นำมาให้อ่านเล่นค่ะ
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000079498โหรอาหรับทำนายดวงทักษิณ
พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2492 เวลา 12 นาฬิกา 20 นาที ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ปีฉลู ลัคนาสถิตราศีตุลย์ 7 องศา 31 ลิปดา (หมอดูบางคนบอกว่า อยู่ปลายราศีกันย์ เนื่องมาจากไม่ทราบเวลาเกิดที่แน่นอนของเจ้าชะตา) ดวงชะตานี้มีจุดเด่นที่สำคัญมากกล่าวคือ มีดาวพระเคราะห์ต่างๆ รวมทั้งดวงอาทิตย์ จำนวน 8 ดวง เรียงกัน เริ่มตั้งแต่ราศีมิถุนซึ่งเป็นเรือนที่ 9 ไปจนถึงราศีสิงห์ซึ่งเป็นเรือนที่ 11 ซึ่งตำราโหราศาสตร์ภารตะชื่อ คัมภีร์ปาริชาติชาดก ที่พันเอก ประจวบ วัชรปาน (ถึงแก่กรรมแล้ว) ได้แปลมาจากต้นฉบับภาษาสันสกฤต และเรียบเรียงไว้ ได้กล่าวไว้ใน มาลิกาโยค (มาลิกา หมายความว่า การนำเอาดอกไม้ต่างๆ มาร้อยเรียงกันเป็นพวงมาลา) โศลกที่ 139 ว่า ถ้ามาลิกาโยคเริ่มต้นจากภพที่ 9 ของลัคนา เจ้าชะตาจะมีคุณสมบัติดีวิเศษต่างๆ หลายประการ เป็นที่นิยมในศาสนากิจ และมีอำนาจเข้มแข็ง
นอกจากนี้ ดาวพฤหัสบดียังสถิตอยู่ในราศีมังกร เรือนที่ 4 ของดวงชะตา จัดเป็นปทุมเกณฑ์ ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มพลังให้แก่มาลิกาโยค แต่เนื่องจากจุดที่ตั้งของดาวพฤหัสบดีในราศีนี้ วิชาการโหราศาสตร์ทั่วไปถือว่า เป็นนิจ ทั้งยังโคจรวิกลคติถอยหลัง (พักร) อีกด้วย จึงน่าจะเป็นเหตุให้พลังอำนาจของมาลิกาโยคมิให้คุณแก่เจ้าชะตาอย่างเต็มที่
ที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งก็คือ จุดที่ตั้งของดวงอาทิตย์กับดาวพุธอยู่ในราศีเดียวกันคือ ราศีกรกฎ เป็นเรือนที่ 10 ของดวง ซึ่งเป็นภพเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ทำมุมห่างกันเพียง 46 ลิปดา (ไม่ถึง 1 องศา) จึงถือได้ว่า ดาวพุธเข้าสู่จุดดับ (Combustion) อยู่ในสภาวะที่สิ้นกำลังเนื่องจากถูกพลังของแสงจากดวงอาทิตย์ซึ่งเหนือกว่ามากมายมหาศาลปิดบังข่มเอาไว้จนหมดสิ้น ดาวพุธ มีความหมายถึง การติดต่อสื่อสาร ความเฉลียวฉลาด มีปัญญาเปรื่องปราชญ์รอบรู้ในวิชาการแขนงต่างๆ โดยเฉพาะวิชาการสื่อสารอย่างกว้างขวาง และเมื่อดาวพุธสถิตอยู่ร่วมในมาลิกาโยค เจ้าชะตาจึงมีความรู้ในระดับสูงถึงปริญญาเอก มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดสามารถจัดการบริหารองค์กรที่ตนรับผิดชอบตั้งแต่ระดับบริษัทขึ้นไปจนถึงประเทศชาติในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ดาวพุธดับ จึงส่งผลให้เจ้าชะตาใช้ปัญญาที่มีอยู่ไปในทางลบ นอกจากนี้ ดาวพุธ ยังหมายถึงการวาจา ประกอบกับดาวพฤหัสบดีซึ่งทำมุมเล็งกับดวงอาทิตย์ และดาวพุธยังไม่ให้คุณแก่เจ้าชะตาเนื่องจากสถิตอยู่ในราศีนิจและโคจรวิกลคติดังกล่าวแล้วข้างต้นอีกด้วย เจ้าชะตาจึงไม่มีสัมมาสติ และสัมมาวาจา มักขาดสติในการใช้วาจาอยู่บ่อยครั้ง เป็นที่ประจักษ์กันอยู่ทั่วไปแล้ว นอกจากนี้ ดาวพฤหัสบดียังมีความหมายถึงกัลยาณมิตร คือ ครูบาอาจารย์ ปูชนียบุคคล ที่ปรึกษาของเจ้าชะตา จึงเป็นเหตุปัจจัยให้เจ้าชะตาได้พบกับครูบาอาจารย์ ที่ปรึกษาที่ชี้นำแก่เจ้าชะตาให้เข้ารกเข้าพงอยู่เป็นประจำ
อนึ่ง ดาวเนปจูนซึ่งสถิตในราศีตุลย์ เรือนที่ 12 ภพวินาส ยังทำมุมเล็งกับราหูซึ่งสถิตอยู่ในราศีเมษ เรือนที่ 6 ภพอริ ของเจ้าชะตา ดาวเนปจูนมีความหมายถึง ความฝัน จินตนาการ ราหูเป็นเจ้าการให้เกิดกิเลส ตัณหา มีโลภะ โทสะ โมหะ มาครอบงำจิตใจทำให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ ราหูยังเป็นเสมือนภาพลวงตา จึงน่าจะพยากรณ์ว่า เจ้าชะตาเป็นนักค้าความฝันที่ดีคนหนึ่ง
ภาพประกอบที่ 1 เป็นภพดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งผมได้ใช้ดวงชะตาแบบสากลซึ่งแสดงได้ทั้งราศีจักร ภวจักร แสดงราศี องศา ลิปดาของลัคนา ดวงอาทิตย์ และดาวพระเคราะห์ต่างๆ รวมทั้งราหู และเกตุ (เกตุสากล) ไว้อย่างชัดเจนโดยครบถ้วน
ผมได้ตั้งใจจะใช้วิธีการพยากรณ์ตามหลักวิชาโหราศาสตร์แบบก้าวหน้าดังเช่นที่เคยปฏิบัติ แต่บังเอิญได้ไปค้นพบตำราโหราศาสตร์อาหรับ ซึ่งมีวิธีการพยากรณ์แตกต่างไปจากวิธีที่โหร และหมอดูในเมืองไทยโดยสิ้นเชิง เขาใช้วิธีการนำเอาราศี องศา ลิปดาของลัคนา ดวงอาทิตย์ และดาวพระเคราะห์ต่างๆ รวมราหู และเกตุ มาบวกลบกันตามสูตรของเขา แล้วจึงพยากรณ์จุดดี จุดเด่น จุดเสื่อม จุดดับของเจ้าชะตา
เมื่อได้นำดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาคำนวณตามตำราโหราศาสตร์อาหรับดังกล่าว ปรากฏผลดังที่แสดงไว้ในภาพประกอบที่ 2 ซึ่งผมขอยกมาเป็นตัวอย่างเพียง 4 ประเด็น เป็นจุดเด่น 2 และ จุดดับ 2 (ผมได้ขีดเส้นใต้ไว้ในภาพประกอบที่ 2 แล้ว) ได้แก่
จุดเด่นที่ 1 อยู่ในราศีสิงห์ 11 องศา 43 ลิปดา หมายถึง เป็นผู้ที่มีสติปัญญา มีเชาวน์ไหวพริบดี (Intelligence) อยู่ในเรือนที่ 11 ภพเกี่ยวกับ ลาภ ผลประโยชน์ มีดาวศุกร์ และดาวเสาร์ สถิตร่วมอยู่ด้วย
จุดเด่นที่ 2 อยู่ในราศีพิจิก 7 องศา 43 ลิปดา หมายถึง เป็นปัญญาชน พวกทำงานด้วยสมอง (Intellectuality) อยู่ในเรือน 2 ภพเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง ความมั่งคั่งร่ำรวยของเจ้าชะตา
เมื่อนำเอาจุดเด่นทั้ง 2 ข้อมาประมวลรวมกันแล้ว น่าจะพยากรณ์ว่า เจ้าชะตาจะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบสามารถหาผลประโยชน์ใส่ตนได้ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดความมั่งคั่งร่ำรวยอย่างมหาศาล
จุดดับที่ 1 อยู่ในราศีกันย์ 7 องศา 20 ลิปดา หมายถึง ความหายนะอย่างใหญ่หลวง (Catastrophe) อยู่ในเรือนที่ 12 ภพวินาสของเจ้าชะตา
จุดดับที่ 2 อยู่ในราศีตุลย์ 7 องศา 31 ลิปดา หมายถึง การถูกจับกุม (Captive) อยู่ในเรือนที่ 1 (ลัคนา) ของเจ้าชะตา
เมื่อได้ตรวจสอบดูการโคจรของดาวอังคารซึ่งถือว่าเป็นบาปเคราะห์สำคัญที่จะส่งผลเป็นทุกข์โทษแก่เจ้าชะตาได้พบว่า ดาวอังคารจะโคจรถึงจุดดับที่ 1 ในวันที่ 21 สิงหาคม 2551 และจะโคจรถึงจุดดับที่ 2 ในวันที่ 6 ตุลาคม 2551 ดังนั้น จึงน่าจะพยากรณ์ว่า จุดจบของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ จะอยู่ในช่วงเวลาที่กล่าวแล้วนี้ อนึ่ง ผมยังได้อ่านพบในหนังสือ Vashaphal or the Hindu Progressed Horoscope ที่ท่าน B.V.Raman โหราจารย์สำคัญคนหนึ่งของอินเดียได้กล่าวถึงวิธีการพยากรณ์ในลักษณะที่คล้ายคลึงกับวิชาโหราศาสตร์อาหรับไว้เหมือนกันมีชื่อเรียกว่า Sahams แต่ท่าน B.V. Raman ได้กล่าวไว้ว่า การพยากรณ์ตามวิธีการนี้ดูจะไม่ได้ผลในทางปฏิบัติเท่าใดนัก จึงไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายกัน
ในเรื่องที่เกี่ยวกับสติปัญญา การคำนวณตามวิธีการพยากรณ์แบบ Sahams นำเอา ราศี องศา ลิปดา ของ ดาวจันทร์+ดวงอาทิตย์-ลัคนา และไม่นำเอาดาวมฤตยู เนปจูน พลูโต ราหู และเกตุ มาคิดคำนวณด้วย แต่ตามวิธีการของโหราศาสตร์อาหรับ นำเอา ราศี องศา ลิปดา ของดาวศุกร์+ดวงจันทร์-ดวงอาทิตย์ หรือ ลัคนา+ดวงอาทิตย์-ดาวมฤตยู การพยากรณ์ตามวิธีการทั้ง 2 จึงแตกต่างกัน
การพยากรณ์ตามหลักวิชาโหราศาสตร์อาหรับนี้ ผมได้เคยนำมาทดลองพยากรณ์ดวงชะตาของผู้ที่คุ้นเคยกันหลายรายแล้ว ปรากฏว่า มีความแม่นยำในระดับหนึ่ง จึงได้นำมาทดลองพยากรณ์ดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดู ผลการพยากรณ์จะเป็นอย่างไรนั้น คงจะต้องติดตามหาผลกันในโอกาสต่อไป หวังว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เจ้าของดวงชะตา ที่ผมเคยมีความคุ้นเคยกันมาแต่ก่อน (วันเดือนปี และเวลาเกิดที่นำมาใช้ในการผูกดวง ผมก็ได้รับมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตรง) จะเข้าใจในเจตนารมณ์ของผมในการเขียนบทความเรื่องนี้ว่า มิได้มีความตั้งใจที่เยาะเย้ยเหยียบหยามซ้ำเติมท่านแต่อย่างใด ผมได้เขียนขึ้นเพื่อเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการโหราศาสตร์ดวงดาว เพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจในวิชาการแขนงนี้ทั้งในปัจจุบัน และอนาคตเท่านั้น
สัพเพ สัตตา อเวรา โหนตุ สัพเพ สัตตา อัพยาปัชฌา โหนตุ
สัพเพ สัตตา อนีฆา โหนตุ สัพเพ สัตตา สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ
หมายเหตุ : บทความนี้ได้เขียนขึ้นเพื่อเป็นกรณีศึกษาตามหลักวิชาการโหราศาสตร์ดวงดาว จึงมิได้นำออกเผยแพร่ทั่วไป