โฆษก คมช. ออก จส.100 ชี้แค่รอ ประกาศฉุกเฉิน ทหารปฏิบัติภารกิจได้
ขณะที่ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึงกองบัญชาการกองทัพบกนั้น พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวทางสถานีวิทยุ จส.100 ว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายขบวนออกจากสนามหลวงมาเจอกับแนวสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีเพียงโล่ป้องกันและไม่มีอาวุธ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่พยายามใช้เครื่องขยายเสียงเจรจาให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมอธิบายสถานการณ์บ้านเมืองที่มีความบอบช้ำพอสมควร รวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถชุมนุมปราศรัยอย่างไรก็ได้ แต่การเคลื่อนขบวนจะทำให้ประสบปัญหาต่อสาธารณะทั่วไป
โฆษก คมช.กล่าวต่อว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายและความรุนแรงขึ้น
ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมแถวหน้าพยายามใช้รถจักรยานยนต์ ประมาณ 10-20 คัน ชนเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการยั่วยุ พร้อมยกแผงเหล็กทุ่มใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับบาดเจ็บพอสมควร อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการกำชับว่า ผู้ชุมนุมทุกคนเป็นคนไทย แต่มีการแสดงความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อม
ทำให้ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึงหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ส่วนกำลังทหารขณะนี้ยังอยู่ในที่ตั้ง ไม่ได้ออกปฏิบัติภารกิจแต่อย่างใด รอเพียงมีการประกาศภาวะฉุกเฉินจึงจะสามารถออกปฏิบัติภารกิจได้
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่เคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมาอยู่ด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก มีประมาณ 14,000-15,000 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การดูแลรักษาความปลอดภัย แต่กลับยั่วยุ และถูกทำร้ายเล็กๆ น้อยๆ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พร้อมรองรับอารมณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยจะพยายามรักษาเส้นความพอดีของกฎหมายให้ถึงที่สุด
และเมื่อเวลาประมาณ 23.15 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ได้ให้สัมภาษณ์สดเพื่ออธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 อีกครั้ง
โดย พ.อ.สรรเสริญซึ่งสวมหมวกแบร์เรต์สีดำและมีสีหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัดให้สัมภาษณ์ว่าผู้ชุมนุมใช้ถ้อยคำหยาบคาย และมีเพียง 2,000 คน ส่วนทหารพร้อมจะปฏิบัติภารกิจ แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และเราคงต้องทำตามเสียงประชาชนส่วนใหญ่ คงมาตอบสนองกลุ่มผู้เรียกร้องไม่ได้ทุกประเด็น
เรียกร้องประธาน คมช. ออกมาเจรจา
ขณะที่ เมื่อเวลา 23.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเดินทางถึงบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพบกแล้ว โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้เปิดเวทีปราศรัยโจมตี คมช. พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ออกมาเจรจา มิฉะนั้นแล้วจะดำเนินการขั้นต่อไป
โดย นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานบริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี กล่าวว่า ให้เวลา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รวมทั้ง คมช.ทุกคนลาออกภายใน 7 วันนายวีระกล่าวว่าเราไม่ได้มาชวนทะเลาะวิวาทกับใคร เราจะไม่ไปล้ำลอดเขตรั้วของ กอง บก.ทบ. เพราะเจ้าของบ้านเขาไม่ต้อนรับ เราจะนั่งรอที่นี่ เราจะเป็นแขกที่ดี เป็นประชาชนที่ดี
มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ คมช. 8 คนเท่านั้นที่เอาอำนาจไปจากประชาชน ทหารที่เหลือเป็นกองทัพแห่งชาติที่มีจุดยืนเดียวกับประชาชน เราขอเจรจากับคน 8 คน ที่ใช้ชื่อว่า คมช เรารักสันติ ไม่พกพาอาวุธ เรามาบอกท่านว่า คมช. ออกไป คมช. ออกไป
ทำไมต้องให้ คมช ออกไป เราต้องทำความเข้าใจกับคน 8 คนที่เป็น คมช. ว่ามายึดอำนาจวันที่ 19 ก.ย. 2549 นั้นผิด กม. ขอให้สนธิ บุญยรัตกลินคิด 7 วัน แล้วจะกลับมาทวงใหม่ ด้วยกำลังประชาชนที่มากกว่าเดิมหลายเท่า และขอส่งเสียงไปถึงสพรั่ง กัลยาณมิตรที่บัญชาการอยู่สนามม้านางเลิ้ง ขอให้มาด้วยตัวเอง หรือ พล.อ.สนธิ ที่อยู่กองทัพภาคที่ 1
ถ้าเป็นชายชาติทหารก็ให้มาเจรจาตรงไปตรงมา อย่างวิญญูชน ทั้งนี้แกนนำผู้ชุมนุมให้เวลาตัวแทน คมช. 1 ชั่วโมง มารับข้อเรียกร้องดังกล่าว หากมารับข้อเรียกร้องกลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางกลับสนามหลวง หากไม่มีการรับข้อเรียกร้องดังกล่าวจะปักหลักหน้ากองบัญชาการกองทัพบกต่อไป เมื่อถึงเวลา 7 วันตามกำหนด คมช.ยังไม่ลาออก จะเคลื่อนขบวนกลับมาทวงคำตอบอีกครั้ง
มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ปราศรัย แนะ ปธ.คมช.สารภาพประชาชน
ต่อมามานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย โดยนายมานิตย์กล่าวว่าขออนุญาตนั่งปราศรัยเนื่องจากอายุมากแล้ว เดินทางมันเมื่อย และกล่าวว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย รัชกาลที่ 7 ทรงพระราชทานให้ปวงชนชาวไทยและรับสั่งว่าอย่าเอาไปให้ใครคนใดคนหนึ่ง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไปใช้ ขอให้เหมือนนานาอารยประเทศ
และนายมานิตย์กล่าวถึงทหารที่ทำการยึดอำนาจว่า ท่านเป็นทหาร อาชีพคือป้องกันอาณาเขต ท่านคิดว่าท่านฉลาดรู้หมดว่าจะทำอะไรก็ได้ แต่มันไม่เหมือนบริหารทหารหรอกครับ ทหารเขาฝึกให้ฟังคำสั่งอย่างเดียว แต่เดี๋ยวนี้โลกเราเข้าสู่ยุค Globalization (โลกาภิวัตน์) แล้ว การสื่อสารไร้พรมแดน ทุกคนที่มาชุมนุมมีมือถือ เขาจะส่งข่าวบอกพี่เขา น้องเขา และกล่าวว่าหาก พล.อ.สนธิ ออกมา อาจารย์มานิตย์จะทำให้ท่านสนธิหาทางลงได้ เพียงแต่ท่านสารภาพกับประชาชน
พ.อ.อภิวันท์ปราศรัยแนะสนธิแก้ดวงตัวเอง อย่ายุ่งแก้ดวงเมือง
ต่อมา พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีต ส.ส.นนทบุรี ปัจจุบันผู้ประสานงานภาคกลาง กลุ่มคนรักทักษิณไม่เอาเผด็จการ ขึ้นปราศรัย โดยถามผู้ชุมนุมว่าเราจะมาปราบกบฏใช่หรือไม่ และกล่าวว่าเรื่องการแก้ดวงเมืองเป็นเรื่องของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินไม่ควรทำ
เรื่องดวงเมือง สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงวางดวงเมืองไว้ให้พสกนิกรของพระองค์อยู่ดีมีสุข กินดีอยู่ดี ดังนั้นจึงฝากบอก พล.อ.สนธิว่า ดวงเมืองไม่ต้องแก้ แก้แต่ดวงของมึงนั่นแหละ และบอกให้ประธาน คมช. ออกมาสารภาพบาปกับพี่น้อง เดี๋ยวนี้ แล้วยินดีออกไป พี่น้องประชาชนจะให้อภัย พ.อ.อภิวันท์กล่าว
นอกจากนี้ในช่วงหนึ่ง ได้มีแกนนำกล่าวปราศรัยว่า ให้เอาเครื่องประหารหัวสุนัขมา ประชาชนจะตัดสินแล้ว
พ.อ.สรรเสริญอีกครั้ง ยัน คมช.ทำตามข้อเรียกร้องไม่ได้ บ้านเมืองมีกติกาชัดเจนแล้ว
ต่อมาช่วงประมาณเที่ยงคืน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี อีกครั้งว่าเหลือ 2,000-3,000 คน เจ้าหน้าที่พยายามปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ป้องกันทุกวิถีทางไม่ให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น เชื่อว่าเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมอารมณ์เย็นขึ้น จะมีการยื่นข้อเสนอผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
โฆษก คมช. กล่าวว่า การปฏิบัติทั้งหมดเป็นไปตามแผนพิทักษ์ 1 กำลังทหารจะออกมาเมื่อมีการออกประกาศ พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 แล้ว เท่านั้น จากการติดตามข้อมูลจากกลุ่มผู้ชุมนุมทราบว่า มีข้อเรียกร้อง อาทิ ชู พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี เป็น ผู้นำในปัจจุบัน และอนาคตต่อไป และขับไล่ คมช. ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คมช.ไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าวของกลุ่มผู้ชุมนุมได้ เนื่องจาก ขณะนี้มีกติกาบ้านเมืองทางออกที่ชัดเจนแล้ว ที่จะมีการลงประชามติรัฐธรรมนูญ และกำหนดเลือกตั้งในปลายปีนี้
"คมช.ออกไปในตอนนี้จะมีหน่วยงานไหนประคับประคองบ้านเมืองไปสู่สถานการณ์ช่วงการเลือกตั้งในวันข้างหน้า ประชาชนทั้งประเทศยอมได้หรือไม่ หากจะให้ใครที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องกลับมา ปัญหาก็จะย้อนกลับไปเช่นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เช่นเดิม คมช.จึงไม่สามารถดำเนินการตามข้อเรียกร้องได้" โฆษก คมช.กล่าวและว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ถือเป็นเกมการเมือง เพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ขณะนี้ ได้มีการยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 อนุญาตให้พรรคการเมืองดำเนินการทางการเมืองได้เต็มที่ เชื่อว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ จะมีการเปิดตัวพรรคการเมือง และสถานการณ์ทั้งประเทศจะดีขึ้น
ทั้งนี้ พ.อ.สรรเสริญยังได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 อีกครั้ง โดยมีเนื้อหาคล้ายกับที่ให้สัมภาษณ์ทีไอทีวี
อาจารย์โต้ง แจมสังเกตการณ์หวิดถูกม็อบฮือ
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 00.15 น.ที่ผ่านมา ขณะที่แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีชั่วคราวบนรถหกล้อปราศรัยอยู่นั้น ได้มีการตั้งอีกเวทีของกลุ่มพิราบขาว 2006 เพื่อปราศรัยโจมตี คมช.อยู่ใกล้ๆ กัน นำโดย นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล
ระหว่างนั้น อาจารย์โต้ง หรือ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีต ส.ว.นครราชสีมา ซึ่งเคยร่วมปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินผ่าน นายนพรุจมองเห็นจึงได้ประกาศบนเวทีว่ามีคนเข้ามาก่อกวน กลุ่มผู้ชุมนุมได้วิ่งกรูกันเข้าไปหานายไกรศักดิ์ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ากันไว้ได้ทัน จึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผู้ร่วมชุมนุมบางคนตามไปด่าทอนายไกรศักดิ์ด้วยคำพูดที่หยาบคายนายไกรศักดิ์ ได้กล่าวว่า ตนเดินทางมาดูการชุมนุมเพื่อสังเกตการณ์และรับฟังเหตุผลของการชุมนุมเท่านั้น เพราะรู้ว่าคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญ ทำให้นักการเมืองไม่พอใจและจัดการชุมนุมขึ้นมา ตนจึงมาฟังเพื่อจะรู้ว่าเขาพูดอะไร และรู้ว่าพวกเขาเสียใจ ก็อยากมาฟังเหตุผลเท่านั้น
ขณะเดียวกัน มีกลุ่มประชาชนกลุ่มหนึ่งที่เดินทางออกจากบริเวณหน้า บก.ทบ.ไปยังหน้าสำนักงานสหประชาชาติ ซึ่งมีตำรวจและทหารตรึงกำลังอยู่อย่างไม่ทราบจุดประสงค์ แกนนำบนรถจึงได้ประกาศให้เดินทางกลับมา
วีระขึ้นเวทีนำกลับสนามหลวง เอา 14 ตุลาเตือนสติให้กลับบ้านเป็นระเบียน
เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. นายวีระ มุกสิกพงศ์ ขึ้นกล่าวปราศรัยระบุว่า ประชาชนที่ร่วมชุมนุมโดยสันติวิธีและมีคาถาประจำใจคือ ไม่โกรธ ไม่รุนแรง ไม่ตอบโต้ กำลังเดินทางกลับไปยังสนามหลวงแล้วจะกลับมาใหม่อีก 7 วันข้างหน้า เมื่อประชาชนในภาคเหนือ อีสาน กลาง และอาจจะมีภาคใต้ด้วยเพิ่มจำนวนเข้ามาชุมนุม ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการมีเพียงข้อเดียวคือ คมช.ต้องออกไปโดยไม่มีเงื่อนไข
อย่างไรก็ตาม นายวีระได้กล่าวถึงประสบการณ์ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ว่า แม้เราจะเดินทางมาอย่างเรียบร้อยและมีการเจรจาตกลงกันได้ แต่เมื่อพี่น้องทยอยเดินทางกลับกันอย่างไม่เป็นระเบียบ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ก็มีการใช้ความรุนแรงปราบปรามที่เจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชนเมื่อตอนที่จะมีการแยกย้ายกลับบ้าน
นายวีระได้ประกาศให้ประชาชนค่อยๆ เกาะกลุ่มเคลื่อนย้ายออกไปจากพื้นที่ ถ้าต่างคนต่างกลับ เขาจะสลายเอา การทุบตีจะเกิด แก๊สน้ำตาจะเกิด และหลังจากนั้นจึงมีการเคลื่อนขบวนพร้อมตะโกน คมช.ออกไป 3 รอบ และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนเคลื่อนขบวนกลับสนามหลวง
นอกจากนี้ระหว่างทาง แกนนำผู้ชุมนุมยังกล่าวบนรถปราศรัยว่า เรารู้ทางแล้ว วันหน้าเราจะมาเที่ยวใหม่ บ้ายบาย ครับท่าน ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลร่วมสังเกตการณ์ชุมนุมสนามหลวง
นอกจากนี้ เวลาประมาณ 22.04 น. วานนี้ (9 มิ.ย.) ในกระดานข่าวฟ้าเดียวกัน ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ตั้งกระทู้หัวข้อ update สถานการณ์: การชุมนุมที่สนามหลวงวันนี้ โดยระบุว่าออกมาจากการชุมนุมที่สนามหลวงในเวลา 20.00 น. ตอนผมออกจากสนามหลวง ประมาณ 20.00 น. เขายังไม่ตัดสินใจว่าจะเดินหรือไม่เดิน ผมเพิ่งทราบเมื่อมาถึงบ้านว่า เขาตัดสินใจเดิน ความจริง โดยส่วนตัว ผมรู้สึกว่า หากจะเดิน น่าจะเริ่มเร็วกว่านี้
ผมเข้าใจเอง (และจากการคุยกับคนที่รู้จักคนจัดอยู่ห่างๆ) วันนี้น่าจะเป็นเพียงการ ซ้อมใหญ่ เท่านั้น
หวังว่า คงจบแบบสงบ และกล่าวว่าจะหาเวลาเขียน impressions จากการไปสังเกตการณ์ ชุมนุมโดยละเอียดวันหลัง
โดยอาจารย์สมศักดิ์ประเมินว่ามีการชุมนุมที่สนามหลวง มีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 2 หมื่นคน ซึ่งตามความเห็นของอาจารย์สมศักดิ์ ถือว่า มาก แต่ไม่ถึงกับมากแบบ มหึมามหาศาล เสียทีเดียว
ประธาน คมช.จะไม่ลาออกตามข้อเรียกร้อง ยันทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ได้ทำอะไรผิด
ล่าสุด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. กล่าวในวันนี้ (10 มิ.ย.) ยืนยันจะไม่ลาออกจากตำแหน่งประธานคมช. ภายใน 7 วัน ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ เนื่องจากไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ผ่านมาถือว่าทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองไม่ได้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง อีกทั้ง กลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ตนเองยังมีความสงสัยอยู่ว่ามีเจตนาอันบริสุทธิ์จริงหรือไม่ด้วย
ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่นั้นคิดว่า ยังไม่จำเป็น เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่น่าวิตกและเชื่อว่าการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ คงจะลดน้อยลงภายหลังจากประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จากการกระทำของกลุ่มอำนาจเก่า จนนำไปสู่การปฏิวัติของ คมช.
กรณีที่มีรายงานว่าคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พยายามติดต่อขอพูดคุย ผ่าน หมอดูชื่อดัง นั้น พล.อ.สนธิ บอกว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากมีการติดต่อมาจริงก็คงต้องขอปรึกษากับทางรัฐบาลก่อน ที่จะมีการตัดสินใจ
'อ.โต้ง' แจงสรยุทธ์ เมื่อคืนแค่สังเกตการณ์ แต่ถูกโห่ไล่ทั้งที่ยังไม่อยากกลับ
ขณะที่ ล่าสุด นายไกรศักดิ์ ชุณหวัณ อดีต ส.ว.นครราชสีมา ได้ให้สัมภาษณ์นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ในรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3 เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (10 มิ.ย. 50) ถึงเหตุการณ์การชุมนุมหน้า บก.ทบ.ที่นายไกรศักดิ์ถูกโห่ไล่เมื่อคืนว่า ตนตั้งใจว่าจะไปสังเกตการณ์ แต่มีแกนนำปราศรัยว่ามีคนจะยั่วยุ ตนจึงเดินเข้าไปที่รถปราศรัย เพื่อถามว่าขอผมมาฟังสักคนไม่ได้หรือ แต่มีคนฮือเข้ามา โชคดีที่ตำรวจช่วยออกมา ที่จริงก็ไม่อยากจะกลับ อยากจะฟังต่อ ตนไม่เคยเห็นม็อบที่ท้าทายขนาดนี้
ปีที่แล้วตนอยู่กับม็อบพันธมิตรมาหลายเดือน มีการยับยั้ง ให้ใช้สันติวิธี ไม่ให้ใช้การรุนแรง แต่ม็อบครั้งนี้กลับสนับสนุนให้ใช้การรุนแรงด้วยซ้ำไป แต่คิดว่าตนคงไม่ไปอีกแล้ว เขาคงไม่อยากหาแนวร่วม ทั้งๆ ที่ ตนไม่ชอบเผด็จการเหมือนกัน ที่ไปก็อยากไปฟังเหตุผลว่าทำไมต้องชุมนุม แต่ตนก็ต้องรีบออกมา และมีการขว้างขวดน้ำ ขว้างกระป๋องโดนหัวตนเอง จับๆ ดูก็โนเหมือนกัน เป็นห่วงสถานการณ์มาก เป็นห่วงรัฐบาล ม็อบนี้ไม่เน้นสันติวิธีแล้ว ท้าทายให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น นายไกรศักดิ์กล่าวhttp://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=8407&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai นำรายงานข่าวจาก"ประชาไท" มาให้อ่าน
เพื่อจะสอบทานข้อเท็จจริง ใครรายงานข่าวตรงกับความเป็นจริง
ใครรายงานเท็จ หรือ "โม้"เกินจริง.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า