ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
23-11-2024, 16:08
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  อ.จอน อึ๊งภากรณ์: ประจานพฤติกรรมสามานย์ของนักธุรกิจการเมืองใน 5-6 ปีที่ผ่านมา.. 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
อ.จอน อึ๊งภากรณ์: ประจานพฤติกรรมสามานย์ของนักธุรกิจการเมืองใน 5-6 ปีที่ผ่านมา..  (อ่าน 18972 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 21-05-2007, 10:51 »

ภายใต้ดวงตะวันของคุณทักษิณ โดยจอน อึ๊งภากรณ์

โพสต์: จอนเอง  ID#169899 | เมื่อ: 2550-05-18 21:22:06 | IP: 124.120.60.26 x 
(บุคคลนิรนาม) 
บทความนี้ผมเขียนเมื่อเดือน พ.ค. ๒๕๔๘

ผมหวังว่าการโพสต์ลงในประชาไทในเดือนพ.ค. ๒๕๕๐
จะช่วยให้ผู้อ่านประชาไทได้ระลึกถึงความเป็นจริงของรัฐบาลทักษิณ
รวมทั้งการสูญเสียชืวิตของทนายสมชาย นิละไพจิตร และคนอีกนับพัน
ที่เป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาลทักษิณ


ภายใต้ดวงตะวันของคุณทักษิณ


  เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะไม่นึกไม่คิดไม่ฝันไม่รู้สึกถึงคุณทักษิณ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ได้ดีหรือเจอร้ายหรือเสมอตัวภายใต้ชะตาที่เขาได้กำหนดไว้ให้คุณ มีแต่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเช่นคุณสมชาย นิละไพจิตร ที่คงจะไม่รู้สึกถึงคุณทักษิณอีกแล้ว

คุณทักษิณเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในแทบทุกอย่างที่เป็นเป้าหมายของเขา โดยอาศัยสาวกในอุปถัมภ์มากคนที่จงรักภักดีมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการสร้างอาณาจักร “ชิน” ครอบประเทศไทย เขาเป็นเลิศในด้านการแปลงทุนมาเป็นคลังมันสมองและแขนขาที่รับใช้เขาในทุกปรารถนา เขาเป็นซีอีโอตัวจริงคนเดียวของประเทศไทย

ตอนที่ ๑. มองตัวคุณทักษิณ

  คุณทักษิณเป็นคนที่มีผู้คนชอบและนับถือมากมาย ส่วนคนที่”รู้ทัน”เขาก็เยอะเหมือนกัน ผมเชื่อว่า เขาเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว เป็นพุทธศาสนิกชนที่โอเคเบตง เป็นคนที่มีเสน่ห์ น่าคบเป็นเพื่อน (แต่อาจไม่สนุกที่จะคบเป็นศัตรู) และผมยังเชื่อว่านอกจากเขาจะเป็นผู้ที่ประสงค์ดีต่อตัวเองและครอบครัวแล้ว เขายังมีความปราถนาที่ดีต่อประเทศชาติบ้านเมืองอีกด้วย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสุภาษิตเก่าแก่ของยุโรปที่ว่า “The road to hell is paved with good intentions” – เส้นทางไปสู่นรกปูด้วยความตั้งใจอันดี

สรุปแล้วเขาไม่ใช่คนชั่ว แต่ก็ไม่มีใครแม้แต่ในกองเชียร์ของเขาที่จะนึกถึงเขาในแง่บุคคลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต คงต้องยอมรับว่าเฉพาะในประเด็นนี้อดีตนายกฯสัญญา นายกฯเสนีย์ นายกฯเปรม นายกฯอานันท์ และนายกฯชวน น่าจะได้คะแนนดีกว่าเรา ผมเองค่อนข้างที่จะเชื่อว่าเมื่อถึงคราวจำเป็น คุณทักษิณจะต้องกลายเป็นคนที่ขี้โกง “เท่าที่จำเป็น” (“เพื่อชาติ” หรือ “เพื่อครอบครัว”) ในพริบตาเดียว อันนี้น่าจะเป็นลักษณะทั่วไปของผู้ที่ได้ดีทางธุรกิจในระบบสัมปทานของประเทศไทย และคุณผู้อ่านคงจะสังเกตได้ว่าในรอบห้าปีที่ผ่านมามีข่าวเกรียวกราวเกี่ยวกับตัวเขาหลายเรื่องที่สนับสนุนสมมุติฐานนี้

คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีความสามารถที่เทียบเคียงได้ยากมากในหลายด้าน ทั้งความเก่ง ความฉลาด ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ผสมกับความกล้า และความทะเยอทะยานไม่มีขอบเขต ซึ่งเป็นรากฐานแห่งความสำเร็จของเขาในทุกด้าน แต่ที่เด่นที่สุดคือความสามารถที่จะสะสมสาวกลูกน้องมากมายซึ่งเมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้วกลายเป็นหัวรถจักรที่ทำให้ฝันของเขากลายเป็นจริง สาวกเหล่านี้มีอยู่สองระดับ สาวกในระดับมันสมองซึ่งประกอบกันเป็นกองบัญชาการทักษิณสูงสุดมีพวกวีรชน ๑๔ และ ๖ ตุลา จำนวนมากร่วมอยู่ด้วย พวกนี้เคยมีอุดมการณ์ด้านประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนผู้ที่ด้อยโอกาสและถูกกดขี่ แต่ในปัจจุบันคนเหล่านี้สามารถปรับจูนอุดมการณ์ของตนให้เข้ากับเจ้านายได้อย่างกลมกลืนดีเยี่ยม ส่วนสาวกในระดับแขนขาของเขาถูกวางไว้ในเชิงยุทธศาสตร์ให้กระจายและครอบคลุมตำแหน่งสำคัญทั้งในวงราชการ องค์กรอิสระต่างๆ สื่อมวลชน และวุฒิสภา เพื่ออำนวยให้การทำงานของรัฐบาลคุณทักษิณแสนจะราบรื่นๆ

คำถามที่น่าสนใจคือ เขามีวิธีดึงดูดสาวกได้อย่างไร โดยเฉพาะสาวกชั้นหัวกะทิของเขา ? ผมคิดว่าประการแรกน่าจะเกิดจากลักษณะการแสดงตัวเป็นผู้นำที่เด่นชัดเจนและมีเสน่ห์ยิ่ง ซึ่งโดยสันดานของทั้งสัตว์และมนุษย์จะมีผลดึงดูดฝูงของผู้ตามเสมือนเป็นแม่เหล็ก แต่ที่สำคัญ เขารู้จักคัดเลือกฝูงผู้ตามที่มีคุณภาพเหมาะสมที่จะรับใช้เขาได้เป็นอย่างดี (ใครประจบประแจงเกินไปหรือเช้าชามเย็นชามหรือด้อยฝีมือ เขาคงไม่เอาไว้) เขาน่าจะยึดเหนี่ยวสาวกด้วยลักษณะการอุปถัมภ์ที่เหมาะสม เช่นใครตกทุกข์ได้ยากมีหนี้สินรุงรังก็คงจะได้รับการปลดหรือผ่อนคลายการชำระหนี้ ใครบำเพ็ญประโยชน์ให้กับเขาก็คงจะได้รับรางวัลตอบแทนที่คุ้มเหนื่อยในระบบการแบ่งปันดอกผลที่ค่อนข้างยุติธรรม และแน่นอนที่สุด สาวกแต่ละคนได้โอกาสร่วมเหินฟ้าแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่โดยการเกาะติดกับขากางเกงของเขาอย่างเหนียวแน่น ทั้งยังมีโอกาสในอนาคตที่อาจจะได้สืบทอดอำนาจต่อจากเขาโดยตรง ด้วยเหตุนี้ผมจึงคาดเดาว่าการแย่งชิงดีชิงเด่นกันในหมู่ลูกน้องของเขาน่าจะไม่เบาทีเดียว

เท่านี้ก็ยังไม่พอ ลักษณะของคุณทักษิณที่เป็นจุดสุดยอดที่แท้จริงคือความสามารถเฉพาะตัวที่จะสื่อสารวาดภาพจินตนาการสวรรค์บนดินเสมือนเป็นฝันและอุดมการณ์สูงสุดที่กำลังจะกลายเป็นจริงในประเทศไทยในเร็วๆนี้ ซึ่งได้ผลในการทำให้คนทั่วทั้งประเทศรวมทั้งผู้ที่มีอุดมการณ์จำนวนไม่น้อยเกิดความฝันที่คล้อยตาม เช่นในเรื่องสังคมที่ไร้ความยากจน สังคมที่ปลอดยาเสพติด สังคมที่เจริญก้าวหน้าและทันสมัยในทุกด้าน สังคมแห่งอุทยานการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นต้น

คุณทักษิณใช้ทุกโอกาสที่ได้สื่อสารกับประชาชน เช่นในรายการวิทยุประจำสัปดาห์ ของเขา เพื่อวาดภาพฝันที่ประชาชนอยากจะเชื่อจนเกิดความเชื่อที่แท้จริง ทั้งๆ ที่ในหลายกรณีเป็นภาพที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง แต่คนจำนวนมากยังมองไม่เห็นเรื่องนี้ เพราะแรงศรัทธาหรือแรงที่อยากจะเชื่อประกอบกับความหวังที่จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นมาเหนือกว่าความต้องการที่จะค้นหาความเป็นจริง บ่อยครั้งสิ่งที่เขาพูดกับประชาชนน่าจะเป็นคำพูดที่มีการเตรียมไว้เป็นอย่างดีเพื่อให้ถูกอกถูกใจประชาชนเสียงส่วนใหญ่โดยเฉพาะ ถ้าจะให้ผมพูดตรงๆ ความสามารถของเขาที่กล่อมประชาชนได้เกือบทั้งประเทศ สามารถสยบสื่อมวลชนอย่างราบคาบเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่แตกต่างนักจากความสามารถของนักขาย หรือนักต้มตุ๋นชั้นเซียน

ผมคงจะต้องย้ำว่าผมไม่ได้ตั้งใจที่จะสื่อว่าคุณทักษิณเป็นผู้ที่ไร้ความจริงใจหรือความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ แต่ผมก็ยังเชื่อว่าคุณทักษิณมีความสัมพันธ์กับประชาชนที่ไม่ตรงไปตรงมา เช่นมีเป้าหมายแอบแฝงบางอย่างที่ไม่ได้บอกประชาชนชัดเจน (ที่คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เรียกว่า “นโยบายการแปลงทรัพย์สินสาธารณะให้เป็นของเอกชนนอกจากนี้เขาคงจะต้องรับรู้ผลแห่งนโยบายของเขาบางอย่างที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องเสียชีวิตหรือตกทุกข์ยากหรือได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง และนี่อาจเป็นเรื่องที่เขาจะยอมให้สังคมเกิดความตระหนักและวิภาควิจารณ์มากเกินไปไม่ได้ ในทำนองเดียวกัน เขาอาจไม่ต้องการให้สังคมได้ตรวจสอบในเรื่องที่เป็นข้อสงสัยว่าคุณทักษิณกับพวกอาจได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจบางอย่างอันเนื่องมาจากนโยบายทางเศรษฐกิจบางประการ หรือจากผลการเจรจาระหว่างประเทศ (เช่นกรณีข้อตกลงการค้าเสรีกับบางประเทศที่ทำให้เกษตรกรไทยต้องสูญเสียรายได้อย่างไม่เป็นธรรม) หรือจากการให้การสนับสนุนต่อบทบาทของสหรัฐในอิรัก หรือจากการผูกมิตรกับผู้นำของรัฐบาลเผด็จการพม่า เป็นต้น”)

คุณทักษิณได้ใช้ความพยายามหลายวิธีที่จะสกัดกั้นการวิภาควิจารณ์ตรวจสอบนโยบายและผลงานของเขาในเวทีสาธารณะ วิธีที่ใช้บ่อยคือการใช้อารมณ์และคำพูดที่คมคายโจมตีนักวิชาการหรือตัวแทนภาคประชาชนที่เป็นผู้วิจารณ์ (เช่นเรียกเป็น “พวกขาประจำ” หรือใช้คำพูดที่ส่อว่าเป็นพวกไม่ติดดิน ไม่รู้จริง ไม่รักชาติ รับใช้ต่างชาติ เป็นต้น) ซึ่งได้ผลครบสามด้านคือในด้านการเบนประเด็นออกไปจากเรื่องที่ตนถูกวิจารณ์ ด้านการลดความน่าเชื่อถือของผู้วิจารณ์ และด้านการป้องปรามไม่ให้คนอื่นกล้ามาวิจารณ์เขาอีก
"ผมรู้ว่า ไอ้พวกนี้ไม่เลือกเบอร์ 9 ทั้งนั้น แต่ไม่มีปัญหา ไม่ใช่ไม่เลือกแล้วผมไม่ฟัง แต่ขอให้มีแนวคิดเสนอมาด้วย ติอย่างเดียวไม่ได้ อย่างอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคน แม่ง.. ออกมาติอยู่นั่นแหละ ติแล้วไม่มีแนวคิด แล้วถามว่า ชีวิตเขาทำอะไรเป็นมั่ง มันต้องติแล้วเสนอแนวคิดบ้าง นี่แนวคิดก็ไม่มี ติ ติ ติ อยู่นั่น …”
"คนบางคนเห็นผมพูดหรือทำอะไรก็ขอค้านไว้ก่อน ทั้งๆ ที่เลือกตั้งเสร็จมาใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ และประชาชนก็ให้ความไว้วางใจผมเป็นจำนวนมาก ก็น่าจะให้เวลาในการแก้ปัญหาบ้าง แต่ว่าก็วิจารณ์มันทุกเรื่อง และก็ไม่ได้รู้จริงเลย ข้อมูลก็ไม่มี”
“วันนี้เกลียดผมหรือไม่ชอบผม ไม่เป็นไร แต่อย่าเกลียดประเทศไทยเลย เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ท่านอาศัยแผ่นดินอยู่...”

พรรคพวกของคุณทักษิณได้ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้สื่อมวลชนทำหน้าที่ตรวจสอบผลงานของรัฐบาลโดยอิสระ โดยเฉพาะสื่อวิทยุโทรทัศน์ซึ่งถูกควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้กลไกของรัฐ แม้แต่หนังสือพิมพ์เอกชนก็ยังหนีไม่พ้นการถูกบีบคั้นด้วยอิทธิพลทางอำนาจและเศรษฐกิจของคนในรัฐบาล

“สิ่งที่ผมเสียใจคือว่ามีความพยายามที่จะบิดเบือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่ค่อยชอบผมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน ประเทศไทยเราโชคร้ายมีสื่อมวลชนภาษาอังกฤษสองฉบับ ที่ทำภาษาอังกฤษจนไม่รู้ว่าความเป็นคนไทยลดน้อยลงหรืออย่างไร ไม่ทราบ จึงทำความเสียหายมากพอสมควรในการที่เสนอข่าวข้างเดียว อย่างไม่มีความเป็นมืออาชีพ …” (ความเห็นของคุณทักษิณต่อการเสนอข่าวกรณีตากใบ)

ทำไมเขาจึงมีความจำเป็นต้องปิดกั้นการตรวจสอบและวิภาควิจารณ์ ในเมื่อเขามีคะแนนสนับสนุนท่วมท้นทั้งจากประชาชนและในสภา ? คำตอบน่าจะอยู่ที่ว่าหากช่องว่างระหว่างความฝันที่เขาได้วาดไว้กับความเป็นจริงบนพื้นดินหรือหากเรื่องสกปรกบางอย่างในรัฐบาลของเขาได้ปรากฏตัวอย่างชัดเจน อาจมีผลทำให้ลูกโป่งแห่งความศรัทธาของประชาชนแตกได้ และเมื่อแตกไปแล้วจะไม่มีอะไรที่แน่นอนเหลืออยู่ในกอไผ่ พูดง่ายๆ เขาจะต้องป้องกันไม่ให้ “ขาลง” เกิดขึ้นกับเขา นี่เป็นเรื่องที่ไม่แตกต่างจากภารกิจของนักขายหรือนักมายากลหรือนักต้มตุ๋นที่จะต้องทำให้ผู้ที่เป็นเป้าหมายของตนคงอยู่ในสภาพที่ถูกสะกดจิตตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยหรือเกิดการรู้ทันความเป็นจริง

เนื่องจากคุณทักษิณยังขาดความรู้สึกมั่นคงในตัวเองและมองเห็นศัตรูคู่อริรอจิกหัวของเขาอยู่รอบด้าน เขาจึงยังต้องแสดงบทบาทเป็นฝ่ายรุกทางการเมืองตลอดเวลา และจะต้องรักษาภาพลักษณ์ของการเป็นฮีโร่ของประชาชนให้คงเส้นคงวา แต่ตัวเขาเองก็ขาดความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในประชาชนที่ให้อำนาจแก่เขา ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องจำกัดบทบาทของผู้ที่อาจกลายเป็นอุปสรรคต่อความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อเขา ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักการเมือง สื่อมวลชน องค์การภาคประชาชน หรือพรรคการเมืองฝ่ายค้านก็ตาม และเรื่องนี้เขาก็ทำได้สำเร็จพอสมควร

การจำกัดบทบาทของพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่สำคัญคือการจำกัดการรายงานข่าวกิจกรรมและความเห็นของพรรคฝ่ายค้านทางสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ซึ่งอยู่ในการควบคุมของรัฐบาลของเขาทั้งหมด ในประเทศประชาธิปไตยเช่นประเทศอังกฤษ เมื่อใดที่นายกรัฐมนตรีได้ออกวิทยุหรือโทรทัศน์แถลงต่อประชาชน วันรุ่งขึ้นผู้นำฝ่ายค้านจะได้โอกาสเหมือนกันและเท่าเทียมกันที่จะแสดงความเห็นต่อถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี แต่ที่นี่ประเทศไทยนายกรัฐมนตรีมีโอกาสกล่อมประชาชนทุกวันเสาร์เช้าทางสถานีวิทยุทั่วประเทศ แต่ผู้นำฝ่ายค้านของประเทศไทยซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ กลับไม่ได้โอกาสโต้ตอบเลย นี่คือระบบการสื่อสารมวลชนที่ทำให้ประชาชนได้ฟังความข้างเดียวเท่านั้น แต่ผมไม่เคยเห็นคุณทักษิณเดือดร้อนเรื่องนี้เลย

ผมขอฟันธงว่าคุณทักษิณไม่ใช่ผู้ที่มีความชัดเจนในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ไม่ใช่ผู้ที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนตามเจตนาของรัฐธรรมนูญ และไม่ใช่ผู้ที่ให้ความสำคัญนักกับสิทธิมนุษยชนหรือแม้แต่หลักนิติธรรมขั้นพื้นฐาน ลึกๆ แล้วผมคิดว่าเขาคงไม่เห็นด้วยกับหลักการสำคัญบางส่วนของรัฐธรรมนูญ แต่บังเอิญเขาได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ว่าจะปฏิบัติตามและรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ

รัฐธรรมนูญมาตรา ๗๖: “รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบาย การตัดสินใจทางการเมือง การวางแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมทั้งการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ”

ทักษิณ: “โดยระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดีและสวยงาม แต่ไม่ใช่เป็นเป้าหมายสุดท้ายของการบริหารประเทศ แต่เป็นเพียงเครื่องมือในการบริหารประเทศ โดยเป้าหมายของการบริหารประเทศ คือ การทำงานให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี มีความผาสุก ประเทศมีความก้าวหน้า ตรงนี้คือเป้าหมาย ส่วนประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือ และต้องดูเครื่องมือด้วย อย่างสมมติเราจะขับรถไปแก้ปัญหาให้ชาวบ้านในชนบท บางทีต้องใช้รถปิกอัพออฟโรด ไม่ต้องเอารถโรลสรอยซ์ไปหรอก"

รัฐธรรมนูญมาตรา ๓๓ : “ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด ก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้”

ทักษิณ: “แน่นอนว่าการเคารพในสิทธิมนุษยชนนั้นก็ต้องเคารพ แต่ลำดับความสำคัญนั้นต้องอยู่ที่ผู้บริสุทธิ์ก่อน เพราะถ้าจะพูดให้เท่มันก็พูดได้ง่าย แต่พูดแล้วก็ต้องทำด้วย และทำในสิ่งที่ควรทำ ขอบอกว่าผมไม่แคร์หรอกที่ต่างประเทศออกมาพูดนั้น ผมฟังแล้วดูเหมือนว่าไปให้ความสำคัญกับคนที่ก่อความไม่สงบมากกว่าคนบริสุทธิ์ที่ถูกทำร้ายทุกวัน แต่ผมถือว่าจะให้ความสำคัญกับคนบริสุทธิ์ที่ถูกทำร้ายทุกวันก่อน”

เป็นที่ชัดเจนว่าคุณทักษิณไม่ใช่นักปฏิรูปการเมืองตามความหมายของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นผู้ที่เคยมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญหรือเคยโบกธงเขียวทั้งหลายไม่น่าจะมีความสงบทางจิตใจภายใต้ดวงตะวันของเขา แต่เขาก็เป็นนักปฏิรูปตัวจริงเหมือนกัน เป็นทั้งนักปฏิรูปทางเศรษฐกิจและทางด้านการบริหารประเทศ และดูเหมือนเขาได้พยายามบริหารประเทศในสไตล์ที่เลียนแบบนายลี กวน ยู (อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ที่เขานับถือ) ซึ่งเป็นการบริหารประเทศในแบบระบบอุปถัมภ์ แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ แม้ทั้งสองคนจะนิยมการบริหารประเทศด้วยลักษณะ “ผู้นำย่อมรู้ดีกว่าประชาชน”  แต่ผลงานในด้านการสร้างระบบการบริหารประเทศที่เน้นธรรมาภิบาลและความซื่อสัตย์สุจริตนั้น ก็ยังห่างกันเป็นโยชน์



ผมขอเปลี่ยนหัวกระทู้
และขอให้ผู้ดูแลฯ กรุณาปักหมุดกระทู้นี้ด้วย
เพราะเนื้อหาของบทความนี้ของอาจารย์จอน
ได้"ประจาน"พฤติกรรม การแสวงหาอำนาจ
และผลประโยชน์ของอดีตเผด็จการรัฐสภา
พตท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างไร..............


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2007, 07:25 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 21-05-2007, 11:15 »

ตอนที่ ๒. มองผลงานคุณทักษิณ

  ที่ผ่านมารัฐบาลของคุณทักษิณมีนโยบายและผลงานหลายอย่างที่ผมเห็นด้วย   โดยเฉพาะนโยบาย “ประชานิยม” ต่างๆ เช่นนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (๓๐ บาทรักษาทุกโรค) กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารคนจน บ้านเอื้ออาทร โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนเรียนต่อต่างประเทศ – เพียงแต่รัฐบาลควรจะได้ดำเนินโครงการเหล่านี้อย่างจริงจัง ให้มีประสิทธิภาพในการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจในสังคมไทยและในการสร้างหลักประกันทางสังคมให้กับประชาชน ทั้งยังควรใช้โครงการเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและการพัฒนาชุมชนทั่วประเทศให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น แต่ปรากฏว่าวิธีการดำเนินโครงการต่างๆ กลับมีลักษณะที่ไม่เป็นระบบเท่าที่ควร ทั้งยังขาดมิติด้านการพัฒนาชุมชนแบบยั่งยืนซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลคุณทักษิณขาดความเข้าใจ ดังนั้นผลงานที่เกิดขึ้นจึงค่อนข้างจะผิวเผินอย่างน่าเสียดาย แต่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียงให้กับพรรคการเมืองของคุณทักษิณ และในการขยายฐานของสมาชิกพรรค

รัฐบาลของคุณทักษิณเป็นรัฐบาลที่ทำงานกระฉับกระเฉง และด้วยประสิทธิภาพและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มากกว่ารัฐบาลก่อนๆ อันนี้เป็นเรื่องที่ถูกใจประชาชนและมีต้นตอมาจากประสบการณ์การเป็นนักบริหารในภาคธุรกิจของคุณทักษิณเอง ซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานขยันดียิ่ง และรัฐบาลทักษิณได้กล้าเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการบริหารประเทศในลักษณะที่เสริมอำนาจการสั่งการของรัฐมนตรีต่อข้าราชการและหน่วยราชการในสังกัดซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสมเพราะที่ผ่านมาในหลายสมัยระบบราชการมีอำนาจอิทธิพลครอบงำการบริหารประเทศมากเกินไปเสมือนเป็นรัฐบาลตัวจริงที่มีลักษณะอนุรักษ์นิยมสูง แต่ในกรณีของรัฐบาลทักษิณก็ได้เกิดปัญหาใหญ่จากการที่มีรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งเข้าไปใช้อิทธิพลในทางที่ผิดเพื่อแทรกแซงระบบราชการจนกลายเป็นเรื่องยากที่ระบบราชการจะสามารถวางตัวเป็นกลางทางการเมืองและรักษาความเป็นอิสระ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีข่าวเกรียวกราวเรื่องข้าราชการระดับสูงถูกเกณฑ์มารับใช้ผลประโยชน์ของพรรคไทยรักไทยในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา

ผมอยากจะกล่าวตรงๆ ว่าแม้รัฐบาลของคุณทักษิณได้ทำในสิ่งที่ดีหลายอย่าง แต่ความเสียหายที่ได้ก่อแก่ประเทศชาติมีมากกว่าหลายเท่า อันได้แก่

๑.  ความเสียหายที่เกิดแก่ระบอบประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน
๒.   ความเสียหายที่เกิดแก่ความเป็นอิสระของสื่อมวลชนในการเสนอข้อมูลข่าวสารต่อประชาชน
๓.  ความเสียหายที่เกิดแก่สิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม
๔.  ความเสียหายที่เกิดแก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
๕.  ความเสียหายที่เกิดแก่องค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ


ซึ่งผมจะขยายความในบางประเด็นพอสังเขปดังต่อไปนี้

ในระบอบประชาธิปไตยที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ การมีสื่อมวลชนที่หลากหลายและเป็นอิสระในการเสนอข้อมูลข่าวสารเป็นปัจจัยที่จำเป็นยิ่ง เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสรับรู้เรื่องราวของบ้านเมืองอย่างรอบด้าน แต่ภายใต้รัฐบาลทักษิณสื่อมวลชนได้เสียความเป็นอิสระในการเสนอข่าวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสื่อวิทยุและโทรทัศน์ เช่น รายการวิทยุโทรทัศน์ที่มีลักษณะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองที่หลากหลายทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ได้ค่อยๆหายไปจากแผงรายการจนแทบจะไม่เหลือ และมีรายการประเภทที่ประจบประแจงรัฐบาลและตำหนิผู้วิจารณ์รัฐบาลเข้ามาแทนที่
สถานีวิทยุหลายแห่งมีคำสั่งหรือมาตรการควบคุมไม่ให้ผู้จัดรายการเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นที่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาล (เช่นคำสั่งของสถานีวิทยุ เสียงสามยอด เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ที่ไม่ให้ออกอากาศความคิดเห็นที่คัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ) สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งตั้งขึ้นมาหลังเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕ เพื่อเป็นสื่อข่าวสารข้อมูลที่เป็นอิสระสำหรับประชาชน ได้ถูกเทคโอเวอร์โดย บริษัทชินคอร์ป ของครอบคัวคุณทักษิณก่อนหน้าการเลือกตั้งปี ๒๕๔๔ ตามด้วยการปลดพนักงานในทีมข่าวของไอทีวีออก ๒๑ คนเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งที่คุณทักษิณครองชัยชนะเป็นครั้งแรก และต่อมาไอทีวีได้พลิกโฉมมาเป็นสถานีโทรทัศน์ที่เน้นรายการบันเทิงเป็นหลักซึ่งเป็นการทรยศต่อเจตนาในการก่อตั้งสถานีโดยสิ้นเชิง

ส่วนหนังสือพิมพ์ที่มีเนื้อหาวิภาควิจารณ์รัฐบาลเกือบทุกฉบับถูกกดดันและเล่นงานด้วยวิธีการทั้งเหนือดินและใต้ดิน เช่น การทำให้ขาดรายได้ด้านโฆษณา หรือกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินและธุรกรรมของผู้ถือหุ้นใหญ่ในหนังสือพิมพ์ แนวหน้า ไทยโพสต์ และ เนชั่นกรุ๊ป อย่างผิดกฎหมาย เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๔๔ หรือการที่คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทยและรัฐมนตรีคมนาคมได้กวาดซื้อหุ้นของ เนชั่นกรุ๊ป อย่างน่าสงสัยว่าจะเตรียมเทคโอเวอร์ เป็นต้น

แม้จะมีการใช้มาตรการควบคุมสื่อที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างกว้างขวางแต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นการกระทำของคุณทักษิณโดยตรง จึงอาจเป็นการกระทำของคนในรัฐบาลหรือข้าราชการระดับสูงที่ทำกันไปโดยพลการ  คุณทักษิณอาจจะอ้างว่าตนไม่เกี่ยว แต่การที่คุณทักษิณอยู่เฉยๆ ไม่ออกมาแก้ปัญหาที่สื่อถูกควบคุมและคุกคาม หรืออยู่เฉยๆ ทั้งๆ ที่สื่อซึ่งครอบครัวของตนเป็นเจ้าของได้ปลดพนักงานออกเนื่องจากการก่อตั้งสหภาพแรงงานและการเรียกร้องความเป็นอิสระในการเสนอข่าว นี่แสดงถึงการละเลยที่จะปกป้องเสรีภาพของสื่อมวลชนตามรัฐธรรมนูญ และน่าจะขัดต่อคำสัตย์ปฏิญาณที่ตนได้ถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เช่นเดียวกัน เมื่อบริษัทชินคอรป์ได้ฟ้องนางสาวสุภิญญา กล้าณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อในคดีแพ่งฐานหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหายจำนวน ๔๐๐ ล้านบาทอันเนื่องมาจากการแสดงความเห็นเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่บริษัทฯ อาจได้รับจากนโยบายของรัฐบาล คุณทักษิณก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่คิดจะช่วยคุณสุภิญญา ทั้งๆ ที่การกระทำของบริษัทนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนของการคุกคามประชาชนทางเสรีภาพในการวิจารณ์หรือตรวจสอบรัฐบาล

การทำสงครามกับยาเสพติดของคุณทักษิณต้องถือเป็นนโยบายที่ดียิ่ง แต่วิธีดำเนินการในช่วงต้นปี ๒๕๔๖ ได้นำไปสู่การฆาตกรรมคนทั่วประเทศไม่น้อยกว่า ๑๓๘๖ คน (ตัวเลขของรัฐบาลเอง) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ฝ่ายปกครองหรือตำรวจสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดแต่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ในศาล ในจำนวนนี้ยังมีผู้ที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดรวมอยู่ด้วย รวมทั้งเด็กเล็ก การที่คุณทักษิณได้กดดันหน่วยราชการเรียกร้องการจัดการเร่งด่วนกับผู้ค้ายา พร้อมขู่ลงโทษข้าราชการในจังหวัดที่มีผลงานหย่อนยาน ได้ทำให้หน่วยตำรวจทั่วประเทศเข้าใจว่าตนได้รับไฟเขียวให้จัดการกับผู้ที่มีข้อสงสัยว่าค้ายาเสพติดได้ตามอำเภอใจ จึงเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนขนานใหญ่ที่สุดใน ๒๐ กว่าปีที่ผ่านมา ที่คุณทักษิณเรียกว่าการ “ฆ่าตัดตอน” แต่ไม่ยอมรับว่าส่วนใหญ่เป็นผลงานของตำรวจ การที่แทบจะไม่มีใครถูกจับมาลงโทษเลยอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจทั่วไปว่ารัฐบาลพร้อมที่จะปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยธรรมและละเมิดกฎหมายหากเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ของชาติ และนี่คือการทำลายสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมที่ร้ายแรงยิ่ง แต่ขนาดนี้คุณทักษิณก็ยังเป็นที่ชื่นชมของประชาชนจำนวนมาก
ต่อไปนี้ขอยกตัวอย่างเรื่องราวของผู้ที่อาจถูกละเมิดสิทธิตามนโยบายของคุณทักษิณเพื่อให้เห็นภาพเป็นรูปธรรม

ชายข้าราชการในจังหวัดหนึ่ง เคยถูกใบปลิวโจมตีในปี ๒๕๓๙ ว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ครั้งนั้นหน่วยงานที่ผู้นี้สังกัดอยู่ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผลปรากฏว่าชายผู้นี้ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
  จนเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๔๖ ข้าราชการผู้นี้ถูกยิงเสียชีวิตขณะอยู่หน้าบ้านของตนเอง เป็นเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้านเพราะภรรยาและลูกออกไปซื้อของ
  เมื่อภรรยาและลูกทราบเรื่องก็รีบกลับบ้าน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ชันสูตรได้เดินทางมาถึงก่อนแล้ว และได้เข้าตรวจสภาพศพและสถานที่เกิดเหตุ ขณะนั้นผู้ตายนอนตายในสภาพที่ใส่กางเกงขายาวสีกากี ไม่ใส่เสื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงถอดกางเกงขายาวออกพร้อมทั้งถอดกางเกงใน และได้พลิกกางเกงในออกและพลิกกลับในสภาพเดิม
  จากนั้น ศพของชายผู้นี้ถูกนำไปยังโรงพยาบาลเข้าห้องเอ็กซเรย์ และไปยังห้องพิธีกรรมศพตามลำดับ ในห้องพิธีกรรมมีทั้งญาติผู้ตายและเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเคื่องแบบ เจ้าหน้าที่พิธีกรรมศพได้ถอดกางเกงในของผู้ตายโดยรูดจากศพของผู้ตายออกมาจนเป็นเกลียวแล้วทิ้งขยะไป เมื่อทำความสะอาดและตกแต่งศพเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอให้ญาติผู้ตายออกจากห้องพิธีกรรมให้หมดเพื่อจะถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือ และต่อมาเจ้าหน้าที่ก็ได้เรียกญาติผู้ตายเข้าไปในห้องอีกครั้ง แจ้งว่าพบยาเสพติดอยู่ในซองพลาสติกสีฟ้า บรรจุยาบ้าจำนวน ๙๘ เม็ด และอีก ๒๑ ชิ้นอยู่ที่เป้ากางเกงในของผู้ตายซึ่งถูกทิ้งอยู่ในถังขยะ
  หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำคำสั่งของเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สั่งยึดอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของผู้ตายและภรรยาไปเพื่อตรวจสอบ และต่อมาบริษัทอเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด อ้างว่าผู้ตายเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงใช้สิทธิบอกล้างสัญญาประกันชีวิต
  ในด้านการติดตามหาตัวผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า พยานในที่เกิดเหตุได้บอกเพียงรูปพรรณสัณฐานคร่าวๆ ทั้งที่บริเวณเกิดเหตุอยู่ในเขตชุมชน ห่างจากสถานีตำรวจประมาณ ๓ กิโลเมตร ส่วนหลักฐานได้แก่ หัวกระสุน และปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมส่งไปกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเปรียบเทียบว่าใช้ยิงมาจากปากกระบอกเดียวกับคดีอื่นที่มีประวัติเก็บไว้หรือไม่ แต่กองพิสูจน์หลักฐานตอบว่าไม่สามารถตอบได้เนื่องจากระบบฐานข้อมูลของกองพิสูจน์หลักฐานชำรุดใช้การไม่ได้

เมื่อรัฐบาลทักษิณต้องเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อต้นปี ๒๕๔๗ ได้มีการส่งหน่วยตำรวจจากส่วนกลางเข้าไปควบคุมสถานการณ์และหาข่าวในพื้นที่ ปรากฏว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับหน่วยราชการบางส่วนได้เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ในรูปแบบของการ ”อุ้ม” แล้วฆ่าหรือหายตัว แม้แต่ทนายสมชาย นิละไพจิตร ผู้กล้าหาญที่ว่าความให้บรรดาผู้ต้องหาชาวมุสลิมก็ต้องหายไปอย่างน่าเชื่อว่าได้เสียชีวิตไปแล้ว ถึงจะไม่ใช่คำสั่งหรือความต้องการของคุณทักษิณ แต่ในความเห็นของผมคุณทักษิณหนีไม่พ้นการมีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อยู่ดี

ต่อมาได้เกิดกรณีกรือเซะกับการตายหมู่อย่างปริศนาของทีมฟุตบอลอำเภอสะบ้าย้อย และกรณีตากใบที่มีการตายหมู่ของผู้ชุมนุมทั้งระหว่างและภายหลังการสลายการชุมนุม ข้อเท็จจริงหลายอย่างในเหตุการณ์ทั้งสองนี้ยังมีความคลุมเครือเนื่องจากรัฐบาลไม่ได้เปิดให้สื่อมวลชนทำการค้นหาและเสนอข้อมูลโดยอิสระ

การที่รัฐบาลได้ตอบโต้ความรุนแรงของผู้ก่อการร้ายด้วยการใช้ความรุนแรงที่กระจายไปยังผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เป็นการช่วยหาแนวร่วมให้กับผู้ก่อการร้ายและอาจมีผลทำให้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขยายตัวไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้เป็น เวลายาวนานอีกหลายปีข้างหน้า นี่คือผลงานของรัฐบาลทักษิณที่ประชาชนจำนวนมากได้ให้ความชื่นชม
รัฐบาลทักษิณได้พยายามสกัดกั้นการแสดงออกของประชาชนตามรัฐธรรมนูญและตามหลักประชาธิปไตยโดยการสลายการชุมนุมของสมัชชาคนจนหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยการข่มขู่ว่าจะดำเนินการจับกุมผู้ที่ชุมนุมต่อต้านประธานาธิบดีบุชของสหรัฐอเมริกาในช่วงที่บุชมาร่วมการประชุมเอเพ็ค (พร้อมการสร้างกระแสกล่าวหาผู้ชุมนุมว่าเป็นบุคคลที่ไม่รักชาติ) และโดยการบีบผู้บริหารของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตให้ดำเนินการทางวินัยกับพนักงาน กฟผ.ที่รวมตัวกันชุมนุมต่อต้านแผนงานของรัฐบาลที่จะแปรรูป กฟผ.โดยการนำกิจการทุกส่วนเข้าไปขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

  เรื่องของการแทรกแซงวุฒิสภาและองค์การอิสระต่างๆ โดยคนของรัฐบาลทักษิณเป็นที่ทราบกันทั่วไป ในกรณีของวุฒิสภานั้น รัฐบาลสามารถควบคุมเสียงของส.ว.ได้มากกว่ากึ่งหนึ่งทุกครั้งที่มีการลงคะแนนในเรื่องที่มีความสำคัญต่อรัฐบาล ทั้งนี้โดยการใช้อิทธิพลในรูปแบบต่างๆ ตามระบบอุปถัมภ์เพื่อทำลายความเป็นอิสระทางเมืองของวุฒิสภาและประกันความอยู่รอดของรัฐบาล

ขอยกตัวอย่าง ทุกครั้งที่มีการเลือกคณะบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งต่างๆในองค์กรอิสระเช่นคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น  บรรดาสมาชิกวุฒิสภาที่อยู่ใต้อิทธิพลของฝ่ายบริหารจะได้รับโผที่ชี้นำการเลือกตั้งของพวกเขา ซึ่งจะปรากฎเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนในช่วงของการนับคะแนนเมื่อผลการขานคะแนนในบัตรเลือกตั้งต่างๆ ออกมาตรงกันเป็นชุดอย่างไม่มีทางเกิดขึ้นได้โดยบังเอิญ ในหมู่ส.ว.กันเองก็เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่ามีส.ว.บางคนได้รับเงินเดือนพิเศษเป็นประจำ และอีกส่วนหนึ่งได้รับค่าตอบแทนพิเศษเฉพาะกิจเป็นครั้งคราว แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมเองยังไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ในขณะนี้

ในกรณีขององค์กรอิสระต่างๆ คนของรัฐบาลได้ใช้อิทธิพลเข้าไปแทรกแซงทั้งกระบวนการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหาที่มีองค์ประกอบตัวแทนจากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลเป็นปล๊อคโหวต และกระบวนการเลือกตั้งโดยวุฒิสภาดังที่ได้กล่าวถึงแล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันว่าบุคคลที่ได้รับเลือกเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรเหล่านี้ ซึ่งต้องมีหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล หรือตรวจสอบผลการเลือกตั้งต่างๆ นั้น จะไม่ดำเนินการใดๆ ที่อาจเป็นพิษเป็นภัยต่อรัฐบาลของคุณทักษิณ หรือต่อคนในรัฐบาล หรือต่อพรรคการเมืองของคุณทักษิณ

ผลที่ปรากฏชัดเจนคือบุคคลที่ได้รับเลือกเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ ในสมัยของรัฐบาลทักษิณกลายเป็นผู้ที่มีความด้อยทางคุณสมบัติและความน่าเชื่อถือด้านความซื่อสัตย์สุจริต เมื่อเทียบกับผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวในสมัยก่อนรัฐบาลทักษิณ ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าประชาชนค่อนข้างขาดความเชื่อถือในความซื่อสัตย์สุจริตของบุคคลที่เป็นกรรมการในคณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่วนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ได้รับเลือกตั้งในสมัยคุณทักษิณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการมีอันเป็นไป ซึ่งเป็นผลกรรมที่ตอบสนองความเห็นแก่ตัวของคณะกรรมการดังกล่าวในการขึ้นเงินเดือนของตัวเองอย่างใจร้อนและอย่างผิดกฎหมาย

สรุปง่าย ๆ คือ รัฐบาลทักษิณได้ปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทำลายชีวิตของคนจำนวนนับพันที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ความผิด ขยายความรุนแรงและความขัดแย้งในภาคใต้ แทรกแซงวุฒิสภาและองค์กรอิสระจนทำให้ไร้ศักยภาพในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล นี่เป็นการกระทำที่พยายามรวบอำนาจแบบเดียวกับรัฐบาลเผด็จการทั้งหลาย และนี่คือการกระทำของรัฐบาลที่ได้รับคะแนนนิยมอย่างท่วมท้นจากประชาชน

ตอนที่ ๓. การกำหนดท่าทีต่อรัฐบาลของคุณทักษิณ

  เมื่อคุณทักษิณได้กลับมาบริหารประเทศด้วยคะแนนเสียงจากประชาชนที่มากมายเหลือล้นยิ่งกว่าเดิม (แม้จะไม่ใช่คะแนนนิยมที่ให้ด้วยความเต็มใจทั้งหมดก็ตาม) แต่ในขณะเดียวกัน คุณทักษิณได้ก่อความเสียหายแก่ประเทศชาติโดยเฉพาะต่อระบอบประชาธิปไตยและต่อสิทธิมนุษยชนมากเพียงนี้ ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะบริหารประเทศต่อไปในทำนองเดียวกัน ซึ่งอาจก่อความเสียหายต่างๆ เพิ่มทวียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเมื่อกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลต่างๆ มีกำลังอ่อนแอลงไปมากแล้ว ถามว่า “เรา” ควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้?

  ในฐานะที่ผมกับอาจารย์เจิมศักดิ์อยู่ในกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาเสียงส่วนน้อยที่แพ้คะแนนในสภาเป็นประจำ  ได้มีพวกเราคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าหลังจากผลการเลือกตั้งปรากฏชัดเจนได้มีสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่งมาพูดกับเขาอย่างทีเล่นทีจริงทำนองว่า “ไหนๆ ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็น่าจะเลิกทำตัวเป็นฝ่ายค้านเสียทีแล้วมากินเงินเดือนพิเศษจะดีกว่า จะได้อยู่แบบสบายๆ”

  ส่วนอาจารย์เจิมศักดิ์เองได้ตั้งคำถามในเชิงแง่คิดที่น่าสนใจที่มีส่วนคล้ายกัน (แต่เป็นคนละเรื่องกันด้านจริยธรรม) ทำนองว่า “อย่างไรๆ เราก็คัดค้านเขาไม่สำเร็จและแพ้คะแนนเขาวันยังค่ำ แล้วประชาชนก็มองเราเป็นพวกขวางโลก ถ้าเช่นนั้นเรามาเปลี่ยนท่าทีกันดีไหม ? คือแทนที่จะเราจะอภิปรายคัดค้านและต่อสู้ในสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย เราอยู่เฉยๆ จะดีกว่าไหม ? ไม่ต้องไป ขัดขวางเขา เพียงแต่ลงคะแนนเพื่อบันทึกความไม่เห็นด้วยก็พอ แล้วให้ประชาชนได้เรียนรู้ตัดสินด้วยตนเอง” อันนี้ก็ต้องถือว่าเป็นแนวคิดที่น่าสนใจที่แสดงถึงความเชื่อมั่นในประชาชนพอสมควร แต่ผมก็ไม่เชื่อว่าอาจารย์เจิมศักดิ์จะเชื่อหรือปฏิบัติตามแนวที่อาจารย์ตั้งเป็นคำถามเพื่อการขบคิดอยู่ดี

  นี่เป็นเพียงตัวอย่างของแนวคิดที่ผมไม่เห็นด้วยที่มีทำนองว่า “ในเมื่อคุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยได้คะแนนท่วมท้นขนาดนี้แล้ว เราน่าจะต้องปรับเปลี่ยนท่าทีและวิธีการต่อสู้ใหม่” ซึ่งน่าจะมาจากสมมุติฐานว่าประชาชนจะไม่ยอมรับต่อการออกมาคัดค้านนโยบายของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา

  ผมเองมองว่าคะแนนเสียงของประชาชนที่ให้กับพรรคไทยรักไทยนั้นเป็นการแสดงเจตนาของประชาชนที่จะให้พรรคไทยรักไทยเป็นผู้ก่อตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของคุณทักษิณ ดังนั้นคุณทักษิณมีความชอบธรรมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นโดยพรรคไทยรักไทย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลของคุณทักษิณมีความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศอย่างไรก็ได้ หรือว่าผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการบริหารประเทศของรัฐบาลทักษิณจะแสดงความเห็นคัดค้านตามรัฐธรรมนูญไม่ได้
 
ที่สำคัญหากรัฐบาลใหม่ของคุณทักษิณไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา หรือมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเช่นในด้านการละเมิดสิทธิประชาธิปไตยหรือสิทธิมนุษยชนของประชาชน ต้องถือว่าเป็นการบริหารประเทศโดยมิชอบ ซึ่งตามปกติจะมีวิธีการทางรัฐธรรมนูญหลายวิธีที่จะล้มรัฐบาลหรือถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งเมื่อมีการใช้อำนาจในทางที่ผิด แต่ในปัจจุบันวิธีทางเหล่านี้ได้ถูกปิดกั้นไว้เกือบหมดแล้ว เช่นในขณะนี้รัฐบาลมีส.ส.เพียงพอที่จะป้องกันการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลทั้งคณะในสภาผู้แทนราษฎร และยังมีเสียงสนับสนุนเพียงพอที่จะป้องกันการถอดถอนนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีโดยข้อกล่าวหาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การถอดถอนนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่ยังเป็นไปได้ต้องอาศัยการลงชื่อร่วมกันของประชาชนที่ใช้สิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคน ตามด้วยการชี้มูลความผิดโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และการวินิจฉัยความผิดโดยวุฒิสภา แต่ในปัจจุบันคณะกรรมการปปช.ก็ลาออกกันหมดแล้วหลังถูกศาลตัดสินความผิด ส่วนวุฒิสภาก็มีคะแนนเสียงข้างมากสนับสนุนรัฐบาลทักษิณแบบไม่เป็นทางการอยู่แล้ว

  ภารกิจของผู้ที่ “รู้ทัน” และมองเห็นปัญหาของรัฐบาลทักษิณยังเหมือนเดิมหรือเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำไป นั่นคือภารกิจที่จะให้การศึกษาแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายการ “รู้ทัน” รวมทั้งภารกิจที่จะรวมพลังกันในลักษณะเครือข่ายต่างๆ เพื่อต่อสู้ในสิ่งที่ถูกต้องเป็นธรรมและต่อต้านความอธรรมทุกรูปแบบ และการเป็นเสียงส่วนน้อยในสภาพแวดล้อมที่ถูกปิดกั้นด้านประชาธิปไตยยิ่งท้าทายให้ต้องพัฒนาคุณภาพของการต่อสู้มากยิ่งขึ้น

  ผู้ที่ “รู้ทันทักษิณ” อาจมีแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองที่หลากหลาย แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันมีความจำเป็นต้องผนึกกำลังกันในเรื่องที่มีความเห็นพ้องตรงกัน ดังนั้นขบวนการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง น่าจะต้องนำหลักสิทธิมนุษยชนและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในด้านสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชนมาเป็นเป้าหมายร่วมกัน แต่ไม่ใช่เป้าหมายเพื่อโค่นล้มหรือเอาผิดคุณทักษิณให้ได้ (เพราะนั่นจะเป็นเป้าหมายแบบอคติ) นั่นหมายความว่า นโยบายที่ดีของรัฐบาลทักษิณควรได้รับการสนับสนุน และหากในด้านที่เคยมีนโยบายที่ผิดคุณทักษิณเกิดอาการสำนึกผิดและ “เปี๋ยนไป๋” ไปในทางที่ดีขึ้นก็ควรได้รับการสนับสนุนเช่นกัน แต่จะต้องช่วยกันติดตามตรวจสอบว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงหรือไม่ รวมทั้งผลักดันการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้มากยิ่งขึ้นไปอีก

แต่ในเรื่องที่คุณทักษิณหรือรัฐบาลของเขามีนโยบายหรือการกระทำที่ผิด ก็ต้องว่าไปตามผิด หากถึงขนาดเป็นความผิดร้ายแรงที่ละเมิดสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญและสมควรที่จะดำเนินการถอดถอนตามรัฐธรรมนูญก็ต้องทำ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ หากถึงขนาดต้องชุมนุมโดยสันติวิธีเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลออกไปก็ต้องทำ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ นี่คือภารกิจของประชาชนในการดูแลสังคมและประเทศชาติของตนไม่ให้ตกอยู่ในในสภาพที่ตกอับ

รัฐธรรมนูญมาตรา ๔๔: “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ

     การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะการสงคราม หรือในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก”

รัฐธรรมนูญมาตรา ๖๕: “บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้”

__________________________________________________________
หมายเหตุ:

๑.  บทความนี้ดัดแปลงเล็กน้อยจากบทความชื่อเดียวกันที่ตีพิมพ์ในหนังสือ “อยู่กับทักษิณ” – บรรณาธิการ : เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายแล้วตามร้านหนังสือทั่วไป

๒.  รายได้ทั้งหมดที่ผู้เขียนได้รับจากบทความ “ภายใต้ดวงตะวันของคุณทักษิณ” ที่ตีพิมพ์ในหนังสือ “อยู่กับทักษิณ” ผู้เขียนจะมอบให้คุณสุภิญญา กล้าณรงค์ เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีที่ถูกฟ้องหมิ่นประมาท ๔๐๐ ล้านบาทโดยบริษัทชินคอร์ป




บทความนี้ผมคัดจากเวบบอร์ด"ประชาไท" มาให้อ่านครับ......


ผมเน้นและขีดเส้นใต้ตอนหนึ่งของบทความ หลังจากนั้นขอให้คนที่สนใจอ่านต่อ พิจารณาเอาเองครับ 

ปล. คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ต้องดีใจได้อ่านบทความจากนักวิชาการ นักต่อสู้เพื่อสังคมและระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่จะหาอ่านไม่ได้ใน ใบบอก ของกลุ่มเทียมรักเทียม เพื่อประเทืองปัญญาระหว่างที่เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ประพฤติเป็น "สัมภเวสี" และทำร้ายประเทศไทย เผื่อจะหลุดจากการครอบงำได้.....

ปล. คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก อ่านผ่าน ๆ จะคิดว่าอาจารย์จอนเขียนบทความ "ยอวาที" เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก.................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2007, 21:24 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 21-05-2007, 11:17 »

นี่เป็นเรื่องที่ไม่แตกต่างจากภารกิจของนักขายหรือนักมายากลหรือนักต้มตุ๋นที่จะต้องทำให้ผู้ที่เป็นเป้าหมายของตนคงอยู่ในสภาพที่ถูกสะกดจิตตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยหรือเกิดการรู้ทันความเป็นจริง

เป็นการบอกความหมายที่ชัดเจนมากๆ
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #3 เมื่อ: 21-05-2007, 11:20 »

นี่เป็นเรื่องที่ไม่แตกต่างจากภารกิจของนักขายหรือนักมายากลหรือนักต้มตุ๋นที่จะต้องทำให้ผู้ที่เป็นเป้าหมายของตนคงอยู่ในสภาพที่ถูกสะกดจิตตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยหรือเกิดการรู้ทันความเป็นจริง

เป็นการบอกความหมายที่ชัดเจนมากๆ


คุณนทร์ใช้ภาษาสุภาพ ลุ่มลึกน้อยกว่าอาจารย์ จึงดูไม่เหมือน "ยอวาที"....
ถ้าผมจะแสดงความคิดเห็นอย่างคุณ นทร์.......

ผมหยาบคายกว่าหลายเท่า พวกโกหกพกลม พวกปั้นน้ำเป็นตัว พวกกินบนเรือนขี้บนหลังคา พวกโกงแต่ทำงาน พวก....ฯลฯ        ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #4 เมื่อ: 22-05-2007, 07:27 »

ผมขอเปลี่ยนหัวกระทู้

และขอให้ผู้ดูแลฯ กรุณา"ปักหมุด"กระทู้นี้ด้วย
เพราะเนื้อหาของบทความนี้ของอาจารย์จอน
ได้"ประจาน"พฤติกรรม การแสวงหาอำนาจ
และผลประโยชน์ของอดีตเผด็จการรัฐสภา
พตท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างไร..............


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #5 เมื่อ: 22-05-2007, 08:04 »

ยัน ทรท.ไม่ซูเอี๋ย แอ้ด
          เมื่อถามว่า ประเมินข่าวการปลดนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ทำตามข้อเรียกร้องของบางฝ่าย ที่ต้องการทำลายล้างศัตรูทางการเมือง หรือกลุ่มอำนาจเก่า เช่นไม่สั่งการให้ข้าราชการไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งความจริงการที่นายกรัฐมนตรีไม่สั่งการในเรื่องดังกล่าวถือว่า ถูกต้องแล้ว หากทำตามคำขอของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) อาจถูกฟ้องกลับได้เพราะข้าราชการย่อมรู้ว่า มีเหตุผลหรือไม่  หากไปทำตามคำขอแบบนั้นจะมีความผิด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเน้นความสมานฉันท์ ไม่ต้องการทำลาย

http://www.banmuang.co.th/politic.asp?id=111491


สาวกเหล่านี้มีอยู่สองระดับ สาวกในระดับมันสมองซึ่งประกอบกันเป็นกองบัญชาการทักษิณสูงสุดมีพวกวีรชน ๑๔ และ ๖ ตุลา จำนวนมากร่วมอยู่ด้วย พวกนี้เคยมีอุดมการณ์ด้านประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนผู้ที่ด้อยโอกาสและถูกกดขี่ แต่ในปัจจุบันคนเหล่านี้สามารถปรับจูนอุดมการณ์ของตนให้เข้ากับเจ้านายได้อย่างกลมกลืนดีเยี่ยม ส่วนสาวกในระดับแขนขาของเขาถูกวางไว้ในเชิงยุทธศาสตร์ให้กระจายและครอบคลุมตำแหน่งสำคัญทั้งในวงราชการ องค์กรอิสระต่างๆ สื่อมวลชน และวุฒิสภา เพื่ออำนวยให้การทำงานของรัฐบาลคุณทักษิณแสนจะราบรื่นๆ


ข้าราชการที่ไม่ไปกล่าวโทษต่อรัฐบาลที่แล้ว หรือ กลุ่มอำนาจเก่า เพราะ...
1. ข้าราชการย่อมรู้ว่า มีเหตุผลหรือไม่  Question
2. ข้าราชการเหล่านั้นคือแขนขาของเขาถูกวางในเชิงยุทธศาสตร์ให้กระจาย
    และครอบคลุมตำแหน่งสำคัญทั้งในวงการราชการ องค์กรอิสระต่าง ๆ สื่อมวลชน และวุฒิสภา   Question


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #6 เมื่อ: 22-05-2007, 08:16 »

ทักษิณ ออกวิทยุชุมชนไม่เสียหาย
          นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลผ่านวิทยุชุมชนและเว็บไซต์บางแห่ง เพื่อต้องการปลุกระดมมวลชนที่สนับสนุนให้ออกมาเคลื่อนไหวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นการสร้างกระแส และสร้างความเสียหายต่อบ้านเมือง อดีตนายกรัฐมนตรียืนยันว่า วางมือทางการเมืองแล้วและการปิดวิทยุชุมชนนั้น เป็นการเลือกปฏิบัติที่ชัดเจน ไม่มีเหตุผลเพียงพอ เป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน  ที่ผ่านมา คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เคยเรียกสื่อมวลชนกว่า 50 ราย เพื่อขอความร่วมมือและขู่บังคับไม่ให้เสนอข่าวของพรรค และ พ.ต.ท.ทักษิณ การกระทำดังกล่าวเป็นการข่มขู่คุกคามที่ดำรงไว้ไม่เปลี่ยนแปลง พรรคคิดว่าน่าจะมีการผ่อนคลายคำขู่บังคับนี้ได้แล้ว วันนี้ก็สะท้อนความเป็นเผด็จการเต็มรูปแบบของ คมช.แล้ว

http://www.banmuang.co.th/politic.asp?id=111491



ในระบอบประชาธิปไตยที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ การมีสื่อมวลชนที่หลากหลายและเป็นอิสระในการเสนอข้อมูลข่าวสารเป็นปัจจัยที่จำเป็นยิ่ง เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสรับรู้เรื่องราวของบ้านเมืองอย่างรอบด้าน แต่ภายใต้รัฐบาลทักษิณสื่อมวลชนได้เสียความเป็นอิสระในการเสนอข่าวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสื่อวิทยุและโทรทัศน์ เช่น รายการวิทยุโทรทัศน์ที่มีลักษณะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองที่หลากหลายทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ได้ค่อยๆหายไปจากแผงรายการจนแทบจะไม่เหลือ และมีรายการประเภทที่ประจบประแจงรัฐบาลและตำหนิผู้วิจารณ์รัฐบาลเข้ามาแทนที่

สถานีวิทยุหลายแห่งมีคำสั่งหรือมาตรการควบคุมไม่ให้ผู้จัดรายการเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นที่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาล (เช่นคำสั่งของสถานีวิทยุ เสียงสามยอด เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ที่ไม่ให้ออกอากาศความคิดเห็นที่คัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ) สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งตั้งขึ้นมาหลังเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕ เพื่อเป็นสื่อข่าวสารข้อมูลที่เป็นอิสระสำหรับประชาชน ได้ถูกเทคโอเวอร์โดย บริษัทชินคอร์ป ของครอบคัวคุณทักษิณก่อนหน้าการเลือกตั้งปี ๒๕๔๔ ตามด้วยการปลดพนักงานในทีมข่าวของไอทีวีออก ๒๑ คนเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งที่คุณทักษิณครองชัยชนะเป็นครั้งแรก และต่อมาไอทีวีได้พลิกโฉมมาเป็นสถานีโทรทัศน์ที่เน้นรายการบันเทิงเป็นหลักซึ่งเป็นการทรยศต่อเจตนาในการก่อตั้งสถานีโดยสิ้นเชิง

ส่วนหนังสือพิมพ์ที่มีเนื้อหาวิภาควิจารณ์รัฐบาลเกือบทุกฉบับถูกกดดันและเล่นงานด้วยวิธีการทั้งเหนือดินและใต้ดิน เช่น การทำให้ขาดรายได้ด้านโฆษณา หรือกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินและธุรกรรมของผู้ถือหุ้นใหญ่ในหนังสือพิมพ์ แนวหน้า ไทยโพสต์ และ เนชั่นกรุ๊ป อย่างผิดกฎหมาย เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๔๔ หรือการที่คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทยและรัฐมนตรีคมนาคมได้กวาดซื้อหุ้นของ เนชั่นกรุ๊ป อย่างน่าสงสัยว่าจะเตรียมเทคโอเวอร์ เป็นต้น

แม้จะมีการใช้มาตรการควบคุมสื่อที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างกว้างขวางแต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นการกระทำของคุณทักษิณโดยตรง จึงอาจเป็นการกระทำของคนในรัฐบาลหรือข้าราชการระดับสูงที่ทำกันไปโดยพลการ  คุณทักษิณอาจจะอ้างว่าตนไม่เกี่ยว แต่การที่คุณทักษิณอยู่เฉยๆ ไม่ออกมาแก้ปัญหาที่สื่อถูกควบคุมและคุกคาม หรืออยู่เฉยๆ ทั้งๆ ที่สื่อซึ่งครอบครัวของตนเป็นเจ้าของได้ปลดพนักงานออกเนื่องจากการก่อตั้งสหภาพแรงงานและการเรียกร้องความเป็นอิสระในการเสนอข่าว นี่แสดงถึงการละเลยที่จะปกป้องเสรีภาพของสื่อมวลชนตามรัฐธรรมนูญ และน่าจะขัดต่อคำสัตย์ปฏิญาณที่ตนได้ถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เช่นเดียวกัน เมื่อบริษัทชินคอรป์ได้ฟ้องนางสาวสุภิญญา กล้าณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อในคดีแพ่งฐานหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหายจำนวน ๔๐๐ ล้านบาทอันเนื่องมาจากการแสดงความเห็นเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่บริษัทฯอาจได้รับจากนโยบายของรัฐบาล คุณทักษิณก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่คิดจะช่วยคุณสุภิญญา ทั้งๆ ที่การกระทำของบริษัทนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนของการคุกคามประชาชนทางเสรีภาพในการวิจารณ์หรือตรวจสอบรัฐบาล


จาตุรนต์ อดีตรองนายกฯรัฐบาลวิพากษ์วิจารณ์คณะ คมช. โดยไม่มองย้อนหลังพฤติกรรมเผด็จการจากการเลือก เผด็จการรัฐสภาของรัฐบาลที่ตนเองเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคการเมือง กลุ่มอำนาจเก่าได้กระทำต่อประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่มีสิทธิเสรีภาพในการรับรู้และแสดงออก......


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #7 เมื่อ: 22-05-2007, 08:24 »

เมื่อถามว่า มองการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไร เป็นการสู้ตายเพื่อปกป้องทรัพย์สินและลูกเมีย พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดสู้ตาย เมื่อเขามีศักยภาพ เขามีเงินและมีมวลชนอยู่ [color=blackเขาก็ดิ้นไม่ใช่ดิ้นเพื่อกลับมาอะไร แต่ดิ้นเพื่อไม่ให้เจอเรื่องนี้] ซึ่งเขารู้ว่าใช้วิธีธรรมดาแล้ว ยังไงศาลก็ต้องออกมา เมื่อออกมาในสิ่งที่เขาคาดว่าจะไม่ได้รับความถูกต้อง เขาพยายามดึงมวลชนของเขา เพราะเขาคิดว่าเขาทำได้ ซึ่งกระแสมวลชนเขาเป็นกระแสที่ไม่ปกติ ไม่มีอุดมการณ์อะไร แต่เป็นกระแสที่ต้องใช้เงิน[/color]



ไม่มีใครคิดว่า"นายผู้ชาย"ของคนรักเหลี่ยมฯ จะมีอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย
แต่สู้เพื่อปกป้องทรัพย์สินและลูกเมียที่อาจจะต้องโทษจำคุก....

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #8 เมื่อ: 22-05-2007, 08:36 »

เอ๊ะ...จำได้แม่นยำว่าคุณปุถุชนเคยกล่าวหาแนวร่วมPTว่าชอบตัดแปะ จนเป็นเหตุให้หลายๆกระทู้ที่นำข้อมูลอีกด้านมาเสนอในเว๊บนี้ถูกลบประจำ ไฉนเลยกลับกลืนน้ำลายเหนียวๆเองเลยหล่ะครับ!?!

หรือว่ามันเป็นมาตรฐานของกลุ่มพันธมารครับ?
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #9 เมื่อ: 22-05-2007, 08:40 »

ยันไม่ใช่แนวร่วม "ทักษิณ" แต่ให้ทุกอย่างเดินตามกระบวนการยุติธรรม
วันนี้ (19 พ.ค.) เมื่อเวลา  08.00 น. ที่บ้านพิษณุโลก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เปิดบ้านพิษณุโลก" เป็นครั้งที่ 2 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ โดยกล่าวถึงกรณีที่สถานีวิทยุท้องถิ่น นำเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกอากาศถึง 3 สถานีด้วยกัน ว่า ตนไม่ได้รู้สึกกังวลในเนื้อหาสาระที่พูด แต่อาจจะทำให้ผู้ที่สนับสนุนมีความรู้สึกว่ายังมีการติดต่อกันอยู่ และวอนขอความเห็นใจจากประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่แตกต่างจากสื่อที่ออกมาเท่านั้น ฉะนั้นจึงไม่ใชเรื่องที่เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สิ่งนี้ไม่ใช่การรุกทางการเมือง ตนคิดว่าเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ กังวลด้วยซ้ำไป กรณีที่จะมีการดำเนินคดีกับครอบครัว และมันใกล้เข้าไปในชั้นศาลแล้ว จึงบอกได้ว่านี่คือความกังวลของ พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่า อย่างที่ตนเรียนแล้วว่า คงจะทำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้ามากเกินไปก็ไปละเมิดอำนาจศาล อย่างคราวที่แล้วก็เคยมีอยู่แล้ว ตนยืนยันว่ารุกไม่ได้ เพราะมีสถาบันศาลเป็นหลักเป็นที่พึ่งและให้ความเป็นธรรมของพี่น้องประชาชนได้ รัฐบาลไม่จำเป็นต้องตอบโต้ มีหน้าที่เพียงดูว่าไม่ให้เกิดความไม่สงบเกิดขึ้น

เมื่อถามว่าเชื่อหรือไม่ว่ามีการต่อท่อน้ำเลี้ยง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดา ถ้าหากว่าเป็นพรรคการเมืองมีเงินทุนพอเพียงที่จะสนับสนุนพรรคอยู่ ก็จำเป็นจะต้องให้ไม่งั้นก็ร้องกันกระจองอแง บางพรรคที่ไม่มีเงินทุนพอก็อาจจะเริ่มร้องกระจองอแงแล้วในขณะนี้ ถือเป็นเรื่องปกติของการเมือง

ต่อข้อถามว่า นับเป็นครั้งแรกหลังรัฐประหารที่อำนาจเก่าไม่สยบอย่างสิ้นเชิง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพราะว่าอำนาจเก่ามีศักยภาพในหลายด้าน อย่างในอดีตที่ผ่านมาเมื่อออกนอกประเทศแล้ว ไม่มีใครเลยที่เคลื่อนไหว ที่สำคัญคือมีทุนทรัพย์ หากจะบอกว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงตนมองว่าไม่ใช่ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการทางการเมืองที่จะยังคงสภาพของพรรคกาเมืองนั้นอยู่

ส่วนอำนาจเก่าจะกลับมามีอำนาจอีกหรือไม่นั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ที่ศาลตัดสิน เพราะเป็นคดีอาญา ไม่ใช่คดีแพ่ง อาจจะติดคุก หากจะกลับก็คงจะกลับหลังจากนั้น หลังจากที่ถูกศาลสั่งแล้ว



ต่อข้อถามว่า นับเป็นครั้งแรกหลังรัฐประหารที่อำนาจเก่าไม่สยบอย่างสิ้นเชิง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพราะว่าอำนาจเก่ามีศักยภาพในหลายด้าน อย่างในอดีตที่ผ่านมาเมื่อออกนอกประเทศแล้ว ไม่มีใครเลยที่เคลื่อนไหว  ที่สำคัญคือมีทุนทรัพย์ หากจะบอกว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงตนมองว่าไม่ใช่ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการทางการเมืองที่จะยังคงสภาพของพรรคกาเมืองนั้นอยู่



ถ้าพล.อ.ชาติชาย ยังมีชีวิตอยู่ อาจจะแนะนำให้พตท.ทักษิณ เอาพล.อ.ชาติชาย เป็นตัวอย่างนักการเมืองที่มี"สปิริต" รู้ดีว่า Game is over.....

เว้นแต่พตท.ทักษิณคิดว่าจำเป็นต้องเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องทรัพย์สินและลูกเมียให้พ้นโทษจำคุก.....



บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #10 เมื่อ: 22-05-2007, 08:44 »

เอ๊ะ...จำได้แม่นยำว่าคุณปุถุชนเคยกล่าวหาแนวร่วมPTว่าชอบตัดแปะ จนเป็นเหตุให้หลายๆกระทู้ที่นำข้อมูลอีกด้านมาเสนอในเว๊บนี้ถูกลบประจำ ไฉนเลยกลับกลืนน้ำลายเหนียวๆเองเลยหล่ะครับ!?!

หรือว่ามันเป็นมาตรฐานของกลุ่มพันธมารครับ?


ถ้าไม่ตอบ....
คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก จะเข้าใจผิดตามคุณอะไรจ๊ะด้วย.......
ผมหยิบยกมา อ้างอิงเพื่อคนรักเหลี่ยมฯ บางคนต้องการแหล่งที่มา
และเพื่อร่วม"วิพากษ์วิจารณ์" และ"สนับสนุน"ความคิดเห็นเป็นตอน ๆ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




ปล. คคห.นี้ของคุณอะไรจ๊ะ ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นตามหน้าที่แล้วเหรอ.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #11 เมื่อ: 22-05-2007, 08:47 »


ถ้าไม่ตอบ....
คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก จะเข้าใจผิดตามคุณอะไรจ๊ะด้วย.......
ผมหยิบยกมา อ้างอิงเพื่อคนรักเหลี่ยมฯ บางคนต้องการแหล่งที่มา
และเพื่อร่วม"วิพากษ์วิจารณ์" และ"สนับสนุน"ความคิดเห็นเป็นตอน ๆ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




ฮ่าๆๆๆ.....แถศักดิ์อีกรายจริงๆ ประเด็นก็คือ สำหรับทุกท่านที่ชอบกล่าวหาคนอื่นอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ตัวเองกลับกระทำในสิ่งที่ด่าคนอื่นเค้าไว้ เอาเป็นว่าท่านปุถุชนไม่กล้ายอมรับว่าตัดแปะ


จบครับ!!
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #12 เมื่อ: 22-05-2007, 08:55 »


ฮ่าๆๆๆ.....แถศักดิ์อีกรายจริงๆ ประเด็นก็คือ สำหรับทุกท่านที่ชอบกล่าวหาคนอื่นอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ตัวเองกลับกระทำในสิ่งที่ด่าคนอื่นเค้าไว้ เอาเป็นว่าท่านปุถุชนไม่กล้ายอมรับว่าตัดแปะ


จบครับ!!



ถ้ามีบทความของอาจารย์จอน หรือ นักเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่ "ประจาน"นายผู้ชายของคุณอะไรจ๊ะ ได้ชัดเจน
แจ่มแจ้งอย่างนี้ ผมจะหาให้อ่านอีก โดยไม่ตัดตอน  บิดเบือน เนื้อหา สาระของบทความ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #13 เมื่อ: 22-05-2007, 08:59 »

คุณอะไรจ๊ะ จะไม่วิพากษ์วิจารณ์"ขาประจำ" ของ"นายผู้ชาย" บ้าง

ปล่อยให้"ประจาน" พฤติกรรมของนักธุรกิจการเมืองที่เลือกจะเป็น"เผด็จการจากการเลือกตั้ง"
เพื่อปกป้องทรัพย์สินและผลประโยชน์ทับซ้อน ฝ่ายเดียวได้อย่างไร.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 22-05-2007, 09:57 »

หลายครั้งที่ผมได้ยินข่าวนักการเมืองของไทยเสียชีวิต ความที่ผมเป็นคนอยู่อพาร์ทเม้น ชั้นบน พอลงมาข้างล่าง เท้าแตะพื้น จะรู้สึกทุกทีไปว่า แผ่นดินมันสูงขึ้น

แต่พอดีคนพวกนี้มันตายกันไม่ค่อยบ่อย เชียงใหม่กลับน้ำท่วมบ่อยกว่า อาจจะเป็นเพราะมีคนหนักแผ่นดินไปเกิดที่นั่น
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #15 เมื่อ: 23-05-2007, 22:32 »

บทความนี้ใน"ประชาไท"
ถูกผู้เข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์มากมาย....

ทั้งที่อจ.จอนเป็นผู้ก่อตั้งเวบบอร์ด"ประชาไท"......




จึงเป็นหลักฐานหนึ่งว่า"ประชาไท"
ถูกยึดโดยพวกรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก เช่นเดียวกับ "ราชดำเนิน".....


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 592


เตือนให้นึกถึง Icarus ผู้ไม่ประมาณตน


« ตอบ #16 เมื่อ: 23-05-2007, 22:50 »

พี่ปุครับ  สุดยอดดด     ขำพวกไฮยีน่าประชาไทครับ  ไม่รู้จะไปหลงหอกันที่ไหนได้ กลับพันทึบเถอะลูก 

สิ่งเดียวที่ไอ้ทากต้องการตอนนี้คือ การนองเลือดครับ

มันชั่วจนวินาทีสุดท้ายจริง เอาคำว่า การต่อสู้ของภาคประชาชน มาอ้าง

ที่แท้ สู้เพื่อให้นองเลือด จะได้ล้างไพ่เตะถ่วงคดีความได้ ทุเรศ



บันทึกการเข้า
ไทมุง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,543



« ตอบ #17 เมื่อ: 23-05-2007, 23:39 »


ขอบคุณคุณปุ  ที่สรรหามารื้อฟื้นพฤติกรรมเหลี่ยมอีกครั้ง ให้เห็นชัดๆ

ว่าแต่ว่า หน้าเหลี่ยมนี่เมื่อไหร่จะหายไปจากโลกซักที รกโลก
บันทึกการเข้า
อังศนา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,860


Can't fight the moonlight!


เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 24-05-2007, 02:34 »

..ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย!

บันทึกการเข้า

แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย 
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
public limited
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 161


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-05-2007, 08:52 »

แจ่มแจ้งแดงแจ๋
บันทึกการเข้า

เปิดความคิด พิชิตความไม่รู้ ต้องดู-ต้องอ่าน-ต้องฟัง และสิ่งสำคัญคือมีคุณธรรมต่อชาติบ้านเมือง
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #20 เมื่อ: 29-05-2007, 09:34 »

ถ้าอ.จอน เขียนบทความวันนี้
อ.จอนจะต้องเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างวาน"คนเห็นแก่เงิน" เป็น"ม๊อบยุบพรรคฯ"หน้าที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หวั่นกลัว(?)เหมือน"ม๊อบซุกหุ้นI" ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว....

ซึ่งไม่น่าจะประสบความสำเร็จ เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคราวนี้ ไม่มี กระมล ทองธรรมชาติ ศักดิ์ เตชาชาญ จุมพล ณ สงขลา ผัน จันทปาน เป็นต้น.....




"... นายจุมพลตอบว่าประชาชนกว่า 11 ล้านคนเลือก พ.ต.ท.ทักษิณมาเป็นนายกฯ จะให้เสียงของคนไม่กี่คนมาทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นตำแหน่งได้อย่างไร ... "



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2007, 09:41 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #21 เมื่อ: 29-05-2007, 09:48 »

  "ผัน" กร้าว!ท้าถอดถอน
       ด้านนายผัน จันทรปาน 1 ในตุลาการเสียงข้างมากที่ถูกกล่าวหาว่า เป็น 1 ใน 4 ตุลาการฯ ช่วยพ.ต.ท.ทักษิณให้รอดจากคดีซุกหุ้น กล่าวว่า เรื่องที่ออกมานั้นเป็นเรื่องที่เขาชี้แจงกันในศาล เป็นการแก้ต่างของจำเลยที่เขาต้องการให้คนมาแก้ต่าง เขาจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่มันไม่ใช่ประเด็นที่เราจะมาพูดกัน เพราะเราฟ้องเขาในข้อหาหมิ่นประมาท ที่เขาได้เขียนบทความทำให้เกิดความเสียหายต่อตุลาการเสียงข้างมาก จึงได้ดำเนินการฟ้องร้อง และรอฟังผลจากศาลก่อนดีกว่า เพราะศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยเองว่าใครถูกใครผิด คำพูดของใครน่าเชื่อถือกว่ากัน และเราก็ไม่สนใจเพราะเราดำเนินการฟ้องร้องเขา
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่เขาเบิกความในศาล น่าจะเป็นความจริงว่าขณะนั้นท่านเป็นหนึ่งเสียงข้างมากที่ลงมติช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รอดจากคดีซุกหุ้น ตรงนี้จะมีอะไรชี้แจงหรือไม่ นายผัน กล่าวว่า เรื่องมันผ่านนานมาแล้ว ไม่อยากพูดถึง เมื่อถามย้ำว่า ถ้าไม่ชี้แจงตรงนี้อาจจะทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลง และเสื่อมศรัทธาในตัวตุลาการและเป็นเหตุให้เกิดการยื่นถอดถอนขึ้นมาจะทำอย่างไร นายผัน กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไรอยากจะยื่นถอดถอนก็ยื่นไปเลย
       
       ยืนยันไม่กระทบองค์กรศาล รธน.
        ด้านนายอนันต์ เกตุวงศ์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และหนึ่งใน 8 ตุลาการเสียงข้างมากที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องน.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ข่าวที่เกิดขึ้นกับตุลาการฯทั้ง 2 คน ไม่ว่าจะเป็นกรณีของนายจุมพล และนายอุระ หวังอ้อมกลาง ที่ได้รับการติดต่อให้ช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณแลกเปลี่ยนกับการให้ลูกชายไปเป็นเลขาฯทูตในต่างประเทศนั้น ถือว่าเป็นเรื่องของตัวบุคคล คงจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนอื่นๆ
       
       ส่วนสังคม และประชาชนที่ได้รับรู้ข่าวที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องของประชาชนที่จะคิดกันได้ทั้งทางที่ดีและไม่ดีก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่จะคิดกันเอง ศาลรัฐธรรมนูญคงไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่ตัวบุคคลและยังต้องอยู่ทำหน้าที่ต่อไป แต่ตุลาการนั้นถือว่าเป็นตัวบุคคล ถึงเวลาก็ต้องพ้นจากภาระหน้าที่ไป
       
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9470000067138

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
โฟร์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 83


« ตอบ #22 เมื่อ: 29-05-2007, 14:46 »

ว่างๆจะมาอ่านนะ ยาวจัด  เเต่น้องใจ ได้อ่านยังอ่า
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #23 เมื่อ: 29-05-2007, 15:12 »

พรุ่งนี้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญจะเปิดผลการพิจารณาคดีพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้ง เพื่อหนีเกณฑ์ 20 %  แกนนำพรรคและคนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก พยายามดิ้นรนบอกว่าพรรคไทยรักไทยไม่ผิดอะไร.......

จึงต้องนำพฤติกรรมของพรรคไทยรักไทยมาฉายซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเตือนความจำ.....


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #24 เมื่อ: 02-06-2007, 23:41 »

"อภิสิทธิ์"หนุนเผยแพร่คำวินิจฉัยยุบพรรคให้ชาวโลกรับรู้
2 มิถุนายน 2550 17:40 น.
"อภิสิทธิ์" ระบุ ต้องยกเลิกประกาศคปค. 2 ฉบับ เปิดช่องพรรคการเมืองจดทะเบียนพรรคใหม่ ก่อนนิรโทษกรรม หนุนเผยแพร่คำวินิจฉัยยุบพรรค พร้อมลำดับเหตุการณ์ให้ชาวโลกรับรู้


(2มิย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีคมช.เห็นด้วยกับแนวคิดกลุ่มมัชฌิมาที่จะนิรโทษกรรมนักเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ยุบพรรค เพราะเป็นแนวทางสมานฉันท์ว่า เป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาว่าอะไรอยู่ในกรอบของกฎหมาย สันติวิธี และเป็นประชาธิปไตย ก็ทำได้อยู่แล้ว ตนคงไม่แสดงความเห็นเพราะว่าอาจจะถือได้ว่ามีส่วนได้เสีย

ถามว่า ควรจะให้ สนช.พิจารณาหรือสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่พิจารณา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องฟังข้อเสนอที่ชัดเจนก่อนว่าจะทำในรูปแบบไหน เพราะมีทั้งข้อเสนอเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยเฉพาะมีข้อเสนอเรื่องแก้คำสั่ง หรือยกเลิกคำสั่ง คปค. แต่ในส่วนของตนยังยืนยันว่า น่าจะเร่งยกเลิกคำสั่ง คปค.ฉบับที่ 15 เพื่อให้จดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ ตรงนี้ควรจะเป็นการเปิดโอกาสเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นคงเป็นอำนาจของ สนช.ที่จะพิจารณาต่อไป

ถามว่า มองอย่างไรที่นายกฯ ระบุว่าอีก 2 สัปดาห์จะเสนอยกเลิกประกาศ คปค.ทั้ง 2 ฉบับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ามีกรอบเวลาก็ดี เพราะมี 2 ส่วนคือ ฉบับที่ 15 เป็นเรื่องจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเร่งเสนอไป และจะต้องทำโดย สนช.เพราะรัฐบาลต้องเร็วพอสมควร เนื่องจากมีขั้นตอนของ สนช.อีก ส่วน คปค.ฉบับที่ 27 ในส่วนกิจกรรมพรรคการเมือง เป็นเพียงมติครม. ก็แก้ไขได้ ส่วนนิรโทษกรรมเป็นมติของ สนช.เช่นกัน

ถามว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้ากลุ่มไทยรักไทย จะไม่ขอรับการนิรโทษกรรม เพราะเชื่อว่าไม่ได้ทำผิดจึงไม่ยอมรับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าแปลว่าอะไร จะยอมรับหรือไม่ยอมรับ ตนไม่ทราบความหมายของนายจาตุรนต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคำตัดสิน เรื่องกฎหมาย หรือเรื่องนิรโทษกรรมไม่ทราบว่าแปลว่าอะไร เพราะเวลาเป็นคำพิพากษา หรือคำวินิฉัย หรือเป็นกฎหมายออกมาก็บังคับใช้กับทุกคน โดยเสมอภาคกัน

ถามว่า มองอย่างไรที่นายจาตุรนต์ระบุว่าจะไม่อุทธรณ์ แต่จะนำคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญไปเผยแพร่ทั่วโลก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในใจของตนคิดว่าน่าจะเผยแพร่คำตัดสินเพราะตนเห็นว่าไม่ว่าคนจะเห็นด้วยกับการทำรัฐประหารหรือไม่ จะเห็นด้วยกับคำตัดสินวินิจฉัยหรือไม่ แต่คำวินิจฉัยก็น่าจะเผยแพร่ให้ทราบถึงเหตุผล เพราะตนก็ติดตามสื่อต่างประเทศบางส่วน เขาเข้าใจคาดเคลื่อน เช่น หลายคนเข้าใจว่าคดีนี้เริ่มต้นจากการปฏิวัติ ซึ่งความจริงไม่ใช่ หรือ คดีนี้คณะปฏิวัติเป็นผู้เลือกผู้พิพากษาเอง ซึ่งไม่ใช่ หรือคดีนี้เขาไม่ได้ร้องขอให้ยุบพรรค แต่เป็นเรื่องการกระทำความผิดของคน 2 คน แล้วไปตัดสินจนเกิดเหตุ ซึ่งคาดเคลื่อน ดังนั้น ถ้าหากแปลให้ถูกต้องถ่องแท้และลำดับให้เห็นว่า อะไรเป็นอะไร ก็เป็นเรื่องที่ดี ต่างประเทศจะได้เข้าใจ ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เป็นสิทธิ์ของแต่ละคนอยู่แล้ว

ถามว่า ความหมายของนายจาตุรนต์ คือต้องการไปเผยแพร่เพราะไม่ยอมรับคำตัดสินจากผู้มีอำนาจ จะทำให้ต่างประเทศมองไทยไม่ดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการเผยแพร่ ตนถึงบอกว่าถ้าแปลให้ถูกต้องถ่องแท้ และลำดับให้เห็นเหตุการณ์ด้วยว่าอะไรเป็นอะไร ก็ไม่มีปัญหา เพราะถึงอย่างไรเราก็หนีความจริงไม่พ้น ความจริงก็คือความจริง การที่ประชาชนได้รับทราบความจริงก็ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ขอให้เที่ยงตรงกับข้อเท็จจริงดีกว่า

ถามว่า มีการประเมินว่าม็อบพีทีวีออกมากดดันที่ท้องสนามหลวงจะมีเหตุการณ์บานปลายเกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมองว่าที่ผ่านมาการจัดการก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้จะมีส่วนเล็กๆ ที่อาจจะไปสร้างปัญหาอยู่ เหมือนกับจงใจจะยั่วยุ แต่ก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่จัดการกับเรื่องนี้ได้ดีพอสมควร ฉะนั้น ถ้ารักษาระดับส่วนนี้ไว้ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา

ถามว่า ไม่คิดว่าจะเกิดการนองเลือดเหมือนที่ผ่านมาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าคนส่วนใหญ่ หรืออย่างน้อยนักการเมืองทุกคนยืนยันก่อนว่า เรายึดมั่นในสันติวิธีและทำอย่างที่พูด และถ้าเจ้าหน้าที่ระมัดระวังไม่ตกเป็นเหยื่อของการยั่วยุ ตนก็มองว่าอย่าไปวิตกกังวลอะไรจนเกินไป ตนอยากย้ำว่าทางออกของบ้านเมือง ถ้ายึดหลักกฎหมายและประชาธิปไตย แต่ต้องเที่ยงธรรมตามกฎหมายโดยยึดหลักของการสนับสนุนประชาธิปไตยอย่างแท้จริงให้เห็นชัดเจนโดยเร็ว เหตุผลที่ตนพูดนั้น เพราะความไม่ชัดเจนกำลังบั่นทอนบ้านเมืองพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจหรือความไม่สงบยังมีความวุ่นวายอยู่ ปัญหาต่างๆ ก็จะทรุดลงไป คนที่รับเคราะห์คือประชาชน ดังนั้นตนไม่อยากให้คิดเกินเลยไปกว่า พรรคการเมือง นักการเมือง คืออยากให้คิดกันว่า เราจะเดินต่อไปอย่างไร ช่วยแก้ไขปัญหาของประชาชนให้ได้ ภายใต้หลักการที่ถูกต้อง

ถามว่า มีการมองกันว่าการเลือกตั้งอาจจะเร็วขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าเรื่องนี้มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่กรอบเวลาเดิมที่กำหนดไว้ก็เหมาะสม แต่ต้องเปิดโอกาสให้มีการจดทะเบียนพรรคการเมือง มีการแข่งขันทางการเมือง มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ถ้ามีเรื่องเหล่านี้ครบก็เห็นว่าประชาชนได้เห็นทางเลือกที่ชัดเจน มีโอกาสรับรู้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับพรรคการเมืองต่างๆ แล้ว ถ้าเลือกตั้งเร็วก็ดี
 

http://www.komchadluek.net/2007/06/02/k001_121101.php?news_id=121101


ถ้าแปลให้ถูกต้องถ่องแท้ และลำดับให้เห็นเหตุการณ์ด้วยว่าอะไรเป็นอะไร ก็ไม่มีปัญหา เพราะถึงอย่างไรเราก็หนีความจริงไม่พ้น ความจริงก็คือความจริง การที่ประชาชนได้รับทราบความจริงก็ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ขอให้เที่ยงตรงกับข้อเท็จจริงดีกว่า .....


ถ้าแปลให้ถูกต้องถ่องแท้ จาตุรนต์และพรรคพวก ไม่อับอายบ้างหรือ
คนไทยที่ได้ฟัง ได้ชมรายการถ่ายทอดทางวิทยุ โทรทัศน์ ได้ฟังคำชี้แจงของตุลาการรัฐธรรมนูญ
เหมือนคำประจานพฤติกรรมเลวร้ายของอดีตหัวหน้าพรรคฯ แกนนำพรรคฯ ที่ได้กระทำไป 5-6 ปีที่ผ่านมา...



บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #25 เมื่อ: 03-06-2007, 00:00 »

เปิดปมคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย...กรรมการบริหารสองคนทำผิดหัวหน้าพรรคและพรรคผิดด้วย
 
2 มิถุนายน พ.ศ. 2550 00:00:00
 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : คำวินิจฉัยเรื่องยุบพรรคไทยรักไทย ของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่กำลังจะกลายเป็นบรรทัดฐานประวัติศาสตร์ประเทศร้อนข้อหนึ่งคือ...ถ้ากรรมการบริหารพรรคการเมืองเพียงบางคนกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทำไมจึงต้องยุบทั้งพรรค ถ้าหัวหน้าพรรคหรือคณะกรรมการบริหารพรรคไม่มีคำสั่งหรือมติอย่างเป็นทางการให้ทำผิดกฎหมาย (กรณีนี้คือไปจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้ง) จะเอาโทษถึงหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคได้อย่างไร?

นักรัฐศาสตร์ชื่อดังอย่าง อาจารย์ประหยัด หงส์ทองคำ ให้คำอธิบายไว้น่าสนใจยิ่ง...ว่าเอาอย่างคดี Watergate ของอเมริกาที่ลงท้ายประธานาธิบดี  ริชาร์ด นิกสัน ต้องลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่การเข้าไปเจาะหาข้อมูลความลับของพรรคฝ่ายตรงกันข้ามนั้น เป็นการลงมือของลูกน้องในพรรคและในรัฐบาลเท่านั้น

อาจารย์ประหยัด บอกว่า ในประเทศที่มีการพัฒนาการเมืองสูงอย่างสหรัฐฯ เช่น ในคดีวอเตอร์เกตที่มีการจารกรรมความลับทางการเมืองกันนั้น ผลการพิจารณาเรื่องนี้ก็ไม่ได้ดำเนินการเอาผิดพรรคการเมือง เขาเอาผิดกับตัวประธานาธิบดีเลย 


เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่าเขาแยกแยะได้ว่า พรรคการเมืองนั้นผิดโดยตัวมันเองไม่ได้

"สมมติง่ายๆ ว่าหน่วยงานหน่วยหนึ่งกระทำการก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน คุณจะลงโทษหน่วยงานนั้นหรือผู้บริหารหน่วยงานนั้น?"

คำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ในกรณียุบทั้งพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีของคณะกรรมการบริหารทั้ง 111 คน อยู่บนพื้นฐานที่ว่า "การดำเนินกิจการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายนั้น ก็ย่อมมีผลผูกพันพรรคการเมือง"

คำวินิจฉัยบอกว่า หัวหน้าพรรคผู้ถูกร้องที่ 1 (ไทยรักไทย) มิได้มอบหมายให้พลเอกธรรมรักษ์ และนายพงษ์ศักดิ์ (กรรมการบริหารของพรรคทั้งสองคน) ดำเนินตามข้อกล่าวก็ดี หรือทั้งสองไม่มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการเงิน การจัดทำบัญชีและการบริหารทรัพย์สินของพรรค...แต่มาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 มีผลใช้บังคับกับการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองตามปกติทั่วไป

" หากเป็นการดำเนินกิจการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย โดยสภาพของภารกิจ จะต้องเป็นการกระทำที่ไม่อาจเปิดเผย ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่คณะกรรมการบริหารพรรคจะมีมติหรือหัวหน้าพรรคจะมีหนังสือมอบหมายให้ผู้ใดกระทำ ...

...ทั้งหากจะต้องมีมติคณะกรรมการบริหารพรรค หรือมีหนังสือมอบหมายจากหัวหน้าพรรคเสียก่อน จึงจะถือได้ว่าการดำเนินกิจการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายมีผลผูกพันพรรคแล้ว บทบัญญัติมาตรา 67 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 ย่อมไม่มีทางที่จะมีผลใช้บังคับ..."

ข้อสรุปของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญประเด็นนี้ จึงระบุชัดเจนว่า

" ดังนั้น หากมีข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการบริหารพรรคหรือหัวหน้าพรรคมอบหมาย ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจด้วย การดำเนินกิจการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายนั้น ก็ย่อมมีผลผูกพันพรรคการเมือง..."


คำวินิจฉัยชี้ต่อว่าทั้งพลเอกธรรมรักษ์ และนายพงษ์ศักดิ์ เป็นบุคคลสำคัญของพรรคและได้รับความไว้วางใจอย่างยิ่งจากคณะกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรค ย่อมจะต้องมีบทบาทในการบริหารงานและการกำหนดนโยบายในการดำเนินกิจการทางการเมืองของพรรคอย่างสูง

การที่ทั้งสองสนับสนุนให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคเล็กพรรคหนึ่ง เพื่อให้ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติลงสมัครได้ก็ดี หรือให้การสนับสนุนทางการเงินแก่พรรคเล็กสองพรรคเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งก็ดี " เชื่อได้ว่าเป็นการดำเนินการเพื่อมิให้เกิดปัญหาการเลือกตั้งที่ยืดเยื้อ และไม่มีความแน่นอนว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด เพื่อให้ผู้ถูกร้องที่ 1 (ไทยรักไทย) สามารถกลับคืนสู่อำนาจได้โดยเร็วนั่นเอง..."

คำวินิจฉัยวิเคราะห์ต่อด้วยว่า เมื่อมีผู้กล่าวหาว่าพลเอกธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์ไปว่าจ้างพรรคเล็กให้ส่งผู้สมัคร และสนับสนุนให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลสมาชิกพรรค พรรคไทยรักไทย ก็ไม่เคยมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกล่าวหา...เพียงแต่มีการประชุมผู้สมัครหรือการประชุมแบบกว้างๆ และมีการพูดกันว่า มีข้อกล่าวหาประการใด ก็ให้ผู้เกี่ยวข้องไปสู่คดี...ไม่มีการประชุมเรื่องนี้เป็นกิจจะลักษณะทั้งก่อนและหลังวันเลือกตั้ง "ทั้งๆ ที่ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญที่กระทบต่อภาพลักษณ์" ของพรรคไทยรักไทย

"  ...ทำให้เชื่อได้ว่าก่อนดำเนินการดังกล่าว พลเอกธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารพรรค...แล้ว จึงถือได้ว่าการกระทำของ (ทั้งสองคน) เป็นการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 (พรรคไทยรักไทย) และมีผลผูกพันผู้ถูกร้องที่ 1 ตาม พ. ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา 20..."

คณะตุลาการรัฐธรรมนูญจึงมีมติว่าข้อต่อสู้ของผู้ถูกร้องที่ 1 (พรรคไทยรักไทย) ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

ในภาษาการเมืองอย่างกรณีวอเตอร์เกตนั้น ต้องถามว่าหัวหน้าพรรครู้ว่ากรรมการบริหารของพรรคคนสำคัญสองคนนี้ไปทำอะไรที่ฝ่าฝืนกฎหมายเมื่อไหร่ รู้อย่างไร และเมื่อรู้แล้วได้ทำอะไรเพื่อแสดงว่าตนเองไม่เห็นด้วยบ้าง?

ถ้าหากรู้ข้อกล่าวหาแล้ว (ซึ่งไม่มีทางไม่รู้เพราะเป็นข่าวไปทั่ว) หัวหน้าพรรคไม่ทำอะไร หรือให้ไปแก้ปัญหาเอง ทั้งๆ ที่เป็นข้อกล่าวหาร้ายแรงต่อพรรค ก็เท่ากับเป็นส่วนหนึ่งของความผิดนั้น จะบอกว่า "ผมไม่เกี่ยว ผมจึงไม่ผิด" ไม่ได้เป็นอันขาด

นี่ไง อ่าน และฟังคำวินิจฉัยครั้งนี้แล้วได้บทเรียนและการศึกษาเรื่องการเมืองของไทยมากมายเกินคาดทีเดียว

คุณไปหาคำวินิจฉัยฉบับเต็มมาอ่านแล้วหรือยัง?
 

http://www.bangkokbiznews.com/2007/06/02/WW12_1238_news.php?newsid=76155
 


เมื่อเรื่องสู่ขบวนการศาลฯแล้วหัวหน้าพรรคฯ แกนนำพรรคฯ จะบอกว่า "ผมไม่เกี่ยว ผมจึงไม่ผิด" ไม่ได้เป็นอันขาด.....
คณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างนี้แล้ว "รักษาการหัวหน้าพรรคฯ" ยังไม่ยอมรับความจริง ยังไม่ยอมรับผิดชอบอีก........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #26 เมื่อ: 30-06-2007, 14:39 »

จดหมายเปิดผนึกถึงคุณ จอน อึ๊งภากรณ์

โพสต์: jaewjah

ID#292959 | เมื่อ: 2550-06-29 22:36:45

ตั้งแต่คุณจอนได้เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพวกเราในนี้เมื่อหลายเดือนมาแล้ว หลังจากนั้นคุณจอนก็ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเราอีกเลย งานยุ่งมากหรือคะ

คุณจอนอาจติดตามพวกเราอยู่ห่างๆก็ได้ ภูมิใจไหมคะ ที่พวกเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เว็บบอร์ดประชาไทเป็นที่นิยม จนเดี๋ยวนี้เรทติ้งไม่เป็นรองห้องราชดำเนินในพันทิปสักเท่าไหร่เลย

ที่เขียนหนังสือถึงคุณจอนในวันนี้ มิได้จะเชิญชวนคุณจอนมาร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรอกค่ะ เพราะพวกเราทราบดีอยู่แล้วและเคารพในการแสดงจุดยืนของคุณจอน

แต่ ณ.วันนี้ได้เกิดประเด็นสำคัญในเรื่องการริดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทั่วประเทศ โดยครม.ขิงแก่ ได้ผ่านร่าง พรบ.เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงภายใน ไปเมื่อกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ร่าง พรบ.ฉบับนี้ได้ให้อำนาจกับหน่วยงาน กอรมน.อย่างเกินความจำเป็น จนกระทั่งอาจเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงกับประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ไม่ทราบว่าคุณจอนและคณะ NGO ทั่วประเทศ ได้นำประเด็นนี้ขึ้นพิจารณาหรือเปล่าคะ

พวกเราในเว็บบอร์ดได้นำประเด็นนี้มาคุยกันและต่างเห็นพ้องว่าเราต้องคัดค้านอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ให้ สนช.ผ่านร่างพรบ.อัปยศนี้

เราก็ได้แต่คิด แต่จะดำเนินการในช่องทางไหนล่ะคะ พวกเราน่ะถูกตราหน้าไปแล้วจากรัฐบาลเผด็จการว่าเป็นพวกป่วน ท่านไม่ฟังความคิดเห็นของเราอยู่แล้ว คือถ้าฟังก็ง่ายไงคะ คือรัฐบาลและคมช.ก็ต้องออกไป ร่าง พรบ.ก็ตกไปโดยปริยาย

จึงเป็นปัญหาสำหรับพวกเรามากว่าจะหาช่องทางไหนดี อยู่ๆดิฉันก็เกิดปัญญานึกถึงคุณจอนขึ้นมาได้ พวกเราลืมคุณจอนได้อย่างไร คุณจอนเท่านั้นที่จะช่วยพวกเราและประชาชนทั้งประเทศได้ค่ะ

พล.อ สุรยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ในข่าวภาคค่ำเย็นวันนี้ว่า จะรับฟังเสียงประชาชนที่คัดค้าน พรบ.ฉบับนี้ และจะไม่ตรากฎหมายที่ประชาชนไม่เห็นพ้องด้วย

โอ้ ช่างเป็นประชาธิปไตยดีจริง ดิฉันนึกถึงคุณจอนได้ในขณะนั้นเองค่ะ งานนี้ต้องพึ่งพาคุณจอนและคณะ NGO ทั่วประเทศแล้วค่ะ เพราะเป็นประชาชนเต็มขั้นและมีคุณค่าควรแก่การรับฟังความคิดเห็นในคำจำกัดความของรัฐบาลชุดนี้

ดิฉันถือว่าพวกเราในนี้โชคดีที่รวมตัวอยู่ในเว็บบอร์ดประชาไท ได้มีส่วนร่วมในการสร้างเว็บบอร์ดที่มีคุณค่าแห่งนี้ โดยไม่ทราบเลยว่าในวันหนึ่งข้างหน้า ซึ่งก็คือวันนี้ พวกเราจะได้ที่พึ่งพาซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเว็บบอร์ดดำรงตำแหน่งเป็นถึงระดับผู้นำองค์กรสำคัญยิ่งในประเทศไทย

ในเรื่องนี้พวกเราไม่คิดว่าคุณจอนจะเห็นต่าง ไม่เหมือนกับเรื่องการต่อสู้กับคมช.นะคะ เลยถือโอกาสขอความช่วยเหลือจากคุณจอนเพราะเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือเพราะเป็นผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของคุณจอนและคณะ NGO อยู่แล้ว

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจอนจะเข้ามาให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้นะคะ

ขอขอบคุณคุณจอนมา ณ.โอกาสนี้ค่ะ




โพสต์: jaewjah

ID#292966 | เมื่อ: 2550-06-29 22:38:50

พี่ๆน้องๆคะ แจ๋วตัดสินใจเขียนจดมายถึงคุณจอนเพื่อขอความร่วมมือและช่วยเหลือในการยับยั้งร่าง พรบ.ฉบับอัปยศนี้ ขอความร่วมมือจากพวกเราด้วยนะคะ ช่วยคุยกับคุณจอนในประเด็นนี้เท่านั้น

แจ๋วทราบว่าพวกเราบางคนยังมีความอึดอัดใจกับคุณจอน แต่โปรดเก็บพักไว้ก่อน เรามาช่วยกันผลักดันการยับยั้งร่าง พรบ.ฉบับนี้ก่อนดีกว่านะคะ

ขอบคุณมากค่ะ





โพสต์: õ~õ

ID#293741 | เมื่อ: 2550-06-30 08:50:18

อย่าไปหวังเลยครับ ผมหมดศรัทธาตั้งแต่แกพูดว่า "ทหารยังดีกว่าเผด็จการรัฐสภา" หมดค่าแล้วล่ะจอนเอ๋ย




http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=292959


คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ยังหวังจะให้คุณจอนร่วมคัดค้านพรบ.ฯ
และ สิ้นหวังที่คุณจอนไม่รัก"เผด็จการรัฐสภา"มากกว่าทหารฯ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #27 เมื่อ: 15-08-2007, 17:04 »

อัยการขอศาลฎีกาฯออกหมายจับ 'ทักษิณ-คุณหญิงพจมาน'คดีที่ดินรัชดา
 
14 สิงหาคม พ.ศ. 2550 13:07:00
 
ทนาย'ทักษิณ-พจมาน' ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกานักการเมือง โต้แย้งคำฟ้องอัยการคดีที่ดินรัชดา ศาลนัดฟังคำสั่งบ่ายนี้ ขณะที่อัยการ แถลงต่อศาลฎีกาฯ ขอออกหมายจับ

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายพิชิต ชื่นบาน ทนายความ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  ได้เดินทางมายังศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผของผุ้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อร่วมฟังนัดพิจารณาคดีครั้งแรกที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาเป็จำเลยที่ 1-2 ฐาน ทำผิดพรบ.ว่าด้วยป.ป.ช.  2542  มาตรา 4  มาตรา 100 และมาตรา 122และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 ,มาตรา157  มาตรา 33มาตรา 83 มาตรา 86และ มาตรา 91 ฐาน ร่วมกันทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท

นายพิชิตกล่าวว่าขณะนี้ฝ่ายจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลแล้วรวม 2 ฉบับประกอบด้วยคำร้องโต้แย้งคำฟ้องของอัยการซึ่งเกี่ยวกับถิ่นที่อยู่ ของจำเลยทั้งสอง และ คำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดี โดย ศาล ได้รับคำร้องไว้แล้ว ซึ่งจะนัดฟังคำสั่งในเวลา 13.30 น.ต่อไป

อธิบดีอัยการคดีพิเศษ ยื่อขอออกหมายจับ"ทักษิณ-พจมาน"

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 14 ส.ค. - เมื่อเวลา 13.40 น. นายทองหล่อ โฉมงาม รองประธานศาลฎีกาคนที่ 3 เจ้าของสำนวนคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก

นายทองหล่อได้สอบถามอัยการโจทก์ ถึงการยื่นคำร้องคัดค้าน ที่นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความของจำเลยทั้งสอง ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดี ซึ่งจำเลยได้อ้างเหตุความไม่ปลอดภัยในการเดินทางกลับเข้าประเทศ เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีของศาล และอ้างเหตุขัดข้องในการนำพยานบุคคล และเอกสารหลักฐาน เข้าสู่การพิจารณาคดี จึงขอเลื่อนการพิจารณาออกไป และคำร้องอีกฉบับที่ขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผ่านมา ที่ในการยื่นฟ้องอัยการโจทก์ไม่ได้นำส่งเอกสารสำเนาคำฟ้อง และหมายเรียกจำเลย ไปยังที่อยู่จริงของจำเลยทั้งสอง

ด้านนายเสกสรร บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ โจทก์ ได้แถลงคัดค้านการยื่นคำร้องของจำเลย โดยโจทก์แถลงว่า ประสงค์ขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยทั้งสอง เพื่อดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีต่อไป 

นายทองหล่อ จึงมีคำสั่งพักการพิจารณาคดี 30 นาที เพื่อให้องค์คณะประชุมเพื่อมีคำสั่งต่อไป
 

http://www.bangkokbiznews.com/2007/08/14/WW10_WW10_news.php?newsid=89189
 
   


เล่ห์"แม้ว-เมีย"ขอเลื่อนสู้คดีหลังรัฐบาลใหม่-อัยการยันขอหมายจับ! 
 
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 14 สิงหาคม 2550 14:17 น.
   

  อัยการแถลงต่อศาล ยืนยันถิ่นที่อยู่ของ"แม้ว-เมีย" และหากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิอจารณาขอให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองไว้ก่อน เผยทีมทนายขอเลื่อนไปเป็นหลังจากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 30 วันแล้วโน่น
       
       วันนี้ (14 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.40 น . ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายทองหล่อ โฉมงาม รองประธานศาลฎีกาคนที่ 3 พร้อมองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีนัดแรก ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาภิเษก ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ตกเป็นจำเลยที่ 1-2
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเริ่มการพิจารณา ศาลได้สอบถาม อัยการโจทก์ ว่าจะแถลงอย่างไร กรณีทนายความจำเลยที่ 1 และ 2 ยื่นคำร้อง 3 ฉบับ โดยแบ่งเป็นคำร้อง ขอเลื่อนการพิจารณาคดี 2 ฉบับ และคำร้องขอเพิกถอนการพิจารณาคดี เพราะโจทก์ไม่ได้ส่งหมายไปตามสำเนาที่อยู่ของจำเลยอีก 1 ฉบับ
       
       นายเสกสรร บางสมบูรณ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน แถลงต่อศาลยืนยันถึงที่อยู่จำเลยทั้งสอง ตามเอกสารทางราชการ ซึ่งอัยการโจทก์ได้แถลงต่อศาลไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2550 แล้ว นอกจากนี้ อัยการยังยืนยันว่า ที่จำเลยอ้างในคำร้อง เรื่องความไม่ปลอดภัย และเหตุผลด้านการสมานฉันท์ ในการเดินทางกลับมาพิจารณาคดีนั้น อัยการโจทก์เห็นว่า รัฐบาลได้กำหนดวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และวันเลือกตั้งไว้แล้ว ข้ออ้างของจำเลย เป็นการคำนึงเอาเองของจำเลย โดยนำเอาเหตุผลต่างๆ มาเป็นข้ออ้าง โดยยังไม่มีการพิสูจน์ จึงไม่เห็นควรให้มีการเลื่อนคดีออกไป ตามกำหนด 30 วัน หลังจากมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้ว ตามที่จำเลยร้องขอ นอกจากนี้ หากศาลพิจารณาคำร้องขอจำเลยแล้ว พิจารณาไม่อนุญาตให้เลื่อน โจทก์ก็ขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับจำเลยทั้ง 2 มาเพื่อดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป
       
       หลังอัยการแถลงเสร็จ ศาลให้พักการพิจาณาคดี เพื่อพิจารณาคำร้องของทนายจำเลย เป็นเวลา 30 นาที

 
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9500000095228
 
 
 
 
ในที่สุด สองผัวเมีย 'จำเลย' คดีที่ดินรัชดา
ใช้ความรู้ของนักกฎหมายเล่นเล่ห์กับอัยการของบ้านเมืองและศาลยุติธรรมไทยอีกครั้งหนึ่ง....

จึงต้องรอการวินิจฉัยของศาลยุติธรรมว่าจะเดินตามเกมของสองผัวเมียหรือไม่... Question


1. ที่อยู่ที่อัยการฯ ส่งหมายไปถึงเป็นที่อยู่ ภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านของราชการ ที่เป็นที่ยอมรับมาตลอด
ทนายฝ่ายจำเลย ก็รับรู้จากการยื่นเรื่องฟ้องร้องในอดีต และ การเผยแพร่การดำเนินการของอัยการและคำสั่งศาลยุติธรรม....

2. จำเลยสองผัวเมียและทนายจำเลย คิดว่า หลังการเลือกตั้งมีรัฐบาลใหม่ รัฐบาลใหม่จะใช้อำนาจเหนือศาลยุติธรรม บีบบังคับให้ศาลฯ พิจารณาตามความต้องการของจำเลยสองผัวเมียได้หรือ.... Question

ถ้าจำเลยคิดอย่างนั้นแสดงว่าจำเลย"ดูหมิ่น"ศาลยุติธรรม ที่ยอมรับอิทธิพลและคำสั่งนักการเมือง..... Exclamation




จำเลยสองผัวเมียและทนายจำเลย มีพฤติกรรมอย่างนี้ จึงควรที่ศาลยุติธรรมจะพิจารณาลงโทษให้"เข็ดจำ" ก่อนจะดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป.....



บางเรื่องที่ อ.จอน เอ่ยถึง เริ่มเป็นจริงขึ้นมาแล้ว....
คอยติดตามการทำงานของคณะกรรมการ คตส. ปปช. และ ศาลยุติธรรมไทย
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #28 เมื่อ: 15-08-2007, 18:24 »

บทความนี้ใน"ประชาไท"
ถูกผู้เข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์มากมาย....

ทั้งที่อจ.จอนเป็นผู้ก่อตั้งเวบบอร์ด"ประชาไท"......


จึงเป็นหลักฐานหนึ่งว่า"ประชาไท"
ถูกยึดโดยพวกรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก เช่นเดียวกับ "ราชดำเนิน".....


 

บทความ อ.จอน ใช่ค่ะ  พอดีหาตอนหนึ่ง ไม่เจอ  เลย โพส ตอน ๒


บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
PastelSalad
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 183



« ตอบ #29 เมื่อ: 15-10-2007, 06:13 »



เอ้ย ทักษิณนี่ ฮีโร่ของผมเลยนะครับ

เหมือนกับที่ฮิตเลอร์เป็นฮีโร่ของผมเลย


ในเชิงความสามารถนะครับ ไม่ใช่เชิงพฤติกรรม 



ถ้าผมชักจูงคนได้เหมือนฮิตเลอร์ แล้ววางแผนได้เด็ดขาดแยบยลแบบทักษิณ

ผมจะนำสยามประเทศไปสู่ความเป็นมหาอำนาจ เฮฮฮฮ

บันทึกการเข้า


ใจเย็นๆ แล้วมานั่งจิบโกโก้อุ่นๆ ด้วยกันก่อนดีกว่าครับ
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #30 เมื่อ: 19-10-2007, 12:03 »

บทความโดยคุณส.ศิวลักษณ์ เรื่องเอาทักษิณคืนไป เอาประชาธิปไตยคืนมา พูดไว้ก่อนการอภิปรายโต๊ะกลมเรื่อง อนาคตประชาธิปไตยไทย ในรัฐบาลธุรกิจการเมือง “จาก กตป. ถึง ปปง. ยุทธการยึดทรัพย์ประชาชนโดยอำนาจรัฐ” วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2547 ณ โรงแรมรัตนโกสินทร์ ตามคำเชิญของคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย

----1-----

เราต้องไม่ลืมว่าเมื่อทักษิณ ชินวัตรเริ่มเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีเมฆหมอกปกคลุมตัวเขาในทางที่ไม่โปร่งใส โดยศาลรัฐธรรมนูญอาจลงโทษเขาให้ปลอดไปจากวิถีทางการเมืองได้ถึง 5 ปี


พวกเราบางคนเห็นว่าควรให้โอกาสเขาบริหารราชการบ้านเมือง แม้ความมัวหมองดังกล่าวอาจเป็นความผิดเล็กๆ น้อยๆ ที่ปราศจากเจตนาในทางฉ้อฉลก็ได้ พวกเราในที่นี้รวมตัวข้าพเจ้าด้วย ซึ่งช่วยทำแทบทุกอย่างให้เขาเป็นที่ยอมรับของมหาชน แม้จนหาทางสนับสนุนเขาในหลายๆ ทาง เพราะ (1) เราเอือมพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายชวน หลีกภัยกันมาอย่างแทบทนไม่ได้เอาเลย (2) เราเห็นว่านโยบายของพรรคไทยรักไทยมีความแปลกใหม่หลายประการ (3) เราเห็นว่ามีคนใหม่ๆ เข้าไปร่วมในพรรคนี้ โดยที่หลายคนในพวกนี้เคยอยู่ในขบวนการประชาชนมาก่อน แม้จนเคยต่อสู้กับเผด็จการมาในป่าก็มี ทั้งบางคนยังเคยมีหัวก้าวหน้าทางด้านความยุติธรรมในสังคมอีกด้วย นอกเหนือไปจาก (4) แนวทางของที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจที่คิดจะแหวกแนวไปจากระบบโลกาภิวัฒน์กระแสหลัก เช่น คิดรวมตัวกันกับประเทศเพื่อนบ้าน ถึงกับจะโยงใยไปยังประเทศจากจนด้วยกันในภูมิภาคอื่น เพื่อกำหนดนโยบายใหม่ๆ ให้ธนาคารโลกและกองทุนระหว่างประเทศ ฟังโลกที่สามมากขึ้น (5) นอกไปจากนี้แล้ว นายกรัฐมนตรียังมีแก่ใจไปเยี่ยมคนจน ไปสนับสนุนขบวนการทางเลือกตามทางของธรรมิกสังคมนิยมอย่างพวกสันติอโศก และสมัชชาคนจน เป็นต้น


แม้พวกเราบางคนจะกริ่งเกรงใจว่าทักษิณ ชินวัตรร่ำรวยขึ้นมาอย่างนักฉวยโอกาส และได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรก็เป็นไปในทางธนาธิปไตยยิ่งกว่าประชาธิปไตย เราอยากได้ให้โอกาสเขา หวังว่าเขาคงรวยพอแล้ว แล้วคงหันมารับใช้ประเทศชาติและประชาชน แต่แรกเป็นไม้คด ในบั้นปลาย อาจเป็นไม้ตรงได้กระมัง อย่างน้อยพระองคุลีมาลก็เป็นแบบอย่างที่ให้กำลังใจได้มิใช่น้อย


แต่แล้วทักษิณได้แสดงบทบาทในทางเป็นปฏิปักษ์กับประชาชาติและราษฎรยิ่ง ๆ ขึ้นทุกที ถึงกับตระบัดสัตย์ และฉ้อฉลในแทบทุกกรณี เอาชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เป็นเครื่องมือทางความยิ่งใหญ่ของเขาและสมัครพรรคพวก เพิ่มเงินและอำนาจให้พวกตนจนขยายอิทธิพลไปในภูมิภาคนอกประเทศ แม้จนในนานาชาติ โดยใช้ภาษีอากรของราษฎรไปเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ของบรรษัทของพวกตน


คนที่เดือนร้อนอย่างแสนสาหัสคือคนยากคนจน ซึ่งถูกเบียดเบียนบีฑาในทุก ๆ ทาง แม้จนมีวิธีการยุแยกให้ขบวนการของประชาชนและคนในแวดวงขององค์กรภาคเอกชนแตกกัน ใช้เงินซื้อ ใช้อำนาจรุกราน ยังนโยบายการพัฒนาประเทศแบบโลกาภิวัตน์ที่ล้าสมัยไปไม่น้อยกว่า 30 ปีนั้น ทำลายศักดิ์ศรีของประชาชนและสิทธิมนุษยชน และทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติอย่างแสนสาหัส ไม่ว่าจะท่อแก๊ซที่สงขลา เหมืองแร่โปตาสที่อุดร รวมถึงการอนุญาตให้ขุดบ่อแก๊ซขึ้นใหม่ในจังหวัดนั้น อย่างเช่นที่ภูฮ่อม อำเภอหนองแส รัฐบาลอนุญาตหรือยัง ไม่ปรากฏ แต่บริษัทผู้เป็นเจ้าการในด้านนี้ก็เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยที่พระเณรและราษฎรในละแวกนั้นเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน แต่ทางราชการกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน มิใยต้องเอ่ยถึงที่อื่น ๆ ดังทางบ่อนอกที่ผู้นำชาวบ้านถูกสังหารไปเมื่อเร็ว ๆ นี้นั้น ข้าพเจ้าจะไปปาฐกถาที่นั้นในวันที่ 2 ตุลาคมนี้แล้ว ยังกรณีของปากมูลและเขื่อนต่าง ๆที่คาราคาซังมาแต่รัฐบาลก่อน รวมถึงขบวนการกรรมกรและชาวนา ตลอดจนผู้ลี้ภัยต่าง ๆ ล้วนได้รับทารุณกรรมอย่างปราศจากการใยดีจากรัฐบาลทั้งสิ้น หาไม่ก็ปล่อยให้ข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นปู้ยี้ปู้ยำไพร่บ้านพลเมืองถึงกับมีการขู่เข็ญ แม้จนสังหาร หาไม่ก็ถูกอุ้ม หรือหายไปเฉย ๆ


ข้าพเจ้าจะไม่ขยายรายละเอียดเรื่องยุทธการยึดทรัพย์ประชาชนโดยอำนาจรัฐในที่นี้ เพราะจะมีผู้อื่นพูดได้ดีกว่า แต่นี่เป็นปัจจัยหลักประการหนึ่ง แห่งความเลวร้ายของรัฐบาลนี้ ที่ยิ่งใหญ่กว่ารัฐบาลก่อน ๆ ซึ่งโกงกินกันมาแทบทั้งสิ้น หากเทียบกันแล้ว นั่นมันระดับจุลภาค หากนี่เป็นระดับมหัพภาค


ขบวนการโกงกินนี้ขยายไปจนถึงกับเอาเงินแผ่นดินไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพียงเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ของบรรษัทตน โดยจะไม่ขอพูดถึงความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยของรัฐมนตรีบางคน เช่น รัฐมนตรีต่างประเทศ หากจะขอเอ่ยถึงตัวนายกรัฐมนตรีเอง เพียง 2-3 กรณี

-          การที่ใช้เงินไปอย่างมหาศาลในการจัดงาน  APEC   เพื่อให้ประธานาธิบดีสหรัฐมาร่วมด้วยในกรุงเทพฯ นั้น ประเทศชาติไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย ดังงาน APEC ก็เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปแล้ว ว่าเป็นงานคอกเทลปาร์ตี้ในระดับสากลเท่านั้นเอง แต่ไฉนรัฐบาลไทยจึงฉิบหายทรัพยากรไปอย่างเหลือเชื่อ แม้จนยอมส่งทหารไปอิรัก ทั้ง ๆที่นี่เป็นรัฐประศาสโนบายอันเลวร้ายที่สุด ดังจะขอกล่าวต่อไป ผลที่ได้จากบุชและ APEC ก็เพียงเพื่อแสดงสถานะและฉวยโอกาสในทางนานาชาติของบรรษัทข้ามชาติอย่างชินัตรและคณะเท่านั้นเอง

-          การติดต่ออย่างสยบยอมต่อจีน ก็เพียงเพื่อค้าขายให้บรรษัทเขา ยิ่งกว่าเพื่อศักดิ์ศรีของสยามและเป็นพุทธศาสนิกของราษฎรส่วนใหญ่ การไม่ให้ทะไลลามะเข้าประเทศนั้น ทักษิณและบริวารไม่รู้เลยหรือว่าเป็นการยอมทำตามจีนอย่างเชื่อง ๆ แม้จนจับคนสวีเดนที่ถือลัทธิฟูลองกอง ซึ่งเป็นการเอาใจรัฐบาลจีน ถึงขนาดขัดรัฐธรรมนูญไทย รัฐบาลจีนไม่เคยดูถูกรัฐบาลไทยเท่ารัฐบาลนี้ ดังรัฐบาลพม่าก็เช่นกัน

-          กรณีของพม่านั้น ก็ดุจดังจีน รัฐบาลนี้ไม่มีจุดยืนในการทางสิทธิมนุษยชนและในทางเสรีภาพของชนกลุ่มน้อยเอาเลย อย่างน้อยรัฐบาลก่อนยังกล้าให้ทะไลลามะเข้าเมืองไทย ทั้งยังใยดีกับอองซาน ซูจี และขบวนการประชาธิปไตยในพม่า โดยที่รัฐบาลนี้ร่วมมือกับรัฐบาลทหารพม่าอย่างสุด ๆ ทั้ง ๆ ที่นั่นมันฆาตกร ซึ่งเวลร้ายยิ่งกว่า รสช. ซึ่งพวกเราขับไล่ไปเมื่อปี พ.ศ. 2537 ทั้งทักษิณยังเอาเงินแผ่นดินไปให้รัฐบาลเผด็จการพม่ายืมอย่างมหาศาล นอกเหนือการเอางบประมาณแผ่นดินไปให้รัฐบาลทหารพม่าสร้างถนนอย่างสมัยใหม่ ซึ่งเท่ากับเป็นการให้เปล่า ทั้งนี้เพียงเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจการค้าของตน ดังมีบริษัทโทรศัพท์มือถือไทยที่ลูกชายเขาเป็นประธาน ร่วมมือกับบริษัทโทรศัพท์มือถือของพม่า ซึ่งลูกชายนายกรัฐมนตรีพม่าเป็นประธาน


ผลก็คือ ผู้มีอำนาจสูงสุดในพม่าปลดนายกรัฐมนตรีของเขาออกจากอำนาจแล้ว แม้จะยังมีตำแหน่งในทางราชการอยู่ก็ตาม โดยที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่านั้น ถูกไล่ออกตรง ๆ เอาเลย และประธานประเทศของพม่าพูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งว่าเขาไม่ไว้ไทย รังเกียจความฉ้อฉลของรัฐบาลไทย แล้วทำไมเราไม่ปลดรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและนายกรัฐมนตรีของไทยบ้างเล่า


นายกรัฐมนตรีคนนี้ ที่อ้างว่ามีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลนั้น แม้ที่จริง เขาเดินตามก้นระบบเศรษฐกิจและการเมืองกระแสหลักของสหรัฐ ซึ่งมียอช บุช เป็นแม่แบบ และเขาเองก็ต้องการเอาอย่างหลี กวน ยู ที่สิงคโปร์ และมหาธีร์ โมหะหมัด แห่งมาเลเซีย โดยเขาแลไม่เห็นเลยว่าสองประเทศเพื่อนบ้านนี้ ราษฎรหมดศักดิ์ศรีของความเป็นคน ปราศจากสิทธิมนุษยชนหรือเสรีภาพทางสื่อสารมวลชนด้วยประการทั้งปวง คนสิงคโปร์เป็นเพียงสัตว์เศรษฐกิจ ที่รวยได้ก็เพราะเป็นประเทศเล็ก และสามารถในการเอาเปรียบประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างชาญฉลาด ในขณะที่มาเลเซียนั้น มีคนยากไร้มากกว่าไทยเสียอีก แม้ดูทีท่าว่าจะดีกว่าไทยในทางเศรษฐกิจอย่างฉาบฉวยก็ตามที


นโยบายตามก้นสหรัฐ ที่ใช้วิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยใช้เงินและอำนาจนั้นเป็นอันตรายยิ่งโดยจะมีศตรูเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ก่อการร้ายก็จะขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ โดยที่ในสหรัฐเองประชาชนชาวเมืองและองค์การเอกชน รวมทั้งหน่วยงานทางศาสนาต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านยิ่ง ๆ ขึ้นทุกที แม้สื่อกระแสหลักจะไม่รายงานข่าวที่ว่านี้ก็ตามที ดังที่ทักษิณก็เอาอย่างสหรัฐ มาคุมสื่อสารมวลชนในเมืองไทยอย่างได้ผลในระยะสั้นมิใช่น้อย คือใช้เงินซื้อ และใช้อำนาจขู่ คล้าย ๆ สหรัฐนั้นแล


ขอย้ำว่านโยบายดังกล่าว ปราศจากความชอบธรรม ปราศจากศีลธรรม และไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนทางศาสนาและวัฒนธรรมของคนต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนาและวัฒนธรรม ย่อมเป็นอันตรายอย่างร้ายแรง ดังการแก้ไขปัญหาทางปัตตานีที่ใช้เงินซื้อ และใช้กำลังอาวุธนั้น จะเลวร้ายไปเรื่อย ๆ เมื่อไรรัฐบาลและข้าราชการ ตลอดจนคนในกระแสหลัก ยอมรับความเลวร้ายของเรา การกดขี่เหงชาวบ้านมลายูที่เป็นมุสลิมที่แล้ว ๆ มา ทั้งที่ปัตตานี สงขลา และจังหวัดอื่น ๆ แล้วยอมขออภัยเขา ยอมเปลี่ยนนโยบายกระแสหลัก โดยให้เกียรติและศักดิ์ศรีแก่ผู้คนในท้องถิ่นที่ต่างศาสนาและวัฒนธรรมกับเรารวมถึงความเป็นตัวเองของเขา นั่นแลจึงจะแก้ปัญหาได้


ความข้อนี้อาจารย์ปรีดี พนมยงค์เคยทำมาแล้วอย่างได้ผล กล่าวคือไม่แต่ชื่อของท่านรัฐบุรุษอาวุโสผู้นี้เท่านั้นที่สำคัญ นโยบายและคุณธรรมทางการเมืองของท่านก็สำคัญ อันควรนำเอากลับมาใช้ให้สมสมัย ซึ่งหมายถึงการเคารพบุคคลต่าง ๆ อย่างจุฬาราชมนตรีแช่ม พรหมยง และหะยี สุหลง อับดุลกาเตร์ วีรบุรุษแห่งสี่จังหวัดภาคใต้ด้วย โดยต้องกล้าละทิ้งวีรบุรุษปลอมอย่างสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และอนุสาวรีย์ของมันที่กลางจังหวัดขอนแก่นอีกด้วย โดยเอารูปสมเด็จพระอาสภมหาเถระขึ้นติดตั้งไว้แทน โดยที่ท่านผู้นี้ถูกจับสึกและขังคุกไว้ถึง 5 ปี ในขณะที่ท่านเป็นอธิบดีสงฆ์ของวัดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และเป็นนายกสภาวิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุด้วยเช่นกัน ท่านผู้นี้มีชาตกาลในจังหวัดขอนแก่น และเป็นวีรบุรุษแห่งภาคอีสาน เช่นเดียวกับนายเตียง สิริขัณฑ์ และอดีตรัฐมนตรีสี่คนแห่งภาคนั้น ที่ถูกสังหารไปก่อนหน้า ส.ธนะรัชต์ หากโดยเผ่า ศรียานนท์ ซึ่งก็มีอนุสาวรีย์อยู่ที่หน้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ชะรอย พ.ต.ท.ทักษิณจะถูกสะกดโดยแบบอย่างทางอธรรมจากฆาตกรเผ่า ศรียานนท์ มาแต่สมัยเป็นตำรวจมาแล้วก็ได้


ที่กล่าวมาแล้วว่านโยบายของทักษิณ ชินวัตรผิด ใช่ไม่ว่าพรรคไทยรักไทยผิด เพราะพรรคนี้ไม่มีอุดมการณ์ทางการเมือง หากสมาชิกพรรครวมถึงรัฐมนตรีต่าง ๆ เป็นเพียงข้าทาสหรือบริวารของทักษิณและพจมาน ชินวัตร ซึ่งชี้ชะตากรรมของพรรคและของบ้านเมือง เพื่อประโยชน์ในทางธุรกิจการค้า ซึ่งมีอำนาจเหนือการเมือง เขาทำทุกอย่างเพื่อลิดรอนวัฒนธรรมพื้นบ้าน แม้จนการเกษตรซึ่งเป็นหัวใจของเรา เขาก็อุดหนุน GMO หรือการใช้ของเทียม ของปลอม เพื่อประโยชน์ของบริษัทพวกเขา เช่นเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีลูกเขยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อยู่ภายใต้ทักษิณ ที่สุดจนเรื่องไข้หวัดนกที่เบียดเบียนไก่แล้วขยายไปถึงคน เราก็ต้องไม่ลืมว่าบรรษัทเจริญโภคภัณฑ์คุมธุรกิจการด้านนี้อย่างผิดมนุษยธรรมและสัตวธรรมมานานเท่าไรแล้ว จะให้ทักษิณไปอุดหนุนชาวบ้านที่เลี้ยงไก่บ้านเป็นไปได้หรือ เวลาทักษิณกินไก่ แม้จะอย่างหลอก ๆ ทำไมจึงไปกินที่ KFC ซึ่งทางสหรัฐห้ามใช้คำว่า Kentucky Fried Chicken อีกต่อไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะนั่นมันไก่ผีดิบ


การเบียดเบียนบีฑาราษฎรและองค์กรพัฒนาเอกชนนั้นไม่มีการยั้งมือ ยังสิ่งที่อ้างว่าการกำจัดยาบ้านั้นเล่า ก็คือวิธีการฆาตกรรม ซึ่งเลวร้ายกว่าสมัยเผ่า ศรียานนท์ เสียอีก


ใครวิพากวิจารณ์รัฐบาล ย่อมถูกหัวหน้ารัฐบาลตอบโต้ด้วยถ้อยคำอันรุนแรง ทั้งยังตามอาฆาตมาดร้ายด้วย แม้จนคนอย่างนายแพทย์ประเวศ วะสี และนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รวมถึงนายจำลอง ศรีเมือง ก็โดนกลั่นแกล้ง มิใยต้องเอ่ยถึงนายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิต นี่ไม่ใช่เรื่องล้างแค้นของนายปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์เท่านั้น หากนายทักษิณมีกึ๋นพอ ย่อมห้ามทัพไว้ได้ ดังที่ห้ามทัพนายเนวิน ชิดชอบในเร็ว ๆ นี้


คณะหรือบริวารของเขายังรังแกและลดทอนอำนาจของข้าราชการประจำในทุกกระทรวงทบวงกรม ดังกระทรวงการต่างประเทศนั้น ต่อไปจะมีแต่กระเทยและขันทีที่เป็นใหญ่ ยังกระทรวงอื่น ๆ ก็จะมีแต่มิจฉาชีพและคนที่ปราศจากกึ๋นหรือกระดูกสันหลังเท่านั้น ที่จะไต่เต้าไปเอาดีได้ในทางราชการ พวกข้าราชการ  CEO ที่ว่านั้นคือลูกสมุนของเขาแทบทั้งสิ้น


นี่ไม่ใช่แต่เผด็จการรัฐสภาซึ่งถึงวุฒิสภาด้วย หากเผด็จการทางด้านบริหารอีกด้วยโดยก้าวก่ายไปในระบบราชการ รวมถึงก้าวก่ายไปยังสื่อสารมวลชนกระแสหลักเกือบทั้งหมด


นอกจากซื้อและข่มขู่แล้ว สื่อกระแสหลักก็อุดหนุนแต่การพนันขันต่อ Talk show และละครน้ำเน่าต่าง ซึ่งประเทืองกิน กาม เกียรติ และอุดหนุนความรุนแรงและความขี้ฉ้อตอแหลอย่างแยบยลต่าง ๆ ทั้งนี้ รวมถึงสิ่งซึ่งรวมเรียกว่า Entertainment Complex อีกด้วย ความข้อหลังนี้ข้าพเจ้าพูดไว้แล้วในเรื่อง “ผลกระทบนโยบายศูนย์บันเทิงครบวงจรของรัฐบาลทักษิณต่อการพัฒนาแก้ไขปัญหาความยากจน – จากมุมมองทางจริยธรรม” ซึ่งมีตีพิมพ์อยู่ใน เสขิยธรม ฉบับกรกฎาคม-กันยายน 2547 มาแล้ว ทั้งนี้โดยไม่ขอเอ่ยถึงหวยบนดินซึ่งมีความถ่***รวมอยู่ด้วยมากน้อยกว่าหวยใต้ดินเพียงไร


--2—

พวกเราในขบวนการพัฒนาของฝ่ายเอกชนได้ร่วมมือกันแทบทุกระดับ และแทบทั้งราชอาณาจักร จนผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาได้ในปี 2540 ซึ่งถือได้ว่าดีมาก อย่างเป็นประชาธิปไตยค่อนข้างมาก และมีการคานอำนาจรัฐอย่างน่าสังเกต ไม่ว่าจะวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและผู้ตรวจการรัฐสภา ยังคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารที่มีมาก่อนรัฐธรรมนูญอีกด้วย


แล้วเหตุไฉนองคาพยพเหล่านี้จึงมักไม่ทำงาน ผู้ตรวจการรัฐสภาควรมีสถานะไม่แพ้เปาบุ้นจิ้น แต่ก็กลายเป็นสากกะเบือไป ยังศาลรัฐธรรมนูญก็มีสมาชิกที่เป็นเบื้อหรือเป็นมารรวมอยู่ด้วยไม่น้อย ดังกรณีที่ข้าพเจ้าขอให้ศาลนี้มีวินิจฉัยว่ากฎหมาย ปตท. ที่ใช้จับข้าพเจ้าผู้เข้าไปขวางท่อแก๊ซไทย – พม่า ที่เมืองกาญจน์ว่าเป็นโมฆะนั้น พยานปากเอกของข้าพเจ้าคือนายคณิต ณ นคร รองประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ อดีตอัยการสูงสุดและหมอกฎหมายจากเยอรมัน ซึ่งให้ถ้อยคำอย่างมีน้ำหนักมาก หากศาลไม่เอ่ยถึงเลย แล้วลงมติเป็นเอกฉันท์ว่ากฎหมายดังกล่าวไม่ขัดรัฐธรรมนูญ โดยไม่ให้เหตุผลใด ๆ ยังคำตัดสินก็มั่วชั่วเลวร้าย ดังกรณีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ศาลรัฐธรรมนูญก็ลงมติถอดถอนได้ง่าย ๆ อย่างปราศจากมโนธรรมสำนึกเอาเลย


ส่วนคณะกรรมการที่ควรกล้าเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของทางราชการนั้น ตั้งแต่รัฐบาลชวน หลีกภัยถีบนายสุรสีห์ โกศลนาวินออกไปแล้ว สำนักนายกรัฐมนตรีก็ใช้สำนักงานดังกล่าวปิดข้อมูลข่าวสารอันเลวร้ายต่าง ๆ ของทางราชการแทบทั้งนั้น ที่ว่ารัฐบาลรู้อะไรประชาชนต้องรู้เช่นกัน ก็เลยเป็นวลีที่หลอกลวงประชาชน ดังที่ทักษิณทำเช่นนี้อยู่ทุกวันเสาร์นั้นแล


ทักษิณรู้ดีว่า เขาใช้เงินกับอำนาจซื้อหรือทำให้คนในสถาบันสยบยอมกับเขาได้ เขาเข้าไปก้าวก่ายแม้จนวุฒิสภา นับว่านี้เป็นอันตรายยิ่งนัก


ที่ร้ายยิ่งกว่านี้ ก็ตรงที่รัฐบาลนี้หนุนอย่างลับ ๆ กับพวกธรรมกาย ซึ่งเป็นสัทธรรมปฏิรูปที่เลวร้ายที่สุด ดังภรรยาเลขาธิการพรรคไทยรักไทยทำบุญไปกับธรรมกายนี้ไม่รู้ว่ากี่ล้านต่อกี่ล้าน นี่เป็นเพียงตัวเลขที่เปิดเผย รัฐบาลนี้ไม่สนใจใยดีกับพระดีที่ปฏิบัติชอบหากอุดหนุนอรหันต์ปลอม ให้ออกมาโจมตีมหาเถรสมาคม พร้อม ๆ กับการเชียร์รัฐบาลอย่างหน้าด้าน ๆ ใครอยากทราบความข้อนี้ ขอให้อ่าน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับนี้ คือฉบับวันที่ 24 สิงหาคม – 3 กันยายน 2547


ทั้ง ๆ ที่ทักษิณออกมาปรามพระไม่ให้เทศน์ทางการเมือง ถ้าพระองค์ใดเทศน์เตือนสติรัฐบาล ให้ห่างออกอบายมุข ให้ห่างจากมุสาวาท ให้ห่างจากผรุสวาท ให้ห่างจากความรุนแรง หากให้ใช้สติวิจารณญาณ รัฐบาลตอบโต้และรังควาน พระที่ชักชวนให้คนส่งไปรษณียบัตรเป็นแสน ๆ ฉบับสนับสนุนรัฐบาลและเทศน์ 13 ข้อ “อุ้ม” รัฐบาล ถือว่านั่นไม่ใช่การเมือง เคยพิจารณากันบ้างไหมว่านี่มันอรหันต์ปลอมหรือไม่ ถ้าหลวงตาบัวแห่งอุดรธานีอุ้มทักษิณได้ หลวงตาปั่นแห่งนนทบุรีก็อุ้มชวน หลีกภัยได้ ใช่ไหม การที่รัฐบาลยอมให้มีสภาพเช่นนี้เกิดขึ้นในวงการคณะสงฆ์ แม้จนแอบอุดหนุนเกจิอาจารย์รูปใดอย่างลับ ๆ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองในระยะสั้นของตน นั่นคือการทำลายพระศาสนาโดยแท้


การที่ทักษิณปู้ยี้ปู้ยำพระพุทธศาสนา รวมถึงศาสนาอิสลามนั้น ยังไม่เลวร้ายเท่ากรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยที่พระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงราชประสงค์ไว้ชัดเจนในเรื่องเศรษฐกิจแบบพอเพียง หากทักษิณเน้นในเรื่องเศรษฐกิจแบบเกินตัว แบบฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย แบบโลกาภิวัตน์ และใช่แต่เท่านั้น ตั้งแต่มีรัฐบาลมา พระราชาไม่เคยตรัสตรง ๆกับประชาชนเลยว่ารัฐบาลโกงกินประชาชนถึงขนาดรัฐบาลนี้ ดังนายสุเมธ ตันติเวชกุล ผู้รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ออกมาแสดงทัศนะอย่างชัดเจนถึงความทุจริตของรัฐบาลนี้ และนี่เป็นพียงผิว ๆ เพราะรัฐบาลนี้โกงกินยิ่งกว่าที่นายสุเมธพูดอีกเป็นไหน ๆ ดังคนอื่น ๆ คงจะบรรยายต่อไปถึงยุทธการยึดทรัพย์ประชาชนโดยอำนาจรัฐ


ก็ระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ต้องฟ้งองค์พระประมุข ซึ่งทรงมีสิทธิในการเตือนรัฐบาล ในการห้ามปรามรัฐบาล และในการสนับสนุนรัฐบาล นี่เขาไม่เคยฟัง หรือแสร้งทำทีท่าว่าฟัง แต่ไม่ทำตาม แม้จนการเสนอร่างพระราชบัญญัติขึ้นไปให้ทรงลงพระปรมาภิไธย แล้วถูกตีกลับลงมานั้น ถ้าเป็นรัฐบาลที่ประกอบไปด้วยจิตสำนึกในทางคุณธรรม ย่อมลาออกไปแล้ว หากนี่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน โทษกันไปโทษกันมา


ที่ร้ายยิ่งกว่านี้ก็ตรงที่การไม่สำรวมวาจา ที่แสดงออกมาเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ เช่นว่า ถ้ารัชกาลที่ 9 ไม่โปรด รัชกาลที่ 10 ก็โปรด นี่ไม่เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพดอกหรือ แต่ไม่มีสื่อมวลชนรายงานความข้อนี้ออกมาให้ปรากฏ แต่อย่าลืมนะว่าหน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง


ยังการซื้อเรือบินล่าสุด ที่ทันสมัยที่สุด ด้วยราคาที่แพงอย่างสุด ๆ นั้น ทำไมไม่ถวายให้เป็นพระราชพาหนะ เพื่อแสดงพระบรมเดชานุภาพ หากเอามาเป็นของนายกรัฐมนตรี นี่ไม่เป็นการแข่งพระบารมีดอกหรือ ก็บริษัทพวกตัวมีรายได้มหาศาล ทำไมมาใช้เงินแผ่นดิน เพื่อแสดงอัครฐานของตนเช่นนี้เล่า


อนึ่ง ขอให้ดูรูปโปสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดไว้ตามที่ต่าง ๆ นั้น ว่านั่นเขาทำตนดังกับพระราชาหรือมิใช่


สำหรับข้าพเจ้าเองนั้น ไม่เห็นทางอื่นอีกแล้ว นอกเสียจากว่าต้องช่วยกันทุ่มทักษิณลงจากอำนาจให้ได้ เมื่อจำลอง ศรีเมืองเป็นขวัญใจประชาชนนั้น พรรคพลังธรรมก็ขึ้นเร็ว จนมีมารมาอยู่ด้วยมาก รวมทั้งคนที่ชื่อทักษิณ ชินวัตรด้วย และแล้วพรรคนั้นปลาสนาการไปเร็ว พรรคไทยรักไทยก็เช่นกัน แม้พรรคนี้จะมีเงินและอำนาจอันฉ้อฉลมาก แต่ก็หาพ้นความเป็นอนิจจังของสังคมไปได้ไม่


แล้วเราจะร่วมกันเอาทักษิณออกจากอำนาจได้อย่างไร ในเมื่อเขาใช้โครงสร้างทางกลไกแห่งรัฐ โดยมีธนาธิปไตยเป็นหลัก เราก็ต้องต่อสู้กับเขาด้วยกลไกทางสังคม ซึ่งธรรมาธิปไตยเป็นหลัก เขาใช้ความเท็จ เราใช้ความจริง เขาใช้ความรุนแรง เราใช้สันติวิธี เขาคุมสื่อกระแสหลัก เราใช้สื่อทางเลือก อย่างที่วุฒิสมาชิก จอน อึ้งภาภรณ์ เริ่มนิตยสารขึ้นแล้วทางอินเตอร์เน็ต โดยเราต้องไม่ลืมว่าสมัยรัฐบาลหอยของธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่รัฐบาลไทยเป็นจอมเผด็จการอย่างสุด ๆ นั้น เราก็มีมิตรไทยเป็นนิตยสารที่เน้นไปทางสัจจะและเสรีประชาธิปไตย ตีพิมพ์ที่ในกรุงลอนดอน แล้วไม่รัฐบาลหอยก็หลุดลอยจากกระดองไป


สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ก็เป็นอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามาก หากโรงเรียนต่าง ๆ รวมทั้งราชภัฎต่าง ๆ ทางภาคอีสานรวมตัวกันปลุกระดมครูอาจารย์ให้เห็นคุร๕่าของสัจจะและประชาธิปไตย ด้วยการต่อต้านทักษิณกันไปทุกสถาบันการศึกษา และขยายจากโรงเรียนและวิทยาลัยออกไปยังประชาคม และขยายไปยังภาคอื่น ๆ นี้แลคือการนำเอาธรรมะและสัจจะกลับมา


สมชาย หอมละออ ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนกับนานาชาติ น่าจะขยายเครือข่ายออกไปในทางสันติประชาธรรม อย่างเป็นรูปธรรม อย่าลืมว่าสมัยนี้เครือข่ายขององค์กรเอกชนในระดับนานาชาตินั้นสำคัญยิ่งนัก


รัฐบาลนี้ยังหลงอยู่กับปัญหานานาชาติที่เป็นของปลอม และมองเห็นของปลอมว่าเป็นของจริง แม้คนอย่างรัฐมนตรีต่างประเทศในเวลานี้ คือคนที่เลงที่สำหรับกระทรวงนั้น จำเดิมแต่กระทรวงต่างประเทศมา เขายังนึกว่าจะมีโอกาสเป็นเลขาธิการองค์การสหประชาชาติได้


พระและโต๊ะครู ที่ถูกรัฐบาลนี้เอาเปรียบมา น่าจะหาทางรวมตัวกันหรือแยกกันสวดมนต์ภาวนา ไล่จั*** ไล่อัปรีย์ และปลุกมโนธรรม สำนึกของศาสนิกให้อยู่ในทางธรรม ต่อต้านอธรรม โดยเฉพาะพระที่ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานคนจนนั้นต้องหันเข้าหากำพืดเดิม เลิกดัดจริตดีดดิ้นด้วยการเอาอย่างระบบศักดินาธิปไตย


บำรุง คะโยธาและคณะ ต้องหาทางรวมสมัชชาคนจนให้ได้ อย่าให้รัฐบาลใช้เงินมาซื้อพวกเรา ต้องเข้าใจว่าเขาใช้วิธี Divide and Rule หากเราต้องรวมพลังกันที่รากหญ้าให้ได้ โดยมีวิถีชีวิตแบบไทย หากโยงใยไปยังกรรมกรและชาวนาในระดับสากล นี่จะเป็นพลังที่สำคัญยิ่ง


รสนา โตสิตระกูลและคณะ ต้องไม่แต่ต่อต้านคอร์รัปชั่นที่มีการโกงกินกันเท่านั้น หากต้องรวมกันต่อต้านความฉ้อฉลในทุก ๆ ทางอย่างเป็นรูปธรรม หากรวมกันทำในระดับต่าง ๆ อย่างได้ผล พลังสตรีนี้จะเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญนัก


พิภพ ธงไชยและพลพรรค ก็อย่ามัวไปคิดตั้งพรรคการเมืองทางเลือก หากควรหาโยงใยนักธุรกิจให้มาเข้าใจปัญหาของประชาธิปไตยผนวกกับพลังประชาชน แล้วร่วมกันโค่นล้มทักษิณ ชินวัตรอย่างฉับไว


ที่สำคัญยิ่งกว่านี้ ก็ควรที่ต้องรวมกำลังคนที่จงรักภักดีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาด อย่าให้รัฐบาลอุบาทว์ลดทอนพระบรมเดชานุภาพลงไปในทุก ๆทาง ทั้งนี้หมายความว่าขบวนการทางเศรษฐกิจที่อยู่ใต้ฉายาของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมากษัตริย์ต้องแลเห็นให้ชัดถึงบริษัทคู่แข่งในทางอธรรมอย่างพวกชินวัตร โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็ต้องยืนหยัดอยู่ข้างไพร่บ้านพลเมือง ไม่ไล่ที่ราษฎรดังกับหมูหมากาไก่ ในนามของการพัฒนา เพื่อให้ผลประโยชน์แต่กับพ่อค้าหรือนักธุรกิจที่ร่ำรวยเท่านั้น นี้แลจะรวมน้ำใจของราษฎรไทยในทุกระดับ ให้จงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอย่างแท้จริง เพื่อผนึกกำลังเอาชนะมาร คือหัวหน้ารัฐบาลปัจจุบัน


อนึ่งพวกที่เคยอยู่ในป่านั้น เว้นพวกที่กลายไปเป็นลูกสมุนของทักษิณเสียแล้ว แม้หลายจะปรับตัวเข้ากับระบบทุนนิยมไป แต่จิตใจที่รักความยุติธรรมทางสังคมยังมีอยู่ ยังพวกอดีตหมอเท้าเปล่าก็ยังมีอยู่ตามชนบทต่าง ๆ ถ้าหาทางรวมตัวกัน โยงใยถึงกัน ปลุกระดมชาวไร่ชาวนาให้เห็นโทษของการซื้อเสียง และการโฆษณาชวนเชื่อของทักษิณและคณะประชาราษฎร น่าจะตื่นขึ้นไดภายในไม่ช้าจากการมอมเมาต่างๆ ยังคนไทยในต่างประเทศก็ควรโยงใยถึงกันเพื่อรู้เท่าทันทักษิณยิ่งกว่าที่แล้ว ๆ มา


ถ้าทำตามข้อเสนอดังที่ว่านี้ และทำได้ยิ่งไปกว่านี้ จำสำเร็จแน่ ๆ แต่ต้องทำให้เป็นรูปธรรม นี้แลที่จะสกัดทักษิณ ชินวัตรกับพวกเปรตและอสุรกายที่รอบตัวเขาไว้ได้ ไม่ให้ได้ดำรงคงอำนาจไว้ ในการยึดทรัพย์ประชาชนไปโดยอำนาจรัฐ แล้วเอาไปเข้ากระเป๋าพวกเขา


เราเคยไล่ถนอม – ประภาส – ณรงค์มาแล้ว แม้พวกของมันจะหวนกลับมากัดเราอย่างเจ็บแสบในอีกสามปีให้หลัง และเราก็เคยไล่สุจินดา คราประยูรมาแล้ว เมื่อไม่นานมานี้เอง โดยไม่ต้องเอ่ยถึงการไล่เปรม ติณสูลานนท์ก่อนหน้านั้น แล้วทำไมเราจะไล่ทักษิณ ชินวัตรไม่ได้ ถ้าเรามีจิตใจมุ่งมั่น โดยรวมพลังกันอย่างสันติ และอย่างแยบคาย ถ้าเรามีความเห็นแก่ตัวน้อยลงไปเพียงไร ไม่หวังความยิ่งใหญ่ให้เราและพวกของเรา หากรับใช้มหาชน (ไม่ใช่พรรคนั้นนะ) และความถูกต้องดีงาม เราย่อมเข้าถึงสันติประชาธรรมได้โดยแท้

--จบ---
 

http://www.khunnamob.org/board/note.php?ref=nfjiTEkm
   
 
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
คuสงขลาเกลียดเปรม
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13


« ตอบ #31 เมื่อ: 09-11-2007, 17:19 »




(ย้ำ*)...คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ ของผม
กระทำการ  " คอรัปชั่นเชิงนโยบาย " 
อันใหญ่หลวง....!!!!

เพราะมีการนำเงินภาษีประชาชน
คนยากคนจน ในจำนวน 42.6 ล้านบาท
มาทำการวิจัยเรื่อง...."ประชาธิปไตย"

[รศ.ใจ อึ้งภากรณ์ กล่าว :] 


   อ่านฉบับเต็ม :
บทความ ใจ อึ๊งภากรณ์ : คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย
http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=10008&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai


สรุปว่า : อ.ใจ อึ๊งภากรณ์ :
ประจานพฤติกรรมสามานย์
ของ อ.จุฬาฯ  คิคิคิ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2007, 18:26 โดย คuสงขลาเกลียดเปรม » บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #32 เมื่อ: 09-11-2007, 17:40 »




ใจมีสาวก ที่ใช้การอะไรมิได้มากมาย

ไม่ต่างจากตัวของใจเอง


  
บันทึกการเข้า

ล่างฟานหวิน
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 104


ส่องอินเตอร์เน็ต


เว็บไซต์
« ตอบ #33 เมื่อ: 13-12-2007, 00:51 »

คuสงขลาเกลียดเปรม   

แค่เห็น ชื่อ คนโพสน์ อยาก เตะ แบน มันซิบ

แต่ไม่มีอำนาจ 

วันนี้ ผมดู ข่าว เห็น คุณจอหน์ ให้ สัมภาษณ์ ว่า " เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ปีนรั้ว รัฐสภา มาประท้วง ทั้งที่ เคยเป็นที่ทำงานของผมเอง "

เรื่องนี้ผมไม่รู้ รายละเอียด แต่ดู ตามข่าว ไม่น่าจะประท้วง ต้องถูก ขนาดไล่ จับกันวุ่นวาย
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/fangyaivee/

 
" ไม่มีที่อยู่ สำหรับคนอ่อนแอ "
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #34 เมื่อ: 26-01-2008, 13:35 »



10 แกนนำบุกสภามอบตัว! แจ้ง 5 ข้อหาฉกรรจ์ 
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000008735
 
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 22 มกราคม 2551 11:52 น.
 
 
 
 
 
จอน อึ๊งภากรณ์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=886105

 
มีม็อบมาให้กำลังเพียบ
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=886106

 
ม็อบให้กำลังใจ บริเวณหน้าบช.น.
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=886107

 

 
 
 
  ม็อบให้กำลังใจ “10 แกนนำ “ แนวร่วมภาคประชาชนบุก บช.น.ปราศัยหน้าทางเข้า ยืนยันปีนรั้วรัฐสภายุติบทบาท สนช. ทำเพื่อประเทศชาติ พร้อมมอบดอกกุหลาบแดง 10 แกนนำแนวร่วมภาคประชาชน ปีนรั้วบุกสภา ตบเท้ามอบตัวรับทราบ 5 ข้อหาฉกรรจ์ ออกโรงแถลงการณ์ “ตำรวจกลั่นแกล้งไม่มีความชอบธรรม” ประกาศกร้าวเคลื่อนพลบุก สตช. พบ “เสรีพิศุทธ์” ยกเลิกดำเนินคดี “จอน อึ๊งภากรณ์” พร้อมพวก ด้านทนายส่วนตัวแนะให้ปากคำเฉพาะประวัติส่วนตัว โบ้ยไม่พูดถึงพฤติการณ์ทางคดีรอให้การในชั้นศาล
       
       วันนี้ (22 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระหว่างรอการเข้ามอบตัวของ 10 แกนนำแนวร่วมภาคประชาชนที่ปลุกระดมสั่งการให้กลุ่มผู้ชุมนุมปีนรั้วบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาขัดขวางการพิจารณากฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ภายหลังคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงนครบาลได้รวบรวมพยานหลักฐานในความผิดชัดเจนนำไปสู่การออกหมายเรียก “นายจอน อึ๊งภากรณ์ “ ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) พร้อมพวก 10 คนมาสอบปากคำแจ้งข้อกล่าวหาว่า พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.ในฐานะประธานคณะทำงานด้านการสอบสวนพร้อมทีมงานได้จัดเตรียมสถานที่ไว้พร้อมแล้วสำหรับการสอบปากคำโดยใช้ห้องประชุมชั้น 2 อาคารกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีการติดตั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไว้พร้อมเพรียง ขณะเดียวกัน ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ไว้ 1 กองร้อย 150 นายดูแลความสงบเรียบร้อยจัดระเบียบกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาให้กำลังใจให้อยู่ในขอบเขตที่วางไว้
       
       โดยบรรยากาศบริเวณหน้าประตูทางเข้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลมีบรรดาผู้ชุมนุมทยอยกันเดินทางมาปักหลักพร้อมโบกธงสัญลักษณ์ไปมาและปราศรัยถึงบทบาทหน้าที่และการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาว่า ทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองแต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกลั่นแกล้งรังแก
       
       ต่อมาแกนนำกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรีพร้อมด้วยคณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชน สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ สภาเครือข่ายองค์กรณ์ประชาชนแห่งประเทศไทย เครือข่ายสลัม 4 ภาค และสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยุติการดำเนินคดีเอาผิดกับ 10 แกนนำที่ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนจากเหตุการณ์การชุมนุมปืนรั้วบุกเข้าไปในในอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าการออกหมายเรียกและดำเนินคดีกล่าวโทษของตำรวจนครบาลต่อบุคคลทั้ง 10 คน ประกอบด้วย นายจอน อึ๊งภากรณ์ นายไพโรจน์ พลเพชร นายศิริชัย ไม้งาม นายสาวิทย์ แก้วหวาน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง นายอำนาจ พละมี นายนัชเซอร์ ยีหมะ นายอนิรุตน์ ชาวสนิท และนายพิชิต ชัยมงคล นั้นไม่มีความชอบธรรมทั้งที่ทั้งหมดเสียสละเพื่อประเทศชาติ แต่ถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองออกหมายเรียกแจ้งข้อหาฉกรรจ์
       
       ทั้งที่เป็นการชุมนุมที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตยในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนพยายามหยุดยั้งไม่ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติออกกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างรุนแรงไม่ต่างจากการก่ออาชญากรรมต่อความเป็นมนุษย์ ฉะนั้น แกนนำทั้ง 10 คนไม่ใช่ผู้กระทำความผิดจึงไม่จำเป็นต้องรับโทษ
       
       ต่อมาเวลา 10.00 น. แกนนำผู้ชุมนุมทั้ง 10 คนเดินทางมาถึงได้พบปะพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่รออยู่ด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมทำพิธีมอบดอกกุหลาบสีแดงให้กำลังใจและร่วมกันร้องเพลงปลุกใจให้ร่วมกันฟันฝ่าไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคปัญหาต่างๆ และตะโกนร้องไชโยๆ สู้ๆๆ จากนั้นนายจอนพร้อมแกนนำรวม 10 คนที่ถูกออกหมายเรียกและกองเชียร์อีก 10 คนได้เดินเข้ามาในอาคารกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อมอบตัวให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก โดยทุกคนมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส โดย พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต รอง ผบช.น. รักษาการ ผบก.น.1 ทำหน้าที่อำนวยการดูแลความสงบเรียบร้อยได้ขอร้องให้ผู้ชุมนุมที่เหลืออยู่รอการสอบปากคำอยู่บริเวณด้านนอกอย่างสงบ โดยให้งดใช้เครื่องขยายเสียงอย่างเด็ดขาด ซึ่งผู้ชุมนุมต่างให้ความร่วมมือดี
       
       ด้าน นายนิติพร ล้ำเหลือ ทนายความ 10 แกนนำผู้ชุมนุม กล่าวว่า นายจอนพร้อมพวกที่ถูกหมายเรียกพร้อมให้ปากคำในรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวทั้งหมดตามที่พนักงานสอบสวนจะซักถาม ส่วนพฤติการณ์ทางคดีตามข้อกล่าวหาต่างๆ นั้นผู้ถูกกล่าวหาจะไม่ขอพูดถึงและจะขอให้การในชั้นศาลภายหลัง
       
       น.ส.วิไล แซ่เตีย ประธานคณะกรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า หลังจากเสร็จสิ้นการสอบปากคำแล้วกลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. เรียกร้องให้พิจารณาทบทวนยกเลิกข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนตำรวจนครบาลทั้งหมดเนื่องจากไม่มีความชอบธรรม และหากมีการดำเนินคดีถึงที่สุดแล้วนั้นผู้นำองค์กรดังกล่าวจะได้รับโทษติดคุกเป็นเวลาหลายปีและจะมีผลกระทบต่อองค์กรและสังคมตามมาในภายหลัง
       
       ต่อมา พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมภาคประชาชนปีนรั้วบุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐสภายุติบทบาทการพิจารณากฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ระดมทีมมพนักงานสอบสวนจาก สน.ดุสิต สน.สามเสน และ สน.พื้นที่ บก.น.1 รวม 20 นายแยกสอบปากคำนายจอน อึ้งภากรณ์ พร้อมพวกรวม 10 คน ดำเนินคดี 5 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันบุกรุกตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย 2.มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และไม่ยอมเลิกกระทำเมื่อพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำ 3.ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องไม่กระทำการหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น 4.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย 5.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ท่ามกลางบรรยากาศที่เคร่งเครียดโดยตั้งโต๊ะเรียงรายแยกสอบปากคำโดยรอบ
       และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพในเบื้องต้นเท่านั้น
       
       พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ตรวจความเรียบร้อยการสอบสวนพร้อมชี้แจงกับ 10 แกนนำผู้ชุมนุมว่า ตำรวจทุกนายมีหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบ ตนเองเข้าใจดีว่าผู้ที่ถูกดำเนินคดีครั้งนี้ทั้งหมดนั้นมีความหวังดีต่อประเทศชาติ และต้องเข้าใจว่าตำรวจทำตามกฎหมายทำตามหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในสังคม ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร พร้อมยืนยันให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานที่หลักฐานที่ปรากฏ ใครถูกผิดก็ว่าไปตามนั้น
       
       ด้าน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ซึ่งเดินทางมาควบคุมการปฏิบัติหน้าที่สอบสวนของคณะทำงานสอบสวนนครบาล กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว จากการสอบสวนเบื้องต้นทุกคนให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำความผิดและขอยื่นเรื่องให้การเพิ่มเติมถัดไปอีก 15 วันซึ่งพนักงานสอบสวนก็อนุมัติ ส่วนจะมีการสั่งฟ้องใครหรือไม่นั้นต้องพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และต้องสอบสวนไปก่อนในชั้นนี้ยังไม่มีการเชื่อมโยงไปถึงบุลคคลอื่น ส่วนจะมีการดำเนินคดีกับบุคคลอื่นหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา
       
       ขณะที่ นายจอน อึ๊งภากรณ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) กล่าวว่า เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำลงไปถือเป็นการกระทำที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญและไม่ได้เป็นการทำร้ายใครทำโดยสิทธิตามกฎหมาย และเข้าใจการทำงานของตำรวจดีที่ตำรวจต้องทำตามหน้าที่ และขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเพราะพวกเราทั้งหมดไม่มีเจตนาทำความผิดตามข้อกล่าวหาทั้ง 5 ข้อหานั้น แต่สิ่งที่ทำไปเพื่อปกป้องประโยชน์ของสังคมและประเทศชาติโดยรวม
 
 
 
 
 
 
บันทึกการเข้า

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #35 เมื่อ: 27-04-2008, 23:13 »

 " อยากให้เป็นระบอบประชาธิปไตยมากกว่านี้ เพราะทุกวันนี้โลกต้องแข่งขันทางปัญญา


ถ้าโลกไม่เป็นประชาธิปไตย จะทำให้คนในชาติด้อยปัญญาไปด้วย

จึงจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเสียก่อน เพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยและประเทศ
"


พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0102270451&day=2008-04-27&sectionid=0101


ผมขอฟันธงว่าคุณทักษิณไม่ใช่ผู้ที่มีความชัดเจนในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ไม่ใช่ผู้ที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนตามเจตนาของรัฐธรรมนูญ และไม่ใช่ผู้ที่ให้ความสำคัญนักกับสิทธิมนุษยชนหรือแม้แต่หลักนิติธรรมขั้นพื้นฐาน ลึกๆ แล้วผมคิดว่าเขาคงไม่เห็นด้วยกับหลักการสำคัญบางส่วนของรัฐธรรมนูญ แต่บังเอิญเขาได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ว่าจะปฏิบัติตามและรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ.....

'จอน อึ้งภากรณ์'


อ่านคำให้สัมภาษณ์ของ'นักรักประชาธิปไตยแม๊วๆ'
และอ่านความคิดเห็นของอาจารย์จอน อึ้งภาภรณ์......

ใช้ดุลยพินิจ พิจารณาเอาเองเถอะครับ
เว้นแต่คุณจะเป็นพวก'นักรักประชาธิปไตยแม๊ว ๆ' และ อยากจะได้'พ่อแม๊ว' บ้าง.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2008, 23:15 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #36 เมื่อ: 29-04-2008, 11:09 »

'จอน'อัด'สมัคร-เฉลิม'ส่งสัญญาณให้ท้ายม็อบเหิมเกริม
 
28 เมษายน พ.ศ. 2551 20:20:00
 
 
จอน อึ๊งภากรณ์
 
อดีตส.ว.กรุงเทพฯ ชี้2ผู้นำรัฐบาลส่งสัญญาณไฟเขียวม็อบหนุนแก้รธน. ชี้ส่อเจตนาป่วนเมืองชัด สังคมถามใครอยู่เบื้องหลัง อัดอ้างแก้ให้เป็นประชาธิปไตยแต่กระบวนการผลักดันสวนทาง

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ที่รัฐสภา นายจอน อึ้งภากรณ์ อดีตประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน(กป.อพช.) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง กล่าวถึงการชุมของกลุ่มต่อต้านและสนับสนุนรัฐบาล ว่าการชุมนุมทางการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พปป.) และกลุ่มที่ต่อต้านถือว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่การที่ฝ่ายหนึ่งชุมนุมอยู่ในหอประชุม แต่อีกฝ่ายจ่ออยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าออก ทำให้เห็นว่ามีพฤติกรรมส่อเจตนายั่วยุจะให้เกิดความรุนแรง

เห็นได้ชัดจากการชุมนุมก่อนหน้านี้ ฝ่ายพันธมิตรฯออกประตูผิดฝั่งปรากฎว่าถูกซ้อม พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นผู้ชุมนุมที่มีความเชื่อในประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แม้ว่าทั้งสองฝ่ายมีสิทธิจะชุมนุมแต่ไม่มีสิทธิที่จะบุกไปทำร้ายกลุ่มที่ชุมนุมโดยสงบ ฝ่ายใดที่ริเริ่มที่จะใช้ความรุนแรงถือว่ามีความผิด ตำรวจมีความชอบธรรมที่จะจัดการอย่างเด็ดขาด 

นายจอน กล่าวว่า แม้ตนจะไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ในหลายครั้ง แต่ต้องถือว่าพันธมิตรฯมีความชัดเจนในตัวแกนนำ รู้ว่าใครเป็นใคร ขณะที่กลุ่มต่อต้านนั้นมีความคลุมเครือในการจัดตั้งเป็นอย่างมาก สังคมยังตั้งคำถามว่าม็อบนี้เกี่ยวข้องกับนายเนวิน ชิดชอบ หรือนายยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำพรรคพลังประชาชนหรือไม่

ส่วนที่รัฐบาลบอกว่า พันธมิตรฯ สร้างสถานการณ์นั้น ตนมองว่าฝ่ายต่อต้านพันธมิตรฯ ที่ไปรวมตัวจ่อประชิดแล้วจะเข้าไปตีคนในธรรมศาสตร์ ต่างหากที่สังคมจะมองว่ายั่วยุให้เกิดความรุนแรง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าพันธมิตรฯ มีประสบการณ์สูงในการควบคุมมวลชนไม่ให้เกิดการปะทะกับอีกฝ่ายได้

"หากเกิดการเผชิญหน้าเกิดขึ้น รัฐบาลและตำรวจจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชนทุกคนไม่ว่าเขาจะอยู่ฝ่ายไหน แต่สิ่งที่อันตรายและน่าห่วงคือท่าทีของทั้งนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีมหาดไทย หรือรัฐมนตรีหลายคน ที่ออกมาประณามกลุ่มพันธมิตรฯ จะเป็นส่งสัญญาณให้ข้าราชการตีความว่า ไม่จำเป็นต้องดูแลความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯก็ได้" 

นายจอน ยังเสนอว่า แม้รัฐธรรมนูญจะให้สมาชิกรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญเองได้ แต่ไม่มีความชอบธรรมและความเหมาะสมเพียงพอเพราะรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทุกคน ต้องมีกระบวนการพิเศษ จะอ้างว่าได้รับเลือกจากประชาชนแล้วจะตัดสินใจแทนไม่ได้ ถ้าจะยืนยันว่าจะทำก็ไม่แปลกที่จะเจอกับการต่อต้าน คัดค้าน หากจะแก้ควรจะต้องสร้างกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย ให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม โดยจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญภาค 3 ขึ้นมาเพื่อดำเนินการ
 

http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/28/WW03_0301_news.php?newsid=252555
 
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #37 เมื่อ: 29-04-2008, 11:27 »

การชุมของกลุ่มต่อต้านและสนับสนุนรัฐบาล ว่าการชุมนุมทางการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พปป.) และกลุ่มที่ต่อต้านถือว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่การที่ฝ่ายหนึ่งชุมนุมอยู่ในหอประชุม แต่อีกฝ่ายจ่ออยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าออก ทำให้เห็นว่ามีพฤติกรรมส่อเจตนายั่วยุจะให้เกิดความรุนแรง....


ถ้า'เป็ดเหลิม' และ 'คางคกเพ็ญ' มีจิตสำนึกสักเสี้ยวหนึ่งของอาจารย์จอน
ไม่กล่าวร้าย ไม่พูดขาวเป็นดำ ไม่พูดดำเป็นขาว....

การเมืองไทย สังคมไทย วัฒนธรรมไทย จะพัฒนาไปไกล......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #38 เมื่อ: 29-04-2008, 11:37 »

'เฉลิม'อ้างงดถกรธน.ไม่กลัวพันธมิตรฯโวอยู่เกิน4ปี
 
28 เมษายน พ.ศ. 2551 15:05:00
 
 
มท.1 แจง"สมัคร" เลื่อนถกแก้รัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวคำขู่พันธมิตรฯ ไล่นักวิชาการกลับไปสอนหนังสือ โวรัฐบาลอยู่อีกยาวเกิน4ปี ยุกลุ่มไหนอยากตั้งเวทีด่าพันธมิตรฯ ให้โทรปรึกษา

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ขณะนี้มีประชาชนตามต่างจังหวัดได้โทรศัพท์มาปรึกษาว่าอยากจัดเวทีด่ากลุ่มพันธมิตรฯ บ้าง ซึ่งตนยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือโดยกำลังหารือ หาช่องทางให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้แสดงความเห็นในการตอบโต้บ้าง อย่าไปกลัวพวกกลุ่มพันธมิตรฯ จะกดดัน 

เมื่อถามว่า จะขัดกับนโยบายของรัฐบาลที่เคยประกาศว่าจะสร้างความปรองดองในชาติหรือไม่ ร.ต.อ. เฉลิม กล่าวว่า เราไม่จำเป็นจะต้องสร้างความปรองดองกับคนเพียง 4-5 คนที่ชอบสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นกับบ้านเมือง

 
 http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/28/WW03_0301_news.php?newsid=252286


เมื่อถึงคราวฆาต....
เหิมเกริม ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน่ทำลาย......

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
KILL...ER
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #39 เมื่อ: 09-06-2008, 20:33 »

พ่อจอน ก็รับใช้เผด็จการศักดินามหาอำมาตย์ ทุ่มเทสุดกำลัง สุดชีวิต ทำงานหัวหกก้นขวิด

แต่แล้วเค้าก็ไม่เห็นความดี โดนหักหลังขับไล่ออกนอกประเทศไปในที่สุด

จอนยังโง่ไม่เลิก ไม่เข็ด น่าอนาถจริงๆ เหอ เหออออ
บันทึกการเข้า

จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
Mr.K.Cheng Gong(จิ้งจอกหน้าหยก เซียวอิงจวิ้น)
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 16


« ตอบ #40 เมื่อ: 11-06-2008, 14:00 »

.......................เข้ามาอ่านครับ
บันทึกการเข้า
engmy
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4


« ตอบ #41 เมื่อ: 27-08-2008, 22:32 »

ความจริง...ที่รักพวกหน้าเหลี่ยมฟังไม่ได้...
บันทึกการเข้า
อยู่บำรุ๊ง .. บำรุง
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 210


ทีวีเพื่อพวกตน !


« ตอบ #42 เมื่อ: 09-09-2008, 00:56 »

ตอนแรกพ่อแม๊วเหมือนได้ใจว่ามีข้อมูลดักอยู่แน่นอน

สุดท้ายต้องนิ่งแถไม่ได้ และก็เป็นไม้ตายเดิมๆ

ไม่ต้องมาโชวโง่มากก็ได้ครับเปลือง DB web

ไร้สาระ 
บันทึกการเข้า

satal01
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13



เว็บไซต์
« ตอบ #43 เมื่อ: 25-09-2008, 13:20 »

 

คิดว่าจอห์น กับ ใจ  อึ้งภากร  เป็นคนดีงั้นหรือ  ดูข้อมูลนี่ ก่อน

เชื่อใครไม่เชื่อ  คนที่ลงกระทู้นะ รับจ้างมาป่าว 

อย่าฟังความข้างเดียวมากนะ คร๊าบ 

จะรู้ได้ว่าใครผิดถูกจริงก็ต่อเมื่อคุณเป็นผีแล้ว    แต่ไม่รอก็ได้ ถามพระอริยะ ดังๆ ดูใครดี ใครชั่วท่านรู้

 
Jai.jpg
 
John.jpg
 
29_025626_4.gif
 
youtube03.gif
 
youtube04.gif
 
youtube05.gif
 
youtube06.gif
บันทึกการเข้า

เรื่องเวรกรรม  อย่าด่ากันเลย ความเป็นกลางอยู่ที่ http://www.legendfirst.com
Matahari
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 228



« ตอบ #44 เมื่อ: 25-09-2008, 14:00 »

อ้างถึง
พ่อจอน ก็รับใช้เผด็จการศักดินามหาอำมาตย์ ทุ่มเทสุดกำลัง สุดชีวิต ทำงานหัวหกก้นขวิด
แต่แล้วเค้าก็ไม่เห็นความดี โดนหักหลังขับไล่ออกนอกประเทศไปในที่สุด
จอนยังโง่ไม่เลิก ไม่เข็ด น่าอนาถจริงๆ เหอ เหออออ
   
   โถ คนโง่เอย ...ป๋วยเป็นเรื่องการเมืองที่ทหารเผด็จการเป็นการแย่งอำนาจระหว่างทหาร หาใช่ศีกดินาอำมาตยา แกลองไปหาภาพดูว่านักศึกษาที่โดนทหารปราบหนีไปวังสวนจิตลดา แล้วองค์ในหลวงและสมเด็จทรงช่วยให้อาหารและน้ำ ไม่โดนถุกจับ
  ก่อนพล่ามหาข่าวก่อนอย่าเชือพวกคิดล้มล้างสถาบัน หรือพวกนปช ...............
บันทึกการเข้า
Aood
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


« ตอบ #45 เมื่อ: 29-09-2008, 00:18 »

ชื่อ จอห์น หรือจิ้งจก คนๆนี้แหละ ตัวดีเลย ในกระบวนการจาบจ้วงสถาบัน บ่อยครั้งที่ผ่านมา เปลี่ยนสีไปตามกระแส ทักษินแย่ แกก็ถล่ม ทักษินติดลมบนแกก็ชมไม่ขาดสาย สุดท้ายก็พวกนรกกินหัวเหมือนกัน ความเห็นอันไม่เหมาะไม่ควร หลายต่อหลายครั้ง กับสื่อสิ่งพิมพ์ หรือ TV มันบ่งชี้ความเนรคุณแผ่นดิน ไม่สมเป็นทายาทของท่านผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาสมัยใหม่ แห่งธรรมศาสตร์
บันทึกการเข้า
Anakinta
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 206


หน่วยล่าสัตว์


« ตอบ #46 เมื่อ: 08-10-2008, 12:24 »

ฝากบอกจอน-ใจ

อย่าดีแต่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ

อย่าดีแต่เกาะระบอบชั่วๆ ไปทำลายระบอบอื่นที่มรึงคิดว่าชั่วกว่า

อย่าดีคิดว่าตัวเองจะเป็นฮีโร่

กับการโค่นล้มระบอบ ที่กำลังเสื่อมไปตามกาลเวลาในตัวของมันเองอยู่แล้ว

ตอบมาที

ว่าถ้าทำศักดินาล้มสลายแล้ว

มรึง 2 ตัว จะโค่นทุนนิยมสามานย์ที่สร้างปัญหาทั่วโลก สงครามทั่วโลก ได้ยังไง ?

ด้วยรักจากใจ ศิษย์เก่า... แล้วเจ้าของบ้านที่ศิษย์มรึงเคยมานอนเพ้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2008, 12:27 โดย Anakinta » บันทึกการเข้า

i-spirit
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 49



« ตอบ #47 เมื่อ: 08-10-2008, 12:34 »

สุภาษิตที่ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นใช้กับจอห์นกับใจไม่ได้ น่าจะหายไปหน้าหนังสือพิมพ์ได้แล้วและน่าเสียดายที่ TPBS ยังเอามาเป้นกรรมการอีก
เมื่อวานนี้ใจไปออกรายการ NBT ของจอม เพ็ชรประดับ ก็ไปว่าคุณรสนาอีกยังดีที่จอมพูดแทรกไม่ให้พูดถึงบุคคลที่ 3 ก็ยังไม่สำนึก 
บันทึกการเข้า
Sweden
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5


« ตอบ #48 เมื่อ: 11-10-2008, 20:32 »

Taksin- Somchai are capitalists who are greedy to eat up all in Thailand and look down on tHAI PEOPLE AS BAFFALOES.
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: