ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 02:06
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ‘จงซื่อสัตย์กับตนเอง’ บางบทของเช็คสเปียร์ที่ ‘เค็น เอเด็ลแมน’ ลืมนำมาใช้ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
‘จงซื่อสัตย์กับตนเอง’ บางบทของเช็คสเปียร์ที่ ‘เค็น เอเด็ลแมน’ ลืมนำมาใช้  (อ่าน 3129 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 29-05-2007, 17:24 »

  ‘จงซื่อสัตย์กับตนเอง’ บางบทของเช็คสเปียร์ที่ ‘เค็น เอเด็ลแมน’ ลืมนำมาใช้   
 
มุกดาวรรณ ศักดิ์บุญ

 

                                               Oh what a tangled web we weave,

                                              When first we practice to deceive!


                                                                          Sir Walter Scott,

                                                   Marmion, Canto VI. Stanza 17*

 
เค็น เอเด็ลแมน หรือ Kenneth Adelman ประธานบริหารขององค์กรที่ชื่อว่า “สหรัฐอเมริกา เพื่อ นวัตกรรม” (USA for Innovation) ที่กำลังรณรงค์โจมตีประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุขอยู่ในขณะนี้ เป็นใครกันแน่ คนไทยอาจจะกำลังมีคำถาม

 
หากสำหรับคนอเมริกัน ที่ติดตามสถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะการบุกอิรักของสหรัฐ ต่างรู้จักเค็นเป็นอย่างดี จากวาทะอันลือลั่น (ซึ่งต่อมา กลายเป็นเรื่องแสนจะขายหน้า) ของเขา

 

ในบทความที่เขาเขียนให้หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสท์ฉบับวันที่ 13 ก.พ. 2545 เค็นกล่าวว่า สงครามในอิรักนั้น “ง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก”** และว่าอเมริกาจะได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย พร้อมทั้งโจมตีผู้คัดค้านการทำสงครามกับอิรักที่เกรงว่าจะต้องสูญเสียชีวิตทหารอเมริกันจำนวนมากนั้นว่า กลัวเกินกว่าเหตุ

เขายังแสดงความมั่นใจในอำนาจที่ยิ่งใหญ่ทางการทหารของอเมริกา ซึ่งนับวันมีแต่จะทวีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็หมิ่นแคลนยุทโธปกรณ์ของฝ่ายอิรักว่าล้าสมัย เก่าคร่ำคร่า ทำนองว่ามวยคนละชั้น ซ้ำกำลังพลก็น้อยกว่ากันมาก นอกจากนี้ เขายังส่งสารกับประธานาธิบดีจอร์จ บุชว่า ทำสงครามไปเลย ไม่ต้องไปห่วงว่าประเทศอื่นๆ จะว่ายังไง เพราะเขามั่นใจว่า คนอเมริกันจะเข้าใจและสนับสนุนว่า “การทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำ”

 

ห้าปีผ่านไป ข้อกล่าวหาอิรักเรื่องอาวุธทำลายล้างประสิทธิภาพสูงกลายเป็นเรื่องชวนหัวที่น่าอับอายของผู้นำสายเหยี่ยวในทำเนียบขาว แล้วยังเรื่องที่หาว่าซัดดัม ฮุสเซ็น เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก่อการร้ายและการระเบิดตึกเวิลด์เทรดอีกเล่า ที่จนป่านนี้ก็ยังหาหลักฐานใดๆ ไม่ได้ ในขณะที่ทั้งทหารอเมริกันและประชาชนอิรักจำนวนมาก ต้องล้มตายรายวัน

 

เค็นกลับลำ โดยออกมาวิพากษ์วิจารณ์โดนัลด์ รัมส์เฟลด์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ผู้ที่เขาเคยทำงานด้วย (และเป็นเพื่อนสนิทของเขามากว่า 10 ปี) และคนอื่นๆ ( โดยลืมนึกถึงตัวเอง) ว่า ดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดในอิรัก (ก็ไม่ใช่เขาเองหรอกหรือที่มีส่วนสนับสนุนอย่างแข็งขัน) บทความที่เขาเขียนให้หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ วันที่ 13 มี.ค. 2547 เขายอมรับว่ามองผิดพลาดไปที่ว่า อิรักมีอาวุธทำลายล้างประสิทธิภาพสูง ที่ว่าคนอิรักพร้อมจะร่วมมือเต็มที่หลังโค่นซัดดัม ฮุสเซ็น และที่ว่าซัดดัมอาจจะเกี่ยวข้องกับขบวนการอัลกอ อิดะห์

 หากแต่เขาก็ยังยืนยันว่าทำเนียบขาวก็ยังต้องคงกำลังทหารในอิรักต่อไป เพื่อ “ส่งเสริมให้เกิดประชาธิปไตยในตะวันออกกลาง”

 

ครั้นพอถูกซักถามตอนให้สัมภาษณ์กับนิตยสารวานิตี้ แฟร์ ว่า อ้าว แล้วที่เคยพูดไว้ว่า มันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากนั่นเล่า มันเกิดอะไรขึ้น เค็นก็อ้อมแอ้มไปว่า อ้อ เขาประเมินความสามารถของทีมความมั่นคงแห่งชาติสูงเกินไปหน่อย

 

ปีที่แล้ว โดนัลด์ รัมส์เฟลด์ ขอให้เค็นลาออก จากคณะกรรมการบริหารนโยบายกลาโหม เค็นเล่าให้นิตยสารนิวยอร์คเกอร์ฟังว่า โดนัลด์ บอกว่าเค็นเป็นเพื่อนเขามาตลอดและจะเป็นตลอดไป แต่ขอให้ลาออกเสียเถอะ

 

หลังจากนั้น เค็นได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการจากโดนัลด์ รัมส์เฟลด์ ว่ากำลังจะหาคนมาแทนตำแหน่งของเค็น แต่ในที่สุดโดนัลด์เองก็มีเหตุต้องระเห็จจากตำแหน่งไปก่อนเค็น ความเป็นเพื่อนก็มีอันเป็นต้องขาดสะบั้นลง เมื่อต่อมา เค็นให้สัมภาษณ์กับนิตยสารนิวยอร์คเกอร์ว่า เขาอาจจะมองคนผิดไป เค็นว่าโดนัลด์คนที่เขารู้จักไม่ใช่แบบนี้ แต่เค็นก็รีบเสริมว่า โดนัลด์อาจจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้น แต่เขา (เค็น) มองผิดไปเอง

 
ในอเมริกา เค็น ถูกวิจารณ์ว่าเป็นพวกมีแนวความคิดแบบอนุรักษ์นิยมใหม่ ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นพวกที่กุมอำนาจอยู่ในทำเนียบขาวขณะนี้

 

เค็นเป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารนโยบายกลาโหมของสหรัฐ และเคยอยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ ด้านนโยบายในช่วงราวปี พ.ศ.  2513 เช่นเป็นกรรมการในคณะกรรมการทางด้านมหันตภัยแห่งชาติ ซึ่งมีการรื้อฟื้นกันขึ้นมาใหม่เมื่อปี 2547

 

เขายังเคยเป็นผู้ช่วยของโดนัลด์ รัมส์เฟล์ด ในสมัยของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เคยเป็นผู้ช่วยของนางจีน เคิร์กแพทริค อยู่สองปีครึ่งในสมัยที่เธอเป็นทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ และยังเคยรับใช้รัฐบาลประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน เกือบห้าปี ในฐานะผู้อำนวยการของหน่วยงานควบคุมการขยายอาวุธ และเป็นที่ปรึกษาของเรแกนด้วย

 

เค็นเกิดที่ชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย พ.ศ. 2489  เขาเรียนจบวิชาเอกด้านปรัชญาและศาสนา จากวิทยาลัยกรินเนลในไอโอวา จากนั้นเรียนต่อปริญญาโทด้านการศึกษาการบริการต่างประเทศ และปริญญาเอกด้านทฤษฎีการเมืองที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์  เขาแต่งงานกับนาง-

แครอล มีบุตรสาวสองคน ภรรยาของเค็นทำงานเป็นผู้อำนวยการโครงการที่ชื่อว่า ศูนย์ส่งเสริมวิทยาศาสตร์ในนโยบายสาธารณะ ของสถาบันหัวอนุรักษ์นิยมที่ชื่อว่า สถาบันฮัดสัน

เค็นเคยแปลให้โมฮัมหมัด อาลี ในการชกมวยชิงแชมป์เฮฟวี่เวท ที่แอฟริกาในปี พ.ศ 2518 และเป็นหนึ่งในคณะสำรวจที่เดินทางล่องแม่น้ำคองโกที่ยาวเป็นอันดับสองในแอฟริการองจากแม่น้ำไนล์

 

เค็นเคยเขียนหนังสือวิพากษ์วิจารณ์การเจรจาควบคุมอาวุธของอเมริกาและอดีตสหภาพโซเวียต เขายังเป็นบรรณาธิการนิตยสารวอชิงตันเนี่ยน และดังนั้น จึงรู้ดีว่าจะใช้สื่อที่ความอยู่รอดของธุรกิจขึ้นอยู่กับรายได้จากการโฆษณาได้อย่างไร ตัวอย่างล่าสุดก็คือ การจ่ายค่าโฆษณาเต็มหน้าในหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับในเมืองไทย

 

ในบทความที่เขาเขียนเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา ในหนังสือพิมพ์ วอชิงตัน ไทมส์ เค็นกล่าวหาว่าไทยพยายามขโมยนวัตกรรมทางปัญญาของสหรัฐ  เพื่อยักย้ายผลประโยชน์ไปให้กับอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศ  เขาตอบโต้ว่า  ข้ออ้างเรื่องไทยไม่สามารถซื้อยาติดสิทธิบัตรราคาแพงได้นั้น เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เมื่อพิจารณาว่าทีเพิ่มเงินเดือนให้พวก คมช.ยังทำได้ แถมงบกลาโหมยังได้เพิ่มอีกมหาศาล เขายังกล่าวว่า การกลายเป็นรัฐทหาร การโจมตีสถาบันประชาธิปไตย และแนวโน้มการปิดกั้นทางเศรษฐกิจ ทำให้ไทยไม่ต่างอะไรกับพม่าเพื่อนบ้าน

 

เค็น เปรียบเปรยไทยว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “อักษะแห่งความชั่วร้ายด้านทรัพย์สินทางปัญญา” ซึ่งเขาอ้างว่ารวมถึงบราซิล อินเดีย และจีน

 

ข้อเสนอของเขาก็คือ เรียกร้องให้ทำเนียบขาวและรัฐสภาอเมริกันเป็นหัวหอก กดดันให้เกิดการบริหารที่ดีในประเทศไทย บรรดาพวกที่คุ้นเคยกับวาทะของเค็นที่หนุนให้สหรัฐบุกอิรัก ฟังแล้วอาจจะรู้สึกว่าเคยได้ยินข้อเสนออะไรทำนองนี้มาก่อน (แล้วดูผลที่เกิดขึ้นตามมาสิ ว่าเป็นอย่างไร)

 

บริษัทโฆษณาประชาสัมพันธ์ในนามของเขานั้น มีลูกค้าที่ใช้บริการเช่น บริษัทยาแอ็บบอท และเมิร์ค จะว่าไปแล้ว ครึ่งหนึ่งของบริษัท 14 แห่งที่เป็นลูกค้าของเขานั้นเป็นผู้ผลิตยา นอกจากสองบริษัทข้างต้นแล้ว ก็ยังมี แอสทราเซเนกา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โนวาทิส ไฟเซอร์ เป็นต้น และดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เค็นออกมาปกป้องอุตสาหกรรมยาเต็มที่

เค็นและภรรยา ยังร่วมกันก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “นักเคลื่อนไหว และ เช็คสเปียร์” ซึ่งแครอลเป็นประธาน และเค็นเป็นรองประธาน บริษัทนี้จัดอบรมเรื่องการสื่อสารและการจัดการให้กับพวกซีอีโอระดับสูง ปีหนึ่งกว่า 35 ครั้ง การจัดอบรมของพวกเขาแต่ละครั้งใช้เวลา 3 ชั่วโมง ผู้เข้าอบรมเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 4,000 ถึง 18,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ  136,000 ถึง 612,000 บาท) การฝึกอบรมมักจัดขึ้นตามสถาบันต่างๆ พอฝึกอบรมเสร็จแล้ว พวกนักเรียนต้องมาแต่งตัวย้อนยุค และมาแสดงว่าได้เรียนรู้อะไรบ้างในการปรับประยุกต์ภูมิปัญญาของเช็คสเปียร์มาใช้ในทักษะการบริหาร เค็นสอนเกี่ยวกับเช็คสเปียร์ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ และจอร์จ วอชิงตัน และยังเขียนหนังสือเกี่ยวกับการใช้แรงบันดาลใจจากเช็คสเปียร์เพื่อการเป็นผู้นำและความสำเร็จทางธุรกิจ

 

ในกระแสความขัดแย้งเรื่องมาตรการบังคับใช้สิทธิของประเทศไทย อาจบางที เค็น จำเป็นต้องระลึกถึงคำกล่าวของเซอร์ วอลเตอร์ สก็อต ข้างต้น กับ คำกล่าวข้างล่างนี้จากบทละครของเช็คสเปียร์เรื่อง ‘แฮมเล็ท’ ให้มากขึ้น

 

This above all: to thine own self be true;     

And it must follow, as the night the day;

Thou canst not then be false to any man.


                  William Shakespeare,

            ‘Hamlet,’ Act I, Scene iii

 

“ เหนืออื่นใด คือ ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง เพื่อจะไม่ตระบัดสัตย์กับผู้อื่น”

 



 

* จากบทกวีของนักประพันธ์ชาวสก็อต เซอร์ วอลเตอร์ สก็อท (1771-1832)  เรื่อง Marmion เกี่ยวกับการสู้รบครั้งใหญ่ที่ทุ่งฟล็อดเด็น ทางเหนือของอังกฤษ ระหว่างกองทัพ

สก็อตแลนด์กับอังกฤษ เมื่อปีค.ศ. 1513 (พ.ศ. 2056) จบลงด้วยสก็อตเป็นฝ่ายปราชัย

 

**  เค็นใช้คำว่า Cakewalk ในภาษาอังกฤษ ในความหมายว่า สามารถได้ชัยชนะอย่างง่ายๆหากแต่เราไม่มีปริบทเช่นที่จะเข้าใจคำนี้ได้ จึงเทียบกับสำนวนไทยๆ ว่า “ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก”

 

เท่าที่สืบค้นดู คำว่า Cakewalk นั้น เป็นการเต้นที่คิดค้นขึ้นโดยคนแอฟริกัน-อเมริกัน ทางภาคใต้ เมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 19 เพื่อล้อเลียนการเต้นรำแบบบอลรูมของพวกเจ้าของไร่ผิวขาวที่ต้องการเลียนแบบชนชั้นสูงในยุโรป โดยการเต้นแบบเค้กวอล์คนี้ ผสมผสานลักษณะการแสดงออกแบบขำขันเข้ากับจังหวะการเต้นแบบดั้งเดิมของแอฟริกา มีการเตะขาสูง ทำท่าทางประหนึ่งกำลังถอดหมวก พวกนายทาสผิวขาวชอบใจกับการเต้นนี้ และมักจะเชิญชวนพวกทาสให้เข้าร่วมประกวดในวันอาทิตย์ ผู้ชนะได้รางวัลเป็นเค้กหนึ่งชิ้น อันเป็นที่มาของชื่อการเต้นแบบนี้

 

แม้หลังเลิกทาส การเต้นนี้ก็ยังดำเนินอยู่ในชุมชนคนผิวดำ ส่วนที่ว่าคำๆ นี้ กลายเป็นมีความหมายว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ได้อย่างไรนั้น กล่าวกันว่าเป็นเพราะการเต้นแบบนี้ สะท้อนบรรยากาศง่ายๆ สบายๆ แบบพักผ่อนในวันอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม คนอเมริกันทางภาคใต้ ที่เติบโตขึ้นมากับสังคมในโบสถ์และการระดมทุน มีความเข้าใจว่าการเต้นแบบเค้กวอล์คนี้ว่าเหมือนกับการเล่นเก้าอี้ดนตรี คือมีการเดินรอบวงกลมที่มีตัวเลขระบุอยู่ พอดนตรีหยุด กรรมการก็จะเรียกหมายเลข ผู้ที่อยู่ใกล้หมายเลขที่ถูกเรียกที่สุด จะได้รับรางวัลเป็นขนมหวาน

 

 

ข้อมูลประกอบรายงาน

 

Cakewalk in Iraq. February 13, 2002. p.A27. The Washington Post. Access through www.washingtonpost.com.
Troubles from Thailand. By Ken Adelman. The Washington Times. April 27, 2007. Access through www.washingtontimes.com
Ken Adelman: A Rat Abandons a Ship of Fools. By Ken Silverstein. November 20, 2006. Harper’s Magazine. Access through www.harpers.org
Ken Adelman’s (New) Lies. By Robert Weissman. 05.07.2007. Access through www.huffingtonpost.com
www.usaforinnovation.org


 http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=8237&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

 
 


บทความที่มีสาระ น่าสนใจจากเว็บไซท์"ประชาไท" ที่นำมาให้อ่าน
จะได้เข้าใจว่า หน้าแรกของเว็บ"ประชาไท" ทำให้ประชาไท อยู่รอดถึงทุกวันนี้....

แต่เว็บบอร์ด"ประชาไท" จะทำลายเว็บ"ประชาไท"...
เพราะปล่อยให้คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก แฝงตัวภายใต้หน้ากาก"กลุ่มไม่เอารัฐประหารของพรรค
เทียมรักเทียม" ต่อต้าน คณะ คมช. รัฐบาล และละเมิดสถาบันสูงสุดของประเทศไทย.....



 
การแสดงบทบาท"ผู้พิทักษ์ผลประโยชน์"ให้บริษัทค้ายาและโฆษณาชวนเชื่อให้อดีตนายกฯ กลุ่มอำนาจเก่าไทย ทำให้ตัวตนที่แท้จริงของเคน และ“สหรัฐอเมริกา เพื่อ นวัตกรรม” (USA for Innovation)" ถูกตรวจสอบและเปิดเผยอีกครั้งหนึ่ง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2007, 17:30 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: