เรื่องบรรุจุพุทธศาสนา ผมไม่ขอออกความเห็น แต่ก็ไม่ควรไปว่าอะไรเขาเรื่องนี้ ควรเคารพความเห็นที่แตกต่างกันหน่อยครับ
อย่างสมาชิกบางคนในนี้ก็ยังสนับสนุนการบรรจุพุทธศาสนาเลย เช่น คุณ Angleevil
.........................
จริงๆเรื่องจะบรรจุไว้ หรือ ไม่บรรจุไว้เนี่ย ผมไม่ได้ว่าอะไรสำหรับคนที่เห็นต่างจากผมนะครับ (ถ้าพูดกันด้วยเหตุผล) เพราะคนเราย่อมมีความคิดที่แตกต่างกันได้ แต่ที่ผมไม่ชอบคือ พวกที่มักออกมาบอกว่า พวกที่ไม่เอาพุทธบรรจุในรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่คนพุทธ หรือ แม้กระทั่งโล้นห่มเหลือง บางคน ออกมาบอกว่า จัดการพวกนี้ไม่บาป มันเอาอะไรสำรอกออกมาครับ กับสิ่งที่ฝังอยู่ในหัวแบบนั้น ถ้าจะคุยกัน ก็คุยกันด้วยเหตุผลซิ ใช่หรือไม่
เอ้อ วันนี้เพื่อนส่ง Mail บทความของคุณ กิเลน จากไทยรัฐมาให้อ่าน อ่านแล้วชอบครับ ก็เลยจะขอ Post ให้อ่านกัน
---------------------------------------------------------------------
ในจอมปลวกมีช่องอยู่ 6 ช่อง มีเ.หี.้ยอยู่ภายในพระใบลานเปล่า [3 ก.ค. 50 - 18:48]
สมัยพุทธกาล ยังไม่แบ่งพระเป็นพระวัดบ้าน พระวัดป่า ชัดเจน พระที่เก่งปริยัติ แตกฉานพระธรรมวินัย ถึงขั้นเป็น อาจารย์ใหญ่ ก็มีอยู่หลายรูปรูปหนึ่ง...สั่งสอนศิษย์มากมาย ชื่อเสียงโด่งดัง แต่ไม่เคยลงมือปฏิบัติธรรมจริงจังสักที
พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงเรียกชื่อ เหมือนที่คนอื่นเรียก
แต่ทรงเรียกว่า โปฐิละโปฐิละ...แปลตรงตัวว่า ใบลานเปล่า แปลโดยความหมาย...ได้แก่ คัมภีร์ที่ปราศจากตัวอักษร เปรียบเหมือนจิตที่ปราศจากธรรม
ทรงเรียกชื่อโปฐิละ...ตั้งพระทัยจะกระตุ้นเตือน ให้ อาจารย์ใหญ่ได้สำนึกพระโปฐิละ ถูกเรียก "ใบลานเปล่า" หลายๆครั้งเข้าก็อาย เข้าไปทูลลาไปปฏิบัติธรรม มุ่งหน้าเข้าหาวัดป่า แต่เมื่อไปขอเรียนกรรมฐานจากพระอาจารย์ใหญ่วัดป่า พระอาจารย์วัดป่าก็ปฏิเสธ
ลดชั้นไปหาอาจารย์รองไปจนถึงพระหนุ่ม...แต่ก็ไม่มีพระรูปไหน ยอมสอนให้ อับจนหนทาง เมื่อมีผู้ชี้ให้ไปหาสามเณรน้อย...ท่านก็สิ้นมานะ ละทิฏฐิ เข้าไปหา
สามเณรน้อย ถามว่า ท่านอาจารย์แน่ใจแล้วหรือว่า จะเชื่อฟังคำสั่ง (คำสอน) ท่านก็รับปาก
"งั้น ท่านลองลุยลงสระน้ำให้ฉันดูก่อน"
พระโปฐิละ นุ่งห่มสบงจีวรเนื้อดีราคาแพง จำใจเดินลงสระ พอชายจีวรเปียกน้ำ สามเณรก็เรียกท่านขึ้นมาฟัง...ปริศนาธรรม
"ในจอมปลวกมีช่องอยู่ 6 ช่อง มี***อยู่ภายใน บุคคล ผู้ประสงค์จะจับมัน พึงอุดช่องทั้ง 5 แล้วจึงจับเอา แม้ท่านก็จงปิดทวารทั้ง 5 จงเริ่มตั้งกรรมฐานไว้ในมโนทวาร"ปริศนาธรรมนี้ สำหรับผู้ไม่รู้ปริยัติ อาจคลี่คลายได้ยาก แต่สำหรับพระโปฐิละ ไม่ใช่เรื่องยาก
การเจริญสติด้วยการรับรู้ การกระทบอารมณ์ทางทวารทั้ง 6 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ) เป็นงานมาก ในขณะที่การตามรู้สภาวธรรม ทางมโนทวาร (ใจ) ทางเดียว เป็นงานที่น้อยกว่าหลายเท่า
เมื่อจิตเกิดกิริยาอาการอย่างใด ก็ให้รู้ทันกิริยาอาการของจิตนั้นๆด้วยวิธีการนี้ จิตจะมีสติรู้อารมณ์ด้วยความตั้งมั่น รู้อย่างสบายๆไม่เคร่งเครียด เปิดทางให้เกิดปัญญา รู้ลักษณะของจิตและอารมณ์ ได้ตามความเป็นจริง
พระโปฐิละ...ปฏิบัติตามคำสอนสามเณรเช่นนี้ ไม่ช้า ใบลานของท่านก็เต็มไปด้วยอักษรธรรม
ต่อมา...ท่านก็บรรลุอรหันต์เนื้อหาเรื่องพระใบลานเปล่า ผมอ่านมาจากหนังสือ ทางเอก ของพระปราโมทย์ ปาโมชโช ครับ หนังสือเล่มนี้ คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ส่งมาให้นานแล้ว...เล่มหนึ่ง
คุณศุภฤกษ์ สกุลชัยพรเลิศ บอกว่าเป็นธรรมะที่อ่านง่าย แจ่มแจ้งนัก ส่งมาให้เล่มที่สอง
อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังชื่นใจ ขนาดพระเก่งปริยัติ พระพุทธเจ้าท่านยังเรียกว่าใบลานเปล่า หากเป็นพระที่สวนทางปริยัติ...นอกธรรมนอกวินัย เผลอลืมพระไตรรัตน์ หันไปนับถือเทวดา...
คำเรียกจะเปลี่ยนเป็นอะไร?พระพุทธเจ้า ประกาศศาสนา...เริ่มต้นด้วยการปฏิวัติลัทธิความเชื่อเทพเจ้า...ไม่เชื่อคำทำนาย ชาวพุทธต้องเชื่อธรรม เชื่อกรรมอันเกิดจากการกระทำ...ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
พระสงฆ์สมัยนี้ ไม่ใช่เป็นแค่ใบลานเปล่า...วัตรปฏิบัติสกปรกรกรุงรังอย่างนี้ น่าจะเรียกว่าใบลานเปื้อน."กิเลน ประลองเชิง"
http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics02&content=52618---------------------------------------------------------------------