'สพรั่ง' อัด 'วุฒิพงษ์' ไร้จรรยาบรรณ ปูดซื้อเครื่องมือเพื่อความมั่นคง 22 มิถุนายน พ.ศ. 2550 17:05:00 "พล.อ.สพรั่ง" ระบุ "วุฒิพงษ์" ปูดซื้อเครื่องมืออิเลคโทรนิคเพื่อความมั่นคง
ไร้จรรยาบรรณ
แจงเหตุปลด เพราะไปชี้แจงที่ภาคใต้ว่า "รมว.ไอซีที" ขัดขวางนโยบาย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบทบ. และประธานคณะ
กรรมการบริหารบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการปลดนายวุฒิพงษ์
เพรียบจริยวัฒน์ ออกจากตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที ว่า เพราะ
นายวุฒิพงษ์ เดินสายไปพบปะพนักงานทีโอทีในพื้นที่ภาคใต้ และมีการชี้แจงในการ
ดำเนินการตามโครงการต่างๆ แต่มีการพาดพิงนายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.ไอซีที
ว่าขัดขวางนโยบาย
พร้อมทั้งใช้คำที่ประชดประชันกัน ลักษณะที่ว่า พร้อมข้ามศพกัน ซึ่งเป็นความ
เข้าใจผิดของนายวุฒิพงษ์ เมื่อความไปถึง รมว.ไอซีที ท่านก็เสียใจมาก ก็ได้สั่ง
ประชุมฉุกเฉินเพื่อสอบข้อเท็จจริง เจ้าตัวก็รับว่าเป็นผู้พูด แต่ยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเอง
พูดไม่มีอะไรที่ผิด
พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า โดยมารยาทแล้ว เมืองไทยมีข้อแตกต่างจากสังคมตะวันตก
ที่ผู้มีความรู้แสดงความคิดเห็นไม่แคร์ต่อความรู้สึกใครหรือเอาเหตุผลเป็นที่ตั้ง ที่จริง
เหตุผลก็สำคัญ แต่ต้องมีมารยาท ฝรั่งก็มีมารยาท ไทยก็มีมารยาท ถ้าเรามีผู้อาวุโส
ผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชา
ไม่ควรก้าวล่วง หรือขาดสัมมาคารวะ ตนชี้แจงกันตรงไปตรงมา
ในที่ประชุมว่า ประเพณีไทยถ้าก้าวล่วงโดยไม่ตั้งใจ ก็ต้องขออภัย แล้วก็ต้องแสดง
สปิริตให้ลาออกจากรักษาการผู้จัดการใหญ่
แต่เจ้าตัวไม่ยอม ก็เลยมีการประชุมอีกครั้งหนึ่ง และตนก็ได้แจ้งมติบอร์ดว่า ต้องให้
นายวุฒิพงษ์ ลาออกจากการทำหน้าที่ เมื่อแจ้งมติบอร์ดให้นายวุฒิพงษ์ทราบ เขาก็
ไปบอกกับที่ประชุมว่า ขอให้ปลดเขา
ผมก็บอกว่าผมเป็นคนสนับสนุนให้คุณเข้ามาเป็นกรรมการบอร์ด และสนับสนุนให้คุณ
ให้มีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถในการแสดงออกในเวทีการเมืองทางรัฐสภา และ
ในเวทีของรัฐวิสาหกิจ เพราะทราบว่ามีความรู้ และมีประวัติการศึกษาดี แต่เมื่อผมทำ
หน้าที่ที่ ทีโอที ผมก็เหมือนนักบินไฟทเตอร์ แม้ผู้โดยสารจะเป็นคนที่รักชอบพอกัน
ผิดกติกา ก็ต้องขอให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องบิน โดยการให้เกียรติ เพราะผมไม่มีอะไร
กับวุฒิพงษ์ และผมก็เชิญเขาเข้ามา ก็บอกว่าอยากให้น้องมีเกียรติเดินลงจากเวที เมื่อ
น้องบอกให้ปลด ผมบอกไม่ได้ คุณไปนับหนึ่งถึงร้อยใหม่ และบอกผมกับคุณไม่มีเรื่อง
อะไรกัน เมื่อเขายืนยันเช่นนั้น ผมก็บอกว่าได้โอกาสสองครั้ง ผมก็บอกว่าถ้าอย่างนั้น
ก็รับทราบมติบอร์ดว่า ปลดคุณวุฒิพงษ์ นี่คือสาเหตุที่แท้จริงไม่มีประเด็นอื่น พล.อ.
สพรั่ง กล่าว
ส่วนที่ระบุว่านายวุฒิพงษ์ ขวางโครงการจัดซื้อเครื่องมืออิเลคโทรนิคของกระทรวง
ไอซีทีนั้น ประธานบอร์ด ทีโอที กล่าวว่า นายวุฒิพงษ์ไม่ได้ขวางในที่ประชุม เขาทิ้ง
ท้ายเหมือนกับการแปรญัตติว่าเมื่อมีการเสนอการขอรับสนับสนุนของหน่วยงานต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น
การทอดกฐิน หรือทอดผ้าป่า มันมีมานานแล้วที่องค์กรไหนที่มีศักยภาพ
ในการบริจาค หรือ สนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ในปีนั้นๆ ในแต่ละปี ทั้งเรื่องการเมือง
สังคม
ความมั่นคง เศรษฐกิจ เป็นเรื่องปกติ บอร์ดที่ประชุมก็อนุมัติ การที่เขาบอกว่า
ปลด เพราะเหตุการขอรับการสนับสนุนนั้น ไม่ใช่ประเด็น แต่ต้องการอะไรบางอย่าง
ที่เบื้องลึกเบื้องหลัง ตนจะบอกว่าไม่ชอบการแบล็คเมล์
สมมุติว่าเขามีความขัดแย้งกับกรรมการบางคน แต่ไม่ได้ขัดแย้งกับผม เพราะ
ผมเป็น
ผู้ให้เขาเข้ามาจะขัดแย้งไม่ได้ แทนที่จะบอกว่าการที่ผมไม่ชอบปากอย่างใจอย่าง
และปฏิบัติอีกอย่าง แล้วการประชุมเป็นการประชุมลับ จรรยาบรรณ การรักษาความ
ปลอดภัยบุคคลที่มาทำหน้าที่ เมื่อการประชุมที่กำหนดให้เป็นความลับนั้น ไม่ใช่ลี้ลับ
ไม่เร้นลับ ไม่ใช่ลับๆ ล่อๆ หมายความว่าเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเฉพาะบุคคลที่ควร
ทราบ เพราะบางอย่างเป็นเรื่องของประเด็นที่กระทบต่อ
ความมั่นคง ถ้าพูดเรื่อง
ความ
มั่นคงทุกคนต้องสละความเห็นส่วนตัว เหมือนเวลาที่เรียกระดมพลเพื่อมารับใช้ชาติ
แต่เมื่ออยู่ในช่วงฮันนีมูนก็ต้องไป จะมาบอกว่าประเทศชาติรบกวนสิทธิเสรีภาพ ความ
สุขส่วนตัวได้อย่างไร นี่คือสำนึกที่ดีของพลเมืองทุกชาติ
ความมั่นคงอย่าเอามาเป็น
เรื่องต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น สมมุติจะหนีทหารไม่ใช่เราจะบอกว่ากองทัพมันแย่มาก เอา
ทหารไปฝึกเสียโหด***มทารุณ ออกข่าวอย่างนี้เพื่อให้ตัวเองดูดี หรือการหนีทหาร
แล้วดูดีนั้น ผมคิดว่าสังคมไทยต้องยกระดับ ต่อไปนี้ใครหนีทหาร หนีภาษี ทำหน้าที่
ของผู้แทนปวงชนไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น
เราต้องคำนึงถึงเรื่องความมั่นคงอยู่ทุกอณูเหมือนประเทศที่เขาเป็นอภิมหาอำนาจที่เจริญแล้ว พล.อ.สพรั่ง กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่านายวุฒิพงษ์เอาความลับที่ประชุมมาเปิดเผยถือว่าไม่เหมาะ-
สม ใช่หรือไม่ ประธานทีโอที กล่าวว่า ในแง่ของจรรยาบรรณ ในแง่มารยาท ในแง่
ความจงรักภักดี ไม่ได้เลย มันจะกระทบ
ความมั่นคงมาก อย่างที่บอกว่าโครงการต่างๆ
ของเราไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่มีเปอร์เซ็นต์ ไม่มีกิจกรรมนอกลู่นอกทาง ทุกอย่างเพื่อ
ความมั่นคง และรัฐวิสาหกิจเดิมเป็นเรื่องการดูแลสาธารณูปโภคก็จริง แต่บางอย่าง
เป็นสาธารณูปโภคที่เสริม
ความมั่นคง เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจ แล้วไปตะแบงพูดว่า
เป็นใบสั่ง แต่ที่จริงคือกระทรวงการคลัง แต่การแตกรูป แปรสภาพ เป็นเรื่องของวัตถุ-
ประสงค์ที่พัฒนากันมา แต่อย่างไรก็ตาม รัฐ คือกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นกระเป๋าเงิน
ของกระทรวง ทบวง กรม ด้วยเหตุผลนี้แล้ว วุฒิภาวะของคนที่ออกมาต้องมีจรรยา-
บรรณ อย่างที่ตนบอกว่าจะทะเลาะกับใคร ไม่ชอบคน แต่อย่าเอาสถาบัน อย่าเอา
ความลับของชาติมาเปิดเผยให้ตัวเองอยู่รอด อย่างนี้ใช้ไม่ได้เลย สังคมให้ที่อยู่ไม่ได้
เลย หากเขาแจกข่าวอย่างนั้นจริง
ก่อนออกจากห้องประชุมเขามากราบขอบคุณพี่สพรั่ง ผมเป็นคนที่ให้อภัย และไม่
เคยคิดว่าเรื่องการลงทัณฑ์ แล้วจะโกรธกันไปเลย เมื่อตอนที่ลงโทษลูกน้องพอออก
จากห้องขังมาก็เหมือนเดิม ปีหน้าทำดีก็ให้สองขั้นเลย โอกาสเลื่อนฐานะมีก็ให้ แต่
ถ้ามีคนที่เก่งกว่าต้องรอก่อน เราไม่เอาเรื่องความหลังมาย่ำยีกันตลอดเพราะฉะนั้น
ผมแปลกใจมาก คิดว่าทำงานกับคนที่เราคิดว่ามีการศึกษา มีประวัติการศึกษาดี ผม
ไม่รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน แต่เรามารู้จักกันในช่วงวิกฤติของชาติ ก็เชิญเขาเข้ามา
ประธานทีโอที กล่าว
เมื่อถามว่า นายวุฒิพงษ์ กล่าวว่าท่านเป็นคนของบประมาณเองใช่หรือไม่ พล.อ.สพรั่ง
กล่าวว่า หน่วยในกองทัพบกรายงานขึ้นมา ก็เป็นการขอสนับสนุนทั่วไปในยามที่ต้อง-
การรับการสนับสนุนจากหน่วยงานตามที่มีศักยภาพ แทนที่จะมีการ
ทอดกฐิน ทอดผ้า-
ป่ากัน เหมือนตอนสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 คนไทยทั้งประเทศบริจาคเงินซื้อเรือดำน้ำ
ไม่เห็นมีคนถามว่าซื้อทำไม แม้แต่ชาวไร่ ชาวนา เด็กๆ ขุนนาง ช่วยบริจาคเงินช่วย
กองทัพไทย ผู้สื่อข่าวซักว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการบีบให้นายวุฒิพงษ์ลาออกใช่หรือไม่ พล.อ.สพรั่ง
กล่าวว่า ถ้าจะบีบ เรื่องอื่นบีบได้เยอะแยะ ก็ตนเป็นคนเสนอให้เป็นรักษากรรมการ
ผู้จัดการใหญ่ เรื่องนี้ไม่ควรถามตน ต้องถามเขาว่าทำไมคิดได้อย่างนี้ สื่อก็มักถามว่า
เวลาทหารเข้าไปในพื้นที่การรบ เวลาเขาทำ***มโหดกับเรา ไม่ต้องถามว่าทำไม
พลาดท่าเสียที แทนที่จะบอกว่าโหด***มผิดมนุษย์มนา พวกเราต้องช่วยกันแสดง
ออกว่าแม้จะเป็นการผิดพลาดของกองทัพเรา แม้จะมีอะไรที่เราต้องแก้ไข แต่สิ่งที่
ควรประณามคนแรกคือคนเลว คนที่คิดร้ายต่อแผ่นดิน มาตุภูมิ น่าจะโดนประณาม
เมื่อถามว่า จะนำไปซื้ออุปกรณ์อิเลคโทรนิคใดบ้าง พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ถ้าถามเรื่อง
สงครามอิเลคโทรนิค สงครามต่อต้านการก่อการร้ายหรือ สงครามที่เกี่ยวข้องกับวัตถุ
ทำลายล้าง เราไม่ควรเปิดเผยให้ข้าศึกรู้ เพราะฉะนั้น นักข่าวควรไปเรียนหลักสูตรทาง
ทหาร สงครามจิตวิทยา เพื่อให้นักข่าวเข้าใจเรื่อง
ความมั่นคงชาติ เป็น citizen soldier
เป็นพลเมืองที่รักชาติ วัฒนธรรมการถามของนักข่าวจะไม่กระทบ
ความมั่นคง เรื่องนี้
ไม่ควรเปิดเผย ยกเว้นหากพบว่าไม่โปร่งใส มีนอก มีใน ค่อยตามล่า อย่าถามว่าทำไม
ต้องซื้อ อย่างวันนี้เราต้องการช่วยคนที่จมน้ำ เราจะตัดสินใจโยนห่วงยางไป แต่เสีย-
ดายเพราะเพิ่งซื้อ แต่ในที่สุดต้องไปร่วมงานศพเขา ต้องเสียเงินค่าพวงหรีด และเราก็
สูญเสียคนที่เรารัก ฉันใดฉันนั้น การลงทุนต้องลงในจังหวะที่เหมาะ แล้วก็
ไม่ต้องถาม
ว่าเท่าไหร่ ต้องถามว่าพอแล้วหรือยัง มันถึงจะเป็นคำตอบและคำถามที่
คนฟังทั้งประ-
เทศชื่นใจ สื่อจึงควรช่วยกลั่นกรองได้ เพราะคนที่คิดอะไรแผลงๆ ตะแบง ไม่ควรมีเวที
มากนัก ตอนนี้บ้านเมืองกำลังวิกฤติทุกเรื่อง แต่ถ้าเราไม่สำนึกวันหนึ่งก็ล่มเหมือนกัน
ความจริงผมตอบสั้นๆ ว่าไม่ใช่ ไม่มี อย่าสนใจ กลับบ้านเถอะ ง่ายมาก ท่องจำมา
แล้วก็ตัดบท แต่ผมเป็นพวกประเภทที่ไหนจะบอกว่าเป็นสายล่อฟ้า ก็จำเป็นต้องทำ
หน้าที่ต่อไป ไม่อยากทำ ไม่อยากเป็นเพราะมีโฆษกของบอร์ดอยู่แล้ว แต่ผมก็จะให้
สัมภาษณ์ในฐานะที่ทำหน้าที่ ไม่ใช่หลบผู้สื่อข่าว หรือไม่ใช่เห็นผู้สื่อข่าวก็กวักมือมา
ให้สัมภาษณ์เพื่อเป็นข่าว พล.อ.สพรั่ง กล่าว
เมื่อถามว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เหตุใดไม่ตั้งงบลับของกองทัพเพื่อจัดซื้อแทน
การให้ทีโอทีจัดซื้อ พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย เมื่อถามว่า ถ้า
ไม่ตั้งงบลับ สาธารณะก็รับรู้และต้านเยอะ พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ไม่เป็นไร ประชาชน
ก็ต้องรับรู้ เพราะการใช้เงินไม่ใช่แอบไปไขเซพมาให้ เหตุผลความจำเป็นก็เรื่องความ
คล่องตัวที่ตนยืนยันไปแล้ว
http://www.bangkokbiznews.com/2007/06/22/WW10_WW10_news.php?newsid=80459วาทะ "วีรบุรุษ"
นับคำว่า ความมั่นคง ได้กี่คำเอ่ย
ต้องหัดทำตัวให้เคยชินไว้
เพราะทั่นจะอยู่กะเราไปอีกนาน แสนนาน