คนกรุงเจ็บไม่จำ"เรียนสูงสมองลีบ" บูชา "เก่งแต่โกง"12 มิถุนายน 2550 กองบรรณาธิการ
"สังคมเห็นแก่ได้" ผลสำรวจศูนย์คุณธรรมระบุชัด 90% ทำอะไรไม่ต้องคิดมาก
ตะลึง! ตัวเลข 70% ยอมรับรัฐบาล "คอรัปชั่น" ถ้าทำให้อยู่ดีกินดี 82% พร้อมทำความผิดถ้าจำเป็น การศึกษาไม่ช่วยให้ดีขึ้น ยิ่งเรียนสูงคุณธรรมยิ่งลดฮวบ "ไพบูลย์" เตรียมคลอดระเบียบสำนักนายกฯ ส่งเสริมคุณธรรมใน 1 เดือน
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2550 ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม)
และศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบคโพลล์)
ได้ร่วมแถลงผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนคนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อสถานภาพคุณธรรมในสังคมไทย
ซึ่งเป็นการเก็บตัวอย่าง 2,506 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25-28 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า
จากการสำรวจความเห็นประชาชนพบว่า ความคิดเห็นต่อคุณธรรมโดยรวม 6 ด้าน
คือ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์สุจริต สติสัมปชัญญะ จิตอาสา และความขยันหมั่นเพียรอยู่ที่ 66.3 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน
โดยคุณธรรมด้านความมีสติสัมปชัญญะได้คะแนนต่ำสุด 61.7 ตามด้วยความซื่อสัตย์สุจริตได้ 62.4 และความมีวินัย 62.7
ขณะที่ความรับผิดชอบได้ 67.6 ความขยันหมั่นเพียร 69.5 และคุณธรรมด้านจิตอาสา ช่วยเหลือสังคมได้คะแนนสูงสุด คือ 71.7
ดร.นพดลกล่าวต่อว่า ผลสำรวจยังพบคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลกว่า 90% ของกลุ่มตัวอย่าง
มีความเอนเอียงที่จะคิดทำอะไรโดยไม่คิดมาก เพราะกลัวเสียโอกาส
นอกจากนี้กว่า 70% เอนเอียงยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่นถ้าทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมากขึ้น
และ 82.2% มีความเอนเอียงที่จะฝ่าฝืนกฎระเบียบของสังคมถ้ามีความจำเป็น
อย่างไรก็ตาม 54.6% จะช่วยเหลือสังคมทุกครั้งที่มีโอกาส
และ 58% มักใฝ่หาความรู้ใหม่ๆ พัฒนาความสามารถตนเองอยู่เสมอ
"เมื่อแยกออกเป็นชายกับหญิง พบว่าหญิงมีค่าคะแนนคุณธรรมสูงกว่าชายเล็กน้อย คือ 66.6 ต่อ 65.9
และพบด้วยว่า คนที่อายุระหว่าง 18-20 ปี มีค่าคะแนนคุณธรรมต่ำกว่าคนช่วงอายุอื่นๆ คือ 64.2
และคนที่จบมัธยมปลาย และ ปวส. มีระดับคุณธรรมสูงกว่าคนที่จบการศึกษาระดับอื่นๆ คือได้ 67.4" ดร.นพดลกล่าว
ดร.นพดลกล่าวอีกว่า เมื่อแยกออกตามอาชีพแล้วพบว่า
กลุ่มนักศึกษามีคุณธรรมต่ำกว่ากลุ่มอาชีพอื่นๆ คือได้ 63.8
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำระดับคุณธรรมของนักศึกษามาเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย คุณธรรมโดยภาพรวมแต่ละด้าน
พบว่ากลุ่มนักศึกษามีระดับคุณธรรมด้านความมีสติสัมปชัญญะ ความซื่อสัตย์ สุจริต และความมีวินัย
ต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยภาพรวมของคุณธรรมแต่ละด้าน กล่าวคือ ความมีสติสัมปชัญญะ นักศึกษาได้ 59.1 ต่อภาพรวมได้ 61.7
ความซื่อสัตย์สุจริต นักศึกษาได้ 59.9 ต่อภาพรวมได้ 62.4 และความมีวินัย นักศึกษาได้ 62.4 ต่อภาพรวมได้ 62.7 ตามลำดับ ด้านนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษ ย์ (พม.)
กล่าวถึงความคิดเห็นประชาชนว่า ผลสำรวจที่ประชาชนยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่น
เป็นการสะท้อนค่านิยมและทัศนคติในสังคมไทยที่มองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา ใครก็ทำได้ ก็ทำกันทั่วไป
ซึ่งน่าห่วงเพราะเป็นอันตรายต่อสังคมไทย เนื่องจากการทุจริต ทำสิ่งไม่ถูกต้อง แม้ให้ประโยชน์บ้างในระยะสั้น
แต่แท้จริงแล้วให้โทษในระยะยาว และจะให้โทษกับคนที่รู้สึกว่าได้ประโยชน์ และนำไปสู่สังคมเสื่อมโทรม
รวมถึงเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งความดีเท่านั้นจะเป็นฐานที่แท้จริงให้กับความเจริญก้าวหน้า ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ
เพียงแต่ความดีต้องใช้เวลาสั่งสม ซึ่งสามารถสั่งสมได้ โดยต้องเริ่มตั้งแต่บัดนี้
"กลไกสังคมที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อการสร้างเสริมสังคมไทย
คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ
ที่จะทำให้การขับเคลื่อนเรื่องคุณธรรม จริยธรรมในสังคมเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
แต่เพื่อให้การส่งเสริมคุณธรรมเดินหน้ารวดเร็ว โดยไม่ต้องรอขั้นตอนของการผ่านกฎหมาย
จึงเตรียมออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ คาดว่าสามารถเข้า ครม.ได้ภายใน 1 เดือน
และประกาศใช้ได้เลย ซึ่งระเบียบนี้จะช่วยส่งเสริมคุณธรรมในภาพรวม" นายไพบูลย์กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ในฐานะประธานศูนย์คุณธรรม กล่าวว่า ประชาชนควรให้ความสนใจผลสำรวจ
และหันมาช่วยกันทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความซื่อสัตย์สุจริตและมีวินัย
อะไรที่ไม่ดีต้องไม่ยอมให้เกิดขึ้นในสังคมโดยเฉพาะการปล่อยให้มีการทุจริตคอรัปชั่น
โดยเฉพาะการปล่อยให้มีการทุจริตคอรัปชั่น
"ประเทศจะวิกฤติหรือไม่วิกฤติก็อยู่ที่คุณธรรมด้านซื่อสัตย์สุจริตและวินัย
คนไทยต้องแสดงจุดยืนในการรักษาวินัยและต่อต้านคนโกงทุกรูปแบบ
อะไรที่ไม่ดีต้องไม่ยอมให้เกิดขึ้นในสังคม ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวอีกว่า ผลสำรวจที่ออกมาน่าห่วงตรงที่ประชาชนจำนวนมากยอมรับให้ปล่อยให้มีการคอรัปชั่น
ถ้าการทุจริตทำให้คนเองอยู่กินดี ซึ่งกลุ่มที่คิดนี้เป็นกลุ่มที่คิดสั้น ขาดสติ ไม่คิดหน้าคิดหลัง
หวังเพียงความอยู่รอดชั่วคราว เหมือนกับการเลือกตั้งที่ประชาชนบางคนเห็นดีเห็นงามกับการซื้อเสียงเพียงเงินไม่กี่ร้อยบาท
แต่นักการเมืองที่ซื้อเสียงก็จะไปโกงงบประมาณเพื่อถอนทุกคืน ประเทศชาติก็จะเสียหายจนทุกคนในชาติอยู่ไม่ได้
ดังนั้นเมื่อคนหนึ่งขาดวินัย ทุจริต แล้วสังคมปล่อยให้ลอยนวลไม่มีลงโทษให้สมกับความผิด คนอื่นๆ ก็จะทำตาม
ผลที่ตามมาคือวิกฤติสังคมซ้ำซากไม่จบสิ้น
"การป้องกันแก้ไขคือ สร้างจิตสำนึกและหากลไกสนับสนุนให้มีวินัยและความซื่อสัตย์ในวิชาชีพและองค์กร
ซึ่งจะช่วยลดปัญหาคอรัปชั่นเชิงนโยบายทั้งทางตรงและทางอ้อมได้" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม กล่าวว่า
การสำรวจสภาพคุณธรรมจะใช้เป็นฐานข้อมูลเพื่อวางยุทธศาสตร์สร้างกลไกกระตุ้นประชาชน
ระวังพฤติกรรมที่ไม่ต้องการและรักษาไว้ซึ่งคุณธรรม
โดยจะทำการสำรวจสถานภาพคุณธรรมของประชาชนในสังคมไทยอีก 7 ครั้ง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล
และอีก 18 จังหวัดทั่วประเทศ คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนกันยายนปีนี้.
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=12/Jun/2550&news_id=143584&cat_id=501---
แหม...ผมล่ะภูมิใจจังที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในจำนวนพวกนั้น...