้อมจะรับลูกจ้างบริษัทไทยศิลป์ เข้าทำงาน อธิบดีกรมสวัสดิการฯ กล่าวอีกว่า ตนได้มีหนังสือกำชับไปยังสวัสดิการฯ ทุกจังหวัด เข้าไปดูแลโรงงานประเภทส่งออก และสิ่งทออย่างใกล้ชิด และประสานประกันสังคม เพื่อขอข้อมูลการจ่ายเงินสมทบของนายจ้างแต่ละสถานประกอบการ หากโรงงานใดมีปัญหาจะมีสัญญาณบอกเหตุจากการค้างจ่ายเงินสมทบได้ ซึ่งจะได้นำมาตรการชะลอการเลิกจ้างเข้าไปใช้ เช่น ลดค่าใช้จ่ายด้วยการลดวันทำงาน ลดค่าล่วงเวลา เพื่อไม่ให้ต้องปิดกิจการ สำหรับจังหวัดที่มีโรงงานมากที่สุด คือ สมุทรปราการ มีกว่า 9,000 แห่ง ซึ่งต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด แต่กรณีบริษัท ไทยศิลป์ ไม่มีสัญญาณบอกเหตุว่าจะปิดกิจการ และเข้าใจว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินบาทแข็ง แต่เป็นเพราะสเปกสินค้าไม่ผ่านมาตรฐาน จึงถูกยกเลิกออเดอร์ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามโรงงานสิ่งทอและส่งออกเพราะอาจสู้ต่างชาติลำบากและมีผลกระทบ นายผดุงศักดิ์ กล่าว สำหรับ บริษัท ไทยศิลป์ ประกอบกิจการตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพื่อการส่งออก ตั้งอยู่เลขที่ 79 หมู่ 14 ซอยกิ่งทอง (กิ่งแก้ว 33) ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี และมีโรงงานในอำเภอเมือง และอำเภอบางปลา จังหวัดสมุทรปราการ มีคนงานรวม 5,000 คน ทั้งนี้ เช้าวันนี้ พนักงานได้ทยอยไปทำงานเพื่อเข้างานตามปกติ แต่พบว่าบริษัทปิดประตูไม่ให้เข้าทำงาน โดยมีประกาศหยุดกิจการชั่วคราว http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000080889ตัวหนา อ้างจากแหล่งข่าวโดยตรง เว็บผู้จัดการไม่ได้คาดเดาแบบลอยๆ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2007, 15:08 โดย Aloha007 »
|
บันทึกการเข้า
|
ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 11-07-2007, 15:20 » |
|
บริษัทดังกล่าวมีตลาดใน U.S. 50% และ EEC อีก 40% แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเจ๊งเพราะส่งไปขายตปท.ไม่ได้ http://www.thaisilp.co.th/fabout.htmส่วนการที่คนของรัฐโบ้ยว่า "งานส่งออกมีเรื่องมาตรฐานคุณภาพสินค้า หรือสเปกเข้ามาเกี่ยวข้อง" นั้น ลองคิดดูว่าบริษัทที่ตั้งมาแล้ว 26 ปีและมีตลาดหลักคือ อเมริกาและยุโรปที่เน้นเรื่องคุณภาพของสินค้ามากกว่าทวีปอื่นๆในโลก อยู่ๆปี 2549-2550 จะบอกว่าบริษัทนี้มีปัญหาเรื่องสเปกและมาตรฐานสินค้า!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
::วิญญาณห้อง2::
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 11-07-2007, 15:26 » |
|
ถูกต้อง...มันขึ้นกับฝีมือผู้บริหารประเทศว่ามีกึ๋นหรือไม่มากกว่า เพราะสมัยทักษิณ...ค่าเงินก็แกว่ง+ซึนามิ+ไข้หวัดนก/ซาร์+ม๊อบพันธมาร (ไม่นับราคาน้ำมันที่สูงเหมือนปัจจุบัน) แต่ก็ไม่เห็นมีบริษัทใหญ่ขนาดนี้เจ๊งสักรายเดียว
ลองไปหาทะเบียนพาณิชย์ดูแล้วกัน กิจการปิดเยอะแยะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--------this is the world-------
|
|
|
|
kman
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 11-07-2007, 15:39 » |
|
นี่แหละ ทุนสามานย์ ที่ไอ้เหลี่ยมนำเข้ามาในประเทศ ชั่วร้ายเลวทราม ดูไว้แล้วสำนึกซะ อีกไม่นานจะต้องปิดกิจการกันอีกมากกว่านี้ เมื่อทุนนิยมล่มสลาย อย่าโง่เอาเงินไปช่วยกิจการเฮงซวยเหล่านี้อีกเลย ไร้สาระ ไร้ประโยชน์ ทำลายชาติ ไทยศิลป์อาคเนย์ จดทะเบียนนิติบุคคล สองทะเบียน ทะเบียนนึงจดปี 06/06/2512 อีกทะเบียนนึง จดปี 13/06/2523 บริษัทที่มีปัญหาคือทะเบียนที่จดปี 2523 สรุปว่าเป็นผลพวงจากทุนสามานย์??? ถ้าด่าบริษัท ว่า ไม่รับผิดชอบทำให้คนงานเดือดร้อนก็ดูมีเหตุมีผล แต่ด่ามั่วๆแบบนี้ สะท้อนคุณภาพของผู้โพส จริงๆได้ข่าวว่าที่นี่ก็มีนักธุรกิจใหญ่หลายคนน่าจะให้ความรู้กับคนที่นี่ได้นะ ดีไม่ดีคนแถวนี้มีดีลกะบริษัทนี้ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2007, 15:46 โดย kman »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 11-07-2007, 15:41 » |
|
ลองไปหาทะเบียนพาณิชย์ดูแล้วกัน กิจการปิดเยอะแยะ
สมัยทักษิณไม่มีกิจการขนาดใหญ่เจ๊งสักรายเดียว...มีแต่บริษัทจิ๊บๆที่ล้มหายไปตามกลไกตลาด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
::วิญญาณห้อง2::
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 11-07-2007, 15:46 » |
|
สมัยทักษิณไม่มีกิจการขนาดใหญ่เจ๊งสักรายเดียว...มีแต่บริษัทจิ๊บๆที่ล้มหายไปตามกลไกตลาด
55555 อย่าหัวชนฝาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--------this is the world-------
|
|
|
samepong(ยุ่งแฮะ)
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 11-07-2007, 16:05 » |
|
งั้น ถามคุณเท้าหน่อย
กิจการของบ.นี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร รับออเดอร์จากไหน และส่งออกไปที่ไหนเป้นหลัก? ถ้าเป้นตลาดยุโรป สินค้าที่ผลิตเป็นแยรนแนมที่ต่างประเทศเป้นเจ้าของแบรน นี้ เช่น ไนกี้ อาดิดาส ย่อมแสดงว่าการผลิตที่ต้นทุนต่ำกว่าย่อมอยู่ได้แต่ประเทศไทยที่ค่าจ้างแรงงานสูงกว่าตลาดเพื่อนบ้านการแข่งขันของเราย่อมยากกว่าแน่นอนไม่เกี่ยวกับเงินแข็งหรืออ่อนหรอก
กิจการนี้มีการแข่งขันบนเวทีโลกหรือไม่และกิจการนี้เป้นกิจการที่จำเป้นต่อการดำรงชีวิตหรือไม่? สินค้าที่เป้นอยู่เป้ฯสินค้าไม่จำเป้นต่อการดำรงชีวิตเลย ดังนั้นเมื่อต่างชาติเสรฐกิจถอยตาม การบริโภคสินค้าที่ไม่จำเป้นต่อการดำรงชีวิต ย่อมลดน้อยลง
กิจการที่ทำอยู่ต้องพึ่งการส่งออกและแข่งขันกับ การผลิตในรูปแบบที่ไม่แตกต่างกันทั่วโลกใช่ไหม เช่น จีนกับเรา ก้ผลิตออกมาได้เหมือนกัน จีนกับญี่ปุ่นก็ผลิตออกมาในรูปแบบเดียวกันใช่ไหม?
อย่างที่บอกการผลิตในรูปแบบสั่งorder มาเพื่อผลิต ปัจจัยการแข่งขันหาได้เป้นเรื่องค่าเงินแข็งหรืออ่อนไหม แต่เป้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ดันต้นทุนให้สูงกว่า โดยเฉพาะค่าจ้างแรงงานในประเทศ เวียดนาม(ไม่อยากบอกจีนเดี๋ยวหาว่ายกประเทศใหญ่มาอ้าง) หากเราไปดูอัตราค่าจ้างแรงงานของแต่ละประเทศ เราย่อมเข้าใจว่าทำไมธุรกิจอันนี้ต้องพ่ายแพ้ต่อการแข่งขันเวทีโลก ในเมื่อระบบทุนนิยมที่ใครบางคนต้องการ แล้วทำไมไม่ยอมรับละครับว่า นี่คือรูปแบบหนึ่งของระบบนี้
แต่ถ้าคุณยังจะบอกว่าค่าเงินบาทแข็งคือต้นเหตุ ผมก็ไม่อยากจะต่อเถียงกับคุณต่อไป เพราะคุณมองแค่การอยู่รอดของธุรกิจ คือเรื่องค่าเงินบาทอ่อนหรือแข็ง(หรือรู้อยู่แก่ใจว่ามี ปัจจัยอื่นแต่อยากจะพูดอยุ่คำเดียว) ทุกวันนี้ไนกี้ที่ผมใส่วิ่งออกกำลังกายมันก็ทำจากจีนเสียด้วยซิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
|
|
|
irq5
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 11-07-2007, 16:18 » |
|
สมัยทักษิณไม่มีกิจการขนาดใหญ่เจ๊งสักรายเดียว...มีแต่บริษัทจิ๊บๆที่ล้มหายไปตามกลไกตลาด
ช่วงก่อนรัฐประหาร ผลแถลงการณ์ทรู กะ ฮัท ขาดทุนสะสมจนจะต้องระงับกิจการเลยนะครับ หรือที่ระงับหุ้นไปอย่างสยามแก๊ส ก็เป็นตัวอย่าง ถึงแม้ไม่ใช่ส่งออก แต่เป็นตัวอย่างถึงบริษัทใหญ่นะครับ ถ้าหากบริษัท มีมากแค่คนงาน ทรัพย์สินมีแต่โรงงาน เจ้าของบริษัทหนีได้หน้าตาเฉยแบบนี้ไม่ใหญ่หรอกครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs.. .:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs.. .:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs.. .:M................................................hs.. .:M.............//:................//:.............hs.. .:M...........:MMs.............NMd............hs.. .:M................................................hs.. .:M................................................hs.. .:M.............yNNNNNNNNNN................hs.. .:M.................................................hs.. .:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..
....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD.......... .....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D....... .....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD.......... . . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
|
|
|
(ก้อนหิน) ละเมอ
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 11-07-2007, 16:26 » |
|
55555 อย่าหัวชนฝาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บริษัทจิ๊บๆ เนี่ย หายไปกี่แห่งจ๊ะ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 11-07-2007, 16:42 » |
|
ทุกท่านลองไปศึกษา profile ของบริษัทดูได้ที่ http://www.thaisilp.co.th/fabout.htm กรณีที่บอกว่าค่าแรงไทยแพง สู้จีนเวียดนามอินเดีย ไม่ได้นั้น...อย่าลืมว่าทุกประเทศได้รับโควต้าให้ส่งออกเครื่องนุ่งห่ม/เครื่องใช้จาก U.S. & EEC ในแต่ละปี ซึ่งทุกประเทศก็ส่งสินค้าดังกล่าวเต็มเพดาน แต่ปัจจัยมันอยู่ที่สินค้าดังกล่าวของไทยเรามันแพงกว่าชาวบ้านเค้าเนื่องจากเงินบาทที่แข็งเป็นอันดับ 1 ในเอเซีย ของราคาแพงแบบนั้น...ผู้บริโภคในทวีปดังกล่าวย่อมไม่ซื้อแน่นอน ลองคิดดูว่าอัตราการเจริญเติบโตของจีนเวียดนามอินเดียนั้นสูงกว่าไทยทั้งสิ้น ย่อมมีอัตราการเพิ่มขึ้นในเรื่องค่าจ้างที่สูงกว่าไทยแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทนี้แข่งขันไม่ได้อย่างที่กล่าวอ้าง
"ขณะที่นายอานนท์ สิมะกุลธร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ส.อ.ท.กล่าวว่า ตอนนี้ผู้ผลิตส่งออกจะตายอยู่แล้ว ลดต้นทุนก็ทำแล้ว แต่บาทก็แข็งค่าต่อเนื่อง ยิ่งพวกที่มีสัญญาซื้อขายไว้ ก็ต้องส่งของตามที่ตกลงแม้จะขาดทุน ส่วนคำสั่งซื้อใหม่ๆจะเพิ่มราคาก็ไม่ได้ ปัญหาค่าเงินบาทครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมาก."
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samepong(ยุ่งแฮะ)
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 11-07-2007, 16:47 » |
|
แล้ว คุณจะให้ทำไง ประกาศห้ามเงินนอกเข้าประเทศหรือ มาตราการ30%ก็ช่วยพยุงไว้ในระดับนึง ดอกเบี้ยตอนนี้ก็ลดแล้ว
แล้วจะให้เอาตัวเข้าไปฟาดฟันเหมือนอดีตไหม อย่าสักแต่ว่ามองด้านเดียวซิครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
|
|
|
พรรณชมพู
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 11-07-2007, 17:03 » |
|
ไทยศิลป์อาคเนย์ จดทะเบียนนิติบุคคล สองทะเบียน ทะเบียนนึงจดปี 06/06/2512 อีกทะเบียนนึง จดปี 13/06/2523
บริษัทที่มีปัญหาคือทะเบียนที่จดปี 2523
สรุปว่าเป็นผลพวงจากทุนสามานย์???
ถ้าด่าบริษัท ว่า ไม่รับผิดชอบทำให้คนงานเดือดร้อนก็ดูมีเหตุมีผล แต่ด่ามั่วๆแบบนี้ สะท้อนคุณภาพของผู้โพส จริงๆได้ข่าวว่าที่นี่ก็มีนักธุรกิจใหญ่หลายคนน่าจะให้ความรู้กับคนที่นี่ได้นะ ดีไม่ดีคนแถวนี้มีดีลกะบริษัทนี้ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้
จดทะเบียนปี 2523 มาถึงปีนี้ เป็นทุนสามานย์ไม่ได้ เอ๊ะ ทุนสามานย์แปลว่าอะไรหว่า ไปซื้อหนังสือ ยังไงก็ไม่ชิน มาอ่านนะคะ รีบด่วนเลย จะได้รู้จักทุนสามานย์
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2007, 17:06 โดย พรรณชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 11-07-2007, 17:21 » |
|
แล้ว คุณจะให้ทำไง ประกาศห้ามเงินนอกเข้าประเทศหรือ มาตราการ30%ก็ช่วยพยุงไว้ในระดับนึง ดอกเบี้ยตอนนี้ก็ลดแล้ว
แล้วจะให้เอาตัวเข้าไปฟาดฟันเหมือนอดีตไหม อย่าสักแต่ว่ามองด้านเดียวซิครับ
รัฐบาล+คมช.มีหน้าที่และต้องรับผิดชอบซิ...ยึดอำนาจเค้ามาแล้วก็ต้องทำให้ได้!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 11-07-2007, 17:24 » |
|
ตอบ SIMONE: "ขณะที่นายอานนท์ สิมะกุลธร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ส.อ.ท.กล่าวว่า ตอนนี้ผู้ผลิตส่งออกจะตายอยู่แล้ว ลดต้นทุนก็ทำแล้ว แต่บาทก็แข็งค่าต่อเนื่อง ยิ่งพวกที่มีสัญญาซื้อขายไว้ ก็ต้องส่งของตามที่ตกลงแม้จะขาดทุน ส่วนคำสั่งซื้อใหม่ๆจะเพิ่มราคาก็ไม่ได้ ปัญหาค่าเงินบาทครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมาก."
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
โฟร์
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: 11-07-2007, 18:13 » |
|
สร้างห้องขังพิเศษให้นักโทษเจ้านายใครบางคนบริหารค่าเงินจากในคุกได้ เหมือนที่สั่งซื้อขายยาบ้าจากในคุกได้ จะเยี่ยมมาก
เพราะอีกหน่อยคนเก่งเเต่โกงชาติบ้านเมือง จ้างบริษัทต่างชาติสร้างข่าวให้ร้ายประเทศของตัวมันเอง อาจได้ใช้บริการคุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samepong(ยุ่งแฮะ)
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: 11-07-2007, 18:29 » |
|
รัฐบาล+คมช.มีหน้าที่และต้องรับผิดชอบซิ...ยึดอำนาจเค้ามาแล้วก็ต้องทำให้ได้!!
ผิดแล้วครับ ไม่ใช่หน้าที่ คมช. นะครับ ถ้าคิดจะด่าแต่ คมช ผมว่า ตั้งกระทู้อื่นด่าเลยดีกว่า แล้วผมก็ตอบไปแล้วว่ารัฐมีนโยบายไปแล้ว แต่ตัวธุรกิจเองไม่สามารถสู้ได้เองไม่เกี่ยวกับค่าเงินบาทแข็ง คุณจั่วหัวมาเรื่องโรงงาน แล้วก็โยกไปเรื่องอื่น ตอนนี้จะอุปมา อุปไมย อะไรอีกไหมครับ แล้วที่ผมแย้งถาม คุณก็ยังไม่ตอบขอร้องว่าอย่าไปโยกเรื่องอืน ตอนนี้มาคุยเรื่องโรงงานที่กล่าวมาว่าเกี่ยวกับเงินแข็งตามที่คุณคิดแล้วจั่วหัวกล่าวอ้างมาหรือเปล่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
|
|
|
skl98
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 11-07-2007, 18:33 » |
|
ขอถามหน่อย ท่านที่ออกความเห็นอยู่นี่ มีใครรู้เรื่อง วงการสิ่งทอจริงๆ หรือวิพากษ์ไปตามข่าว
โดยเฉพาะ เจ้าของกระทู้ มีความรู้เกี่ยวกับ ธุรกิจส่งออกสิ่งทอ มากน้อยแค่ไหน คุณsamepong(ยุ่งแฮะ) แสดงความคิดเห็น เป็นเหตุเป็นผลที่แท้จริง ถึงสาเหตุที่โรงงานปิดกิจการ ท่านทราบไหมว่า เสื้อแบบเดียวกัน คุณภาพเท่ากัน ทุกอย่างเหมือนกัน100% ถ้าต้นทุนในการผลิตที่ไทย ตกตัวละ100บาท แต่ต้นทุนในการผลิตที่จีน ตกตัวละ30บาท
โรงงานทยอยเลิกตั้งแต่ หลังเปิดฟรีเทรดโดยไม่ติดโควต้า สินค้าจากจีนบุกไปทั่วโลก จนทางยุโรปและอเมริกา ต้องตั้งกำแพงภาษีมาสกัด จนทะเลาะกันไปยกใหญ่
แต่ส่วนใหญ่โรงงานในไทย ค่อยๆทยอยย้ายฐานไปที่จีนและเวียตนาม
เงินบาทแข็ง ไม่ใช่สาเหตุใหญ่ สาเหตุใหญ่คือ ต้นทุนในการผลิตของเราสูง ตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ
ที่น่าเห็นใจคือ เรื่องของค่าแรงงาน ฝีมือแรงงานระดับเดียวกัน ค่าแรงงานของเรา สูงกว่าของจีนและเวียตนาม มาก มาก มาก มาก มาก
ขณะเดียวกันทางฝ่ายผู้ใช้แรงงาน ก็บอกว่าขั้นต่ำยังน้อยเกินไป รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ขอเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขึ้นไปอีก
มันน่าเห็นใจ ทั้งผู้ประกอบการ และผู้ใช้แรงงาน
ขอยืนยัน เงินบาทแข็ง ไม่ใช่สาเหตุใหญ่ ที่โรงงานเลิกกิจการ
แต่โรงงานต้องเลิกกิจการ เพราะไม่มีใบสั่งซื้อ ทางผู้สั่งซื้อ ได้หันไปสั่งซื้อจากจีน ตั้งแต่ปี2547เป็นต้นมา
ท่านลองไปเดินแถวใบหยก แล้วถามคนขายว่า พวกลูกค้า ตัวดำๆ ที่เคยเข้ามาซื้อของ มันทยอยหายไปตั้งแต่เมื่อไร แล้วตอนนี้พวกคุณเอาสินค้าที่ไหนมาขาย ลองหาความรู้วงการสิ่งทอเบื้องต้น เอาง่ายๆที่ตลาดประตูน้ำนี่แหละ
เขาไม่ซื้อ โรงงานไม่มีงานเข้า จำเป็นต้องเลิกกิจการ หรืออาจจะย้ายไปลงทุน ยังประเทศเวียตนามหรือจีน
สรุปตามหัวข้อกระทู้ เงินบาทแข็ง ไม่ใช่สาเหตุทำให้ปิดโรงงาน ถูกต้องน่ะคร๊าบ...... โรงงานเย็บผ้าจะเจ๊ง ไม่ได้ มีสาเหตุมาจากค่าเงินเป็นเหตุใหญ่ แต่ไม่สามารถแข่งขันได้ เพราะต้นทุนค่าแรงงาน และคุณภาพในการผลิต แรงงานไทยค่าแรงสูง ความชำนาญต่ำ ไม่สามารถแข่งขันได้จริง ๆ ครับ ส่วนที่ประตูน้ำ ตอนนี้มีแต่ของมาจากเมืองจีนทั้งนั้น รายเก่าขายร้าน หรือปล่อยเช่าหมดแล้ว ที่เห็นขาย ๆ อยู่น่ะ รายใหม่กว่าครึ่งประตูน้ำแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บรรพบุรุษ ของไทย แต่โบราณ ปกบ้าน ป้องเมือง คุ้มเหย้า เสียเลือด เสียเนื้อ มิใช่เบา หน้าที่เรา รักษา สืบไป ลูกหลาน เหลนโหลน ภายหน้า จะได้มี พสุธา อาศัย อนาคต จะต้องมี ประเทศไทย มิยอมให้ ผู้ใด มาทำลาย ถึงขู่ฆ่า ล้างโคตร ก็ไม่หวั่น จะสู้กัน ไม่หลบ หนีหาย สู้ตรงนี้ สู้ที่นี่ สู้จนตาย ถึงเป็นคน สุดท้าย ก็ลองดู บ้านเมืองเรา เราต้อง รักษา อยากทำลาย เชิญมา เราสู้ เกียรติศักดิ์ ของเรา เราเชิดชู เราสู้ ไม่ถอย จนก้าวเดียว.....
|
|
|
ขุนพลน้อย
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: 11-07-2007, 19:16 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|