ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 09:55
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ==พยานปากเอกคดี เอสซีแอสเซท เป็น 'นอมินี' ดับปริศนา== 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
==พยานปากเอกคดี เอสซีแอสเซท เป็น 'นอมินี' ดับปริศนา==  (อ่าน 3274 ครั้ง)
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« เมื่อ: 04-05-2007, 23:58 »

จับตาดูคดีนี้กันหน่อยดีไหมครับ ..

น่าเสียดายพยานปากเอกที่เป็น ผอ.สำนักตรวจสอบภายใน
เสียชีวิตไปก่อนจะได้ให้ปากคำกับดีเอสไอแค่นิดเดียว

ตอนนี้ผมยังหาข่าวจากที่อื่นไม่ได้นอกจากที่ไทยรัฐครับ

http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=45911
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พยานปากเอกคดี'นอมินี'ดับปริศนา ญาติเผยเครียดโรคประจำตัว [4 พ.ค. 50 - 20:56]


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ร่วมกับแพทย์นิติเวชวิทยา ตรวจสภาพศพนายวิทยา ภาณุมาภรณ์ อายุ 48 ปี ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบภายใน บริษัท เอสซีแอสเซท บริษัทในเครือบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นอนเสียชีวิตในสภาพคว่ำหน้า สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน อยู่ใกล้ที่ทิ้งขยะในสภากาชาดไทย เบื้องต้นไม่พบบาดแผลและทรัพย์สินยังอยู่ครบ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ภายหลังญาติมาดูศพผู้ตายแล้วยืนยันว่าคือนายวิทยา ที่ภรรยาแจ้งหายไว้ที่ สน.ปทุมวัน วานนี้ เนื่องจากหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังโทรศัพท์คุยกับลูกว่าจะไปทำบุญที่สภากาชาดไทย สอดคล้องกับการให้ปากคำของ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) สภากาชาดไทย ที่เห็นผู้ตายนำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวิช ทะเบียน ษศ 5553 กรุงเทพมหานคร มาจอดไว้ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา และมีอาการเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งมาพบอีกครั้งในสภาพที่กลายเป็นศพ

ญาติผู้เสียชีวิตให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ตายมักจะเครียดเนื่องจากโรคประจำตัว คือได้ยินเสียงแว่วในหูตลอดเวลา โดยรักษามานานถึง 2 ปีแต่อาการไม่ดีขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

ด้าน นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า นายวิทยา เป็น 1 ในบุคคลที่ดีเอสไอเตรียมเรียกมาให้การในฐานะเป็นพยานในคดีที่บริษัท เอสซีแอสเซท ถูกกล่าวโทษว่าเป็นนอมินี จากการปกปิดบัญชีผู้ถือหุ้น ขณะนี้นายวิทยา ยังไม่เข้าให้การจึงยังไม่อาจระบุว่าเป็นพยานปากสำคัญเพียงใด ต้องรอให้ตำรวจสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิต

มีรายงานข่าวว่า การสอบสวนคดีที่บริษัทเอสซีแอสเซท ถูกกล่าวโทษว่าเป็นนอมินีมีพยานปากสำคัญ 2 ปาก นายวิทยา เป็น 1 ในพยานปากสำคัญ แต่ก็มาเสียชีวิตก่อนที่จะมาให้ปากคำ ดีเอสไออยู่ระหว่างออกหมายเรียกให้มาให้ปากคำ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2007, 00:13 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #1 เมื่อ: 05-05-2007, 00:03 »

ลิงค์บอร์ดบริหารของเอสซีแอสเซทครับ .. ไม่ update แต่ก็ใช้ดูประกอบได้

http://www.scasset.com/thai/corp/commitee.asp
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #2 เมื่อ: 05-05-2007, 00:10 »

ที่ว่ามีเสียงแว่วในหู น่าจะเกี่ยวกับที่เคยไปโพสถามที่เว็บโรงพยาบาลพระรามเก้า เมื่อ 23 กันยายน 2548

http://72.14.235.104/search?q=cache:4KDoanJkDi4J:www.praram9.com/clinic/clinic_qlist.asp%3Fcategoryid%3D15%26PagePos%3D6+%22%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2+%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%22&hl=th&ct=clnk&cd=1&gl=th

ตัวกระทู้เปิดดูไม่ได้แล้วครับ มีแต่หัวข้อเท่านั้นที่พอเป็นหลักฐาน

...

เรื่องนี้ถ้าบังเอิญเสียชีวิตเอง ก็น่าเสียดายนะครับ น่าจะมีข้อมูลบางส่วนที่สูญหายตามตัวไปด้วย
ผมคิดว่าน่าจะเสียชีวิตเองเพราะถ้าจะอุ้มก็น่าจะทำได้ไร้ร่องรอยไม่ปล่อยให้เจอศพง่ายๆ แบบนี้

อย่างไรก็ตามคงต้องรอฟังข่าวความคืบหน้ากันอีกทีนะครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #3 เมื่อ: 05-05-2007, 00:31 »

ได้ข้อมูลมาเพิ่มเติมแล้วครับ ข่าวจากมติชนมีรายละเอียดมากกว่าไทยรัฐพอสมควรครับ

http://www.matichon.co.th/breaking-news/breaking-news.php?nid=20070504-173128
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้บริหารบริษัทเครือชินคอร์ป ตายปริศนา ที่สภากาชาดไทย วันที่ 04 พ.ค. 2550

วันนี้ (4 พ.ค.) พ.ต.ต.ณพงศ์ กปิตถัย พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.ปทุมวัน รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตภายในศูนย์บริการโลหิตสภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังค์ แขวงและเขตปทุมวัน กทม. รุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจาก ร.พ.ตำรวจ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นจุดพักขยะด้านหลัง เจ้าหน้าที่พบศพนายวิทยา ภาณุมาภรณ์ อายุ 48 ปี อยู่ที่ 4 หมู่ที่ 2 ซอยจอมทอง 3 แขวงและเขตจอมทอง กทม. ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบภายบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด สภาพศพนอนคว่ำหน้าอยู่ริมกำแพง สวมเสื้อยืดสีขาว ทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเขียวขี้ม้าลายทางสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน สวมรองเท้าหนังสีดำ ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด เบื้องต้นแพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1-2 วัน 

นอกจากนี้ ตรวจสอบภายในตัวผู้ตายพบ สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ แหวนเพชร 1 วง นาฬิกาข้อมือยี่ห้อไซโก้ 1 เรือน เช็คเงินสดธนาคารกรุงเทพจำนวนเงิน 1 แสนบาท 1 ใบ แว่นตา 1 อัน ตลับยา 1 อัน  ร่มสีน้ำตาล 1 คัน  ผ้าเช็ดหน้า 1 ผืน เงินสด 50 บาท จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.ท.นพ.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา แพทย์นิติเวช กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพศพผู้ตายพบเพียงบริเวณใบหน้าบวมช้ำแต่อาจจะเป็นบาดแผลที่เกิดหลังเสียชีวิต ส่วนตามร่างกายไม่พบบาดแผลถูกทำร้ายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จะต้องส่งศพไปชันสูตรถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่สถาบันนิติเวชอีกครั้ง

จากการสอบสวนทราบว่าเมื่อวันที่  3 พฤษภาคม  นางภัทรวรรณ ภาณุมาภรณ์ อายุ 42 ปี ภรรยาผู้ตายเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน ว่า ผู้ตายหายตัวไปตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 2 พ.ค.โดยผู้ตายทำงานอยู่ที่อาคารชินวัตร 3 และก่อนเกิดเหตุผู้ตายไปทำงานตามปกติ จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น.ผู้ตายโทรกลับมาบอกลูกว่า จะกลับมากินข้าวที่บ้าน แต่จะแวะไปทำบุญที่สภากาชาดไทยก่อน จากนั้นก็หายตัวไปเลย ต่อมาญาติได้ไปตรวจสอบก็พบรถยนต์โตโยต้า วิช สี บรอนซ์เงิน ทะเบียน ษย-5553 กทม.ของผู้ตายจอดอยู่ในลานจอดรถของที่เกิดเหตุ ภายในรถมีกระเป๋าสตางค์ กับโทรศัพท์มือถืออยู่ในรถ แต่ไม่พบผู้ตายแต่อย่างใด โดยผู้ตายมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับได้ยินเสียงแว่วในหูอยู่ประจำ และรักษามาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว

ต่อมามีญาติผู้ตายประมาณ 10 คน เดินทางมาดูศพผู้ตายที่เกิดเหตุ ซึ่งทั้งหมดออยู่ในอาการโศกเศร้าร่ำไห้ โดยนางภัทรวรรณ ภาณุมาภรณ์ ภรรยาผู้ตาย กล่าวว่า ตนเองยังติดใจในสาเหตุการตายของสามีอยู่ เพราะอาจจะถูกทำร้ายก็เป็นได้ อีกทั้งจุดที่พบศพของสามี และจุดที่พบรถจอดนั้นอยู่ห่างกันถึง 200-300 เมตร ซึ่งสามีตนก็ไม่น่าจะไปทำอะไรในจุดเกิดเหตุเพราะเป็นที่เปลี่ยวและมืด แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ตนเองมาเอะใจเมื่อวันจัทร์ที่ผ่านมา เพราะสามีได้เดินเข้ามากอด แล้วพูดจาเหมือนปรับทุกข์กับตนว่า ต่อไปนี้ตนต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวในการเลี้ยงลูก 

นางภัทรวรรณ กล่าวต่อว่า ปกติแล้วสามีเป็นคนดีมาก ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เลิกงานก็จะกลับบ้านตรงเวลาตลอด ส่วนเรื่องอาการป่วยของสามีนั้นเป็นมา 2 ปี แล้ว โดยสามีมักจะมีอาการหูแว่วได้ยินเสียงวี๊ดในหูตลอดเวลา รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ซึ่งตอนหลังมีเพื่อนมาแนะนำให้สามีลองรักษาด้วยวิธีการฉีดสเตมเซลล์ โดยลองฉีดมาแล้ว 3 ครั้ง ทุกครั้งก็จะจ่ายให้แพทย์ประมาณ 1 แสนบาท ซึ่งเช็คเงินสดจำนวน 1 แสนบาทที่พบในตัวสามีนั้น ก็เป็นเงินที่จะเตรียมไว้จ่ายให้แพทย์

ต่อมา พ.ต.ท.อาคม จันทนลาช รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเชิญตัวนายยุรนันท์ คำไหล อายุ 20 ปี รปภ.ของสถานเสาวภา ซึ่งอยู่ติดกับที่เกิดเหตุ และเป็นผู้พบผู้ตายในวันที่ 2 พ.ค.มาสอบปากคำที่สน.ปทุมวัน โดยเบื้องต้น ให้การว่า ในวันที่ 2 พ.ค.ผ่านมา ขณะที่เข้าเวรอยู่ประมาณ 18.00 น. ก็มีคนมาบอกตนว่า มีคนเข้าไปยุ่งกับกรงงู ตนจึงรีบไปดูก็พบผู้ตายกำลังใช้ไม้แหย่เข้าไปในกรงงูที่ปิดแล้ว จึงเข้าไปห้าม พร้อมกับถามผู้ตายว่าเข้ามาทำอะไร โดยผู้ตายบอกว่า เข้ามารอญาติ

นายยุรนันท์ กล่าวต่อว่า ตนจึงบอกผู้ตายว่า มารอญาติตรงนี้ไม่ได้ ผู้ตายจึงถามหาทางไปห้องน้ำ ตนจึงเดินพาไป เมื่อผู้ตายเข้าห้องน้ำเสร็จ ก็ออกมาถามตนว่า จุดบริจาคเลือดของสภากาชาดไทยไปทางไหน เมื่อตนบอกทางไปผู้ตายก็เดินจากไปทันที จนกระทั่งวานนี้ (3 พ.ค.) ได้มีญาติผู้ตายนำรูปของผู้ตายมาถามหาตนจึงบอกไปว่าพบผู้ตายในวันที่ 2 พ.ค.เท่านั้น

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #4 เมื่อ: 05-05-2007, 00:48 »

อันนี้ข่าวจากคมชัดลึกครับ มีเนื้อหารายละเอียดต่างจากมติชนนิดหน่อย

http://www.komchadluek.net/2007/05/04/a001_113433.php?news_id=113433
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
(ก้อนหิน) ละเมอ
Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,041



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 05-05-2007, 09:33 »

ก็ต้องตรวจตามหลักนิติเวชอ่ะครับ ...
บันทึกการเข้า

aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #6 เมื่อ: 05-05-2007, 09:41 »

พาดหัวจากเว็บไซต์ของผู้จัดการ

“ผอ.เอสซี แอสเสท” ตายปริศนา-ญาติสงสัยฆาตกรรม!

http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9500000051332

และดูความแตกต่าง...การพาดหัวของไทยรัฐ

ฆ่าตัวพิสดาร ให้งูเห่าฉกตาย รอผ่าหาสาเหตุ

http://thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=45932
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2007, 09:46 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #7 เมื่อ: 05-05-2007, 09:52 »

นึกถึงเรื่อง ชิปปิ้งหมู
บันทึกการเข้า
มีคณา
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 463



« ตอบ #8 เมื่อ: 05-05-2007, 10:32 »

เรื่องนี้ผ่านตาไปได้ยังไงก็ไม่รู้ ขอบคุณคุณจีค่ะ ไม่ว่าจะเสียชีวิตอย่างไรก็น่าสงสารและน่าเสียดายมากค่ะ แถมยังคลุมเครืออีกต่างหาก แค่การที่ครอบครัวบอกว่าว่าเครียดจัดจนเบลอมามา 2 ปีแล้ว ก็ทำให้มองเห็นภาพบางอย่างเหมือนกันนะคะ

หวังว่าคนบางคน บางพวกคงไม่ได้ก่อบาปให้ตัวเอง เพิ่มขึ้นไปอีกนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2007, 12:32 โดย มีคณา » บันทึกการเข้า
คนเจียงใหม่
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 297


« ตอบ #9 เมื่อ: 05-05-2007, 12:05 »

 Coolถ้าเป็นการฆ่าตัดตอนจริง
นับว่า ตระกูลชิน โครตโหด***มมากๆ
ขนาดคนที่เคยทำประโยชน์ให้แท้ๆ
ยังทำได้ลงคอ

ขอให้ดวงวิณญานไปสู่ที่ชอบๆเถิด
บันทึกการเข้า
kman
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 102


« ตอบ #10 เมื่อ: 05-05-2007, 12:18 »

เข้ามาเก็บเกียวประวัติศาสตร์
บันทึกการเข้า
ไทมุง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,543



« ตอบ #11 เมื่อ: 05-05-2007, 14:27 »


ขอให้ผู้เสียชีวิตไปสู่สุขติ ตรวจสอบทางนิติเวชคงหาสาเหตุได้ไม่ยากนัก
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #12 เมื่อ: 05-05-2007, 14:29 »

เพิ่มเติมข้อมูลให้นะครับ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับกรณีบริษัทวินมาร์คที่ กลต. เข้าสอบสวนตั้งแต่ประมาณ กพ. 49
หลังเหตุการณ์ขายหุ้นชินคอร์ป และมีการขุดคุ้ยเรื่องแอมเพิลริช  แต่การสอบสวนไม่มีความคืบหน้าใดๆ
จนตอนนี้คดีมาอยู่กับดีเอสไอ และมีการเรียกตัวพยานรายนี้มาให้ปากคำครับ

ต่อไปเป็นข่าวจากมติชน เมื่อปลายเดือนเมษายน 2550 นี้ครับ

http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2007q2/2007april24p6.htm
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แกะรอย "วินมาร์ค-ชินวัตร" โอนหุ้นพิสดาร ถึงคดีเอสซี แอสเสท
เศรษฐ์ สันติ  มติชนรายวัน  วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10636

หลังจากที่ใช้เวลาการสอบสวนนานประมาณ 1 ปี ในที่สุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งข้อมูลเรื่องบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถูกกล่าวหาว่าปกปิดข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้น ในแบบการแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์เมื่อปี 2546 (ไฟลิ่ง) ให้แก่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นความลับสุดยอด ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับไว้เป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550

ต่อมาดีเอสไอนำมติการรับคดีดังกล่าวไว้ดำเนินการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 ว่า

"กรณีบริษัทนิติบุคคลแห่งหนึ่งปกปิดข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของปี 2546 และผู้ถือหุ้นใหญ่มิได้รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นตามกฎหมาย โดยให้นิติบุคคลต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นอำพราง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535"


ที่มั่นสุดท้ายของ"ชินวัตร"

บริษัท เอสซี แอทเสทฯเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บริษัทสุดท้ายที่ครอบครัวชินวัตร-ดามาพงศ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่กว่าร้อยละ 65 (ดูรายละเอียดในตาราง 1) หลังจากที่ครอบครัวนี้ขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่า 73,300 ล้านบาท ให้แก่บริษัท เทมาเส็กโฮลดิ้ง ของสิงคโปร์เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549

สำหรับข้อกล่าวหาว่า บริษัท เอสซี แอสเสทฯมีอยู่ด้วยกัน 2 ข้อหาคือ 1.ปกปิดข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นในการยื่นไฟลิ่ง และ 2.ผู้ถือหุ้นใหญ่มิได้รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นตามกฎหมาย โดยให้นิติบุคคลต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นอำพราง

ทั้ง 2 ข้อหาดังกล่าวเป็นผลที่เกี่ยวเนื่องจากการที่บริษัทเอสซี แอสเสทฯยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2546 โดยแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างผู้ถือหุ้นว่า ครอบครัวชินวัตรเป็นถือหุ้นใหญ่รวมกัน 60.82% ประกอบด้วย น.ส.พิณทองทาถือหุ้นอยู่ 92.99 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.97% น.ส.แพทองธารถือหุ้น 92.99 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.97% คุณหญิงพจมานถือหุ้น 9.25 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.88%

ขณะที่กองทุนส่วนบุคคลที่จัดตั้งในประเทศมาเลเซีย 2 กองทุนถือหุ้นรวมกันร้อยละ 19.05 คือ โอเวอร์ซี โกรว์ธ ฟันด์ ถืออยู่ 31.78 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.9% และออฟชอร์ ไดนามิค ฟันด์ ถืออยู่ 29.385 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.15% (ดูรายละเอียดในตารางที่ 2)



แต่จากข้อมูลเบื้องต้นเชื่อว่าทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวน่าจะเป็นผู้ถือหุ้นแทน (นอมินี)ของครอบครัวชินวัตรซึ่งเท่ากับว่า บริษัท เอสซี แอสเสทฯปกปิดข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้น เพราะถ้ากองทุนทั้งสองเป็นนอมินีของครอบครัวชินวัตรจริง จะทำให้ครอบครัวชินวัตรถือหุ้นอยู่ในบริษัท เอสซี แอสเสทฯถึง 79.87% (ไม่ใช่ 60.82%) มีอำนาจควบคุมบริษัทอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด


"วินมาร์คฯ"โอนหุ้นพิสดาร

ข้อมูลเบื้องต้นที่ทำให้เชื่อว่ากองทุนทั้งสองน่าจะเป็นนอมินีของครอบครัวชินวัตรเกิดจากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้โอนหุ้น 5 บริษัทที่ตนเองถืออยู่มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท ให้แก่บริษัท Win Mark Limited บนเกาะบริติช เวอร์จิ้น เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2543 ดังนี้

1.บริษัท โอเอไอ พร็อพเพอร์ตี้ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด และแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนในวันที่ 23 สิงหาคม ก่อนนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) โอนให้ จำนวน 55,079,999 หุ้น

2.บริษัท เอสซี ออฟฟิซ ปาร์ค 59,999,998 หุ้น

3.บริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์ 12,240,000 หุ้น

4.บริษัท พี.ที. คอร์ปอเรชั่น 29,990,000 หุ้น

5.บริษัท เอสซีเค เอสเทต 5,549,980 หุ้น

พ.ต.ท.ทักษิณอ้างในขณะนั้นว่า "เป็นการขายหุ้นให้แก่นักลงทุนต่างประเทศธรรมดา ไม่มีอะไรพิสดาร ขายไป 500-600 ล้านบาท หรือ 700-800 ล้านบาท จำนวนเท่าไหร่ จำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้"

ขณะที่นายสุรเธียร จักรธรานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอสซี แอสเสทฯ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ติดต่อกับนักลงทุนหลายราย อาทิ อังกฤษ ยุโรป สิงคโปร์ รวมทั้งกลุ่มของบริษัท วินมาร์คฯ ซึ่งธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งหนึ่งของสิงคโปร์เป็นผู้แนะนำมา จากนั้นกลุ่มนักลงทุนเหล่านี้ได้เจรจากับตนในรายละเอียดโดยเฉพาะบริษัท วินมาร์คฯ สัมภาษณ์ตนถึง 2-3 ครั้ง จึงตกลงเงื่อนไขในการซื้อหุ้นของบริษัท โอเอไอ พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารชิน 3 ริมถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาทแล้ว ทั้งนี้ ทางบริษัท วินมาร์คฯ ได้จ่ายเงินเป็นเงินบาทประมาณ 900 ล้านบาท ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมแล้ว ("ประชาชาติธุรกิจ" ฉบับวันที่ 14 กันยายน 2543 )

อย่างไรก็ตาม ต่อมา บริษัท วินมาร์คฯ ได้โอนหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสทฯจำนวน 61,165,144 หุ้น มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท ให้แก่กองทุนแวลู แอสเสทส์ ฟันด์ (Value Assets Funds Ltd.) ประเทศมาเลเซีย (เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2546)ก่อนที่จะแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2546 จากนั้นอีก 5 วันคือวันที่ 28 สิงหาคม 2546 แวลู แอสเสทส์ ฟันด์ได้โอนหุ้นที่ตนเองถืออยู่ทั้งหมดให้แก่โอเวอร์ซี โกรว์ธ ฟันด์ และออฟชอร์ ไดนามิค ฟันด์ ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งในประเทศมาเลเซียเช่นเดียวกัน

เป็นการโอนหุ้นมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ก่อนยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต.เพียง 7 วัน (ยื่นไฟลิ่งเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2546) (ขณะที่หุ้นอีก 4 บริษัทที่เหลือ มูลค่าประมาณ 468 ล้านบาท บริษัท วินมาร์คฯได้โอนหุ้นคืนให้แก่ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ในปี 2547 ได้แก่ บริษัท เอสซี ออฟฟิซ ปาร์ค, บริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์, บริษัท พีที คอร์ปอเรชั่น และบริษัท เอสซีเค เอสเทต)


"วินมาร์คฯ"คู่แฝด"แอมเพิลริชฯ"

ประเด็นที่น่าสงสัยอย่างสำคัญเกี่ยวกับธุรกรรมที่ซับซ้อนดังกล่าวคือ

หนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณปฏิเสธว่า บริษัท วินมาร์คฯไม่ใช่ของตนเอง แต่บริษัท วินมาร์คฯกับจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโดยใช้ที่อยู่เดียวกับบริษัท แอมเพิลริช อินเวสต์เมนท์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จัดตั้งขึ้นเพื่อถือหุ้นชินคอร์ปคือ พี.โอ.3151 โรด ทาวน์ ทอร์โทลา บนเกาะบริติช เวอร์จิ้น

สอง พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า บริษัท วินมาร์คฯเข้าซื้อหุ้น 5 บริษัทของตนเองเพื่อต้องการผลประโยชน์จากการนำบริษัทดังกล่าว เข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่วินมาร์คฯกลับขายหุ้นทิ้งก่อนนำบริษัท เอสซี แอสเสทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพียง 3 สัปดาห์

สาม กองทุนแวลูแอสเสทฟันด์ฯซึ่งรับโอนยหุ้นมาจากบริษัทวินมาร์คฯกว่า 61 ล้านหุ้นหรือประมาณ 33% ของทุนจดทะเบียนสละสิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุน 23.43 ล้านหุ้นให้แก่ น.ส.พิณทองทา และ น.ส.แพทองธาร บุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เสียประโยชน์จากส่วนต่างราคาหุ้นที่จัดจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไปถึงราคาหุ้นละ 5 บาท หรือกว่า 117 ล้านบาท (บันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2546)

ก่อนที่กองทุนแวลูแอสเสทฟันด์จะโอนหุ้นจำนวนดังกล่าวให้แก่ 2 กองทุนซึ่งมีสถานที่ตั้งเดียวกับกองทุนแวลู แอสเสทฟันด์บนเกาะลาบวน สวรรค์ของนักเลี่ยงภาษีของประเทศมาเลเซีย

สี่ กรณีทีบริษัท วินมาร์คฯโอนหุ้น 4 บริษัทคืนให้แก่ น.ส.พิณทองทา มูลค่า 468 ล้านบาท มีการชำระเงินคืนให้แก่บริษัทวินมาร์คฯหรือไม่

ด้วยข้อน่าสงสัยอย่างสำคัญดังกล่าวทำให้สำนักงาน ก.ล.ต.เข้าสอบสวนเรื่องนี้ตั้งแต่ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2549 แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ พอที่จะแถลงต่อสาธารณะได้ จึงส่งเรื่องให้ดีเอสไอดำเนินการสอบสวนต่อ

ถ้าผลสอบสวนออกมาว่ากองทุนทั้งสองและบริษัทวินมาร์คฯเป็น "นอมินี" ของครอบครัวชินวัตรและ พ.ต.ท.ทักษิณจริง ไม่เพียงแต่จะกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์เท่านั้น แต่เข้าข่ายความผิดกฎหมายอื่นอีกหลายฉบับ

แต่ที่สำคัญคือ อาจทำให้สาธารณชนเชื่อว่าครอบครัวชินวัตรมีทรัพย์สินที่ซุกซ่อนอยู่ในต่างประเทศจำนวนมหาศาล?

กองทุนทั้งสองเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #13 เมื่อ: 05-05-2007, 14:35 »

พาดหัวจากเว็บไซต์ของผู้จัดการ

“ผอ.เอสซี แอสเสท” ตายปริศนา-ญาติสงสัยฆาตกรรม!

http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9500000051332

และดูความแตกต่าง...การพาดหัวของไทยรัฐ

ฆ่าตัวพิสดาร ให้งูเห่าฉกตาย รอผ่าหาสาเหตุ

http://thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=45932


เนื้อข่าวของ คมชัดลึก เค้าบอกว่าญาติไม่ติดใจเรื่องการเสียชีวิตด้วยครับคุณเม่ย
ว่ากันไปคนละทาง ตามสไตล์และเป้าหมายของสื่อแต่ละรายนะครับ

งานนี้เราก็รอดูผลทางนิติวิทยาศาสตร์ล่ะครับ

แต่น่าเสียดายผลต่อรูปคดีจริงๆ เพราะงานนี้ผมว่ามีแนวโน้มจะซุกหุ้นจริงมากทีเดียว
ยิ่งพฤติกรรมของคุณทักษิณที่ผ่านมา พยายามหลีกเลี่ยงการตอบคำถามเรื่องวินมาร์ค
มาโดยตลอด เรื่องอื่นๆ ยังตอบบ้างแต่เรื่องนี้ "เดินหนี" เลยล่ะครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
buntoshi
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,348



« ตอบ #14 เมื่อ: 05-05-2007, 14:41 »

นี่หรือเมืองพุทธ

ขอไว้อาลัยให้ผู้ตายครับ

และก็ขอให้ ความจริงสามารถปรากฎออกมาได้แบบจริง จริงๆ
บันทึกการเข้า


เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น....  ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
---------------------------
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #15 เมื่อ: 05-05-2007, 15:19 »

เรื่องวินมาร์คนี้มีการวิเคราะห์ต่อเนื่องไปในประเด็นที่ว่าถ้าเป็นบริษัทนอมินีจริง
เงินที่จ่ายให้ทักษิณเป็นค่าหุ้น 5 บริษัท 900 ล้าน ก่อนการเลือกตั้ง ปี 44
(น่าจะเอามาใช้หาเสียงในตอนนั้น) เป็นเงินของใคร และมาจากไหน

ถ้าวินมาร์คเป็นนอมินีของทักษิณ และเงิน 900 ล้านเป็นเงินของทักษิณเองแล้ว
เส้นทางของเงินก็ยิ่งน่าสงสัยว่าไปมีอยู่นอกประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่

และมันเกี่ยวข้องกับกรณีเก็งกำไรจากการลดค่าเงินบาทเมื่อปี 40 หรือเปล่า
ถ้าเกี่ยวข้องกันก็ยุ่งกันใหญ่เลยล่ะครับทีนี้


คดีนี้จึงไม่ใช่คดีธรรมดาๆ ผลเสียหายร้ายแรงกว่ากรณีแอมเพิลริชมากมาย
และการตรวจสอบเส้นทางการเงินอาจโยงไปถึงเรื่องอื่นที่ยังไม่ทราบได้อีก

น่าจับตามองมากครับ และขณะเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่าคดีอาจจะล้มอีกตามเคย
เพราะพยานปากสำคัญก็มาด่วนเสียชีวิตไปเสียก่อนแล้ว 1 ราย !!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2007, 15:23 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #16 เมื่อ: 05-05-2007, 16:03 »

พล็อตหนังฮอลลีวู้ดยังต้องชิดซ้าย อ่านแล้วรู้สึกขนลุก พอจะคาดได้ว่า สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร

ขอบคุณคุณ jerasak ที่รวบรวมข้อมูลมาให้อ่านค่ะ

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูด หรือคนที่รู้ความลับ / ปริศนาดำมืด กลับต้องตายก่อนวัยอันควร 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2007, 16:08 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
aoporadio
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 404


« ตอบ #17 เมื่อ: 05-05-2007, 23:00 »

ไม่กี่วันมานี่ โดนไป สองรายแล้ว.......

ขอให้ไปสู่ สุขติ.......

ฝ้าดินไม่เข้าข้างคนผิด 

โหงวเฮ้งหน้าเหลี่ยมๆมันบอกว่าแล้วว่า ไม่ได้ตายดีแน่
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #18 เมื่อ: 05-05-2007, 23:12 »

วันนี้มีเนื้อหาข่าวเพิ่มเติมมาอีกนิดหน่อย นอกจากเรื่องการชันสูตรที่เบื้องต้นออกมาว่าหัวใจวายเสียชีวิตนะครับ

http://www.matichon.co.th/news_relate/news.php?tag950=01p0114050550&paper=mctb
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก.น.6 กล่าวว่า ตรวจร่างกายเบื้องต้นไม่พบบาดแผล แต่ต้องรอผลการผ่าศพตรวจพิสูจน์จากสถาบันนิติเวชฯยืนยันอีกครั้ง จากการสอบถามบุตรสาวผู้ตาย บอกว่าบิดาเคยปรารภ ว่าอย่าเป็นคนอ่อนแอเหมือนพ่อ พ่ออยากตายโดยให้งูที่สภากาชาดกัดตาย ส่วนสาเหตุน่าเกิดจากความเครียดเรื่องส่วนตัว ยืนยันว่าไม่น่าเกิดจากปัญหาเรื่องการเมือง

ทางด้านนายสุนัย มโนมัยอดุม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า นายวิทยา ผู้ตายเป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อพยานคดีบริษัทเอสซีฯ ปกปิดข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะเรียกมาสอบปากคำ นายวิทยาเป็นบุคคลที่มีข้อมูลสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับบริษัทและร่วมประชุมหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุทางดีเอสไอจำเป็นต้องหาพยานบุคคลรายอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติ่ม สำหรับพยานบุคคลรายอื่น ดีเอสไอยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการคุ้มครองพยาน

รายงานข่าวแจ้งว่า นายวิทยาเป็นพยานปากสำคัญที่ดีเอสไอเตรียมเข้าไปสอบปากคำขยายผลในคดี เพราะมีข้อมูลการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นวินมาร์ค และธุรกิจทุกอย่างของบริษัท ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนได้ประสานขอข้อมูลบางอย่างกับนายวิทยา จากนั้นจะไปสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องยังต่างประเทศอีกหลายแห่ง

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #19 เมื่อ: 05-05-2007, 23:19 »

ในเบื้องต้นสาเหตุการเสียชีวิตคือหัวใจวายนะครับ ต้องรอผลตรวจอื่นๆ อีก 2 สัปดาห์

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แพทย์เผย “ผอ.เอสซี แอสเสท” หัวใจวายตาย รอตรวจสารพิษอีก 2 สัปดาห์
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤษภาคม 2550 15:18 น.
 
แพทย์ระบุผอ.ฝ่ายตรวจสอบภายในบริษัท เอสซี แอสเสท เครือชินคอร์ป ที่ตายปริศนาในจุดพักขยะในสภากาชาดไทย เนื่องจากหัวใจวายเฉียบพลัน รอผลตรวจสารพิษในร่างอีก 2-3 สัปดาห์ว่ามีหรือไม่ ด้านญาติเดินทางรับศพ ด้วยความโศกเศร้าไม่ขอตอบคำถามห่วงกระทบลูก
       
       วันนี้ (5 พ.ค.) เมื่อเวลา10.30 น. ที่สถาบันนิติเวช ร.พ.ตำรวจ นางภัทรวรรณ ภาณุมาภรณ์ อายุ 42 ปี ภรรยาพร้อมลูกและญาติประมาณ 10 คน ของนายวิทยา ภาณุมาภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบภายในบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัดบริษัทในเครือบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งนอนเสียชีวิตปริศนาอยู่ภายในจุดพักขยะด้านหลังศูนย์บริการโลหิตสภากาชาดไทย เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางมารับศพนายวิทยาเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศล
       
       บรรยากาศของครอบครัวภาณุมาภรณ์เป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีเพียงนางภัทรวรรณ ที่กล่าวเพียงสั้นๆว่า ไม่ขอพูดอะไรอีก เพราะครอบครัวได้รับความบอบช้ำมามากแล้วจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนทำให้มีผลกระทบกับลูกๆที่อยู่ในวัยเรียนด้วย
       
       จากนั้นญาติได้นำเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงขาวยาวสีดำ และเสื้อสูท มาให้เจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลมาใส่ให้กับผู้ตาย ก่อนที่เวลา 12.00 น.เจ้าหน้าที่จะเคลื่อนศพนายวิทยาไปเพ็ญกุศลที่วัดสุวรรณ ย่านคลองสานต่อไป
       
       ด้าน พ.ต.ท.นพ.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา นายแพทย์ (สบ.2) โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพศพผู้ตายพบว่า ผู้ตายเสียชีวิตจากสาเหตุสภาวะหายใจโลหิตไหลเวียนล้มเหลว ซึ่งอาจจะเกิดจากหัวใจวายเฉียบพลันหรือหอบหืดอย่างรุนแรงก็เป็นได้ ทั้งนี้จากการตรวจสอบตามร่างกายทั้งภายนอก ภายใน ศีรษะ ลำคอ ช่วงอกและช่องท้องก็ไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้ายแต่อย่างใด
       
       พ.ต.ท.นพ.วิรุฬห์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ผู้ตายจะเสียชีวิตจากการถูกงูกัดตามที่เป็นข่าวนั้น จากการตรวจสอบก็ไม่พบบาดแผลที่เกิดจากเขี้ยวงูแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจะนำของเหลวในกระเพาะอาหารของผู้ตาย และน้ำดี ส่งให้แผนกพิษวิทยา ของสถาบันนิติเวชตรวจสอบว่ามีสารพิษอยู่ในร่างกายบ้างหรือไม่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์จึงจะทราบผล

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #20 เมื่อ: 05-05-2007, 23:23 »

หวังว่าคงเป็นแค่สาเหตุส่วนตัว หรือ อุปัทวเหตุ
ไม่ลึกลับซับซ้อน เหมือนนิยาย อกาธา คริสตี้ นะครับ
เสียวจัง ประเทศไทย
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
Me.
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 153


« ตอบ #21 เมื่อ: 06-05-2007, 03:35 »

RIP ครับ
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #22 เมื่อ: 10-05-2007, 22:18 »

ระหว่างรอผลการชันสูตรไปเจอข่าวเก่าของมติชนอีกชิ้นก็เลยเอามาให้อ่านไปพลางๆ นะครับ

http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2006q1/2006february20p7.htm
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

คำถาม-ข้อสงสัย การโอนหุ้น 1,500 ล้าน บริษัทวินมาร์ค ลิมิเต็ด
มติชนรายวัน วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10208

การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้โอนหุ้นบริษัท 5 บริษัทที่ถือในชื่อของตนเองมูลค่าเกือบ 1,500 ล้านบาท
หรือประมาณ 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่บริษัท วินมาร์ค ลิมิเต็ด บนเกาะบริติช เวอร์จิ้น เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2543 ก่อนที่
บริษัทดังกล่าวจะโอนหุ้น 4 บริษัท มูลค่าประมาณ 468 ล้านบาท กลับมาให้แก่ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2547

ขณะที่หุ้นของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น มูลค่า 600 ล้านบาท บริษัท วินมาร์คได้โอนให้แก่แวลู แอสเสทส์ฟันด์
ในมาเลเซียนั้น ทำให้เกิดคำถามและข้อสงสัยหลายประการดังนี้

1.ลักษณะการโอนหุ้นบริษัททั้ง 5 ไปให้บริษัท วินมาร์คถือไว้นาน 4 ปีแล้วจึงโอนกลับมาให้ น.ส.พิณทองทา (แม้จะมีส่วนหนึ่ง
โอนให้ไปให้กองทุนในมาเลเซีย) มีรูปแบบธุรกรรมคล้ายการโอนหุ้นชินคอร์ปให้แก่บริษัท แอมเพิล ริช ก่อนจะโอนหุ้นชินคอร์ป
กลับให้นายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทา

คำถามคือ บริษัท วินมาร์คขายหุ้นให้แก่บุตรของ พ.ต.ท.ทักษิณในราคาพาร์เท่ากับที่ซื้อไปหรือไม่ ถ้าใช่เท่ากับบริษัท วินมาร์ค
ขาดทุนกว่า 400 ล้านบาท เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา 3 ใน 5 บริษัทมีการลดทุน ทำให้จำนวนหุ้นในมือบริษัท วินมาร์คลดลง

การขาดทุนจำนวนมากเช่นนี้บริษัท วินมาร์คยอมรับได้หรือไม่

2.พ.ต.ท.ทักษิณและพวกอ้างว่าการโอนหุ้นบริษัททั้ง 5 ให้บริษัท วินมาร์ค เป็นการซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ มีการจ่ายเงินกันแล้ว
และส่งผลดีทำให้เงินดอลลาร์เข้าประเทศ ประเด็น คือ มีการโอนเงิน 37 ล้านดอลลาร์เข้าประเทศกันจริงหรือไม่

และต่อมาบริษัท วินมาร์คได้โอนหุ้นบริษัท 4 แห่งคืนให้ น.ส.พิณทองทากว่า 46.8 ล้านหุ้น มูลค่าประมาณ 468 ล้านบาท หรือกว่า
11 ล้านดอลาร์ คำถามคือ น.ส.พิณทองทาได้จ่ายเงินให้แก่บริษัท วินมาร์คจริงหรือไม่

ถ้าจ่ายกันเงินกันจริง บริษัท วินมาร์คซึ่งเป็นนักลงทุนต่างชาติได้นำเงินกว่า 11 ล้านดอลลาร์ออกนอกประเทศหรือไม่
ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบถึงธุรกรรมการนำเงินเข้า-ออกทั้งสองกรณีหรือไม่

3.แวลู แอสเสทส์ฟันด์ ประเทศมาเลเซียซึ่งรับโอนหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสทฯ มาจากบริษัท วินมาร์คกว่า 61 ล้านหุ้น
มูลค่ากว่า 600 ล้านบาทนั้น

มีคำถามว่า แวลู แอสเสทส์ฟันด์ ใครเป็นผู้จัดตั้งขึ้น มีความเกี่ยวพันกับครอบครัวชินวัตรอย่างไร ซื้อหุ้นบริษัท แอสซี เอสเสท
ในราคาเท่าไหร่ ทำธุรกรรมกันที่ไหน

4.จากรูปแบบธุรกรรมการซื้อขายหุ้นคล้ายกับแอมเพิลริช ทำให้มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า บริษัท วินมาร์คอาจไม่ใช่ของใครอื่น
หรือนักลงทุนต่างชาติ แต่เป็นของบุคคลใกล้ชิดครอบครัวชินวัตร ถ้าสมมติฐานนี้เป็นจริง การซื้อขายหุ้นผ่านบริษัท วินมาร์ค
ก็อาจไม่มีการจ่ายเงินกันจริง เช่นเดียวกับกรณีแอมเพิล ริช ซื้อขายหุ้นชินคอร์ป

คำตอบของคำถามทั้งหมดนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้นที่จะให้ความกระจ่างต่อสาธารณชน


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

รู้สึกว่าจนถึงป่านนี้ พตท.ทักษิณก็ยังไม่ให้ความกระจ่างต่อสาธารณชน สักข้อเลยนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2007, 22:21 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #23 เมื่อ: 10-05-2007, 22:19 »

มีคนทำแผนผังสำหรับดูประกอบข้อมูลมาให้ด้วยครับ

บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #24 เมื่อ: 02-06-2007, 12:10 »

เข้ามาเตือนความจำครับนี่ก็ผ่านไป 3 อาทิตย์แล้วมีใครเห็นข่าวคืบหน้าบ้าง
ตอนนั้นเห็นบอกว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบทางนิติเวชประมาณ 2-3 สัปดาห์
นี่ก็ผ่านไป 3 อาทิตย์แล้ว หรือตกลงว่าจะเงียบไปเฉยๆ

ปล. ระหว่างที่รอผลทางนิติเวชผมก็ไปพบด้วยว่า ผอ. ที่เสียชีวิตมีศักดิ์เป็น
      หลานชายของนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คนสนิทของอดีตนายกฯ ทักษิณ
      ที่เคยนั่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการอยู่ที่เอสซีแอสเซทมาก่อน ก็นำมา
      เพิ่มเติมให้เป็นข้อมูลของผู้ที่ยังไม่รู้แล้วกันนะครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
หน้า: [1]
    กระโดดไป: