หมายเหตุ:1.เพื่อให้ได้อรรถรสยิ่งขึ้น กรุณาอ่านควบคู่กระทู้แฝด
-"ยอยศประชาธิปัตย์ พรรคอันสูงส่งสง่างามและมีเกียรติคู่กับสยามประเทศ"
http://forum.serithai.net/index.php?topic=15061.0-ยอยศชายชาติทหาร รัฐประหารทุกหยาดเป็นชาติพลี เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัยไชโยhttp://forum.serithai.net/index.php?topic=15096.0
- ยอยศฐานันดร4 วิวัฒนาการจากวานรสู่เทวดา บางสายพันธุ์วัฒนาการจากไดโนเสาร์เป็นเห้
http://forum.serithai.net/index.php?topic=15104.0-ยอยศภาคประชาชน:ชีวายอมพลีให้มวลชนผู้ทุกข์ทน ขอยอมตนไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง
http://forum.serithai.net/index.php?topic=15113.0 2.ความในกระทู้นี้ตัดทอนมาจากหนังสือที่ผมเขียนขึ้นเล่มหนึ่ง ตอนนี้พิมพ์ไป12ครั้ง แต่ไม่อยากบอกว่าเล่มไหน เพราะไม่ได้มาตั้งกระทู้เพื่อขายของ
....................................................................................................................................................................
ก.ว่าด้วยวิกฤตการณ์การเมืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง และการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองมาตลอดประวัติศาสตร์ของชาติไทย หลายครั้งที่การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองเป็นไปอย่างรุนแรงและนองเลือด ขณะที่มีบางครั้งก็เป็นการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ หรือคลี่คลายวิกฤตการณ์ลงด้วยความสงบ ปราศจากความรุนแรงหรือการนองเลือด
หากนับเฉพาะสมัยกรุงศรีอยุธยามาถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นนั้นพบว่าวิกฤตการณ์ทางการเมือง และการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองที่จบลงด้วยความรุนแรงและการนองเลือดนั้นก็เกิดขึ้นหลายครั้ง มีกษัตริย์หรือเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงถูกสำเร็จโทษรวมทั้งสิ้น 28 พระองค์
และเมื่อนับเฉพาะครั้งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ.2475มาจนถึงปัจจุบัน วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่จบลงด้วยความรุนแรงหรือการนองเลือดก็มีมาเป็นลำดับ
วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นหนล่าสุดเกี่ยวแก่กรณีทักษิณ ชินวัตร.....
1.เหลิงระเริงอำนาจ ก่อนการโค่นล้มระบอบทักษิณวิกฤตการณ์ทางการเมืองไทย ก่อนที่จะนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการรัฐประหารยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 นั้นเป็นไปอย่างมีพัฒนาการสืบเนื่อง
พัฒนาการที่สืบเนื่องมาจาก จุดเริ่มต้นที่เป็นรัฐบาลขวัญใจของประชาชนในเทอมแรกระหว่างปีพ.ศ.2544-2548 มาถึงขีดสูงสุดเมื่อพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งแบบฟ้าถล่มในการเลือกตั้งวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นผลสำเร็จ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
แล้วก็เกิดอาการเหลิงระเริงในชัยชนะตามมา เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณย่างสามขุมสถาปนาระบอบทักษิณขึ้นมาแทนที่ระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พ.ศ.2540
ทั้งการรวบรัดตัดตอนองค์กรอิสระทั้งหลายให้ตกมาอยู่ใต้อาณัติของรัฐบาล ทั้งการกินรวบวุฒิสภาที่ควรจะมีบทบาทอิสระตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ให้กลายมาเป็นสภาทาสของรัฐบาล ทั้งที่ก็คุมเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรเอาไว้แล้ว
ที่ร้ายกว่านั้นก็คือการโหมโฆษณาชวนเชื่อให้เกิดลัทธิบูชาบุคคลในตัวนายกรัฐมนตรีพ.ต.ท.ทักษิณผ่านสื่อสารมวลชนในเครือข่ายของรัฐบาล และสื่อสารมวลชนที่รัฐบาลหว่านซื้อผ่านงบโฆษณา
รายที่ซื้อไม่ได้ก็เข้าไปกดดัน ควบคุม แทรกแซง กระทั่งปลดออกจากหน้าจอโทรทัศน์ หรือหน้าปัทม์วิทยุไปเลย โดยไม่เลือกหน้า ไม่จำแนกมิตรจำแนกศัตรู ใครก็ตามที่ขวาง โดนเชือดหมด
2.ย้อนรอยทักษิณจอมดูด โตด้วยการเรียนลัดรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เริ่มต้นด้วยความนิยมอย่างล้นหลามในหมู่ประชาชน แนวนโยบายเน้นไปที่ประชาชนรากหญ้า ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ และแก้ไขปัญหาตอบสนองความต้องการกลุ่มเป้าหมายอย่างถึงลูกถึงคน และโดนใจชาวบ้านอย่างยิ่ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากจะโดนใจแล้ว สารพัดโครงการเหล่านี้ก็มีประโยชน์แก้ไขปัญหาพื้นฐานของประชาชนได้จริง ไม่ว่าจะเป็นโครงการพักชำระหนี้เกษตรกร ,30บาทรักษาทุกโรค และโครงการกองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท
ส่งผลให้อดีตนักธุรกิจผูกขาดสัมปทานการสื่อสารผู้มั่งคั่ง ชนะการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในต้นปี 2544 อย่างท่วมท้น โดยกวาดคะแนนเสียงมาถึง 11 ล้านเสียง แต่เนื่องจากไม่อยากเผชิญหน้ากับการต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาลผสม จึงต้องใช้วิธีโตแล้วเรียนลัด
แม้จะต้องคดีซุกหุ้นผิดกฎหมาย และยอมรับกลายๆว่าบกพร่องโดยสุจริต แต่คนในสังคมไทยก็พร้อมยินดี จะให้อภัย พร้อมเปิดโอกาสให้ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์นายกรัฐมนตรี
พร้อมไปกับการเดินหน้าโครงการประชานิยม ใช้จ่ายเงินภาษีอย่างมือเติบ หว่านซื้อมวลชนอย่างได้ผล พ.ต.ท.ทักษิณก็เดินหน้าดูดตามแผนการโตแล้วเรียนลัด โดยการเข้าไปดึงก๊วนก๊กการเมืองต่างๆเข้ามารวมกันในพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคเสรีธรรม,พรรคชาติพัฒนา,พรรคความหวังใหม่ เป็นอาทิ
ในกรณีพรรคอื่นนั้นการดูดเป็นไปด้วยความสะดวกราบรื่น แต่กรณีของพรรคความหวังใหม่นั้น ปรากฎว่าดูดสะดุด ไม่ได้สะดวกดายนัก เพราะเผชิญแรงต้านจากคนในพรรคอย่างแข็งขัน โดยเฉพาะจาก รองเลขาธิการพรรคชื่อ นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ และรองหัวหน้าพรรคชื่อชิงชัย มงคลธรรม ซึ่งทำให้นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้าไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด แม้จะไม่บอกออกมาตรงๆว่าเคืองแค้นใจขนาดไหน แต่พฤติการณ์ในเวลาต่อมา ...ฉากนี้ทักษิณจำได้แบบไม่เคยลืมเลยทีเดียว
เพราะในที่สุดพ.ต.ท.ทักษิณก็หักหาญเข้าเทกโอเวอร์พรรคความหวังใหม่ แล้วดูดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพรรคไทยรักไทยได้เป็นผลสำเร็จ ท่ามกลางอาการแข็งขืนและความขมขื่นของสมาชิกพรรคทานตะวันจำนวนมหาศาล
3.เหลิงลมบนจนกระทั่งทำลายมิตรไม่เพียงเท่านั้น ทักษิณยังก้าวข้ามไปมีอิทธิพลเหนือวุฒิสภา ซึ่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการให้เป็นอิสระ เป็นกลไกตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจรัฐบาล
การเลือกตั้งในต้นปี 2548 พรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งแบบฟ้าถล่ม กวาดคะแนนเสียงกว่า 19 ล้านเสียง มีส.ส.ในกำมือกว่า 377 เสียง สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก็ยิ่งส่งเสริมให้พ.ต.ท.ทักษิณฮึกเหิมหลงลำพองใจในอำนาจและชัยชนะ
การคิดรวบอนาจสยายปีกไปยังองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ฉบับพ.ศ.2540 ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง( ก.ก.ต.),คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.),คณะกรรมการป.ป.ช.,ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงการเข้าไปควบคุมแต่งตั้งโยกย้ายราชการทุกระดับ และการเข้าไปแทรกแซงสื่อมวลชน ทั้งการครอบงำสื่อของรัฐ และใช้อำนาจอิทธิพลรวมทั้งเงินเข้าไปหว่านซื้อกดดันแทรกแซงสื่อมวลชน เป็นสิ่งที่ทำให้มีคำถามต่อรัฐบาลประชาธิปไตยของพ.ต.ท.ทักษิณอย่างกว้างขวาง
แม้กระทั่งคนที่เคยเป็นมิตร และสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างแข็งขันในเทอมแรกของรัฐบาลทักษิณ1 คือนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวีช่อง 9 ผู้ที่เคยชื่นชมว่า"ทักษิณคือนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดนับแต่ประเทศไทยเคยมีมา" ก็ยังไม่วายโดนปลดกลางอากาศออกจากรายการ เมื่อนายสนธิเริ่มออกโรงวิพากษ์วิจารณ์พ.ต.ท.ทักษิณอย่างตรงไปตรงมาด้วยข้อมูลเบื้องลึก ตามมาด้วยการดำเนินคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอีก 2,000 ล้านบาท
แต่ไม่มีอะไรจะปิดกั้นความถูกต้องเป็นธรรมได้...