โฆสิตเผยนักลงทุนยื่นขอบีโอไอ 4 เดือนแรก มูลค่า160,000 ล้านบาท เพิ่ม 14% 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 16:10:00
โฆสิตเผยนักลงทุนยื่นขอบีโอไอ 4 เดือนแรกมูลค่ารวม 160,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน อุตฯปิโตรเคมีลงทุนมากสุด หลังปัญหามลพิษนิคมฯมาบตาพุดคลี่คลาย จี้บีโอไอเดินหน้าโรดโชว์-ลดอุปสรรคโครงการที่ได้บัตรส่งเสริมให้ลงทุนจริง ดันเม็ดเงินลงทุนเป็นไปตามเป้า 5 แสนล้านบาท
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึง ภาวะการลงทุนที่นักลงทุนในช่วง 4 เดือนแรกปี 2550(ม.ค.-เม.ย.) ว่ามีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) มีมูลค่า 160,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 14% ที่มีมูลค่า 140,000 ล้านบาท ส่วนจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จาก 439 โครงการ เป็น 471 โครงการ จะเกิดการจ้างงานกว่า 82,000 คน
โดย อุตสาหกรรมปิโตรเคมี กระดาษ และพลาสติก มีการลงทุนมากเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 44,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีมูลค่าการลงทุน 16,400 ล้านบาทกว่า 3 เท่า เนื่องจากการแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดคลี่คลายทำให้มีการลงทุนได้เพิ่มขึ้นรองลงมาเป็นออุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค มีมูลค่าการลงทุนรวม 33,800 ล้านบาท อุตสาหกรรมเกษตร มีมูลค่าการลงทุนรวม 26,700 ล้านบาท อุตสาหกรรมโลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 24,100 ล้านบาท และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้ามีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 18,000 ล้านบาท
ส่วน การลงทุนของต่างชาตินั้น มีมูลค่ากว่า 92,000 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายใหญ่ ยังเป็นญี่ปุ่น อาเซียน และยุโรป ซึ่งญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่มีการลงทุนในไทยสูงสุดมูลค่ากว่า 44,000 ล้านบาท และมีจำนวนจำนวนโครงการคิดเป็นสัดส่วนถึงะ 43% เมื่อเทียบกับจำนวนโครงการลงทุนจากต่างประเทศทั้งสิ้น รองลงมาเป้นการลงทุนจากอาเซียนมีสัดส่วนจำนวนโครงการ 13% สำหรับแนวโน้มการลงทุนในปี 2550นั้น คาดว่า น่าจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2549 ที่ยื่นขอ 514,000 ล้านบาท โดยโอกาสที่จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งมีขนาดการลงทุนสูง เช่นอุตสาหกรรมปิโตรเคมี การผลิตไฟฟ้า ที่ยังมีค่อนข้างสูง เพราะความต้องการใช้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศยังคงขยายตัว แต่ทั้งนี้แรงผลักดันที่จะทำให้มีการลงทุนต้องขึ้นอยู่กับความชัดเจนในระดับนโยบาย เช่น การแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกนโยบายการผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่(ไอพีพี) เป็นต้น
ทั้งนี้ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความเข้มแข็งเป็นสิ่งที่สนับสนุนการลงทุนในระยะต่อไปยังมีความต่อเนื่อง หากสถานการณ์ต่างๆมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งหากมองภาพรวมความต้องการลงทุนโดยรวมแล้ว คาดว่าจะไม่กระทบต่อแผนการลงทุนระยะยาวของนักลงทุนเอกชนทั้งธุรกิจไทยและบริษัทต่างชาติ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ปัจจัยความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจจะไม่คงอยู่ยาวนานจนเกินไปจนส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในระยะปานกลางถึงระยะยาว
อย่างไรก็ตามเพื่อเร่งรัดให้เกิดการลงทุนมากขึ้นบีโอไอจะเดินหน้าชักจูงการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงและมีตลาดส่งออกโดยจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนเชิงรุกในอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหาร การลงทุนเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ไฟฟ้า เหล็ก สนับสนุนให้ลงทุนปรับปรุงการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ให้ได้มาตรฐานสูงมากยิ่งขึ้นรวมทั้งให้สิทธิประโยชน์จูงใจการลงทุนติดตั้งระบบ หรืออุปกรณ์ควบคุม
รวมถึงกระตุ้นการลงทุนของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมแล้วให้ลงทุนตามโครงการเร็วขึ้นอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาต่างๆที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานของผู้ได้รับส่งเสริมตลอดจนสนับสนุนการลงทุนใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา (R &D) เพื่อเพิ่มศักยภาพ และสร้างความเข้มแข็งมุ่งเน้นผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมเป้าหมายพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพของภาคอุตสาหกรรมกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ประหยัดพลังงานให้สิทธิประโยชน์จูงใจการลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ มาทดแทนเครื่องจักรเก่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพหรือลงทุนด้านเครื่องจักรประหยัดพลังงาน
ส่งเสริมการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม (BUILD) กระตุ้นให้เกิดการเชื่อมโยงการรับช่วงการผลิตระหว่างผู้ผลิตรายใหญ่กับเอสเอ็มอี ในอุตสาหกรรมสนับสนุน และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจัดกิจกรรมผู้ซื้อพบผู้ขาย
พร้อมเดินสายโรดโชว์ดึงนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มเป้าหมายในการชักจูงการลงทุนที่ชัดเจน ได้แก่ ประเทศเป้าหมาย อาทิ ญี่ปุ่นจะเน้นดึงการลงทุนในอุตฯยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร เหล็ก เป็นต้น ข้อมูลเพิ่มเติม
เปรียบเทียบมูลค่าการลงทุนที่ขอรับการส่งเสริม
http://www.bangkokbiznews.com/2007/05/04/WW02_0204_news.php?newsid=67532