ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
24-04-2024, 13:17
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  NGO ของทุนสามานย์สร้างความเสื่อมเสียแก่องค์กรไม่แสวงหากำไร.... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
NGO ของทุนสามานย์สร้างความเสื่อมเสียแก่องค์กรไม่แสวงหากำไร....  (อ่าน 3432 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 30-04-2007, 16:48 »

เครือข่ายผู้ติดเชื้อไทยเปิดโปงเอ็นจีโอมะกันต้านไทยบังคับใช้สิทธิยาเอดส์  
 
ประชาไท 29 เม.ย. 2550 - วานนี้เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ นางสาวสุภัทรา นาคะผิว ประธานคณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ นางสาวกรรณิการ์ กิจติเวชกุล เจ้าหน้าที่รณรงค์การเข้าถึงการรักษา และองค์การหมอไร้พรมแดน-เบลเยี่ยม (ประเทศไทย) ส่งจดหมายเปิดผนึกตั้งคำถามถึงความโปร่งใส และตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ชื่อ ‘USA For Innovation’ ที่จัดกิจกรรมต่อต้านกระทรวงสาธารณสุขของไทยประกาศบังคับใช้สิทธิในการผลิตยาต้านไวรัส เอช.ไอ.วี. เอง โดยเนื้อความในจดหมายกล่าวว่า

 

เรียนเพื่อนๆ สื่อมวลชน

กรณีที่ USA For Innovationจัดแคมเปญเผยแพรการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสหรัฐฯ โดยไทย โดยลงโฆษณาและส่งจดหมายกว่า 35,000 ฉบับถึงประธานาธิบดีบุช และคณะผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐฯ โจมตีรัฐบาลไทยว่า “รัฐบาลปฏิวัติไทยถอยหลังตามอย่างพม่า”

เอกสารประชาสัมพันธ์ USA For Innovation อ้างว่า “เป็นองค์กรไมแสวงผลกำไร ที่มีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรมใหม่ๆ ทั่วโลก USA For Innovation เป็นหน่วยงานที่ให้ข้อมูลแกผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ สื่อ และประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับกรณีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา”
       จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า Ken Adelman, Executive Director ของ USA For Innovation เป็นที่ปรึกษาอาวุโส (senior counselor) ของบริษัทประชาสัมพันธ์ Edelman (Edelman Public Relations) บริษัทประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีลูกค้าสำคัญๆ อาทิ PhRMA (The Pharmaceutical Research and Manufacturers of America)สมาคมบริษัทยาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐ, Abbott Laboratories, Merck, Sanofi-Aventis สามบริษัทยาที่กระทรวงสาธารณสุขไทยประกาศบังคับใช้สิทธิ นอกจากนี้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัท Edelman ยังได้ลูกค้ารายใหญ่อีกรายคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

       ในเว็บไซท์ wikipedia ระบุว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2549 นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัท Edelman สร้างบล็อกเก๊ขึ้นมาเพื่อช่วยในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ Wal-mart ลูกค้ารายใหญ่อีกราย บริษัท Edelman ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ชี้แจงว่ากำลังร่วมทำงานกับบรรดาบล็อกเกอร์ และ Wal-mart อย่าง “โปร่งใส”
       เราจึงขอตั้งคำถามถึงความเป็น “องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร” ของ USA For Innovation องค์กรนี้ทำหน้าที่เหมือนหรือเป็นแขนขาของบริษัทประชาสัมพันธ์ ดังนั้น ข้อมูลที่เผยแพร่ออกมา มีคำถามในความน่าเชื่อถือว่าตรงไปตรงมาแค่ไหน ก่อนหน้านี้ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ก็ได้ทำจดหมายรับรองว่า ไทยมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะประกาศบังคับใช้สิทธิ (ดูเอกสารชิ้นนี้ได้จากสมุดปกขาวของกระทรวงสาธารณสุข) การกระทำของ USA For Innovation เช่นนี้จึงเป็นแค่ตัวแทนบริษัทเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น



นอกจากนี้ เมื่อวานที่หน้าสำนักงานใหญ่ของบรรษัท Abbot ในนครชิคาโก สหรัฐอเมริกา นักกิจกรรมกว่า 70 คน ซึ่งมีนายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาและเลขานุการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ นายวิรัตน์ ภูระหงส์ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอช ไอ วี เอดส์ ประเทศไทย นางสาวอุษณี รีธง และสมาชิก ถือป้ายประท้วงกรณีที่ Abbot ปฏิเสธการขายยาให้กับผู้ติดเชื้อ เอช ไอ วี ในประเทศไทย เนื่องจากไทยประกาศการบังคับใช้สิทธิผลิตยาต้านไวรัส เอช ไอ วี

 

โดยผู้ประท้วงถูกไล่ให้ไปประท้วงตรงประตูของส่วนวิจัยชีววิทยาการแพทย์ และถูกขู่ว่าผู้ประท้วงจะถูกจับ อย่างไรก็ตามผู้ประท้วงก็ยังคงประท้วงที่หน้าป้ายสำนักงานใหญ่ของ Abbot และผู้ประท้วงได้ ‘นอนตาย’ ประท้วงหน้าป้ายสำนักงานใหญ่ของ Abbot เพื่อประท้วงการที่ Abbot ปฏิเสธจ่ายยาให้กับผู้ติดเชื้อ เอช ไอ วี ในประเทศไทย

 

โดยการประท้วงดังกล่าวได้รับความสนใจจากสถานีโทรทัศน์ในท้องถิ่น ซึ่งทำการสัมภาษณ์อดีต ส.ว.จอน และศาสตราจารย์ Brook Baker แห่งมหาวิทยาลัย Northeastern U. มีการนำเสนอข่าวดังกล่าว 4 รอบในคืนนั้น และมีผู้สื่อข่าวท้องถิ่นของ Worcester Gazette มาทำข่าวและสัญญาว่าจะเขียนบทความถึงเรื่องดังกล่าวด้วย


http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=7890&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai
 



นอกจากนี้ เมื่อวานที่หน้าสำนักงานใหญ่ของบรรษัท Abbot ในนครชิคาโก สหรัฐอเมริกา นักกิจกรรมกว่า 70 คน ซึ่งมีนายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาและเลขานุการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ นายวิรัตน์ ภูระหงส์ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอช ไอ วี เอดส์ ประเทศไทย นางสาวอุษณี รีธง และสมาชิก ถือป้ายประท้วงกรณีที่ Abbot ปฏิเสธการขายยาให้กับผู้ติดเชื้อ เอช ไอ วี ในประเทศไทย เนื่องจากไทยประกาศการบังคับใช้สิทธิผลิตยาต้านไวรัส เอช ไอ วี

คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก และ คนในเครือข่าย"ทุนสามานย์" ไม่เข้าใจว่า
 NGO อย่างอาจารย์จอน อึ้งภาภรณ์อดีตสมาชิกวุฒิสภาและเลขานุการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์และพวกร่วมประท้วง
กับ นาย Ken Adelman, Executive Director ของ USA For Innovation ที่อ้างว่าเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรแตกต่างกันอย่างไร....


ก่อนหน้านี้คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกประนาม NGO อย่างอาจารย์จอน อึ้งภากรณ์ และ NGO อื่น ๆ เพราะ NGO ของพวกเขามาจากพวก"ทุนสามานย์" นั่นเอง.................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


NGO ของทุนสามานย์ สร้างความเสื่อมเสียให้
 NGO ที่อยู่ข้างประชาชนด้อยโอกาส เสียโอกาส และแข่งขันกัน"ทุนสามานย์"....






 
 
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 30-04-2007, 16:53 »

คนไทยที่รู้กำพืดของเอ็นจีโอมะกันอย่างนี้แล้ว
อับอายมากนักเหรอที่พวกมันประท้วงกระทรวงสาธารณสุขไทย
และกดดันรัฐบาลไทย............



รัฐบาลไทยสมัยคุณอานันท์ ปัณยารชุน
จำยอมให้รัฐบาลมะกัน เรื่องสิทธิบัตรยามาแล้ว
เหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิมอีกหรือ...........


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
aoporadio
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 404


« ตอบ #2 เมื่อ: 01-05-2007, 20:33 »

ใครเห็นข่าวนี้ ที่เคย เย้วๆ ด่า ท่าต รมต.ขมิ้นอ่อน  ที่ไป " ทำแข็ง"  ใส่ แอบบอต น่าจะตาสว่างได้

เป็นผลงานที่เข้าตาที่สุด ใน รัดถะบานชุดนี้

จ๊าบ

 แต่เอามาเพิ่มทำไมน้า รมช. เนี่ย มีเรื่องเร่งด่วนเช่น โรคระบาด หรืออะไรที่ข้าพเจ้าตกข่าวรึเปล่า

คานอำนาจ อำนาจ อะไรกัน คิดว่าพวกตัวเหลือเวลาเท่าไหร่กัน

อ๋อ ลืมไป ก็ใส่เกียร์ว่าง ไม่คิดจะทำงานกันอยู่แล้วนิ จะรอเลือกตั้งกันอย่างเดียวเลย

เป็น รัดถะบาน จะไปแย่งงาน กกต. ซะแล้ว.......
บันทึกการเข้า
ไทมุง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,543



« ตอบ #3 เมื่อ: 01-05-2007, 22:15 »


บังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยาหมายถึง

การที่ประเทศไทยโดยกระทรวงสาธารณสุข จะผลิตหรือซื้อยาจากแหล่งอื่นซึ่งราคาถูกกว่า
เจ้าสูตรยาที่ได้รับจดทะเบียนสิทธิบัตรไว้แล้ว

เป็นเพราะว่า หากยังคงซื้อยาต้านไวรัส หรือรักษาโรคหัวใจ จากเจ้าของสิทธิบัตรยาดังกล่าวอยู่
ไม่สามารถทำให้ประชาชนผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ เนื่องเพราะเจ้าของสิทธิบัตรขายยาในราคาแพงมาก

ซึ่งตามข้อตกลงโดฮา สามารถทำได้ ไม่ถือเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หากแสดงได้ว่า
การกระทำดังกล่าวเพื่อประโยชน์แก่การสาธารณสุข และหากไม่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างสูง
ที่จะทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิต หรือทำให้การสาธารสุขไม่อาจบริการแก่ประชาชนได้

การกระทำของกระทรวงสาธารสุขไทย ดังกล่าว ก็เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นสำคัญ เพราะปัจจุบันยาพวกนี้ราคาแพงมาก

แต่ผลกระทบคือ เจ้าของสิทธิบัตรยาดังกล่าว ซึ่งมีผลประโยชน์จากคนป่วยเป็นจำนวนมหาศาล
เกิดความเสียหายขาดรายได้ที่เคยมี ซึ่งเจ้าของสิทธิบัตรเหล่าหนี้ล้วนเป็นต่างชาติทั้งสิ้น โดยเฉพาะ อเมริกา

การกระทำของกระทรวงนับว่าโดยชอบแล้ว เพราะชีวิตผู้ป่วยในไทยกำลังตกอยู่ในสภาวะเสี่ยง

ไม่เคยมีรัฐบาลไหนกล้าทำเช่นนี้ เพราะมีพวกกลุ่มทุนอยู่ในรัฐบาลเป็นจำนวนมาก
จึงเกรงจะกระทบถึงการส่งออกหรือประโยชน์ด้านอื่นที่มะกันมักขู่เสมอ

ดังนี้แล้ว มีเพียงรัฐบาลนี้ ที่มิต้องสนใจถึงประโยชฯพวกนั้น จึงตัดสินใจทำเพื่อคนป่วยอย่างแท้จริง

พวกมะกันมักแสดงถึงความไร้มาตฐาน เมื่อคุณธรรมและผลประโยชน์ของตัวเองขัดแย้งกัน

ดูได้จากกรณีตัวอย่าง ที่มะกันเกรงการโจมตีด้วยเชื้ออัลเทรค จากผู้ก่อการร้าย
มะกันยังบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา เพื่อนำเข้าหรือผลิตยาต้านเชื้อหรือรักษาโรคนั้น
จากแหล่งที่มีราคาถูก ทั้งที่การโจมตียังไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ

ซึ่งต่างจากรัฐบาลไทย เรามีปัญหาผู้ติดเชื้อและปัญหาการเข้าไม่ถึงยาของผู้ป่วยจากโรค
ที่คร่าชีวิตคนไทยมีกี่แสนล้านคนแล้วในหลายปีที่ผ่านมา จึงเป็นกรณีที่ไทยยกมาเป็นปัญหา
อันบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบ้ตรยาได้โดยชอบมากกว่าที่อเมริการ เคยบังคับใช้ในกรณีของตนหลายเท่านัก



http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000049726

ความคิดเห็นที่ 11 เจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 01-05-2007, 22:28 »

บังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยาหมายถึง

การที่ประเทศไทยโดยกระทรวงสาธารณสุข จะผลิตหรือซื้อยาจากแหล่งอื่นซึ่งราคาถูกกว่า
เจ้าสูตรยาที่ได้รับจดทะเบียนสิทธิบัตรไว้แล้ว

เป็นเพราะว่า หากยังคงซื้อยาต้านไวรัส หรือรักษาโรคหัวใจ จากเจ้าของสิทธิบัตรยาดังกล่าวอยู่
ไม่สามารถทำให้ประชาชนผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ เนื่องเพราะเจ้าของสิทธิบัตรขายยาในราคาแพงมาก

ซึ่งตามข้อตกลงโดฮา สามารถทำได้ ไม่ถือเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หากแสดงได้ว่า
การกระทำดังกล่าวเพื่อประโยชน์แก่การสาธารณสุข และหากไม่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างสูง
ที่จะทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิต หรือทำให้การสาธารสุขไม่อาจบริการแก่ประชาชนได้

การกระทำของกระทรวงสาธารสุขไทย ดังกล่าว ก็เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นสำคัญ เพราะปัจจุบันยาพวกนี้ราคาแพงมาก

แต่ผลกระทบคือ เจ้าของสิทธิบัตรยาดังกล่าว ซึ่งมีผลประโยชน์จากคนป่วยเป็นจำนวนมหาศาล
เกิดความเสียหายขาดรายได้ที่เคยมี ซึ่งเจ้าของสิทธิบัตรเหล่าหนี้ล้วนเป็นต่างชาติทั้งสิ้น โดยเฉพาะ อเมริกา

การกระทำของกระทรวงนับว่าโดยชอบแล้ว เพราะชีวิตผู้ป่วยในไทยกำลังตกอยู่ในสภาวะเสี่ยง

ไม่เคยมีรัฐบาลไหนกล้าทำเช่นนี้ เพราะมีพวกกลุ่มทุนอยู่ในรัฐบาลเป็นจำนวนมาก
จึงเกรงจะกระทบถึงการส่งออกหรือประโยชน์ด้านอื่นที่มะกันมักขู่เสมอ

ดังนี้แล้ว มีเพียงรัฐบาลนี้ ที่มิต้องสนใจถึงประโยชฯพวกนั้น จึงตัดสินใจทำเพื่อคนป่วยอย่างแท้จริง

พวกมะกันมักแสดงถึงความไร้มาตฐาน เมื่อคุณธรรมและผลประโยชน์ของตัวเองขัดแย้งกัน

ดูได้จากกรณีตัวอย่าง ที่มะกันเกรงการโจมตีด้วยเชื้ออัลเทรค จากผู้ก่อการร้าย
มะกันยังบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา เพื่อนำเข้าหรือผลิตยาต้านเชื้อหรือรักษาโรคนั้น
จากแหล่งที่มีราคาถูก ทั้งที่การโจมตียังไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ

ซึ่งต่างจากรัฐบาลไทย เรามีปัญหาผู้ติดเชื้อและปัญหาการเข้าไม่ถึงยาของผู้ป่วยจากโรค
ที่คร่าชีวิตคนไทยมีกี่แสนล้านคนแล้วในหลายปีที่ผ่านมา จึงเป็นกรณีที่ไทยยกมาเป็นปัญหา
อันบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบ้ตรยาได้โดยชอบมากกว่าที่อเมริการ เคยบังคับใช้ในกรณีของตนหลายเท่านัก



http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000049726

ความคิดเห็นที่ 11 เจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์

ชูแขนเห็นด้วยครับ สิทธิบัตรจะอยู่เหนือสาธารณประโยชน์ อันเกี่ยวเนื่องถึงแก่ชีวิตของคนหมู่มากได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ครับ สิทธิบัตรไม่ได้มีศักดิ์และสิทธิต่อชาวโลกมากมายขนาดนั้น..  
บันทึกการเข้า

ไทมุง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,543



« ตอบ #5 เมื่อ: 01-05-2007, 22:31 »



หมอมงคล ระบุเหตุผล"ซีแอล"ตัวแทนการค้าสหรัฐนำมาอ้างฟังไม่ขึ้น

          นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR)
ได้เลื่อนสถานะของประเทศไทย ภายใต้กฎหมายการค้ามาตรา 301 (special 301) จากเดิมที่อยู่ในบัญชีประเทศที่
ถูกจับตามอง (WL) เป็นประเทศที่อยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) ซึ่งเป็นสถานะเดียวกับ จีน และ รัสเซีย

          โดยให้เหตุผลว่าเป็นประเทศคู่ค้าที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในอัตราที่สูงมากว่า ตนมองว่าอิทธิพลของบริษัทยา
มีสูงมาก จนสามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของยูเอสทีอาร์ได้ การจัดอับดับไทยเป็นประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (PWL)

          โดยพยายามอ้างเหตุผลการละเมิดในเรื่องเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ เป็น 10 บรรทัด ก่อนจะตบท้ายด้วยการประกาศ
ใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร(Compulsory Licensing หรือ ซีแอล)


          “ผมคิดว่าเหตุผลที่อ้างมาเป็น 10 บรรทัด คงไม่ใช่จุดประสงค์หลัก แต่เหตุผลที่แท้จริงคงเป็นเรื่องซีแอล การที่อ้างว่า
การทำซีแอลไม่โปร่งใสเราก็ไม่รู้ว่าไม่โปร่งใสตรงไหน เพราะก่อนที่จะประกาศใช้ซีแอล ก็ได้เจรจาก่อนการประกาศแล้ว จึงยืนยันว่า
การประกาศซีแอลเป็นไปด้วยความโปร่งใส ข้ออ้างที่บอกว่าไม่โปร่งใส เป็นการกล่าวหาที่ไม่ตรงกับความเป็นตามจริง โดยเฉพาะ
ข้ออ้างเรื่อง เทปผี ซีดีเถื่อนเข้าใจว่าอาจจะเป็นข้ออ้างที่ต้องการจะข่มขู่ หรือตอบโต้การทำซีแอลของไทยของบริษัทยาที่มีอิทธิพล
สูงกับยูเอสทีอาร์” นพ.มงคล กล่าว


          นพ.มงคล กล่าวว่า การที่ตนจะไปสหรัฐนั้น ตนจะไปอธิบายว่าไทยได้ประกาศทำซีแอล กับแค่ยา 3 ตัว คือ ยาเอฟฟาไวเรนซ์
ยาพลาวิกซ์ และยาคาเลตตรา และจะทำเพิ่มอีกแค่ 1-2 ตัวเท่านั้น ไม่ได้ทำมากมาย หรือ พร่ำเพรื่อ และการไปในครั้งนี้ยืนยันว่า
ประเทศไทยไม่ได้มีเส้นสาย หรือมีอิทธิพล แต่เราทำด้วยใจ เพื่อคนทุกข์ยาก เราไม่มีพลังมาก ไม่มีคนมาเป็นลอบบี้ยิสต์ ทำได้แค่ไหน
ก็ทำแค่นั้น เพราะอำนาจของไทยแตกต่างกันมากกับบริษัทยา


          นพ.มงคล กล่าวว่า การไปสหรัฐในครั้งนี้ ตนจะพบทั้งผู้คัดค้านและสนับสนุนการทำซีแอล แต่ต้องยอมรับว่าคนที่สนับสนุนไทย
มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เช่น ใน ยูเอสทีอาร์มีแค่ 22 คน จากสมาชิก 200 คน หากสมาชิกยูเอสทีอาร์เห็นด้วยกับไทยมากกว่านี้ก็คงไม่มี
การจัดอันดับให้ไทยเป็น PWL อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่า การทำซีแอลเป็นประเด็นหลักในการเลื่อนสถานะครั้งนี้ เหตุผลอื่นเป็นเพียงข้ออ้าง
แต่ที่ไม่กล้าพูดเรื่องการทำซีแอลตรงๆ เพราะว่าไทยทำเรื่องนี้ถูกต้องตามกฎหมาย หากสมาชิกยูเอสทีอาร์ให้การสนับสนุนมากกว่านี้
เราคงไม่ถูกทำร้ายแบบนี้


          ผู้สื่อข่าวถามว่าได้คุยเรื่องนี้ใน ครม. หรือไม่ นพ.มงคล กล่าวว่า มีการหารือกันและก็ได้อธิบายให้ที่ประชุม ครม.เข้าใจ และตนก็ได้ขอให้
รมช. และ รมว. กระทรวงการต่างประเทศ ไปแถลงข่าว ร่วมกับมูลนิธิคลินตัน ที่สนับสนุนการทำซีแอล ซึ่งได้เลื่อนการแถลงข่าวมาเป็นวันที่
8 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศ มีเจ้าหน้าที่อยู่ที่สหรัฐแล้ว และการทำก็ไม่เสียหาย
แต่ทางกระทรวงต่างประเทศ
ไม่ได้ตอบรับหรือปฎิเสธ ซึ่งตนจะประสานงานอีกครั้งว่าจะไปแถลงข่าวหรือไม่


          นพ.มงคล ย้ำว่า ตอนนี้เหมือนไทยหัวเดียวกระเทียมลีบ การที่เป็นประเทศจนๆ อย่างประเทศไทยอย่าหวังว่าไทยจะมีสิทธิ์มีเสียง
ขนาดน้ำใส เขายังบอกว่าน้ำขุ่นได้ เราทำได้แค่ไหนก็คงแค่นั้น


          ผู้สื่อข่าวถามว่าตกลงจะเดินหน้าทำซีแอล หรือจะทำอย่างไรต่อไป นพ.มงคลกล่าวว่า เราต้องประเมินสถานการณ์ตัวเองว่าเราจะบุก
หรือจะถอย มันต้องวัดใจกันว่าระหว่างการสูญเสียผลประโยชน์ของประเทศเราบางส่วน กับการได้รับยาของประชาชนก็ต้องมาชั่งน้ำหนักกันดูว่า
คุ้มหรือไม่ เพราะถ้าเรื่องซีแอลเป็นตัวเหตุให้ถูกจัดใน PWL ก็ต้องดูว่าคุ้มหรือไม่


          “อยากให้ใครก็ได้ช่วยบอกผมมาเลยได้หรือไม่ว่า 1 ชีวิตของคนมีมูลค่าเท่าใด
จะได้เทียบกับการส่งออกไปสหรัฐ ผมก็หมดปัญญา ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เหมือนไม่มีที่ยืนแล้ว การที่ไทยถูกจัดอันดับ
ก็เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศที่จะออกแถลงการณ์ ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่กันไป” นพ.มงคลกล่าว
และว่า ยาคาเลตตราที่มีอยู่ในสต๊อกจะใช้ได้ถึงเดือนสิงหาคมนี้ แต่อย่างไรก็ตามทางกระทรวง
สาธารณสุขอยากได้ยาอะลูเวีย ซึ่งเป็นยาคาเลตตรารูปแบบใหม่ไม่ต้องแช่เย็นมาใช้มากกว่า


http://www.bangkokbiznews.com/2007/05/01/WW10_WW10_news.php?newsid=66857

คุณหมอเพิ่งทำบอลลูนเส้นเลือดหัวใจ มาช่วยกันให้กำลังใจคุณหมอด่วน 

คุณหมออย่าเพิ่งท้อ สู้ต่อไป ทางนี้จะเป็นกำลังใจให้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2007, 05:52 โดย ไทมุง » บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #6 เมื่อ: 02-05-2007, 09:37 »

ลิ่วล้อเหลี่ยมควรพึงสังวรณ์ได้แล้ว นี่แหละสิ่งที่เหลี่ยมตั้งใจจะทำ
หลอกประชาชนว่า FTA USA ดีทุกอย่าง อยากให้รีบเซ็นต์สัญญานักหนา
ความต้องการของเหลี่ยมก็แค่ เอาชีวิตของคนจนไปขาย เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
ไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติซักนิด
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 02-05-2007, 09:50 »

ว่าแต่ว่าผมอ่านกระทู้นี้มาหลายวันแระ

ไม่เห็นมีลิ่วล้อผู้รักคนจน คนไหนออกมาพูดอะไรให้เป็นประโยชน์เลยอ่ะ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
katindork
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 369


« ตอบ #8 เมื่อ: 02-05-2007, 20:07 »

ว่าแต่ว่าผมอ่านกระทู้นี้มาหลายวันแระ

ไม่เห็นมีลิ่วล้อผู้รักคนจน คนไหนออกมาพูดอะไรให้เป็นประโยชน์เลยอ่ะ

พวกนั้นจะออกมาพูดในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้เท่านั้น   มันบิดง่ายดี 

ขอบคุณที่ชงให้
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 03-05-2007, 11:58 »

มาดันให้

กลัวตก

เดี๋ยว 'จ๊ะ ไม่เห็น 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #10 เมื่อ: 03-05-2007, 12:49 »

พวกนั้นจะออกมาพูดในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้เท่านั้น   มันบิดง่ายดี 

ขอบคุณที่ชงให้



  “อยากให้ใครก็ได้ช่วยบอกผมมาเลยได้หรือไม่ว่า 1 ชีวิตของคนมีมูลค่าเท่าใด
จะได้เทียบกับการส่งออกไปสหรัฐ ผมก็หมดปัญญา ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เหมือนไม่มีที่ยืนแล้ว การที่ไทยถูกจัดอันดับ
ก็เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศที่จะออกแถลงการณ์ ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่กันไป” นพ.มงคลกล่าว
และว่า ยาคาเลตตราที่มีอยู่ในสต๊อกจะใช้ได้ถึงเดือนสิงหาคมนี้ แต่อย่างไรก็ตามทางกระทรวง
สาธารณสุขอยากได้ยาอะลูเวีย ซึ่งเป็นยาคาเลตตรารูปแบบใหม่ไม่ต้องแช่เย็นมาใช้มากกว่า


http://www.bangkokbiznews.com/2007/05/01/WW10_WW10_news.php?newsid=66857



ภาษาไทยจากความรู้สึกของคุณหมอ น่าจะเข้าถึงจิตใจของ
คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก บ้าง.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #11 เมื่อ: 03-05-2007, 13:12 »

Edelman's Contract for Ousted Thai Leader Worth $300k

Topics: crisis management | democracy | international | lobbying | public relations | U.S. government
Source: O'Dwyers PR Daily (sub req'd), February 13, 2007
The global PR firm Edelman's six-month-long contract to help build international support for Thaksin Shinawatra, who was ousted in a September 2006 military coup, has been revealed as being worth $300,000. The contract is via Thaksin's law firm, Baker Botts. However, Edelman's success led to its Thai affiliate, Spindler & Associates (S&A), terminating its relationship with the firm. The head of S&A is Julian Spindler, whose wife is Kanjana Spindler, the Deputy Secretary General to the military-installed Prime Minister Surayud Chulanont. The Thai newspaper The Nation reports that Thaksin has also hired the U.S. law firm Barbour Griffith and Rogers, to "provide guidance and counsel with regard to Mr Thaksin's interest in Washington, DC, and abroad."

http://www.prwatch.org/node/5784
 

บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #12 เมื่อ: 03-05-2007, 13:16 »

มีเงินก็จ้างผีฝรั่งโม่แป้งได้..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #13 เมื่อ: 03-05-2007, 14:37 »

ข้างหนึ่งเป็นเอ็นจีโอ บอกว่าไม่หากำไร อีกข้างหนึ่งรับงานโกยเงินเข้ากระเป๋า
เหมือนไอ้เหลี่ยมตอนเป็นนายก บอกไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่เมีย-ลูก-ญาติ งาบเนียนๆ
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #14 เมื่อ: 03-05-2007, 14:39 »


มันคือ ไอ้ปลาหมึกหน้าเหลี่ยม
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #15 เมื่อ: 03-05-2007, 16:50 »

ไทยผนึก16ชาติสู้สหรัฐ ใช้สิทธิต่อรองลดราคายา
 
3 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 06:30:00
 
สาธารณสุขผนึก 16 ประเทศยากจนร่วมลงนามมูลนิธิคลินตันต่อรองราคายา 8 พ.ค.นี้ พร้อมเตรียมเดินสายชี้แจงข้อมูลใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรปลายเดือนพ.ค. ด้านพาณิชย์ถกผู้แทนสหรัฐสัปดาห์หน้า

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : น.พ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง กรณีสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ประกาศเลื่อนสถานะไทยจากเดิมที่อยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตามอง (WL) เป็นประเทศที่อยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) ว่า การทำเรื่องซีแอลไม่ใช่การทำด้วยความอวดดี อวดเก่ง แต่ทำด้วยความนุ่มนวล ขอความเห็นใจมาโดยตลอด เนื่องจากผู้ยากไร้ไม่มีโอกาสเข้าถึงยา ดังนั้น เราจะปล่อยให้คนตายอย่างไม่มีศักดิ์ศรีไม่ได้ ที่ผ่านมา สธ. ไม่เคยก้าวร้าวต่อเจ้าของสิทธิบัตรยา ดังนั้น ตนยืนยันจะทำเรื่องนี้ต่อไปเพื่อช่วยเหลือคน จะไม่ทอดทิ้ง และไม่ถอดใจเด็ดขาด

น.พ.มงคล กล่าวว่า ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ได้มอบหมายให้ น.พ.วิชัย โชควิวัฒน เป็นผู้ไปร่วมลงนามและแถลงข่าวร่วมกับนายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ในฐานะประธานมูลนิธิคลินตัน เรื่องการจัดซื้อยาร่วมกันในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา 16 ประเทศ ที่ประกาศใช้ซีแอล โดยทางมูลนิธิคลินตันจะเป็นหน่วยงานที่จัดซื้อยาจากโรงงาน หรือบริษัทยาที่ได้คุณภาพมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ซึ่งการรวมกลุ่มกันซื้อยา จะทำให้ซื้อยาได้ในราคาที่ถูกลง

เดินสายชี้แจงสหรัฐปลายพ.ค.

น.พ.มงคล กล่าวว่า ขณะนี้ มีข่าวในสหรัฐว่าไทยทำซีแอลกับยาถึง 30 ตัว ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะเราประกาศที่จะทำ 3 ตัว แต่ทำไปแล้วเพียง 1 ตัว คือยาเออฟาไวเรนซ์ ส่วนอีก 2 ตัว อยู่ระหว่างการเจรจา ดังนั้น จึงไม่แน่ใจว่าไปเอาตัวเลขดังกล่าวมาจากไหน ดังนั้น ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม จะไปชี้แจงบริษัทยาที่สหรัฐ วุฒิสมาชิก ยูเอสทีอาร์บางกลุ่ม รวมถึงเอ็นจีโอ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมการไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

"ขอเรียนว่า เรื่องซีแอลเราก็เป็นห่วงผลประโยชน์ของประเทศองค์รวมโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ การส่งออก เพราะสหรัฐเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย หากมีการกลั่นแกล้งอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจจะเป็นผลลบกับการส่งออก แต่ผมเชื่อว่า คนสหรัฐปฏิบัติตามกฎหมาย หากเราทำสิ่งที่ถูกต้องคงจะไม่มาบีบบังคับประเทศไทยที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งเราก็ต้องอธิบายให้คนสหรัฐเข้าใจในข้อมูลที่ได้รับแบบผิดๆ มา โดยเฉพาะเรื่องการทำซีแอล 30 ตัว ซึ่งไม่เป็นความจริง" น.พ.มงคลกล่าว

น.พ.มงคล กล่าวว่า การทำซีแอลนั้นนายกรัฐมนตรีได้ทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น และมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตลอด มีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ นักกฎหมายทั้งในและต่างประเทศ ก่อนการทำซีแอล และหลังประกาศก็ได้มีการเตรียมการในเรื่องนี้ และเมื่อมีการประกาศให้ไทยเป็นประเทศที่ถูกจับตามองพิเศษ ครม.ก็ได้คุยกัน ซึ่งการที่จะไปชี้แจงกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้มีการนัดหมายประสานงานกันอย่างเต็มที่

ชี้บ.ยาจ้างล็อบบี้ยิสต์บิดเบือนข้อมูล

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผอ.มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบล็อบบี้ยิสต์ที่บริษัทยาที่ถูกรัฐบาลไทยประกาศใช้มาตรการสิทธิเหนือสิทธิบัตรยา จ้างให้ทำข่าวเท็จขึ้นมา พบว่าเป็นบริษัทล็อบบี้ยิสต์เดียวกันกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จ้างเพื่อทำประชาสัมพันธ์ให้กับตัวเอง อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถระบุลึกลงไปได้ว่า การบิดเบือนข้อมูลของการทำซีแอล จนมีผลให้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษนั้น มีพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้จ้างด้วยหรือไม่

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา USA For Innovation ได้จัดแคมเปญเผยแพร่การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสหรัฐ โดยอ้างว่าเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร และทำข่าวสารที่บิดเบือนในกรณีที่ประเทศไทยทำซีแอล เช่น ออกประกาศว่าไทยทำซีแอลยา 30 ตัว จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า Mr.Ken Adelman ซึ่งเป็น Executive Director ของ USA For Innovation เป็นที่ปรึกษาอาวุโสของบริษัทประชาสัมพันธ์อีเดลแมน (Edelman Public Relations) บริษัทประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีลูกค้าสำคัญๆ เช่น PhRMA (The Pharmaceutical Research and Manufacturers of America) สมาคมบริษัทยาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐ บริษัทยา เช่น แอบบอต เมิร์ค และซาโนฟี สามบริษัทยาที่กระทรวงสาธารณสุขไทยประกาศบังคับใช้สิทธิ และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ยังได้ลูกค้ารายใหญ่อีกราย คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วย

พาณิชย์ถกสหรัฐ11พ.ค.ทำแผนป้องละเมิด

นางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ผู้แทนจากสถานทูตสหรัฐด้านทรัพย์สินทางปัญญา จะมาหารือกับตน เพื่อวางกรอบเบื้องต้น ในการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP plan Of Action) อันเนื่องจากที่ไทยถูกสหรัฐตัดสินภายใต้มาตรการ 301 พิเศษ ในการทบทวนบัญชีรายชื่อประเทศคู่ค้าที่ไม่ให้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเพียงพอ และปรับให้ไทยอยู่ในสถานะประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (พีดับบลิวแอล)

ภายหลังจากที่ไทยได้รับแจ้งจากสหรัฐ เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา กรมได้ส่งสัญญาณให้สหรัฐทราบว่า รัฐบาลไทยผิดหวังต่อการตัดสินใจของสหรัฐอย่างยิ่ง และทำให้ประชาชนไทยมีความรู้สึกในทางลบต่อสหรัฐ โดยเฉพาะในสถานการณ์ขณะนี้

สำหรับประเด็นที่จะหารือ คือ การกำหนดว่าสหรัฐต้องการให้ไทยดำเนินการ เพื่อดูแลเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างไร และในประเด็นใดบ้าง ซึ่งต้องร่วมกันวางแผน ขณะเดียวกัน กรมจะนำเสนอข้อมูลการดูแลการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในเดือนกุมภาพันธ์ที่สหรัฐตัดสินใจ โดยไม่ได้พิจารณาข้อมูลส่วนนี้ทั้งที่สถิติลดลงมาก

นอกจากนี้ กรมจะจัดตั้งคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อร่วมกันจัดทำและดำเนินการตามแผนปฏิบัติการต่อไป

นางพวงรัตน์ กล่าวว่า ไทยไม่จำเป็นต้องดำเนินการ ตามข้อเรียกร้องของสหรัฐทุกประเด็น แต่จะเน้นแผนการทำงานที่สามารถปฏิบัติได้จริง และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ หาก 2 ฝ่ายตกลงในหลักการเบื้องต้นได้ เชื่อว่าการจัดทำแผนปฏิบัติการคงใช้เวลาไม่นาน เดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ สามารถสรุปแผนปฏิบัติการได้

ปรับแผนหวังหลุดบ่วงปีหน้า

นางพวงรัตน์ กล่าวว่า ในส่วนของกรมกำหนดจะทบทวนการทำงานภายในให้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น การทบทวนบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ที่มีอยู่ระหว่างรัฐกับเอกชน การประเมินแผนสกัดนำเข้าเครื่องผลิตแผ่นซีดีเถื่อน การเร่งแก้ไขบทลงโทษตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ซึ่งกรมได้ทำการแก้ไขแต่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยกำหนดการลงโทษตามสัดส่วนการกระทำผิดแต่ละคดี จากเดิมที่บทลงโทษจะเหมือนกันทุกคดีไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก

นอกจากนี้ หน่วยงานภายในกรมจะต้องเร่งสรุปร่างข้อกฎหมายใหม่ที่จะออกบังคับใช้ เช่น พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า ซึ่งข้อกฎหมายดังกล่าวเดิมกรมได้เสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทำให้ขั้นตอนพิจารณากลับมาสู่กรมอีกครั้ง โดยการทำงานทั้งหมด หากได้รับความร่วมมือทุกฝ่าย มั่นใจว่า จะทำให้ไทยกลับมาอยู่ในสถานะประเทศที่ถูกจับตามอง (WL) ได้ในปีหน้า

สหรัฐบีบไทยแก้ก.ม.ทรัพย์สินทางปัญญา

ภายหลังปรับสถานะการค้าไทย ยอมรับว่า สหรัฐจะใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น เพื่อกดดันให้ไทยปรับปรุงแก้ไขให้มีการบังคับใช้กฎหมาย ลดปัญหาอุปสรรค ในการเข้าสู่ตลาดของสินค้าที่มีทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ และปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มงวดยิ่งขึ้น รวมทั้งขอความมั่นใจเกี่ยวกับนโยบายการบังคับใช้สิทธิในสิทธิบัตรของไทย

อย่างไรก็ดี จะไม่กระทบกับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) แต่อาจกระทบต่อการวางแผนการนำเข้าของผู้ประกอบการสหรัฐ ซึ่งจะเกิดความไม่แน่นอน และส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะสั้นได้


"การปรับไทยเป็นพีดับบลิวแอล ทำให้ภาพพจน์ของประเทศไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติไม่ดีเท่าที่ควร อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติขาดความมั่นใจ ในการได้รับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจลงทุน" นางพวงรัตน์กล่าว

หอการค้าเร่งถกประเมินผลกระทบ

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการ หอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าเตรียมประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์และผลกระทบ หลังไทยถูกเลื่อนอันดับ แม้ในเบื้องต้นอาจไม่ส่งผลกระทบทันที แต่ในระยะยาวหากไม่เร่งแก้ไขทำให้สถานการณ์แย่ลง หรือถูกบีบจากสหรัฐมากขึ้น โดยนำการดูแลการละเมิดในประกอบการพิจารณาในการแซงชั่นการนำเข้า ลดโควตา หรือเพิ่มภาษี

"จะจัดทำข้อสรุปความเสียหายและความคิดเห็นของภาคเอกชนก่อนแล้วไปเจรจากับตัวแทนการค้าของสหรัฐ ในเร็วๆ นี้ แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยของไทยในเรื่องการจัดอันดับ และไม่เชื่อว่า สหรัฐจะเลือกปฏิบัติโดยการนำการใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรมาเป็นเหตุผลในการกีดกันทางการค้าของไทยต่อการทบทวนจีเอสพี" นายพรศิลป์กล่าว

เกษตรฯ มั่นใจไม่มีผลกระทบ

นายพินิจ กอศรีพร ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การปรับสถานะการค้าจะไม่มีผลกระทบโดยตรงกับการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้ไม่ได้รับสิทธิจีเอสพี

อย่างไรก็ตาม การจัดกลุ่มไทยอยู่ในบัญชีดังกล่าว ถือว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก โดยสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าได้ทันที จะส่งผลให้ผู้นำเข้าในสหรัฐ ไม่กล้าสั่งซื้อสินค้าจากไทย ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯจะเฝ้าระวังเอาไว้ก่อน ซึ่งสินค้าเกษตรที่คาดว่า สหรัฐจะนำมาตรการนี้มาใช้ คือ ยางพารา ที่ไทยส่งออกในรูปของสินค้าอุตสาหกรรม
 

http://www.bangkokbiznews.com/2007/05/03/WW10_WW10_news.php?newsid=67148



สหรัฐประกาศจัดอันดับไทย "จับตาพิเศษ" ตอบโต้ไทย"หัวแข็ง"เรื่องยาแล้ว
คราวรัฐบาลอานันท์ ก็เคยถูกเล่นงานเรื่องสิทธิบัตรยา เช่นกัน......



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2007, 16:52 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 03-05-2007, 16:57 »

^
^
^
เรื่องไอ้กันเนี่ย ก็รู้ๆกันอยู่แล้ว และ คิดไว้แล้วแหล่ะว่ามันต้องออกมาทำอะไรทุเรศๆ ให้เห็น

แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กัน บริษัทล็อบบี้ + NGO(สายบริษัทยา) + บริษัทยา + รัฐบาลไอ้กัน ดูๆไปแล้วก็ไอ้เหมือนๆกัน ทั้งน๊านนน



มันคือ ไอ้ปลาหมึกหน้าเหลี่ยม

พันธุ์นี้หายากนะเนี่ย หมื่นปี มีครั้งนะ จะบอกให้

บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #17 เมื่อ: 03-05-2007, 17:19 »

เปิดใจผู้ป่วยเอดส์กับ “ความใจดำ” ของสหรัฐฯ
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2550 12:05 น.
 
 
        การที่ทางสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ประกาศเปลี่ยนสถานะ “ประเทศไทย” ให้เป็นประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List: PWL) ฐานที่ไม่ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาให้กับประเทศสหรัฐฯนั้น นับเป็นสัญญาณเตือนที่มีนัยสำคัญยิ่งต่อประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีทั้งหลาย เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า การกระทำของสหรัฐฯ ครั้งนี้ เกิดเพราะไม่พอใจการที่กระทรวงสาธารณสุขไทยประกาศใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิผลิตยาที่ติดสิทธิบัตร (CL)
       
       เนื่องเพราะมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์” จะมีอาการกลัวจนต้องยินยอมผ่อนปรนตามคำขู่ของสหรัฐฯ ซึ่งผลที่ตามมา ก็คือ ผู้ป่วยเอดส์จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่สูงขึ้น และที่สำคัญคือ ทำให้เวลาในการดำรงชีวิตของพวกเขาลดน้อยถอยลงไปอีก

       
       วิรัตน์ ภู่ระหงษ์ ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่รอรับยาต้านไวรัสอยู่เป็นจำนวนถึง 500,000 คน และในจำนวนนี้มีผู้ป่วยเพียง 100,000 คน ที่สามารถรับยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐานได้ ขณะที่ในจำนวน 100,000 คนนั้น ก็มีจำนวนผู้ป่วยอีกถึง 20,000 กว่าคนที่เริ่มมีอาการดื้อยา
       
       ยิ่งเมื่อ แอ็บบอตฯ ได้ถอนทะเบียนยาสูตรสำรอง (อะลูเวีย) ออกจากไทยด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปอีก เพราะส่งผลให้ยาตัวนี้ไม่มีขายในไทยอีก ถึงมีเงินก็ซื้อไม่ได้ เพราะจากกติกาของไทยจะไม่อนุญาตให้ยาที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนวางขายได้
       
       ด้าน “หมู” ผู้ป่วยที่ได้ใช้สิทธิประกันสังคม เล่าให้ฟังว่า แต่เดิมบัตรประกันสังคมนั้น หากค่าใช้จ่ายเกินห้าพันบาทแล้ว ส่วนที่เหลือผู้ป่วยต้องออกค่าใช้จ่ายเอง แต่ยาต้านไวรัสเอดส์นั้นมีราคาหมื่นกว่า จากจุดนี้ทำให้ผู้ป่วยเป็นจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงยาต้านได้ แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีการเรียกร้องให้บัตรประกันสุขภาพขยายเพดานราคาประกันออกไปก็ทำให้มีผู้ป่วยได้มีโอกาสรับยาเพิ่มมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีปัญหาทางด้านยาที่มีไม่เพียงพอ เพราะถึงแม้จะมีผู้ป่วยจากทั้งสิ้นห้าแสนคนที่รอรับยาแต่ก็มีเพียงแสนคนที่ได้รับยา แต่ในจำนวนแสนคนนี้ก็ยังมีปัญหาในการรับยาเพราะจำนวนยานั้นมีไม่เพียงพอในการแจกจ่าย
       
       “เดือนหนึ่ง ผมต้องหยุดงานประมาณสองวันเพื่อรอรับยา โดยการรับยานั้นต้องไปรับสิบห้าวันต่อครั้ง แต่เมื่อยามีไม่พอให้ผู้ป่วยทุกคนจึงต้องมีการตกลงกับเพื่อนๆ ว่าให้หมุนเวียนกันมารับจึงทำให้จากที่เคยรับสองครั้งต่อเดือนเหลือเพียงเดือนละครั้งเพื่อที่จะได้ให้เพื่อนๆ ได้รับกันถ้วนหน้าอย่างน้อยเดือนละครั้งก็ยังดี” หมูเล่า
       
       หมู บอกด้วยว่า จากการที่ทางกระทรวงสาธารณสุขประกาศใช้มาตรบังคับใช้สิทธิ (ซีแอล) จึงสามารถต่อรองราคายากับทางบริษัทยาได้มากขึ้น แต่ต่อมาก็ได้เกิดเหตุที่ทางบริษัท แอ็บบอตฯ ถอนการขึ้นทะเบียนยาออกไป ได้ทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการดื้อยาตัวเก่าไม่สามารถใช้ยาตัวใหม่ที่ทางบริษัทผลิตได้
       
       จากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ทำให้ “หมู” ต้องหยุดใช้ยาไป เพราะยาตัวเก่านั้นไม่สามารถต้านเชื้อไวรัสได้จึงส่งผลให้ปริมาณ CD4 ในร่างกายมีปริมาณลดลงจึงส่งผลให้มีเชื้อ HIV เพิ่มมากขึ้น ระหว่างนี้จึงทำได้เพียงดูแลสุขภาพตัวเองไม่ให้ร่างกายทรุดเร็วเกินไปโ ดยการทานอาหารให้ครบห้าหมู่และออกกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอที่สำคัญก็คือการได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างทำให้กำลังใจอยู่ต่อไปได้
       
       “ผมอยากให้รัฐบาลไทยต่อสู้เรื่องการใช้ CL อย่างเข้มแข็ง ไม่ต้องกลัวการข่มขู่และกดดันของรัฐบาลสหรัฐฯ และอยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า อยากให้มีการร่วมมือร่วมใจการทำงานจะได้มีพลังที่เข้มแข็งในการต่อรองกับต่างประเทศได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ตัวผู้ป่วยเอดส์จะได้รับประโยชน์เท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงยารักษาโรคอื่นๆ อีกด้วย” หมู กล่าว
       
 
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000050529


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #18 เมื่อ: 03-05-2007, 17:24 »

ต่างชาติส่ง จม.หนุนไทยลุย CL ทูตสหรัฐฯ วิ่งวุ่นนัด “หมอมงคล” คุย บ.ยา
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2550 16:52 น.
 
 
   
 
 
        “หมอมงคล” เผย ได้รับจดหมายและอีเมลจากทั่วโลกกว่า 200 ฉบับ หนุนไทยเดินทางบังคับใช้สิทธิบัตรผลิตยาเพื่อคนด้อยโอกาส ยันไทยไม่ได้โดดเดี่ยวแน่นอน ขณะที่ทูตสหรัฐฯ วิ่งโร่เคลียร์ปัญหา พร้อมเป็นตัวกลางประสาน รมว.สธ.พบบริษัทยาระหว่างที่เดินทางไปสหรัฐฯ
       
       นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยระหว่างเดินทางไปราชการโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส วันนี้ (3 พ.ค.) ว่า ขณะนี้มีหลายประเทศรวมทั้งองค์กรต่างๆ จากทวีปอเมริกา ละตินอเมริกา ประเทศในแถบยุโรป ได้ส่งอีเมลและหนังสือรวมแล้วกว่า 200 ฉบับ ให้กำลังใจประเทศไทย
       
       ทั้งนี้ เนื้อหาใจความที่ส่งมาส่วนใหญ่ ระบุ อย่าเพิ่งท้อ อย่ายอมถอย อยากให้เดินหน้าต่อไป และพร้อมจะเป็นกำลังใจให้ ที่สำคัญ ยังระบุว่า ประเทศไทยไม่ได้โดดเดี่ยวในเวทีระหว่างประเทศ พวกเขายินดีให้การสนับสนุน
       
       “ผมดีใจที่หลายประเทศ ส่งอีเมล หนังสือ มาให้กำลังใจ ผมยืนยันว่า การที่เราลุกขึ้นมาเรียกร้องครั้งนี้เรายืนอยู่บนเหตุผลที่ถูกต้อง”
       
        นพ.มงคล กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่เดินทางไปนิวยอร์ก นายราฟ แอล.บอยซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ได้โทรมาแจ้งให้ทราบว่า โดยถามว่าหากเราต้องการพบบริษัทยาเขาก็ยินดีประสานให้เพื่อทำความเข้าใจกันอย่างถูกต้องทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนตนอยากเจอทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ CL จะได้ชี้แจงว่าที่เราออกมาประกาศเพราะต้องการความโปร่งใส ขณะที่สหรัฐ แคนาดา ไม่ได้ประกาศแต่ลงทำเลย

 
 
รัฐบาลอเมริกาเห็นแก่ความร่ำรวย มั่งคั่งของบริษัทขายยา.......

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 03-05-2007, 17:28 »

ผมมานั่งปูเสื่อ รอ 'จ๊ะ กับ 'แถ ตอบกระทู้นี้ครับ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #20 เมื่อ: 03-05-2007, 23:07 »

เหน็บผู้ปกครองไทยฝรั่งตัวแสบซัด'แอ้ด-คมช.'คอรัปชั่น/สอบแม้วมีเอี่ยว


3 พฤษภาคม 2550    กองบรรณาธิการ

รัฐบาลสั่งตรวจสอบ "ทักษิณ" มีเอี่ยวล็อบบี้สหรัฐขึ้นบัญชีดำไทยหรือไม่ เปิดจ๊อบ USA For Innovation อ้างสิทธิบัตรยาบังหน้า เน้นเล่นงานไทยประเทศเล็กๆ

ที่อยู่คนละซีกโลกอย่างต่อเนื่องจนผิดสังเกต    ฟ้องรัฐบาลสหรัฐแทบให้ตัดความสัมพันธ์กับไทย  ถล่มรัฐบาลสุรยุทธ์-คมช. คอรัปชั่นไม่เป็นประชาธิปไตย Ken Adelman ตัวแสบเหน็บผู้ปกครองไทย แบบ "The King and I" โฆษกรัฐบาลเชื่อจะมีข่าวเชิงลบกับรัฐบาลออกมาเป็นระยะๆ  เอ็นจีโอทั้งเทศและไทยหนุน สธ.สู้  ขวางวงจรอุบาทว์ของสหรัฐ


การที่สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ  (USTR)  เผยแพร่รายงานประจำปี  ตามมาตรา  301   พิเศษ  ย้ายประเทศไทยไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ   (Priority  Watch  List : PWL) โดยอ้างว่าการดำเนินการประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา  (Compul-sory  Licensing หรือ CL)  ของรัฐบาลไทยไม่โปร่งใสนั้น พบความโยงใยที่น่าสนใจกับการเมืองในประเทศของไทยเอง   หลังก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาเป็นระยะๆ  โดย  USA For Innovation ที่ระบุว่าเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร  แต่โจมตีประเทศไทยในเรื่องการเมืองว่าเหมือนพม่า เป็นเผด็จการ ละเมิดสิทธิบัตรยา และส่งจดหมายไปยังประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช และสภาคองเกรส ให้ตอบโต้ไทย

ขณะที่กลุ่มเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์ในประเทศไทยออกมาขุดคุ้ยข้อมูลพบว่า   Ken   Adelman, Executive Director ของ USA For Innovation เป็นที่ปรึกษาอาวุโส (senior counselor) ของบริษัทประชาสัมพันธ์  Edelman (Edelman Public Relations)   บริษัทประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก   มีลูกค้าสำคัญๆ   อาทิ  PhRMA (The  Pharmaceutical  Research  and Manufacturers of  America)  สมาคมบริษัทยาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐ,   Abbott  Laboratories,  Merck, Sanofi-Aventis สามบริษัทยาที่กระทรวงสาธารณสุขไทยประกาศบังคับใช้สิทธิ

นอกจากนี้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา  บริษัท  Edelman ยังได้ลูกค้ารายใหญ่อีกรายคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังสร้างบทบาทเพื่อต่อรองในการเดินทางกลับประเทศไทย


ในเว็บไซต์    wikipedia  ระบุว่า  เมื่อวันที่  6 มีนาคม 2549 นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัท   Edelman  สร้างบล็อกเก๊ขึ้นมาเพื่อช่วยในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้  Wal-mart ลูกค้ารายใหญ่อีกราย บริษัท Edelman ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ชี้แจงว่ากำลังร่วมทำงานกับบรรดาบล็อกเกอร์ และ Wal-mart อย่างโปร่งใส

เครือข่ายจึงตั้งคำถามถึงความเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรของ   USA  For  Innovation องค์กรนี้ทำหน้าที่เหมือนหรือเป็นแขนขาของบริษัทประชาสัมพันธ์  ดังนั้น ข้อมูลที่เผยแพร่ออกมา มีคำถามในความน่าเชื่อถือว่าตรงไปตรงมาแค่ไหน

ล่าสุด เมื่อตรวจสอบไปยังเว็บไซต์ของ  USA  For Innovation พบว่าการที่รัฐบาลสหรัฐบรรจุให้ประเทศไทยอยู่ในบัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตาปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์มากที่สุดนั้น เป็นผลงานการล็อบบี้ของนาย  Ken  Adelman, Executive Director ของ USA For  Innovation (ผู้อำนวยการบริหารยูเอสเอฟอร์อินโนเวชั่น)  ซึ่งลงเคยลงโฆษณาในวอลล์สตรีทเจอร์นัลโจมตีไทย โดยทำหนังสือส่งถึง น.ส.คอนโดลีซซา  ไรซ์  รมว.ต่างประเทศ, นายคาร์ลอส กูเตียร์เรซ รมว.พาณิชย์, นายไมเคิล ลีวิตต์  รมว.สาธารณสุขและบริการมนุษย์  และนางซูซาน  ชวอบ  ผู้แทนการค้าสหรัฐ  เมื่อวันที่  23 เมษายน 2550


ประเด็นที่เป็นผลให้ไทยถูกจัดอันดับอยู่ใน   "รายชื่อประเทศที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ"  อยู่ในข้อ   3 ของจดหมาย   มีความว่า  สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐควรจะเขยิบฐานะประเทศไทยเข้าไปอยู่ในบัญชีต้องจับตาเป็นพิเศษ ในรายงานฉบับพิเศษเลขที่ 301 ประจำปี 2007 สืบเนื่องจากปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นในด้านการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในไทย  และการดำเนินการใหม่ของรัฐบาลไทยที่ใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา

นอกจากนี้  จากการตรวจสอบข่าวในเว็บไซต์นี้ ยังพบว่าพุ่งเข้ามาที่ประเทศไทยเป็นการเฉพาะ ในกระดานข่าวแทบทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องของประเทศไทยอย่างผิดสังเกต  เช่นเมื่อวันที่  23 เมษายน USA For  Innovation  ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกกับตัวแทนการค้า  Susan  Shwad และเลขาธิการการค้าสหรัฐ  Carlos Gutierrez เพื่อย้ำเตือนประเด็นสำคัญด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของชาวอเมริกัน  และให้ทั้งสองเข้าพบ นพ.มงคล  ณ  สงขลา  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทย

จดหมายระบุว่า  ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา  และหลังจากที่มีการจัดทำบัญชีรายชื่อประจำปี  ตามมาตรา  301 พิเศษ เสร็จสิ้นลงประมาณปลายเดือนเมษายน USTR ระบุว่าประเทศไทยยังคงอยู่ในกลุ่ม "ประเทศที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างกว้างขวาง" คณะปกครองโดยทหารซึ่งปฏิวัติยึดอำนาจขึ้นเมื่อเดือนกันยายนตอกย้ำปัญหาระหว่างประเทศ  ในส่วนของนวัตกรรมโดยชาวอเมริกัน  ซึ่งส่งผลด้านความสัมพันธ์อย่างชัดเจนระหว่างไทยและสหรัฐ   ด้วยการประกาศใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิ์โดยรัฐบาล ยาสามชนิดที่ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทชาวอเมริกันและชาวยุโรป

นอกจากนี้  ยังมีบทคัดแยกจากเนื้อหาในจดหมาย  ระบุว่ารัฐบาลจากการรัฐประหารของไทย มีความผิดพลาดในการดำเนินมาตรการอยู่หลายด้าน   "ข้อแตกต่างระหว่างการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ  ที่เห็นกันทั่วไปตามท้องถนน กับกรณีการละเมิดโดยกระทรวงสาธารณสุขของไทยอยู่ที่กรณีหลังได้รับการอนุมัติรับรองและส่งเสริมโดยรัฐบาลไทยเอง"

"รัฐมนตรีสาธารณสุขของไทยกล่าวย้ำหลายครั้งว่ามาตรการบังคับใช้สิทธิมีความจำเป็น   เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเงินเพียงพอที่จะจัดซื้อตัวยาที่มีความปลอดภัยและมีความจำเป็นสำหรับผู้ป่วยที่ใช้สิทธิ์รักษาสุขภาพถ้วนหน้าของรัฐบาล"  บทคัดแยกนี้โยงว่าคำกล่าวอ้างนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ผู้นำคณะทหารชุดใหม่เพิ่มเงินเดือนให้กับกลุ่มของตนเองเป็นมูลค่ารวมถึง   9  ล้านเหรียญฯ และเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายทางทหารขึ้นกว่า 30% หรือประมาณ 1,100 ล้านเหรียญฯ

สี่งที่   USA   For  Innovation ที่อ้างว่าเป็นองค์กรไม่แสวงกำไรเรียกร้องคือ 1.การยกเลิกผลประโยชน์สำหรับประเทศไทยภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป   2.การใช้มาตรการภาษีนำเข้าเพื่อชดเชยการเอารัดเอาเปรียบของประเทศไทย   และ  3.การยกเลิกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่รัฐบาลปัจจุบัน เนื่องจากประเด็นปัญหาด้านประชาธิปไตยและการทุจริตคอรัปชั่น

เหน็บผู้ปกครองไทย

Adelman ยังเขียนบทความโจมตีประเทศไทยในหัวข้อ "ปัญหาจากประเทศไทย" ลงในเว็บไซต์นี้เมื่อวันที่  27  เมษายนที่ผ่านมา  เขาตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ประเทศที่สหรัฐมองว่าเป็นชาติเล็กๆ ที่เป็นมิตรกับอเมริกา มีผู้ปกครองที่ดี จำพวก "The King and I"Ken

เขาบรรยายว่า  หลายปีก่อนไทยเคยเป็นหนึ่งในเสือเศรษฐกิจของเอเชีย  มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยตักตวงประโยชน์จากระบบการค้าโลก  นับแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา   เมื่อประเทศไทยกลายเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาและผูกพันธุรกิจและการค้าของตนกับโลกตะวันตกอย่างแนบแน่น  ไทยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละเกือบร้อยละ  8  จนกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้    แต่ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว   รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยกลับถูกกองทัพก่อรัฐประหารโค่นอำนาจ   นายกฯ   ทักษิณ  ชินวัตร  ถูกถอดจากตำแหน่งขณะที่เขากำลังกล่าวสุนทรพจน์ต่อสมัชชาสหประชาชาติ   จากนั้นรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารก็ริเริ่มนโยบายหลายอย่างที่เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจของไทย  และรวมไปถึงงานและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของคนอเมริกัน

Ken  Adelman  กล่าวว่า  ไม่นานหลังการยึดอำนาจ พวกแกนนำรัฐประหารได้ประกาศมาตรการควบคุมเงินทุนต่างชาติอย่างรีบร้อนและมองการณ์แคบ   และสิ่งหนึ่งซึ่งเข้าข่ายชาตินิยมทางเศรษฐกิจ   รัฐบาลไทยยังสร้างความตกอกตกใจนอกเหนือจากการลงทุนในประเทศ โดยการเพิ่มมาตรการสอดส่องการทำธุรกรรม   จำกัดการโฆษณาทางธุรกิจและผลักดันให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นบริษัทไทย  ความบุ่มบ่ามทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจเช่นนี้ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นแล้ว   นักลงทุนจากต่างชาติพากันขวัญเสีย และมีการประเมินจากหลายฝ่ายว่าปีนี้ไทยจะเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ถึง    4  เปอร์เซ็นต์  ซึ่งน้อยว่าที่ธนาคารโลกทำนายสำหรับเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกว่าจะอยู่ที่ 7.3%

เขายังระบุว่า การโจมตีทรัพย์สินทางปัญหาของสหรัฐครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นหลายรูปแบบ ข้อมูลของกลุ่มพันธมิตรทรัพย์สินทางปัญหาระหว่างประเทศส่งถึงสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐในปีที่ผ่านมาชี้ว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของสหรัฐ   รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค,   ดาวเทียม,    สัญญาณโทรคมนาคมและเคเบิลที่เติบโต โดยที่ส่วนใหญ่ไม่มีการตรวจสอบจากรัฐบาลไทย ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลไทยยังประกาศใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยาที่ผลิตโดยบริษัทเวชภัณฑ์ตะวันตก   การกระทำนี้นอกจากสอดคล้องกับการขโมยนวัตกรรมของสหรัฐที่แพร่หลายมากขึ้นในไทย   ยังเป็นการเข้าข้างตนเองอย่างโจ่งแจ้ง โฆษกของรัฐบาลไทยรายหนึ่งยอมรับเองว่า  การล้มเลิกสิทธิบัตรยา  "จะเป็นผลดีต่อบริษัทยาท้องถิ่นในการปรับปรุงศักยภาพของตน"   และไม่น่าแปลกใจที่ผู้ผลิตยาท้องถิ่นเจ้าหนึ่งคือองค์การเภสัชกรรมที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าของ

เขาตบท้ายว่า   เจ้าหน้าที่ไทยในกรุงวอชิงตันย่อมต้องมีข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น  กระทรวงสาธารณสุขของไทยจะอ้างว่ารัฐบาลของตนจำต้องล้มสิทธิบัตรของสหรัฐ  เนื่องจากไทยไม่มีปัญญาจ่ายเงินซื้อสิทธิบัตรยาได้  แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบรัฐบาลไทยกลับสามารถเพิ่มงบประมาณให้กองทัพอีก  9  ล้านเหรียญสหรัฐ และยังเพิ่มงบประมาณด้านการทหารถึง 1 พันล้านเหรียญฯ

ร.อ.นพ.ยงยุทธ   มัยลาภ  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เรื่องนี้รัฐบาลจะต้องดำเนินการชี้แจง  ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  และกระทรวงสาธารณสุขด้วย  โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อปรับความเข้าใจ  ซึ่งเรื่องการใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร  อยู่ในช่วงของการพูดคุยเจรจากับบริษัทยาต่างๆ   รัฐมนตรีว่าการกระทวงสาธารณสุขยืนยันแล้วว่า  ทั้งการประกาศ    CL  และการใช้  CL ไปแล้วกับยาบางตัวเป็นเรื่องที่มีความโปร่งใส  และเป็นสิทธิ์ที่ไทยเราสามารถได้เพื่อประโยชน์สาธารณะและประชาชนส่วนรวม คิดว่าช่วงนี้เป็นเรื่องการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในสหรัฐอเมริกา   ในระดับนี้ยังไม่มีมาตรการอะไรออกมา หากเราทำความเข้าใจที่ชัดเจนกับทางสหรัฐอเมริกาเชื่อว่าน่าจะเข้าใจกันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า   รัฐบาลประเมินหรือไม่เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อไทยอย่างไร    โฆษกรัฐบาลตอบว่า  ตอนนี้คงเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาต่อไป   หลังจากที่มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับทางสหรัฐอเมริกาไปแล้ว ขณะนี้เน้นเรื่องการพูดจากันยังไม่มีการตอบโต้

สั่งสอบ "แม้ว" มีเอี่ยว?

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า   พ.ต.ท.ทักษิณไปเคลื่อนไหวให้มีผลต่อมาตรการต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา  รัฐบาลได้มีการตรวจสอบหรือไม่  เขาตอบว่า อันนี้ยังคงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังดูกันอยู่ว่าเกี่ยวข้องหรือเปล่า

  "คิดว่าวันที่   3 พฤษภาคมนี้อาจจะมีข่าวเชิงลบของรัฐบาลในส่วนต่างๆ ออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับใครอย่างไร  คงพูดยาก เป็นเรื่องของหน่วยงานที่จะต้องทำการชี้แจงทำความเข้าใจกันต่อไป   ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก  เพราะการนำเสนอมาจากสื่อต่างประเทศ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากเราพอสมควร และไม่เข้าใจบรรยากาศภายในของประเทศเรา คงต้องพึ่งสื่อไทยของเราเป็นหลักในการช่วยสะท้อนสถานการณ์ที่แท้จริงออกไปให้สังคมในเวทีโลกได้ทราบกัน" ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าว

ขณะที่ พล.อ.สุรยุทธ์  จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันว่าผลที่ออกมาในลักษณะเช่นนี้มีเหตุจากอะไร   ซึ่งเราก็คงจะต้องหารือและพิจารณาแนวทางที่จะดำเนินการกันต่อไป  เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อทางด้านเศรษฐกิจของเราต่อไปในอนาคต

ส่วนนายชาญชัย   ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าที่ผ่านมากรมสอบสวนคดีพิเศษ   (ดีเอสไอ)   ทำหน้าที่โดยไม่ได้ละเลย   เนื่องจากมีการจับกุมคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามาโดยตลอด  ซึ่งผู้ประกอบการและเจ้าของลิขสิทธิ์ก็มีความพึงพอใจในบทบาทของดีเอสไอ  ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์รายเล็กหรือรายใหญ่ก็ไม่เคยละเว้น และพร้อมจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับแหล่งผลิตสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ 

อย่างไรก็ตาม  เขาเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง   แต่การจัดลำดับประเทศไทยในแง่ลบ  อาจเกิดจากข้อกังวลที่สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ยังไม่หมดไป  แม้จะมีการปราบปรามและจับกุมอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งประเด็นดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์จะเร่งชี้แจงทำความเข้าใจในระดับประเทศต่อไป

ขณะที่องค์กรพัฒนาเอกชนสากล   อ็อกแฟม  (Oxfam) วิจารณ์รัฐบาลสหรัฐ ที่ใช้มาตรการลงโทษทางการค้าขู่ประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย    ที่พยายามจัดหายาช่วยชีวิตในราคาที่เป็นธรรมให้แก่ประชาชนที่ยากไร้   โดยไม่คำนึงถึงข้อตกลงระหว่างประเทศที่สำคัญๆ ที่สหรัฐได้ลงนามไป    เช่น ข้อตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (ทริปส์) และปฏิญญาโดฮา ซึ่งระบุชัดเจนว่าประเทศกำลังพัฒนามีสิทธิในเรื่องสาธารณสุขมาก่อนกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา

"ในปีนี้รายงานได้กดดันให้รัฐบาลของประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ    เร่งนำกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มงวดยิ่งกว่าข้อตกลงระหว่างประเทศมาบังคับใช้   ซึ่งจะส่งผลให้ยามีราคาสูงขึ้น" โรหิต  มัลพานี ที่ปรึกษาด้านนโยบายของอ็อกแฟมกล่าว

อ็อกแฟมยังระบุว่า  ประเทศไทยได้รับคำยกย่องที่ตัดสินใจอย่างถูกต้อง  โดยนำมาตรการบังคับใช้สิทธิโดยรัฐบาลอย่างไม่แสวงหากำไรมาใช้  เพื่อสร้างหลักประกันการเข้าถึงยาให้กับกลุ่มประชากรที่มีรายได้น้อย   การที่  USTR อ้างว่าการใช้มาตรการดังกล่าวไม่มีความโปร่งใส เป็นการบิดเบือน แท้จริงแล้วประเทศไทยได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดและขั้นตอนของข้อตกลงทริปส์ของ WTO ทุกประการ

"ประเทศไทยกำลังใช้สิทธิของตนเองอย่างถูกต้องในการนำข้อตกลงทางการค้าของ  WTO  มาใช้เพื่อสร้างหลักประกันให้กับสุขภาพของประชาชน   โดยเป็นไปตามกฎหมายภายในประเทศและข้อตกลงระหว่างประเทศ"  เยาวลักษณ์  เธียรเชาว์ ผู้จัดการโครงการของอ็อกแฟม อังกฤษ กล่าว

เธอยังระบุว่ารายงานของ   USTR  ฉบับนี้ เป็นการข่มขู่และคุกคามประเทศกำลังพัฒนา  การปรับเปลี่ยนสถานะประเทศไทยถือเป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่กดดันรัฐบาลไทยและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ


เอ็นจีโอหนุน สธ.

ส่วนกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน  (FTA  WATCH) ออกแถลงการณ์  อย่ายอมให้สหรัฐทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ไปตลอดชาติ  โดยระบุว่า เมื่อปี  2535  ช่วงรัฐบาล รสช. สหรัฐเคยใช้มาตรา  301  พิเศษ  บีบให้ไทยแก้กฎหมายสิทธิบัตรเพื่อขยายเวลาคุ้มครองสิทธิบัตร   และรับสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์   ก่อนหน้าความผูกพันใน WTO ถึง 8 ปี โดยใช้ยุทธวิธีสร้างความแตกแยกในประเทศไทย ระหว่างมูลค่าการส่งออกสินค้ากับชีวิตประชาชน     ในที่สุดรัฐบาลรัฐประหารขณะนั้นซึ่งแสวงหาการยอมรับจากนานาประเทศอย่างมาก ต้องยอมตามเกมขู่กรรโชก   ส่งผลให้อุตสาหกรรมยาในประเทศอ่อนแอ และมียาราคาแพงขึ้นอย่างมาก

เอฟทีเอวอตช์เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขหนักแน่น และยืนหยัดในจุดที่ถูกต้อง อย่าถอดใจ ให้ชี้แจงความถูกต้องในการใช้สิทธิตามสิทธิบัตร เพื่อปกป้องคนไทย

นายนิมิตร์   เทียนอุดม  ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์  กล่าวว่า จากการตรวจสอบล็อบบี้ยิสต์ที่บริษัทยาที่ถูกรัฐบาลไทยประกาศใช้มาตรการสิทธิหนือสิทธิบัตรยา  จ้างให้ทำข่าวที่ไม่ป็นความจริง   เช่น ระบุว่าไทยจะประกาศซีแอลยา  30 ตัว พบว่าเป็นบริษัทล็อบบี้ยิสต์เดียวกันที่ พ.ต.ท.ทักษิณจ้างทำประชาสัมพันธ์ให้กับตนเองเพื่อใช้ตอบโต้รัฐบาลไทย   อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถระบุลึกลงไปได้ว่ากรณีมีซีแอลนี้มี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้จ้างร่วมด้วยหรือไม่

วันเดียวกันนี้  เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์แห่งประเทศไทย กว่า 50 คน นำโดยนายวิรัตน์ ภู่ระหงษ์  ประธานเครือข่ายฯ เข้าพบ นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจ กรณีการอ้าง CL ขึ้นบัญชีดำประเทศไทย

นายวิรัตน์ขอให้  นพ.มงคลคงจุดยืนที่ถูกต้อง  และเดินหน้าผลักดันใช้มาตรการสิทธิเหนือสิทธิบัตรยาต่อไป   เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้มากขึ้น  ซึ่งหากประเทศไทยยอมแพ้ จะทำให้ประเทศที่กำลังพัฒนาหลายประเทศไม่กล้าต่อรองกับบริษัทยาเหล่านี้    ทั้งนี้ หากสหรัฐอเมริกาอ้างว่าการเปลี่ยนสถานะประเทศไทยในครั้งนี้เพราะไทยไม่คุ้มครองสิทธิทางปัญญาของผลิตภัณฑ์ของสหรัฐ  เช่น  รองเท้า เทป ซีดี สัญญาณเคเบิลนั้นตนเห็นด้วย แต่ไม่ควรนำเรื่องการบังคับใช้สิทธิยาที่มีสิทธิบัตรมาเป็นข้ออ้าง

  "จุดประสงค์หลักของสหรัฐก็เพื่อกดดันและตอบโต้รัฐบาลไทยที่ทำ   CL  แต่ไม่กล้าเอาเรื่องนี้มาพูดโดยตรง จึงเอาเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเรื่องอื่นมาอ้าง   เพราะกลัวว่าสังคมโลกจะประณาม เนื่องจากเราทำถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน"

นายวิรัตน์กล่าวว่า  อยากให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งให้บริษัทประชาสัมพันธ์ของสหรัฐ ที่รัฐบาลไทยจ้างมาให้ข้อมูลกับประชาชนในสหรัฐ  ถึงความจำเป็นที่รัฐบาลไทยต้องประกาศสิทธิเหนือสิทธิบัตรยาเป็นการด่วน เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยกลับคืนมา

เขาแจ้งว่าวันที่   3 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. เครือข่ายฯ จะเดินทางไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย  เพื่อแสดงจุดยืนว่าประเทศไทยยังเดินหน้าผลักดันการบังคับใช้มาตรการสิทธิเหนือสิทธิบัตรยาต่อไป

ขณะที่ นพ.มงคล  ณ สงขลา  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ยืนยันว่าจะเดินหน้าผลักดันมาตรการสิทธิเหนือสิทธิบัตรยาต่อไป   และจะไม่ถอดใจ   ทั้งนี้ การประกาศใช้มาตรการดังกล่าวไม่ได้อวดดีหรืออวดเก่ง   แต่เพื่อต้องการให้ประชาชนได้เข้าถึงยาได้มากขึ้น

รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า  ในวันที่  8  พฤษภาคมนี้ ได้มอบหมายให้  นพ.วิชัย  โชควิวัฒน  นักวิชาการสาธารณสุข  11  ในฐานะประธานคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐ  เดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อลงนามร่วมกับมูลนิธิคลินตัน   ที่มีนายบิล  คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐเป็นประธาน  เพื่อความร่วมมือกับอีก   16  ประเทศกำลังพัฒนาในการสั่งซื้อยารวม  เพื่อให้ได้ยาที่มีราคาถูก ทั้งนี้ยาที่ได้มีการซื้อร่วมกันนั้น จะรวมไปถึงยาที่ไทยได้บังคับใช้สิทธิ์ด้วย โดยมูลนิธิคลินตันได้มีการสำรวจหาโรงงานที่มีความสามารถในกรผลิตยาที่องค์การอนามัยโลก   (WTO)  ให้การรับรอง  ซึ่งมีอยู่มาก และการลงนามในครั้งนี้จะไม่มีผลผูกพันกับประเทศแต่อย่างใด เพราะหากประเทศที่ลงนามต้องการซื้อยาจากแหล่งอื่นก็สามารถทำได้

นพ.มงคลบอกว่า วันที่ 21-22 พฤษภาคมนี้จะเดินทางไปยังประเทศสหรัฐเพื่อชี้แจงต่อกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา  วุฒิสมาชิก  องค์กรพัฒนาเอกชน  และผู้แทนการค้าสหรัฐบางกลุ่ม  ถึงกรณีการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยาของรัฐบาลไทย  โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้เตรียมการและประสานงานให้

นายธฤต   จรุงวัฒน์  อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาหลังสหรัฐปรับอันดับประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องจับตาเป็นอันดับแรกในเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาว่า   กรมทรัพย์สินทางปัญญา  กระทรวงพาณิชย์  คงต้องไปหารือกับทางการสหรัฐในเรื่องของข้อมูล  เพื่อปรับให้ตัวชี้วัดสอดคล้องกับที่ทางการสหรัฐต้องการ  ทั้งนี้  ยอมรับว่าการถูกปรับอันดับจากประเทศที่ต้องจับตา   มาเป็นประเทศที่ต้องจับตาเป็นอันดับแรก จะส่งผลต่อจีเอสพี   ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือของประเทศ

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในกระทรวงการต่างประเทศให้ข้อมูลไปอีกทางว่า  การปรับอันดับดังกล่าวไม่ได้มาจากการบังคับใช้สิทธิบัตรยา  เพราะที่ผ่านมาสหรัฐพร้อมให้การสนับสนุนไทย     และเห็นว่าเรื่องการบังคับใช้สิทธิบัตรยาเป็นสิทธิของไทยในการเจรจาตกลงกับบริษัทยา    และสหรัฐพอใจกับการหารือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับบริษัทยาที่มีการหารืออย่างต่อเนื่อง.........


http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=3/May/2550&news_id=141713&cat_id=501



1. รัฐบาลไทยยุคนี้จะต้องยอมให้สหรัฐอเมริกาเหมือนรัฐบาลอานันท์ หรือไม่........ Question
2. รัฐบาลนี้และเอกชนไทย จะเอา"ชีวิต" และ "ศักดิ์ศรี" ไปแลกสิทธิทางธุรกิจ หรือไม่.... Question

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2007, 23:11 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #21 เมื่อ: 03-05-2007, 23:33 »

เวเนซุเอลายึดบริษัทน้ำมันต่างชาติ


3 พฤษภาคม 2550    กองบรรณาธิการ

ประธานาธิบดีอูโก ชาเวซ แห่งเวเนซุเอลา ประกาศยึดแหล่งน้ำมันดิบจากบริษัทต่างชาติฉลองวันเมย์เดย์ โวลั่นเดินหน้านโยบายสังคมนิยม นักวิเคราะห์เตือนรัฐบาลบริหารเองอาจมีปัญหาด้านเทคนิค


ขณะที่สหรัฐเย้ยชาเวซกำลังขุดหลุมฝังประชาชน

ประธานาธิบดีอูโก  ชาเวซ   ผู้นำเวเนซุเอลา  เฉลิมฉลองวันเมย์เดย์ด้วยการประกาศยึดอุตสาหกรรมน้ำมันดิบของต่างชาติในโครงการโอริโนโกเบลต์ทั้งหมดเข้ามาเป็นของรัฐบาล   โดยส่งแรงงานชาวเวเนซุเอลาหลายร้อยคนซึ่งมีกองทัพหนุนหลังเข้าไปดูแลบริหารจัดการแหล่งน้ำมันที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์แทน

"วันนี้  เรากำลังปิดฉากยุคอันวิปริต" ชาเวซกล่าวท่ามกลางมวลชนฝ่ายซ้ายที่พร้อมใจกับสวมชุดแดง และโบกธงสีแดงเพลิง หลังจากผู้นำเวเนซุเอลาเพิ่งประกาศยึดกิจการน้ำมันเข้ามาเป็นของรัฐบาล "เราได้ฝังนโยบายที่บังคับให้เราเปิดตลาดน้ำมัน  นโยบายที่ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไร   นอกจากการสูบทรัพยากรธรรมชาติของชาวเวเนซุเอลาออกไป"


บนเวทีที่ชาเวซยืนอยู่    มีข้อความเขียนว่า   "อธิปไตยน้ำมันของประเทศอย่างแท้จริง หนทางสู่สังคมนิยม"  นอกจากนี้  ยังมีเครื่องบินรบที่เวเนซุเอลาซื้อมาจากรัสเซียบินโฉบเฉี่ยวอยู่บนอากาศ ขณะที่มวลชนส่งเสียงดังอื้ออึงตลอดเวลา

ก่อนหน้านี้   เมื่อเดือนกุมภาพันธ์  รัฐบาลการากัสออกกฎหมายยึดกิจการน้ำมันดิบของต่างชาติ  ทั้งเอ็กซ์ซอน  โมบิล, โคโนโค ฟิลลิปส์ และเชฟรอนของสหรัฐ บีพีของอังกฤษ สแตทออยของนอร์เวย์ และโทเทิลของฝรั่งเศส ซึ่งบริษัทต่างชาติทั้งหมดยอมรับ ก่อนที่ชาเวซจะประกาศยึดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา

การเทกโอเวอร์ของเวเนซุเอลาครั้งนี้   เกิดขึ้นหลังจากเมื่อปีที่แล้ว  ประธานาธิบดีเอโบ  โมราเลส ผู้นำโบลิเวีย ซึ่งเป็นสหายสนิทของชาเวซ ประกาศยึดแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติในประเทศจากต่างชาติเข้ามาเป็นของรัฐบาล

ทั้งนี้    มีการประเมินว่า  โครงการน้ำมันดิบโอริโนโกเบลต์ ของเวเนซุเอลามีมูลค่ามากกว่า  30,000  ล้านดอลลาร์  และมีศักยภาพสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ราว 600,000 บาร์เรลต่อวัน ถือเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่ได้อยู่ในตะวันออกกลาง

ด้านนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมแสดงความหวั่นเกรงว่า   การที่บริษัทน้ำมันตกอยู่ในมือของรัฐบาลเวเนซุเอลา  อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านการผลิตและความปลอดภัยได้ เนื่องจากขาดการจัดการที่ดี และไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพียงพอ

ขณะที่บรรดาผู้บริหารของบริษัทต่างชาติ  กำลังหารือกับรัฐบาลเวเนซุเอลาในประเด็นจำนวนการถือหุ้น และการจ่ายค่าชดเชย

ชาเวซ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนยากจนในประเทศ เนื่องจากใช้นโยบายประชานิยมอัดฉีดเต็มที่  ประกาศด้วยว่า  เขาจะเก็บส่วนแบ่งรายได้จากแหล่งน้ำมันดังกล่าวอย่างน้อย 60% ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา ชาเวซยังยึดกิจการโทรศัพท์และพลังงานอื่นๆ เข้ามาเป็นของรัฐบาลด้วย

ขณะเดียวกัน  สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์เตือนนักลงทุนว่า การเทกโอเวอร์ที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องในเวเนซุเอลา   เพราะมีบรรยากาศการลงทุนที่ย่ำแย่  แต่อย่างไรก็ตาม  ชาเวซตอบโต้ทันทีว่าคำเตือนของเอสแอนด์พีเป็นเหมือนการแทรกแซงของจักรวรรดินิยมสหรัฐที่ต้องการบั่นทอนความมั่นคงของรัฐบาลของเขา

ขณะที่ฌอน  แม็กคอร์แม็ก โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า "คุณไม่สามารถจะแย่งเสียมในมือคนแบบนั้นได้  เพราะเขากำลังขุดหลุมอย่างเป็นเอาตาย เขาขุดหลุมให้ประชาชนชาวเวเนซุเอลา".



http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=3/May/2550&news_id=141675&cat_id=800


สหรัฐต้องถูกเล่นอย่างนี้บ้าง........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ไทมุง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,543



« ตอบ #22 เมื่อ: 03-05-2007, 23:49 »


นายเคนนี่คิดอะไรตื้นๆ ทำอะไรตื้นๆ เขียนบทความชัดเจนแบบนั้น ใครจะเชื่อว่าทำในนาม "องค์กรไม่แสวงหากำไร"

หรือลูกจ้างเหลี่ยม ก็คงมีนิสัยเหมือนนายจ้าง ผลประโยชน์เฉพาะหน้า คว้าไว้ก่อน นายเหลี่ยมเองก็รักชาติจนน้ำลายไหล

ตอนนี้คงเสียดาย สวาปาม จนหมดโอกาส กินยังไม่อิ่มเลย โดนขับไสออกนอกประเทศ

ตะกละก็งี้แหละ
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #23 เมื่อ: 07-05-2007, 19:18 »

นศ.วิสคอนซิลจี้ต่อมสำนึกแอ๊บบอต ละโมบเอางานวิจัยยาไปค้ากำไรเกินควร
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 พฤษภาคม 2550 16:49 น.
 
 
       ผู้จัดการออนไลน์ - นักศึกษาวิสคอลซิน เรียกร้องมูลนิธิศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน จี้ต่อมสำนึก “แอ๊บบอต” เอาผลงานวิจัยด้านยาของมหาวิทยาลัยไปใช้แสวงหากำไรอย่างไร้สำนึก       
       นักศึกษามหาวิทยาลัยวิสคอลซิน นำโดย Katherine Guerra ประธานนักศึกษาเพื่อการรณรงค์ด้านเอดส์ (Student Global AIDS Campaign)ได้รณรงค์ล่ารายชื่อศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของมหาวิทยาลัยวิสคอลซินเมดิสัน เพื่อส่งหนังสือร้องเรียนต่อมูลนิธ ส่งเสริมการวิจัยของสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยวิสคอนซิล (WARF) ให้กระตุกต่อมสำนึกของบริษัทแอ๊บบอตที่นำยาโรคไตที่เป็นผลงานของมหาวิทยาลัยไปเป็นเครื่องต่อรองกับกระทรวงสาธารณสุขไทยให้ยุติการประกาศบังคับใช้สิทธิ


       
       เนื้อความของจดหมายมีดังนี้ “ในนามของนักศึกษามหาวิทยาลัยวิสคอนซิลเมดิสันจำนวนมากที่มีความห่วงใยอย่างยิ่ง เราขอเรียกร้องให้มูลนิธิส่งเสริมการวิจัยของสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยวิสคอนซิล (WARF) เรียกร้องต่อบริษัท Abbott ยุติการกระทำที่ไร้สติต่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณประโยชน์ที่มหาวิทยาลัยของเราคิดค้นขึ้น
       
        เป็นที่ตระหนักดีว่า เมื่อไม่นานมานี้ประเทศไทยได้ดำเนินการปกป้องสุขภาพของประชาชนโดยปฏิบัติตามความตกลงการค้าที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา (TRIPS)ขององค์การการค้าโลกเพื่อที่จะดำเนินการใช้สิทธิต่อยาที่มีสิทธิบัตรกับยาช่วยชีวิตในประเทศไทยประกอบด้วย Aluvia ซึ่งเป็นยาต้านไวรัส HIV/AIDS ที่สำคัญ
       
       ทันทีหลังการตัดสินใจดังกล่าว บริษัท Abbott Laboratories ซึ่งเป็นผู้ผลิต Aluviaได้ประกาศที่จะไม่นำผลิตภัณฑ์ยาใหม่ดังกล่าววางตลาดในประเทศไทย บริษัทยังได้ดำเนินการเพิกถอนยาที่กำลังอยู่ในระหว่างขึ้นทะเบียนยาในประเทศไทยภายใต้แรงกดดันของนานาชาติ บริษัท Abbottได้เสนอที่จะลดราคายา Aluviaลงแต่ปฏิเสธที่จะนำยาดังกล่างเข้าสู่การขึ้นทะเบียนใหม่โดยมีข้อแม้ว่ารัฐบาลไทยจะต้องหยุดการดำเนินการใช้สิทธิต่อยาที่ติดสิทธิบัตร

       
      ดังนั้น องค์การหมอไร้พรมแดนและองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ จึงประนามบริษัทAbbott ที่ใช้กลยุทธทางการเมืองดังกล่าวเพื่อขัดขวางการเข้าถึงยาของประชาชนประเทศพัฒนาแล้วได้มีการใช้สิทธิต่อยาที่มีสิทธิบัตรเป็นปกติ แต่ประเทศกำลังพัฒนาต่างกังวลที่จะใช้สิทธิอันชอบธรรมดังกล่าวเนื่องจากกลัวการตอบโต้จากบริษัทยาเจ้าของผลิตภัณฑ์ ถ้าบริษัท Abbottประสบความสำเร็จก็เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้รัฐบาลต่างๆที่กำลังดำเนินการใช้สิทธิต่อข้อยืดหยุ่นภายใต้TRIPS ต้องเผชิญรายจ่ายจากแรงกดดันมหาศาลนี้ไม่เพียงชีวิตของคนไข้ในประเทศไทยเท่านั้นที่กำลังเผชิญกับชะตากรรมดังกล่าวแต่ไปรวมถึงประชากรทั่วโลกด้วย
       
       “หลังจากที่ท่านและเราได้มีการพบปะพูดคุยกันเมื่อเร็วๆนี้เราขอยืนยันว่า การค้นพบทางการแพทย์ที่ทรงคุณค่าของเมดิสันได้ถูกใช้เป็นอาวุธทางการเมืองในการแสดงปฏิกิริยาของบริษัท Abbott เราได้แนบจดหมายของบริษัท Abbott ที่ได้มีถึงรัฐบาลไทยที่ขอถอนการขึ้นทะเบียนยาหลายรูปแบบของ Zemplar แหล่งข้อมูลจากประเทศไทยยืนยันว่าการเพิกถอนการขึ้นทะเบียนยาดังกล่าวมีผลในทางปฏิบัติแล้ว เราเชื่อว่าการแสดงออกนี้เป็นโอกาสสำคัญของมูลนิธิฯที่จะแสดงความเป็นผู้นำต่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยตระหนักรับผิดชอบต่อสังคมในคำกล่าวยืนยันเกี่ยวกับหลักการใช้สิทธิต่อผลประโยชน์ของสาธารณะซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนที่ผ่านมา
       
       เอกสารของทางมูลนิธิส่งเสริมการวิจัยของสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยวิสคอนซิล(WARF) ได้ระบุว่า “มหาวิทยาลัยมีความตระหนักอย่างยิ่งต่อความรับผิดชอบทางสังคม...เรามีบทบาทสำคัญในการช่วยพัฒนาความรู้ในหลายด้านรวมทั้งนำผลการคิดค้นที่ได้รับไปสู่ประโยชน์ของสาธารณะในบรรดาการดำเนินการต่างๆในสาขาต่างๆ
       
       การคิดค้นในทางการแพทย์ถือได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสาขาอื่นๆในโลกนี้ประชากรนับล้านกำลังทุกข์ทรมานและล้มตายจากโรคที่ป้องกันและรักษาได้ความล้มเหลวที่จะป้องกันและรักษาโรคอาจมีมาจากหลายสาเหตุเรามีความรับผิดชอบที่จะบรรเทาความทุกข์ยากดังกล่าวยังรวมถึงการแสวงหาหนทางที่จะแบ่งปันผลการคิดค้นที่เราไปสู่สังคมในราคาที่ผู้คนซื้อหาได้และอย่างยั่งยืนทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ต่อคนจนคนยากลำบากในโลก”
       
       ตามคำประกาศหลักการดังกล่าวเราเห็นว่า WARFจะต้องเรียกร้องอย่างเปิดเผยต่อบริษัท Abbottให้ดำเนินการขึ้นทะเบียนยา Zemplar คืนกลับในประเทศไทยโดยเร่งด่วน
       ในวันที่ 27 เมษายน ผู้ป่วย แพทย์ และผู้เกี่ยวข้องทั้งโลกจะร่วมกันเรียกร้องต่อบริษัท Abbott รวมทั้งผู้ถือหุ้นของบริษัท Abbott ผู้นำจากชุมชนผู้ป่วยในประเทศไทยจะได้ใช้โอกาสนี้เรียกร้องโดยตรงต่อผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Abbottที่จะไม่ใช้โอกาสกระทำทางการเมืองเพื่อประโยชน์ทางการค้าและไม่ใช้ผู้ป่วยเป็นตัวประกันทางการเมือง เราขอเรียกร้องให้ WARFผู้เป็นเจ้าของสิทธิบัตรของหนึ่งในยาเหล่านั้นแสดงตัวตนและส่งเสียงเรียกร้องถามหาความเป็นธรรมให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา
       
       บทบาทสำคัญของมหาวิทยาลัยจะต้องเรียกร้องการนำยาที่ได้พัฒนาขึ้นไปสู่ประชากรโลกอย่างเป็นธรรมในปี 2001 มหาวิทยาลัยเยลประสบความสำเร็จในการชักชวนบริษัท Bristol-Myers Squibb ยอมให้มีการผลิตยาชื่อสามัญ Stavudine ที่เป็นยารักษาโรคเอดส์ที่ถูกค้นคว้าขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเยล
       
       การกระทำดังกล่าวเป็นครั้งแรกที่ทำให้เกิดการคลี่คลายปัญหาโดยผู้ถือสิทธิบัตรยาต้านโรคเอดส์และถือเป็นโอกาสสำคัญในการบรรเทาปัญหาในความพยายามที่นำการรักษาไปยังผู้ป่วยเราขอให้เปิดช่องอย่างแบ่งปันเพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของประชากรนับล้านที่กำลังเจ็บป่วยทนทุกข์ทรมาน ในประเทศกำลังพัฒนาและขณะเดียวกันก็เป็นเวลาที่มหาวิทยาลัยจะได้แสดงบทบาทของตนต่อประเด็นปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น
       
 http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000052126
 



เป็นที่ตระหนักดีว่า เมื่อไม่นานมานี้ประเทศไทยได้ดำเนินการปกป้องสุขภาพของประชาชนโดยปฏิบัติตามความตกลงการค้าที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา (TRIPS)ขององค์การการค้าโลกเพื่อที่จะดำเนินการใช้สิทธิต่อยาที่มีสิทธิบัตรกับยาช่วยชีวิตในประเทศไทยประกอบด้วย Aluvia ซึ่งเป็นยาต้านไวรัส HIV/AIDS ที่สำคัญ..........

บริษัทรับจ้างโฆษณาชวนเชื่อให้เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ไม่มีวันมีความคิดความอ่านเข้าใจการปกป้องสุขภาพของประชาชนของกระทรวงสาธารณสุขไทยนั้นสำคัญ มีความหมายต่อมนุษยชาติส่วนรวมอย่างไร.....

เพราะ"เงินทอง" ปิดกั้นสามัญสำนึกของพวกเขา.......


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2007, 19:20 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 12-05-2007, 09:12 »

ว่าแต่ว่าเรื่องนี้มันถึงไหนแล้วเนี่ย ใครตามข่าวเรื่องนี้อยู่รบกวนบอกหน่อยครับ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ไทมุง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,543



« ตอบ #25 เมื่อ: 12-05-2007, 12:43 »


สถานการณ์ล่าสุด นายKEN ตอบโต้คำกล่าวของหมอมงคล แบ่งเป็น 10 ประเด็น

เดิมเผยแพร่ใน www.thailies.com แต่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น www.thaimyths.com แต่เนื้อหาข้างในเว็บเหมือนเดิม

ร่ายไป 5 ข้อแล้ว เหลืออีก 5 ทะยอยลง

ทำในนามของ USA for Innovation หลังจากหมอมงคลทำสัญญาซื้อยากับมูลนิธิคลินตัน พร้อมกับตัวแทนของอีกหลายประเทศ

นายเคนก็ดิ้นพราดๆ อย่างที่เห็นนี่แหละ
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 12-05-2007, 13:07 »

ขอบคุณครับ

แต่แหม น่าจะมีใครแปลหน่อยน๊าาาาา 







แบบว่าขี้เกียจอ่านภาษา E ยาวๆอ่ะ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ไทมุง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,543



« ตอบ #27 เมื่อ: 12-05-2007, 13:29 »


รอพักใหญ่ๆ ใน คุณ SiMo กะลังงานยุ่งอยู่ ใครว่าง ณ ขณะนี้ ช่วยแปลล่วงหน้าไปก่อนเด้อ
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 12-05-2007, 13:54 »

รอพักใหญ่ๆ ใน คุณ SiMo กะลังงานยุ่งอยู่ ใครว่าง ณ ขณะนี้ ช่วยแปลล่วงหน้าไปก่อนเด้อ

ขอบคุณครับ 

ผมอ่านไป 2-3 หัวข้อแระ เปรียบเทียบกับที่ USAforInnoฯ แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่ค่อยยอมรับอะไรง่ายๆเลยแฮะ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
หน้า: [1]
    กระโดดไป: