ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 10:56
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เศรษฐกิจไทยวันนี้ไม่ดิ่งเหว ผลบวกยาแรงยุค "ธารินทร์" 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เศรษฐกิจไทยวันนี้ไม่ดิ่งเหว ผลบวกยาแรงยุค "ธารินทร์"  (อ่าน 3683 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 02-07-2007, 10:44 »

เศรษฐกิจไทยวันนี้ไม่ดิ่งเหว ผลบวกยาแรงยุค "ธารินทร์"
 
2 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 07:54:00
 
จุดเปลี่ยนประเทศไทย 10 ปีหลังวิกฤติ 40 : วัชรา จรูญสันติกุล

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีคลังในยุคแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินไทยปี 2540 ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงจากกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์และนักธุรกิจไทยตลอดเวลาที่รับตำแหน่งสามปี ว่า "ล้มเหลว" ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจขณะนั้น  เพราะเดินหลงทางตามก้นไอเอ็มเอฟจนให้ "ยาแรง" เกินขนาด ซึ่งถือว่าเป็นการให้ยาผิดในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อีกทั้งทำให้ขาดความเป็น "อิสระ" ในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่เป็นของประเทศไทยเองท่ามกลางภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้น

 วันเวลาได้ผ่านมาสิบปี แต่บนเวทีวิพากษ์ยังคงพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการเงินการคลังในยุคของธารินทร์ทั้งแง่มุมบวกมุมลบ

 หลังจากเหตุการณ์เงินบาทถูกโจมตีเป็นระลอกใหญ่จากภายนอกประเทศในช่วงวันวาเลนไทน์ 14-15 กุมภาพันธ์ 2540 ห่างจากระลอกแรกที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2539 ราวคลื่นมรสุมสงบนิ่ง แต่เมฆฝนก็ตั้งเค้าอีกนับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม

 โดยในเช้าวันหนึ่ง นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในขณะนั้น หอบแฟ้มเอกสารเพื่อรายงานรัฐมนตรีคลัง ดร.อำนวย วีรวรรณ เกี่ยวกับความอ่อนแอของสถาบันการเงิน 18 แห่ง กับอีก 3 ธนาคารพาณิชย์ จำเป็นที่ทางการเองงัดเอาแผนควบกิจการมาใช้กัน โดยให้รัฐเข้าถือหุ้นใหญ่คล้ายกับจะจัดตั้งเป็นธนาคารกรุงไทยแห่งที่สอง

 ในที่สุดมีคำสั่งปิดแค่ 16 สถาบันการเงิน ในเดือนมีนาคม 2540 นั้นเอง โดยมีรัฐค้ำประกันเงินฝาก แต่เมื่อไม่ปรากฏชื่อของสองบริษัทเงินทุนใหญ่ เช่น เอกธนกิจของนายปิ่น จักกะพาก และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จีเอฟ ทั้งที่เป็นความข้องใจของนักลงทุนในตลาด

 ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เส้นแบ่งความเชื่อมั่นได้ขาดสะบั้นลง เกิดปรากฏการณ์ข่าวลือเป็นระลอกหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ตามด้วยการถอนเงินจากสถาบันการเงินใหญ่ๆ จนขาดสภาพคล่อง และลุกลามสู่การแห่ถอนเงินครั้งใหญ่ในระบบสถาบันการเงินจนกระทั่งคลอนแคลนและนำไปสู่การต้องปิดสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นอีก 42 แห่ง รวมเป็น 58 แห่งในเดือนสิงหาคมต่อมา ตามข้อเสนอของไอเอ็มเอฟ เพื่อตัดทิ้งเนื้อร้ายและเพื่อหยุดการแห่ถอนเงิน Deposit Run ในระบบสถาบันการเงินไทย

 โดยที่รัฐบาลไทยต้องรับประกันเงินฝาก และกองทุนฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินให้ความคุ้มครองกับเจ้าหนี้สถาบันการเงินต่างชาติทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์

 ในเวลานั้น อาณาจักรของ "เอกธนกิจ" ขยายตัวใหญ่จนเกือบจะก้าวกระโดดขึ้นเป็น "Mega Finance Company" กลับต้องล่มสลายลงไปกับสินทรัพย์ที่เสียหายกว่าแสนล้านบาท รวมทั้งความล้มเหลวของแผนการควบกิจการกับธนาคารไทยทนุ ต่อมาได้ส่งผลเป็นโดมิโนให้การหาผู้ร่วมทุนจากธนาคารต่างชาติของธนาคารไทยอีก 4 แห่ง ถึงกับล้มเหลวตามไปด้วย

 เกือบจะเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยตกอยู่ในสภาพนักวิ่งผลัดที่ส่งไม้ต่อจากวิกฤติสถาบันการเงินในระลอกแรกนั้น มาถึงการโจมตีค่าเงินบาทจากเฮดจ์ฟันด์ที่เป็นกองทุนเก็งกำไรภายนอกประเทศได้เกิดขึ้นระลอกใหม่เป็นครั้งที่สาม ซึ่งนับเป็นระลอกที่ใหญ่ที่สุดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับประเทศไทย เฮดจ์ฟันด์มีอำนาจเงินนับหลายแสนล้านดอลลาร์ ทุ่มโจมตีเงินบาทสุดตัวเพื่อเอาชนะ ธปท.ในขณะนั้น จนทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่สะสมมานานกว่าครึ่งศตวรรษได้ไหลทะลักออกจาก ธปท.วันละหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง นับจากวันที่ 12-16 พฤษภาคม โดยหนักหน่วงที่สุดในช่วงวันที่ 13-14 พฤษภาคม ทุนสำรองเงินตราได้ไหลออกจำนวนมหาศาลไม่ต่ำกว่าวันละ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ จนกระทั่งทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่มีอยู่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2539 ลดลงแทบไม่เหลือหลอ ทำให้วิกฤตการณ์เงินบาทที่ถูกซ่อนเร้นไว้กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่ถล่มภาวะเศรษฐกิจไทยและฐานะการเงินของประเทศจนซวนเซแทบล้มทั้งยืน ประกอบกับคนไทยเริ่มขาดความเชื่อมั่นในประเทศกันเอง มีการนำเงินออกนอกประเทศในเดือนมิถุนายน จนทุนสำรองเกือบกลายเป็นเลขศูนย์

 ในที่สุด ธปท.ก็หมดทางเลือกต้องลดค่าเงินบาท และประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนจากการบริหารในระบบตะกร้าเงิน มาเป็นระบบลอยตัวแบบจัดการเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ทำให้เงินบาทมีค่าลดฮวบฮาบลงจากอัตรา 25 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 27-28 บาท และไถลลงหนักที่สุดในปลายเดือนมกราคม 2541 ที่ 56 บาท 

 ย้อนเวลากลับไปในวันที่ 21 สิงหาคม 2540 ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินไทย ก่อนที่จะลุกลามไปสู่วิกฤติระดับภูมิภาคในเอเชีย ประเทศไทยต้องเข้าโปรแกรมการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยได้รับเงินกู้เป็นจำนวน 1.72 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นเงิน Stand By Credit ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจะสามารถชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ต่างชาติที่รุมขอคืนเงินกู้จากภาคธุรกิจของไทย ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องยืนยันพันธกรณี (Letter Of Intent) ถึง 7 ฉบับ ที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องปฏิบัติตามในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบรัดเข็มขัดอย่างรุนแรง รักษาวินัยการคลังเคร่งครัดโดยเข้มงวดการใช้เงินงบประมาณของภาครัฐทุกบาททุกสตางค์ และดำเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มข้น กำหนดอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเพื่อบีบรัดการใช้จ่ายของภาคเอกชน โดยหวังว่าจะทำให้เศรษฐกิจเกิดเสถียรภาพและเรียกความเชื่อมั่นกลับมา

 เดือนพฤศจิกายนในปีนั้น รัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลาออก รัฐบาลใหม่โดยการนำของนายชวน หลีกภัย ในสมัยที่สอง เข้ารับงานบริหารประเทศ โดยมีนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เป็นรัฐมนตรีคลัง ร่วมกอบกู้วิกฤติ ซึ่งเขาได้กล่าวล่าสุดว่า เศรษฐกิจไทยขณะนั้นถูกบีบรัดอย่างรุนแรง แต่ต่อมาไอเอ็มเอฟยอมรับว่าใช้โปรแกรมที่ไม่ตรงกับประเทศไทย จึงยอมผ่อนคลายนโยบายการคลังลงภายหลังจากรัฐบาลที่เข้ามาใหม่ได้พยายามต่อรองในเรื่องการกำหนดแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ผ่อนปรนมากขึ้น เพราะฐานะการคลังของไทยไม่ได้มีปัญหาใดๆ โดยที่ตัว "G" คือ Government Spending เป็นเพียงเครื่องมือเดียวที่มีเงินพอที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติเท่านั้น แต่ ไอเอ็มเอฟยืนยันที่จะไม่ผ่อนคลายนโยบายการเงินหากมีผลกระทบต่อการตกรูดของเงินบาท และการพุ่งกระฉูดของเงินเฟ้อ ซึ่งในตอนนั้นเป็นปัญหาจากทางด้านต้นทุนสูง โดยที่ปัญหาเงินเฟ้อจากความต้องการในประเทศได้ตายไปหมดแล้วจากผลพวงของภาวะวิกฤติ

  ธารินทร์ เล่าให้ฟังว่า ปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้นกับระบบสถาบันการเงินไทยยังไม่ได้จบลงไปพร้อมกับการสั่งปิด 58 สถาบันการเงิน (ต่อมาเหลือ 56 ไฟแนนซ์ โดยคืนใบอนุญาตให้กับเกียรตินาคินและบางกอกอินเวสต์เมนท์) โดยไอเอ็มเอฟดึงธนาคารโลกเข้ามาช่วยฟื้นฟูสินทรัพย์ที่เป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่ถูกสั่งปิด เพราะเห็นว่าจะต้องใช้ผู้ชำนาญการมาดำเนินการอย่างรวดเร็ว หากปล่อยไว้นานก็จะกลายเป็นหนี้เสียมากเพิ่มขึ้น โดยจะจัดตั้งเป็นองค์กรอิสระ ซึ่งไม่ให้กระทรวงการคลังและ ธปท.เข้ามาเกี่ยวข้องกับการบริหารองค์กรนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่โปร่งใสหรือมีการเตะถ่วงการทำงาน ถึงแม้ว่าทั้งสองหน่วยงานจะเป็นเจ้าของก็ตาม

 องค์กรเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือ ปรส. ถูกจัดตั้งขึ้นมาให้มีหน้าที่ทำการฟื้นฟูสถาบันการเงิน ไม่ใช่ฟื้นฟูสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน 

 ในเดือนพฤศจิกายน 2540 ธารินทร์ขอให้สมาคมธนาคารไทยละธนาคารออมสินเข้ามาช่วยกันฟื้นฟูสถาบันการเงิน มีบรรษัทเงินทุนสากล หรือ ไอเอฟซี (International Finance Corporation) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินในเครือของธนาคารโลกและเคยเป็นเจ้าหนี้ใหญ่ของกลุ่มเอกธนกิจ เสนอแผนฟื้นฟูพร้อมใส่เงินเข้ามา โดยร่วมมือกับธนาคารดอยช์แบงก์ของเยอรมนี "แต่ไอเอฟซีมักจะบ่นว่า ไม่ได้รับความสะดวกจาก ปรส." ซึ่งในเวลานั้น กองทุนฟื้นฟูประกาศให้เอกธนกิจควบกิจการกับธนาคารไทยทนุโดยใช้เงินราว 8 พันล้านบาท

  "ผมบอกให้ไอเอฟซีวิ่งไปหา ปรส.เพื่อเสนอแผนฟื้นฟูเอกธนกิจ แต่ ปรส.กลับบอกว่าปิดเวลารับการพิจารณา ทั้งที่ยังมีเวลาเหลืออีกสองวัน" ธารินทร์กล่าวในที่สุด ทางการก็สั่งปิดเอกธนกิจเป็นการถาวรในวันที่ 8 ธันวาคม 2540

 ปรส.ได้ตกปากรับคำกับ "5 เสือ" ซึ่งบริษัทผู้สอบบัญชีระดับโลก อาทิเช่น อาเธอร์แอนเดอร์สัน เอิร์นสแอนด์ยัง คูเปอร์ส & ไลแบรนด์ ดีลอยด์ & โทมัสซึ และเคพีเอ็มจี ว่าจะให้เข้ามาร่วมทำงาน แต่ทั้ง "5 เสือ" ได้เสนอแผนร่วมงานกันมาเป็น joint package โดยต้องการค่าตอบแทน 1.6 พันล้านบาทในการเข้ามาบริหารสินทรัพย์ นอกจากเงินค่าบริหารที่แพงมากแล้ว "เขายังเสนอสิ่งที่ผมรับไม่ได้ คือ ถ้าทำงานไปแล้ว เกิดภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นในอนาคต (Future Liabilities) รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบ เมื่อขอให้ตัดเงื่อนไขนี้ออก เขาบอกว่าไม่ได้ ผมก็เลยให้เลิก" แต่ต่อมา ได้มีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในการบริหารสินทรัพย์จากสถาบันการเงินเข้ามาดูแลแทนโดยมีการว่าจ้างด้วยผลตอบแทน 200 ล้านบาท

 ธารินทร์กล่าวว่า นี่เป็นวิกฤติสถาบันการเงินไทยในภาคพิสดาร มีปัญหาหนี้สินที่อาจเสียหายสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาท เป็นหนี้สินรวมทั้งภาระดอกเบี้ยในอนาคตที่นำไปฝากไว้กับธนาคารกรุงไทยและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงไทยธนกิจ รวม 1 ล้านล้านบาท ถึงแม้ว่าต่อมาจะมีการดำเนินคดีทางศาล โดยชนะคดีก็ตาม แต่ได้เงินคืนมาเพียงกว่าพันล้านบาท ส่วนหนี้สินที่โผล่มาอยู่กับ ปรส.ยังมีอีก 6 แสนล้านบาทนั้น ซึ่งหนี้ทั้งหมดมีตัวเลขโผล่มาทาง ธปท.ว่า เป็นหนี้เอ็นพีแอลที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ถึง 46.7% ของสินเชื่อทั้งระบบ

 การหารือกอบกู้วิกฤติการเงินไทยในปี 2540 ที่ฝรั่งเรียกว่า "หมิ่นเหม่ต่อการเจ๊ง แต่ผมได้คุยกับชัยวัฒน์ (ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ผู้ว่าการ ธปท.ต่อจากนายเริงชัย) ว่า กองทุนฟื้นฟูพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงเป็นรายแบงก์ ซึ่งตอนนั้นเกิดปัญหากับอีก 5 แบงก์"

 "เราตั้งแบงก์รัตนสิน เพื่อให้เป็น Bridge Bank ช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินในระยะสั้นกับแบงก์ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งไอเอ็มเอฟก็เห็นด้วย โดยให้ถ่ายโอนสินทรัพย์ที่ไม่ต้องมีการประมูล จากนั้นก็ให้ประเมินหนี้ของกองทุนฟื้นฟูใน ปรส.ว่ามีเท่าไร ปรากฏว่า มีหนี้เป็นเอ็นพีแอล 99%" ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงรับภาระความเสียหายออกพันธบัตรรัฐบาล 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นภาระภาษีของประชาชนในอนาคต

 ธารินทร์ ยอมรับว่า แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจที่แท้จริงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แล้วยังมาเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในภูมิภาค จากไทยสู่เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฮ่องกง ซึ่งอยู่ๆ ก็มาถึงรัสเซีย ตุรกี รวมถึงอาร์เจนตินาในรอบที่สอง "ปัญหาไทยแก้ยาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นอินโดนีเชีย โดยไอเอ็มเอฟให้ตัดเงินอุดหนุนในการซื้อน้ำมันและอาหารของประชาชน ซึ่งถ้าเราไม่มีภาคเกษตรช่วยไว้ อาจแย่กว่านี้ก็ได้"

 "นับแต่วันแรก ผมเห็นปัญหาขาดสถาพคล่องทางการเงิน ท่อน้ำเลี้ยงที่จะไปภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงถูกปิดหมด แต่ทำอะไรไม่ได้ และที่แย่ก็คือ ธนาคารไทยถูกตัดเครดิตไลน์จากธนาคารต่างชาติหมด จน ธปท.ต้องเข้ามาประกันให้ แต่ทำได้แค่วงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ เท่านั้น ที่ยอมรับไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่เพียงแบงก์เล็กแบงก์กลาง แม้แต่แบงก์ใหญ่ก็เปิดแอลซีไม่ได้ ทำให้ต้องออกแผนแม่บทแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินไทย 14 สิงหาคม 2541 และต้องปรับโครงสร้างให้ได้ ก็เพราะฐานะตอนนั้นความเสี่ยงของไทยตกไปอยู่ที่อันดับสามจากท้ายตารางของ 160 ประเทศ"

  ตั้งแต่ ธารินทร์ เข้ากุมบังเหียนเศรษฐกิจไทย มีการติดลบไปถึง 12% โดยในปีแรก 2540 ติดลบ 1.8% และปีที่สอง 2541 ติดลบอีก 10.8% แต่หลังจากนั้นเศรษฐกิจก็ค่อยกระเตื้องขึ้นจนรัฐบาลทักษิณเข้ามารับผลบวกมีอัตราเติบโตถึง 4.5% ต่อปี  "ช่วงวิกฤติ คนจนช่วยคนรวย จากนี้ไปเศรษฐกิจต้องปรับโครงสร้างแล้วค่อยๆ ตั้งหลักต่อไป การปล่อยให้มหาเศรษฐีรวยแล้วรวยอีก หรือปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจเติบโตบิดเบือน มันจะมั่นคงได้อย่างไร ประเทศไทยยังต้องเดินในแนวทางสมัยใหม่ ผมถูกต่อต้านในตอนนั้น เพราะไม่เน้นชาตินิยม แต่ตอนที่ผมส่งมอบงานนั้น  ทุนสำรองประเทศมีฐานะสุทธิ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ แล้ว  ที่สำคัญเศรษฐกิจไทยต้องเดินไปอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนในระยะยาว โดยไม่ต้องใช้นโยบายประชานิยม"   

 "ผมยอมรับว่า ทำได้แค่กู้วิกฤติ เพื่อเศรษฐกิจลุกขึ้นมาตั้งหลัก ไม่สามารถทำให้ลุกขึ้นวิ่งอย่างที่หลายคนต้องการ" ธารินทร์ กล่าวในที่สุด

 

 http://www.bangkokbiznews.com/2007/07/02/WW13_1311_news.php?newsid=81868



เศรษฐกิจไทยวันนี้ไม่ดิ่งเหว ผลบวกยาแรงยุค "ธารินทร์"..... Question

1. 5-6 ปีที่รัฐบาลทักษิณบริหารประเทศ ได้"กรอกหู" คนไทยว่ารัฐบาลชวน หลีกภัย ล้มเหลวในการบริหารบ้านเมือง ทำให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่กว่าเดิม รัฐบาลของเขา"กู้ชาติ" ให้ดีขึ้นมีเงินสำรองประเทศถึง 4-50,000 ล้านดอลล่าร์( รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ได้ทำอะไร มีเงินสำรองกว่า 80,000ล้านดอลล่าร์.... Exclamation)

2. รัฐบาลชวน หลีกภัย ได้นำคนไข้(เศรษฐกิจไทย)เข้าห้อง"ไอซียู" เพื่อรักษา ผ่าตัด"เนื้องอก" และสามารถนำออกจากห้อง"ไอซียู" อยู่ในห้องพักฟื้นเพื่อรักษาต่อไป แต่คนไทยเจ้าของไข้ไม่ต้องให้อยู่ห้องพักฟื้น ต้องการให้ออกจากห้องพักฟื้นเพื่อกลับบ้านไปใช้ชีวิตปกติทันที ซึ่งรัฐบาลชวน หลีกภัย และธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ไม่สามารถ"จัดให้"ทันทีได้ จึงไม่ได้รับความนิยมและสนับสนุนให้เป็นรัฐบาลต่อไปอีก....

3. 5-6 ปีที่ทักษิณมีอำนาจบริหารประเทศ ไม่เคยมีความคิดจะยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงพรบ."ขายชาติ" 11 ฉบับ(ที่กล่าวหารัฐบาลชวน หลีกภัย"ขายชาติ) ไม่ให้"ขายชาติ"ตามความหมายของเขา  แต่ฉวยโอกาส"แก้ไข"ให้เป็นประโยชน์ในการฉ้อราษฎร์บังหลวง และทุจริตทางนโยบายตลอดเวลา......

4. 5-6 ปีที่ผ่านมาเช่นกันที่ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ไม่มีโอกาสชี้แจงรายละเอียด เพราะรัฐบาลได้ปิดกั้นสื่อฯ รวมทั้งมี"ลูกขุนพลอยพยัก" เช่น สนธิ ลิ้มทองกุล "หมัก-หน้าจืด" และ "หน้าดำ-หน้าขาว" ผู้จัดรายการยูบี 7ของเจ้าสัวฯ(วันนี้"หน้าขาว"ได้ร่วมจัดรายการยามเฝ้าแผ่นดินของสนธิ ลิ้มฯ) เป็นโฆษกนอกทำเนียบที่ปกป้อง แก้ตัว ใส่ความพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านในสภา.....


ขอแลกเปลี่ยนความเห็นที่มีเหตุผล อ้างอิงได้นะครับ.....



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-07-2007, 00:03 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 03-07-2007, 22:43 »

ขอแลกเปลี่ยนความเห็นที่มีเหตุผล อ้างอิงได้นะครับ.....
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #2 เมื่อ: 03-07-2007, 23:47 »

พระเอกหรือนางเอกตัวจริง คือ ภาคเอกชนที่ล้มลุกคลุกคลานอย่างเราๆท่านๆค่ะ ลุงปุฯ
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 04-07-2007, 11:29 »



จำชื่อเหล่านี้ไว้นี้ไว้ จิ๋ว ทนง โภคิณ ทักษิณ พจมาน สุดารัตน์ เยาวภา พันศักดิ์ พรหมมินตร์ บุญคลี
บันทึกการเข้า

ภูดิน
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 232


Where the mind is freedom


« ตอบ #4 เมื่อ: 04-07-2007, 12:45 »

ขอพูดว่า
๑.  เห็นด้วยกับข้อ ๑-๓   ตามที่รู้มา
๒. ข้อ ๔  เห็นด้วยเหมือนกันว่า  ทำไม คุณธารินทร์ ไม่ออกมาชี้แจง  ตอนที่ถูกกล่าวหา
ข้อ ๔  มันเป็นเช่นนั้นเอง
และ  ครบสิบปีแล้ว   เมื่อเศรษฐกิจพอจะฟื้นตัว  แม้วกับพวก  มากอบโกยไปหมด
แม้ว หาเสียง  บอกจะมาแก้วิกฤต  แต่ แม้ว กับสร้างวิกฤต เสียยิ่งกว่า ปี ๔๐(เศรษฐกิจ)
เพราะเป็นวิกฤตสังคม  จริยธรรม คุณธรรม  ศีลธรรม  การศึกษา   ระบบราชการ ฯลฯ

ตอนนี้ดอกเบี้ยฝากอยู่ที ๒.๕๐  สลึงเดียว   ในขณะที่ดอกเบี้ยกู้  ๔-๖  มันแปลว่าอะไร
ขอประทานโทษท่าน จขกท  ถ้าออกทะเลไป 
อิอิ 
บันทึกการเข้า

The silkworm  weaves  its  cocoon  and  stays  inside, therefore  it is  imprisoned;
the  spider  weaves  its  web  and  stays  outsides, therefore  it  is  free. (chinese proverb)

ตัวไหมชักใยไหม  แล้วอยู่ในรังไข่  จึงถูกจองจำ
แมงมุมชักใยแล้วอยู่ภายนอก  จึงเป็นอิสระ
(กรุณา กุศลาสัย ..."คำคมบ่มชีวิต")
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 04-07-2007, 13:32 »

จะว่าไปเงินทุนสำรองที่ถูกเอาไปถลุงสู้กับเฮดฟันด์ ส่วนใหญ่เป็นเงินที่ค่อยสะสมมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม

สังคมไทยก็แบบนี้แหละครับ ลืมง่าย มองกันแค่เปลือก ผมจำได้ว่า 8 ปีของ พล.อ.เปรม นั้นเสียงด่ากันอึงมี่ในแทบทุก ๆ ด้าน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทองที่ปิดอยู่หลังพระก็ล้นออกมาให้คนเห็น

ผมเห็นใจคุณธาริณทร์มาก ๆ ถูกถีบหัวส่ง ถูกกันให้เป็นแพะ ท้ายสุดประชาธิปปัตย์ก็ได้รับผลกรรม แพ้พรรคโจรหมดรูปในการเลือกตั้งครั้งต่อมา
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #6 เมื่อ: 04-07-2007, 15:59 »

จะว่าไปเงินทุนสำรองที่ถูกเอาไปถลุงสู้กับเฮดฟันด์  ส่วนใหญ่เป็นเงินที่ค่อยสะสมมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม

สังคมไทยก็แบบนี้แหละครับ ลืมง่าย มองกันแค่เปลือก ผมจำได้ว่า 8 ปีของ พล.อ.เปรม นั้นเสียงด่ากันอึงมี่ในแทบทุก ๆ ด้าน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทองที่ปิดอยู่หลังพระก็ล้นออกมาให้คนเห็น

ผมเห็นใจคุณธาริณทร์มาก ๆ ถูกถีบหัวส่ง ถูกกันให้เป็นแพะ ท้ายสุดประชาธิปปัตย์ก็ได้รับผลกรรม แพ้พรรคโจรหมดรูปในการเลือกตั้งครั้งต่อมา


หลังจากต้องลดค่าเงินบาทแล้ว รัฐบาลเปรมฯ ก็ค่อยสะสมเงินสำรอง
เพื่อมาให้รัฐบาลชาติชาย"ถลุง"ไปส่วนหนึ่ง.....
คนไทยจำนวนหนึ่งร่ำรวยจากการขายที่ดิน ที่ไม่ก่อผลดีต่อเศรษฐกิจส่วนรวม
นอกจากการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยส่วนตัวของแต่ละคน...

วันหนึ่งคนไทยที่ร่ำรวยจากการขายที่ดินทำกิน ก็กลายเป็นคน"จมไม่ลง"
และบุกรุกที่ดินผืนใหม่ เพื่อนำไปขายใหม่.....


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #7 เมื่อ: 04-07-2007, 19:29 »

ในตอนปี 40 ที่รัฐบาลชวนเค้ามารับงานหลัง การเซ็นต์สัญญากับ IMF โดยนายทนง พิทยะ  ในช่วง รัฐบาลชวลิต นับว่า เป็นช่วงที่เราตกต่ำแบบสุด ๆ จริง ๆ ครับ.......นายชวน ต้องเข้าพาทีมงานเข้ามารักษา คนที่ใกล้ตายแล้ว

รัฐบาลชวลิต โดยนายทรง พิทยะ ได้สั่งปิดสถาบันการเงินชั่วคราว สองครั้ง รวม 58 แห่ง แต่ต่อมาสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ 2 แห่ง แต่ยังคงเหลือ 56 แห่งที่ถูกปิดตาย ในที่สุด

ในครั้งรัฐบาลชวลิต ได้เป็นการปิดชั่วคราว โดย ยังคงปล่อยให้มีการบริหารจัดการกันเองได้ตามความจำเป็น จึงเป็นการเปิดช่องให้ บรรดาผู้บริหารสถานบันการเงินเหล่านั้นได้มีโอกาส ยักย้ายถ่ายเทเงิน ได้อีกระยะ หนึ่ง เป็นการเร่งปฏิกริยา ดิ่งลงเหวของเศรษฐกิจทางหนึ่ง...ดังที่เห็นตัวอย่าง กรณี ปิ่น จักกะพาด และ คนอื่น ๆ อีกหลายคน.......แต่ต่อมานายธารินทร์ ได้สั่งปิดเป็นการถาวร และ ส่งเจ้าหน้าที่แบ็งค์ชาติ เข้าแทรกแซงการบริหาร เพื่อหยุดการยักย้ายถ่ายเทเงิน ดังกล่าว

เมื่อนายทนง สั่งปิดสถาบันการเงินครั้งแรก (ถ้าจำไม่ผิด 16 แห่ง) รัฐบาลชวลิต ในครั้งนั้น ได้ประกาศยืนยัน หนักแน่นว่าจะไม่มีการปิดเพิ่ม อย่างแน่นอน ........ แต่ในที่สุด ก็ได้มีการสั่งปิดเพิ่มอีก 52 แห่ง เป็นการทำลายความเชื่อมั่น ต่อสถาบันการเงิน ทั้งระบบ จนหมดสิ้น..........หลังจากนั้น บรรดาผู้ฝากเงินทั้งหลายแหล่ ที่ขาดความเชื่อมั่น เริ่มแห่กันถอนเงินออก จากบรรดา สถาบันการเงิน เพื่อย้ายออกไปฝากในธนาคารใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมให้ บรรดาสถาบันการเงินหลายแห่งต้องได้รับผลกระทบตามไปด้วย เครดิตไลน์ต่าง ๆ ทั้งสถาบันการเงิน รวมทั้ง ธุรกิจต่อธุรกิจ ถูกตัดขาดจนหมดสิ้น ความเชื่อถือต่อกันในวงธุรกิจหมดไป  วงเงินที่เคยได้รับจากธนาคาร หรือ สถาบันการเงินอื่น ๆ ถูกตัด หรือ ลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นการเร่ง NPL



1. 5-6 ปีที่รัฐบาลทักษิณบริหารประเทศ ได้"กรอกหู" คนไทยว่ารัฐบาลชวน หลีกภัย ล้มเหลวในการบริหารบ้านเมือง ทำให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่กว่าเดิม รัฐบาลของเขา"กู้ชาติ" ให้ดีขึ้นมีเงินสำรองประเทศถึง 4-50,000 ล้านดอลล่าร์( รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ได้ทำอะไร มีเงินสำรองกว่า 80,000ล้านดอลล่าร์.... )
ในจำนวน 4-5 หมื่นล้าน ได้รวมเอาเงิน ทุนสำรองที่เกิดจากการซื้อล่วงหน้าของแบ็งค์ชาติ แปดแสนล้านบาท หรือกว่านั้น (กว่า สองหมื่นล้านดอลล่าห์)ทักษิณ ไม่ได้บอกไว้ ฮ่า ฮ่า ขี้โม้จริง ๆ

2. รัฐบาลชวน หลีกภัย ได้นำคนไข้(เศรษฐกิจไทย)เข้าห้อง"ไอซียู" เพื่อรักษา ผ่าตัด"เนื้องอก" และสามารถนำออกจากห้อง"ไอซียู" อยู่ในห้องพักฟื้นเพื่อรักษาต่อไป แต่คนไทยเจ้าของไข้ไม่ต้องให้อยู่ห้องพักฟื้น ต้องการให้ออกจากห้องพักฟื้นเพื่อกลับบ้านไปใช้ชีวิตปกติทันที ซึ่งรัฐบาลชวน หลีกภัย และธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ไม่สามารถ"จัดให้"ทันทีได้ จึงไม่ได้รับความนิยมและสนับสนุนให้เป็นรัฐบาลต่อไปอีก....

ถ้าเพียงแต่ รัฐบาลทักษิณ ไม่ใช้นโยบายทางการตลาดป้ายสี รัฐบาลชวน ประชาชน จำนวนมากจะเข้าใจ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่มีสาเหตุมาจากวิกฤติเศรษฐกิจ ที่รุนแรงขนาดนั้น ย่อมมีความยากลำบากที่จะให้ทันใจผู้คนได้  รัฐบาลชวนได้เข้ามาปรับโครงสร้าง เศรษฐกิจจนมั่นคง พร้อมที่จะเดินต่อไปได้แล้ว ......เราออกจากเหวแล้วครับ หลังรัฐบาลชวน

3. 5-6 ปีที่ทักษิณมีอำนาจบริหารประเทศ ไม่เคยมีความคิดจะยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงพรบ."ขายชาติ" 11 ฉบับ(ที่กล่าวหารัฐบาลชวน หลีกภัย"ขายชาติ) ไม่ให้"ขายชาติ"ตามความหมายของเขา  แต่ฉวยโอกาส"แก้ไข"ให้เป็นประโยชน์ในการฉ้อราษฎร์บังหลวง และทุจริตทางนโยบายตลอดเวลา......

ในช่วงที่รัฐบาลชวนเข้ามารับงานต่อ คงไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะเราไม่มีเม็ดเงิน หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ ....คนรวย เก็บเงิน กินดอกเบี้ย ไม่เอาออกมาใช้....คนจนไม่มีเงิน  ...ในช่วงนั้นเราต้องการเม็ดเงินใหม่ ๆ เพื่อเข้ามาต่อลมหายใจเศรษฐกิจ...จึงจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ต่างชาติ นำเงินเข้ามาลงทุน ผมเข้าใจว่าว่า บางเงื่อนไขของ พรบ.11 ฉบับ อาจมีการเซ็นต์กันไว้ ใน LOI ฉบับที่ 1 ที่เซ็นต์โดย นายทนง พิทยะ .....พรรคไทยรักไทย ได้ออกมาโจมตีอย่างรุนแรง ว่าเป็น พรบ.ขายชาติ แต่ท้ายที่สุดแล้ว นายทักษิณ ได้แก้กฏหมายให้ขายชาติกว่า ในกรณี การถือครองหุ้นต่างชาติ ในธุรกิจโทรคมนาคม

4. 5-6 ปีที่ผ่านมาเช่นกันที่ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ไม่มีโอกาสชี้แจงรายละเอียด เพราะรัฐบาลได้ปิดกั้นสื่อฯ รวมทั้งมี"ลูกขุนพลอยพยัก" เช่น สนธิ ลิ้มทองกุล "หมัก-หน้าจืด" และ "หน้าดำ-หน้าขาว" ผู้จัดรายการยูบี 7ของเจ้าสัวฯ(วันนี้"หน้าขาว"ได้ร่วมจัดรายการยามเฝ้าแผ่นดินของสนธิ ลิ้มฯ) เป็นโฆษกนอกทำเนียบที่ปกป้อง แก้ตัว ใส่ความพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านในสภา.....


อย่าว่าแต่นายธารินทร์ จะได้ออกมาชี้แจง เลยครับ  ในรอบ 5-6 ปี ของรัฐบาลทักษิณ ผมเห็นหน้านายชวน หลีกภัย ตามหน้าที่วี ถีง 10 ครั้งหรือปล่าว ก็ไม่รู้ครับ 


พูดถึงเรื่อง ค่าเงินบาท  .......ในสมัยรัฐบาลชวน ได้ทำสิ่งหนึ่งที่เป็นคุณต่อประเทศในปัจจุบัน...คือ การที่นายธารินทร์ ได้ออกกฏหมายให้ แบ็งค์ชาติ เป็นอิสสระต่อการเมือง
ผมได้เห็นข่าวเล็ก เมื่อ สองเดือนก่อน ว่า รมต.คลัง จะแก้กฏหมายใหม่ให้ รมต.คลัง เป็นผู้ควบคุมแบ็งค์ชาติ  ....ผมหวังว่าจะไม่ผ่านกฏหมายดังกล่าวน๊ะครับ..........

ลองคิดดู หากแบ็งค์ชาติ ได้รับคำสั่งให้คุณทักษิณ โอนเงินทั้งหมดในการขายหุ้นชิน ฯ รวมทั้งเงินที่ซุกเอาไว้ ออกไปได้ อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยหนอ?
บันทึกการเข้า
วิหค อัสนี
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 946



« ตอบ #8 เมื่อ: 04-07-2007, 20:44 »

มันก็พูดยาก...

หลายๆ อย่างในโลกนี้มันมีเหตุปัจจัยที่ต้องรอเวลาในการเปลี่ยนแปลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบที่มีขนาดใหญ่ มันจะเติบโตหรือฟื้นขึ้นมาได้เร็วขนาดไหนกันเชียว

เหมือนที่ดินแห่งหนึ่งที่เพิ่งจะริเริ่มกระโดดมาปลูกมะม่วงแข่งกับสวนอื่นๆ ในจังหวัดได้ไม่นานหลังเป็นที่ปลูกพืชผักสวนครัวหากินมาตลอดหลายชั่วอายุคน โดยคนในนั้นแทบไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับมะม่วงมาก่อนเลย

่จนถึงยุคหนึ่ง หลังล้มลุกคลุกคลานมานาน พอนายหัวคนเก่ามารับสืบทอดดินในสวนที่โดนมลพิษเล่นงานจนเกือบเน่าสนิท ต้องปรับดินให้กลับมาเป็นปกติอยู่เป็นเดือนๆ คนก็เซ็งกันแล้ว
พอปลูกเมล็ดมะม่วงลงไปวันนี้ พรุ่งนี้ยังไม่งอก ผ่านไปเดือนยังไม่โต ผ่านไปปียังไม่ออกดอกผล คนก็เซ็งหนัก แต่ก็ยังไม่แสดงอาการมากนัก

แต่พอได้จังหวะต้นเริ่มโตได้ที่ ก็มีเสี่ยใหญ่คนหนึ่งโดดเข้ามาพร้อมลูกน้องท่าทางภูมิฐานน่าเชื่อถือจำนวนมาก ประกาศตัวอย่างใหญ่โตใช้อิทธฤทธิ์มาร์เก็ตติ้งโฆษณา ว่าจะเนรมิตสวนมะม่วงให้เป็นสวนสวรรค์ได้ในชั่วข้ามคืน คนก็ดีใจถีบหัวส่งนายหัวคนเก่าทิ้ง แล้วแห่แหนเสี่ยผู้ดูแลสวนคนใหม่ไปทั่ว ฝนตกลงมาก็ร่ำลือกันว่าบุญญาธิการต่างๆ นานา

และแล้วอีกไม่กี่วัน มะม่วงก็เริ่มออกดอก...

ทีนี้เห่อกันใหญ่เลย บรรดาลิ่วล้อก็ไม่ยอมทิ้งโอกาส ยกชูเสี่ยขึ้นเป็นผู้วิเศษเจ้าสำนักทันที เกณฑ์ชาวบ้านเอาธูปเทียนดินสอพองมาจุดเจิม เอาผ้าเจ็ดสีเจ็ดศอกหอกเจ็ดสีมาประดับประดา ป่าวประกาศโฆษณาชวนเชื่อกรอกหูชาวบ้านทุกวันทุกคืนว่าท่านผู้วิเศษมาถึงแล้ว เห็นไหมว่าท่านอัศจรรย์แค่ไหน ก้าวเข้ามาไม่กี่วันมะม่วงก็ส่งสัญญาณออกผลแล้ว พวกเราจะไม่ต้องลำบากกันอีกแล้วในชาตินี้

แค่นั้นยังไม่เท่าไหร่ แต่พอมีความขัดแย้งกับคนถิ่นเดิม กับคนของนายหัวกลุ่มเดิมบ้าง พวกลิ่วล้อก็เริ่มออกโจมตีเจ้าของสวนคนเก่าๆ ในอดีต และคนอื่นที่ไม่ลงรอยกันอย่างบ้าเลือด ว่าเห็นมั๊ยไอ้พวกนายหัว กับพวกเจ้าที่ดินศักดินาที่ดูแลสวนกันมาก่อนหน้านี้น่ะมันไม่ได้เรื่องทั้งนั้น แถมไม่เคยจะมีความหวังดีอะไรกับพวกเราเลย พวกมันบริหารดูแลสวนยังไงให้เกือบล่มจม พวกมันเตะถ่วงมะม่วงไว้ไม่ให้ออกดอกออกผลเป็นปีๆ นี่ถ้าท่านเสี่ยผู้วิเศษยังไม่มาทำมะม่วงออกดอกให้เห็น ก็คงดักดานงมงายกับพวกนั้นกันต่อไปล่ะสิ

แล้วก็สร้างเป็นกระแสใหญ่โตวุ่นวายขึ้นทุกที ต่อไปนี้ใครไม่เชื่อฟัง ใครไม่เห็นด้วยกับความคิดของเสี่ยผู้วิเศษ มันผู้นั้นต้องเป็นพวกที่อิจฉาชาวสวนคนอื่นๆ ไม่อยากให้มะม่วงออกผล อยากให้สวนของเราล่มจม หรือไม่ก็ต้องเป็นไส้ศึกของสวนลำไยข้างๆ หรือเป็นพวกของนายหัวเก่าที่หวังจะกลับมาชุบมือเปิบ เป็นพวกนักวิชาการที่เคยแต่ศึกษาเรื่องมะม่วงจากในตำราแต่อ่อนต่อโลกจริงๆ หรือไม่ก็เป็นพวกแก๊งมดแดงที่หากินกับการลักลอบส่งยา ส่งของเถื่อนแฝงใต้ต้นมะม่วง ฯลฯ ทั้งนั้นแหละ

...จนถึงวันนี้ สำนักโดนทลาย เจ้าสำนักเผ่นไปแล้ว แต่ความวุ่นวายที่เขาสร้างไว้ก็ยังอยู่

น่าปวดหัวจริงๆ
บันทึกการเข้า

_______ดังนี้แล
__เปลวไฟจักลุกโชน
___หามีวันดับลงได้
_ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า
ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
kman
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 102


« ตอบ #9 เมื่อ: 04-07-2007, 21:16 »

เท่าที่ทราบ ผลจากยาแรงของนายธารินทร์
คือ
ยาบ้าเต็มเมือง  ปล้นชิงวิ่งราวเต็มไปหมด
อยู่ในบ้านก็มีโจรเข้ามาปล้น ไม่อยู่บ้านก็โดนยกเค้า
หวยเถื่อน มาเฟียวินรุ่งเรือง


อืม...หรือว่าที่ผมว่ามามันไม่เคยเกิดขึ้น หรือเป็นเรื่องจริง
บันทึกการเข้า
eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #10 เมื่อ: 04-07-2007, 23:12 »

ผมก็อยากรู้ เพราะในความจริงที่ปรากฏ ไม่พบว่า รัฐบาล ทรท. ได้ยกเลิก
การกระทำของ คุณธารินทร์ เลย มีแต่การเสริมมาตราการ (และส่วนใหญ่
คือมาตราการหากเงินเข้ากระเป๋าซะมากกว่า)

เราล้มมาครั้งหนึ่งแล้ว สาเหตุคืออะไร แล้วแก้ไขถูกต้องหรือเปล่า ถ้าไม่
เรียนรู้จากข้อผิดพลาด แล้วจะหาทางป้องกัน และการแก้ไขที่ถูกต้องได้
อย่างไรกัน

แล้วทำไม ถึงได้โจมตี คุณธารินทร์ กันมากมาย ทั้งๆ ที่ผู้รับผิดชอบสูงสุด
คือ บิ๊กจิ๋ว กลับแทบไม่ได้รับคำตำหนิเลย แถมมีข่าว ว่าจะเป็นนอมินี เหลี่ยม
ตั้งใจจะมาทำลายประเทศชาติอีกหน


ทำไม "นายธารินทร์" ถึงได้โดนโทษมากกว่า ผู้ที่ทำลายเศรษฐกิจไทย
อย่าง "บิ๊กจิ๋ว" แห่งความหวังใหม่ หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ ทรท ในปัจจุบัน
บันทึกการเข้า
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #11 เมื่อ: 04-07-2007, 23:25 »

คนไทยหูเบาครับ แถมใจร้อน ปั่นกระแสง่าย เพราะไม่ค่อยศึกษาหาข้อมูล

ไอ้เหลี่ยมมันพูดเอาดีตัว เอาชั่วใส่ฝ่ายตรงข้ามมาตลอด นอกจากเรื่องกฎหมายสิบเอ็ดฉบับแล้วก็ยังมีเรื่องราคาน้ำมัน มันหาเสียงตอนตั้งพรรคใหม่ๆ ด่ารัฐบาลปชป.ว่าทำน้ำมันแพง เพราะโง่ไปอ้างอิงราคาตลาดสิงคโปร์ แต่ตัวมันเป็นนายกห้าปี ราคาน้ำมันไทยก็ยังอ้างอิงตลาดสิงคโปร์อยู่ แม้จนกระทั่งทุกวันนี้

ขนากไอ้เหลี่ยมโดนเนรเทศไปเก้าเดือนแล้ว ทุกวันนี้ผมยังสงสัยไม่หายว่าสมัยก่อนคนไทยแห่กันไปลงคะแนนเสียงให้ไอ้ชั่วนี่มาเป็นนายกได้ยังไง ตั้งสองสมัย

Confused    Confused
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #12 เมื่อ: 05-07-2007, 00:06 »

คนไทยหูเบาครับ แถมใจร้อน ปั่นกระแสง่าย เพราะไม่ค่อยศึกษาหาข้อมูล

ไอ้เหลี่ยมมันพูดเอาดีตัว เอาชั่วใส่ฝ่ายตรงข้ามมาตลอด นอกจากเรื่องกฎหมายสิบเอ็ดฉบับแล้วก็ยังมีเรื่องราคาน้ำมัน มันหาเสียงตอนตั้งพรรคใหม่ๆ ด่ารัฐบาลปชป.ว่าทำน้ำมันแพง เพราะโง่ไปอ้างอิงราคาตลาดสิงคโปร์ แต่ตัวมันเป็นนายกห้าปี ราคาน้ำมันไทยก็ยังอ้างอิงตลาดสิงคโปร์อยู่ แม้จนกระทั่งทุกวันนี้

ขนากไอ้เหลี่ยมโดนเนรเทศไปเก้าเดือนแล้ว ทุกวันนี้ผมยังสงสัยไม่หายว่าสมัยก่อนคนไทยแห่กันไปลงคะแนนเสียงให้ไอ้ชั่วนี่มาเป็นนายกได้ยังไง ตั้งสองสมัย

Confused    Confused


ผู้ถือหุ้นบริษัทน้ำมันใหญ่ โดยเฉพาะ ผู้ถือหุ้นบริษัท ปตท.(PTT) จะต้องสำนึกบุญคุณนายกฯเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกที่ ราคาน้ำมันแพงขึ้น  บริษัทยังขายน้ำมันกำไรเพิ่มขึ้นและขายมากขึ้น เพราะรัฐบาลเหลี่ยมฯ ใช้เงินภาษีของประชาชนอุดหนุน ทำให้คนใช้น้ำมันรู้สึกว่า "น้ำมันถูก" กองทุน"อุดหนุน"ยัง"ตัวแดง" จนถึงทุกวันนี้....
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #13 เมื่อ: 05-07-2007, 00:10 »

ผมก็อยากรู้ เพราะในความจริงที่ปรากฏ ไม่พบว่า รัฐบาล ทรท. ได้ยกเลิก
การกระทำของ คุณธารินทร์ เลย มีแต่การเสริมมาตราการ (และส่วนใหญ่
คือมาตราการหากเงินเข้ากระเป๋าซะมากกว่า)

เราล้มมาครั้งหนึ่งแล้ว สาเหตุคืออะไร แล้วแก้ไขถูกต้องหรือเปล่า ถ้าไม่
เรียนรู้จากข้อผิดพลาด แล้วจะหาทางป้องกัน และการแก้ไขที่ถูกต้องได้
อย่างไรกัน

แล้วทำไม ถึงได้โจมตี คุณธารินทร์ กันมากมาย ทั้งๆ ที่ผู้รับผิดชอบสูงสุด
คือ บิ๊กจิ๋ว กลับแทบไม่ได้รับคำตำหนิเลย แถมมีข่าว ว่าจะเป็นนอมินี เหลี่ยม
ตั้งใจจะมาทำลายประเทศชาติอีกหน

ถึงเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก จะเลวแค่ไหน ก็สำนึกบุญคุณ คนที่ทำให้เขา"รวย"ทันตาเห็นจากการ"ลอยตัว" และ "เก็งกำไร".....
ถ้าบิ๊กจิ๋วไม่ประกาศ"ลอยตัว"เงินบาท  ทนง และ โภชิน คงไม่ได้เป็น รัฐมนตรีในรัฐบาลเหลี่ยมฯ หรอก....


ทำไม "นายธารินทร์" ถึงได้โดนโทษมากกว่า ผู้ที่ทำลายเศรษฐกิจไทย
อย่าง "บิ๊กจิ๋ว" แห่งความหวังใหม่ หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ ทรท ในปัจจุบัน
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #14 เมื่อ: 05-07-2007, 00:15 »

เท่าที่ทราบ ผลจากยาแรงของนายธารินทร์
คือ
ยาบ้าเต็มเมือง  ปล้นชิงวิ่งราวเต็มไปหมด
อยู่ในบ้านก็มีโจรเข้ามาปล้น ไม่อยู่บ้านก็โดนยกเค้า
หวยเถื่อน มาเฟียวินรุ่งเรือง

คุณ kman ไม่พูดถึง ฆ่าตัดตอน 2500 ศพ และหวยทักษิณ บ้าง......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
อืม...หรือว่าที่ผมว่ามามันไม่เคยเกิดขึ้น หรือเป็นเรื่องจริง
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 05-07-2007, 04:24 »

เท่าที่ทราบ ผลจากยาแรงของนายธารินทร์
คือ
ยาบ้าเต็มเมือง  ปล้นชิงวิ่งราวเต็มไปหมด
อยู่ในบ้านก็มีโจรเข้ามาปล้น ไม่อยู่บ้านก็โดนยกเค้า
หวยเถื่อน มาเฟียวินรุ่งเรือง


อืม...หรือว่าที่ผมว่ามามันไม่เคยเกิดขึ้น หรือเป็นเรื่องจริง

ผมว่าไม่ใช่ สิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นอาการต่อเนื่องมาจากเศรษฐกิจพังเพราะรัฐบาลชวลิต ที่มีทักษิณนั่งเป็นรองนายก พอเศรษฐกิจพังคนไม่มีเงิน ก็หันไปทำผิดกฏหมาย รัฐบาลชวนที่มารับงานต่อ มีส่วนบกพร่องที่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ดำรงอยู่ แต่ถ้าบอกว่าเป็นต้นเหตุเสียทีเดียวคงไม่ใช่หล่ะครับ  ไฟไหม้หมู่บ้าน คนกำลังเร่งดับไฟ แล้วมีขโมยมายกของไป จะไปโทษคนดับไฟอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องโทษคนทำให้เกิดไฟไหม้
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
morning star
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,119


don't let them make up your mind


« ตอบ #16 เมื่อ: 05-07-2007, 05:34 »

ผมก็คิดเหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีความสามารถพิมพ์ออกมาได้ ได้เห็นกระทู้นี้แล้วขอดันหน่อยก็แล้วกัน (เพราะผมเป็นคนไม่ลืมอะไรง่าย ๆ)
บันทึกการเข้า

อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
stromman
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 526



« ตอบ #17 เมื่อ: 05-07-2007, 12:06 »

หากประเทศต้องตกภายใต้เผด็จการ ของเพียงผู้นำเผด็จการนั้น มุ่งสร้างความอยู่ดีมีสุขโดยมีคุณธรรม ศีลธรรมและประโยชน์สุขของประชาชนทั้งชาติเป็นที่ตั้ง ผมของเลือกฝ่ายเผด็จการ ดีกว่าประชาธิปไตยที่มีฐานเป็นทุนสามานท์ ขายสมบัติชาติ สูบเลือดประชาชนแต่อ้างเสื้อคลุมประชาธิปไตย
"ขายชาติโกงแผ่นดิน ทักษิณ ลงนรกไป"
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 05-07-2007, 20:51 »

ถ้าเมืองไทยยังหลงในจตุคาม มากกว่า คำสอนของพระพุทธองค์

คงต้องเป็นแบบนี้อีกนานครับ

เรื่องของศรัทธา กับคำว่า หลงผิด มันอยู่ใกล้ ๆ กัน

การเมืองไทยก็คงไม่ผิดไปจากนั้นซักเท่าไหร่
บันทึกการเข้า

ภูดิน
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 232


Where the mind is freedom


« ตอบ #19 เมื่อ: 06-07-2007, 13:24 »

แม้ว กับสร้างวิกฤต เสียยิ่งกว่า ปี ๔๐(เศรษฐกิจ)
เพราะเป็นวิกฤตสังคม  จริยธรรม คุณธรรม  ศีลธรรม  การศึกษา   ระบบราชการ ฯลฯ

สังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ คือ  "วิกฤตความคิด --- วิธีคิด มันวิปริตหมดแล้ว"
ตำรวจจราจร ยืนดูคนทำร้ายร่างกายกันหน้าตาเฉย
ครม  อนุมัติ เพื่อสร้างสถานที่ราชการ  ที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่า ใครได้ประโยชน์
ตลาดหุ้นพุ่งสุดขีดในรองสิบปี  ทั้ง ๆ ที่ไม่มีปัจจัยอะไรเลยที่บอกว่า  เศรษฐกิจดี
และ.....
และ....

 
บันทึกการเข้า

The silkworm  weaves  its  cocoon  and  stays  inside, therefore  it is  imprisoned;
the  spider  weaves  its  web  and  stays  outsides, therefore  it  is  free. (chinese proverb)

ตัวไหมชักใยไหม  แล้วอยู่ในรังไข่  จึงถูกจองจำ
แมงมุมชักใยแล้วอยู่ภายนอก  จึงเป็นอิสระ
(กรุณา กุศลาสัย ..."คำคมบ่มชีวิต")
Gun
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 49



« ตอบ #20 เมื่อ: 07-07-2007, 00:05 »

เท่าที่ทราบ ผลจากยาแรงของนายธารินทร์
คือ
ยาบ้าเต็มเมือง  ปล้นชิงวิ่งราวเต็มไปหมด
อยู่ในบ้านก็มีโจรเข้ามาปล้น ไม่อยู่บ้านก็โดนยกเค้า
หวยเถื่อน มาเฟียวินรุ่งเรือง


อืม...หรือว่าที่ผมว่ามามันไม่เคยเกิดขึ้น หรือเป็นเรื่องจริง

ตอนนั้นเศรษฐกิจมันลงเหวไปแล้วครับ
คนตกงานมากมาย อาชญากรรมเยอะขึ้น...ไม่แปลกหรอกครับ

แต่คิดซักนิดนะครับ ว่ามันเกิดขึ้นเพราะใคร รัฐบาลชวน 2 หรือบิ๊กจิ๋วที่มีนายทนงและทักษิณอยู่
กรุณาอ่านคำอธิบายของเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ เผื่ออะไร ๆ มันจะสว่างขึ้นสักนิด

แล้ว 6 ปีของทรท.นี่คนไทยปลอดภัยมากขึ้นเหรอครับ คนธรรมดาต้องอาศัยตู้เย็นเป็นที่หลบกระสุนเนี่ยนะ 

สุดท้ายตู้เย็นอันนั้นนี่ยี่ห้ออะไรครับ เครื่องที่บ้านจะพังแล้ว จะได้ไปซื้อมาเผื่อไว้บ้าง 
บันทึกการเข้า
Augustman
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 364


ศิลปะแห่งชีวิต คือ ทำจิตสงบเย็น


« ตอบ #21 เมื่อ: 08-07-2007, 16:25 »

แวะย้อนกลับมาทบทวนอ่าน ประเด็นนี้

ผมขอกล่าวเพียงสั้นๆว่า....ผมอึดอัดกับการใส่ร้ายท่านนายกชวน และ คุณธารินทร์ อย่างไม่เป็นธรรม..มานานแล้วครับ

อีกฝ่ายผมหมายถึงรัฐบาลบิกจิ๋ว+ทนง+แม้ว และลิ่วล้อลูกหาบ  ทำบ้านเมืองพัง  เหมือนคนตกเหวลึก

รัฐบาลนายกชวนช่วยกันฉุดจนใกล้จะพ้นเหว  แต่กลับถูกใส่ร้ายด่าทออย่างไม่เป็นธรรม....ครับ

จึงเห็นด้วยกับคุณ 5555 ครับผม



ในตอนปี 40 ที่รัฐบาลชวนเค้ามารับงานหลัง การเซ็นต์สัญญากับ IMF โดยนายทนง พิทยะ  ในช่วง รัฐบาลชวลิต นับว่า เป็นช่วงที่เราตกต่ำแบบสุด ๆ จริง ๆ ครับ.......นายชวน ต้องเข้าพาทีมงานเข้ามารักษา คนที่ใกล้ตายแล้ว

รัฐบาลชวลิต โดยนายทรง พิทยะ ได้สั่งปิดสถาบันการเงินชั่วคราว สองครั้ง รวม 58 แห่ง แต่ต่อมาสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ 2 แห่ง แต่ยังคงเหลือ 56 แห่งที่ถูกปิดตาย ในที่สุด

ในครั้งรัฐบาลชวลิต ได้เป็นการปิดชั่วคราว โดย ยังคงปล่อยให้มีการบริหารจัดการกันเองได้ตามความจำเป็น จึงเป็นการเปิดช่องให้ บรรดาผู้บริหารสถานบันการเงินเหล่านั้นได้มีโอกาส ยักย้ายถ่ายเทเงิน ได้อีกระยะ หนึ่ง เป็นการเร่งปฏิกริยา ดิ่งลงเหวของเศรษฐกิจทางหนึ่ง...ดังที่เห็นตัวอย่าง กรณี ปิ่น จักกะพาด และ คนอื่น ๆ อีกหลายคน.......แต่ต่อมานายธารินทร์ ได้สั่งปิดเป็นการถาวร และ ส่งเจ้าหน้าที่แบ็งค์ชาติ เข้าแทรกแซงการบริหาร เพื่อหยุดการยักย้ายถ่ายเทเงิน ดังกล่าว

เมื่อนายทนง สั่งปิดสถาบันการเงินครั้งแรก (ถ้าจำไม่ผิด 16 แห่ง) รัฐบาลชวลิต ในครั้งนั้น ได้ประกาศยืนยัน หนักแน่นว่าจะไม่มีการปิดเพิ่ม อย่างแน่นอน ........ แต่ในที่สุด ก็ได้มีการสั่งปิดเพิ่มอีก 52 แห่ง เป็นการทำลายความเชื่อมั่น ต่อสถาบันการเงิน ทั้งระบบ จนหมดสิ้น..........หลังจากนั้น บรรดาผู้ฝากเงินทั้งหลายแหล่ ที่ขาดความเชื่อมั่น เริ่มแห่กันถอนเงินออก จากบรรดา สถาบันการเงิน เพื่อย้ายออกไปฝากในธนาคารใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมให้ บรรดาสถาบันการเงินหลายแห่งต้องได้รับผลกระทบตามไปด้วย เครดิตไลน์ต่าง ๆ ทั้งสถาบันการเงิน รวมทั้ง ธุรกิจต่อธุรกิจ ถูกตัดขาดจนหมดสิ้น ความเชื่อถือต่อกันในวงธุรกิจหมดไป  วงเงินที่เคยได้รับจากธนาคาร หรือ สถาบันการเงินอื่น ๆ ถูกตัด หรือ ลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นการเร่ง NPL



1. 5-6 ปีที่รัฐบาลทักษิณบริหารประเทศ ได้"กรอกหู" คนไทยว่ารัฐบาลชวน หลีกภัย ล้มเหลวในการบริหารบ้านเมือง ทำให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่กว่าเดิม รัฐบาลของเขา"กู้ชาติ" ให้ดีขึ้นมีเงินสำรองประเทศถึง 4-50,000 ล้านดอลล่าร์( รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ได้ทำอะไร มีเงินสำรองกว่า 80,000ล้านดอลล่าร์.... )
ในจำนวน 4-5 หมื่นล้าน ได้รวมเอาเงิน ทุนสำรองที่เกิดจากการซื้อล่วงหน้าของแบ็งค์ชาติ แปดแสนล้านบาท หรือกว่านั้น (กว่า สองหมื่นล้านดอลล่าห์)ทักษิณ ไม่ได้บอกไว้ ฮ่า ฮ่า ขี้โม้จริง ๆ

2. รัฐบาลชวน หลีกภัย ได้นำคนไข้(เศรษฐกิจไทย)เข้าห้อง"ไอซียู" เพื่อรักษา ผ่าตัด"เนื้องอก" และสามารถนำออกจากห้อง"ไอซียู" อยู่ในห้องพักฟื้นเพื่อรักษาต่อไป แต่คนไทยเจ้าของไข้ไม่ต้องให้อยู่ห้องพักฟื้น ต้องการให้ออกจากห้องพักฟื้นเพื่อกลับบ้านไปใช้ชีวิตปกติทันที ซึ่งรัฐบาลชวน หลีกภัย และธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ไม่สามารถ"จัดให้"ทันทีได้ จึงไม่ได้รับความนิยมและสนับสนุนให้เป็นรัฐบาลต่อไปอีก....

ถ้าเพียงแต่ รัฐบาลทักษิณ ไม่ใช้นโยบายทางการตลาดป้ายสี รัฐบาลชวน ประชาชน จำนวนมากจะเข้าใจ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่มีสาเหตุมาจากวิกฤติเศรษฐกิจ ที่รุนแรงขนาดนั้น ย่อมมีความยากลำบากที่จะให้ทันใจผู้คนได้  รัฐบาลชวนได้เข้ามาปรับโครงสร้าง เศรษฐกิจจนมั่นคง พร้อมที่จะเดินต่อไปได้แล้ว ......เราออกจากเหวแล้วครับ หลังรัฐบาลชวน

3. 5-6 ปีที่ทักษิณมีอำนาจบริหารประเทศ ไม่เคยมีความคิดจะยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงพรบ."ขายชาติ" 11 ฉบับ(ที่กล่าวหารัฐบาลชวน หลีกภัย"ขายชาติ) ไม่ให้"ขายชาติ"ตามความหมายของเขา  แต่ฉวยโอกาส"แก้ไข"ให้เป็นประโยชน์ในการฉ้อราษฎร์บังหลวง และทุจริตทางนโยบายตลอดเวลา......

ในช่วงที่รัฐบาลชวนเข้ามารับงานต่อ คงไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะเราไม่มีเม็ดเงิน หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ ....คนรวย เก็บเงิน กินดอกเบี้ย ไม่เอาออกมาใช้....คนจนไม่มีเงิน  ...ในช่วงนั้นเราต้องการเม็ดเงินใหม่ ๆ เพื่อเข้ามาต่อลมหายใจเศรษฐกิจ...จึงจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ต่างชาติ นำเงินเข้ามาลงทุน ผมเข้าใจว่าว่า บางเงื่อนไขของ พรบ.11 ฉบับ อาจมีการเซ็นต์กันไว้ ใน LOI ฉบับที่ 1 ที่เซ็นต์โดย นายทนง พิทยะ .....พรรคไทยรักไทย ได้ออกมาโจมตีอย่างรุนแรง ว่าเป็น พรบ.ขายชาติ แต่ท้ายที่สุดแล้ว นายทักษิณ ได้แก้กฏหมายให้ขายชาติกว่า ในกรณี การถือครองหุ้นต่างชาติ ในธุรกิจโทรคมนาคม

4. 5-6 ปีที่ผ่านมาเช่นกันที่ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ไม่มีโอกาสชี้แจงรายละเอียด เพราะรัฐบาลได้ปิดกั้นสื่อฯ รวมทั้งมี"ลูกขุนพลอยพยัก" เช่น สนธิ ลิ้มทองกุล "หมัก-หน้าจืด" และ "หน้าดำ-หน้าขาว" ผู้จัดรายการยูบี 7ของเจ้าสัวฯ(วันนี้"หน้าขาว"ได้ร่วมจัดรายการยามเฝ้าแผ่นดินของสนธิ ลิ้มฯ) เป็นโฆษกนอกทำเนียบที่ปกป้อง แก้ตัว ใส่ความพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านในสภา.....


อย่าว่าแต่นายธารินทร์ จะได้ออกมาชี้แจง เลยครับ  ในรอบ 5-6 ปี ของรัฐบาลทักษิณ ผมเห็นหน้านายชวน หลีกภัย ตามหน้าที่วี ถีง 10 ครั้งหรือปล่าว ก็ไม่รู้ครับ 


พูดถึงเรื่อง ค่าเงินบาท  .......ในสมัยรัฐบาลชวน ได้ทำสิ่งหนึ่งที่เป็นคุณต่อประเทศในปัจจุบัน...คือ การที่นายธารินทร์ ได้ออกกฏหมายให้ แบ็งค์ชาติ เป็นอิสสระต่อการเมือง
ผมได้เห็นข่าวเล็ก เมื่อ สองเดือนก่อน ว่า รมต.คลัง จะแก้กฏหมายใหม่ให้ รมต.คลัง เป็นผู้ควบคุมแบ็งค์ชาติ  ....ผมหวังว่าจะไม่ผ่านกฏหมายดังกล่าวน๊ะครับ..........

ลองคิดดู หากแบ็งค์ชาติ ได้รับคำสั่งให้คุณทักษิณ โอนเงินทั้งหมดในการขายหุ้นชิน ฯ รวมทั้งเงินที่ซุกเอาไว้ ออกไปได้ อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยหนอ?

บันทึกการเข้า

Augustman
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #22 เมื่อ: 14-07-2007, 22:39 »

จาก "5นาที ในร้านน้ำชา" ถึง บทสัมภาษณ์ของ อาจารย์จุฬา ใครกันแน่ใช้หนี้ IMF

............................บังเอิญ ไปอ่านกระทู้ "5ปีที่เชื่อทักษิณ กับ 5 นาทีในร้านน้ำชา" http://weboard.mthai.com/5/2007-01-17/296384.html ............อยากจะบอกว่า.................แค่ฟังคน ไม่กี่คน มันไม่พอหรอกครับ

................ แต่วันนี้ เพื่อให้คนไทย ได้หูตาสว่างกันจริงๆ วันนี้ผมขออนุญาต นำบทความ บทให้สัมภาษณ์ ของ
รศ. ดร. สมภพ มานะรังสรรค์ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เคย ให้สัมภาษณ์ไว้ใน คอลัมภ์ สกู๊ป หน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เมื่อ หลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา เพียงไม่กี่วัน
.

........................บทให้สัมภาษณ์มีอยู่ว่า

....................... คนไทยหลายส่วนยังเชื่อกันว่า รัฐบาล ทักษิณ มีฝีไม้ลายมือในการบิรหารเศรษฐกิจ ผลงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ ก็คือ ทำให้ประเทศชาติร่ำรวย มีเงินไปใช้หนี้ IMF ได้หมด
...................ประเทศชาติขาด ทักษิณ ไปซะคน เศรษฐกิจไทยจะไม่ย่ำแย่หรืออย่างไร

......................."การปฏิวัติ รัฐประหารที่เกิดขึ้น แน่นอน ย่อมต้องส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่ถ้าพิจารณาให้ดีแล้ว รัฐประหารน่าจะส่งผลดีมากกว่าผลเสีย"

..............เป็นคำสรุปสั้นๆจาก รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

................ประเด็น ประเทศไทยขาดผู้นำที่กอบกู้วิกฤติ IMF แล้วเศรษฐกิจจะแย่ .......... ดร.สมภพ บอกว่า การปลดหนี้ IMF ไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลทักษิณ แต่เป็นผลงานที่เกิดจากความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล นายชวน หลีกภัย มากกว่า

...............  รัฐบาลทักษิณ เป็นแค่พียงมาชุบมือเปิบ เอามาอวดโชว์ว่าเป็นผลงานของตัวเอง

................นักเศรษฐศาสตร์ จากรั้วจามจุรีชี้หลักฐานให้ดูตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ ของประเทศไทย ตั้งแต่ ปี 2540 จนถึง ปีปลดหนี้ IMF

..............ปี 2540 เริ่มเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง เศรษฐกิจไทยเติบโตติดลบ 1.8 %

..............ปี 2541 รัฐบาลชวน 2 เข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่วิกฤติเศรษฐกิจออกอาการหนักพอดี จนต้องกู้ IMF เศรษฐกิจโตติดลบ 10.4 %

...............ปี 2542 เศรษฐกิจเริ่มเงยหัวมาอยู่ในแดนบวก เติบโต 4.4 % และ 2543 โต 4.6 %

.............ปี 2544 ทักษิณเข้ามาบริหารประเทศ เศรษฐกิจเติบโตลดลงเหลือ 1.8 % ปี 2545 ปลดหนี้ IMF เศรษฐกิจโต 5.6 %

.............."จะเห็นว่า รัฐบาลชวน 2 บริหารเศรษฐกิจไว้ดี กอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจให้ตั้งหลักขึ้นมาได้ หารายได้เข้าประเทศเก็บเงินสะสมไว้มาก รัฐบาลทักษิณถึงมีเงินตราต่างประเทศไปจ่ายหนี้ IMF ได้

.............ฉะนั้น จะมาอ้างว่า เป็นผลงานของรัฐบาลทักษิณ คนเดียวไม่ได้ ต้องให้เครดิตรัฐบาล ชวน 2 ด้วยถึงจะถูกต้อง "

............ส่วนการรัฐประหาร จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมากกว่าผลเสียนั้น ดร.สมภพ ชี้ว่า ผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกินั้น ถ้าว่าไปแล้ว รัฐประหารไม่ใช่ตัวการสำคัญ แต่หากเกิดจากเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศที่เกิดมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า

.............."ที่ผ่านมา เหตุการณ์ประท้วง ชุมนุมทางการเมือง บวกผสมกับเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ และกรณีคาร์บอมบ์ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยไม่ดีในสายตาชาวโลก
....สำนักข่าวต่างประเทศก็ให้ความสนใจที่จะติดตามรายงานข่าวในประเทศไทยมาตลอด .พอเกิดการรัฐประหาร ก็เลยยิ่งรายงานข่าวกันไปในทางไม่ดี เลยทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายมากขึ้น

............แต่ผลกระทบ คงมีในระยะสั้น ๆ เพราะนักลงทุนหน้าเดิมๆ นักท่องเที่ยวคุ้นเคยกับ ประเพณีการเมืองแบบไทยๆ การรัฐประหารจะไม่ส่งผลกระทบเลย ยังคงลงทุนเหมือนเดิมและอาจจะเพิ่มมากขึ้น ...................

............นักลงทุนกลุ่มนี้รู้ดีว่า การรัฐประหารในประเทศไทยนั้นเป็นอย่างไร ยิ่งนักข่าวต่างชาติเห็นการรัฐประหารในไทยแล้วก็ งง ที่คนไทยแสดงความดีใจ มอบดอกไม้ ซื้ออาหารมาแจกเลี้ยงทหาร ถ่ายรูปกับรถถังแบบกันเอง จุดนี้ น่าจะผ่อนคลายความกังวลให้กับนักท่องเที่ยว และนักลงทุนได้ระดับหนึ่ง
****************************************************

............................ส่วนผลกระทบด้านดีต่อเศรษฐกิจ ดร.สมภพ บอกว่า เป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะได้ปรับความสมดุลของระบบเศรษฐกิจเสียที

................."การบริหารเศรษฐกิจ ของรัฐบาลทักษิณ ที่ผ่านมา 5 ปี ได้ทำให้ระบบเศรษฐกิจ ไทยบิดเบี้ยวขาดความสมดุลเป็นอย่างมาก และถ้า ไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้น อีกไม่เกิน 1 ปี เศรษฐกิจประเทศจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติเหมือนเมื่อปี 2540 "

................เนื่องจากรัฐบาลทักษิณ พึ่งพาการส่งออกมากจนเกินไป ถึง 70 % ในขณะที่ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยพึ่งการส่งออกเพียง 40 - 50 % เท่านั้น การพึ่งพาการส่งออกมาก ดูผิวเผินน่าจะเป็นเรื่องดี แต่นักเศรษฐศาสตร์ มองว่า อันตราย เนื่องจาก ขณะนี้ เกิดวิกฤติพลังงานไปทั่วโลก และประเทศไทย ไม่ได้เป็นผู้ผลิตเพื่อส่งออกประเทศเดียว ...............
.........
.............."ตอนนี้ ในตลาดโลก เรามีคู่แข่งเกิดขึ้นมากมาย อย่าง จีน อินเดีย เวียดนาม จำนวนคู่แข่งก็มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้โอกาสที่เราจะขายสินค้าได้น้อยลง และเมื่อบวกกับวิกฤติพลังงาน ทำให้หลายประเทศมีอำนาจซื้อน้อยลง

............ถ้ายังบริหารเศรษฐกิจในแบบพึ่งพาการส่งออกอย่างนี้ ต่างชาติมีอำนาจซื้อน้อยลง คู่แข่งมากขึ้น เกิดปัญหาเราขายสินค้าสู้คู่แข่งไม่ได้ การส่งออกจะลากพาให้ประเทศเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ "

................นอกจากนั้น เศรษฐกิจภาคการบริโภคในประเทศ ก็เกิดการบิดเบี้ยวต่างกัน

............นโยบายสารพัดประชานิยม ของทักษิณ ได้ทำให้ภาคการบริโภคของคนไทย บิดเบี้ยว จากเดิมที่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 เน้นพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียง ด้วยสโลแกน ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง

...........แต่พอถึง แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 ทักษิณเข้ามาบริหารประเทศไม่มีการสานต่อเศรษฐกิจพอเพียง หันไปใช้การพัฒนาในรูปแบบแจกเงิน เศรษฐกิจภาคการบริโภคเลยเข้าสู่ "เศรษฐกิจแบบวณิพก" พึ่งพาเงินให้ทานจากรัฐบาลอย่างเดียว

..................."การนำเงินไปให้ชาวบ้าน ช่วยคนยากจน ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ต้องเป็นแบบช่วยให้ชาวบ้านพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน คือ ให้เบ็ดตกปลา ให้แห เพื่อให้ชาวบ้านทำมาหากินได้ แต่ทักษิณ กลับใช้วิธีลัด ไม่ให้เบ็ด ไม่ให้แห แต่เอาปลามาให้ชาวบ้านกินเลย ชาวบ้านก็กินกันเพลินจนเคยตัว หาจับปลากินเองไม่ได้ รอแต่ปลาแจกจากทักษิณ "

...............ดร. สมภพ อธิบายเปรียบเปรยเศรษฐกิจแบบวณิพกของรัฐบาลทักษิณ ที่ทุ่มเงินลงส่งผลให้ชาวบ้านใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย และรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลตลอด เพราะเชื่อว่า ถ้าให้คะแนนเสียงไป ยังไงรัฐบาลก็จะเอาเงินมาให้

.............สิ่งนี้ไม่เพียงจะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจเท่านั้น ยังสร้างความเสียหายด้านสังคมมากมายมหาศาล

..........  "ในยุคของ รัฐบาลทักษิณ เรามักจะได้ยินข่าวเด็กและเยาวชน ก่ออาชญากรรมมากขึ้น ทั้ง ฉกชิงวิ่งราว ขายตัว ฯ สาเหตุก็มาจากการแจกเงินเพื่อกระตุ้นสให้คนบริโภคจนเคยตัว

.................ได้งินจากรัฐบาลแทนที่จะเอาเงินมาลงทุน แต่กลับไปซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ซื้อมอเตอร์ไซด์ ซื้อโทรศัพท์มือถือ ทำให้เกิดแฟชั่นระบาดไปทั่ว เห็นเพื่อนมี ก็อยากได้ คนไม่มีก็ขวนขวาย ลักวิ่งชิงปล้น หรือไม่ก็ขายตัว เพื่อได้เงินมาซื้อสิ่งเหล่านี้

.............. และที่สำคัญ เงินที่นำไปใช้สารพัดโครงการประชานิยมของรัฐบาลทักษิณ ในที่สุดก็หมุนวนกลับเข้าสู่กระเป๋าบริษัทใหญ่ในเครือผู้มีอำนาจ เป็นส่วนใหญ่

.................5 ปีที่ผ่านมาของทักษิณ มีตัวเลขจีดีพี โชว์ให้เห็นว่า เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น แต่คนไทยเป็นหนี้เพิ่ม เหตุเพราะการบิรหารเศรษฐกิจของทักษิณ ได้ทำให้สังคมไทยเกิดสภาพ รวยกระจุก จนกระจาย รวยเป็นหย่อมๆ เฉพาะกลุ่มคนที่อยู่ในเครือข่ายใกล้ชิด ส่วนคนจนมีกระจายอยู่ทั่วไทย

............... ด้วยเหตุเหล่านี้ ดร.สมภพ จึงมั่นใจว่า รัฐประหาร แม้จะสร้างผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจบ้าง แต่ก็ยังดีกว่า ปล่อยให้ทักษิณ เครือญาติและบริวาร บริหารประเทศไทยต่อไป ..

....................................จบ........คำให้สัมภาษณ์ ...............................................


..............ความเห็น : ก็น่าจะจริงครับ ........... ช่วงที่ทักษิณ บริหารประเทศ แม้แต่พวกนักเล่นหุ้นเอง รู้มั๊ย ว่าเขากลัวอะไร ..............ผมเคยคุยกับ ผู้เชียวชาญการลงทุนในตลาดหุ้น แนวVI ที่มีชื่อเสียงมากๆท่านหนึ่ง เขาบอกว่า ในยุคทักษิณ สิ่งที่นักลงทุนกลัวมากที่สุด ก็คือ "ปัญหาหนี้สินระดับรากหญ้า" ถ้า ปัญหานี้ ระเบิดออกมา มันจะพังยิ่งกว่า ยุค วิกฤติปี 2540 ........

...................แล้ว ทักษิณ นั้น ยังทำผิดพลาด ประการหนึ่ง คือ การใช้หนี้เร็วเกินไป ทำให้ต้องเสียค่าปรับ ที่แพง บวกกับ ค่าเงินในขณะนั้น ยังอ่อนมาก ถ้าหากชะลอการจ่ายหนี้ให้ช้าออกไปหน่อย นอกจากจะไม่ต้องเสียค่าปรับแล้ว ยัง สามารถใช้หนี้คืนในอัตราค่าเงินบาท ที่แข็งค่าขึ้น ตลอดทำให้ สามารถประหยัดไปได้อีกเยอะกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายอีก


.............. ปล.สำหรับ หนังสือบทวิเคราะห์หุ้นที่บอกว่ามีข้อมูลบ่งชี้ว่า รัฐบาล ชวน 2 วางรากฐานไว้ดี ก่อนทักษิณจะเข้ามา เป็นหนังสือบทวิเคราะห์หุ้น เล่ม หน้าปกสี ออกม่วงๆ ที่บริษัทโบรกเกอร์สัญชาติไทย โบรกฯหนึ่ง พิมพ์ แจกในงานสัมมนานักลงทุนในตลาดหุ้น งานหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะเกิดรัฐประหาร เพียงไม่กี่วัน ใช่มั๊ยครับ .
โดย : Love (Guest !)
อีเมล์ : Xiao_@thaimail.com
วันที่ : 2007-01-19 20:20:46


http://webboard.mthai.com/5/2007-01-19/296804.html



รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สรุปว่า "การปฏิวัติ รัฐประหารที่เกิดขึ้น แน่นอน ย่อมต้องส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่ถ้าพิจารณาให้ดีแล้ว รัฐประหารน่าจะส่งผลดีมากกว่าผลเสีย"

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: