ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 05:54
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  มิติใหม่ของการเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตยที่คนไทยพึงประสงค์ขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
มิติใหม่ของการเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตยที่คนไทยพึงประสงค์ขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์  (อ่าน 2066 ครั้ง)
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« เมื่อ: 07-06-2007, 11:21 »



มิติใหม่ของการเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตยที่คนไทยพึงประสงค์ ขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์


การขับเคลื่อนประเทศ การเมืองไม่จำเป็นต้องนิ่ง 

ที่ดีที่สุดคือขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ เพราะมีพลังขับเคลื่อน ควบคู่ไปกับการลดอุปสรรคในการพัฒนาประเทศครับ


ท่านเห็นด้วยหรือไม่??


แล้วอะไรล่ะครับที่ไม่สร้างสรรค์ ถ้าไม่ใช่การโกง เอาเปรียบกัน โดยไม่เคารพกฎหมาย??
 
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 07-06-2007, 11:30 »



สาเหตุหนึ่งที่กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ บังคับใช้ไม่ได้เพราะคนไทย และตำรวจไทย นิติกร นักวิชาการ ตลอดจนตุลาการบางราย

ไม่เข้าใจและไม่มั่นคงและให้ความสำคัญในเจตนารมณ์ของกฎหมายแต่ละฉบับ ตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัย..
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 10-06-2007, 14:58 »

จุดเปลี่ยนประเทศไทย

พลวัตเศรษฐกิจ : ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ   กรุงเทพธุรกิจ  วันศุกร์ที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2550

สิ่งที่น่าเสียใจ ก็คือ คนไทยที่กำลังมัวเมากับเกมแห่งอำนาจกำลังช่วยกันรุมสกรัม เครดิต และความน่าเชื่อถือของประเทศ อย่างรุนแรงหนักหน่วง จนอาจกล่าวได้ว่า เราแตกความสามัคคี และไร้ความสมานฉันท์ อย่างสิ้นเชิง

มีคนจำนวนไม่น้อยห่วงใยความบอบช้ำทางเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศนี้ แต่คนจำนวนหนึ่งกำลังเชื่อว่า ไทยกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่จะทำให้บ้านเมืองมีการปกครองที่มีธรรมาภิบาลมากขึ้น เศรษฐกิจก็น่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากที่อึมครึมมาตลอดหลังการรัฐประหาร

เราเคยได้รางวัลเหรียญเงินทางด้านการโกงจากบริษัทจัดอันดับอย่างเพิร์ค หวังแต่ว่าในอนาคต เราจะได้รัฐบาล ที่ยึดมั่นธรรมาภิบาล ซื่อสัตย์โปร่งใสอย่างแท้จริงเข้ามาบริหารประเทศ ความน่าอับอายเป็นเพียงความเสียหายเล็กน้อย หากเทียบกับผลกระทบใหญ่หลวงของมันที่จะเกิดขึ้น ต่อประชาชนและประเทศชาติ ไม่ว่าจะจิ้มไปที่ไหนในแผ่นดินไทย ล้วนมีการทุจริตคอร์รัปชันทุกหย่อมหญ้า

สิ่งนี้เกิดขึ้นในทุกวงการไม่เฉพาะการเมืองและระบบราชการเท่านั้น ในแวดวงธุรกิจก็ไม่น้อยไปกว่ากัน วงการสื่อมวลชน วงการแพทย์ วงการตำรวจทหารจนถึงวงการศึกษาครูบาอาจารย์ก็เห็นกันอยู่ดาษดื่น จนกระทั่งมีบางท่านที่สิ้นหวังกับประเทศ ถึงกับบอกว่ามันโกงกันอยู่ในวัฒนธรรมค่านิยมกันเลยทีเดียว

บางส่วนเชื่อว่า วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจการเมืองเพิ่งจะเริ่มต้น วิกฤติศรัทธาเกิดขึ้นในทุกวงการแม้นกระทั่งระบบศาลยุติธรรม นักนิติศาสตร์จำนวนหนึ่งตั้งถามว่า ประเทศนี้ปกครองด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรมจริงหรือ? แม้นนักนิติศาสตร์ด้วยกันเองยังไม่เชื่อว่า เรายึดหลักนิติธรรม

อย่าไปหวังว่านักลงทุนต่างชาติจะเชื่อมั่นต่อระบบกฎหมายไทย เมื่อไม่เชื่อมั่นต่อความยุติธรรมย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจในการลงทุน ความขัดแย้งในเรื่องความคิดเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องไม่นำความขัดแย้งเป็นเงื่อนไขก่อความรุนแรงต่อเพื่อนร่วมชาติ สังคมควรจะมีสติ และพิจารณาปรากฏการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างเท่าทันด้วยความรู้ความเข้าใจ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ผมอยากเห็นสังคมที่ไม่สุดโต่งและสวิงไปมา เพราะมันสะท้อนถึงภูมิคุ้มกันความเสี่ยงบกพร่อง ความเสี่ยงที่บกพร่องนี้ ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก โอกาสที่การลงทุนจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้มีน้อย เพราะการลงทุนภาคเอกชนจะฟื้นตัวช้า เพราะนักธุรกิจมากกว่า 80% ยังกังวลกับปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองจึงชะลอการลงทุนต่อเนื่องอยู่ การเบิกจ่ายภาครัฐจึงต้องเร่งรัด ส่วนการบริโภคนั้นก็อ่อนตัวอย่างชัดเจน และจะยังคงซึมไปอีกสักระยะหนึ่ง แรงกดดันจากราคาน้ำมันและดอกเบี้ยลดลง ภาคส่งออกยังขยายตัวดี

สำนักวิจัยหลายแห่งก็มีความเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันว่า การกระจายของความน่าจะเป็น ของการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นด้านต่ำ ASYMMETRIC PROBABILITY DISTRIBUTIONมากกว่าด้านสูง

ผมมองว่าเศรษฐกิจทั้งปี 2550 จะเติบโตอยู่ในช่วงร้อยละ 3.0 - 3.5 การใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน อาจจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีได้ หากไม่มีเหตุความรุนแรงทางการเมืองถึงขั้นนองเลือด การส่งออกจะยังขยายตัวได้ในเกณฑ์ดี แม้ว่าจะเริ่มชะลอตัวลงบ้างในครึ่งหลังของปีตามภาวการณ์ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์และส่วนประกอบ โดยสินค้าเหล่านี้ ไม่ส่งผลต่อคนไทยมากนักหรอก เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่บรรษัทข้ามชาติ เขาใช้บ้านเราเป็นฐานเพื่อการผลิตส่งออก

เรากำลังมาถึงทางแยกที่สำคัญ แน่นอนที่สุด ประเทศของเรามีความจำเป็นต้องมีการปฏิรูปอย่างจริงจังกันเสียที นักปฏิรูปที่แท้จริงย่อมไม่แสวงหาวิธีการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยยุทธวิธีของนักฉวยโอกาส ระยะเวลาและกลไกทางสังคมที่รู้เท่าทันจะเป็นตัวคัดกรองระหว่าง ของจริงกับของเทียม (นักฉวยโอกาส)

ความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ โดยกิจกรรมที่ทำอย่างต่อเนื่องย่อมสร้างสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างขบวนการปฏิรูปสังคมกับมวลชนอันไพศาล การเป็นขบถของเจ้าชายสิทธัตถะต่อสังคมแบ่งชั้นวรรณะของอินเดีย การปฏิรูปประเทศของรัชกาลที่ 5 ตลอดจนถึงการเป็นขบถต่อจักรวรรดินิยมอังกฤษของมหาตมะ คานธี การขบถเพื่อการปฏิรูปสังคมจะอ่อนล้าลงหากไม่มีการสืบทอดอุดมการณ์

ผู้ที่สืบทอดหลักธรรมะของพระพุทธเจ้าก็ดี ผู้สืบทอดอุดมการณ์ทางการเมืองของคานธีก็ดี บรรดาสาวกเหล่านี้ บางท่านก็ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวคิดของผู้ที่เป็นต้นแบบอย่างจริงจัง บรรดาผู้ที่อ้างพระพุทธเจ้า อ้างท่านคานธี อ้างคุณธรรม มักจะอ้างเพื่อให้ตัวเองดูดี แต่หาได้มีวิถีปฏิบัติที่น่าเคารพศรัทธาไม่ หรือบางคนก็ดูดีแต่ภาพลักษณ์ แต่พอสัมผัสไปจริงๆ ก็จะรู้ว่า ของปลอมไม่ใช่ของจริง ครับ

คนเราย่อมมีดีมีชั่วอยู่ในตัวเอง การไม่สร้างภาพและอยู่กับความจริงจะดีที่สุด ครับ


บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 10-06-2007, 15:56 »


การเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจยังวิ่งได้
หน้าต่างความคิด : เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว  กรุงเทพธุรกิจ  วันศุกร์ที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2550

ในที่สุดก็รู้กันเสียทีว่าพรรคไหนบ้างที่โดนยุบ แน่นอนว่าต้องมีทั้งคนเห็นด้วย และคนไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินที่ออกมา ผู้ที่เสียผลประโยชน์โดยตรงจากคำตัดสินของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เริ่มออกมาเคลื่อนไหว แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า เคลื่อนไหวไปก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนคำตัดสินได้ อย่างน้อยการแสดงออกลักษณะนี้ ก็ยังช่วยรักษาเครดิตทางการเมืองของตน และพรรคพวก ที่สำคัญการเคลื่อนไหว น่าจะเป็นความพยายามควบคุมความเสียหาย ไม่ให้บานปลายจนตัวเอง และพรรคพวกต้องเดือดร้อนไปมากกว่านี้ โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำไปจะส่งผลต่อภาพรวมของประเทศอย่างไร

คงมีหลายคนที่เป็นห่วงว่าอุณหภูมิการเมืองที่สูงขึ้นอีกรอบนี้ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยห่อเหี่ยวลงไปกว่าเดิม คนโน้นก็บอกว่าการเมืองไม่นิ่งเศรษฐกิจจะนิ่งแทน คนนี้ก็บอกว่า การเมืองไม่นิ่ง นักลงทุนก็วิ่งหนี หันไปทางไหนก็ไม่เห็นจะมีข่าวดี หรือว่าเศรษฐกิจบ้านเราจะแย่ลงจริงๆ?

ก่อนจะตัดสินใจฟันธงลงไป ลองมาต่อจิ๊กซอว์ดูภาพใหญ่กันดีกว่า

จิ๊กซอว์หมายเลข 1: ของจริง ของปลอม

ระบบเศรษฐกิจนั้นมีสองมิติซ้อนทับกัน มิติแรกเป็นภาคเศรษฐกิจของจริง ซึ่งประกอบไปด้วยภาคการผลิต ภาคบริการ ภาคการเงินที่คอยระดมเงินไปใช้ในการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิต หน่วยทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้ซื้อ ลูกจ้าง นายจ้าง ต่างก็มีความอยากได้อยากมีด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่การตัดสินใจส่วนใหญ่เป็นการตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผล รู้จักเปรียบเทียบผลประโยชน์ที่ได้กับต้นทุนที่จะเกิดขึ้น โดยไม่ปล่อยให้ความอยากเข้ามาบิดเบือนการตัดสินใจมากนัก ระบบเศรษฐกิจภาคนี้จึงขับเคลื่อนด้วยกลไกตลาดที่ทำงานอย่างค่อนข้างเป็นเหตุเป็นผล

มิติที่สองเป็นเศรษฐกิจภาคมายา หน่วยทางเศรษฐกิจที่หลงอยู่ในภาคเศรษฐกิจแบบนี้ ไม่สามารถควบคุมความอยากได้อยากมีของตนได้ดีนัก เมื่อกิเลสตัณหาเข้ามาบดบังการตัดสินใจ ความมีเหตุมีผลจึงลดน้อยถอยลง เมื่อขาดซึ่งเหตุผลแล้ว ความสามารถการตัดสินใจอย่างเหมาะสมก็ลดลงตามไปด้วย ภาคเศรษฐกิจแบบนี้จึงมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระตุ้นค่อนข้างสูง

สมาชิกของระบบเศรษฐกิจภาคมายานี้ แบ่งเป็นสมาชิกระดับสูงและสมาชิกสามัญธรรมดา สมาชิกระดับสูง คือผู้ที่รู้จักเก็บซ่อนความอยากของตนเองเอาไว้ภายใต้หน้ากากของเหตุผลจอมปลอมได้อย่างน่าเชื่อถือ เช่น นักลงทุนที่ป่าวประกาศไปทั่วว่าตนเองซื้อหุ้นโดยวิเคราะห์พื้นฐานของหุ้นแต่ละตัว ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ต้องการเก็งกำไรระยะสั้นจากส่วนต่างของราคาหุ้นเท่านั้น นักธุรกิจที่กู้เงินมาเกินกว่าที่ต้องการใช้ในการขยายกิจการ เพราะต้องการเอาเงินกู้ส่วนเกินมาซื้อรถยุโรปรุ่นใหม่ หรือคนซื้อกว้านซื้อบ้านจัดสรร เพื่อหวังจะขายต่อ ในราคาที่สูงกว่าในอนาคต ทั้งที่ตัวเองไม่สามารถแบกรับภาระการผ่อนชำระบ้านได้ทั้งหมด

สมาชิกระดับธรรมดาสามัญ หรือรู้จักกันในนามของแมลงเม่า สมาชิกกลุ่มนี้มักจะเป็นกลุ่มผู้ตาม อะไรที่สมาชิกระดับสูงทำ ก็จะทำตามอยู่ร่ำไป เพราะตนเองไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรดี

ระบบเศรษฐกิจไหนที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกตลาด มักจะมีทั้งส่วนที่เป็นของจริงและส่วนที่เป็นของปลอม ทับซ้อนกันอยู่ในสัดส่วนที่มากน้อยแตกต่างกันไป ระบบเศรษฐกิจไหนมีภาคเศรษฐกิจของจริงในสัดส่วนที่มากหน่อย ก็จะมีความมั่นคงสูง ระบบเศรษฐกิจที่มีภาคมายาเป็นพลังขับเคลื่อนหลักย่อมมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยต่างๆ ในระดับที่สูงกว่า

จิ๊กซอว์หมายเลข 2: เห็นตัวอย่าง จึงเอาอย่าง

ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ความไม่สงบทางการเมืองส่วนใหญ่ที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ มักลงเอยด้วยความรุนแรง โรงงานร้านรวงถูกผู้ประท้วงเผาทำลาย มีผู้บาดเจ็บล้มตาย จนส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต ทรัพย์สินทั้งหลายโดนยึดมาเป็นของรัฐ คนงานรวมตัวกันหยุดงานจนการผลิตต้องหยุดชะงักตามไปด้วย เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยตรง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมประเทศที่มีความไม่สงบทางการเมือง จึงมักประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากเหตุการณ์ยืดเยื้อยาวนานก็อาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้

พอเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ก็ทำให้เกิดความเชื่อแบบเหมารวมเอาว่าเมื่อไหร่ที่มีปัญหาการเมือง เศรษฐกิจต้องได้รับผลกระทบ และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรียกว่าเคยเห็นมาอย่างไร ก็คิดว่าจะต้องเป็นแบบนั้นเสมอ

จริงอยู่ ความไม่แน่นอนทางการเมืองย่อมมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ เพียงแต่ขนาดของผลกระทบนั้น จะเพิ่มขึ้นตามขอบเขตและระยะเวลาที่เกิดปัญหาทางการเมือง หากเป็นปัญหาทางการเมืองระยะสั้นมีผลอยู่ในวงแคบ เฉพาะกลุ่มหรือเฉพาะพื้นที่ ผลกระทบย่อมมีน้อย แต่ถ้าเป็นปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างเป็นระยะเวลานาน ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะมีความรุนแรง

หากไม่รู้จักแยกแยะ “ขอบเขต” และ “ระยะเวลา” ของปัญหาให้ชัดเจน ก็จะนำไปสู่ข้อสรุปที่ผิดๆ ได้ว่า ปัญหาทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ก็ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำได้ทั้งนั้น

จิ๊กซอว์หมายเลข 3: หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ

ทุกส่วนของระบบเศรษฐกิจมีความเชื่อมโยงกัน อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับภาคเศรษฐกิจหนึ่ง ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจอื่น เพียงแต่ระดับของผลกระทบไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละส่วนมีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกันแค่ไหน เมื่ออสังหาริมทรัพย์ซบเซา ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจรับจัดสวน ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ต่างก็ได้รับผลกระทบแทบจะทันทีทันใด ส่วนธุรกิจอาหารกระป๋อง ธุรกิจดอกไม้ อาจไม่รู้สึกเดือดร้อนมากนัก

ภาคเศรษฐกิจที่อ่อนไหวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองมากที่สุด คือภาคเศรษฐกิจที่เน้นการเก็งกำไร การเก็งกำไรเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยง ผู้เก็งกำไรทราบเรื่องนี้ดี ดังนั้น เมื่อใดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เปลี่ยนการตัดสินใจจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ในชั่วพริบตา

ภาคเศรษฐกิจแบบนี้เป็นภาคเศรษฐกิจมายา ซึ่งมักเกี่ยวข้องโดยตรงกับภาคการเงิน เมื่อเกิดความผันผวนของการเก็งกำไร ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของประเทศตามไปด้วย อย่าลืมว่าภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ก็ต้องพึ่งพาภาคการเงินด้วยเหมือนกัน เมื่อภาคการเงินผันผวน สุดท้ายเศรษฐกิจของจริงย่อมได้รับผลกระทบตามไปด้วย

ยิ่งถ้ามีการค้าขายลงทุนกับต่างประเทศ ผลกระทบก็ยิ่งบานปลายไปกว่าเดิมอีก โรคขาดความเชื่อมั่นจากภาคเศรษฐกิจมายา สามารถแพร่ไปสู่คู่ค้า นักลงทุน นักท่องเที่ยว จนพาลทำให้พวกเขาตัดสินใจชะลอสั่งซื้อสินค้า เลื่อนการลงทุน ยกเลิกแผนการท่องเที่ยว จนกลายเป็นผลกระทบรอบสองที่กลับมาสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง

การเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจยังวิ่งได้

ความไม่สงบทางการเมืองในบ้านเราส่วนใหญ่ในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมามีขอบเขตจำกัด ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่แค่บางพื้นที่ มีระยะเวลาไม่นานนัก หรือถ้าเป็นการต่อสู้แบบยืดเยื้อ ก็มักจะถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ไม่ค่อยมีการลงไม้ลงมือ น้อยครั้งที่จะส่งผลกระทบโดยตรงถึงภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง (ยกเว้นปัญหาในภาคใต้และระเบิดกลางกรุง)

หากการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลังจากคำตัดสินเกิดขึ้นเพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ก็ไม่จำเป็นต้องไปกังวลจนเกินไปนัก ปล่อยให้เขาประท้วงไปเถอะ แค่คอยควบคุมไม่ให้การเคลื่อนไหวบานปลาย จนกลายเป็นจลาจล ดีเสียอีก ยิ่งออกมาเคลื่อนไหว สื่อก็ยิ่งสนใจ รัฐบาลจะมีโอกาสชี้แจงทำความเข้าใจได้มากขึ้น หากรู้พลิกวิกฤติเป็นโอกาส รับรองว่า ถึงการเมืองจะไม่นิ่ง เศรษฐกิจก็ยังวิ่งไปได้

 
บันทึกการเข้า

ภูดิน
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 232


Where the mind is freedom


« ตอบ #4 เมื่อ: 10-06-2007, 20:55 »

จุดเปลี่ยนประเทศไทย



....
ความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ โดยกิจกรรมที่ทำอย่างต่อเนื่องย่อมสร้างสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างขบวนการปฏิรูปสังคมกับมวลชนอันไพศาล การเป็นขบถของเจ้าชายสิทธัตถะต่อสังคมแบ่งชั้นวรรณะของอินเดีย การปฏิรูปประเทศของรัชกาลที่ 5 ลอดจนถึงการเป็นขบถต่อจักรวรรดินิยมอังกฤษของมหาตมะ คานธี การขบถเพื่อการปฏิรูปสังคมจะอ่อนล้าลงหากไม่มีการสืบทอดอุดมการณ์

ผู้ที่สืบทอดหลักธรรมะของพระพุทธเจ้าก็ดี ผู้สืบทอดอุดมการณ์ทางการเมืองของคานธีก็ดี บรรดาสาวกเหล่านี้ บางท่านก็ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวคิดของผู้ที่เป็นต้นแบบอย่างจริงจัง บรรดาผู้ที่อ้างพระพุทธเจ้า อ้างท่านคานธี อ้างคุณธรรม มักจะอ้างเพื่อให้ตัวเองดูดี แต่หาได้มีวิถีปฏิบัติที่น่าเคารพศรัทธาไม่ หรือบางคนก็ดูดีแต่ภาพลักษณ์ แต่พอสัมผัสไปจริงๆ ก็จะรู้ว่า 
ของปลอมไม่ใช่ของจริง ครับ

คนเราย่อมมีดีมีชั่วอยู่ในตัวเอง การไม่สร้างภาพและอยู่กับความจริงจะดีที่สุด ครับ

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ความเห็นของ ดร. อนุสรณ์  มองว่า  ผู้นำที่เห็นอยู่  ล้วนเป็น ของ ปลอม 
หาก ผู้นำ  ยอมรับความจริง  จะทำการปฏิรูป สังคมไทย  ได้  ดี  กว่า 
ดร.อนุสรณ์  น่าจะเสนอ  แนวคิด ขบถ  ให้บ้างนะ 

ในเมื่อทุกอย่างถูกสร้างขึ้นด้วยเกมแห่งอำนาจ ของคนบางกลุ่ม   (คุ้น ๆ มากจากที่ไหนสักแห่งเรื่อง power play)

ก็แล้ว ปชช  จะทำอย่างไร ละ  ยุคนี้จะไปหาีผู้นำ ขบถ  ได้ที่ไหน
ในเมื่อ  ทุนนิยม  มันฝังลึกกินรากเหง้า  เหมือนมะเร็งร้าย ที่ค่อยกัดเลือดเนื้อ  รอวันตาย

หรือว่า  ปชช  นั่นแหละ  ลุกขึ้นมา เป็น ขบถ  เสียเอง ไม่ต้องรอ  เจ้าชายสิทธัตถะ  มหาตมคานที  ฯลฯ

ขอบคุณ จขกท ที่ นำมาให้อ่าน  (ข้าพเจ้านั่งอ่านตั้งหลายเที่ยว เพื่อจะหาวิธี เป็น ขบถ )  อิอิ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2007, 21:05 โดย ดินหอม » บันทึกการเข้า

The silkworm  weaves  its  cocoon  and  stays  inside, therefore  it is  imprisoned;
the  spider  weaves  its  web  and  stays  outsides, therefore  it  is  free. (chinese proverb)

ตัวไหมชักใยไหม  แล้วอยู่ในรังไข่  จึงถูกจองจำ
แมงมุมชักใยแล้วอยู่ภายนอก  จึงเป็นอิสระ
(กรุณา กุศลาสัย ..."คำคมบ่มชีวิต")
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 10-06-2007, 23:31 »




ชอบแถ อะไรจ๊ะ สโนว์  น่าจะหัดชวนเชื่อแบบอนุสรณ์บ้าง ถึงบิดนิด บิดหน่อยก็ดูเนียนกว่าเยอะ
บันทึกการเข้า

ภูดิน
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 232


Where the mind is freedom


« ตอบ #6 เมื่อ: 11-06-2007, 09:22 »

ศาสนาพุทธสอนให้คนมีปัญญา คือ  ความรู้ทีเป็นความจริง  เข้าให้ถึงความจริง ของสรรพสิ่ง ชีวิต
ทรงสละเพศฆารวาส  เพื่อค้นหาความจริง

ไม่ใช่ในความหมายของคำว่า ขบถ  อย่างที่เจ้าของบทความเขียน

คนธรรมดา  ปุถุชนสามัญ  อาจมีความคิดต่างไปจากกรอบ จนเป็น ขบถ ได้ 
(หมายถึง  ก.ประทุษร้ายต่อราชอาณาจักร  ทรยศ  พจน.หน้า 125ฉบับปี 2525)

ขอมาเพิ่มเติมความคิดให้ชัดเจน  ข้าพเจ้าสรุปไปหน่อย(ประชดเล็ก เอง ) เด๋ว สาวก เหลี่ยม  จะไปกันหญ่ายยยยยยย
 อิอิ   

จริง ๆ แล้ว ข้าพเจ้า  คงไม่มีปัญญาจะ ขบถ  หรอก  อิอิ   


บันทึกการเข้า

The silkworm  weaves  its  cocoon  and  stays  inside, therefore  it is  imprisoned;
the  spider  weaves  its  web  and  stays  outsides, therefore  it  is  free. (chinese proverb)

ตัวไหมชักใยไหม  แล้วอยู่ในรังไข่  จึงถูกจองจำ
แมงมุมชักใยแล้วอยู่ภายนอก  จึงเป็นอิสระ
(กรุณา กุศลาสัย ..."คำคมบ่มชีวิต")
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 12-06-2007, 12:19 »

ศาสนาพุทธสอนให้คนมีปัญญา คือ  ความรู้ทีเป็นความจริง  เข้าให้ถึงความจริง ของสรรพสิ่ง ชีวิต
ทรงสละเพศฆารวาส  เพื่อค้นหาความจริง

ไม่ใช่ในความหมายของคำว่า ขบถ  อย่างที่เจ้าของบทความเขียน

คนธรรมดา  ปุถุชนสามัญ  อาจมีความคิดต่างไปจากกรอบ จนเป็น ขบถ ได้ 
(หมายถึง  ก.ประทุษร้ายต่อราชอาณาจักร  ทรยศ  พจน.หน้า 125ฉบับปี 2525)

ขอมาเพิ่มเติมความคิดให้ชัดเจน  ข้าพเจ้าสรุปไปหน่อย(ประชดเล็ก เอง ) เด๋ว สาวก เหลี่ยม  จะไปกันหญ่ายยยยยยย
 อิอิ   

จริง ๆ แล้ว ข้าพเจ้า  คงไม่มีปัญญาจะ ขบถ  หรอก  อิอิ   




ความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ กับการเป็นกบฎ หรือทำลายล้างอำนาจดูแล ซึ่งโดยทั่วไปมักมีสมดุลที่ดีพอสมควร ไม่เหมือนกัน

การเปลี่ยนแปลงต้องคำนึงว่า ดดยภาพรวมดีกว่าเดิมหรือไม่ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการขบถแบบดื้อด้านไม่ใช้สติปัญญาและความถ่อมใจครับ..
บันทึกการเข้า

ภูดิน
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 232


Where the mind is freedom


« ตอบ #8 เมื่อ: 12-06-2007, 17:06 »

ความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ กับการเป็นกบฎ หรือทำลายล้างอำนาจดูแล ซึ่งโดยทั่วไปมักมีสมดุลที่ดีพอสมควร ไม่เหมือนกัน   

การเปลี่ยนแปลงต้องคำนึงว่า ดดยภาพรวมดีกว่าเดิมหรือไม่
~~~~
สรรพชีวิต มีความจริงสองระดับ  ระดับปุถุชน  ตัวอย่างง่าย ๆ คือ โลกธรรม ๘  ฯลฯ
ระดับความจริงสูงสุด  ปรมัตสัจจะ  เช่น  อนัตตา  อริยสัจสี่ ฯลฯ

เจ้าสิทธัตถะทรงเป็น ขบถ  ต่อสรรพชีวิต  เพื่อค้นพบความจริงของสรรพชีวิต ว่าเป็นเพียง โลก มายา  ปรุงแต่ง  กิเลส  ยึดมั่นถือมั่น ฯลฯ (ระดับหนึ่ง)   ทรง ค้นพบ หนทาง เพื่อ ขจัด  กำจัด  ชีวิตมายา  ทรงให้ มรรค (ระดับสูงสุด)  แก่  สรรพชีวิต  นำไปใช้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ กับชีวิตตน และส่วนรวม  ด้วย ปัญญา  ถ้าจะมองเป็น  ขบถ  ความคิดเก่า  ก็ได้

และถ้าจะคิดแบบการเป็น ขบถ ทำลายความคิดเก่า  อำนาจเก่า  ต้องสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของสังคม  เช่น  ทัศนะเรื่องระบบอุปถัมภ์  หากจะ ขบถ  เพื่อขจัดความคิดนี้  ต้องเสนอ แนวทางใหม่เพื่อให้เห็นว่า  สร้างระบบธรรมาภิบาล ที่มีความยุติธรรมให้กับทุกคนได้โดยไม่ต้องอาศัย ระบบอุปถัมภ์ หรือพรรคพวก  (เป็นความหมาย  ขบถ  ความคิด)

ดังนั้น การขบถ (ความคิด) เพื่อสร้างสรรค์ ในความหมายนี้ ก็ดีมากต่อการพัฒนาสังคม ก็เห็นด้วยค่ะ
คือ  เจ้าของบทความ  คงจะใช้ในความหมายนี้  แต่ไปมองว่า  ผู้นำ  จอมปลอม  การมีความคิด ขบถ  เพื่อพัฒนาสังคม  ตามความคิดของ  เจ้าของบทความ  จึงไม่เกิดขึ้น เพราะมองว่า  จอมปลอม  ข้าพเจ้า ก็เห็นว่า  น่าจะเสนอแนวคิด ขบถ  ให้  กับ ปชช  บ้าง ก็ดี (ทำนองนี้)  แล้วไม่ต้อง พึ่ง  ผู้นำ  มานำ
ปชช  ปชช ทุกคน  สามารถ  ขบถ  ได้ด้วยตัวเอง 
~~~~~
แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการขบถแบบดื้อด้านไม่ใช้สติปัญญาและความถ่อมใจครับ..
~~~~~~~~
ถ้าอย่างนี้ ไม่ใช่ ความคิด  ขบถ  เป็นเพียงพวกไม่อาจยอมรับความคิดของคนอื่น และต่อต้าน
ก็เลยแสดงออกแบบ  ดื้อเงียบ  เรียกว่า  มีหน้าตา แล้วเสียหน้าไม่ได้  มักจะออกมาในรูปของ  ดื้อเงียบ
~~~~~~~
แต่  ขบถ  ตามความหมายใน พจนานุกรม  ซึ่งใช้ได้ กับ  ทรท (ตามคำพิพากษาของตุลาการศาล รธน)
จึงไม่อยากให้  สาวกเหลี่ยม ใช้ผิด ๆ  (แบบ ตะแบง  หรือ  แถ  ไปเรื่อย)

บันทึกการเข้า

The silkworm  weaves  its  cocoon  and  stays  inside, therefore  it is  imprisoned;
the  spider  weaves  its  web  and  stays  outsides, therefore  it  is  free. (chinese proverb)

ตัวไหมชักใยไหม  แล้วอยู่ในรังไข่  จึงถูกจองจำ
แมงมุมชักใยแล้วอยู่ภายนอก  จึงเป็นอิสระ
(กรุณา กุศลาสัย ..."คำคมบ่มชีวิต")
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 13-06-2007, 00:33 »

ความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ กับการเป็นกบฎ หรือทำลายล้างอำนาจดูแล ซึ่งโดยทั่วไปมักมีสมดุลที่ดีพอสมควร ไม่เหมือนกัน  

การเปลี่ยนแปลงต้องคำนึงว่า ดดยภาพรวมดีกว่าเดิมหรือไม่
~~~~
สรรพชีวิต มีความจริงสองระดับ  ระดับปุถุชน  ตัวอย่างง่าย ๆ คือ โลกธรรม ๘  ฯลฯ
ระดับความจริงสูงสุด  ปรมัตสัจจะ  เช่น  อนัตตา  อริยสัจสี่ ฯลฯ

เจ้าสิทธัตถะทรงเป็น ขบถ  ต่อสรรพชีวิต  เพื่อค้นพบความจริงของสรรพชีวิต ว่าเป็นเพียง โลก มายา  ปรุงแต่ง  กิเลส  ยึดมั่นถือมั่น ฯลฯ (ระดับหนึ่ง)   ทรง ค้นพบ หนทาง เพื่อ ขจัด  กำจัด  ชีวิตมายา  ทรงให้ มรรค (ระดับสูงสุด)  แก่  สรรพชีวิต  นำไปใช้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ กับชีวิตตน และส่วนรวม  ด้วย ปัญญา  ถ้าจะมองเป็น  ขบถ  ความคิดเก่า  ก็ได้

และถ้าจะคิดแบบการเป็น ขบถ ทำลายความคิดเก่า  อำนาจเก่า  ต้องสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของสังคม  เช่น  ทัศนะเรื่องระบบอุปถัมภ์  หากจะ ขบถ  เพื่อขจัดความคิดนี้  ต้องเสนอ แนวทางใหม่เพื่อให้เห็นว่า  สร้างระบบธรรมาภิบาล ที่มีความยุติธรรมให้กับทุกคนได้โดยไม่ต้องอาศัย ระบบอุปถัมภ์ หรือพรรคพวก  (เป็นความหมาย  ขบถ  ความคิด)

ดังนั้น การขบถ (ความคิด) เพื่อสร้างสรรค์ ในความหมายนี้ ก็ดีมากต่อการพัฒนาสังคม ก็เห็นด้วยค่ะ
คือ  เจ้าของบทความ  คงจะใช้ในความหมายนี้  แต่ไปมองว่า  ผู้นำ  จอมปลอม  การมีความคิด ขบถ  เพื่อพัฒนาสังคม  ตามความคิดของ  เจ้าของบทความ  จึงไม่เกิดขึ้น เพราะมองว่า  จอมปลอม  ข้าพเจ้า ก็เห็นว่า  น่าจะเสนอแนวคิด ขบถ  ให้  กับ ปชช  บ้าง ก็ดี (ทำนองนี้)  แล้วไม่ต้อง พึ่ง  ผู้นำ  มานำ
ปชช  ปชช ทุกคน  สามารถ  ขบถ  ได้ด้วยตัวเอง 
~~~~~
แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการขบถแบบดื้อด้านไม่ใช้สติปัญญาและความถ่อมใจครับ..
~~~~~~~~
ถ้าอย่างนี้ ไม่ใช่ ความคิด  ขบถ  เป็นเพียงพวกไม่อาจยอมรับความคิดของคนอื่น และต่อต้าน
ก็เลยแสดงออกแบบ  ดื้อเงียบ  เรียกว่า  มีหน้าตา แล้วเสียหน้าไม่ได้  มักจะออกมาในรูปของ  ดื้อเงียบ
~~~~~~~
แต่  ขบถ  ตามความหมายใน พจนานุกรม  ซึ่งใช้ได้ กับ  ทรท (ตามคำพิพากษาของตุลาการศาล รธน)
จึงไม่อยากให้  สาวกเหลี่ยม ใช้ผิด ๆ  (แบบ ตะแบง  หรือ  แถ  ไปเรื่อย)



บทความของอนุสรณ์เป็นการซ่อนเงื่อนไขตะแบงเพื่อต้องการกบฏ นำโดยความคิดบิดเบือนนิดหน่อย

ไปสู่เงื่อนไขการไม่ยอมรับอำนาจรัฐปัจจุบัน ทั้งๆที่ไม่มีเหตุผลสร้างสรรค์อะไรที่ดีกว่าหากไม่ล้มล้างระบอบทักษิณที่เป็นปัญหาเดิมลงไปให้หมดสิ้น

ทั้งๆสิ่งที่ยกมาอ้างเพื่อต่อสู้ก็จะยังคงอ้างต่อไปเรื่อยๆ ได้เหมือนดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก เป็นเหมือนการแอบอยู่หลังอุดมการณ์ทางการเมือง

เป็นความเชื่อที่ยังไม่กระจ่างในผลลัพธ์บั้นปลาย ไม่เข้าใจการกระทำของตนองว่าจะทำให้อุดมการณ์เหล่านั้นใกล้เคียงความจริงได้มากขึ้นหรือไม่?

ในทางตรงกันข้าม เป็นเหมือนเหตุและผลที่ไม่สิ้นสุดและไม่สามารถหลุดพ้นไปแบบมีสติสัมปชัญญะได้เลย..
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 13-06-2007, 02:09 »



ส่วนความคิดเห็นและสัญชาตญาณแรกในการวิเคราะห์บทความของคุณดินหอมดีมากครับ..

อนุสรณ์โน้มเอียงไปทางนิยมทักษิณและระบอบทักษิณ ชอบโกงแต่ทำงาน แน่นอนครับ..

และอนุสรณ์ไม่ได้ชี้ทางออกเพียงแต่ต้องการให้ไปช้าๆ และระแวงว่าทุกคนไม่ใช่ของจริง

เขาระแวงตนเองและความคิดของตนเองหรือไม่? ตรงนี้น่าสนใจ..
บันทึกการเข้า

ภูดิน
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 232


Where the mind is freedom


« ตอบ #11 เมื่อ: 13-06-2007, 09:14 »

เจ้าของบทความ แสดงความเห็น เหมือนจะวิพากษ์เรื่องหนึ่ง แต่ลงท้าย คือ  กลายเป็นมีเจตนาอีกอย่างหนึ่ง
จึงจับจุดแสดงความเห็นตรงเจตนา  และเห็นว่า  ขบถ  ทางความคิด  เป็นเรื่องดี  ปชช  ควรมี  ซึ่งความหมาย ของข้าพเจ้า คือ
คำสอนของพระพุทธองค์ นั้น  ปชช  สามารถ เป็น  ขบถ ( เชิงสร้างสรรค์ อย่างที่คุณมีความเห็นไว้นั่นเอง ) ได้ด้วยตัวเอง
(ปชช สามารถเป็น พุทธ ได้ โดยไม่ต้อง ห่มเหลือง )

เจ้าของบทความ อ้าง บุคคล ที่เป็นผู้ ได้ลงมือปฏิบัติ และเข้าใจ ได้ด้วยปัญญา  และได้ค้นพบ ความจริงระดับสูงสุด

แต่เจ้าของบทความ กลับมองเพียงเป็น ผู้ ขบถ ทางความคิด สามัญ  ซึ่งไม่ใช่ 

และ ทักษิณ  ก็ไม่เข้าข่าย บุคคล ที่เป็น ขบถ ความคิด อย่างที่เจ้าของบทความพยายามจะแอบแฝงไว้ในบทความ 

และ คนเราทำงานได้ พัฒนาสร้างสรรค์สังคมได้  โดยไม่ต้องโกง

จนกระทั่งถึงเวลานี้  คนกลุ่มหนึ่งยังไม่ยอมเข้าใจว่า   ทำไม จึงเกิด การรัฐประหาร  และยากที่จะทำให้คนเหล่านี้เข้าใจได้
และคนกลุ่มนี้ ยังมีความคิดแบบระบอบทักษิณ อยู่  เพราะระบอบนี้  เข้าใจ คำว่า โกง  ไว้หลายความหมาย เช่น  ผลประโยชน์ต่างตอบแทน
คอรัปชั่นเชิงนโยบาย   การส่งส่วย  ระบอบพรรคพวก  ฯลฯ 
บันทึกการเข้า

The silkworm  weaves  its  cocoon  and  stays  inside, therefore  it is  imprisoned;
the  spider  weaves  its  web  and  stays  outsides, therefore  it  is  free. (chinese proverb)

ตัวไหมชักใยไหม  แล้วอยู่ในรังไข่  จึงถูกจองจำ
แมงมุมชักใยแล้วอยู่ภายนอก  จึงเป็นอิสระ
(กรุณา กุศลาสัย ..."คำคมบ่มชีวิต")
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 14-06-2007, 06:09 »




หากมีความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ได้ การระดมสมองในระบอบประชาธิปไตยก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้..

ความสมานฉันท์ ย่อมจะบังเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2007, 14:40 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 21-06-2007, 14:54 »




การขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ ต้องเป็นการขัดแย้งในแนวคิด

และต้องหลีกเลี่ยงลักษณะนิสัยที่ไม่ดี หมิ่นเหม่ต่อการทะเลาะวิวาท

หรือเป็นนิสัยที่สร้างความแตกแยก ยุทธวิธีทางการเมืองที่สร้างความแตกแยกเช่นที่ปรากฎในสังคมในรัฐบาลทักษิณ2

ทั้งนี้เพราะเป็นคนไทยด้วยกันฝ่ายเดียวกัน หากไม่คิดที่จะก่อการร้ายขึ้นภายในประเทศตนเองเพื่อแบ่งแยกใดๆด้วยเป้าหมายแอบแฝง ซ่อนเร้น
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 05-07-2007, 13:41 »



เว็บบอร์ดประชาไทและพันทิป กำลังพยายามเปลี่ยนแปลง โดยหวังจะสร้างสรรค์มากขึ้น

แต่ถ้าเสียดายสมาชิกเก่าบางราย ที่อนุรักษ์แนวทาง น้ำเน่าและหรือระบอบที่ไม่ใช้ประชาธิปไตยสร้างสรรค์ คงจะไปไม่รอดครับ..

ฝากจีรนุชและวันฉัตร วรพจน์คิดให้หนักๆ เพราะรถขบวนสุดท้ายกำลังจะผ่านไป....
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: