เป็นความเห็นที่อิงมาจากความเชื่อที่ว่า การตัดสินยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรค ขึ้นอยู่กับการสั่งการของผู้มีอำนาจ ซึ่งน่าจะผิดไปแล้วค่ะ
มองตุลาการรัฐธรรมนูญทั้งหมดแล้ว และเมื่อเห็นที่มา (ที่มาไม่ได้หมายถึงใครเลือกนะคะ ที่มาคือตำแหน่งที่ท่านรับผิดชอบมา) ก็ทราบว่าการตัดสินนี้ จะเป็นไปตามหลักนิติศาสตร์ ตามกฎหมาย ใช้หลักการ ไม่มีหลักกู ดังนั้นการคาดการการเมืองล่วงหน้า โดยอิงผลการยุบพรรคว่า สามารถสั่งได้ จึงผิดแน่นอนค่ะ
การต่อท่ออำนาจ เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่กำลังจับตากัน ข่าวการสืบทอดอำนาจนั้น มาจากสายนักการเมืองนั่นเอง ที่ช่วยตีปี๊บปล่อยข่าว เพราะกลัวจนแทบขาดใจว่า หากเขาต่อท่ออำนาจกัน ตนเองก็หมดหวังในการมีอำนาจ ยิ่งต่อได้เนียนเท่าไหร่ ยิ่งหมดโอกาศไปอีกหลายสิบปี โดยเฉพาะนักการเมืองที่จวนจะเข้าโลงอยู่แล้ว หลายคนทีเดียวที่การเลือกตั้งครั้งนี้ อาจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต ครั้งต่อไปคงต้องหามลงสนาม หากกิเลสยังไม่หมด และถ้าเขาต่อท่ออำนาจได้สักสองสมัย ลงโลงได้เลยไม่ได้มีโอกาศกลับมาแล้ว ดังนั้น ต้อตีกันไว้ก่อน ตีปลาหน้าไซไว้ให้โครมคราม
แต่สิ่งที่ยังไม่เป็นข่าวมากนัก ก็คือมาตราหนึ่งของรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งถ้ารัฐธรรมนูญนี้ไม่ผ่านประชามติ ก็จะถูกนำไปใส่ในรัฐธรรมนูญฉบับไหนก็ได้ที่ยกมาใช้ มาตราที่ว่าด้วยการทุจริตการเลือกตั้ง พูดง่ายๆก็คือซื้อเสียงนั่นแหละ แต่ก่อน ใครซื้อได้ใบแดง มาตราใหม่นี้ พรรคต้องรับผิดชอบลูกพรรคด้วย ลูกพรรคซื้อเสียง พรรคโดนใบแดงด้วย
โอว์ พระเจ้าจอร์จ จอดแน่ๆ
หากมาตราพิเศษนี้ ถูกสอดแทรกเข้าไปในรัฐธรรมนูญสำเร็จ
มังกรสุพรรณ ก็กลายเป็นกิ้งกือ พ่อใหญ่ ก็กลายเป็นพ่อเหี่ยว ไม่ว่าจะมองไปพรรคไหน จะเห็นนั่งหอบแฮ่กๆๆๆ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันทั้งนั้น
จะทำไงล่ะ ซื้อเสียง โดนใบแดงเข้าไปคนหนึ่ง พังทั้งพรรค
จะล้มรัฐธรรมนูญนี้ ฉบับเก่าที่จะเอามาปัดฝุ่น ก็จะมีมาตรานี้ติดไปด้วย
ไม่ต้องต่อท่อแร้ววววว พรรคตั้งใหม่ ก็อาจหาญสู้พรรคเก่าๆได้ เมื่อซื้อเสียงไม่ได้ โอกาศก็มีเท่าๆกัน จะให้ใครเป็นนายก ตั้งพรรคใหม่มาได้เลย รัฐบาลผสม ควบคุมได้ เลือกได้ ไม่ต้องต่อท่อแร้วววว