ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-03-2024, 17:22
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ยอยศชายชาติทหาร รัฐประหารทุกหยาดเป็นชาติพลี เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัยไชโย 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ยอยศชายชาติทหาร รัฐประหารทุกหยาดเป็นชาติพลี เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัยไชโย  (อ่าน 2840 ครั้ง)
ป๋าเจ้าเก่า
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 272


ถึงไม่เห็นด้วยสักนิด แต่ผมจะแลกชีวิตให้คุณได้พูด


« เมื่อ: 10-07-2007, 19:58 »

Believe It or Not!
คมช.ไม่สืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร

..........................................................
เพื่ออรรถรส โปรดอ่านกระทู้คู่แฝด
-  ยอยศประชาธิปัตย์ พรรคอันสง่างามและมีเกียรติแห่งสยามประเทศ  http://forum.serithai.net/index.php?topic=15061.0
- ยอยศไทยรักไทยเชิดชูทักษิณ หมื่นปีจะมีคนอย่างนี้มาเกิด http://forum.serithai.net/index.php?topic=15092.0
-ยอยศฐานันดร4 วิวัฒนาการจากวานรสู่เทวดา บางสายพันธุ์วัฒนาการจากไดโนเสาร์เป็นเห้ http://forum.serithai.net/index.php?topic=15104.0
-ยอยศภาคประชาชน:ชีวายอมพลีให้มวลชนผู้ทุกข์ทน ขอยอมตนไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง http://forum.serithai.net/index.php?topic=15113.0
-หมายเหตุ:บทความนี้เขียนเมื่อแรก 19 มีนาคม 2550 ณ เวลานั้นผู้นำรัฐประหารพลเอกสนธิยืนยันว่าจะไม่สืบทอดอำนาจ และผมไม่ได้แก้ไขข้อความใดๆจากเมื่อแรกเขียนhttp://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=64311
.........................................................................................................................................................


การที่ผู้นำคณะรัฐประหาร19/9/49 ปฏิเสธรอบแล้วครั้งเล่าว่า จะไม่มีการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ภายหลังจากร่างรัฐธรรมนูญ เสร็จ และภายหลังจัดการการเลือกตั้งนั้น ดูจะไม่มีใครเชื่อกันนัก

ความหวาดระแวงว่าคณะรัฐประหารจะสืบทอดอำนาจเผด็จการ หรือสืบทอดอำนาจการบริหารของตนเองออกไปนั้น เนื่องเพราะความเป็นไปในทางประวัติศาสตร์นั้น ไม่เคยมีคณะรัฐประหารชุดใดเลยในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะยอมก้าวลงจากหลังเสือแบบง่ายๆ แล้วคืนอำนาจการปกครองให้กับประชาชน มีแต่การสืบทอดอำนาจการบริหารออกไปให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้กันทั้งนั้น

ลองอ่านดู "ความนัยระหว่างบรรทัด" ดูก็จะเห็นข้อเท็จจริงได้ไม่ยากเลย...

1.การรัฐประหารปี พ.ศ.2490:สืบทอดอำนาจเผด็จการนาน10ปี

สาเหตุ: พรรคประชาธิปัตย์ โจมตีใส่ร้ายว่านายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น พัวพันอยู่เบื้องหลังกรณีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8 ประกอบกับคณะทหารไม่พอใจที่บทบาทของทหารถูกลดเกียรติภูมิลง หลังจากไปร่วมกับญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2
 
เหตุการณ์: จอมพลผิน ชุณหะวัณ ทำการรัฐประหารในเดือนพฤศจิกายน 2490 โดยบอกว่า"รักชาติจนน้ำตาไหล"(หนังสือพิมพ์สมัยนั้นล้อเลียนว่ารักชาติจนน้ำลายไหล) แล้วฟื้นฟูเกียรติของจอมพลป.พิบูลสงคราม จากอาชญากรสงคราม กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี และเนรเทศนายปรีดีไปต่างประเทศ
การสืบทอดอำนาจ: คณะรัฐประหารชุดนี้ครองอำนาจมาจนถึงปี พ.ศ.2500 รวมสืบทอดอำนาจ 10 ปี

2. การรัฐประหารปี พ.ศ.2500:สืบทอดมรดกเผด็จการนาน16ปี

สาเหตุ: พรรคเสรีมนังคศิลาของจอมพล ป.ชนะเลือกตั้งท่วมท้น พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเลือกตั้งสกปรก ขณะที่มีข่าวว่าจอมพล ป.จะฟื้นคดีกรณีในหลวงรัชกาลที่ 8 สวรรคตขึ้นมาเพราะมี "ข้อมูลใหม่" ว่านายปรีดีเป็นแพะทางการเมือง

เหตุการณ์: จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ โดยการสนับสนุนของCIAได้ทำรัฐประหารโค่นจอมพล ป.ลงจากอำนาจ ตัวจอมพลป.รวมทั้งจอมพลเผ่าคู่อริสำคัญ หนีตายไปต่างประเทศ จอมพลสฤษดิ์สร้างธรรมเนียมใหม่ด้วยการเข้าเฝ้าถวายรายงานการปฏิวัติต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งแรก

การสืบทอดอำนาจ: จอมพลสฤษดิ์ตั้งพลเรือนสลับกับจอมพลถนอม ลูกน้องสนิทเป็นรัฐบาลหุ่นอยู่ 2 ปี แล้วก็ทำการรัฐประหารตัวเอง ขึ้นเป็นนายกฯเอง ออกกฎหมายสั่งยิงเป้าคนได้โดยไม่ต้องขึ้นศาล กับได้งบจากอเมริกามาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จนทำให้เขาเป็นคนร่ำรวยมหาศาล ภายหลังเขาตายคาอำนาจ สฤษดิ์มีเงิน 2,000 ล้านบาท(เทียบกับสมัยนี้ก็ไม่น่าต่ำกว่า2แสนล้านบาท)

ด้วยการบีบคั้นของสังคม จอมพลถนอมที่ขึ้นรับช่วงอำนาจต้องยึดทรัพย์ลูกพี่ไป 600 ล้านบาท เฉพาะที่พิสูจน์ได้ชัดว่าโกงมาจริงๆ

จากนั้นจอมพลถนอมก็สืบทอดอำนาจมรดกเผด็จการของจอมพลสฤษดิ์ต่อเนื่องยาวนานไปจนถึง 16 ปี ก่อนจะถูกพลังประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นล้มในกรณี 14 ตุลาคม 2516


3. การรัฐประหาร6ตุลาคม2519:มรดกตกทอดหลายรุ่นรวม12ปี
สาเหตุ: จอมพลถนอม-จอมพลประภาส ที่ถูกนักศึกษาประชาชนขับไล่ออกไปในคราวเหตุการณ์14ตุลาคม 2516 และโดนยึดทรัพย์สินไปหลายร้อยล้านบาท(เทียบกับสมัยนี้ก็หลายหมื่นล้านบาท) เดินทางเข้าประเทศ เกิดกระแสคัดค้านอย่างหนัก รัฐบาลพลเรือนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แถมยังแก่งแย่งอำนาจกันเป็นหลัก ทำให้นักศึกษานิยมซ้าย ได้จัดการประท้วง สื่อมวลชนขวาจัด "ดาวสยาม"และบางกอกโพสต์ ได้ตัดต่อภาพบิดเบือน ทำให้กลุ่มมวลชนฝ่ายขวาร่วมกับกองกำลังจากป่าหวาย และตชด.เข้าล้อมปราบกวาดล้างนักศึกษานิยมซ้ายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ 6 ตุลาคม 2519

เหตุการณ์: พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ภายใต้การสนับสนุนของ "กลุ่มทหารหนุ่ม" นำโดยคณะทหารนำโดยจปร.7 เช่น พ.อ.จำลอง ศรีเมือง, พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร, พ.อ.มนูญ รูปขจร, พ.อ.พัลลภ ปิ่นมณี, พ.อ.บุลศักดิ์ โพธิเจริญ(ยศขณะนั้น)เป็นต้นเข้ายึดอำนาจ

การสืบทอดอำนาจ: คณะรัฐประหารที่ใช้ชื่อว่าคณะปฏิรูปได้ตั้งรัฐบาลหุ่นนำโดยนายธานินท์ กรัยวิเชียร ใช้นโยบายขวาจัด ปราบปรามฝ่ายซ้ายอย่างเด็ดขาด มีนักศึกษาหนีเข้าป่าราว 3,000 คน และออกกฎหมายให้มีอำนาจสั่งยิงเป้าได้แบบยุคสฤษดิ์

แต่แค่ปีเดียวกลุ่มทหารหนุ่มก็ต้องทำรัฐประหารซ้ำขับนายธานินท์ออก แล้วสนับสนุนพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนที่กลุ่มหทารหนุ่มจะจี้ให้เกรียงศักดิ์ลาออก แล้วสนับสนุนพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

พลเอกเปรมได้สืบทอดอำนาจต่อเนื่องจากการรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519 ต่อเนื่องไปอีกรวมแล้ว 12 ปี แต่ได้ปรับแต่งเนื้อตัวจากเผด็จการเต็มใบมาเป็นประชาธิปไตยครึ่งไป และมีทีท่าประนีประนอมกับทุกฝ่ายในสังคมมากขึ้น

4. รัฐประหารปี พ.ศ.2524:นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ฉายาที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
สาเหตุ: คณะทหารหนุ่มไม่พอใจที่พลเอกเปรมไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องของพวกตน จึงเข้าทำรัฐประหารเมื่อ 1 เมษายน 2524 มีประชาชน(ที่จัดตั้งไว้)มามอบดอกไม้ให้คณะรัฐประหาร แต่พลเอกเปรมสามารถพลิกสถานการณ์ได้เมื่อได้ถวายอารักขาในหลวงและพระราชินี และแต่งตั้งกองบัญชาการปราบกบฏนำโดยพลตรีอาทิตย์ กำลังเอก(ยศขณะนั้น เหมือนพลเอกสพรั่งในขณะนี้ เพราะแค่ข้ามปีก็พรวดพราดขึ้นเป็นพลเอก เป็นผบ.ทบ.)ในที่สุดกลุ่มทหารหนุ่มต้องยอมแพ้ เดินทางออกนอกประเทศ
เหตุการณ์: ถ้าว่าเฉพาะกำลังทหารนั้นกลุ่มทหารหนุ่มสามารถเอาชนะได้ไม่ยากเลย เพราะคุมกำลังไว้หมด แต่เนื่องจากพลเอกเปรมยึดกุมยุทธศาสตร์ที่เหนือกว่า จึงนำความพ่ายแพ้มาสู่กลุ่มนายทหารหนุ่ม

การสืบทอดอำนาจ: พลเอกเปรมปกครองแบบประชาธิปไตยครึ่งใบ เปิดทางให้นักศึกษาฝ่ายซ้ายกลับเข้าเมือง ถ่วงดุลการแต่งตั้งโยกย้ายในกองทัพ กุมอำนาจทั้งฝ่ายทหาร เมื่อมีใครทำท่าจะขึ้นมามีบทบาทโดดเด่นก็ขจัดพ้นทาง เช่น กรณีปลดฟ้าผ่าพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก พ้นจากอำนาจ
พันเอกมนูญ รูปขจร ทำการรัฐประหารอีกครั้งในวันที่ 9 กันยายน 2528 แต่ก็ถูกปราบลงราบคาบ ถูกถอดยศเป็นนายมนูญ(ก่อนจะกลับมารับราชการได้อีกครั้งในยุครัฐบาลชาติชาย)

นอกจากนั้นยังแยกสลายพลังฝ่ายการเมือง โดยมีพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนในทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หากมีใครทำท่าจะขึ้นมามีบทบาทเชิงแข่งขันทางการเมือง เช่น กรณีพลตรีประมาณ อดิเรกสาร หัวหน้าพรรคชฃาติไทย(ยศและตำแหน่งในขณะนั้น)ประกาศจะชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรมก็ผลักให้ไปเป็นฝ่ายค้าน กระทั่งนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เป็นลูกพรรคขณะนั้นบ่นด้วยความเข็ดขยาดว่าเป็นฝ่ายค้านแล้ว”อดอยากปากแห้ง”

เกิดยุคสะตอสามัคคีขึ้นมาในช่วงนี้ ประชาธิปัตย์ยึดภาคใต้ได้เด็ดขาด มีเพียงม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในยามเป็นไม้ใกล้ฝั่ง ยืนซดสู้นอกสังเวียนกับพลเอกเปรมอย่างพอจะสูสีบ้าง

แต่ในกลางปี 2531 พลเอกเปรมถูกนักศึกษาออกมาขับไล่ เมื่อหาทางลงที่สง่างามในตำแหน่ง "รัฐบุรุษ" ได้ พลเอกเปรมก็ลาออก แต่เลขาธิการนายกฯ ขณะนั้นคือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ บอกว่า"แค่โรงเรียนปิดเทอม เดี๋ยวไม่นานก็จะเปิดเทอมใหม่”

พลเอกเปรมปิดฉากกองมรดกรัฐประหาร6ตุลาคม2519ลงด้วยเวลาสืบทอดอำนาจยาวนานกว่า 12 ปี...


5. การรัฐประหารปี พ.ศ.2534:โฉ่งฉ่างเกินไปจนหมดสิทธิ์สืบทอดทายาทอสูร

สาเหตุ: คณะทหาร จปร.5 นำโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร พลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี ได้ยินข่าวลือว่าพวกตนจะโดนปลด หลังจากที่หนังสือพิมพ์ยุให้ทำรัฐประหารรัฐบาลของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เลยไปหยิบยกอ้างว่าอดีตกลุ่มทหารหนุ่ม จปร.7 มีการลอบสังหารพลเอกเปรมและบุคคลสำคัญระดับสูง ในช่วงหลังพ่ายแพ้จากการรัฐประหารปี 2524 จึงต้องออกมาทำรัฐประหารโดยอ้างว่าเพื่อปกปักรักษาราชบัลลังก์ และกำจัดรัฐบาลคอรัปชั่น

เหตุการณ์: ประชาชนที่จัดตั้งก็นำดอกไม้มามอบให้คณะรัฐประหาร พลเอกสุจินดาสร้างธรรมเนียมใหม่คือนอกจากเข้าเฝ้าถวายรายงานการรัฐประหารแล้วก็ยังให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้พวกตนเป็นคณะรสช.ด้วย มีการนำเทปวิดีโอคำสารภาพของพ.อ.บุลศักดิ์ นายทหารจปร.7กรณี "ลอบสังหารบุคคลสำคัญ" ออกมาฉายให้ประชาชนชมหลายรอบเพื่อสร้างความชอบธรรมให้การรัฐประหาร รวมทั้งตั้ง คตส.มีพลเอกสิทธิ จิรโรจน์ขึ้นอายัดทรัพย์รัฐบาลชาติชาย แต่หลังๆ ก็ยึดไม่ได้ซักบาท ต้องคืนให้นักการเมืองหมด

การสืบทอดอำนาจ: มีการตั้งพรรคสามัคคีธรรมให้หนุนพลเอกสุจินดาเป็นนายกฯ ทำให้ประชาชนคัดค้านนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ส่วนในกองทัพก็ตั้งน้องชายของพลเอกอิสระพงศ์สืบทอดอำนาจ ว่ากันว่ามีแผนการสืบทอดอำนาจทางการทหารไปยาวกว่า 20 ปี

อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุนองเลือดขึ้น ในหลวงได้ขอให้คู่ขัดแย้งยุติการนองเลือด แต่กลุ่มผู้ต้องการสืบทอดอำนาจก็ยังดึงดันจะให้พลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ เป็นนายกฯ นอมินี่ แต่ด้วยเดชะพระบารมีคลี่คลายให้เหตุการณ์ยุติลง เมื่อมีโปรดเกล้าฯ ให้นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีพระราชทาน
ทำให้คณะรัฐประหารชุดนี้อยู่ในอำนาจสั้นที่สุดเพียงไม่ถึง 2 ปี

6. การรัฐประหารปี พ.ศ.2549:ประสงค์ร่างรธน.เปิดช่องสืบทอดอำนาจคมช.

สาเหตุ: สนธิ ลิ้มทองกุล นักธุรกิจหนังสือพิมพ์ขัดผลประโยชน์กับนายกรัฐมนตรีทักษิณทั้งเรื่องหนี้สิน และอภิสิทธิ์สัมปทานโทรทัศน์ เริ่มก่อการประท้วงได้แนวร่วมจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านนำโดยประชาธิปัตย์ นักวิชาการ ชนชั้นสูง และนักธุรกิจฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณเช่นประชัย เลี่ยวไพรัตน์-เอกยุทธ อัญชัญบุตร ผนวกกับกลุ่มอำนาจเก่าที่ฝังลึกผ่านบทบาทของ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และนักธุรกิจสื่อสารมวลชน ร่วมกันโค่นล้มสิ่งที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ" โดยกล่าวหาว่าทักษิณขายหุ้นบริษัทชินฯโดยหนีภาษี เป็นการขายชาติ และสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่ากำลังมีการเผชิญหน้ากันระหว่างมวลชน 2 ฝ่ายคล้ายกับกรณี6ตุลาฯ

เหตุการณ์: พลเอกเปรมแสดงตัวอย่างไม่ปิดบังว่า เป็นศูนย์บัญชาการ และศูนย์รวมจิตใจของการรัฐประหาร โดยการรัฐประหาร19/9/49มีขึ้นก่อนหน้าที่จะมีการจัดการเลือกตั้ง15ตุลาคม2549ไม่ถึง 1 เดือน ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุนองเลือด

โดยให้พลเอกสนธิ บุณยะรัตนกลิน เป็นผู้นำคณะรัฐประหาร ได้กำลังหลักจากพลโทสพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่3 (ยศขณะนั้น)เข้าทำการรัฐประหาร มีกองกำลังทหารเสือพระราชินีของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นกำลังหลักอีกหน่วย กองกำลังรัฐประหารใช้สัญลักษณ์สีเหลือง และสีฟ้าผูกตามแขนและปากกระบอกปืน และใช้ชื่อต่อท้ายว่า "อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข" ทำให้ต่างชาติเข้าใจว่าสถาบันฯสนับสนุนการรัฐประหาร ต่อมาจึงต้องตัดออก

การสืบทอดอำนาจ: ผู้นำคณะรัฐประหารยืนยันหลายครั้งว่า จะอยู่ในอำนาจเพียง 2 สัปดาห์แล้วจะคืนอำนาจให้ประชาชน แต่แล้วก็มีการตั้งรัฐบาลหุ่นให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยบอกว่าจะเป็นรัฐบาล 1 ปี ส่วนคณะรัฐประหารแปลงร่างเป็นคณะมนตรีความมั่นคงฯ(คมช.) โดยมีอำนาจการบริหารคู่ขนานไปกับรัฐบาลหุ่น จากนั้นมีการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นฉบับประชาชนที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แล้วได้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นร่างฉบับใหม่ โดยคณะรัฐประหารบอกว่าจะร่างให้มีเอกลักษณ์สอดคล้องกับวัฒนธรรม "แบบไทยๆ"

ขณะที่น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ “ลูกป๋า”คนสำคัญรายหนึ่ง ได้ขึ้นเป็นประธานการร่างรัฐธรรมนูญ และประกาศโดยไม่ปิดบังว่า ที่มาของนายกรัฐมนตรีนั้นไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น

ที่น่าประหลาดอยู่อย่างก็คือผู้นำรัฐประหารหนล่าสุดนี้คือพลเอกสนธิ บอกว่าเห็นข้อมูลตรวจสอบการคอรัปชั่นของรัฐบาลทักษิณแล้ว"อยากจะร้องไห้" วลีนี้ไม่ต่างกันเลยจากที่จอมพลผิน ผู้นำการรัฐประหารปี 2490 ที่บอกว่ารักชาติจนน้ำตาไหล(ที่เอาไปเอามาก็จบลงด้วยการรักชาติจนน้ำลายไหล!)

ที่เป็นธรรมเนียมอีกอย่างก็คือคณะรัฐประหารชุดนี้ก็ประกาศเช่นเดียวกับคณะก่อนๆว่า ทำการเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อพวกพ้องหมู่คณะ ไม่มีความมักใหญ่ไฝ่สูงทางการเมืองใดๆเลย

สุดท้ายก็จบลงด้วยการสืบทอดอำนาจเผด็จการกันยาวนานนับ10-20ปี...หรือจะมีข้อเว้นให้กับคณะรัฐประหารชุดนี้ เชื่อหรือไม่?


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2007, 22:14 โดย ป๋าเจ้าเก่า » บันทึกการเข้า

ถึงข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับท่านแม้แต่ซักนิด แต่ข้าพเจ้าจะยอมอุทิศชีวิตเพื่อให้ท่านได้พูด...วอลแตร์
Priateľ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 395



« ตอบ #1 เมื่อ: 10-07-2007, 20:17 »

ผมมองว่ามันเป็นเรื่องสืบสานความคิดว่า อำนาจมันมาจากอำนาจ แม้แต่อำนาจของประชาชน (ประชา + อธิปไตย)

ให้ย้อนไปในสมัยก่อนหน้า ปี 2475 ก็คือการได้มาซึ่งการใช้กำลังทหาร

ยกตัวอย่างเค้าโครงเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อลดระดับความแตกต่างทางเศรษฐกิจ(และชนชั้น) ก็มีบทซึ่งกล่าวถึงเรื่องการรวมที่ดินทำกินมาไว้เป็นของรัฐ โดยรัฐบาลจะทำการ"ซื้อ" โดยใช้พันธบัตรของรัฐบาล (อ้างจากหนังสือ "ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง" ของอาจารย์สมศักดิ์ ผมเองไม่เคยได้อ่านเค้าโครงเศรษฐกิจแบบเต็มๆ) มีแนวทางในการที่ให้รัฐเป็นผู้กำหนด"ความเหมาะสมของสังคม" ให้กับประชาชนในประเทศ

การปฏิวัติปี 2476 เป็นตัวอย่างหนึ่งของการได้มาซึ่งประชาธิปไตย"กลับคืนมา" โดยทหารคณะราษฎร

นี่คือรากฐานที่ถูกวางมา ไม่ว่าฝั่งไหนในยุคสมัยนั้นต่างเข้าใจดีว่า ความดีงาม ความถูกต้อง ความยุติธรรม และความเป็นประชาธิปไตย ได้มาโดยการกำหนดของผู้ที่กุมอำนาจหรือผู้ที่มีโอกาสกุมอำนาจ

เพราะอะไร?

ผมเชื่อว่า ในปี 2549-2550 การจ้างม็อบ เกณฑ์ม็อบ ซึ่งนักการเมืองบางคน(เหมาหมดเดี๋ยวโดนฟ้อง)ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในการสร้างประชาธิปไตยในยุคนี้นั้น น่าจะสร้างคำตอบให้กับกรณีย้อนหลังเมื่อเจ็ดสิบปีก่อนได้ครับ

เพราะแม้แต่นักการเมืองก็ยังไม่เชื่อว่าประชาชนคิดเองได้ไงท่าน
บันทึกการเข้า

If you ever want something badly, let it go. If it comes back to you, then it's yours forever. If it doesn't, then it was never yours to begin with.

ก๊อปมาจากหนัง Indecent proposal
ป๋าเจ้าเก่า
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 272


ถึงไม่เห็นด้วยสักนิด แต่ผมจะแลกชีวิตให้คุณได้พูด


« ตอบ #2 เมื่อ: 10-07-2007, 20:27 »

คุณCheckmate Rook กล่าวมานั้นผมอนุโมทนาทุกประการ

ยิ่งผมผ่านไปสังเกตการณ์ที่สนามหลวง ไม่ว่ายุคสนธิลิ้มที่ไปวอนเว้าให้พลเอกสนธิทำรัฐประหาร
หรือยุคไข่มุกดำ ที่ประกาศหน้าตาเฉยว่า แม้แต่การจ้างคนมาม็อบไล่เผด็จการก็ย่อมสมควรทำ

คือมันกระอักกระอ่วนยังไงก็ไม่รู้

แต่หากจะยอมรับว่า หนทางสู่อำนาจจะบริสุทธิ์สวยงามพาฝันมันไม่มี ต้องดิบๆเถื่อนๆก็คงต้องพะอืดพะอมให้ยอมรับกัน
บันทึกการเข้า

ถึงข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับท่านแม้แต่ซักนิด แต่ข้าพเจ้าจะยอมอุทิศชีวิตเพื่อให้ท่านได้พูด...วอลแตร์
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #3 เมื่อ: 10-07-2007, 22:23 »

อือ บีลีฟ ๆ http://www.nocoup.org/newwebboard/main.php?board=043999&topboard=1

ลามกจกเปรต  อย่าไปหาทำ ผู้หญิงห้ามเข้า ผู้ชายก็ไม่ควร แต่บังเอิญเราตามไปจากเสรีไทยฯ

ดูว่าเค้าจะทำอะไรกัน
บันทึกการเข้า
Priateľ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 395



« ตอบ #4 เมื่อ: 10-07-2007, 23:35 »

โอ้ว คุณบอกอลายจุด โพสต์รูปโป๊จากคุกแฮะ

ท่าทางอยู่สบายกว่าที่คิดแฮะ
บันทึกการเข้า

If you ever want something badly, let it go. If it comes back to you, then it's yours forever. If it doesn't, then it was never yours to begin with.

ก๊อปมาจากหนัง Indecent proposal
meriwa
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,100



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 10-07-2007, 23:58 »

ไปไม่ทันอ่ะ 

มีสายจากที่นั่นบอกคุณ soco เอามาเปิดประเด็นที่บอร์ดนี้ อิอิ
บันทึกการเข้า

ผู้ปกครองระดับธรรมดา   ใช้ความสามารถของตน    อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง       ใช้กำลังของคนอื่น             อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง           ใช้ปัญญาของคนอื่น           อย่างเต็มที่

                                                                  ...คำคมขงเบ้ง
meriwa
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,100



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 11-07-2007, 00:11 »

ผมว่าคุณ ป๋าเจ้าเก่า  ยังยอขาดอยู่อีก 1  นะครับ

นั่นคือภาคประชาชนคนไทย   ว่ามันเป็นอย่างไร

ถ้าบอกว่าไม่มีนี่ แสดงว่าไม่รู้ปัญหาอย่างแท้จริง
บันทึกการเข้า

ผู้ปกครองระดับธรรมดา   ใช้ความสามารถของตน    อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง       ใช้กำลังของคนอื่น             อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง           ใช้ปัญญาของคนอื่น           อย่างเต็มที่

                                                                  ...คำคมขงเบ้ง
ป๋าเจ้าเก่า
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 272


ถึงไม่เห็นด้วยสักนิด แต่ผมจะแลกชีวิตให้คุณได้พูด


« ตอบ #7 เมื่อ: 11-07-2007, 22:12 »

ผมจัดให้แล้วนะครับ ดูตรงหมายเหตุข้างบนครับ
อยากได้อะไร ขอมาครับ ซิคเว่จะๆๆๆๆจัดห้ายคะร๊าบ
บันทึกการเข้า

ถึงข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับท่านแม้แต่ซักนิด แต่ข้าพเจ้าจะยอมอุทิศชีวิตเพื่อให้ท่านได้พูด...วอลแตร์
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #8 เมื่อ: 12-07-2007, 19:40 »

คำปาฐกถาพิเศษของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในการสัมมนาเรื่อง การพัฒนา
การเกษตรและสหกรณ์กับความมั่นคงของประเทศ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ศูนย์
กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่


"...ความมั่นคงของประเทศเป็นเรื่องที่รัฐบาลทุกประเทศทั่วโลกต้องคำนึงถึงและทำ
เป็นสิ่งแรก เพราะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมรวมทั้งครอบครัว เช่นเดียวกับ
สังคมไทยหากมีความมั่นคงทุกอย่างจะตามมา แต่ขณะนี้ความปลอดภัยทั้งภายในและ
ภายนอกยังไม่พัฒนา
ความเจริญทำได้ยากลำบาก ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านพัฒนา
ไปมากเพราะมีความมั่นคงเป็นส่วนร่วมในการพัฒนาทั้งสิงคโปร์ กัมพูชา และเวียดนาม
มีความมั่นคงเป็นอันดับหนึ่งจึงพัฒนาไปค่อนข้างเร็วเป็นที่น่าอิจฉาในขณะนี้

...
กองทัพบก และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จึงเตรียมป้องกัน
ภัยในอนาคตด้วยการวางรูปแบบการแก้ปัญหาเพื่อลดภัยคุกคามทั้ง 7 เรื่องลงไป โดย
ประสานพลเรือน ตำรวจ ทหาร และเน้นนโยบาย 2 ประการ คือ ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า
เป็นเจ้าของกองทัพและรักกองทัพ เพื่อไม่ให้การเมืองเข้ามาจัดระเบียบ


หากทุกส่วนไม่เป็นเนื้อเดียวกันจะนำไปสู่ประเทศประชาธิปไตยไม่ได้ ...

ที่สำคัญคือภัยจากการเมือง ...

ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐธรรมนูญกลั่นกรองมาจากประชาชนอย่างแท้จริง หากลง
ประชามติการเลือกตั้งจะเกิดและเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ปลายปีนี้


รัฐธรรมนูญทุกฉบับดีอยู่แล้วทำไมเกิดปัญหากับบ้านเมือง เพราะนักการเมืองและประชาชน
... ปัญหาคือนักการเมืองทำระบบบริหารประเทศเสีย ประชาชนซื้อสิทธิขายเสียง เป็น
ปัจจัยสำคัญทำให้ระบอบประชาธิปไตยเสียหาย ...

หากประชาชนมีความรักชาติก็เจริญนี่คือสิ่งสำคัญ

...

ผมปฏิรูปเพื่อประชาชน รักษาระบอบประชาธิปไตย รักษาสถาบัน การตัดสินใจวันที่ 19
กันยายน 2549 หากแพ้โทษประหารชีวิต ผมจะแลกสิ่งเหล่านี้ทำไม เพราะชีวิตผมยอม
ได้ แต่ขอให้บ้านเมืองคงอยู่ แลกชีวิตกับการปฏิรูปให้พี่น้องประชาชนเข้ามาเป็นเจ้าของ
ระบอบประชาธิปไตยและประเทศชาติ

ขณะนี้กำลังกำหนดและคืนความมั่นคงของประเทศให้ประชาชนดูแล ภาระหนัก 30 ปี
กำลังจะจบและขอมอบคืนทุกท่านตัดสินใจเองว่าต้องการประชาธิปไตยแบบไหน
ผมจะนั่งดูและเป็นเพียงเซลล์น้อยๆ ที่ร่วมดูแลประเทศชาติ
สิ่งสำคัญคือประชาชนทั้งประเทศต้องเป็นหนึ่งเดียวกับประเทศชาติมีอุดมการณ์รักชาติ

หากกองทัพยิ่งใหญ่ เศรษฐกิจยิ่งใหญ่ สังคมเข้มแข็ง ...

ขอให้เลือกนักการเมืองที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีมหามงคล
80 พรรษา หวังว่าเราจะได้คนจงรักภักดี ใครไม่จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองเราเองก็รู้ดี
ขอให้เลือกและตัดสินใจให้ดีเพื่อประเทศชาติ..."

มติชน วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10715
-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ร่วมด้วยช่วยยอยศ
คัดมาเฉพาะที่ประทับใจ ส่วนที่เหลือ เชิญแฟนพันธุ์แท้อ่านได้ที่


http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0104120750&day=2007/07/12&sectionid=0101
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
พระพาย
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679



« ตอบ #9 เมื่อ: 14-07-2007, 12:23 »

มาทดสอบดู... กระทู้ยังอยู่นิครับ
บันทึกการเข้า

คลิป นปก บุกทำเนียบชนพันธมิตร
http://pirun.ku.ac.th/~g4685035/01mob.asf
กระทู้ขบวนการเสรีไทยในเวบบอร์ดร่วมคัดคัดกรณีปราสาทพระวิหาร นำโดยคุณ *bonny http://forum.serithai.net/index.php?topic=28065.0
และเอกสารยื่นคัดค้านกระทรวงต่างประเทศไทยและกัมพูชา  http://www.savefile.com/files/1629973
กระทู้สรุปประเด็นปราสาทพระวิหาร โดยคุณ Jerasak http://forum.serithai.net/index.php?topic=28392.0
ใบปลิวขนาด 2 หน้าสรุปประเด็นปราสาทพระวิหาร โดยคุณ Jerasak http://www.savefile.com/files/1626944

แม่น้ำร้อยสายล้วนต้นกำเนิดเดียวกัน... จากสายฝน จากภูเขา ที่ซึ่งคล้ายเจตนารมณ์แห่งฟ้า
เสรีไทยเวบบอร์ด http://forum.serithai.net/
We Open Mind http://www.weopenmind.com/board/index.php
อรุณสวัสดิ์ http://www.arunsawat.com/board/index.php
ที่ทำการเสี่ยวอีสาน[
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #10 เมื่อ: 14-07-2007, 13:25 »

อือ บีลีฟ ๆ http://www.nocoup.org/newwebboard/main.php?board=043999&topboard=1

ลามกจกเปรต  อย่าไปหาทำ ผู้หญิงห้ามเข้า ผู้ชายก็ไม่ควร แต่บังเอิญเราตามไปจากเสรีไทยฯ

ดูว่าเค้าจะทำอะไรกัน

กวีใส้แห้ง ป๋าเจ้าเก่า

ทำไมไปกล่าวหากันข้ามบอร์ดล่ะ  ไปถามบก.ลายดอกซิว่า ใครทำ

เว็บบ้องตื้นนั่นน่ะ ผมไม่เคยโพสน่ะเฟร้ย

คนหลายชื่อจริงน่ะเรา
บันทึกการเข้า
ป๋าเจ้าเก่า
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 272


ถึงไม่เห็นด้วยสักนิด แต่ผมจะแลกชีวิตให้คุณได้พูด


« ตอบ #11 เมื่อ: 14-07-2007, 15:20 »

พี่socoสบายใจเถิดครับว่า
ผมไม่เคยคิดจะพาดพิงให้เสียหายครับ
ด้วยความรักเคารพเหมือนเดิม
บันทึกการเข้า

ถึงข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับท่านแม้แต่ซักนิด แต่ข้าพเจ้าจะยอมอุทิศชีวิตเพื่อให้ท่านได้พูด...วอลแตร์
หน้า: [1]
    กระโดดไป: