คลังดิ้นพล่านรีบศึกษาด่วน แฉร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ป่วนงบประมาณ ไทยรัฐ [30 เม.ย. 50 - 04:12]
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สำนักงาน เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังศึกษาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ... ฉบับรับฟังความคิดเห็น ในหมวด 8 ที่ว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณ จะส่งผลกระทบต่อการบริหาร และการจัดการงบประมาณของประเทศในด้านไหนอย่างไรบ้าง
เนื่องจากในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีรัฐธรรมนูญฉบับใดที่กำหนดเรื่องการเงิน การคลัง และงบประมาณ เพียงแต่ระบุว่า งบประมาณต้องทำเป็นกฎหมาย เท่านั้น ทั้งนี้ ในร่างรัฐธรรมนูญ หมวด 8 ว่าด้วยเรื่องการเงิน การคลัง และงบประมาณ มีทั้งหมด 5 มาตรการ เริ่มตั้งแต่ มาตรา 162 จนถึงมาตรา 166 และในแต่ละมาตรา ล้วนแต่มีความสำคัญกับการบริหารและการจัดการงบประมาณแผ่นดินทั้งสิ้น โดยเฉพาะมาตรา 163 ระบุว่า ในการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ นอกจากจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณแล้ว ยังต้องแสดงฐานะทางการคลังของประเทศเกี่ยวกับภาพรวมจากการใช้จ่าย และการจัดหารายได้ การขาดรายได้จากการยกเว้นภาษีในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการตั้งงบประมาณผูกพันข้ามปี การก่อหนี้รัฐบาล และฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจ ทำให้รัฐบาลต้องร่างกฎหมายการเงิน การคลังของรัฐขึ้นมาใหม่ เพื่อกำกับดูแลการจัดเก็บรายได้และรายจ่ายของประเทศ ทั้งในส่วนของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
สำหรับกฎหมายการเงิน การคลังฉบับนี้ มีหน้าที่ในการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดรายได้ การกำหนดรายจ่าย การก่อหนี้ หรือการดำเนินการที่ผูกพันทรัพย์ของรัฐ หลักเกณฑ์การกำหนดวงเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น ซึ่งจะทำให้บทบาทของกระทรวงการคลังในการออกมาตรการภาษี เช่น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นต้น ไม่สามารถทำได้ทันที เพราะมาตรการใดๆที่จะทำให้รัฐขาดรายได้ต้องมีการวางแผนและการจัดการไว้ล่วงหน้า ทำให้บทบาทของสำนักงบประมาณเหลือเพียงแค่หน่วยงานอนุมัติเงินงวดในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ส่วนการพิจารณาการใช้จ่ายเงินงบประมาณของแต่ละส่วนราชการจะอยู่ใต้การกำกับดูแลกฎหมายฉบับใหม่
มาตรา 164 กำหนดการพิจารณา พ.ร.บ.ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายสภาผู้แทนราษฎรจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน จากเดิมที่ใช้เวลานานกว่านั้น นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะต้องจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับการบริหารงานของรัฐสภา ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง คณะกรรมการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ขณะที่มาตรา 165 การจ่ายเงินแผ่นดิน จะกระทำเฉพาะที่อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กฎหมายที่เกี่ยวกับการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง แต่กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนจะจ่ายไปก่อนก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งในกรณีนี้ สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางจะต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายชดใช้เป็นตัวเงินจริงๆ จากเดิมที่สำนักงบประมาณ และกรมบัญชีกลางจะใช้คืนเฉพาะตัวเลขทางบัญชีเท่านั้น เพื่อป้องกันเงินคงคลังหดหาย.
http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=45363