คุณพรรณชมพู ไม่ได้อ่านตรงนี้เหรอครับ?
๘. หนังสือของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ขอให้ดำเนินคดีผู้ถูกกล่าวหาชอบหรือไม่
คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้พิจารณาหนังสือของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ยื่นคำร้องขอให้ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา และระบุความเสียหายมาในหนังสือฉบับที่ ๒ นั้น เกิดจากการกระทำของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เอง ทางคณะกรรมการตรวจสอบมีเพียงหนังสือแนะนำไปทางกระทรวงการคลังให้ผู้เสียหายมายื่นคำร้องเท่านั้น และคำร้องฉบับที่ ๒ ก็เป็นไปตามหนังสือของธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๐ มิได้เกิดจากการบังคับของคณะกรรมการตรวจสอบหรือคณะอนุกรรมการตรวจสอบไต่สวนฯ แต่อย่างใด
นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาตามบทกฎหมายที่ใช้บังคับปัจจุบันก็ปรากฏว่า หลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๖๖ ที่ต้องให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องนั้นได้ถูกยกเลิกไปแล้ว การดำเนินการตรวจสอบไต่สวนจึงสามารถทำได้
กฎหมาย ปปช.ที่แก้ไขใหม่ในเรื่องนี้ เพิ่งประกาศใช้ไม่กี่วันนี่เอง
ที่สนธิ ลิ้มฯ ออกมาโวยวายจาบจ้วงกับทางท่านราชเลขาธิการฯ ไงครับ
ผมอ่านแล้วได้ความว่าอย่างนี้ครับ คุณ Nai_puan
1. หนังสือของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ขอให้ดำเนินคดีผู้ถูกกล่าวหาชอบด้วยกฎหมายแล้ว
เพราะกองทุนฯ เป็นผู้ดำเนินการออกหนังสือโดยไม่ได้ถูกบังคับ
2. การยื่นคำร้องฯ นั้นต่อให้กองทุนฯ ซึ่งเป็นผู้เสียหายไม่ยื่นคำร้องเอง ก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดี
เพราะหลักเกณฑ์ดังกล่าวยกเลิกไปแล้ว การตรวจสอบไต่สวนจึงสามารถดำเนินการต่อไป
โดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าหนังสือของกองทุนฯ ตามข้อ 1 จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
3. อันนี้ผมเพิ่มเอง.. ถ้ามีปัญหามากนัก ทาง คตส. ก็แค่เป็นผู้ยื่นคำร้องเองก็จบแล้วครับ
เพราะ พรบ. ดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในเรื่องการกฏเกณฑ์การยื่นคำร้องฯ
ไม่มีผลกระทบกับกระบวนการตรวจสอบไต่สวนคดีทั้งหมดที่ คตส. ได้ดำเนินการมา
ดังนั้นประเด็นโต้แย้งนี้จึงมีผลมากที่สุดแค่การประวิงเวลาเท่านั้น เพื่อความรวดเร็ว
จึงควรดำเนินคดีต่อไปเลยน่ะครับ