ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
15-05-2025, 10:15
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ฟ้องทอท.7หมื่นล. คิงเพาเวอร์สุดทนถูกเลิกสัญญาดิวตี้ฟรีโดยมิชอบ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ฟ้องทอท.7หมื่นล. คิงเพาเวอร์สุดทนถูกเลิกสัญญาดิวตี้ฟรีโดยมิชอบ  (อ่าน 1455 ครั้ง)
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« เมื่อ: 05-06-2007, 19:38 »

 
 
อ้างโดนรังแกทำธุรกิจเสียหายยับเยิน
เรียกคืนสัญญาค้ำประกัน-เงินทุน
บอร์ดเรียกประชุมรับมือ7มิ.ย.นี้

 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ศาลแพ่งรัชดา นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัทในเครือ คิง เพาเวอร์ ผู้ดำเนินการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.รวม 2 สำนวน สำนวนแรก บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด โดยนายสมบัตร เตชาพานิชกุล กรรมการผู้มีอำนาจ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องทอท. เป็นจำเลย เรื่องเรียกทรัพย์คืนจำนวนทุนทรัพย์ 20,878,512,019 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อย 7.5 ต่อปี และสำนวนที่สอง บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด โดยนายสมบัตรยื่นฟ้อง ทอท.เป็นจำเลย เรื่องเรียกทรัพย์คืน จำนวนทุนทรัพย์ 48,074,147,549 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5

โดยคำฟ้องโจทก์สรุปว่า โจทก์เป็นผู้ดำเนินกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีประจำท่าอากาศยานนานาชาติมานาน จนเป็นที่รู้จักมีชื่อเสียง เมื่อปี 2547 โจทก์ทราบว่าจะมีการย้ายท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง)ไปอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โจทก์จึงเสนอเรื่องขอประกอบกิจการ โดยทำเป็นลักษณะต่ออายุ เพื่อเข้าบริหารพื้นที่กับรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ขณะนั้น เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งสัญญาต่ออายุดังกล่าว โจทก์ให้คำมั่นว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนเกื้อกูลแก่จำเลยมูลค่า 15,000 ล้านบาทต่อ 10 ปี แลกกับการที่โจทก์จะเข้าไปเปิดร้านจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี

ทั้งนี้ การต่อสัญญาดังกล่าวจำเลยเปิดให้บริษัทเอกชนรายอื่นเข้าร่วมประมูลแข่งขัน โดยจำเลยได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบประวัติผู้เข้าแข่งขัน เห็นว่าบริษัทโจทก์เคยประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีมานาน จนได้รับรางวัลระดับชาติ มีเงินทุนหมุนเวียนนับหมื่นล้านบาท จึงพิจารณาเห็นชอบให้บริษัทโจทก์ชนะประมูล เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่สนามบิน ซึ่งโจทก์ก็มีหน้าที่ตามสัญญาต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่จำเลยเป็นงวดจนจะครบสัญญา

 ต่อมาเมื่อมีการเลื่อนการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ จำเลยได้เรียกบริษัทโจทก์ไปทำสัญญาบันทึกข้อตกลงท้ายสัญญาเดิม ให้โจทก์ดำเนินกิจการต่อไปในปี 2559-2560 เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายเวลาเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งบริษัทโจทก์ตกลงจ่ายผลประโยชน์ต่อแทนแก่จำเลยอีกร้อยละ 20 ของยอดจำหน่าย

 ต่อมาจำเลยกลับมีหนังสือแจ้งขอเลิกสัญญาทั้งหมด อ้างว่า สัญญาเป็นโมฆะเนื่องจากโครงการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินภูเก็ต - สนามบินหาดใหญ่ ที่โจทก์เข้าทำสัญญานั้น เป็นโครงการมีมูลค่าเกินกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งตาม พ.ร.บ.เอกชนเข้าร่วมงานในการกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 จะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่โครงการของโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว จึงไม่มีผลผูกพันรัฐบาลซึ่งเป็นคู่สัญญา และไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ในการเข้าใช้พื้นที่ ทั้งยังแจ้งว่าบริษัทโจทก์ได้ต่อเติมพื้นที่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้เกิดความเสียหาย ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ขาดความปลอดภัย จึงสั่งให้บริษัทโจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากสนามบินสุวรรณภูมิ

โจทก์เห็นว่าการบอกเลิกสัญญาของจำเลยโดยอ้างเหตุเป็นโมฆะนั้น เป็นการใช้สิทธิอันมิชอบด้วยกฎหมาย กล่าวคือ บริษัทโจทก์ได้ผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการของจำเลย โดยมีการศึกษาประวัติการประกอบการ เมื่อโจทก์เริ่มลงทุนจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง จ้างบริษัทศึกษาผลได้ผลเสียทางธุรกิจ จ้างบุคลากร รวมทั้งสั่งซื้อสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคจากทุกมุมโลกมูลค่ามหาศาลมานานกว่า 3 ปี โดยบริษัทโจทก์ต้องไปกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ อันมีภาระดอกเบี้ยเป็นเงาตามตัว ทั้งที่คณะกรรมการพิจารณาของจำเลยมีผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการพิจารณาแล้ว เห็นชอบอนุญาตให้บริษัทโจทก์ เข้าใช้พื้นที่ แต่ปัจจุบันจำเลยกลับขอเลิกสัญญา ทั้งที่เกิดจากการกระทำของจำเลยเอง ต้องถือว่ากรณีของโจทก์เทียบเคียงได้กับแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2540 ที่กองทัพบกสั่งซื้อเลื่อยยนต์จากเอกชน แล้วไม่สามารถรับมอบสินค้าได้ต้องถือว่าเป็นกรณีการชำระหนี้เป็นพ้นวิสัย โดยที่เอกชนไม่ต้องรับผิด และส่วนราชการมีหน้าที่ชำระหนี้ต่อแทนแก่เอกชน

 ดังนั้น โจทก์จึงฟ้องขอเรียกทรัพย์คืน อันเกิดจากการที่โจทก์ได้ลงทุนจ้างคน จ้างงาน ก่อสร้างสั่งซื้อสินค้า ค่าภาระภาษี ที่ลงทุนในสนามบินสุวรรณภูมิ- สนามบินภูเก็ต - สนามบินหาดใหญ่ ค่าเสียหายจากการขาดรายได้เป็นทุนทรัพย์ตามฟ้องทั้งสองสำนวน และขอให้จำเลยคืนหนังสือสัญญาค้ำประกันและคืนเงินประกันที่โจทก์ได้จ่ายไปล่วงหน้าให้แก่โจทก์ด้วย

 ทั้งนี้ ศาลรับคำฟ้องไว้ และนัดพิจารณาคดีในวันที่ 24 กันยายน เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน นายจุลจิตต์ บุณยเกตุ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวยืนยันว่า ที่ผ่านมาบริษัท คิง เพาเวอร์ปฎิบัติตามสัญญาร่วมกับทอท.มาตลอด 3 ปี จนกระทั่งวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทอท.ส่งหนังสือแจ้งบริษัทไม่มีสิทธิ์ใช้พื้นที่ในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และยังระงับการต่ออายุบัตรผ่านเข้า-ออกในพื้นที่อาคารผู้โดยสารให้พนักงานของบริษัท ส่งผลให้พนักงานและเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการในส่วนร้านค้าปลอดอากรและพื้นที่เชิงพาณิชย์ 395 คนได้รับความเดือดร้อน จึงเป็นสาเหตุที่คิง เพาเวอร์ฯต้องใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อขอความเป็นธรรม

"คิง เพาเวอร์ฯ ยื่นฟ้องทอท.ให้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น จากการที่ ทอท.แจ้งว่า ไม่เคยมีสัญญาต่อกันทั้งในส่วนของร้านค้าปลอดอากรและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยคิง เพาเวอร์ฯขอให้ทอท.ปฎิบัติตามสัญญาที่มีต่อกันและขอให้ทอท.ยุติการคัดค้านการต่ออายุบัตรผ่านในพื้นที่อาคารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เจ้าหน้าที่และพนักงานใน พื้นที่ค้าปลอดอากรและพื้นที่เชิงพาณิชย์"นายจุลจิตต์กล่าว

ด้านนางกัลยา ผกากรอง รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า จะนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท.วันที่ 7 มิถุนายน เบื้องต้นคาดว่าเป็นหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดในการแก้ต่างและพิจารณารายละเอียดคดีความ

"เชื่อว่าสาธารณชนรับรู้แล้วว่าสัญญาที่ทำไว้เดิมนั้นไม่เป็นไปตามกฎหมาย สังคมคงรู้และคาดเดาได้ว่าคงต้องมีกระบวนการทางกฎหมายเกิดขึ้นแน่นอน ยืนยันว่าไม่หนักใจเรื่องการฟ้องร้องและจะไม่เกิดผลกระทบต่อองค์กรเพราะต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริงและเหตุผล"นางกัลยา กล่าว

 ขณะที่นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม กล่าวว่า บอร์ด ทอท.คงต้องหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และเชื่อว่าบอร์ดทอท.คงคาดการณ์ไว้แล้วว่าเรื่องนี้ต้องนำไปสู่กระบวนการทางศาล และน่าเตรียมแนวทางไว้รองรับแล้ว

"เชื่อว่าทอท.มั่นใจว่าสัญญาเป็นโมฆะ เพราะไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯและคิงเพาเวอร์ฯใช้พื้นที่เกินจากที่กำหนดไว้ บอร์ดจึงมั่นใจว่ามีความได้เปรียบ ก่อนจะตัดสินใจให้สัญญาคิงเพาเวอร์ฯเป็นโมฆะ ผมยืนยันว่าภาครัฐให้การดูแลผู้ประกอบการรายย่อยทุกราย โดยจะให้ทำสัญญาโดยตรงกับทอท."นายสรรเสริญกล่าว และยอมรับว่า ถ้ากระบวนการทางศาลยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อรายได้ของทอท.แน่นอน ซึ่งผู้บริหารทอท.คงต้องหาทางแก้ไข แต่ไม่ใช่วิธีผลักภาระไปให้ผู้บริโภค โดยการปรับค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมต่างๆแน่นอน นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้ทอท.เร่งแต่งตั้งคณะทำงานด้านกฎหมาย เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว 
 
วันที่ 5/6/2007

http://www.naewna.com/news.asp?ID=62560


ดีครับ แลกหมัดกันไปเลย.......ได้ เสีย เร็วหน่อย..........
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 06-06-2007, 17:39 »

การทำสัญญาระหว่างนักธุรกิจการเมืองและหน่วยงานของรัฐ จำนวนหนึ่งลงเอย
ด้วยการตั้ง"อนุญาโตตุลาการ" ซึงผลสุดท้าย หน่วยงานของรัฐบาลมักจะต้องเสีย"ค่าโง่"ให้เอกชน
นักธุรกิจการเมืองทุกที  ทั้งที่เอกสาร สัญญาผ่านการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดทุกครั้ง.....

การทางพิเศษและกรมทางหลวงจะมีคู่สัญญาเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง
หลายปีที่ผ่านมา จะต้องมีปัญหาคดีฟ้องร้องกัน นำไปสู่การตั้ง"อนุญาโตตุลาการ"ทุกครั้ง...

การทางพิเศษและกรมทางหลวง ก็ไม่"เข็ดหลาบ" ยังให้บริษัทนี้เป็นคู่ค้า คู่สัญญาต่อเนื่อง
เมื่อปีก่อนนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้ช่วยให้รัฐบาลไทย ไม่ต้องเอาภาษีประชาชนไปจ่ายบริษัทนี้
พิพากษากลับ....

เพราะ"อนุญาโตตุลาการ" ได้วินิจฉัยให้"การทางพิเศษ" ต้องเสียค่าโง่ทางด่วน" กว่า 6000 ล้านบาท... Exclamation





คราวนี้ทอท.จะต้องเสียค่าโง่ 70000 ล้านบาทให้บริษัทคิงเพาเวอร์หรือไม่.. Question


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2007, 17:42 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
เอกราช
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 826


กับคนที่ไร้ซึ่งจริยธรรม ยังจะสามารถสมาคมด้วยหรือ


« ตอบ #2 เมื่อ: 06-06-2007, 17:59 »

ท่านปุฤชน
ไอ้"อนุญาโตตุลาการ"
มันประกอบด้วยใครบ้าง
ช่วยขยายความหน่อยครับ

โถ................
เรียกชื่อซะโก้เชียว
ทุเรศว่ะ

ถ้ามันมาลงเอยที่ อนุญาบ้าๆนี่
ก็คงได้เสียค่าโง่รอบใหม่แน่
บันทึกการเข้า

สภาพดินฟ้าอากาศที่ได้เปรียบมิสู้มีชัยภูมิที่มั่นคง
ชัยภูมิที่เป็นเลิศมิอาจเทียบได้กับความมีน้ำหนึ่งใจเดียวของผู้คน
天时不如地利,地利不如人和
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #3 เมื่อ: 06-06-2007, 19:12 »

ผมไม่คิดว่าจะมีค่าโง่น๊ะ เพราะ คิงเพาเวอร์ มีเรื่องที่ผิด ๆ อยู่หลายเรื่อง เช่น เรื่อง การใช้พื้นที่เกินจากในสัญญา การผิด พรบ.ร่วมทุน.......ยกเว้นกรณี เดียว ...."มีการตบทรัพย์"
บันทึกการเข้า
stromman
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 526



« ตอบ #4 เมื่อ: 06-06-2007, 19:20 »

ไม่หรอกครับให้ท่านกลับไปอ่านตุลาการรัฐธรรมนูญว่าท่านตัดสิน พรรครับบาลชุดที่แล้วอย่างไร แล้วท่านไปทำสัญญากับคณะรับบาลชุดที่แล้ว โดยให้ผลตอบแทน นอกสัญญา ทำเกินกำหนดข้อสัญญา ฯลฯ แล้วเค้าว่าท่านทำสัญญาเป็นโมฆะก็สมควรแล้วครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: