ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 16:22
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  “ตุลาการรัฐธรรมนูญยังวินิจฉัยว่า การกล่าวหาของพรรคประชาธิปัตย์ต่อระบอบทักษิณ... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
“ตุลาการรัฐธรรมนูญยังวินิจฉัยว่า การกล่าวหาของพรรคประชาธิปัตย์ต่อระบอบทักษิณ...  (อ่าน 1486 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 31-05-2007, 15:53 »

ปริศนาคดียุบพรรค!!/ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2550 23:02 น.
 
 
       คดียุบพรรคการเมืองได้ผ่านพ้นไปและถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของชาติอีกครั้งหนึ่ง
       
        การแถลงคำวินิจฉัยกลางของตุลาการรัฐธรรมนูญที่พึ่งผ่านพ้นไปนั้น นับว่าเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างมหาศาล เพราะประชาชนที่ได้เคยฟังข้อมูลแบบผิวเผินก็ได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลการต่อสู้ของพรรคการเมืองอย่างครบถ้วนกระบวนความของทุกฝ่ายในช่วงเวลาที่ผ่านมา
       
        การแถลงของตุลาการรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ใช้เวลานานมาก บางครั้งประชาชนบางกลุ่มฟังจนหลงเข้าใจผิดคิดว่าเนื้อหาของขั้นตอนการกล่าวหา และการแก้ข้อกล่าวหาเป็นคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ จนหลงปรบมือดีใจเก้อหรือเศร้าโศกเสียใจเก้อไปหลายครั้ง
       
        อันที่จริงไม่ว่าผลการวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร ก็ต้องถือว่าการกล่าวหาและการแก้ข้อกล่าวหาของทุกพรรคการเมืองต่างทำได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และทำได้อย่างดีที่สุดแล้วตามกรรมที่เกิดขึ้น
       
        ประชาชนจะได้ประโยชน์เป็นอย่างมากจากการต่อสู้คดีในการกล่าวหาว่าพรรคการเมืองขนาดใหญ่จ้างพรรคการเมืองขนาดเล็ก ทั้งเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งหรือเพื่อใส่ร้ายพรรคการเมืองฝั่งตรงกันข้าม
       
        ประชาชนและนักกฎหมายได้รับความรู้และข้อมูลมากขึ้นกับความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ในข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปีพ.ศ. 2540 กับคำสั่งและประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
       
         ประเด็นที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการยุบพรรคไทยรักไทยนั้น ประชาชนยังได้ฟังการต่อสู้ทางการเมืองในความเชื่อและการต่อสู้กับความชั่วร้ายของ “ระบอบทักษิณ” มีจริงหรือไม่? และเป็นอย่างไร?
       
        ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่พรรคไทยรักไทยถูกประชาธิปัตย์กล่าวหาอย่างร้ายแรงหลายต่อหลายเรื่อง ในขณะเดียวกันพรรคไทยรักไทยก็กล่าวหาให้ร้ายกับพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน
       
        เมื่อประชาชนเสมือนตกอยู่ในสภาพ “จำยอม” ต้องรับฟังข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้านก่อนฟังคำตัดสิน วิจารญาณของประชาชนจึงสามารถกลับมามีสติ และไม่ตกอยู่ในความ “ไม่รู้” และหลงไปตัดสินใจพูดและกระทำในสิ่งที่ผิดๆ เพราะข้อมูลไม่ครบถ้วนอีกต่อไป
       
        เมื่อประชาชนมีข้อมูลและกลับมามีสติแล้ว จึงทำให้มีความพร้อมที่จะน้อมรับ เคารพและเตรียมตัวก่อนที่จะฟังคำวินิจฉัยสุดท้ายของตุลาการรัฐธรรมนูญ
       
        อันที่จริงประชาชนและบรรยากาศของประเทศชาติดีขึ้นหลังมีกระแสพระราชดำรัสขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานเตือนสติคณะตุลาการศาลปกครอง เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 ได้เปรียบเสมือนน้ำทิพย์หรั่งชโลมจิตใจให้พสกนิกรชาวไทยตกอยู่ในสติและความสงบอีกครั้ง
       
        ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยได้พุ่งทะยานสูงขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เตรียมตัวรอผลคำวินิจฉัยของการยุบพรรคเป็นการล่วงหน้าแล้ว
       
        ประเด็นหนึ่งในระหว่างการอ่านการพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ของตุลาการรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวหาต่อ “ระบอบทักษิณ” ว่ามีเหตุการณ์แวดล้อมและข้อคิดเห็นที่ถูกนำมาแสดงอย่างมากมาย ทั้งการเพิกเฉยต่อระบบรัฐสภา, ทำให้ประชาชนเกิดความแตกแยก, มีนักวิชาการตำหนิเรื่องการรวบอำนาจ, การแทรกแซงวุฒิสภา, การแทรกแซงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ, แทรกแซงกลั่นแกล้งสื่อสารมวลชน, การทุจริตคอร์รัปชัน, การแต่งตั้งข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม, ทำให้กองทัพอ่อนแอ, มีผลประโยชน์แอบแฝงให้กับตัวเองและพวกพ้อง ฯลฯ
       
        เฉพาะการอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญในประเด็นยาวเหยียดนับเป็นชั่วโมง ยกกรณีตัวอย่างมากมายหลายกรณีอย่างละเอียดยิบ
       
        เพียงแค่นี้ก็คุ้มค่าเหลือหลายแล้ว และเป็นการเปิดโปงเปลือยระบอบทักษิณอย่างล่อนจ้อน
       
        เป็นการนำข้อกล่าวหาต่อ “ระบอบทักษิณ” อย่างรุนแรงที่เป็นการถ่ายทอดสดและได้ออกฟรีทีวี “ทุกช่อง” เป็นครั้งแรก!
       
        คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้ก็น่าจะเป็นคนที่สนับสนุนพรรคไทยรักไทยที่ไม่เคยได้รับฟังและรับชมข้อมูลของระบอบทักษิณเหมือนเช่นนี้มาก่อน
       
        “ตุลาการรัฐธรรมนูญยังวินิจฉัยว่า การกล่าวหาของพรรคประชาธิปัตย์ต่อระบอบทักษิณนั้นเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ”
       
        “การแก้ต่างของประชาธิปัตย์ว่าไม่ได้เป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จและต่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเป็นสิ่งที่ฟังขึ้น”
       
        เมื่อวานนี้จึงเสมือนเป็นวันที่ตุลาการรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่นำเสนอข้อเท็จจริงให้กับประชาชนได้หูตาสว่างอย่างรอบด้าน
       
        เป็นการทำงานในสิ่งที่รัฐบาลและ คมช. ไม่ได้ทำหน้าที่แบบนี้ในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา!!
       
        สำหรับผลแห่งคดีนั้นคงได้แต่ขอแสดงความดีใจด้วยกับคนที่ดีใจ และขอแสดงความเสียใจกับคนที่เสียใจกับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ เพราะคำวินิจฉัยแบบนี้ย่อมทำให้มีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ เพราะความถูกต้องอาจจะไม่ถูกใจก็ได้
       
        ขอให้นึกถึงกฎ “อิทัปปัจจยตา” ในทางพระพุทธศาสนา อันเป็นหัวใจของ ปฏิจจสมุปบาทว่า:
       
        เมื่อสิ่งนี้ มี สิ่งนี้ ย่อมมี
        เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้ จึงเกิดขึ้น
        เมื่อสิ่งนี้ ไม่มี สิ่งนี้ ย่อมไม่มี
        เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้ จึงดับไป
       
        เหตุและปัจจัยที่เกิดขึ้นจากคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญได้เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้คนทุกหมู่เหล่าสามารถพึงพอใจในคำตัดสินได้ทั้งหมด
       
        แต่อย่างน้อยก็น่าเชื่อได้ว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้ตระหนักในกระแสพระราชดำรัสก่อนการตัดสินคดีประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ในการตัดสินอย่าง “กล้าหาญ ซื่อสัตย์ อธิบายเหตุผลได้ และให้ความรู้ประชาชนมากขึ้น”
       
        เมื่อประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าตุลาการรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว และแม้ว่าอาจจะต้องมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในคำวินิจฉัยที่แตกต่างกันตามครรลองของประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่อย่างน้อยประชาชนคนไทยก็ควรเคารพและน้อมรับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญในท้ายที่สุด
       
        ทุกฝ่ายควรน้อมรับคำตัดสินอย่างกล้าหาญ และมองประเทศไทยไปข้างหน้ากันได้แล้ว
       
        อีกไม่นานก็ต้องเข้าสู่การเลือกตั้งในที่สุด และการชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มเอ็นจีโอ นักวิชาการ หรือแม้แต่กลุ่มผู้สนับสนุนระบอบทักษิณ ก็คงต้องถูกกลบกระแสไปด้วยกระแสการเลือกตั้ง
       
        กระแสการเลือกตั้งที่ยังคงมีการซื้อเสียง โฆษณาชวนเชื่อ ลด แลก แจก แถม เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงกันไม่ต่างจากเดิม และเมื่อเลือกตั้งเข้ามาด้วยเงินจำนวนมหาศาล การสวาปามและการโกงกินบ้านเมืองเพื่อ “ถอนทุน” ก็จะยังคงดำรงต่อไป
       
        จะแตกต่างไปจากเดิมกันบ้างก็ตรงที่มีขั้วการเมืองมากกว่า 2 ขั้ว กลุ่มการเมืองมากกว่า 2 พรรคการเมืองก็จะจับมือกันตั้งรัฐบาล การเมืองไทยก็จะเป็นรูปแบบของการเจรจาต่อรองกันระหว่างกลุ่มก้อนต่างๆ เพื่อสมประโยชน์กับทุกฝ่ายในที่สุด
       
        นายทุนเก่าและนายทุนใหม่ ตลอดจนนายทุนในระบอบทักษิณ ก็คงปรนเปรอส่งท่อน้ำเลียงให้กับอำนาจทางการเมืองทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง หรือส่งตัวแทนโควตาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง และป้องกันตัวเองให้หลุดรอดพ้นจากคดีความต่างๆ
       
        นักการเมือง ทุน ทหาร และอมาตยาธิปไตย กลับมาแบ่งปันผลประโยชน์กันอย่างลงตัวทั้ง ตำแหน่งหน้าที่ อำนาจ และเงิน อย่างที่เคยเป็นมาในอดีต
       
        ความประมาทและการดูแคลนระบอบทักษิณ และระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของปวงประชามหาชนของกลุ่มคนเหล่านี้ อาจทำให้เป็นภัยคุกคามต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในท้ายที่สุด
       
        นี่คือความจริงที่คนไทยต้องเผชิญหน้าเช่นกัน!
       
        แม้ว่าวันนี้เราอาจหวังอะไรไม่ได้ทั้งหมดกับการปฏิรูปการเมืองไทยให้พ้นจากวังวนเดิมๆ แต่การเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยในรอบ 2 ปีเศษที่ผ่านมาก็คงจะไม่สูญเปล่าเป็นแน่
       
        อย่างน้อยภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวในรอบหลายปีที่ผ่านมาก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ผ่านมา ทั้งร้องต่อศาลปกครองเพิกถอนการแปรรูป กฟผ., การยุบสภาของรัฐบาลชุดที่แล้ว, การคว่ำบาตรไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน, การร้องต่อศาลเพื่อให้เพิกถอนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549, การลงคะแนนเสียงโนโหวตกว่า 10 ล้านเสียง, และการรัฐประหารที่เกิดขึ้นเมื่อ 19 กันยายน 2549 ฯลฯ
       
        นี่คือความน่าอัศจรรย์ของภาคประชาชนที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ ในประเทศไทย!!
       
        นักการเมืองไม่สามารถหยุดยั้งการตรวจสอบโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของทุกค่ายที่กำลังเจริญเติบโตเป็นทางเลือกใหม่ให้กับประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างมีเสรีภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
       
        นักการเมืองไม่สามารถหยุดยั้งการตื่นตัวทางการเมืองของภาคประชาชนที่มีความเข้มแข็งรวมตัวกันอย่างต่อเนื่องและมีการบริหารจัดการอย่างเป็นกระบวนการ จนทำให้ฝ่ายการเมืองไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ตามอำเภอใจได้ง่ายๆเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

       
        การเมืองไทยในอนาคตจึงมีความยากและสลับซับซ้อนมากขึ้นกว่าในอดีต
       
        ประชาชนก็ควรทำใจให้สบายและอยู่กับอนาคตของเมืองไทยอย่างมีความหวังต่อไป!

 
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000062742
 


ตุลาการรัฐธรรมนูญแต่ละคนเป็นผู้พิพากษาทรงคุณวุฒิและความเชื่อถือ
มีความตั้งใจอ่านคำแถลงการวินิจฉัยอย่างละเอียดละออ นำคำกล่าวหา คำชี้แจง และคำวินิจฉัยคดี
เพื่อให้ประชาชนที่ได้ชม ได้ฟังการถ่ายทอดทางโทรทัศน์เข้าใจคดีอย่างถูกต้อง ไม่ถูกหลอกลวง
หรือถูกกรอกหู ผิดๆ อีก..........


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #1 เมื่อ: 31-05-2007, 16:34 »

ขำกลิ้ง ควายกับแม้ว  ในตอนที่แก้ข้อกล่าวหาว่า ..

พรรคไม่เคยมอบหมายทำเป็นหนังสือให้ผู้ถูกกล่าวหากระทำการจ้างพรรคเล็กลงสมัคร


ไอ้พวกควายเอาสีข้างเข้าถู .. เวลาจะปล้นหรือจะโกงชาติ พวกห่ามันจะทำเป็นหนังสือเอกสารมอบหมายหรือ

เคยเห็นอยู่ครั้งเดียวที่นาย สุวรรณ วลัยเสถียร บอกว่า ..

ผมไม่ได้รับมอบหมายให้ตอบเรื่องจริยธรรม   

...
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 31-05-2007, 23:34 »

ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็คงต้องสู้กันต่อไปครับ ใช้ปัญญา สติ พินิจพิจารณาให้รอบคอบ ผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อนความชอบส่วนตัว

บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #3 เมื่อ: 01-06-2007, 00:42 »

มีรายงานด้วยว่า ขณะนี้กลุ่มไทยรักไทยกำลังหาทางออกหลังตุลาการรัฐธรรมนูญวิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยและเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรค  111 คน โดยล่าสุดได้มีการหารือกันว่าอาจจะใช้ทางเลือกขอถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   เพื่อขอความเป็นธรรม รวมถึงขอพระราชทานอภัยโทษด้วย   ซึ่งวิธีการนั้น  อดีตสมาชิกของพรรคในแต่ละเขตจะไปรวบรวมรายชื่อประชาชนที่เป็นสมาชิกของพรรค  และนำมารวมกันที่พรรค  ก่อนถวายฎีกาต่อไป

" เราไม่มีทางออกแล้ว ทางนี้ถือเป็นทางเลือกสุดท้าย และเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะสมาชิกพรรคทั่วประเทศได้รับความเดือดร้อนจริงๆ   จึงจำเป็นต้องขอถวายฎีกา  ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการรวบรวมรายชื่อประมาณ 2 สัปดาห์ โดยประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคทั่วประเทศ จะร่วมเดินแถวมาถวายฎีกาเพื่อขอความเป็นธรรม  และขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตัวเอง ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน  สวนจิตรลดา  และคิดว่า  คมช.ก็คงไม่สามารถมาทำอะไรได้ เนื่องจากเขาเดือดร้อนจริงๆ" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยรายหนึ่งระบุ

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=1/Jun/2550&news_id=143049&cat_id=501


เราไม่มีทางออกแล้ว ทางนี้ถือเป็นทางเลือกสุดท้าย และเป็นทางที่ดีที่สุด....
เมื่อถึงคราวเดือดร้อน จึงนึกถึงพระบารมีปกเกล้าฯ.......



โดยประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคทั่วประเทศ จะร่วมเดินแถวมาถวายฎีกาเพื่อขอความเป็นธรรม  และขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตัวเอง ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน  สวนจิตรลดา
มีอะไรลับลมคมนัยไหม..................... Question
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #4 เมื่อ: 01-06-2007, 00:52 »

ด้านนายอรรถพล   ใหญ่สว่าง  โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด  กล่าวถึงขั้นตอนภายหลังตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทยว่า  หลังจากนี้ตนจะติดต่อขอรับคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนบุคคลของตุลาการรัฐธรรมนูญ  เพื่อเสนอให้นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุดพิจารณา  เพื่อแจ้งผลคำวินิจฉัยยุบพรรคอย่างเป็นทางการ  พร้อมส่งมอบคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญทั้งหมด  ให้กับนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองรับทราบ เพื่อปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญต่อไป

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า  เมื่อมีคำวินิจฉัยยุบพรรคออกมาแล้ว  นายทะเบียนพรรคการเมืองต้องปฏิบัติตามผลคำวินิจฉัย   คือ 1.การชำระบัญชีพรรคการเมืองที่ถูกยุบพรรค และการเตรียมการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่  2.การจัดทำจัดทำบัญชี กรรมการผู้บริหารพรรคการเมืองทั้ง 4 ซึ่งถูกยุบ ประกอบด้วย  กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย  จำนวน  111  คน  พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า 9 คน พรรคพลังแผ่นดินไทย  3  คน และพรรคพัฒนาชาติไทย  19 คน ที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิ์การเมืองกรรมการผู้บริหารพรรค  เป็นเวลา 5 ปี ตามบทลงโทษของประกาศ คปค.ฉบับที่ 27

3.การตรวจดูเนื้อหาคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญ  ว่ามีการพิเคราะห์พฤติการณ์ของกรรมการผู้บริหารพรรค ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดที่มีโทษทางอาญา หรือ พ.ร.บ.เลือกตั้ง  ส.ส.  และ ส.ว. พ.ศ. 2541  และ  พ.ร.บ.พรรคการเมือง 2541 อีกหรือไม่ ที่อยู่ในอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมือง  และ กกต. จะดำเนินการใดๆ โดยตรงได้ด้วยตนเอง หรือเป็นเรื่องที่นายทะเบียนพรรคการเมือง  และ  กกต.จะต้องนำคดีเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน   เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และสรุปสำนวนส่งให้อัยการดำเนินการฟ้องคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

"นายทะเบียนพรรคการเมืองและ   กกต.จะต้องกลับไปย้อนดูเนื้อหาในคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ ว่าข้อเท็จจริงมีพฤติการณ์ที่กรรมการผู้บริหารพรรคใดได้กระทำผิดในส่วนอื่นที่กฎหมายได้กำหนดไว้เป็นโทษทางอาญาหรือไม่  โดยนายทะเบียนและ กกต.จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป หากพบว่ากระทำผิดในส่วนอื่นที่มีโทษทางอาญาด้วย  แต่ไม่ใช่ว่านายทะเบียนพรรคการเมืองและ  กกต.จะสามารถอ้างผลคำวินิจฉัยของคณะตุลาการฯ  ที่มีคำสั่งให้ยุบพรรค   เพื่อจะดำเนินคดีอาญากับผู้บริหารพรรคได้ทันที โดยปราศจากพยานหลักฐาน" นายอรรถพลกล่าว

นายสุเมธ  อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า รายละเอียดของคดียุบพรรคตนจำไม่ได้ว่ามีการดำเนินคดีกับผู้บริหารพรรคไทยรักไทยหรือไม่ เนื่องจากเรื่องดังกล่าว  กกต.ชุดที่แล้วเป็นผู้ดำเนินการ   ฉะนั้นเมื่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกเช่นนี้  คงต้องกลับไปดูว่า  กกต.ชุดที่ผ่านมาได้แจ้งเอาผิดอาญากับ  พล.อ.ธรรมรักษ์  อิศรางกูร  ณ   อยุธยา รองหัวหน้าพรรค นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล   รองเลขาธิการพรรค   และกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ของพรรคไทยรักไทยที่เกี่ยวข้องหรือยัง ทั้งนี้ ตนจะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับที่ประชุม กกต.ว่าจะพิจารณาดำเนินการอย่างไร เพราะในหลักการต้องดำเนินคดีอาญาด้วย

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=1/Jun/2550&news_id=143049&cat_id=501



ได้รับฟังความคิดเห็นของ"โฆษกฯ" แล้ว
พตท.ทักษิณ ชินวัตร และ กรรมการ 110 คน อาจจะยังไม่หมดความผิด หมดเคราะห์กรรม......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
นายเบียร์
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 997



« ตอบ #5 เมื่อ: 01-06-2007, 00:54 »

มีรายงานด้วยว่า ขณะนี้กลุ่มไทยรักไทยกำลังหาทางออกหลังตุลาการรัฐธรรมนูญวิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยและเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรค  111 คน โดยล่าสุดได้มีการหารือกันว่าอาจจะใช้ทางเลือกขอถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   เพื่อขอความเป็นธรรม รวมถึงขอพระราชทานอภัยโทษด้วย   ซึ่งวิธีการนั้น  อดีตสมาชิกของพรรคในแต่ละเขตจะไปรวบรวมรายชื่อประชาชนที่เป็นสมาชิกของพรรค  และนำมารวมกันที่พรรค  ก่อนถวายฎีกาต่อไป

" เราไม่มีทางออกแล้ว ทางนี้ถือเป็นทางเลือกสุดท้าย และเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะสมาชิกพรรคทั่วประเทศได้รับความเดือดร้อนจริงๆ   จึงจำเป็นต้องขอถวายฎีกา  ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการรวบรวมรายชื่อประมาณ 2 สัปดาห์ โดยประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคทั่วประเทศ จะร่วมเดินแถวมาถวายฎีกาเพื่อขอความเป็นธรรม  และขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตัวเอง ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน  สวนจิตรลดา  และคิดว่า  คมช.ก็คงไม่สามารถมาทำอะไรได้ เนื่องจากเขาเดือดร้อนจริงๆ" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยรายหนึ่งระบุ

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=1/Jun/2550&news_id=143049&cat_id=501


เราไม่มีทางออกแล้ว ทางนี้ถือเป็นทางเลือกสุดท้าย และเป็นทางที่ดีที่สุด....
เมื่อถึงคราวเดือดร้อน จึงนึกถึงพระบารมีปกเกล้าฯ.......



โดยประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคทั่วประเทศ จะร่วมเดินแถวมาถวายฎีกาเพื่อขอความเป็นธรรม  และขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตัวเอง ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน  สวนจิตรลดา
มีอะไรลับลมคมนัยไหม..................... Question


ไอ้พวกนี้ ที่ผ่านมายังทำให้พระองค์ร้อนพระทัยไม่พออีกเรอะ Evil or Very Mad
บันทึกการเข้า

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #6 เมื่อ: 01-06-2007, 00:58 »

ขณะที่นายประพันธ์  คูณมี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า  จะไม่มีการออกบทนิรโทษกรรมให้กับพรรคไทยรักไทย  เพราะไม่มีเหตุผลและความจำเป็นใดที่จะออกให้ การที่ศาลตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินลงโทษ  ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ชอบธรรมแล้ว เพราะหากมีการโกงการเลือกตั้งสำเร็จโดยไม่มีใครจับได้  คนเหล่านี้ก็จะได้เป็นรัฐบาล  รัฐมนตรี  กอบโกยผลประโยชน์ในกลุ่มของตน  ส่วนที่นายจาตุรนต์ระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น  อยากรู้ว่าสิ่งที่ชอบธรรมคืออะไร  คือการที่ไม่ถูกลงโทษในคดีซุกหุ้นอย่างนั้นหรือ

" ]คำวินิจฉัยของศาลก็ได้มีการอ่านอย่างละเอียดถึงเหตุและผลในคำตัดสิน  คนที่ทำผิดก็ต้องกล้ารับผิด   จึงถือว่ามีความชอบธรรม  ผมอยากให้ประชาชนไม่ตกเป็นเครื่องมือของบุคคลอย่างนี้  และอยากให้ผู้ที่สนับสนุนพรรคและสมาชิกพรรค   ได้แนะนำพรรคให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรมของกฎหมายบ้านเมืองต่อไป[/size"

นายวัลลภ   ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. กล่าวว่าการออกนิรโทษกรรมกระทำไม่ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุดแล้ว ยกเว้นแต่จะมีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนนายพินิจ  จารุสมบัติ  สมาชิก สนช. ไม่จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่งสมาชิก สนช.  แม้ว่าตุลาการรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยยุบพรรคและตัดสิทธิ์การเมือง   5  ปี  และตามกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่มีการอ่านคำวินิจฉัยก็ตาม  เพราะนายพินิจได้รับการแต่งตั้งมาจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว   จึงไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่นายพินิจดำรงอยู่ในปัจจุบัน

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=1/Jun/2550&news_id=143049&cat_id=501



หลังการต่อสู้ของประชาชนไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลาคม 16  พฤกษภาทมิฬ 35 ฯลฯ
ฝ่ายเผด็จการจะออกมาเรียกร้องให้อภัยต่อกัน และอภัยโทษต่อกัน อ้างว่าเป็นวิสัยของคนไทย.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #7 เมื่อ: 01-06-2007, 06:17 »

ควรจัดพิมพ์ คำวินิจฉัยกลางของ ตุลาการรัฐธรรมนูญ แจกจ่ายให้ไปติดประกาศตามอำเภอ, ตำบลและหมู่บ้าน และจัดทำสรุปเป็นข้อๆให้ชาวบ้านได้อ่านเข้าใจง่ายๆเพิ่มอีก เผื่อคนที่ขี้เกียจอ่านทั้งหมดจะได้เข้าใจสาระของคำวินิจฉัยได้ ทั้งข้อกล่าวหา,ข้อโต้แย้ง และคำวินิจฉัยกลางให้เป็นภาษาที่ชาวบ้านในท้องที่ห่างไกลเข้าใจได้ง่ายๆ เพื่อที่จะได้ไม่ถูกหลอกให้เข้ามาประท้วง
บันทึกการเข้า
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #8 เมื่อ: 01-06-2007, 06:40 »

มีรายงานด้วยว่า ขณะนี้กลุ่มไทยรักไทยกำลังหาทางออกหลังตุลาการรัฐธรรมนูญวิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยและเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรค  111 คน โดยล่าสุดได้มีการหารือกันว่าอาจจะใช้ทางเลือกขอถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   เพื่อขอความเป็นธรรม รวมถึงขอพระราชทานอภัยโทษด้วย   ซึ่งวิธีการนั้น  อดีตสมาชิกของพรรคในแต่ละเขตจะไปรวบรวมรายชื่อประชาชนที่เป็นสมาชิกของพรรค  และนำมารวมกันที่พรรค  ก่อนถวายฎีกาต่อไป

" เราไม่มีทางออกแล้ว ทางนี้ถือเป็นทางเลือกสุดท้าย และเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะสมาชิกพรรคทั่วประเทศได้รับความเดือดร้อนจริงๆ   จึงจำเป็นต้องขอถวายฎีกา  ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการรวบรวมรายชื่อประมาณ 2 สัปดาห์ โดยประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคทั่วประเทศ จะร่วมเดินแถวมาถวายฎีกาเพื่อขอความเป็นธรรม  และขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตัวเอง ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน  สวนจิตรลดา  และคิดว่า  คมช.ก็คงไม่สามารถมาทำอะไรได้ เนื่องจากเขาเดือดร้อนจริงๆ" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยรายหนึ่งระบุ

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=1/Jun/2550&news_id=143049&cat_id=501


เราไม่มีทางออกแล้ว ทางนี้ถือเป็นทางเลือกสุดท้าย และเป็นทางที่ดีที่สุด....
เมื่อถึงคราวเดือดร้อน จึงนึกถึงพระบารมีปกเกล้าฯ.......



โดยประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคทั่วประเทศ จะร่วมเดินแถวมาถวายฎีกาเพื่อขอความเป็นธรรม  และขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตัวเอง ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน  สวนจิตรลดา
มีอะไรลับลมคมนัยไหม..................... Question


อย่าเอาประชาชนมาบังหน้า ถ้าอยากเดินขบวนถวายฎีกา สำนึกผิดจริงๆ
พวกมันทั้ง 111 คนนั่นแหละ

ไม่ต้องไปรบกวนพระองค์ที่สวนจิตร

ให้มาคุกเข่ากลางสนามหลวง ตากแดดตากฝน 7 วัน
สารภาพบาปที่เห็นการเลือกตั้งเห็นประชาชนเป็นของเล่น
สาบานต่อพระแก้วมรกตว่าถ้าทุจริตเลือกตั้ง/ซื้อเสียง
ให้พวกมันตกนรกเจ็ดชั่วโคตร

บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #9 เมื่อ: 01-06-2007, 13:59 »

"เปลือย “ระบอบทักษิณ”
 
โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ 31 พฤษภาคม 2550 18:51 น.
 
 
 
ต้องขอบคุณสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ที่ทันทีที่ตุลาการรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย กล้องของทีไอทีวีจับภาพไปบนท้องฟ้า เป็นภาพของเมฆดำที่เคลื่อนออกจากเงาของดวงจันทร์ เปรียบเหมือนความสว่างไสวที่ถูกเงามืดบดบังกำลังกลับคืนมา และความชั่วร้ายกำลังมลายไป
       
        คำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญที่เปิดโปงระบอบทักษิณอย่างล่อนจ้อน ทำให้ 21 เดือนของการต่อสู้ของพวกเราตั้งแต่เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งแรกที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเดือนกันยายน 2548 มาสู่การเคลื่อนไหวการเมืองภาคประชาชนครั้งแรกในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า จนมาสู่การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครั้งแรกในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 เพื่อเปิดโปงระบอบทักษิณ ปิดฉากลงอย่างสวยงาม เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
       
        ความเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้เพื่อเปิดโปงระบอบทักษิณหายไปเกือบหมดสิ้น พร้อมกับความหวังว่า สังคมไทยจะเดินไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง ภายใต้ความรัก ความเข้าใจ ความยุติธรรม และความเสมอภาคกันของสังคมไทย
       
         การถ่ายทอดคำต่อคำการวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยของสถานีโทรทัศน์เกือบทุกช่อง ทำให้ประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่รู้ว่า ระบอบทักษิณคืออะไร และคนจำนวนอีกไม่น้อยที่ตั้งคำถามว่า ทักษิณผิดอะไรได้รับรู้ความจริงอย่างหมดเปลือกเสียที       
        ขนาดพวกเราซึ่งเปิดโปงความชั่วร้ายของระบอบทักษิณมาโดยตลอด เมื่อได้ฟังคำวินิจฉัยที่ได้รับการเรียบเรียงมาอย่างเป็นระบบ ก็ยังอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ว่า “ชั่ว จริงๆ”
       
        หลายคนจึงพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า 1 วันของตุลาการรัฐธรรมนูญที่ปอกเปลือกระบอบทักษิณออกมานั้น คุ้มค่ากว่า 7 เดือนที่รอคอยให้รัฐบาลฤาษีเลี้ยงเต่าของพล.อ.สุรยุทธ์ช่วยเปิดโปงระบอบทักษิณเพื่อให้คนที่ยังไม่เคยรับรู้ ได้รับรู้ถึงความจริงแท้ที่ชั่วร้ายของระบอบทักษิณได้บ้าง


       
        จากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บันทึกถ้อยคำยืนยันว่า ระบอบทักษิณ หมายถึงวิธีการดำเนินการทางการเมืองและการบริหารประเทศที่ยึดตัวตนและยึดแนวคิดของพ.ต.ท.ทักษิณเป็นหลัก ขาดความเคารพเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะหลักการขององค์กรตรวจสอบและถ่วงดุลโดยองค์กรอิสระและประชาชน แต่เข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ สื่อมวลชน องค์กรของรัฐแทบทุกองค์กร ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง แต่ทำเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ทำลายระบบคุณธรรม สร้างความแตกแยกของคนในชาติอย่างไม่เคยพบมาก่อน และมีการทุจริตอย่างมโหฬาร
       
        ศาลเห็นว่า การกล่าวถึงระบอบทักษิณของนายอภิสิทธิ์ดังกล่าวเป็นการนำเอาจุดบกพร่องตามที่ปรากฏเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมของพ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ มากล่าวปราศรัยแก่ประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อันเป็นวิสัยของประชาชนทั่วไปย่อมกระทำได้ ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ
       
        เช่น การที่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ให้ความสำคัญแก่รัฐสภาในการประชุมในนัดที่มีความสำคัญ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 21 ระหว่างปี 2544-2548 มีกระทู้ถามเจาะจงพ.ต.ท.ทักษิณ 229 เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณตอบเพียง 6 เรื่อง และสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 22 ระหว่างปี 2548-เดือนพ.ย.2548 มีกระทู้ถามเจาะจงพ.ต.ท.ทักษิณ 34 เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณไม่ตอบกระทู้แม้แต่เรื่องเดียว
       
        ซึ่งทำให้นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย ถึงกับเคยแสดงความรู้สึกว่า “ถ้าอย่างนี้จะมีสภาทำไม โดยส่วนตัวผมเสียความรู้สึกมาก เพราะทำให้ระบบสภาของเราไม่มีความหมาย สะท้อนที่เขาพูดว่า ประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือของเขา ผมไม่แฮปปี้มาก”
       
        การแทรกแซงองค์กรอิสระทั้งหลายตามรัฐธรรมนูญ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน ถูกแทรกแซง ครอบงำ โดยอำนาจฝ่ายการเมืองมาโดยตลอด ตั้งแต่กระบวนการสรรหา การแต่งตั้ง การพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด จนทำให้การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระดังกล่าว ขาดความเป็นอิสระและเที่ยงธรรม
       
        การลงมติเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในองค์กรอิสระต่างๆ ในรัฐธรรมนูญ ได้มีการลงมติตามที่รัฐบาลต้องการทุกครั้ง โดยมีการกำหนดตัวบุคคลบล็อกโหวตตามความต้องการของพ.ต.ท.ทักษิณ
       
        การแทรกแซงสื่อ การสั่งให้ ปปง.ตรวจสอบการทำธุรกรรมของสื่อมวลชนที่เขียนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ การถอดรายการวิทยุและโทรทัศน์ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
       
        การทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง เช่น กรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ การประมูลก่อสร้างหรือการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ การปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า และรัฐบาลพม่านำเงินดังกล่าวเข้าซื้ออุปกรณ์ระบบโทรคมนาคมจากบริษัทธุรกิจของครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณเอง กรณีการขายหุ้นระหว่างครอบครัวของพ.ต.ท.ทักษิณ กับเทมาเส็กของสิงคโปร์ ที่มีข้อกล่าวหาในการได้รับการยกเว้นภาษี กรณีการเข้าถือหุ้นในไอทีวี ที่มีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการลดค่าสัมปทาน ฯลฯ เป็นต้น
       
        โดยในส่วนการขายกิจการให้เทมาเส็ก ยังปรากฏในคำวินิจฉัยกรณียุบพรรคไทยรักไทยด้วยว่า ก่อนการขายกิจการดังกล่าวเพียง 3 วัน ก็มีการตราพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่2) พ.ศ.2549 ที่มีเนื้อหาสาระเป็นการลดสัดส่วนการถือหุ้นของบุคคลผู้มีสัญชาติไทยในกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 2 และแบบที่ 3 ออกมาใช้บังคับ อันเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยว่า เป็นกฎหมายที่ตราออกมาเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการขายกิจการดังกล่าว
       
        นอกจากนั้นยังมีการทำลายระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการ ที่ใช้ระบบอุปถัมภ์ มิได้ใช้ระบบคุณธรรมโดยคำนึงถึงความสามารถและอาวุโส เช่น การแต่งตั้ง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด การแต่งตั้งพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ภริยาจากผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือการผลักดันให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยกลับมาเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมอีกวาระหนึ่ง
       
        รวมทั้งสนับสนุนนายทหารซึ่งสำเร็จเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับตัวเองให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาว่า มุ่งหวังส่งแต่ญาติและเพื่อนมาดำรงตำแหน่งสำคัญ การจ้างพรรคเล็กลงสมัคร การลักลอบแก้ฐานข้อมูลพรรคการเมืองของกกต. เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเลือกตั้ง
       
        ในส่วนคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยระบุด้วยว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ซึ่งหมายถึงพรรคไทยรักไทย มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้าดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ
       
        จากหลายๆ พฤติกรรมทำให้ศาลวินิจฉัยตอนหนึ่งว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่อาจดำรงความเป็นพรรคการเมืองที่จะสร้างสรรค์และจรรโลงความชอบธรรมทางการเมืองแก่ระบอบการปกครองประเทศโดยรวมได้อีกต่อไป จึงมีเหตุสมควรต่อการยุบพรรค
       
        นี่คือความหมายของระบอบทักษิณที่ถูกเปิดโปงอย่างล่อนจ้อนและชัดเจนที่สุด  
 
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000063077
 
 

นี่เป็นบทสรุประบอบทักษิณที่ถูกเปิดโปงอย่างล่อนจ้อนโดยคุณอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์....

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 01-06-2007, 14:12 »

หลายคนจึงพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า 1 วันของตุลาการรัฐธรรมนูญที่ปอกเปลือกระบอบทักษิณออกมานั้น คุ้มค่ากว่า 7 เดือนที่รอคอยให้รัฐบาลฤาษีเลี้ยงเต่าของพล.อ.สุรยุทธ์ช่วยเปิดโปงระบอบทักษิณเพื่อให้คนที่ยังไม่เคยรับรู้ ได้รับรู้ถึงความจริงแท้ที่ชั่วร้ายของระบอบทักษิณได้บ้าง


....
วันนี้คุยกับเพื่อนที่เคยเลือกทรท

เขาบอกว่าหลังจากฟังรายละเอียดแล้วรู้สึก "อาย" แทน
กรณีธรรมรักษ์ทำไม ย่ามใจ กล้าทำขนาดนั้น
เขายังว่าได้ฟังความชั่วร้ายของระบอบทักษิณละเอียดยิบเลย

คือเถียงไม่ขึ้นครับ ไม่รู้จะช่วยเถียงแทนทรทยังไงเหมือนกัน

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2007, 14:14 โดย นทร์ » บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #11 เมื่อ: 01-06-2007, 15:11 »

งานนี้ประชาธิปัตย์ก็สบายซิครับ พิมพ์สรุปคำวินิจฉัยแจก ตัวโต ๆ อ่านง่าย ๆ พร้อมแผนภูมิประกอบ

แทบไม่ต้องหาเสียงเลยนะเนี่ย 
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #12 เมื่อ: 02-06-2007, 23:03 »

มติศาลวันนี้เป็นอย่างไร ขื่อแปบ้านเมืองต้องมาก่อน 
29 พฤษภาคม 2550 18:53 น.
ไม่ว่าคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งเก้าท่านจะมีมติเรื่องยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรคออกมาวันนี้ (30 พ.ค.)


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนไทยส่วนใหญ่ต้องการให้ "ขื่อแป" ของบ้านเมืองยังอยู่ครบถ้วน

นั่นย่อมหมายความว่า ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่กับคำตัดสินว่าพรรคไทยรักไทยกับประชาธิปัตย์สมควรจะยุบหรือกรรมการบริหารของพรรคควรจะต้องรับผิดมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องยอมรับว่านั่นคือการดำเนินตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น

เพราะถ้าหากเรายอมให้กลุ่มที่ไม่พอใจกับคำตัดสินแสดงปฏิกิริยาด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย นั่นคือการใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างความปั่นป่วนเพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอันไม่พึงปรารถนา นั่นก็ย่อมหมายความว่าสังคมไทยจะหมดสภาพของการเป็นนิติรัฐอันหมายความว่ากฎหมายบ้านเมืองจะไร้ความศักดิ์สิทธิ์ทันที

หลายฝ่ายได้ออกมาแสดงความคิดเห็นแล้วว่าจากประวัติการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งเก้าท่านนั้น มีความเชื่อได้ว่าท่านทั้งหลายจะพิจารณาคดีประวัติศาสตร์ครั้งนี้บนพื้นฐานของหลักฐานและความเป็นจริงและจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพราะท่านทราบดีว่าสังคมมีความคาดหวังสูงและต้องการให้ท่านแสดงความเป็นตัวของท่านเองอย่างเสรีและตามมาตรฐานแห่งความเป็นผู้ตัดสินด้วยความมุ่งมั่น

ดังนั้น ความพยายามใดๆ ของคนกลุ่มใดก็ตามที่เป็นไปในลักษณะข่มขู่ กดดันหรือบิดเบือนสถานการณ์ย่อมต้องถือว่าเป็นการคุกคามคนไทยทั้งสังคมและเป็นอันตรายต่อการใช้สิทธิในการดำเนินชีวิตอันปกติสุขของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

ผมเชื่อว่าท่านตุลาการทั้งเก้า จะสามารถตอบทุกคำถามของคนไทยว่าท่านตัดสินคดีนี้บนพื้นฐานของหลักฐานและการตีความตามกฎหมายอย่างไร เพราะนี่ก็คือการจารึกลงในประวัติศาสตร์ไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานและไม่ว่าการตัดสินจะออกมาในรูปไหน ก็จะเป็นประเด็นของการศึกษา วิเคราะห์และวิพากษ์วิจารณ์กันไปอีกนานแสนนาน

ประเทศไทยได้รับความบอบช้ำมามากเหลือเกินแล้ว...เพียงแค่นี้ก็ทำให้การฟื้นคืนไปสู่ภาวะปกติเป็นภารกิจร่วมของคนไทยทั่วประเทศอย่างหนักหน่วงเหลือเกินแล้ว... หากกลุ่มที่มีผลประโยชน์ทางการเมืองเฉพาะตนยังขืนดื้อดึงในอันที่จะสร้างบรรยากาศแห่งความแตกแยกและแสดงความป่าเถื่อนด้วยการขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงมาสนองตัณหาของตน ก็จะต้องถูกประณามอย่างรุนแรงจากประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่ต้องการเห็นการเผชิญหน้าที่จะนำไปสู่การประหัตประหารของประชาชนที่ถูกลากจูงหรือหลอกลวงให้กลายเป็นเครื่องมือของความบูดเบี้ยวทางการเมืองของคนบางกลุ่มเท่านั้นเอง

วันนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคนไทยเราจะยอมให้อำนาจเถื่อน อิทธิพลมืดและความไร้หลักไร้เกณฑ์เข้ามากำหนดชะตากรรมของคนส่วนใหญ่ของสังคมหรือไม่

หากเรายอมให้บ้านเมืองถูก "ป่วน" ด้วยฝีมือของคนเหล่านี้ ก็เตรียมตัวเข้าสู่ภาวะของ "ประเทศล้มเหลว" (failed stated) ในสายตาทั่วโลกได้
 
http://www.komchadluek.net/2007/05/column/m001_120727.php?news_id=120727


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #13 เมื่อ: 02-06-2007, 23:07 »

งานนี้ประชาธิปัตย์ก็สบายซิครับ พิมพ์สรุปคำวินิจฉัยแจก ตัวโต ๆ อ่านง่าย ๆ พร้อมแผนภูมิประกอบ

แทบไม่ต้องหาเสียงเลยนะเนี่ย 



คุณชวน หลีกภัยเตือนชาวประชาธิปัตย์ อย่าลำพองใจ..... Exclamation

"ผึ้งแตกรัง" พร้อมจะเป็น"ตัวแทนเชิด"ให้เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก อีกมากมาย....

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: