พี่น้องเชื่อสนิทใจเลยใช่มั้ยว่าวีรบุรุษพั่งบินฟรีเป็นปธ.บอร์ดที่สะอาดบริสุทธิ์

อยากประหยัดให้ติดแก๊ส

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 2,406

พี่น้องเชื่อสนิทใจเลยใช่มั้ยว่าวีรบุรุษพั่งบินฟรีเป็นปธ.บอร์ดที่สะอาดบริสุทธิ์

« เมื่อ: 12-06-2007, 19:32 »

จากผลดำเนินงานของทอท.ปีนี้ส่อแววจะขาดทุนหนักแทนที่จะมีกำไรงาม เพราะมาอยู่
สนามบินใหม่อะไรก็ดูดี เครื่องบินขึ้นลงกันตลอดเวลา แต่กลับกลายเป็นว่าช่วงที่ผ่านมา
มีแต่เรื่องที่ส่อไปในทางเสียประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุผลแล้ว คนธรรมดาที่
บริหารงาน ถ้าปล่อยให้ผู้อำนวยการบริหารงานไปเฉยๆ ไม่ไปยุ่งอะไรด้วย โอกาสทำ
กำไรยังมากกว่ามีบอร์ดส่วนเกินถ่วงความเจริญมาเกะกะ งานก็ทำไม่เป็นหาแต่เรื่องทะ
เลาะเค้าไปทั่ว เจอข้อพิพาทขนาดค่าเสียหายมากกว่าหกหมื่นแปดพันล้าน แล้วแบบนี้
จะมองท่านประธานบอร์ดนักบินฟรีว่าท่านมาอย่างขาวสะอาดดั่งภูผา แต่ไม่กล้าแสดง
ทรัพย์สิน ได้อีกหรือ ถ้าไม่มีวาระซ่อนเร้นที่จะขยันทำอะไรให้ล่มจมได้ขนาดนี้ แล้วเป็น
การเข้ามาบริหารที่ขาวสะอาดจริงๆ ก็นับว่าประธานคนนี้เป็นส่วนเกินที่โลกไม่ต้องการ
บริหารงานที่ฉลาดในเรื่องโง่ๆ แบบต่อเนื่องทุกฤดูกาล เป็นที่เอือมระอาของคนตั้งใจทำ
งาน พี่น้องก็ลองพิจารณาจากข้อเท็จจริงและผลงานเอาเองว่าวีรบุรุษของท่านเป็นคน
อย่างไร โง่ กด 1 มั่ว กด 2 เลว กด 3 โกง กด 4 ถูกทุกข้อ กด 5


	บันทึกการเข้า

อยากประหยัดให้ติดแก๊ส

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 2,406

Re: พี่น้องเชื่อสนิทใจเลยใช่มั้ยว่าวีรบุรุษพั่งบินฟรีเป็นปธ.บอร์ดที่สะอาดบริสุทธิ์

« ตอบ #1 เมื่อ: 12-06-2007, 19:33 »

“สุวรรณภูมิ” กับวาระซ่อนเร้น กว่าถั่วจะสุก...งา (ทอท.) ก็ไหม้เสียก่อน

ก่อนหน้านี้ ทีมเศรษฐกิจ เคยเตือนสติคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ไปแล้วว่า มันอาจเป็นการฮาราคีรีตัวเอง และ บ่อนทำลายบรรยากาศความเชื่อมั่นทางการค้า และการลงทุนในประเทศ อย่างมาก

หากบอร์ด ทอท.ยืนกรานจะฉีกสัญญาสัมปทานที่ให้บริษัทเอกชนอย่างคิงเพาเวอร์ กรุ๊ป เข้าบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์และร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินสุวรรณภูมิทิ้งไปเสีย

โดยอ้างว่า สัญญาที่ทำไว้เดิมเป็นโมฆะ เนื่องเพราะไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535

ยิ่งประธานบอร์ด พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และผู้ช่วยผู้บัญ�ชาการทหารบก พกเอาความรู้สึกส่วนตัวที่เกลียดชัง และมุ่งมั่นจะทำลายล้างบรรดา สิ่งก่อสร้าง ตลอดจนถึงสัญญาสัมปทานของกลุ่ม อำนาจเก่าทางการเมืองให้สิ้นซาก เข้าไปตัดสินชี้ขาดการดำเนินธุรกิจปกติด้วยเช่นนี้แล้ว

ความเสียหายที่เกิดแก่ ทอท.และรัฐ ในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ยิ่งจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

แต่กระนั้นก็ดูเหมือนเสียงสะท้อนจากเรา และจากบุคคลหลายฝ่ายที่ห่วงใยในสมบัติของประเทศชาติ อย่างสนามบินสุวรรณภูมิจะถูกมองข้ามไป

เพราะตลอดช่วงเวลา 2 เดือน ภายหลังจากที่บอร์ดมีมติให้สัญญาสัมปทานที่ทำกับคิงเพาเวอร์เป็นโมฆะ สถานภาพของ ทอท.กลับถดถอยลงตามลำดับ!

ขณะที่การปฏิบัติต่อเอกชนในฐานะผู้เข้าบริหารพื้นที่ และจัดเก็บรายได้ส่งมอบแก่ ทอท.ก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ นับตั้งแต่การปฏิเสธไม่ยอมมีนิติสัมพันธ์ใดๆ การไม่ยอมรับรายได้ค่าเช่ารายเดือน จนเป็นเหตุให้ต้องนำรายได้ไปวางไว้กับกรมบังคับคดี

กระทั่งถึงการปฏิเสธไม่ยอมต่ออายุบัตรผ่านเข้าออกในสนามบินให้แก่พนักงานขายสินค้า ทั้งในส่วนที่เป็นร้านค้ารายย่อยในพื้นที่เชิงพาณิชย์ และร้านค้าปลอดภาษี

และนี่เองที่เป็นเหตุผลสำคัญทำให้คิงเพาเวอร์ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายกับ ทอท. เป็นมูลค่าสูงถึง 68,000 ล้านบาท

ในสำนวนคำฟ้องที่คิงเพาเวอร์มีไปถึงศาลแพ่ง เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตอนหนึ่ง ระบุว่า เขาได้รับหนังสือขอเลิกสัญญาทั้งหมด โดยอ้างว่าสัญญาตกเป็นโมฆะ เพราะสัมปทานที่ทำกับ ทอท.ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

จึงไม่มีผลผูกพันกับรัฐบาลซึ่งเป็นคู่สัญญา และไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ในการเข้าใช้พื้นที่ ซึ่งคิงเพาเวอร์เห็นว่า ทอท.ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

แม้หนึ่งในบอร์ด ทอท.อย่าง นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จะแสดงความมั่นใจว่า ทอท.จะชนะคดี แต่ในข้อเท็จจริง ใครจะเป็นผู้ให้หลักประกันได้ว่า ถ้า ทอท.ต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ ระหว่าง ทอท. ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่อยู่ถึง 70% หรือบอร์ด ซึ่งมี พล.อ.สพรั่ง เป็นประธาน

ที่สำคัญที่สุด ก็คือ มีเหตุผลอะไรที่จะต้องลากเอา ทอท.เข้าไปรับความเสี่ยงด้วย!!

ทั้งที่หากได้พิจารณาเรื่องราวทั้งหมดด้วยความถูกต้อง เป็นธรรม และคำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดแก่รัฐ แก่ ทอท. และแก่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว และปล่อยให้คิงเพาเวอร์ บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ และร้านค้าปลอดภาษีต่อไป ทอท.ก็จะได้รับค่าสัมปทาน รวมกับส่วนแบ่งรายได้จากการขาย 20% คิดเป็นรายได้ปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 3,600 ล้านบาท

ถ้าค้าขายได้มาก ทอท.ก็ได้รับประโยชน์ตอบแทนมากขึ้น อย่างน้อย 10 ปี ก็ต้องได้ไม่ต่ำกว่า 36,000 ล้านบาท

ผู้บริหารระดับสูงจากวงการตลาดทุนให้ความเห็นกับเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวางว่า ทอท.เป็นบริษัทมหาชนไปแล้ว ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลถือหุ้น 100% การที่บอร์ด ทอท.จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่มีผลกระทบถึงการดำเนินงานของ ทอท. ควรคำนึงถึงผู้ถือหุ้นรายย่อย และนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย

“ผมถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทำลายบรรยากาศการลงทุน และความน่าเชื่อถือของ ทอท.เอง เพราะแทนที่จะจัดการกับปัญหาในสุวรรณภูมิอย่างสร้างสรรค์ และเป็นมิตร ก็กลับใช้วิธีการที่ทำกับคู่ค้าของตัวเองเสมือนเป็นศัตรู ที่แย่ก็คือ มันเพิ่มความเสี่ยงให้แก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ถ้ากระทรวงการคลังเสียหายทั้งจากการลงทุน หรือต้องจ่ายค่าชดเชยแก่คิงเพาเวอร์ คนจ่าย คือ คุณ กับ ผม และพ่อค้าแม่ค้าที่เสียภาษีแก่รัฐ”

ขณะที่โบรกเกอร์จากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง ออกบทวิเคราะห์มาแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นของ ทอท. (AOT) ทิ้งเสีย เพราะเสี่ยงต่อการต้องจ่ายค่าเสียหาย ที่อาจมากกว่า 68,000 ล้านบาท

ยิ่งตราบใดที่การตัดสินของศาลยังไม่สิ้นสุด และการฟ้องร้องยังคงอยู่ในกระบวนการของศาล ทอท. ก็จะไม่สามารถเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานรายใหม่ได้ตามแผนการที่วางไว้

“ในการหาผู้บริหารพื้นที่รายใหม่ ยังต้องคิดด้วยว่า เขาจะให้ส่วนแบ่งรายได้ และผลประโยชน์มากกว่าคิงเพาเวอร์หรือไม่ ที่สำคัญมีกี่รายที่เคยบริหารร้านค้าดิวตี้ฟรีมา ถ้าเขาทำแล้วเจ๊ง จะเป็นอย่างไร ลองหลับตานึกภาพดูเถอะว่า ถ้าคิงเพาเวอร์ต้องเลิกกิจการไปจริงๆ ร้านค้าต่างๆถูกปิดตาย ผู้โดยสารที่จะเข้าไปใช้พื้นที่กว่าปีละ 40 ล้านคน จะอลหม่านขนาดไหน เพราะกว่าจะได้ผู้ประมูลรายใหม่ ก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6-12 เดือน”

นอกจากความเสียหายข้างต้น ยังมีความเสี่ยงอีกมากมายที่รออยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนในการซ่อมแซมสนามบิน ค่าชดเชยมลภาวะทางเสียง หรือการเพิ่มขึ้นของต้นทุนที่ผุดขึ้นจากการเปิดใช้สนามบินดอนเมืองแข่งกับสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทำให้ ทอท.มีรายจ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นราว 1,500 ล้านบาท

“นอกจากจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นมากแล้ว รายรับที่ควรจะได้จากค่าสัมปทาน และส่วนแบ่งรายได้ที่เดิมทีคาดว่าจะต้องได้เกือบ 4,000 ล้านบาทในปีนี้ ก็ต้องหยุดรับรู้ เพราะผลพวงจากมติบอร์ด ทอท.ที่ให้สัญญาเป็นโมฆะ ทำให้บันทึกรายได้ไม่ได้”

เมื่อเป็นเช่นนี้ การวิเคราะห์ประมาณการรายได้ของ ทอท.ในปีนี้ และปีหน้า จึงคาดว่าจะลดลงราว 18,000-21,000 ล้านบาท

หากจะพิจารณาถึงโอกาสที่เสียไปจากการย้ายกิจกรรมการบินบางส่วนออกไปอยู่ดอนเมือง ซึ่งมีผลทำให้ผู้โดยสาร และนักท่องเที่ยวลดจำนวนลง จากที่ควรจะมี 30 ล้านคนในช่วง 8 เดือน ก็กลับลดลงเหลือเพียง 26.2 ล้านคน เพราะเกิดความยุ่งยากในการเดินทางไปยังเส้นทางบินในประเทศด้วยแล้วล่ะก็

ผลประกอบการของ ทอท.อาจประสบปัญหาการขาดทุน แทนที่จะมีรายได้เพียงพอต่อการชำระคืนหนี้ค่าก่อสร้างสนามบิน 130,000 ล้านบาท

8 เดือน นับแต่บอร์ด ทอท.ชุดนี้เข้ามา ดูจะมีแต่เรื่องร้ายๆที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะเดียวกันก็ทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวไปด้วย เริ่มจากการยึดอำนาจที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเข้าประเทศไทย การออกมาประกาศว่า สนามบินสุวรรณภูมิอันตราย รันเวย์ร้าว ถึงขั้นต้องย้ายไปสนามบินดอนเมือง

กระทั่งถึงการยกเลิกสัญญาสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี และบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นบริการที่สนามบินทั่วโลกต่างต้องแข่งขันกัน และถือเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งจะมีผลให้ต่อเนื่องให้บริษัทที่เป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์เนมใหญ่ๆ ที่มาร่วมลงทุนเปิดร้านค้าในสนามบินไม่สบายใจ และรู้สึกถึงการแก้ปัญหาด้วยวิธีการแปลกๆ

ขณะที่รายได้ที่หายไปจากร้านค้าเหล่านี้ จะส่งผลให้ ทอท.ต้องปรับค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน และค่าธรรมเนียมการจอดเครื่องบินเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ล้วนแต่ มีผลกระทบต่อรายได้ และฐานะของ ทอท.แทบทั้งสิ้น

แต่ถามว่า ใครกันล่ะที่จะรับผิดชอบกับความเสียหายเหล่านี้

ใครจะรับผิดชอบกับการที่ประธาน และบอร์ด ทอท.จำนวนหนึ่ง เอาความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาตัดสินชะตากรรมของ ทอท. ขณะที่เปิดประตูให้บุคคลบางฝ่ายที่มีวาระซ่อนเร้น เข้าไปบ่อนทำลายสมบัติของชาติอย่างต่อเนื่อง และเมามัน

นายอดุลย์ เปล่งขำ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ทอท. บอกกับเราว่า เขาต่อต้านอย่างรุนแรงกับการทำงานของผู้บริหารระดับสูง ภายใต้การกำกับดูแลของบอร์ด ทอท.ที่เข้ามาแก้ปัญหาไม่ตรงจุด นอกจากเกิดผลกระทบต่อองค์กรของพวกเขาอย่างรุนแรงแล้ว ผลประกอบการในปีนี้ ยังถือเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาเคยเป็นพนักงานมา เพราะจะเป็นปีแรกที่ ทอท.ขาดทุน

นอกจากฝ่ายบริหารจะทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังปล่อยให้มีคนเข้ามาก้าวก่ายกิจการภายในจนเกิดความสับสน และเสียหายแก่ ทอท.อย่างมาก

“ผมไม่อยากให้บ้านที่เราอยู่กันมา ต้องล้มไปต่อหน้า เพราะฉะนั้น บอร์ด และฝ่ายบริหารจึงควรทบทวนสิ่งที่ได้ดำเนินการไปโดยคำนึงถึงองค์กรเป็นสำคัญ”

ถ้ารัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงคมนาคม ยังคงหลับหูหลับตาปล่อยกลุ่มบุคคลเหล่านี้อ้างเอาผลประ�โยชน์ชาติเป็นเดิม พันต่อไปจนกว่าจะสำเร็จวัตถุประสงค์ ที่ต้องการ

ถึงเวลานั้น เราๆท่านๆอาจได้เห็นองค์กรขนาดใหญ่อย่างท่าอากาศยานไทย มีอันต้องล้มไปต่อหน้าต่อตาจริงๆก็ได้.

0 0 0 0 0

ในฐานะเป็นผู้ลงนามในหนังสือแจ้งถึงกลุ่มคิงเพาเวอร์ ผู้รับสัมปทานดำเนินการร้านค้าปลอดภาษีและร้านค้าเชิงพาณิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิ ให้สัญญาที่ทำมาระหว่างกันเป็นโมฆะ นำมาซึ่งการฟ้องร้องมูลค่า 68,000 ล้านบาท ที่อาจทำให้ ทอท.ดำดิ่งสู่ความเสียหายครั้งใหญ่หลวง และนี่คือคำให้การของ “กัลยา ผกากรอง” ฐานะรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ต่อสถานการณ์ล่อแหลมครั้งล่าสุด

“ยอมรับว่าขณะนี้มีผู้ถือหุ้น โบรกเกอร์จำนวนมาก สอบถามถึงกรณีที่คิงเพาเวอร์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก ทอท.มูลค่า 68,000 ล้านบาท อยากรู้ว่า ทอท.จะได้รับผลกระทบอย่างไร โดยเฉพาะต่อรายได้ หลายคนเป็นห่วง กังวล และมองว่า ทอท.ได้รับความเสียหายมากจากข่าวสารและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

ในระยะแรก ทอท.จะไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก แต่หากกระบวนการฟ้องร้องยืดเยื้อออกไป จะส่งผลกระทบต่อรายได้ในระยะยาวแน่ เพราะตอนนี้ รายได้และผลตอบแทนจากคิงเพาเวอร์จะขึ้นบัญชีเป็นรายได้รอการรับรู้ จนกว่าผลการฟ้องร้องจะได้ข้อยุติ

ช่วง 2 ปีแรกที่ผ่านมา คิงเพาเวอร์จ่ายค่าตอบแทนล่วงหน้าจากสัญญาร้านค้าปลอดภาษีและสัญญาในเชิงพาณิชย์ให้ ทอท.แล้วประมาณ 4,000 ล้านบาท

“ส่วนผลประกอบการในปีนี้นั้น ยอมรับว่าปีนี้เป็นปีแรกที่ไม่มีกำไร แม้ผลประกอบการไม่ดีนัก แต่ก็ยังภูมิใจเพราะแม้เปิดสนามบินใหม่ก็ยังไม่ขาดทุนจากการดำเนินการ ต่างจากสนามบินใหม่ หลายๆแห่ง”

ระหว่างนี้ ทอท.ยังกำลังเตรียมแผนการสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในสนามบินดอนเมือง แต่ต้องรอหลังประเมินผลการกลับมาเปิดใช้สนามบินดอนเมืองครบ 6 เดือนในเดือน ก.ย.ก่อน

ส่วนหากจะถามถึงความรู้สึกที่มีต่อบอร์ดชุดใหม่ ซึ่งมี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธาน ที่เมื่อเข้ามาทำงานก็ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายใน ทอท.นั้น มองว่าเป็นเรื่องปกติ ภาพของเราก่อนรัฐบาลใหม่ถูกมองว่าเป็นแหล่งเงิน แหล่งทอง มีการประพฤติมิชอบ ทุจริตจากโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ พอมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ก็ย่อม ต้องมีการตรวจสอบ

ซึ่งเรื่องอย่างนี้มีที่มาที่ไป ตั้งแต่ระดับประเทศ มาถึงขั้นตอนกระทรวงคมนาคม ถึงบอร์ด ทอท. จนระดับพนักงาน ดังนั้น กระบวนการตรวจสอบต้องมีขึ้นทุกขั้นตอน ดูว่าทำไมบอร์ดชุดเก่าจึงตัดสินใจเช่นนั้น

“ยอมรับว่าช่วงแรกๆของการทำงาน รู้สึกท้อบ้าง แต่เนื่องจากต้องรับผิดชอบมาก จึงมักท่องคาถาว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออก เท่าที่ทำขณะนี้ ถือได้ว่าทำดีที่สุด แต่จะถูกใจใครหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

แรกๆเช่นกัน ที่การทำงานกับบอร์ดมีปัญหาบ้าง โดยเฉพาะบอร์ดที่ดูกังวล ระแวงพนักงาน ฝ่ายบริหารจะเสนออะไรเพื่อขออนุมัติ ก็จะถูกบอร์ดซักละเอียดยิบ ใช้คำพูดรุนแรง หาว่ามีการยัดไส้ แก้ไขเอกสาร รู้สึกอึดอัดมาก บอร์ดยอมรับว่าไม่ไว้ใจพวกเรา มองพนักงาน ทอท.เป็นคนเลว

ต่อมาก็ค่อยๆปรับเข้าหากัน ประธานบอร์ดบอกว่าเข้ามาทำงานไม่ได้มีธงมาก่อนว่าจะทำอะไร ที่ซักถามรายละเอียดมาก ก็เป็นเพราะอยากรู้ความเป็นมา

การเปลี่ยนแปลงหรือปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น จะทำให้พนักงานรู้ว่าจุดอ่อนของเราอยู่ตรงไหน ควรเปลี่ยนแปลงอย่างไรให้มีวินัยในการทำงาน บริหารจัดการอย่างรอบคอบมากขึ้น

หลายๆอย่างจะนำไปสู่การทำงานที่โปร่งใส โดยเฉพาะต่อ ทอท.ในอนาคต.
http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic02&content=50116


	บันทึกการเข้า

อยากประหยัดให้ติดแก๊ส

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 2,406

« ตอบ #2 เมื่อ: 12-06-2007, 19:36 »

ศึกชิงขุมทรัพย์หมื่นล้านใน ทอท. ใครเอ่ยมีเอี่ยวกับคิงเพาเวอร์

11 มิถุนายน 2550 กองบรรณาธิการ

"หลายครั้งที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน พยายามที่จะยับยั้งการพิจารณา เรื่องที่จะมีผลกระทบในทางลบกับคิงเพาเวอร์และลอกซ์เลย์ ซึ่งตนไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร"

นาย ต่อตระกูล ยมนาค ว่า

ในขณะที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน กล่าวมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ถึงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมาให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ ระบุว่า ตัวเองไม่เข้าใจว่าทำไมกรรมการ ทอท.บางคนจึงทำมุบมิบ เงียบๆ เรื่องหาบริษัทเข้าซ่อมแซมสนามบิน งานซ่อมแซมในการท่าอากาศยานก็ล่าช้า ไม่เห็นไปถึงไหน พยายามกันอยู่จะจี้ให้เดิน ไม่รู้ว่าท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทราบหรือไม่

คำพูดให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของทั้งสองคน สะท้อนชัดถึงความขัดแย้งในบอร์ดการท่าอากาศยานอย่างชัดเจน

และเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงไม่ใช่เล่น

ถึงขนาดที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน เสนอให้เปลี่ยนคณะกรรมการบริษัทการท่าอาศยานบางคน

แน่นอนที่สุด เป็นที่ทราบกันดีว่าความหมายย่อมหมายถึง ต่อตระกูล ยมนาค และพรรคพวก

วันที่ 5 มิถุนายน 2550 พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ดูเหมือนสุดจะทน เดินทางเข้ากระทรวงคมนาคม เปิดฉากคุยกับ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอย่างเปิดใจ

เสียงตอบรับจาก พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ เป็นอย่างไร ไม่มีใครทราบ

แต่ท่าทีของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ที่ออกมาจากห้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนั้นพอที่จะทราบได้

เขาตอบคำถามกับผู้สื่อข่าวอย่างไม่พอใจ ค่อนข้างแรง ต่อการทำงานที่ล่าช้า ไม่ชัดเจนของคณะกรรมการ ทอท.บางคน ทั้งๆ ที่ระยะเวลาผ่านมา 6 เดือนแล้ว น่าจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ชัดเจนได้แล้ว ทำช้าๆ ไม่ชัดเจนเช่นที่ผ่านมา ทำให้ ทอท.ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งย้ำคำเสนอรัฐมนตรีให้เปลี่ยนแปลงคณะกรรมการของ ทอท.ใหม่ เพื่องานจะได้คืบหน้ามากกว่านี้ และขอให้รัฐมนตรีรีบสั่งการโดยเร็ว เพราะว่าเหลือเวลาการทำงานไม่กี่เดือนแล้ว

ภายหลังเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เช้าวันต่อมา คือวันที่ 6 มิถุนายน 2550 พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานคณะกรรมการ ทอท.เพื่อนสนิทของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน เดินทางเข้าพบ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ อย่างเร่งด่วน ไม่มีการนัดหมายล่วงหน้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ทราบกันดีว่า พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร กับ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ในฐานะเพื่อนซี้จากนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 7 หรือ ตลท.7 นั้น กอดคอกันเดิน

บรรดาสื่อมวลชนจึงต่างวิเคราะห์ไปในแนวทางเดียวกันว่า พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร เข้าพบ รมต.คมนาคม เพื่อหวังเคลียร์ใจ

ภายหลังกลับออกมาจากห้อง รมต.คมนาคม แล้ว พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าการมาพบ รมต.คมนาคมครั้งนี้ก็เพื่อมาให้กำลังใจ หลังจากที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ได้มาพบ รมต.และแสดงความเป็นห่วงผม โดยเฉพาะการทำงานของบอร์ด ทอท.ที่มีความล่าช้า ดังนั้น บอร์ดควรที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้มีความชัดเจน ซึ่งไม่ได้มาตำหนิ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยอมรับว่าในความรู้สึกของผมก็รู้สึกว่าล่าช้า ทำให้การแก้ไขปัญหาหรือการเบิกจ่าย การดำเนินโครงการซึ่งปัจจัยหลักอยู่ที่การทำงานของบอร์ดมีความรอบคอบมาก ไม่ว่าจะเป็นการอนุมัติหรือแก้ไขปัญหาอย่าง

"การซ่อมแซมในเรื่องความไม่ปลอดภัย การปรับปรุงกิจการที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ การขยายงานในความริเริ่มตามเฟสของการพัฒนา มองไม่ออกว่ามันดำเนินการไปแล้วหรือยัง บางทีมีเรื่องมลภาวะทางเสียง และมีชาวบ้านมาประท้วงเป็นระยะๆ แล้วบอร์ดทำอะไรกัน ซึ่งผมได้ชี้แจงว่า ใจจริงถ้าสามารถเนรมิตได้หรือสั่งการได้ โดยไม่ต้องมีขั้นตอนมาก ผมว่าทุกอย่างแก้ไขได้ทุกเรื่อง แต่ที่มันยากตรงนี้เพราะว่าสภาวะของความไม่ถูกต้องในเรื่องหลักฐานก็ดี สัญญาก็ดี มันต้องใช้บอร์ด ทอท.นั่นแหละที่ต้องปรับปรุง" พล.ร.อ.สพรั่งกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการปรับเปลี่ยนตัวกรรมการภายในบอร์ด ทอท. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร กล่าวตอบว่า ได้รายงานให้กับรัฐมนตรีรับทราบแล้ว รัฐมนตรีก็ไม่ได้ว่าอะไร ให้การตัดสินใจเป็นของประธานบอร์ด และที่ผ่านมานั้น ท่านก็ให้เกียรติและอิสระในการทำงาน ไม่เคยเข้าแทรกแซง พร้อมทั้งเร่งรัดให้ทำงาน และร่วมกันทำงานไม่ให้เกี่ยงกัน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการทำงานที่ผ่านมาบางครั้งก็มีความรอบคอบและระมัดระวังมากเกินไป จนทำให้การทำงานเกิดการชะงัก เช่นการของอนุมัติงบประมาณตามหน่วยงานต่างๆ ทำให้ช่วงที่ผ่านมาเกิดความไม่สบายใจ อึดอัดใจของกลุ่มงานต่างๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นการเตะถ่วง ไปขัดขวาง แต่ว่าด้วยบุคลิกการทำงานของบอร์ดแต่ละท่าน กระทรวงการคลังสรรหามา บุคลิกแต่ละท่านก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจ เวลาเสนอแนะต่างๆ ทำให้การตกลงใจร่วมกันมีปัญหาบ้าง คงต้องปรับการทำงาน ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นจะนำไปหารือกันในที่ประชุมบอร์ดวันที่ 7 มิถุนายน 2550 นี้

และเมื่อผู้สื่อข่าวจี้ว่า คณะกรรมการคนไหนจะต้องออกบ้าง

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร กล่าวว่า

"อย่างเพิ่งพูดถึงตรงนั้นเลย เผลอๆ ผมก็ลาออกด้วย พอใจกันหรือยัง" จากนั้นก็หัวเราะแล้วก้าวขึ้นรถออกไป

ความขัดแย้ง

เชื่อมโยงถึงคิงเพาเวอร์หรือไม่

ความขัดแย้งของผู้ยิ่งใหญ่ ในการกุมอำนาจผลประโยชน์ของ ทอท.ดังกล่าวจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคิงเพาเวอร์ ตามคำร่ำลือหรือไม่

ตรงนี้ ไม่มีใบเสร็จรับรอง

แต่เกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์ใน ทอท.หลายประการแน่นอนทีเดียว

ประการแรก พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน พยายามกล่าวถึง การนำเอาบริษัทเข้ามาซ่อมรันเวย์ และแท็กซี่เวย์ รวมทั้งการซ่อมแซมใน ทอท.หลายประการที่ยังล่าช้า ซึ่งนายต่อตระกูล ยมนาค เป็นผู้รับผิดชอบดูแล

ประการที่สอง เกี่ยวโยงถึงงผลประโยชน์กับคิงเพาเวอร์อย่างชัดเจน ดั่งที่นาย ต่อตระกูล ยมนาค ให้สัมภาษณ์ตรงนี้เอาไว้อย่างชัดเจน ด้วยการตั้งข้อสงสัยกับ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง

และเชื่อว่า ทั้งสองฝ่ายต่างรู้ข้อมูลของกันและกันเป็นอย่างดี ดั่งไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

ดังนั้น กรณีที่สื่อหลายสื่อมักตีพิมพ์ข่าวค่อนแคะ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ว่า ท่าทีต่อคิงเพาเวอร์ผิดกันลิบลับจากเมื่อครั้งเข้ามารับผิดชอบ ทอท.ในระยะแรก รวมทั้งในช่วงระหว่างการตรวจสอบ จากท่าทีที่เคยแข็งกร้าวจะรื้อออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ

มาวันนี้ กลับให้ความสงสาร เห็นใจ กลัวว่าคิงเพาเวอร์จะเจ๊ง

"กรณีการฟ้องร้อง ทอท.ของบริษัทคิงเพาเวอร์นั้น ถือว่าเป็นการดำเนินการและสู้กันในทางกฎหมาย ซึ่งการกระทำของบริษัทคิงเพาเวอร์ ถือว่าคิงเพาเวอร์ปกป้องในสิ่งที่เขาได้รับความเสียหาย และเป็นไปตามกระบวนการซึ่งไม่รู้สึกหนักใจอะไร และเชื่อว่าต้องมีทางออกและจบลงด้วยดี ไม่ยืดเยื้อแน่นอน เพราะผมต้องการให้ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ไม่ใช่การเผชิญหน้ากันอย่างนี้" พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร กล่าวภายหลังการเข้าพบ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ

ได้ยินข้อมูลนี้ น่าจะเข้าใจทันทีว่าคิงเพาเวอร์ยังคงได้ครอบครองสนามบินสุวรรณภูมิต่อไป

คำว่า "ซูเอี๋ย" ภาษาจีน แปลว่าอะไรไม่ทราบ แต่เห็นชัด พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อยากกอดคอคบหากับคิงเพาเวอร์ต่อไป

ส่วนการที่คิงเพาเวอร์ฟ้องร้องต่อ ทอท.นั้น เป็น "ลิเก" โรงใหญ่ให้ชมกันเท่านั้น

และประเด็นนี้ประชาชนจะไม่ชมมิได้เสียด้วย เพราะว่า ลิเกโรงนี้กำลังเล่นเพื่อเก็บตังค์จำนวนนับหมื่นล้านบาท จาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

มิได้เก็บเงินจากทีมงานของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร แน่นอน

ที่น่าสังเกตถึงท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ซึ่งเห็นได้ชัดและน่าเป็นห่วงถึงผลประโยชน์ของ ทอท.เป็นอย่างยิ่งก็คือ การเตรียมแต่งตั้งคณะกรรมการที่จะเข้ามาแทนนายต่อตระกูล ยมนาค และพรรคพวกนั้น มีรายชื่อกรรมการใหม่ประกอบด้วย นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์, พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ และนายอารี ภู่ชอุ่ม

คงจะจำกันได้ดีถึงผลการสอบสวนกรณีการทำสัญญาระหว่าง ทอท.กับคิงเพาเวอร์ ซึ่งถูกคณะอนุกรรมการ ชุดของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รวมทั้งคณะกรรมการ ทอท.ภายใต้การนำทีมของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นประธานนั้น

ผลการสอบสวนระบุชัดเจนว่า นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ กรรมการ ทอท.ซึ่งเป็นประธานคณะทำงานในการจัดจ้างคิงเพาเวอร์ครั้งนี้มีความผิด เพราะระบุว่าเป็นการทำไปโดยผิดกฎหมาย

"เอาผิดหมดแหละครับ สำหรับบุคคลที่เกี่ยวข้อง" พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ให้สัมภาษณ์กับไทยโพสต์ ชัดเจน

แต่วันนี้ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน และ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร กลับนำเอานายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ กลับมาเป็นคณะกรรมการ ทอท.อีกครั้ง หมายความอะไร

ความหมายน่าจะมีทางเดียว คือ มีการเคลียร์กับคิงเพาเวอร์แล้ว กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้แหล่งข่าวระดับสูงกล่าวว่า สาเหตุที่ต้องแต่งตั้ง นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ นั้น เป็นการแต่งตั้งตามตำแหน่ง เพราะว่า นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ เป็นผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ควรที่จะมีตำแหน่งใน ทอท.เพื่อความคล่องตัวในการทำงานของ ทอท.ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ

"ความผิดพลาดเกิดขึ้นตั้งแต่ตั้งคณะกรรมการครั้งแรกที่ไม่มีการแต่งตั้ง นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นหนึ่งในบอร์ด ทอท.มากกว่า เพราะทำให้งานมีปัญหา และ ทอท.จำเป็นต้องทำงานร่วมกับสำนักงบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐไม่สามารถเบิกงบประมาณได้ จึงทำให้งานล่าช้า ไม่หมด ไม่ว่าจะเงินชดเชยให้ประชาชนหรืออะไรต่อมิอะไร และทำให้งาน ทอท.ซึ่งต้องเกี่ยวกับหน่วยงานรัฐล่าช้า"

ประการต่อมา ก็คือ การเตรียมแต่งตั้ง พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ เป็นคณะกรรมการคนใหม่

หากใครที่ติดตามการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบ โรงแรมท่ากาศยานสุวรรณภูมิ ในชุดคณะทำงานของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน

ต้องจดจำได้ว่า พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ ก็คือ ประธานคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ของโรงแรมสุวรรณภูมิ ที่ถูกระบุว่าเกี่ยวพันกับความผิดในการทำให้โรงแรมสุวรรณภูมิเซ็นสัญญาที่ผิดกฎหมายให้กลุ่ม ยูนิเวอร์แซล ฮอสพิแทลลิที จำกัด ของกลุ่มเจ้าของโรงพิมพ์แห่งหนึ่งในประเทศไทย ได้สัมปทานการบริหารโรงแรมสุวรรณภูมิ

และคณะกรรมการชุดที่มี พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน เป็นประธาน ประกาศให้สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ

สำหรับ พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ นั้น เป็นอดีตนายทหาร ตลท.6 รุ่นเดียวกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. และอีกหลายคนที่ยิ่งใหญ่อยู่ใน คมช.ยุคนื้

พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ มีนิกเนมว่า "เล็ก" ว่ากันว่า เป็นคนที่มีนิสัยดีเอามากๆ เพื่อนร่วมรุ่นใน ตลท.6 ทุกคนต่างรักใคร่ และเป็นคนที่เพื่อนฝูงในรุ่นรักมากที่สุด

และเขาเติบโตอย่างมากในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมๆ กับการเติบโตของ คมช.

หากมองกันโดยข้อเท็จจริงโดยทางการเมือง และด้วยข้อมูลข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์

พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ น่าจะหมดอนาคตแล้ว และน่าจะถูกกล่าววหาหลายคดีด้วย

แต่เมื่อมาถึงตรงนี้ การกลับตาลปัตรเสียแล้ว

นั่นอาจหมายถึงสิ่งที่เคยตรวจสอบว่าเป็นความผิด เป็นการทำสัญญาที่เสียหายต่อ ทอท.กำลังไม่ได้รับความสนใจและกำลังจะยือเยื้อ แบบประชาชนไม่ได้อะไร

เหมือนเช่นดั่งที่ทีมบริษัทคิงเพาวเวอร์ มีท่าทีที่แข็งกร้าวไม่กลัวใครเหมือนในอดีต

นายจุลจิตต์ บุณยเกตุ รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ที่เคยเก็บตัวเงียบหาย ในขณะนี้จึงกล้าออกมากล่าวอย่างแข็งกร้าว มิกลัวดินฟ้ามหาสมุทรเช่นในอดีตว่า การจะเจรจาเพื่อหาข้อยุติกับบอร์ด ทอท.นั้น จะเจรจาหรือไม่ ต้องดูประเด็นที่เสนอมาก่อน

บทสรุป

ตอนนี้ทุกฝ่าย รวมทั้งบรรดานักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลาย ต่างเชื่อกันแล้วว่า ปีนี้ ทอท.จะมีรายได้หดหายไปจากการพ่ายแพ้ต่อคิงเพาเวอร์นับหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง ประเมินว่า รายได้ปีนี้ของ ทอท.จะหดหายไปถึงประมาณ 18,000 ล้านบาท และจะส่งผลให้ผลประกอบการของ ทอท.ขาดทุนถึง 984 ล้านบาท จากการที่บอร์ดมีมติยกเลิกสัญญากับคิงเพาเวอร์ และกำหนดให้หยุดการรับรู้รายได้จากคิงเพาเวอร์ ในช่วงระหว่างการต่อสู้คดี

และคาดว่าจะส่งผลกระทบถึงผลประกอบการในปีหน้าด้วย และหากแพ้คดีอาจจะต้องสูญเสียรายได้อีกมากกว่านี้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ในขณะที่กลุ่มคนบางกลุ่มจะมีรายได้จากคิงเพาเวอร์ สร้างพรรค "รักชาติ"

บุคคลที่ไม่มีอุดมการณ์หวังสร้างพรรค คงจะอยู่ในบอร์ด ทอท.ได้อีกไม่นาน

อย่างไรก็ตาม บุคคลเหล่านี้ก็ไม่น่าได้รับความเห็นใจเช่นกัน

ที่น่าเห็นใจและสงสารมากที่สุดคือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ต่างหาก.
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=11/Jun/2550&news_id=143527&cat_id=600


	บันทึกการเข้า

meriwa

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

เพศ: ชาย

กระทู้: 1,100

« ตอบ #3 เมื่อ: 12-06-2007, 19:40 »

ยาววววววววววววววววว จางงงงง


	บันทึกการเข้า

ผู้ปกครองระดับธรรมดา   ใช้ความสามารถของตน อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง    ใช้กำลังของคนอื่น    อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง    ใช้ปัญญาของคนอื่น    อย่างเต็มที่

...คำคมขงเบ้ง

อยากประหยัดให้ติดแก๊ส

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 2,406

« ตอบ #4 เมื่อ: 12-06-2007, 19:43 »

บอร์ดสพรั่งชิ่งปล่อยคมนาคมรับหน้า แฉฟรีโซนสุวรรณภูมิรีด1.3พันล้าน!

โดย ประชาชาติธุรกิจ วัน พฤหัสบดี ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2550 02:01 น.

จวกยับสัมปทาน ฟรีโซน สุวรรณภูมิ บอร์ดพลเอกสพรั่งเก็บเข้าลิ้นชักกว่าครึ่งปี สภาหอการค้าไทย-ทาฟ่า-ผู้ส่งออก ร้องคมนาคมหาทางออกด่วน แจงยิบประสิทธิภาพระบบไอที วัน สต็อป เซอร์วิส ITX-FZ และ ACCS ยังเชื่อมกันไม่ติด แถมพบปมพิลึกสินค้านำเข้าส่งออกปกติมี 90% ไม่ต้องพึ่งฟรีโซนแต่ ทอท.ดันจ้าง TAGS มา บริหารผ่านมาครึ่งปีผลงานไม่ขยับแถมรับค่าธรรมเนียมเละปีกว่า 1,300 ล้าน สรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม มอบกรมขนส่งทางอากาศแก้ให้จบภายในมิถุนายนนี้ก่อนเสนอ ครม.
แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจ ว่า รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีนโยบายให้กระทรวงคมนาคม บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. บริษัท ไทย แอร์พอร์ตส์ กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (TAGS) ร่วมมือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการใช้บริการการส่งสินค้าในพื้นที่เขตปลอดอากร (FREE ZONE- FZ) สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเร่งแนวทางการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในมิถุนายนนี้

เพราะจนถึงปัจจุบันคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. ชุดพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร ประธาน ยังไม่มีทีท่าจะเข้าไปตรวจสอบโครงการมูลค่าหลายพันล้านบาท ซึ่งกระทบต่ออุตสาหกรรมการส่งออกภาพรวมทั้งประเทศ ซึ่งแต่ละปีมีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท แต่ ทอท.ต้องจ่ายค่าตอบแทบให้บริษัท ไทย แอร์พอร์ตส์ กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (TAGS) ปีละกว่า 1,000 ล้านบาท

ทั้งที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีนโยบายเร่งด่วนในการผลักดันการขนส่งแบบครบวงจรในการกระตุ้นเศรษฐกิจการนำเข้าและส่งออกสินค้า กระทั่งมีรายงานจากสภาหอการค้าไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าทางอากาศ (THAI AIRFRIEGHT FORWARDERS ASSOCIATION : TAFA) ร้องเรียนถึงกระทรวงคมนาคมและรัฐบาลเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2550 ให้หาข้อยุติบริการฟรีโซนอย่างชัดเจน หลังจาก ทอท.การให้สัมปทาน TAGS เข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ฟรีโซนยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรมในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมคลังสินค้าเป็นมูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท/ปี

ตามเอกสารบันทึกการรายงานถึง ครม.ระบุชัดเจนถึงกรณีที่ฟรีโซนได้ก่อให้เกิดปัญหารุนแรงส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจนำเข้าและส่งออกมาจาก 4 ส่วน คือ 1) จนถึงขณะนี้ TAGS บริษัทที่ได้สัมปทานบริหารพื้นที่ฟรีโซนก็ยังไม่สามารถติดตั้งระบบ IT System and X-Ray System for Cargo Free Zone : ITX-FZ เชื่อมโยงกับระบบ Airport Cargo Community System : ACCS ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งนำมาเชื่อมกับระบบ EDI ของศุลกากรก็ทำไม่ได้ การบริหารคลังสินค้าจึงมีปัญหาจัดเก็บข้อมูลไม่ได้แบบวัน สต็อปเซอร์วิส

2) ปริมาณสินค้านำเข้าและส่งออกที่สนามบินสุวรรณภูมิกว่า 90% หรือเกือบทั้งหมดเป็นสินค้าปกติทั่วไป ซึ่งไม่ใช่สินค้าที่ต้องการเพิ่มมูลค่าเพื่อการส่งออก 3) ลักษณะทางกายภาพของคลังสินค้าปลอดอากรถูกออกแบบไว้เพื่อให้สินค้าที่ผ่านเข้าไปเขตปลอดอากร แต่ไม่สามารถส่งออกได้ทันทีโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ปัญหาที่เกิดขึ้นคือสินค้าต่างๆ ก่อนเข้าเขตปลอดอากรต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบทางศุลกากร สินค้าเหล่านั้นจึงไม่มีพื้นที่รองรับเพื่อรวบรวมและดำเนินการตามกระบวนการทั้งหมดได้

4) จากการที่ ทอท.ให้ TAGS มาบริหารจัดการเขตปลอดอากรผู้ประกอบการต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มจากปกติอีก 2 ส่วน คือ ค่าธรรมเนียมของบุคคลที่เข้าออกปัจจุบันเก็บค่าทำบัตรถาวร 500 บาท/คน และค่าธรรมเนียมการลำเลียงสินค้าในระยะต่อไป 1 บาท/ก.ก.

พร้อมทั้งได้ระบุถึงการแก้ปัญหาโดยการยืดระยะเวลาจัดเก็บค่าธรรมเนียมในช่วงเริ่มต้น รวมทั้งการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทั้งกลุ่มส่งสินค้าโดยตรงและบริษัทตัวแทนขนส่งโดยให้เปลี่ยนไปใช้คลังสินค้าของ 2 บริษัท คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางกอก ไฟลต์ เซอร์วิสเซส จำกัด (BFS) 1 ปี ตลอดปี 2550 ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่มีทางออกที่ชัดเจนในระยะยาว

ส่วนสมาคมทาฟ่าได้ทำหนังสือเมื่อเดือนเมษายน 2550 ถึงพลเรือเอกธีระ ห้าวเจริญ รายงานปัญหาเขตปลอดอากร (FREE ZONE-FZ) สุวรรณภูมิ ว่าประกอบด้วย 4 ปัญหาใหญ่ ได้แก่ 1) ไม่มีประสิทธิภาพด้านผังอาคารสถานที่สำหรับงานเทียบเท่ากับเขตสินค้าท่าอากาศยานดอนเมือง และจัดพื้นที่ฟรีโซนครอบกระบวนการส่งสินค้าออกทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตร 2) ไม่สะดวกและรวดเร็ว เนื่องจากขั้นตอนการทำงานต้องผ่าน 3 จุด สำหรับสินค้าขาออกแทนที่จะเป็นจุดเดียว 3) สำหรับสินค้าขาเข้าไม่สะดวกและรวดเร็วในการหาสินค้าเนื่องจากสินค้าล้นคลังสินค้าการบินไทย และ BFS 4) ตั้งราคาค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่สูงโดยการยึดฐานผลตอบแทนรายได้สูง

นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ กระทรวงคมนาคม กล่าวกับ ประชาชาติธุรกิจ เมื่อ 4 มิถุนายน 2550 นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มีนโยบายให้กรมการขนส่งทางอากาศ และ ทอท.เป็นแกนนำจัดการประชุมร่วมกับสมาคมทาฟ่า และสภาหอการค้าไทย หาข้อยุติปัญหาฟรีโซนสุวรรณภูมิภายในวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายนนี้ และให้ทั้งหมดแล้วเสร็จภายในมิถุนายนนี้

เบื้องต้นกระทรวงคมนาคมขอให้พิจารณา 2 ปัญหาหลัก คือ 1) การใช้พื้นที่ว่าง 2 บริเวณในอาคารคลังสินค้าการบินไทย และคลังสินค้า BFS ที่ยังว่างอยู่เป็นพื้นที่ที่เตรียมไว้เผื่อการขยายคลังในอนาคตเฟส 2 ให้นำมาใช้ประโยชน์การรองรับสินค้าทั้งปลอดอากรและทั่วไปก่อนจะมีข้อตกลงร่วมตามแนวทางใหม่เกิดขึ้น และ 2) ให้ ทอท.ไปทบทวนการลดหย่อนค่าธรรมเนียมเรียกเก็บตามข้อเสนอของสมาคมทาฟ่า ซึ่งขอต่อรองโดยอ้างว่าราคาสูงเกินไป เช่น ค่าเช่าพื้นที่ปัจจุบัน 270 บาท/ตร.ม. ขอปรับเหลือ 120 บาท/ตร.ม. และค่าจอดรถบรรทุกหน้าคลังสินค้าลดจาก 120 บาท เหลือ 60 บาท


	บันทึกการเข้า

truly

ขาประจำ

ออฟไลน์

กระทู้: 253

« ตอบ #5 เมื่อ: 12-06-2007, 20:03 »

โอ้โหโวัย...ขนาดของพี่พรั่งยังยาวขนาดนี้
ถ้าเป็นประวัติชั่วของไอ้ทักษิณ สงสัย Yellow Pages 10 เล่มจะไม่พอว่ะ....


	บันทึกการเข้า

อยากประหยัดให้ติดแก๊ส

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 2,406

« ตอบ #6 เมื่อ: 12-06-2007, 21:32 »

วีรกรรมท่านวีรบุรุษมันเยอะทั้งบินฟรีทั้งตบทรัพย์ข้อมูลมันเลยยาวหน่อย
เรียกว่าทุกค่ายหนังสือพิมพ์ช่วยกันสรรเสริญคนละไม้คนละมือ ถ้าเอามา
ครบคงอ่านกันตาแฉะ นี่ขนาดไม่กี่วันนะเนี่ยยังยาวขนาดนี้


	บันทึกการเข้า

ลับ ลวง พราง

ขาประจำขั้น 2

ออฟไลน์

กระทู้: 945

« ตอบ #7 เมื่อ: 12-06-2007, 21:44 »

ทักษิณก็เริ่มเสื่อมเพราะแบบนี้แหละ หนังสือพิมพ์ลงข่าวกันครึกโครม แต่ PT ก็ไม่ยักเชื่อ หาว่าเป็นพวกเสียประโยชน์ซะงั้น บ้างก็หาว่านั่งเทียนเขียนข่าว เรียกร้องหาหลักฐาน

แต่พอกรณีอย่างนี้ เชื่อเป็นตุเป็นตะ ไม่ยักกะเรียกร้องหาหลักฐาน


	บันทึกการเข้า

"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"

อยากประหยัดให้ติดแก๊ส

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 2,406

« ตอบ #8 เมื่อ: 12-06-2007, 21:51 »

อย่างน้อยสงสัยทักษิณก็ยังมีระบบตรวจสอบอยู่
ไม่ว่าการแสดงสินทรัพย์ก่อนเข้ารับตำแหน่งหรือ
หลังออกจากตำแหน่ง ภาคประชาชนก็มี ไอ้สนธิ
ลิ้มหรือไอ้หยุ่นก็ตรวจสอบสารพัด ฟ้องศาลก็ได้
อย่างฝรั่งเรื่องยูบีซี แต่ท่านวีรบุรุษนี่แตะต้องได้
ที่ไหนพ่อภูผาแกด่าแหลก อย่าหวังได้รู้เลยว่ามัน
มีสมบัติเก่าอยู่เท่าไหร่ หลังออกจากตำแหน่งมัน
มีเท่าไหร่ สงสัยได้ก็ไม่มีปัญญาตรวจสอบเพราะ
มันไม่ได้มาตามระบบนั่นเอง เข้าใจหรือยังความ
แตกต่าง ครับ พี่น้อง


	บันทึกการเข้า

ลับ ลวง พราง

ขาประจำขั้น 2

ออฟไลน์

กระทู้: 945

« ตอบ #9 เมื่อ: 12-06-2007, 22:11 »

สมัยทักษิณ มีแต่ระบบตรวจสอบแต่ฝ่ายตรงข้ามนะสิครับ


	บันทึกการเข้า

"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"

สมชายสายชม

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 3,048

Re: พี่น้องเชื่อสนิทใจเลยใช่มั้ยว่าวีรบุรุษพั่งบินฟรีเป็นปธ.บอร์ดที่สะอาดบริสุทธ

« ตอบ #10 เมื่อ: 12-06-2007, 22:18 »

ไม่เชื่อครับ .. ถ้าคิดว่าเขาโกง ก็ให้ส่งเรื่องไปให้ คตส.

แต่เชื่อเรื่อง โกงล็อคสเป็คท่อร้อยสายไฟ .. โกง CTX .. โกงแอร์พอร์ทลิ้งค์ .. โกงสินบน car park

ฯลฯ

...


	บันทึกการเข้า

irq5

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 1,149

« ตอบ #11 เมื่อ: 12-06-2007, 22:23 »

รีบให้เอาเงินมาคืนเร็วเดี๋ยวถูกยึดทรัพย์อีกคนหรอก


	บันทึกการเข้า

.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs..
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs..
.:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs..
.:M................................................hs..
.:M.............//:................//:.............hs..
.:M...........:MMs.............NMd............hs..
.:M................................................hs..
.:M................................................hs..
.:M.............yNNNNNNNNNN................hs..
.:M.................................................hs..
.:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..

....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD..........
.....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D.......
.....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD..........
. . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra

คาคาชิ

ขาประจำขั้น 2

ออฟไลน์

กระทู้: 521

ที่นี่เหมือนโลกที่โดนมนุษย์ต่างดาวบุกหาตรรกะไม่เจอ

« ตอบ #12 เมื่อ: 13-06-2007, 02:11 »

[size=200pt] พี่น้องเชื่อสนิทใจเลยใช่มั้ยว่า วีรบุรุษพหน้าเหลี่ยม ให้ญาติบินฟรี C-130 เป็นนายกที่สะอาดบริสุทธิ์[/size]


	บันทึกการเข้า

jrr.

ขาประจำขั้น 2

ออฟไลน์

กระทู้: 670

« ตอบ #13 เมื่อ: 13-06-2007, 02:20 »

แล้วถ้าไม่สะอาด แต่ทำงาน.....ไม่อนุโลมเหรอ ???

เคยเห็นเขาชอบอนุโลมกันว่า.....โกงแต่ทำงานไม่เป็นไรไง !!!
(แต่ถึงคุณจะอนุโลม ที่นี่เขาก็คงไม่เอาหรอก...ถามไปงั้นแหละ )


	บันทึกการเข้า

dantri

สมาชิกสามัญขั้นที่ 2

ออฟไลน์

กระทู้: 84

« ตอบ #14 เมื่อ: 13-06-2007, 07:57 »

555

สงสาร เอ๊ย สังเวชใจ ชอบแถ กับพวกโง่รักทักษิณ ที่พยายามจะโน้มน้าวให้คนหลงผิดเหมือนตัวเอง แต่คงยากนะ ขนาดจ้างแท๊กซี่ก็แล้ว ประชาชนที่ไปร่วมที่สนามหลวงยังเต็มไปด้วยผีขนุน

อิอิ ก็อยากจ้างผู้ใช้แรงงาน สวรรค์เลยเป็นของเหล่าผีขนุนซะง้าน มองหาผู้ดีมีความรู้เหมือนสมัยม๊อบพันธมิตรแทบไม่เห็น


	บันทึกการเข้า

หน้า: [1]