คฑา + กระบี่
นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พระองค์ทรงใช้พระคทาจอมพลองค์ที่สาม
ซึ่งนายกรัฐมนตรี และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงกลาโหม ได้ทูลเกล้า ฯ ถวาย พร้อมเครื่องยศจอมพล
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พุทธศักราช 2493 ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เนื่องในวโรกาส ที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินนิวัตสู่ประเทศไทย
ต่อมาในปีพุทธศักราช 2509 ข้าราชการกระทรวงกลาโหมเห็นว่า พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ สำหรับประเทศชาติ
ทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างมากมาย ทำให้กิจการต่าง ๆ บรรลุผลสำเร็จลุล่วงเสมอ พระบารมีของพระองค์แผ่ไพศาล
ก่อให้เกิดความสามัคคีกลมเกลียว และความสงบสุขในหมู่ประชาชน สภากลาโหมจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พุทธศักราช 2509
ให้สร้างพระคทาจอมพลขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยเก็บเงินเพื่อสร้างคทานี้จากนายทหารชั้นนายพลประจำการทุกนาย
และในวันที่ 2 ธันวาคม พุทธศักราช 2509 นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่
ได้ทูลเกล้า ฯ ถวายพระคทาจอมพลองค์นี้แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 40 พรรษา เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความจงรักภักดีของข้าราชการทหารทุกนาย
และได้ขอพระบรมราชานุญาต ขนานนามพระคทาองค์ใหม่นี้เป็นพิเศษว่า
พระคทาจอมทัพภูมิพลสายยงยศ จอมทัพ
สายยงยศเป็นเครื่องหมายแสดงฐานะพิเศษเฉพาะบางฐานะของผู้ประดับที่เป็นทหาร ซึ่งไม่เป็นสาธารณแก่ทหารทั่วไป
เช่นสายยงยศของนายทหารฝ่ายเสนาธิการ และสายยงยศของราชองครักษ์ เป็นต้น
สำหรับสายยงยศจอมทัพไทย เป็นสายยงยศเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์ซึ่งทรงเป็นองค์ "จอมทัพไทย"
สายยงยศนี้แตกต่างจากสายยงยศราชองครักษ์ด้วยมีสายไหมหรือสายไหมทองถักรวบสายยงยศคู่หน้า
เมื่อประดับบนฉลองพระองค์เครื่องแบบทหาร ถมที่ถักรวบดังกล่าวนี้
จะอยู่ในแนวกระเป๋าของฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารระดับพระอุระเบื้องขวา
http://www.radc.go.th/index.php?lay=show&ac=article&Id=154199
พระคทาจอมทัพภูมิพลคทาจอมพล เริ่มใช้เป็นเครื่องประดับเกียรติในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ภายหลังที่ทรงปรับปรุงกิจการทหารเป็นแบบสากล คทาจอมพล แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท
ประเภทที่ ๑ เป็นพระคทาเครื่องต้นของพระมหากษัตริย์
ประเภทที่ ๒ เป็นพระคทาสำหรับพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งดำรงพระยศเป็นจอมพล
ประเภทที่ ๓ เป็นคทาสำหรับจอมพลทั่วไปใน ๓ เหล่าทัพผู้บัญชาการกรมทหาร พร้อมด้วยข้าราชการในกรมยุทธนาธิการเตรียมรับการตรวจแถว
จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ สนามหญ้า ภายในศาลายุทธนาธิการ ภายหลังที่กรมทหารบก
ทูลเกล้าฯ ถวายพระคทาจอมพล เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๔๖ คทาจอมพล ซึ่งเป็นพระคทาเครื่องต้นของพระมหากษัตริย์ มี ๔ องค์ คือ
องค์แรก ข้าราชการกรมทหารบกได้สร้างพระคทาจอมพลขึ้นทูลเกล้า ฯ
ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในฐานะองค์จอมทัพไทย
เนื่องในพระราชพิธีทวีธาภิเษกสมโภช เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๔๖ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงถือพระคทาจอมพลองค์แรกของกองทัพไทย
ซึ่งกรมทหารบกทูลเกล้าฯ ถวาย พระคทาจอมพลองค์แรกลักษณะพระคทาจอมพลองค์แรกนี้ เป็นรูปทรงกระบอกยาก ๓๕ เซนติเมตร
ยอมเป็นรูปช้างสามเศียร ลงยาสีขาวเหนือหัวช้างเป็นพระเกี้ยว
ตอนท้ายเป็นทรงกระบอกตัดองค์พระคทาทำด้วยทองคำหนัก
๔๐ บาท และใต้หัวช้างลงมาเป็นลายนูนรูปหม้อกลศ
ซึ่งหมายถึงการทูลเกล้า ฯ ถวายเนื่องในพระราชพิธีทวีธาภิเษก
พระคทาองค์นี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เป็นประจำตลอดรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงถือพระคทาจอมพลองค์ที่ ๒ ที่มียอดเป็นมงกุฎพระคทาจอมพลองค์ที่ ๒องค์ที่ ๒ ข้าราชการกรมยุทนาธิการ ได้จัดสร้างพระคทาจอมพลขึ้นทูลเกล้า ฯ
ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในฐานะองค์จอมทัพไทย
เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๕๓ พระคทาจอมพลองค์ที่ ๒ มีลักษณะส่วนใหญ่คล้ายคลึง
กับพระคทาองค์แรกมากต่างกันตรงยอดซึ่งเป็นมงกุฎและมีลายเฟื่องอยู่ที่แถบกลางใต้ฐานของยอดมงกุฎโดยรอบเท่านั้น
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงถือพระคทาจอมพลองค์ที่ ๓
ซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานแบบพระคทาขึ้นใหม่พระคทาจอมพลองค์ที่ ๓
องค์ที่ ๓ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระองค์ได้ทรงพระราชทานแบบพระคทาจอมพลขึ้นใหม่และโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นด้วยทองคำเกลี้ยง
พระคทาจอมพลองค์ที่ ๓ นี้ มีลักษณะป่องตรงกลาง
และคอดเรียวไปทางด้านยอดและด้านปลาย ตรงยอดของพระคทา
เป็นรูปพระยาครุฑพ่าห์ลงยาตามแบบพระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน
และใต้พระยาครุฑ เป็นลูกแก้วรองฐานบัวหงายลงยาราชาวดี
ส่วนด้านปลายมีลูกแก้ว และยอดบัวกลุ่มสี่ชั้นลงยาราชาวดีเช่นกัน พระคทาจอมพลองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงใช้มาตลอดรัชกาล ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดช ทรงใช้พระคทาจอมพลองค์นี้สืบมา
องค์ที่ ๔ นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เสด็จขึ้นครองราชสมบัติพระองค์ทรงใช้พระคทาจอมพลองค์ที่ ๓ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งนายกรัฐมนตรีและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงกลาโหมได้ทูลเกล้า ฯ ถวายพร้อมเครื่องยศจอมพล
เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
เนื่องในวโรกาสที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินนิวัติสู่ประเทศไทย ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๕๐๙ ข้าราชการกระทรวงกลาโหม
ต่างพิจารณาเห็นว่าพระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจสำหรับประเทศชาติ ทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างมากมาย
กิจการใดที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ และพสกนิกรชาวไทยแล้ว พระองค์จะทรงเข้ารับเป็นพระราชภาระ
และทำให้กิจการต่าง ๆ บรรลุผลสำเร็จเสมอ พระบารมีของพระองค์ก่อให้เกิดความสามัคคี
กลมเกลียวและความสงบสุขในหมู่ประชาชน
ดังนั้นในวันที่ ๑๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๙ สภากลาโหมได้มีมติให้จัดสร้างพระคทาจอมพลขึ้นเพื่อทูลเกล้า ฯ
ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเก็บเงินเพื่อสร้างพระคทานี้จากนายทหารชั้นนายพลประจำการทุกนาย
และในวันที่ ๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๙ นายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่
ได้ทูลเกล้า ฯ ถวายพระคทาจอมพลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต
เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุเข้าปีที่ ๔๐ เพื่อเป็นเครื่องหมายของความจงรักภักดีของข้าราชการทหารทุกนาย
และเพื่อให้แปลกแตกต่างไปจากพระคทาจอมพลองค์ก่อน ๆ จึงได้ขอพระบรมราชานุญาตขนานนามพระคทาองค์ใหม่เป็นพิเศษว่า
"พระคทาจอมทัพภูมิพล"พระคทาจอมทัพภูมิพลพระคทาจอมพลองค์ที่ ๔
(พระคทาจอมทัพภูมิพล) มีลักษณะทั่วไปเหมือนพระคทาจอมพลองค์ที่ ๓ กล่าวคือ
องค์พระคทาทำด้วยทองคำหนัก ๔๓๐ กรัม แกนกลางป่องเรียวไปทางยอดและปลาย ประกอบด้วยเครื่องหมายมงคลแปด
ซึ่งถือกันว่าเป็นนิมิตหมายแห่งความเป็นมงคลในศาสนาพราหมณ์ ด้านยอดคงมีพระยาครุฑพ่าห์ลงยา
และลูกแก้วรองฐานบัวหงายลงยาราชาวดี ส่วนด้านปลายมีลูกแก้วและยอดบัวกลุ่มสี่ชั้นลงยาราชาวดี
เช่น พระคทาองค์ที่ ๓ ส่วนที่ต่างออกไป คือ เหนือพระยาครุฑมีพระปรมาภิไธยย่อ
"ภปร"ฝังเพชรอยู่ในกรอบรูปไข่ และมีรูปพระมหาพิชัยมงกุฎทองฝังเพชรอยู่เบื้องบน
ตอนปลายต่อจากเครื่องหมายมงคลแปด มีเครื่องหมายกระทรวงกลาโหม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถือพระคทาจอมทัพภูมิพลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสตอบในการเสด็จพระราชดำเนินออกทรงรับพระคทาจอมทัพภูมิพล ดังนี้"ข้าพเจ้าขอขอบใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ
นายทหารผู้ใหญ่ทุกคน ที่นำคทาจอมทัพมามอบให้ข้าพเจ้าครั้งนี้
ข้าพเจ้ายินดีรับไว้ด้วยความเต็มใจ และจะถือว่าคทาจอมทัพ
เป็นเสมือนเครื่องหมายแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกองทัพทั้งสาม
อิสรภาพ ความมั่นคง ตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองของประเทศของเรา
ขึ้นอยู่กับกิจการทหารเป็นสำคัญ ตลอดมาทุกยุคทุกสมัย เพราะเมืองไทย
ของเรานี้เป็นเมืองทหาร คนไทยทุกคนมีเลือดทหาร เป็นนักต่อสู้
ผู้รักและหวงแหนความเป็นไทยยิ่งด้วยชีวิต ข้าพเจ้าจึงมีความพอใจอย่างยิ่ง
ที่ได้เห็นความกลมเกลียวเป็นปึกแผ่นของทหารทั้งสามเหล่าในวันนี้
ทหารมีหน้าที่ป้องกันรักษาประเทศหน้าที่นี้ นอกจากในด้านการรบแล้ว
ยังมีด้านอื่นซึ่งสำคัญเท่าเทียมกันอยู่อีก คือ การสร้างความสัมพันธ์
อันดีกับประชาชน ทหารต้องทำตัวเป็นมิตร ต้องสงเคราะห์อนุเคราะห์ประชาชน
ด้วยการให้ความคุ้มครองป้องกัน และช่วยเหลือในความเป็นอยู่
ตลอดถึงการแนะนำสนับสนุนในการครองชีพด้วย ถ้าทหารปฏิบัติ
หน้าที่ได้อย่างครบถ้วน ก็จะเป็นที่อุ่นใจ และเป็นที่เชื่อถือไว้วางใจ
ของประชาชนได้อย่างแท้จริง ขอท่านทั้งหลายจงร่วมมือร่วมใจกัน
ทำหน้าที่ของทหารให้สมบูรณ์ทุกด้าน มีความพรักพร้อมเป็นใจเดียวกัน
ประกอบกรณียกิจเพื่อความมั่นคงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ
และความร่มเย็นเป็นผาสุกของประชาราษฎรไทยทุกคน
ขอคุณพระศรีรัตนตรัย จงคุ้มครองท่านทั้งหลาย ให้แคล้วคลาด
จากภัยทุกประการ บันดาลให้เกิดกำลังกาย กำลังใจ และกำลังปัญญา
สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติยิ่งขึ้นสืบไป"http://www.navy.mi.th/nrdo/ArmyDay/Sceptre.htm