"ทักษิณ-บริษัทยา" ลอบบี้ยิสต์เดียวกัน
เอ็นจีโอปูด-บี้ไทยหนัก นพ.มงคลสู้สิทธิบัตรต่อ
เอ็นจีโอแฉ บ.ยาต่างชาติใช้ล็อบบี้ยิสต์เดียวกับ"แม้ว" ปล่อยข่าวเล่นงานไทยจนสหรัฐลดสถานะการค้าไทยลง "นพ.มงคล"ลั่นเดินหน้า"ซีแอล"หลังเครือข่ายเอดส์ยกพลให้กำลังใจ ยันนายกฯรับรู้และเห็นด้วย พาณิชย์ยันไทยมีสิทธิตามกฎดับเบิลยูทีโอ ใช้เป็นเหตุเล่นงานไทยไม่ได้ เตรียมผนึกเอกชนตอบโต้
จากกรณีที่ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) ได้ปรับเปลี่ยนสถานะของไทย จากประเทศที่ต้องจับตา (Watch List หรือดับเบิลยูแอล) ไปอยู่ในหมวดประเทศที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (Priority Watch List หรือพีดับเบิลยูแอล) โดยอ้างว่าสหรัฐมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปกป้องด้านทรัพย์สินทางปัญญา ของไทย โดยเฉพาะกรณีที่รัฐบาลประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา (Compulsory Licensing หรือซีแอล) นั้น
@ แฉบ.ยาใช้ล็อบบี้ยิสต์เดียวกับแม้ว
เมื่อ วันที่ 2 พฤษภาคม ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องดังกล่าวมีการพูดคุยกันว่าผลที่ออกมาในลักษณะเช่นนี้มีเหตุมาจากอะไร และคงต้องหารือ พิจารณาแนวทางที่จะดำเนินการกันต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจในอนาคต
นายนิมิตร เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบล็อบบี้ยิสต์ที่บริษัทยาต่างประเทศจ้างให้เสนอข่าวกดดัน รัฐบาลไทยนั้น พบว่าเป็นบริษัทล็อบบี้ยิสต์เดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จ้างทำโฆษณาให้กับตัวเองเพื่อตอบโต้รัฐบาลไทย
นาย นิมิตรกล่าวว่า ล็อบบี้ยิสต์รายดังกล่าว คือ ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น (USA For Innovation) ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดแคมเปญเผยแพร่การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสหรัฐ โดยทำข่าวสารที่บิดเบือนกรณีที่ไทยทำซีแอล เช่น ออกประกาศว่าไทยทำซีแอลยา 30 ตัว จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่านายเคน เอเดลแมน ซึ่งเป็นกรรมการอำนวยการของยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น เป็นที่ปรึกษาอาวุโสของบริษัทประชาสัมพันธ์เอเดลแมน บริษัทประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงสมาคมบริษัทยาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐ และบริษัทยาต่างๆ เช่น แอบบอต เมิร์ค และซาโนฟี ซึ่งเป็นสามบริษัทยาที่กระทรวงสาธารณสุขไทยประกาศบังคับใช้ซีแอล และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมายังได้ลูกค้ารายใหญ่อีกรายคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
@ โฆษกชี้กำลังสอบ"แม้ว"เอี่ยว
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายวิชัย โชควิวัฒน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม จะเดินทางไปสหรัฐ เพื่อลงนามเข้าร่วมโครงการจัดซื้อยารวมในระดับโลกกับมูลนิธิคลินตัน ในวันที่ 8 พฤษภาคม จากนั้นจะเดินทางไปยังนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อร่วมประชุมองค์การอนามัยโลก เสร็จแล้วระหว่างวันที่ 21-22 พฤษภาคม จะเดินทางกลับมายังสหรัฐ เพื่อชี้แจงการบังคับใช้ซีแอลของไทย และกรณีที่ยูเอสทีอาร์ จัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มพีดับเบิลยูแอลต่อสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดข้อกังขาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าว ถามว่า มีกระแสวิจารณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้เคลื่อนไหวในเรื่องเหล่านี้ ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังดูอยู่ว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่ คิดว่าช่วงนี้มีข่าวที่เป็นลบต่อรัฐบาลออกมาจากส่วนต่างๆ เป็นระยะ ส่วนจะเกี่ยวข้องอย่างไรกับใครคงพูดยาก ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะชี้แจงทำความเข้าใจ เนื่องจากกระแสมาจากสื่อต่างประเทศที่อยู่ห่างไกลพอสมควร ซึ่งไม่เข้าใจบรรยากาศภายในประเทศไทย จึงต้องพึ่งสื่อไทยเป็นหลักในการสะท้อนสถานการณ์ความเป็นจริงของประเทศไทย ให้เวทีโลกได้ทราบ
@ เครือข่ายเอดส์วอนอย่าล้มซีแอล
ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายวิรัตน์ ภู่ระหงษ์ ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย เปิดเผยภายหลังเข้ายื่นหนังสือให้กำลังใจ นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วย สธ. ว่าเครือข่ายและพันธมิตร เช่น ชมรมแพทย์ชนบท เครือข่ายครอบครัว ต้องการให้ สธ.เดินหน้าในเรื่องซีแอลต่อไป เพราะกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวีนั้นจะต้องใช้ยาที่ยังติดสิทธิบัตรอีกหลายตัว ซึ่งจะมีปัญหาทั้งสุขภาพร่างกาย และงบฯจัดซื้อ หากรัฐไม่จัดหายาที่มีราคาถูกให้ จึงหวังว่า สธ.จะไม่ถอดใจ เพราะประเทศไทยเป็นความหวังของประเทศทั่วโลกด้วย หากประเทศไทยล้มประเทศอื่นคงหมดหวังที่จะไปต่อรองกับสหรัฐ และในวันที่ 3 พฤษภาคม เครือข่ายและพันธมิตรจะประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยในกรณีที่ สหรัฐเลื่อนสถานะไทยอยู่ที่พีดับเบิลยูแอล
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0103030550§ionid=0101