(ที)ไอทีวี ไม่ใช่ที่ที่ใครจะมาหาประโยชน์

หลังจากมีแถลงการณ์ถึงแนวคิดในการแปลงทีไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะ ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวคิดดังกล่าวว่าเป็นการนำทีไอทีวีถอยหลังลงคลอง ผู้สนับสนุนรายการทำการยกเลิกสัญญา ทำให้ผู้ผลิตขาดรายได้ ประชาชนจะได้รับชมความหลากหลายต่างๆทางทีไอทีวีน้อยลง
ผู้ที่คัดค้านแนวคิดนี้อย่างจริงจังอีกคนหนึ่งคือคุณ ไครภพ ผู้ผลิตและพิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดัง ถึงขนาดมีการเปิดแถลงข่าวต่อต้านแนวคิดนี้ โดยให้เหตุผลต่างๆ รวมทั้งเหตุผลที่ว่าผู้ผลิตรายการต่างจะอยู่ไม่ได้ต้องประสบภาวะขาดทุนย่อยยับแน่นอน
คุณไตรภพเป็นคนหนึ่งในคณะผู้บริหารทีไอทีวีในยุคแรกซึ่งขณะนั้นก็คือไอทีวี โดยคุณไตรภพร่วมกับพันธมิตรต่างๆทำการประมูลไอทีวีโดยยื่นเงินสัมปทานถึง 23,000 ล้านบาท ทิ้งคู่แข่งอย่างเครือเดอะเนชั่นที่เสนอเงินเพียง 9,000 ล้านบาทอย่างไม่เห็นฝุ่น ผลคือกลุ่มทุนในเครือธนาคารไทยพานิชน์และพันธมิตรซึ่งรวมคุณไตรภพอยู่ด้วยได้สัมปทานไอทีวีไป อะไรที่ทางกลุ่มทุนในเครือธนาคารไทยพานิชน์และพันธมิตรกล้าที่จะทุ่มเงินขนาดนั้นเพื่อประมูลสถานีโทรทัศน์ที่จะต้องผลิตรายการที่เนื้อหามีสาระและข่าวในสัดส่วนที่สูงมากกว่ารายการด้านบันเทิงอยู่มาก ซึ่งในยุคนั้นเป็นที่รู้กันดีว่ารายการประเภทข่าวและสาระไม่มีทางเรียกเรตติ้งเพื่อทำรายได้ได้มากกว่ารายการประเภทบันเทิงอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นการเข้ามาของอกลุ่มทุนในเครือธนาคารไทยพานิชน์และพันธมิตรในครั้งนี้ย่อมหวังอะไรมากกว่าจะทำให้ไอทีวีเป็นสถานีข่าวอย่างแน่นอน นั่นอาจหมายถึงความคาดหวังในการที่จะแก้ไขสัญญาด้านสัมปทานที่ขอไว้ในเวลาต่อมาหลังชนะการประมูล ซึ่งนั่นความถึงการบิดเบือนเจตจำนงค์ในการสร้างไอทีวีขึ้นมาเพื่อช่วยเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบอำนาจรัฐ และเป็นปากเป็นเสียงให้แก่ชาวบ้านทั่วไป ไม่ใช่ให้กลุ่มทุนด้านสื่อเข้ามาหาประโยชน์ ความหวังต่างของหลายคนไม่ค่อยสมหวังนัก หลังสถานีข่าวได้รับการตอบรับที่ดีภายใต้ธงของเดอะเนชั่นและคุณสุทธิชัย คุณไตรภพและผู้ถือหุ้นบางรายตัดสินใจสละเรือหลังไม่สามารถหาประโยชน์จากไอทีวีในรูปแบบที่ถนัดได้เต็มที่
ถึงแม้สถานีข่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีแต่ก็ไม่สามารถทำให้ไอทีวีอยู่รอดได้ในโลกธุรกิจ เพราะไอทีวีต้องจ่ายสัมปทานถึง 23,000 ล้านบาท (จากการประเมินที่เอารายการบันเทิงเป็นตัวตั้ง) ไม่ใช่ 9,000 ล้านบาท (จากการที่ประเมินจากสถานีข่าวเป็นตัวตั้ง) ไอทีวีจึงต้องถูกขายให้กับบริษัททุนยักษ์ใหญ่ที่มีอำนาจทางการเมือง สามรถลดค่าสัมปทาน พร้อมทั้งแก้ผังสัดส่วนการออกอากาศของข่าว กับบันเทิงได้ ทำให้สถานีมีสัดส่วนของรายการบันเทิงมากขึ้น และก็เป็นเวลาในการกลับมาของคุณไตรภพอีกครั้ง ซึ่งการเป็นพันธมิตรระหว่างเจ้าของทุนยักษ์ใหญ่อย่างชิน คอร์ป พ.ต.ท. ทักษิณ และคุณไตรภพ เป็นอะไรที่เรียกว่าวิน-วิน คือ พ.ต.ท. ทักษิณ ต้องการสื่อไว้เป็นเครื่องทางการเมือง ส่วนคุณไตรภพก็ต้องการทำเงินจากการทำโทรทัศน์บันเทิง ไม่ได้คิดถึงเจตนารมณ์ในการตั้งไอทีวีขึ้นมา
จนวันนี้ความผิดพลาดต่างๆในการดำเนินการผิดเจตนารมณ์โดยยึดประโยชน์ส่วนตัวกำลังได้รับการแก้ไข แต่คุณไตรภพกลับร้องเรียกความเป็นธรรมผู้ผลิตรายการให้กับตัวเอง ได้มองถึงเจตนาธิปไตยในการก่อตั้งไอทีวีที่แลกมาด้วยเลือดของวีรชนพฤษภาทมิฬ ถึงเวลาแล้วที่มันควรกลับเป็นของประชาชน ไอทีวี ไม่ใช่ที่ที่ใครจะมาหาประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นทักษิณจนถึงไตรภพ