ประกอบกับเรื่องยุบพรรค ไม่ยุบพรรคมาเกี่ยวเนื่องด้วย มีอีกหลายที่ตกเป็นเหยื่อ
เป็นเครื่องมือของคนพวกนี้ ยุบพรรคไม่ยุบพรรค มันเกี่ยวอะไรกันด้วยกับท่านนายกสุรยุทธิ์
ประเทศไทย จะปกครองด้วยอะไร ไม่สำคัญ ความเป็นไทย ความมีวัฒนธรรมไทย
เคารพระบบผู้อาวุโส ต้องยังคงอยู่ เพราะนี่ล่ะคือเอกลักษณ์ของความเป็นไทย
การไล่อดีตท่านนายกทักษิณ จริงอยู่เป็นวิธีการที่ไม่สุภาพมากนัก แต่ด้วยผลประโยชน์
ของบ้านเมือง มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ท่านลงจากตำแหน่งและเลิกเล่นการเมือง
มันเป็นเรื่องของอิทัปปัจจยตา ว่าด้วยเรื่องของเหตุและผล เพราะโกงโดยสุจริต แม้บ้านเมือง
จะเจริญรุ่งเรื่องก็จริง แต่ระยะยาวบ้านเมืองพังได้ง่าย เพราะการตัดสินใจแบบวูบวาบ
ขายชาติของอดีตนายก แต่ท่านนายกคนนี้ พอเพิ่งเข้ามาแก้วิกฤต อาจจะช้า อาจจะเห็น
ผลช้าไม่ได้ดังใจ แล้วจะเอาท่านลงได้ยังไงในเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นคนแต่งตั้งท่าน
แล้วท่านก็ไม่ได้ทำลายบ้านเมือง ขายชาติตรงไหน แค่ไม่ได้ดั่งใจ
ตกลงจะเอาไง คำว่าใจพอเพียง ไม่ทราบเข้าใจกันหรือไม่ ไม่ต้องใช้หลักการอะไรให้มันมากมาย
หรอก แค่เป็นคนที่มีใจพอประมาณ ยึดทางสายกลาง เข้ามาวิเคราะห์ตัดสิน ชี้นำสถาณการณ์
ปัจจุบันได้อย่างพอเหมาะพอควร ไม่หลงเดินคอเอียง ไปเคียงข้างด้านใด ก็คงพอแล้วมั้ง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใกล้ 'ดีเดย์ 30 พฤษภาคม' วันตุลาการรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด 'ยุบ-ไม่ยุบ' พรรคการเมือง 5 พรรค เข้าไปทุกที ยิ่งทำให้ลุ้นระทึกกันเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีสองพรรคการเมืองใหญ่ อย่าง ประชาธิปัตย์ และไทยรักไทย รวมอยู่ด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีสองพรรคการเมืองใหญ่ อย่าง ประชาธิปัตย์ และไทยรักไทย รวมอยู่ด้วย
ยิ่งเหตุระเบิดตู้โทรศัพท์สาธารณะ บ้านเลขที่ 239 ถนนราชวิถี ซอยราชวิถี 24 ตรงข้ามพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ ใกล้ที่ทำการเก่าของพรรคไทยรักไทย เมื่อไม่นานมานี้ ถูกนำมาผูกโยง กรณีที่ตุลาการรัฐธรรมนูญจะมีการตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย และประชาธิปัตย์ เป็นหนึ่งในสาเหตุด้วย ยิ่งทำให้สถานการณ์ร้อนขึ้นมาทันควัน
ทั้งนี้ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานข่าวจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย อ้างคำให้สัมภาษณ์ของ สวนิต คงสิริ รมช.ต่างประเทศ ซึ่งไปร่วมประชุมว่าด้วยอาหารฮาลาล ที่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุมีเป้าหมายที่จะเพิ่มความตึงเครียดทางการเมือง
โดยเห็นว่า ระเบิดที่เพิ่งเกิดขึ้น อาจมีเป้าหมายที่จะสร้างความวุ่นวาย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปที่กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 16 หรือ 23 ธันวาคมนี้ และอาจต้องการสร้างแรงกดดันต่อศาลรัฐธรรมนูญที่กำหนดจะประกาศคำตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทย และประชาธิปัตย์ ในปลายเดือนนี้
"เรากำลังมุ่งหน้าไปสู่การเลือกตั้ง และกำลังจะมีการประกาศผลการพิจารณาคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการยุบพรรคการเมืองใหญ่ถึงสองพรรค ดังนั้น จึงมีความเชื่อที่ว่า คนบางกลุ่มอาจสร้างความตึงเครียด และความวุ่นวายขึ้น เพื่อคว่ำกระบวนการตัดสินใจของศาล เพื่อให้การตัดสินใจถูกเลื่อนออกไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับพวกเขาเอง"
กลับมาที่คดียุบพรรค จำเพาะ 'ไทยรักไทย' ดูเหมือนน่าสนใจกว่าใครเพื่อน ไม่ว่าจะถูก 'ยุบ' หรือไม่ก็ตาม
แต่ก่อนอื่น ที่น่าย้อนให้เห็นก็คือ พรรคไทยรักไทย เป็น 1 ใน 5 พรรค ที่ถูกนายทะเบียนพรรคการเมือง หรือประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด เพื่อร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรค เนื่องจากว่าจ้างพรรคการเมืองเล็ก ให้ส่งคนลงสมัครแข่งขันเลือกตั้งทั่วไปสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 เพื่อหลีกเลี่ยงเกณฑ์คะแนนเสียงไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเขตเลือกตั้งที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งเพียงคนเดียว
อันเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา 66 (1) ได้แก่ กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และ (3) ได้แก่ กระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรือขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
อย่างไรก็ตาม เหตุเกิดก่อนที่จะมีการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ดังนั้น แม้หลังยึดอำนาจ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) จะมีคำสั่งยุบศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ยังคงสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเอาไว้ นั่นหมายรวมถึงคดีความที่อยู่ในศาลด้วย
กระทั่งรัฐธรรมนูญปกครองชั่วคราว 2549 มาตรา 35 ได้บัญญัติให้ ตุลาการรัฐธรรมนูญ เข้ามาทำหน้าที่แทน ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นรองประธาน และมีผู้พิพากษาในศาลฎีกา 5 คน และผู้พิพากษาในศาลปกครองสูงสุด 2 คน ทั้งหมดรวม 9 คน
และในประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549 ยังคงให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มีผลบังคับใช้ต่อไป และยังระบุด้วยว่า องค์กรอื่นที่ทำหน้าที่แทนศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็คือตุลาการรัฐธรรมนูญ ถ้ามีคำสั่งยุบพรรคการเมืองใด ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น มีกำหนด 5 ปี นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรค ส่วนประเด็นที่น่าสนใจ และน่าวิเคราะห์ ไม่ว่าพรรคไทยรักไทย จะถูกยุบหรือไม่ก็ตามใกล้ 'ดีเดย์ 30 พฤษภาคม' วันตุลาการรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด 'ยุบ-ไม่ยุบ' พรรคการเมือง 5พรรค เข้าไปทุกที ยิ่งทำให้ลุ้นระทึกกันเข้าไปใหญ่
สมมติว่า พรรคไทยรักไทยไม่ถูกยุบ กรรมการบริหารพรรค และกลุ่มการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรรมการบริหารพรรค ที่แตกตัวออกมาจากพรรคไทยรักไทย ก็จะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น การยึดแนวทางต่อสู้ตามหลักประชาธิปไตย ของไทยรักไทย ยุค 'เดอะ อ๋อย' จาตุรนต์ ฉายแสง ความพยายามตั้งพรรคการเมืองใหม่ และความพยายามดึง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ, อดีต รมว.คลัง และอดีต รมว.พาณิชย์ มาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ของกลุ่มมัชฌิมา ฯลฯ
อาจรวมถึงโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ทั้งการได้ 'สมคิด' มาเป็นหัวหน้าพรรค และโอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด จนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ได้
สมมติว่า พรรคไทยรักไทย ถูกยุบ และกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดนับร้อยคน ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี แน่นอน, จะเท่ากับเป็นการยุติบทบาทนักการเมืองรุ่นเก่า เก๋าเกมกว่าครึ่งสภาฯไปชั่วคราว อย่าลืมว่า พรรคไทยรักไทย เป็นที่รวมของนักการเมือง ไม่แต่ภายในพรรคเท่านั้น หากแต่ยังมาจาก 3 พรรคการเมืองใหญ่ที่ยุบพรรคมารวมกัน นั่นคือ เสรีธรรม, ความหวังใหม่ และชาติพัฒนา
นี่ยังไม่นับรวม พรรคประชาธิปัตย์ จะถูกยุบหรือไม่?
ทำให้โฉมหน้าทางการเมือง นอกจากจะไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้น และเป็นทางเลือกแล้ว ยังอาจทำให้เห็นนักการเมืองเก่าเก็บ ถูกผลักดันออกมาแสดงบทบาท และยากที่ระบบการเมืองจะทันได้สร้างนักการเมืองรุ่นใหม่ เลือดใหม่ ขึ้นมาทดแทน นี่คือปัญหา
แต่ในทางกลับกัน ก็ไม่แน่วิกฤติครั้งนี้ อาจเป็นโอกาสให้นักการเมืองหน้าใหม่ เลือดใหม่ ได้แจ้งเกิด และเป็นทางเลือกของสังคมก็เป็นได้ ถ้าประเทศไทยโชคดี!?
และสมมติว่า พรรคไทยรักไทยถูกยุบ แต่กรรมการบริหารพรรคไม่โดนลงโทษทั้งหมด มีข้อยกเว้นโทษตามความผิดของคนที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น กรณีนี้จะทำให้แกนนำพรรคไทยรักไทยหลายคน มีลุ้นกลับสู่บทบาททางการเมืองอีกครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มการเมืองที่ 'ตีปีก' มากที่สุด น่าจะเป็น 'กลุ่มมัชฌิมา' นั่นเอง เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า 'สมคิด' ไม่ยอมเปิดตัวนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค ภายใต้แรงหนุนของกลุ่มมัชฌิมา ก็เพราะยังติดเงื่อนไข 'ยุบพรรค' อยู่เท่านั้นเอง
แล้วถ้า 'สมคิด' นั่งหัวหน้าพรรคให้กลุ่มมัชฌิมา และสมมติว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่โดนโทษยุบพรรค หรือพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ถูกวินิจฉัยยุบพรรค นี่คือจุด 'โฟกัส' ในฐานะแคนดิเดต 'นายกรัฐมนตรี' ที่จะเบียดแย่งตำแหน่งกัน...
เหนืออื่นใด เงื่อนไข 'ยุบ-ไม่ยุบ' พรรคไทยรักไทย นี่เอง จะเป็น 'เงื่อนไข' ในการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทางการเมืองในอนาคต ไม่มากก็น้อย
*แม่ไม้การเมือง / เนชั่นสุดฯ(ฉ.780)