ศรีธนญชัยฉบับไทย [24 พ.ค. 50 - 16:33]
นิทานเรื่องศรีธนญชัย เป็นนิทานชาวบ้าน เล่ากันสนุกสนาน ไม่แค่ในไทยเล่ากันหลายสำนวน แต่เล่ากันแพร่ หลายอยู่ในทุกประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กัมพูชา เวียดนาม เรียก ธนัญชัย หรือเธมญชย พม่า เรียก งะเล็ตโต่ งะใหญ่ หรือสะก๊าต่าวซ้า มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เรียก อาบูนาวัส ฟิลิปปินส์ เรียก ฮวน ปูซอง
ลาว เรียก เซียงเมี่ยงเซียง เป็นคำเรียกคนที่สึกจากเณร เหมือนทิด เรียกคนสึกจากพระ...เมี่ยง ก็คือเมี่ยง ของขบเคี้ยวยอดนิยมในภาคเหนือของไทย หรือในลาว...ที่มาสำนวน เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม... นั่นปะไร
หนังสือเรื่อง
เซียงเมี่ยงจอมกะล่อน ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ พิมพ์ปี 2544 เปรม ตัง ลำดับเรื่อง ชนะพนันพ่อค้าเมี่ยง ไว้เป็นเรื่องที่ 4
พระเอกศรีธนญชัยฉบับลาว ชื่อว่า คำ เมื่อบวชเณร จึงเป็นเณรคำ วันหนึ่งเณรคำเดินอยู่ริมคลองข้างวัด กลุ่มพ่อค้าเมี่ยงต่างถิ่น...หลายคนหาบเมี่ยงเก้ๆกังๆ มาอยู่ริมฝั่งตรงข้าม
พ่อเณร...คลองนี้ลึกหรือตื้น พ่อค้าเมี่ยงถาม
ตามีดู ตีนมีเดิน... พ่อเณรตอบ
ข้ามได้หรือไม่... คลองกว้างอย่างนี้ มีพระอินทร์เหาะมาอุ้ม โน่นแหละ จึงข้ามได้
เจอสำนวนกวนๆ เข้า พ่อค้าเมี่ยงก็ฉุน คะเนด้วยตา ก็ตะโกนท้าพนัน ถ้าข้ามไม่ได้ จะยกเมี่ยงทั้งหมดให้ แต่ถ้าข้ามได้ พ่อเณรแพ้ ขอแค่สบงจีวรของพ่อเณรเท่านั้น
ตกลงกันแล้ว พ่อค้าเมี่ยงก็เริ่มหาวิธีข้ามคลอง บางคนก็เดินลุยน้ำ บางคนก็ว่าย บางคนก็ดำ...สไตล์ใคร สไตล์มัน ถึงฝั่งที่เณรคำยืนได้ ก็ร้อง...ไชโย
แล้วก็บอกให้เณรถอดสบง เปลื้องจีวรให้
พวกสู ไม่เดิน ก็ดำน้ำ หรือไม่ก็ว่ายน้ำ ไม่มีใครก้าวข้ามคลอง มาได้สักคน เป็นอันว่าพวกสูแพ้ เณรคำเสียงแข็ง เพราะฉะนั้น พวกสูต้องยกเมี่ยงทั้งหมดให้ข้า
พ่อค้าเมี่ยงเจอวิชาศรีธนญชัย...ก็ไม่ยอม เปิดฉากเถียงกันสนั่นเมือง จนได้ยินไปถึงพระกรรณพระเจ้าทวาราวดี ไต่สวนแล้ว พระเจ้าทวาราวดี ก็ตัดสินว่า พ่อค้าเมี่ยงไม่ได้ข้ามน้ำ...เป็นอันว่าแพ้
ยอมให้เมี่ยง...เณร เขาไป สี่ซ้าห้าบาท...ก็แล้วกัน พระเจ้าแผ่นดินประนีประนอม
ซ้า...ภาษาลาว คือตะกร้า ถึงเวลาจ่ายค่าพนัน พ่อเณรก็คว้า ตระกร้า 4 ใบ บาตรอีก 5 ใบ มาใส่เมี่ยง สรุปว่า พ่อค้าเสียท่า จ่ายค่าเมี่ยง...หมดตัว
ตั้งแต่นั้นมา...เณรคำ ก็ถูกเรียกชื่อใหม่ เณรผู้ชนะพ่อค้าเมี่ยง สึกจากเณร ชื่อก็ยังติดตัว เป็น
ทิดเณรเมี่ยง หรือเซียงเมี่ยง
เปรม ตัง วิเคราะห์นิทานเรื่องนี้...ผู้เล่าจงใจล้อเลียน เสียดสี โจมตีแก้แค้นชนชั้นเจ้านาย ที่กดขี่ข่มเหงพวกเขามานาน
ถือเป็นวรรณกรรมแนวการเมือง มุ่งให้ประชาชนกล้าลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องสิทธิและความเสมอภาคในสังคม ถือเป็นวรรณกรรมปฏิวัติเล่มแรกของลาวและไทย
สิ้นเดือนพฤษภาฯ จะยุบพรรค พรรคเดียวหรือสองพรรค กรรมการบริหารจะหมดสภาพด้วยหรือไม่ ยุบพรรคแล้ว จะใช้ชื่อพรรคใหม่...ใกล้ชื่อเก่า...ได้มากน้อย
ตามดูลีลาศรีธนญชัยฉบับไทยกันให้ดีๆ รับประกันได้ สนุกไม่แพ้เซียงเมี่ยงฉบับลาว."กิเลน ประลองเชิง"
http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics02&content=48069