ขออนุญาตตัดแปะก๊าบ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ที่เห็นอยู่นี่เป็น"ฟองสบู่ยักษ์"ตลาดหุ้นจีนหรือเปล่า? 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 11:50:00
ถ้าคุณไปเมืองจีนวันนี้และได้ยินเขาถามว่า "เพ้าโม่" จะ "โพ่เมี้ยะ" หรือเปล่า...ก็แปลว่าคุณกำลังฟังการสนทนาที่ทันสมัยมาก เพราะมันแปลว่า "ฟองสบู่จะแตกหรือเปล่านี่?"
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :
พรรคพวกของผมบอกว่าที่เมืองจีน กำลังบ้าหุ้นกันเป็นการใหญ่ เพราะตลาดหุ้นของจีนร้อนแรงเหลือเกินในช่วงนี้...ร้อนถึงขั้นที่เจ้าสัวใหญ่แห่งฮ่องกง ลีกาชิง ประกาศด้วยความห่วงใยว่า "นี่คือฟองสบู่...และราคาหุ้นของจีนจะต้องลดลงแน่นอน" คำพูดอย่างนี้ปกติจะไม่หลุดออกจากปากของเจ้าพ่อแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ และโทรคมนาคมของเกาะฮ่องกงอย่าง ลีกาชิง เพราะแกเป็นคนระมัดระวังปากเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจของแกอย่างยิ่ง
นักข่าวล้อมหน้าล้อมหลังอย่างไร เสี่ยใหญ่วัย 78 คนนี้ ก็จะสงวนถ้อยสงวนคำอยู่เสมอ
ดังนั้น ที่อภิมหาเศรษฐีฮ่องกงคนนี้หลุดปากกับนักข่าวว่า ตลาดหุ้นของจีนเป็นฟองสบู่แน่แท้แล้ว และกำลังจะแตกดังโพละ จึงเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
"ในฐานะที่ผมเป็นคนจีน ผมเป็นห่วงตลาดหุ้นของประเทศจีนไม่น้อยเลย..."
เพียงพูดแค่นี้ก็รู้ว่าลีกาชิงไม่ได้ห่วงเฉยๆ แต่ยังต้องการจะป่าวประกาศให้ทั้งโลกได้ตระหนักว่าอะไรๆ มันเกินความพอดีเสียแล้ว
ลีกาชิง ไม่ได้อยู่ดีๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ผู้ว่าการธนาคารกลาง
โจวเสี่ยวเฉวน ก็ออกมาบอกว่าดัชนีของตลาดหุ้นของจีนที่พุ่งพรวดพราดในช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องปกติเสียแล้ว
เท่านั้นไม่พอ นายกรัฐมนตรี
เวินเจียเป่า เองนั่นแหละเป็นคนชี้ว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังทำท่าจะมี "ปัญหา" หลายอย่างที่จะต้องรีบแก้ไขก่อนที่จะสายเกินไป
ทั้งสามคนล้วนอยู่ในฐานะที่มีข้อมูลเพียงพอที่จะรู้ว่ากำลังเกิดอะไรที่ไม่ธรรมดาขึ้นในโครงสร้างเศรษฐกิจของจีน เพียงช่วงระยะหนึ่งปีที่ผ่านมา ดัชนี CSI ของตลาดหุ้นจีนกระโดดสูงถึง 85 เปอร์เซ็นต์แล้ว และทำสถิติ new high มาตลอดหลายสัปดาห์แล้ว
เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะรัฐบาลจีน บอกว่า การลงทุนในการสร้างโรงงานอุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้พุ่งขึ้นไปถึง 25.5 เปอร์เซ็นต์
และในไตรมาสแรกของปีนี้ อัตราโตของเศรษฐกิจจีน ยังวิ่งหน้าไม่หยุด...อัตราโตสูงถึงร้อยละ 11.1 ขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกนั้น หากมีอัตราโตเพียงแค่ 4 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ก็ต้องถือว่าเก่งมากแล้ว
นักวิเคราะห์หุ้นและภาพรวมเศรษฐกิจรวมของจีน บอกว่า นักลงทุนในประเทศของจีนช่วงนี้เกิดอาการชะล่าใจ เห็นอะไรดีไปหมด ราคาหุ้นเท่าไรก็ซื้อ เพราะจิตวิทยาบอกว่าถ้าวันนี้ไม่ซื้อพรุ่งนี้ก็จะแพงกว่านี้อีก
"ทุกคนล้วนกลัวตกรถไฟ...และนี่แหละสิ่งที่น่ากลัวเหลือเกิน..." คือความเห็นของนักวิจารณ์จากสิงคโปร์ที่เข้าไปทำมาหากินบริหารกองทุนลงทุนในตลาดหุ้นจีนวันนี้
จะไม่ให้ "น่ากลัว" อย่างไร ในเมื่อดัชนีตลาดหุ้นของจีนที่เรียกว่า CSI 300 ของจีน ที่สูงเหลือเชื่อวันนี้นั้นคือราคาที่ 43 เท่าของกำไรประมาณการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด
ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกง ที่ว่าร้อนแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกนั้นตามไม่ทันด้วยซ้ำ
เพราะดัชนีหั่งเส็งของฮ่องกง ปีนี้โตขึ้นแค่ร้อยละ 5.2 และมีราคาหุ้นอยู่ที่ 16 เท่าของกำไรประมาณการ
ถือว่าตลาดหุ้นฮ่องกง อันเป็นต้นแบบของทุนนิยมมาช้านานต้อง "ชิดซ้าย" ตลาดหุ้นจีนที่เพิ่งจะเกิดใหม่อย่างเห็นได้ชัด
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้คนแห่แหนกันเล่นหุ้นในจีน ก็คือตัวเลขผลประกอบการของบริษัทในจีนที่สวยงามเหลือเกิน เพราะส่วนใหญ่จะโตขึ้นปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ต่อเนื่องกันมา 4 ปีแล้ว กำไรในบริษัทชั้นนำที่จดทะเบียนเป็น A-Share Market นั้นยิ่งแล้วใหญ่...พุ่งขึ้นไปถึงร้อยละ 82 ในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน
ตัวเลขของผลประกอบการอย่างนี้ พลิกความคาดหมายแม้แต่ของนักวิเคราะห์ระดับโลกอย่าง Goldman Sachs Group Inc ด้วยซ้ำไป
แต่นี่ก็ย่อมหมายความว่า บัดนี้ราคาหุ้นในตลาดจีนแพงที่สุดในโลกแล้ว ถ้ารัฐบาลจีนไม่ทำอะไรอย่างเร่งด่วนเพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีน คำว่า "ฟองสบู่" ที่ลีกาชิงพูดอย่างหวั่นวิตกก็จะกลายเป็นจริงขึ้นมา
และถ้ายักษ์ใหญ่จีนจามเสียงดังขึ้นมาครั้งนี้ ตลาดหุ้นน้อยใหญ่ในโลกก็จะติดหวัดไปด้วย
ไม่กี่เดือนก่อนก็เกิดสิ่งที่เรียกว่า "Shanghai effect" หรือผลพวงจากตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ดิ่งเหวไปวันสองวันจนกลายเป็นเรื่องเป็นราวไปทั่วโลก มังกรยักษ์พ่นไฟไม่เป็นไร แต่ถ้าพ่นฟองสบู่ออกมา สงสัยจะสร้างความปั่นป่วนไปทั่วได้
http://www.bangkokbiznews.com/2007/05/22/WW12_1238_news.php?newsid=72342