*ใครที่คิดจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ หาเหตุผลดีๆ เหตุผลข่าวลือ ที่ผ่านมา ฟังไม่ขึ้น..*

[********Q********]

ร่าง พ.ร.บ.ลงประชามติผ่าน ครม.แล้ว  

 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 มิถุนายน 2550 11:39 น.
 
 
       พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เห็นตรงกันหากจะเลื่อนวันลงประชามติ เป็นวันที่ 19 สิงหาคม น่าจะทำได้ และขณะนี้รัฐบาลได้เสนอร่างพระราชบัญญัติการลงประชามติผ่าน ครม.แล้ว เพื่อเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เตรียมรองรับการลงประชามติ ซึ่งจะกำหนดวันเวลาที่แน่ชัดอีกครั้ง รวมทั้งร่างรัฐธรรมนูญร่างที่ 2 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการอภิปรายด้วย ส่วนวันเลือกตั้งจะเลื่อนให้เร็วได้หรือไม่ ขึ้นอยู่วันเวลาของการลงประชามติ
        สำหรับการทำงานของรัฐบาล ซึ่งเข้าสู่เดือนที่ 9 ยอมรับ ได้พยายามปรับปรุงแนวทางตามคำวิพากษ์วิจารณ์แล้ว มั่นใจการทำงานเร็วขึ้น

 
 

[********Q********]

   


เขาแปรญัติร่างที่2กันอยู่ ให้เหตุผลที่น่าเชื่อถือมีน้ำหนัก อย่าไปกดดันแบบไม่มีเหตุผลกับคนทำงาน

ยิ่งประท้วงแบบ ไม่มีข้อเสนอแนะที่ชัดเจน ในวัตถุประสงค์ และผลงานในอดีตของกลุ่มที่เสนอ

สังคมจะกล้าเชื่อท่านหรือ? เรื่องคว่ำรัฐธรรมนูญใหม่เป็นเรื่องใหญ่

แค่ว่า ทักษิณ ญาติและพวก แนวทางโกงแต่ทำงาน..

ทำผิดรัฐธรรมนูญฉ.2540และทุกฉบับได้ โดยมองข้ามปัญหาความไม่สงบที่ผ่านมา คงจะคว่ำรัฐธรรมนูญใหม่ได้ยากครับ..

ยิ่งกกต.และรัฐบาลจ้องดูพวกคิดจะใช้เงินหรือมั่วข่าวมั่วเหตุผลอยู่ตอนนี้ คงจะยากมากที่จะปลุกระแสคว่ำได้สำเร็จ

[พรรณชมพู]

จะคว่ำ หรือ ไม่คว่ำ  ในที่สุดก็ต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งประกาศใช้อยู่ดี  ใครอยากคว่ำก็คว่ำไป ไครอยากหงายก็หงายไป 

แต่ถึงตอนนี้แล้ว หนูเชียร์ให้คว่ำค่ะ  และรัฐธรมนูญที่ คมช.จะหยิบมาใช้แทนนั้น ขออย่าให้มีข้อที่ว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจาก สส. เพราะไม่อยากได้นายกที่มาจาก สส. 

กราบรบกวน อาจารย์เกษม หรือ ท่านสุเมธ หรือ ท่านพลากร มาช่วยเป็นนายกให้สักแปดปีเถิดค่ะ เอาเท่าป๋าเปรมพอดีเลย แล้วค่อยมาว่ากันใหม่เรื่อง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเรื่องนายกต้องมาจาก สส. 

ตอนนี้เบื่อหน้าไอ้พวก สส.ค่ะ  ขอพักใจสักแปดปีไหมคะ 

[********Q********]

จะคว่ำ หรือ ไม่คว่ำ  ในที่สุดก็ต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งประกาศใช้อยู่ดี  ใครอยากคว่ำก็คว่ำไป ไครอยากหงายก็หงายไป 

แต่ถึงตอนนี้แล้ว หนูเชียร์ให้คว่ำค่ะ  และรัฐธรมนูญที่ คมช.จะหยิบมาใช้แทนนั้น ขออย่าให้มีข้อที่ว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจาก สส. เพราะไม่อยากได้นายกที่มาจาก สส. 

กราบรบกวน อาจารย์เกษม หรือ ท่านสุเมธ หรือ ท่านพลากร มาช่วยเป็นนายกให้สักแปดปีเถิดค่ะ เอาเท่าป๋าเปรมพอดีเลย แล้วค่อยมาว่ากันใหม่เรื่อง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเรื่องนายกต้องมาจาก สส. 

ตอนนี้เบื่อหน้าไอ้พวก สส.ค่ะ  ขอพักใจสักแปดปีไหมคะ 

เออ คิดแล้วก็ หนักใจแทนพวก คว่ำบ้างหงายบ้าง เพราะไม่รู้จะทำไงดี หากินยากนะครับ..

[********Q********]

 


เอาที่เขียนไว้ที่อื่นมา แปะอีกครั้งครับ  http://www.weopenmind.com/board/index.php?topic=4789.msg42858#msg42858

ผมบอกความจริงให้หน่อยก็ได้ที่ผมเขียนไว้สั้นๆแบบนั้น

ผมต้องการให้สโนว์ ใช้ความคิดและเขียนวิพากษ์วิจาร์ณได้ด้วยตนเองครับ..

ผมไม่เห็นว่าความเห็นของนักวิชาการ หรือบทความที่สโนว์ยกมาจะน่าทึ่งมากกว่าความคิดของสโนว์เองหรือท่านอื่นๆที่นี้แต่ประการใด..

นักวิชาการก็เป็นเพียงประสบการ์ณของพวกเรียนรู้ทฤษฎีและช่างสังเกตช่างคิดคนหนึ่ง มันไม่ได้แสดงความสามารถในการพัฒนาหรือแก้ปัญหาอย่างแท้จริงได้..ดังนั้น



การคิดที่นำไปปฏิบัติได้ผล เป็นคุณสมบัติที่เจ้าของความคิดต้องกล้าประเมินตนเอง จนเชื่อมั่นกล้านำไปใช้ จึงจะไปสอนหรือบอกคนอื่นต่อไปได้..



ที่นี้มาเข้าเรื่องก็ได้ สโนว์ก็ยังไม่ได้วิจาร์ณอะไรตรงๆ เพียงแต่นำบทความของพวกนักคิดมาแปะตามเคย..


ผมสังเกตและเชื่อว่า

สังคมไทยเราหลงทางครับ เช่น

1.บ้าคลั่งพึ่งพิงตัวบุคคล จึงเกิดอัศวินควายดำและระบอบทักษิณขึ้น..เป็นสังคมสมยอมขั้วอำนาจนิยมและก็พวกปฏิกริยา
2.สังคมเราขาดการเสียสละ ยึดหลักการอนุรักษ์เป็นเชิงกลไกมากจนเกินไป สังเกตได้จากที่เหล่าตุลาการอ้างว่า จะเสียความยุติธรรม ทั้งที่ความยุติธรรมโดยเนื้อแท้ อยู่ที่ความรู้และจิตสำนึกครับไม่ใช่เฉพาะเพียงรูปลักษณ์ ขาดการเสริมกำลังคนดี มุ่งทำลายคนดี ส่งเสริมคนชั่ว
3.ประชาชนขาดสมรรถภาพในการเข้าใจและนำพาอนาคตของตนเอง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงที่มากและเร็วกว่าในอดีตในทุกด้านแต่ขาดการปรับตัวปรับความคิด เสียงส่วนใหญ่ที่ได้มาจึงขาดพลังในการพัฒนา
4.การยึดถือระบบแบบขาดการยืดหยุ่นตามสภาพแวดล้อมและบริบทต่างๆ เห็นได้จากการให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ของรัฐธรรมนูญไปคนละทาง ขาดความคิดรวบยอดและความสามัคคี เนื่องจากการแย่งชิงผลประโยชน์ แย่งชิงบทบาทต่างๆด้วยความคิดฉาบฉวย ขาดจิตสำนึกร่วมทางสังคม มองทุกอย่างเป็นเกมส์ส่วนบุคคล หรือเฉพาะกลุ่มตน เป็นต้น
5.ขาดการสร้างและพัฒนาระบบที่ดีอย่างต่อเนื่อง ดังเห็นได้จากเกิดวิกฤติที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในด้านต่างๆ เกิดความชะงักขาดตอน ไม่มีการต่อยอดง

เมื่อหลงทางก็ต้องแก้ให้ถูกทางและตรงจุดของปัญหา..
ประชาธิปไตยตามทฤษฎีที่สมบูรณ์จะไม่มีคุณค่าเลยครับ ถ้ามันไม่เป็นความจริง..

ระบบและกระบวนการยุติธรรมเราเอง มันมีปัญหาก็เพราะการมองปัญหาแบบแยกส่วนไปตามความถนัดและข้อจำกัดของบุคคล ไม่เกิดความร่วมมือและผสานการทำงานอย่างจริงจังในภาพรวม
ไม่กล้าตัดสินใจออกนอกกรอบอนุรักษ์ดั้งเดิม

อำนาจทั้ง3 คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการล้วนไร้ประสิทธิภาพประสิทธิผล พอที่จะชักนำประเทศ แม้เพียงระบอบประชาธิปไตยให้เดินหน้าพัฒนาต่อไปอย่างราบรื่น..นั่นเป็นเพราะอะไร?

ลองย้อนกลับไปดูปัญหาอย่งน้อย5ข้อที่ผมยกมา รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยของเราตอบโจทย์ที่ยกมาได้หรือไม่? หากไม่ได้ความสำคัญของมันก็เป็นเพียงสัญญลักษณ์ที่ตั้งขึ้นและรอการทำลายครับ..



รัฐธรรมนูญ ต้องเน้นอะไรบ้าง..การแก้นิสัยค่านิยมของคนไทย การสนับสนุนการศึกษาในทุกรูปแบบ

การมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ การมีความรับผิดชอบและปรับตัวของตนเอง การมีสำนึกเชิงสังคมอย่างเป็นเอกภาพ

ความซื่อสัตย์สุจริต ต่อหน้าที่ กระตือรือล้น ขยันทำงาน รู้จักสร้างบรรยากาสที่ดีทั้งระยะสั้นและระยะยาว อย่างมีความหวังความรักใคร่ปรองดอง ไม่เอาเปรียบกัน ไม่เห็นแก่ตัว

ก็เป็นเรื่องของคุณภาพคนเป็นส่วนใหญ่ ตัวระบบ เราก็มีทางเลือกว่าจะให้สมบูรณ์และอยู่คงที่ หรือให้แก้ไขปรับเปลี่ยนได้ยืดหยุ่นตามสถานการ์ณ


อ.เสน่ห์ไม่ได้โจมตีรัฐะรรมนูญมากมายอะไร เพราะทราบดีว่าเป็นอย่างไร? แต่ท่านก็ต้องการเห็นการปฏิรูปการเมืองที่เข้มข้นขึ้น

ตราบใดที่สังคมไทยเรายังเชื่อสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ แบบงมงาย เช่นพุทธคามรามเทพ โลภและเก็งกำไร ก็คงปฏิรูปให้เดินหน้าโดยหวังจากการเขียนไว้ในรัฐะรรมนูญได้ยากครับ

ขนาดกฎหมายปกติยังไม่เคารพกันเลยทั้ง บูชาตัวบุคคลเพียงหวังพึ่งพิงหรือประโยชน์รูปตัวเงินที่เขา(นักการเมือง)จะหยิบยื่นให้

ประชานิยมจึงเป็นเพียงเครื่องมือที่ได้มาเพื่ออำนาจ มากกว่าความนิยมเลื่อมใสในนโยบายในการทำงานของพรรคการเมืองที่แท้จริงครับ..


ส่วนความคิดของวรเจตน์ ผมว่าเขามองเชิงกลไกมากไป คงจะต้องหันมามองเชิงบทบาททางการเมืองของสมาชิกในสังคมให้มากขึ้น

จริงแล้วกฎหมายทั่วไปของไทยเราล้าสมัยก็มาก เขาน่าจะพยายามมีส่วนร่วมในการผลักดันนชำระกฎหมายให้ทันยุคทันสมัยครับในฐานะนักวิชากการ

นอกนั้นก็การทำให้กระบวนการยุติธรรมของไทย สามารถบังคับใช้ได้ ประชาชนเห็นคุณค่าในการปฏิบัติตามกฎหมาย สังคมเป็นระเบียบเรียบร้อย..

กฏหมายในสังคมต่างๆมันก็รับใช้ผู้ร่าง และสะท้อนลักษณะของสังคมนั้นๆเองอยู่แล้ว มันต้องมีพัฒนาการ สอดคล้องกับสภาพที่เปลี่ยนไป จริงแล้วทุกวันนี้มันก็เละเทะอยู่แล้ว

จึงไม่เห็นว่าต้องอนุรักษ์ของเก่าอะไรไว้มากมาย มันไม่ได้พังเพราะเกี่ยวข้องกับปัญหาการเมือง แต่พังเพราะความคิดแยกส่วนและขาดความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันกับสภาพความเป็นจริงน่าจะมีน้ำหนักมากกว่าครับ


ผมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ครับ และไม่คิดว่าจะสืบทอดอำนาจอะไรกันมากมาย เพราะนักการเมืองก็ไมได้เคารพรัฐธรรมนูญอะไรกันมากมายอยู่แล้ว

เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นผู้ร่างที่ขาดอุดมคติ  เขาก็สนใจกันว่าจะผ่านการเลือกตั้งได้หรือไม่เท่านั้น วุฒิบัตรก็ซื้อเอา หรือใช้อำนาจอิทธิพลทางการเมืองได้มาง่ายๆกว่าชาวบ้านปกติ

ส่วนการกำจัดระบอบทักษิณผมว่ามีประโยชน์ต่อสังคมไทยมากที่เดียว เพราะตรงนี้ปลุกให้คนชั้นกลางและคนยากคนจนตื่นขึ้นมา การไม่กำจัดสิครับจะทำให้ค่านิยมที่ผิดๆฝังรากลึกมากขึ้น

การดึงตุลาการเข้ามามีบทบาทมากขึ้นผมก็เห็นด้วย ส่วนที่มาของสว.จากการสรรหา ถ้าได้คนดีก็ดีกว่ามาจากการเลือกตั้งแล้ว ไม่เป็นหลัก ไม่ทำหน้าที่กลั่นกรองกฏหมาย

มาเล่นละครอภิปรายแล้วก็บล็อคโหวต ตรงนี้บทบาทการทำงานต้องเปลี่ยนแปลง สส.ที่มาจากการเลือกตั้งก็ว่ากันไป เลือกกันให้ได้คนมีคุณาภาพทำงานเก่ง คานอำนาจกับฝ่ายบริหารเก่งๆให้เชื่อถือได้ก่อน

คงไม่ต้องกังวล อำนาจที่แท้จริงเกิดจากคุณภาพและฐานะของประชาชนเองครับ เขียนรัฐธรรมนูญอย่างไรก็เป็นเพียงเจตนารมณ์ของผู้ร่างจากการรับฟังปัญหาในมุมมองของเขา


ประเทศที่ประชาธิปไตยไปได้ดี มักจะร่ำรวย และมีโอกาสในด้านการศึกษาและเศรษฐกิจดี มั่นส่งเสริมกัน อยากให้ประชาธิปไตยพัฒนา พยายามสร้างโอกาสทางการศึกษาและเศรษฐกิจ

สร้างค่านิยมที่ดี มันก็เติบโตไปเองตามธรรมชาติ ที่ผ่านมามีปัญหาเพราะนักการมืองและกลุ่มทุนผลประโยชน์ใช้ประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือในการแย่งอำนาจกันเองและแย่งชิงจากประชาชนมากกว่าครับ..

ประชาธิปไตยไม่มีใครหยิบยื่นให้ใครได้ ดีที่สุดก็คือช่วยกันสร้างบรรยากาศให้ประชาธิปไตยเติบโตเร็วๆ ให้คุณภาพประชากรเดินไปข้างหน้าอย่างรอบด้านและสมดุล มีกรอบของระบบระเบียบที่ดีงาม..



สรุป แล้วตอนนี้ต้องแก้ปัญหาเฉฑาะหน้าทางการเมืองให้ได้ก่อน คือล้มระบอบทักษิณที่ชั่วร้ายออกไป แล้วก็เลิกต่อสู้กันเองหันมารวมตัวกันแข่งกันทำงาน แสดงผลงานกันอย่างอิสระและสร้างสรรค์

ลดพฤติกรรมที่สร้างปัญหาแก่สังคมลง นั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุด เราสามารถกระตุ้นสังคมในเชิงสร้างสรรค์ได้ ดังนั้นผมคิดว่าระบบยุตฺธรรมเราต้องมีบทบาทและเที่ยงตรงทั้งระบบมากกว่านี้ครับ..




มาตราต่างๆในร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อยากให้ร่วมวิจาร์ณสโนว์ก็ลองยกมาวิจาร์ณเทียบเคียงกันดูกับปัญหาของการเมืองไทยที่ผมยกมาก็ได้ 

ลองอ่านดูที่เขียนมาผมก็เขียนรวดเดียว โดยไม่มีการตรวจทานความคิด อาจมีข้อบกพร่อง ถือว่าคุยกันปกติครับ..พวกสาวกทักษิณอย่าเสนอหน้าเข้ามาเกรียนก็ถือว่ายังพอรู้ตัวเอง 
                                                                                                                                                                                                                          

[********Q********]

มีใครคิดว่าอยากจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ แบบ2550นี้บ้างครับ??

หรือมีใครทราบว่าใครบ้างที่ประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือบ้างครับ..เพราะเหตุใด?มาตราใด?

[********Q********]

สิ่งที่ผมสนใจคือ กระบวนการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ สู่ความทีประชาชนเป็นเจ้าของและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในบริบทของสังคมไทยอย่างแท้จริง

มันแสดงถึงศักยภาพในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบของสังคมไทยในปัจจุบันและอนาคต โดยที่ยังคงหลักการที่ดีไว้ได้อย่างครบถ้วนขณะที่สามารถเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ สังคม คุณภาพของคน ความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ ที่พร้อมรับมือกับปัญหาทุกชนิดที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างเเฉยบพลันหรือเรื้อรังมานานแล้วก็ตามที

ให้ดีขึ้นและเห็นผลได้ ให้ความมั่นใจและความยั่งยืนสถาพรกับคนไทยทั้งประเทศได้อย่างพอเพียง จนปราศจากข้อตำหนิที่จะยกขึ้นมาอ้างได้ในสังคมย่อยใดๆของไทยครับ..


ผมสนับสนุนให้รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ครับ ตราบเท่าที่โลกยังมีประเด็นปัญหาเบี่ยงเบนในรายละเอียดประเด็นใหม่เกิดขึ้นได้อยู่เสมอ



ยกเว้นก็แต่คนขายชาติเนรคุณแผ่นดินตัวจริงเท่านั้น

[********Q********]

เปรียบเทียบร่างรัฐธรรมนูญและรัฐธรรมนูญพ.ศ. ๒๕๔๐    http://www.thprc.org/node/136
Posted พฤษภาคม 8th, 2007 by webmaster1ตารางแสดงการเปรียบเทียบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐



หรือจะดาวน์โหลดก็เชิญครับ ส่วนที่แปรญัตติไปแล้ว ตามข่าวกันเอาเองนะครับ

ไฟล์แนบ ขนาด
เปรียบเทียบรธน4050.doc 2.28 MB


http://www.thprc.org/files/เปรียบเทียบรธน4050.doc

[********Q********]

ส.ส.ร.ตั้งกฎเหล็กป้องกันโกงเลือกตั้ง [27 มิ.ย. 50 - 04:47] จากไทยรัฐ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการร่างรัฐธรรมนูญว่า  เมื่อเวลา 09.45 น. วานนี้ (26 มิ.ย.) มีการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาคำแปรญัตติของ ส.ส.ร.เป็นวันที่ 13 โดยเริ่มพิจารณาในหมวด 11 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ 1 องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 1.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาตราที่น่าสนใจคือมาตรา 231/1 ที่คณะกรรมาธิการแก้ไขทั้งมาตรา โดยในวรรคสองกำหนดว่าถ้าปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละ ละเลย หรือทราบการกระทำแล้วมิได้ยับยั้งหรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม....และในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรม การบริหารพรรคการเมืองนั้น มีกำหนดเวลา 5 ปีนับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง โดยนายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ชี้แจงว่า เชื่อว่าเมื่อร่างรัฐธรรมนูญประกาศใช้จะทำให้การเมืองเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ทั้งนี้ ได้มี ส.ส.ร.หลายคนได้ท้วงติงถึงรูปแบบกลโกงการทุจริตต่างๆจะเข้าข่ายทำให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบหรือไม่ ขณะที่นายประพันธ์ชี้แจงอีกครั้งว่าจะนำไปประกอบการยกร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ต่อไป ในที่สุดที่ประชุมเห็นชอบตามร่างที่คณะกรรมาธิการแก้ไข

ต่อมาในช่วงบ่ายได้เข้าสู่การพิจารณาในส่วนที่ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา โดยในมาตรา 235 ร่างของกรรมาธิการกำหนดให้มีผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา 3 คน แต่มีสมาชิกขอแปรญัตติเพิ่มเป็น 7 คน ให้เหตุผลว่าจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น ซึ่งที่ประชุมลงมติเห็นด้วยกับร่างของกรรมาธิการให้มีผู้ ตรวจการฯ 3 คน ด้วยคะแนน 60 ต่อ 16 เสียง ส่วนการแปรญัตติให้เปลี่ยนชื่อผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งชาติ ซึ่งนายวัชรา หงส์ประภัศร ส.ส.ร. ขอแปรญัตติไว้นั้น คณะกรรมาธิการเห็นด้วยที่จะเปลี่ยนชื่อใหม่ แต่ให้ใช้คำว่า “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” 

จากนั้นได้พิจารณาในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเริ่มจากมาตรา 239 กำหนดให้มี ป.ป.ช.รวม 9 คน ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วย ส่วนมาตรา 241 ที่ประชุมเห็นชอบกับการกำหนดให้ ส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 หรือประชาชนไม่น้อยกว่า 20,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อถอดถอน ป.ป.ช. และมติของวุฒิสภาที่จะให้ ป.ป.ช.พ้นจากหน้าที่ต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 
 
 

[********Q********]

รัฐธรรมนูญ50 แก้ปัญหาที่ผ่านมาของ40 แหม อยากเห็นรัฐธรรมนูญ60ล่วงหน้าจังเลย

สถาบันทางกฎหมายหรือการศึกษาใดจะทำวิจัยนำเสนอรัฐธรรมนูญ60 ก็ดูจะท้าทายไม่น้อย..
                                                                                                                         

[********Q********]

วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3909 (3109) จากประชาชาติธุรกิจ

(ผมไม่ได้เห็นด้วยกับอมรมากนัก แต่ก็เห็นว่ามองปัญหาส่วนที่นายทุนกุมอำนาจเหนือสส.ได้ถูกต้อง

ผมไม่ให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญและผู้นำเข้มแข็งมากนักในตอนนี้ครับ

ผมให้ความสำคัญกับการแก้ไขค่านิยมที่ผิดของสังคมมากกว่า ส่วนหนึ่งนั่นคือสัดส่วนของสส.ใหม่ที่เข้าสภามาโดยไม่ต้องซื้อเสียง

หากซื้อเสียงขายเสียงก็สมควรถูกลงโทษ)

เรากำลังเลือกระหว่าง สิ่งที่เลว กับ สิ่งที่เลวกว่า

ศ.ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่ใช่พวกนักกฎหมาย ที่พูดได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่พวกนักแสดงความเห็นที่มีอยู่ดาษดื่นในสังคมไทย แต่อาจารย์อมร กูรูใหญ่ในวงการกฎหมายมหาชน เป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก

เรียกว่า พูดครั้งใด สังคมเป็นต้องเงี่ยหูฟัง และการจุดประกายหลายครั้งของอาจารย์อมร นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเรื่อยมา

ล่าสุดขณะที่สังคมส่วนใหญ่เชื่อแนวคิดที่ว่า เลือกตั้งแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง แต่อาจารย์อมรกลับออกมาฟันธงผ่านปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ฝันถึงการปฏิรูปการเมือง" บนเวทีการประชุมใหญ่ของสมาคมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า "นี่คือแนวความคิดที่ผิด เพราะยิ่งเลือกตั้งเร็ว เท่าไหร่ การเมืองไทยก็จะถึงทางตันเร็วเท่า นั้น" !!

"การฝันถึงการปฏิรูปการเมือง ผมอ่านร่างรัฐธรรมนูญแล้วนอนไม่หลับ เพราะนอนไม่หลับก็เลยฝันไม่ได้ เพราะถ้าวิเคราะห์กันจริงๆ แล้ว เมื่ออ่านรัฐธรรมนูญแล้วฝันไม่ได้เลย ผมเห็นว่ามีแต่ทางตัน อาจารย์สมคิด (เลิศไพฑูรย์) ถามผมว่ามีทางออกมั้ย ผมว่าเดือนธันวาคม เราจะพบทางตัน" อาจารย์อมรเริ่มต้น

อาจารย์อมรกล่าวว่า ผู้นำทางการเมือง คือ พล.อ.สนธิ (บุญยรัตกลิน) ประธาน คมช. กับ พล.อ.สุรยุทธ์ (จุลานนท์) นายกรัฐมนตรี ท่านมองว่าภารกิจของท่านสิ้นสุดเมื่อการเลือกตั้ง แต่คำถามผมคือ การเลือกตั้งจะแก‰ปัญหาวิกฤตการเมืองได้หรือไม่

ผมอยากเรียนว่า จริงๆ แล้วการแก้วิกฤตของชาติในอนาคตไม่ได้อยู่ที่การเลือกตั้ง แต่อยู่ที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ดี มีกลไกที่จะแก้วิกฤตได้หรือไม่

ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นรัฐธรรมนูญที่เหมือนๆ กับ 2540 ที่ก่อให้เกิดเผด็จการโดยพรรคการเมืองนายทุน ยิ่งเร่งการเลือกตั้งเร็ว เท่าไหร่ ก็หมายความว่าเรากลับสู่วงจรเดิมเร็วเท่านั้น

ดังนั้นจะเห็นว่าการมองการเลือกตั้ง ที่ผู้นำทั้ง 2 คนมอง โดยไม่ได้มองว่ารัฐธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีหรือไม่นั้น ผมว่า "ผิด"

"สิ่งที่ผมบอกว่าทางตัน เพราะร่างรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่กำลังแก้กันอยู่ไม่มีทางออก เพราะ หากดูสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญสรุปได้ว่า ในการแก้ปัญหาวิกฤตมีอยู่ 4 แนวทาง คือ ขยายสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ลดการผูกขาดอำนาจรัฐ ทำให้การเมืองมีความโปร่งใส และทำให้ระบบตรวจสอบมีความเข้มแข็ง แต่ไม่ได้วิเคราะห์เลยว่า สิ่งที่ก่อให้เกิดระบบเผด็จการโดยพรรคการเมือง คืออะไร"

ถ้าวิเคราะห์จริงๆ แล้ว ระบบเผด็จการพรรคการเมืองที่นักธุรกิจนายทุนร่วมกัน เกิดขึ้นเพราะสภาพจริงของสังคมไทยอ่อนแอ คือใช้เงินได้ ใช้อิทธิพลได้

นี่คือสิ่งที่ถูกกำหนดขึ้นและแก้ไม่ได้เลย เพราะมันเป็นของจริง

และถ้าเลือกตั้งเดือนธันวาคม สิ่งเหล่านี้ก็จะดำเนินต่อไป นี่สภาพเป็นจริงที่เราแก้ไม่ได้ เกิดขึ้นจากการเกิดขึ้นของพรรคนายทุน เพราะเราเขียนรัฐธรรมนูญให้นักการเมืองฉวยโอกาสเอาสภาพความเป็นจริงของสังคมไทยซื้อเสียงมากุมอำนาจรัฐ

โดยเฉพาะบทบัญญัติที่ทำให้นักการเมืองนายทุนรวมกัน แล้วก็ไม่มีที่ไหนในโลก มีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวก็คือ 1. ส.ส.ต้องสังกัดพรรค 2. นายกฯต้องมาจาก ส.ส. และ 3. ระบบการเมืองที่สามารถลงมติให้ ส.ส. ที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรคพ้นจาก ส.ส.ได้

ใน 3 มาตรานี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ คนที่มีเงินในสภาพที่สังคมไทยอ่อนแอ สามารถเอาเงินมารวมกันแล้วไปซื้อคนที่มีชื่อเสียงให้มาอยู่ในพรรคของตัวเองได้ และถ้าซื้อได้มากเท่าไหร่ บทบัญญัติที่บังคับว่า นายกฯต้องมาจาก ส.ส.เท่านั้น ก็เท่ากับประกันให้เขาว่าเมื่อลงทุนไปแล้ว ใครจะมาแย่งเขาเป็นนายกฯไม่ได้

และเมื่อเขาได้เป็นนายกฯแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของฉัน เพราะเขาเป็นคนลงทุน ซึ่งสาระสำคัญในร่างรัฐธรรมนูญ 3 มาตราดังกล่าวไม่ได้ถูกแก้เลย

ดังนั้นถ้าเมื่อไหร่ร่างนี้ประกาศใช้ ใครมีเงิน คนนั้นก็กลับเข้ามาอีก ชื่อของพรรคไม่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะมีหลายพรรค แต่ก็อยู่ภายใต้ คำสั่งเจ้าของทุนคนเดียวก็เป็นได้ ถ้าเป็น อย่างนี้ยิ่งเลือกตั้งเร็วเท่าไหร่ ก็จะถึงทางตันเร็วเท่านั้น

ยิ่งถ้าผู้นำมองแค่การเลือกตั้งโดยไม่ได้ดูโครงสร้างของรัฐธรรมนูญ เราจะถึงทางตันเพราะในขณะที่เราจะมีการออกเสียงประชามติ เราบอกให้รัฐธรรมนูญนี้ผ่านก็ได้เลือกตั้ง ถ้าบอกให้ไม่ผ่าน เราก็ไม่รู้จะแก้รัฐธรรมนูญกันอย่างไร ซึ่งก็วิกฤตทั้งคู่ คือ เราอยู่ในสภาพที่ต้องเลือกเอาระหว่างของสองสิ่ง คือ "เลว" กับ "เลวกว่า" เพราะว่าสภาพข้างหน้าใครที่มีเงินคนนั้นกลับเข้ามาอีกแน่ๆ

ถ้าไม่ได้แก้ 3 มาตรานี้ เพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่เหมือนยาทาแผล ขณะที่ตัวมะเร็งที่อยู่ข้างในกลับไม่ได้รักษา

ถามว่าทางออกคืออะไร อาจารย์อมร ยกตัวอย่างว่า ในประเทศเยอรมนี ในสภาเขา จะใช้ระบบให้มีพรรคการเมืองหลายพรรค ดังนั้นสภาจะมีความหลากหลาย ไม่มีการผูกขาดโดยพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง

นอกจากนี้เมื่อสภามีหลายพรรคการเมือง เขาจะทำอย่างไรจึงจะให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ ก็คือเขาให้นายกฯเป็นผู้นำ สภาจะเปิดอภิปรายได้เพียงคนเดียวคือนายกฯ หมายความว่า นายกฯรับผิดชอบในงานของรัฐมนตรีทุกคน เพราะนายกฯเป็นคนเลือกรัฐมนตรี

ดังนั้นเยอรมนีจึงแก้ระบบความสัมพันธ์ของสภากับฝ่ายบริหาร โดยให้สภามีความหลากหลาย และสร้างผู้นำ เพื่อให้มีความรับผิดชอบเพียงคนเดียว แต่ตรงกันข้ามกับประเทศไทยที่ให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ คุมรัฐสภา ดังนั้นกรณีนี้จะไม่มีการตรวจสอบ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่ได้แก้สิ่งเหล่านี้

แนวทางแก้ของเราที่สังคมมีความอ่อนแอ เราต้องสร้างภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีให้ได้ โดยไม่ต้องมีการบังคับสังกัดพรรค สร้างผู้นำ ของฝ่ายบริหารให้ได้ เพื่อจะมีเสถียรภาพในทางการเมือง แต่อย่าให้นายกฯมาคุมเสียงข้างมากในสภา

ถ้าคนไทยออกแบบรัฐธรรมนูญแบบนี้ได้สำเร็จ เราจึงจะอยู่ในโลกของการแข่งขันได้

การเตือนสติคนไทยของอาจารย์อมรรอบนี้ อาจทำให้อีกหลายๆ คนนอนไม่หลับ

[********Q********]

ฝากผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญครับ


แยกอำนาจนิติบัญญัติ ออกจากอำนาจบริหาร และเขียนรัฐธรรมนูญให้กระทัดรัดขึ้นเมื่อถึงเวลาแก้ไขครั้งถัดๆไป

จะทำให้ปัญหาต่างๆได้รับการแก้ไขมากที่สุด ต้องหันมาให้ความสำคัญกับกระบวนการปฏิรูปกฎหมายไทย..ที่บังคับใช้ได้กับทุกๆคนอย่างเป็นธรรม