เงินทองของนอกกาย ไม่แต่แต่หาลำบาก.........เอ้า ทักฉิน...จู้ จู้ เงินส่วนไหนที่นำมาเลี้ยงดูปูเสื่อสุนัขที่หิวโซ และจ่ายท่อน้ำทิ้งให้แกนนำม็อบมิทราบ??
หนังสือพิมพ์เจาะข่าวออกมาว่า เป็นการลงขันร่วมกับกองทุนเดิมที่มีอยู่แล้วครั้งที่ยังเป็นรัฐบาล หากจำกันได้พรรคนี้มีที่ปรึกษานายก และรัฐมนตรีเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นร้อยๆ คน ส่วนผู้ที่ดำรงตำแหน่งรมต.ต้องลงขันช่วยเหลือพรรค เห็นบอกว่า กองกลางส่วนนี้มีเป็น พันล้านบาท จากการบริหารประเทศสมัยครึ่ง และต้องปรับคณะรมต.มากกว่า 10 ครั้ง
ผนวกกับเงินลงขันหลังสุด จาก..เสี่ย พ. เสี่ย ป. เสี่ย ส. และ เสี่ย น. ทำให้กลุ่มม็อบสามารถจัดการชุมนุมไปได้อีกหลายเดือน (สัปดาห์ละ 10 ล้าน เดือนหนึ่ง 40 ล้าน) คนที่รวยไปก่อนเพื่อนแล้วคือ แกนนำที่ชักหัวคิว ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีข่าวชักดาบเท่าไร แต่จากนี้ไป มีกลุ่มสส. 200 กว่าคนมาช่วยกันใช้เงินจากกองทุนเดียวกัน น่าจะทำให้กลุ่มม็อบสะเทือน(ใจ) ไปบ้าง
ยังครับยัง..อย่าเพิ่งจบ เพราะการใช้เงินเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
เมื่อ รธน.ผ่านประชามติ (หรือไม่ผ่านก็ตามแต่) จะต้องมีการเลือกตั้งปลายปีหรือต้นปีหน้าแน่นอน และกลุ่มทรท.ก็จะจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่มาสู้ด้วย แต่เงินอัดฉีด และเงินซื้อเสียงจะน้อยลงไปไม่ถึงครึ่งของที่เคยจ่าย
ตรงนี้แหละครับ จะเกิดปรากฏการณ์ที่ตามมา คือ ได้สส.ไม่ถึง 100 เสียง และ จำนวนนี้ต้องใช้น้ำเลี้ยงเดือนละประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งหากไม่ได้เป็นรัฐบาล น้ำเลี้ยงจะหมดไปในเวลาอันรวดเร็วไม่เกิน 3 เดือนหลังจากการเลือกตั้ง
และเมื่อมีการลงขันกันใหม่ กลุ่มเดิมๆ จะดูสถานการณ์ว่า ทักษิณจ่ายเท่าไรก่อน ถ้าน้อยหรือไม่จ่ายเลย ก็จบครับ เพราะกลุ่มที่ลงขันไม่ใช่นักเสียสละ จ่ายตังค์ในขณะที่ตนเองไม่ได้เล่นการเมือง มันเหมือนกับการ
ผ่อนบ้านแต่ไม่ได้อยู่ ผ่อนรถแต่ไม่ได้ขับจะเกิดการทรยศ หักหลัง และแตกคอกันอย่างแน่นอน ทำให้ 100 สส.ในสภาถึงกับแพแตก และถ้าวันนั้น คดีทักษิณและพรรคพวกยังไม่อาจพลิกเกมออกมาเป็นต่อ ผมคิดว่า พรรคใหม่น่าจะถึงกาลปวสาน
อะไรที่เริ่มต้นด้วยเงิน มันก็จะพบจุดจบเพราะเงินนี่แหละครับ