ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 20:32
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  Child Center เรื่องที่เถียงกันใหญ่ในราชดำเนิน....ใครเป็นครูไปช่วยเค้าเถียงหน่อย 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
Child Center เรื่องที่เถียงกันใหญ่ในราชดำเนิน....ใครเป็นครูไปช่วยเค้าเถียงหน่อย  (อ่าน 2108 ครั้ง)
NoomNakrak01
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5


« เมื่อ: 03-05-2006, 13:14 »

ในฐานะที่เคยเป็นครูมานานหลายปี...อยากจะช่วย
อธิบายแต่ไม่รู้ว่าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนหรือเปล่า

คติเดิมคำว่า "Child Center" หรือที่แปลว่า "ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง"
ต่อมาใช้คำว่า "ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ"....ความหมายทางศัพท์บัญญัติ
ทางการศึกษาจริงๆ....กินความไม่มากอย่างที่ใครๆกำลังเถียงกันอยู่
เท่าไหร่หรอกครับ....นักการศึกษา..หรือครูบาอาจารย์ที่เรียนจบมา

ทางสายครู..หรือสายศึกษาศาสตร์ (สายสังคมศาสตร์)โดยตรงมักรู้กันดี
แต่บางคนไม่รู้จักการอธิบายให้คนทั่วๆไปได้เข้าใจ...ทำให้หลง "Concept"
เถียงจนจะ "ฆ่ากันตาย" กว่าจะรู้เรื่อง....ขอยกตัวอย่าง "Child Center"
ให้เห็นง่ายๆก็คือ....เวลาครูยืนสอนอยู่หน้าชั้นเรียน...ครูต้องพูดให้เด็ก

ที่นั่งอยู่หลังห้องได้ยินเสียงครู..ชัดเจนด้วย....เขียนตัวหนังสืออะไรบน
กระดานดำ...(เดี๋ยวนี้มักจะใช้ White Board กันแล้ว)ก็ต้องให้เด็กที่อยู่
ทั้งห้องอ่านออกชัดเจนตรงกันด้วย...หรือต้องให้เด็กทั้งชั้นเข้าใจทุกเรื่อง
ที่ครูสอนด้วย...ต้องย้ำว่า.."ทั้งชั้น" หรือ "ทุกคน" นั่นเอง...เว้นไม่ได้แม้แต่

คนเดียว..นี่คือ Basic ต้องเข้าใจตามนี้ก่อน....มันเป็นอุดมคติ...แต่จะทำ
อย่างไร..มีวิธีการอย่างไร...ทำได้จริงหรือไม่...ก็อีกเรื่องหนึ่ง...(ยังมีต่อนะครับ)
ถ้าจะช่วยเค้าเถียงก็ไปที่
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4333580/P4333580.html
แต่ถ้าจะเถียงกันในเนี้ย..ก็สุภาพๆหน่อยก็แล้วกันนะครับ..
ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า
500
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 391



« ตอบ #1 เมื่อ: 03-05-2006, 13:45 »




......ทู้คุณคำตัดอ่ะเหรอ......ม่ายน่อ.........

 "Child Center"


บทความนี้น่าจะพออธิบายได้ในด้านทฤษฎี

http://web1.dara.ac.th/dara/cornerteacher/page/childcentered.html


ส่วนการปฎิบัติมันขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ส่วนหนึ่งก็คงต้องเป็นครูที่ต้องเปลี่ยนจากบทบาทผู้สอนไปเป็น facilitator

หรือเป็นผู้จัดประสบการณ์การเรียนรู้

ข้อสำคัญคือครูก็ยังไม่เข้าใจบทบาทนี้ การจัดการเรียนการสอนแบบนี้ แม้กระทั่งระดับอุดมศึกษาก็ตาม

ปัจจัยอื่นก็คือ จำนวนครูกับนักเรียน ถ้านักเรียนมากเกินไปก็อาจทำให้การดำเนินการลำบาก

นโยบายก็เป็นส่วนหนึ่ง ถ้าสักแต่สั่งว่าจะเอาแบบนี้ แต่ไม่เอื้อทรัพยากรทั้งหลายก็ไม่ต้องคาดหวังผลดีเลิศ


ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ อีกมากมาย


ดังนั้นก็เป็นดังเช่นทฤษฎีระบบ input-----------> process-------------------> output


ถ้ามีแต่ขยะเข้า มันก็จะออกมาเป็นขยะออก....เช่นนี้แล..........




บันทึกการเข้า

NoomNakrak01
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5


« ตอบ #2 เมื่อ: 03-05-2006, 14:12 »

เพราะจะว่ากันไป....เทคนิคการสอน..ของครูแต่ละคน..แม้จะได้เล่าเรียน
มาก่อนจะเป็นครู...ซึ่งถือว่าเป็น "วิชาชีพครู".....ใช้เวลาเรียนให้ครบหลักสูตร
จริงๆก็อย่างน้อย 4 ปี....สำหรับปริญญาตรี ภาคปรกติ....แล้วก็ต้องมีการ
ฝึกสอน....หรือทดลองสอนในห้องเรียนจริงๆมาบ้าง....ไม่มากก็น้อย......

จึงจะได้ประกาศนียบัตรวิชาชีพครู..หรือปริญญาบัตรวิชาชีพครู....ซึ่งถ้าจะ
ถามว่าเพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้คนๆหนึ่งที่ออกมาเป็นครูสอนในโรงเรียน
จะเป็นผู้ที่ถึงพร้อม..สมบูรณ์สูงสุด..คือ "สอนเก่ง"....ฯลฯ แล้วก็มีความรู้
ความสามารถในการเป็นครูครบในทุกๆด้าน.....ซึ่งผมขอสรุปเอาตามที่

เคยรู้มาว่า หัวใจของความเป็นครูที่ดีมีอยู่ประมาณ  9 ประการด้วยกัน
คือ.....อา..สุข..สอน..รู้....รัก..วุฒิ...ประพฤติ..เศรษฐกิจ...ยุติธรรม
1. อา....คือ..."อารมณ์".....ครูที่ดี...ควรจะเป็นคนที่มีอารมณ์ดี.งแจ่มใส ฯลฯ
2. สุข   คือ..."สุขภาพ".....ครูที่ดี....ควรเป็นคนที่มีสุภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ
3. สอน คือ..."สอนเก่ง"....ครูที่ดี...ควรจะเป็นคนที่มีความสามารถในการสอนดี
4. รู้......คือ "มีความรู้ดี"....ครูที่ดี...ควรจะมีความรู้ในวิชาที่สอนเป็นอย่างดี..(ยิ่งถ้า
    รู้ทุกด้านก็จะเยี่ยมเลย)
5. รัก...คือ.."รักเด็ก...รักวิชาชีพครู" ครูที่ดีควรรักเด็ก...รักลูกศิษย์(ไม่ใช่เชิงชู้สาวนะ
    ขอบอก....อีกทั้งควรรักในอาชีพครูด้วย..แม้ว่าเงินเดือนจะยังน้อยๆ...ไม่จูงใจก็ตาม
    สงสัยวันๆกินแต่แกลบ..ฮิฮิฮิ)
6. วุฒิ..คือ "วุฒิภาวะ"...ครูที่ดีควรมีวุฒิภาวะ (maturity) หมายถึงเป็นผู้ใหญ่พอ
(ยังมีต่อครับ)...
    ควบคุมอารมณ์ได้ดี..มี E-Q ดีว่างั้นเถอะ
7. ประพฤติ...คือ "ประพฤติดีประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ" ครูก็ควรจะมีคุณ
    สมบัตินี้นะครับ
8.  เศรษฐกิจ  คือ ครูที่ดีควรมีเศรษฐกิจดี ไม่มีหนี้สิน (จริงๆแล้วคงหนีไม่พ้นกัน
     สักคน..ฮิฮิฮิ)
9.  ยุติธรรม    คือ ครูที่ดีควรมีความยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ..อคติ...อัตตา....ฉีกบัตร...
     ลงคะแนน เอ...อย่างหลังเกี่ยวมั้ยครับเนี่ยยยยย....(หาเรื่องโดนด่าแล้วสิเรา...ฮิฮิฮิ)


(ยังมีต่อนะครับ)
บันทึกการเข้า
NoomNakrak01
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5


« ตอบ #3 เมื่อ: 03-05-2006, 14:33 »

ก่อน...จะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนต่อไป....ก็ขอชื่นชมคุณ "500" ที่อุตส่าห์หาสิ่งดีๆมาช่วยเสริมให้กระทู้ที่ผมตั้งขึ้นมา..มีสีสันมากขึ้น....ผมก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกันว่า...กลายเป็นครูรุ่นเก่าไปแล้วจริงๆ....ที่มัวมองแต่...
แก่นหรือ Basic......เท่านั้น...ทั้งๆที่เดี๋ยวนี้เค้าไปถึงไหนๆกันแล้ว....รบกวนคุณ "500 "...นำไป Link ในกระทู้ที่ผม
อ้างถึงด้วยนะครับ...เพราะผมโดนแบนไปแล้ว....(แหะๆๆๆๆๆ..สารภาพ)
บันทึกการเข้า
NoomNakrak01
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5


« ตอบ #4 เมื่อ: 03-05-2006, 15:13 »


ดังนั้น...การที่จะนำ Child Center มาใช้....ครูก็ควรมีคุณสมบัติเบื้องต้นทั้ง 9 ข้อ
(เป็นอย่างน้อย)ก่อน.....น่าจะดีนะครับ...ว่ามั้ย...โดยเฉพาะข้อสุดท้ายที่ผมออก
นอกกรอบไปบ้าง..ก็ขออภัยด้วยละกัน..เนื่องจากอยากให้เทียบเคียงกับเหตุการณ์
ปัจจุบันไปด้วย.....เพราะเดี๋ยวนี้เราคงต้องมาทบทวนดูอีกสักทีมั้ยครับว่า..บทบาท

หน้าที่ของครู(ที่ดีๆ)....ในสังคม...ควรจะเป็นเช่นไรกันแน่....ควรจะเป็น "ผู้ชี้แนะ"
หรือ "ผู้ชี้นำ" ดี.....หรือสองอย่างนี้มันแยกไม่ออก....ว่าอย่างไหนเรียกว่า "แนะ"
อย่างไหนเรียกว่า "นำ"......เพราะถ้าไม่รอบคอบ.....ครูบาอาจารย์ ก็อาจจะ "หน้าแตก"
กลายเป็นคนที่ "ลำเอียง".......ไม่มีเหตุผล.....ใจแคบ.....ฯลฯ..ของสังคมไป

เพราะ..การสอนที่ดี...เค้าเคยมีหลักให้ครูมีไว้ยึดเหนี่ยวบ้างเช่น
หัวใจของการสอนที่ดี...."ศูนย์ ....สนอง......พร้อม....ประสพการณ์...ต่าง....จริง"

1. ศูนย์  คือ....ศูนย์กลาง คือ..การสอนที่ดี...ควรยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง...(สำคัญ)
    หลักการนี้มีมานานแล้ว..ตั้งแต่แนวคิดของ จอห์น ดิวอี้(John Dewey).อย่างที่คุณ

    "500" ได้กรุณา..อ้างถึง...และทำ Link ให้สมาชิกได้เข้าไปอ่านในบทความของ
     ดร.วีระเดช เชื้อนาม...และอ้างบทความของ ดร.ทิศนา แขมมณี...นั่นและครับ
2. สนอง คือ ....การสอนที่ดี..ควรเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้เรียน..
     ซึ่งในที่นี้..มิได้หมายถึงแต่เพียงความต้องการภายนอก...ของตัวนักเรียนเองเท่านั้น
     ที่ต้องการอยากจะเข้าเรียนสาย แพทย์ วิศวะ....ฯลฯ....แต่เราจำเป็นต้องมองถึง
     สภาพ...ที่แท้จริงของตัวผู้เรียนว่าจะสามารถเรียนในสายวิชาต่างๆ...ได้จริงหรือ
     มิฉะนั้น...การต้องลาออกกลางคันของนักศึกษาที่เรียนไม่สำเร็จในระบบเก่า

     คงไม่เกิดขึ้น...จนถึงต้องนำเอา A-net, O-net มาใช้ดังในปัจจุบันนี้ กล่าวคือ
    การจะดูว่าใครควรจะเรียนสาขาไหน...ก็ต้องดูผลการเรียนทั้ง 4 ระดับ
    (ป.1-3,.....ป.4-6....ม.1-3.....ม.4-6) ดูคะแนนเฉลี่ย (GPA (Grade Point  Average)
    ด้วย..เพื่อให้เด็ก..อยู่กับการเรียนมากขึ้น...แทนที่จะไปถูก...มอมเมา...จากอบายมุข
   ต่างๆ....แล้วไปกวดวิชา...สุกเอาเผากิน...ทุจริตในการสอบ....เพื่อจะ เอนทรานส์เข้า
   มหาวิทยาลัย..เหมือนกาลก่อน....

  (ยังมีต่อนะครับ)
  ถ้าจะช่วยเค้าเถียงก็ไปที่
   http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4333580/P4333580.html
   แต่ถ้าจะเถียงกันในเนี้ย..ก็สุภาพๆหน่อยก็แล้วกันนะครับ..
   ขอบคุณมากครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2006, 15:17 โดย NoomNakrak01 » บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #5 เมื่อ: 03-05-2006, 15:35 »

เออ...
กระทู้มันพังแล้วครับพี่
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
In The Name Of Justice.
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 952


-_-;


« ตอบ #6 เมื่อ: 03-05-2006, 17:32 »

เน่าสนิดแล้วครับ กระทู้นั้น
บันทึกการเข้า

"มนุษย์มักต้องการในสิ่งที่ตนเองไม่มี..."

"I Fight In The Name Of Justice."
โลกสวยงาม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 309



« ตอบ #7 เมื่อ: 03-05-2006, 20:35 »

 อ้าว!กระทู้พังและเน่าแล้วเหรอ ว่าจะเข้าไปดูเชียว ม่ายทันซะแล้ว
บันทึกการเข้า

รักและห่วงแผ่นดินไทย 
คนไทยทุกคนต้องตอบแทนคุณและสามัคคี
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 04-05-2006, 00:56 »

อ่านแล้วเหนื่อยจริงๆ แล้วก็สงสารครูรุ่นเก่าด้วยนะครับ
พวกครูสอนลูกศิษย์มาเป็นสิบๆ รุ่น โดยใช้วิชาชีพที่ได้เล่าเรียนมา
ลูกศิษย์ของพวกครูรุ่นก่อนได้ดิบได้ดีกันไปนับไม่ถ้วน
อยู่ดีๆ ก็มีคนมาบอกว่า ไอ้ที่พวกครูทำน่ะมันจะทำให้ประเทศฉิบหาย
มันจะทำให้เด็กโง่ ช่วยตัวเองไม่ได้ ฯลฯ

ทำไมเขาไม่ลองคิดบ้าง ว่าประเทศไทยอยู่ได้จนถึงวันนี้เพราะอะไร
ถ้าการศึกษายุคเก่ามันนำพาเยาวชนไปสู่ความล่มจม
ทำไมที่ผ่านมาประเทศไทยจึงยังอยู่มาได้

ผมเกลียดคนที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ อาชีพครูเป็นอาชีพที่เหนื่อยแต่เงินน้อย
แต่คนบางคนกลับไม่รู้จักคิด ไปด่าครูบาอาจารย์ที่เขาไม่มีความผิด
บอกมาได้ว่าอาจารย์เป็นพวกไดโนเสาร์ไม่รู้จักปรับปรุงตัว
ถามจริงถ้าคุณสอนมาแบบเดิม 30 ปี คุณจะปรับตัวได้ภายในเดือนสองเดือนหรือ

สุดท้ายผมเกลียดพวกที่พยายามยัดเยียด "หลักการที่ดีกว่า" เพื่อใช้กับคนหมู่มาก
พวกนี้คิดอะไรดีๆ ได้ ก็พยายามจะยัดเยียดให้กับกลุ่มคน พอเขาบอกว่ามันทำยาก ก็ด่าเขา
เหมือนกรณีนี้ ก็ยัดเยียดกันเข้าไป ไอ้ child center อะไรนั่น
มองความเป็นจริงบ้างไหมว่ามันจะเอาไปประยุกต์ใช้ตามโรงเรียนได้จริงหรือ
ถ้าทำได้แล้วจะทำได้ในกี่ปี เร่งด่วนแค่ไหน ถูกต้องหรือไม่ที่จะเปลี่ยน
คนพวกนี้ไม่ใช่คนที่ทำงาน คือไม่ใช่ครู แต่เป็นพวกนักทฤษฎี ชอบเปลี่ยนแปลงคนอื่น
แต่ตัวเองนั้นไม่มีทางประนีประนอมเด็ดขาด กรูบอกว่า child center ดีก็คือดีที่สุด
ใครไม่เห็นด้วย ไม่ว่ามากหรือน้อย มันผู้นั้นคือไดโนเสาร์ แบบนี้ละเกลียดจริงๆ
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
(-O-)Koka
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 562



« ตอบ #9 เมื่อ: 04-05-2006, 02:31 »

ผมว่าอาจารย์เหลี่ยมเป็นพวกฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด เห็นหลายเรื่องแล้ว อวดรู้ไม่เห็นหัวคนในวิชาชีพเลย

อาจารย์เหลี่ยมออกมาบอกว่าให้เลิกท่องจำ แบบนี้ก็โง่ตาย ฝรั่งอย่างแอนดรูว์บิ้กยังทนไม่ไหว บอกว่าเมืองนอกเรียนเค้าก็ยังมีการท่องจำกันอยู่ เพราะบางอย่างเป็นทักษะ ต้องอาศัยฝึกฝน ทำซ้ำๆ จำให้ได้

เห็นแสลนไปสอนเด็กปล่อยมุขก็ฝืด ให้ไปเป็นอาจารย์จริงๆเด็กหลับหมดแหงๆ

บันทึกการเข้า


อหิงสาคือความเข้มแข็ง ไม่ใช่ความขี้ขลาด
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #10 เมื่อ: 04-05-2006, 06:38 »

ไม่ไปจ้ะ จะสร้างเว็ปนี้ให้แข็งแรง
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
NoomNakrak01
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5


« ตอบ #11 เมื่อ: 04-05-2006, 09:44 »

ขออนุญาตอภิปราย....กับทุกๆความเห็นก่อนที่จะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนต่อไปนะครับ

จากการที่เคยเป็นครูมาหลายปีดีดัก....ก็เห็นด้วยกับหลายๆคนที่ว่า....มันมีปัญหามากกับ
การเปลี่ยนอะไรใหม่ๆเสมอแหละครับ...ยิ่งถ้าเกี่ยวข้องกับ "การศึกษา".....ครูบาอาจารย์
หรือคนที่มีอำนาจหน้าที่..ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ....ก็พวกครูบาอาจารย์....
ด้วยกันทั้งน้านนนนน...แหละครับ....แล้วแต่ละคน..ขอบอก...ก็เรียนจบ "ด๊อกเตอร์"
ทางวิชาครูหรือทาง "การศึกษา" แทบทั้งนั้นแหละครับ.....ดังนั้นถ้าเราไปคิดว่าเค้า "ดูถูก"

ครูบาอาจารย์เก่าๆ....ดังที่บางท่านว่า....ผมก็คิดว่าเราจะมอง "แง่ร้าย" มากไปหรือเปล่า
เพราะผมกำลังจะบอกว่า......ในโลกเบี้ยวๆ....ในนี้ไม่มีอะไรที่เป็น "สูตรสำเร็จ" ที่ดีที่สุด
หรอกนะครับ......

ดังนั้นผมกลับมองว่า....ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในแวดวงการศึกษาของไทยเรา...มีมากมาย
หลายอย่างที่ล้วนรอการแก้ไข.....เป็นต้นว่า.......
1. การตกงานของบัณฑิต.....จำนวนมากมายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
2. จำนวนนักเรียนในห้องหนึ่งๆ...มีถึง 40-60 คน
3. ปัญหาการออกกลางคันของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เพราะเรียนไม่ตรงกับศักยภาพ
     หรือความรู้ความสามารถที่แท้จริง....คงเพราะสอบเอนทรานส์เข้ามาเพราะการเรียนกวดวิชา
     หรือตามค่านิยม....ในบางวิชาชีพ....หรือการคาดหวังของผู้ปกครอง ฯลฯ
4.  ฯลฯ

ปัญหาต่างๆ....เกิดขึ้นมาจากอะไร....ถ้ามองให้ดีๆ...เราอาจจะคิดได้ว่า...เป็น "ปัญหาลูกโซ่"
คงต้องอภิปรายอีกแยะ....ขอทิ้งท้ายช่วงนี้ไว้ด้วยเนื้อหาที่จะนำเสนอที่เหลือหน่อยครับ
(ต่อจากคราวที่แล้วครับ) ...."หัวใจของการสอนที่ดี"

3. พร้อม   คือ    การสอนที่ดีครูควรคำนึงถึงความพร้อมของผู้เรียน.....ความพร้อมของครู
    ความพร้อมของห้องเรียน...โรงเรียน....ผู้ปกครอง  สภาพแวดล้อมของตัวเด็กเอง...ฯลฯ
    (อภิปราย)......แล้วอย่างงี้....ก็ไม่ต้องทำอะไรเลยสิ....ถ้าขืนรอให้อะไรๆๆมันพร้อมไปซะ
    ทุกอย่างจริงมั้ยครับ....เด็กมานั่งหน้าสลอนรอการสอนของครู....ของโรงเรียน...อยู่ทุกวี่วัน

    จะมัวมารอให้พร้อม....ก็ชาติหน้าตอนบ่ายๆ...ละมั้งครับ.....เพราะการเปลี่ยนเทคนิคการสอน
    ใหม่ๆ....ก็ต้องพยายามทำอยู่เสมอๆ...พร้อมกันไปด้วย.....อย่ามาเหมาเอาว่า...เป็น "หนูลองยา"
     เพราะการศึกษา....รอให้พร้อมไม่ได้....เด็กรอไม่ได้....สังคมรอไม่ได้....ไม่เหมือนกิจการอย่างอื่น..
     เด็กที่เข้ามาเรียนในโรงเรียน....ยังไม่พร้อมที่จะเรียน....ครูก็ต้องใช้สติปัญญาปรับปรุงเทคนิค

     การสอนทั้งแบบเก่า...แบบใหม่ไปพร้อมๆกัน...อยู่ดี....ถ้าเห็นเจตนาดี....สร้างสรรค์...เหมือนคำ
     กล่าวที่ว่า....."กล้วยไม้ออกดอกช้า ฉันใด...การศึกษาย่อมเป็นไป....เช่นนั้น....เมื่อออกดอกแล้ว
     สดชื่นงดงาม"....(อะไรทำนองเนี้ย...ถ้าผมจำผิดก็ขออภัยด้วยละกัน..เพราะมันชักจะเลือนๆไป
     หมดแล้วหละครับ...อาจารย์แม่เคยพูดบ่อยๆ..เหมือนกัน..ประโยคเนี้ย....ฮิฮิฮิ)..A-net , O-net
     Admission  ฯลฯ ก็คงหนีไม่พ้น.ในประเด็นที่ผมอ้างถึงหรอกนะ.....ครับ

     (เอาไว้ต่อคราวหน้าดีกว่าครับ...กลัวคนอ่านจะตาลายซะก่อน)

บันทึกการเข้า
(-O-)Koka
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 562



« ตอบ #12 เมื่อ: 04-05-2006, 10:09 »

ตายลายสงสัยเพราะ....เยอะไปมั้งครับ แฮ่ะๆๆ
บันทึกการเข้า


อหิงสาคือความเข้มแข็ง ไม่ใช่ความขี้ขลาด
หน้า: [1]
    กระโดดไป: