ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 07:22
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ผมเสียดายหมาครับ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ผมเสียดายหมาครับ  (อ่าน 1647 ครั้ง)
chiangraiplus
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 165


ผมขายของเล็กน้อยอยู่เชียงรายครับ เป็นคน นครปฐมน่ะ


« เมื่อ: 29-04-2007, 20:15 »

ผมเสียดายหมาครับ

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 มีทหารเลว 5 - 6 คนได้ทำความผิดต่อคนในชาติ อย่างยากที่จะให้อภัยได้
และเมื่อถามถึงความรับผิดชอบ กลับไม่มีใครกล้าออกมายอมรับผิด จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่อาจรู้ได้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม เราคนไทยทั้งหลาย ยังต้องหาคนรับผิดชอบให้ได้ เราจึงได้ขอให้รัฐบาลกลางส่งหมาตำรวจมายังที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบหาคนผิด เพื่อหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้สาสม

เมื่อนายตำรวจหนุ่มคนหนึ่ง จูงหมาตำรวจที่ถูกส่งมาจากรัฐบาลกลาง มาถึงที่เกิดเหตุนั้น ปรากฏว่ามีคนมายืนดูอยู่มากพอสมควร คนสำคัญๆของประเทศ ก็มาอยู่ในที่นั้นด้วย พอหมาตำรวจมาถึง ก็มีเสียงฮือฮาขึ้นในกลุ่มคนด้วยความสนใจ เพราะใครๆก็เคยได้ยินว่า...หมาตำรวจนั้น เก่งและแน่นอนมาก ในเรื่องของการหาสิ่งที่ต้องสงสัย ถ้าได้ดมกลิ่นคนร้ายแล้ว ก็จะต้องสูดกลิ่นไปจนถึงตัว และจับคนร้ายได้ทุกทีไป ไม่มีพลาด พอหมาตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ก็เห่าขึ้นด้วยความตื่นเต้น แล้วก็ดึงสายจูง ลากเอานายตำรวจหนุ่มคนนั้น แหวกคนเข้าไปจนถึงจุดเกิดเหตุ แล้วหมาตำรวจก็เห่าขึ้นทีหนึ่ง

ครั้นแล้ว หมาตำรวจจึงสูดกลิ่นที่พื้นดิน และออกเดินสูดกลิ่นเรื่อยไปตามบรรดาคน ที่มายืนอยู่ หมาเดินผ่านคนไปหลายคน และตาทุกคู่ก็จ้องจับอยู่ที่หมาตำรวจด้วยความสนใจ พอหมาตำรวจมาถึงตรงหน้านายทหารใหญ่คนหนึ่ง ชื่อ นายสะเพล่า หมาตำรวจก็ดมกลิ่นเข้าไปถึงเท้านายสะเพล่า แล้วก็เห่าขึ้นทีหนึ่ง และลงนั่งแลบลิ้นหอบแฮ่กๆ แล้วแหงนหน้าขึ้นจ้องมองนายสะเพล่า และกระดิกหางอย่างดีใจ

นายสะเพล่า หน้าซีดเผือด กลืนน้ำลายลงคออย่างพะอืดพะอม ตัวเนื้อเริ่มสั่น ขาอ่อน ทรุดตัวลงนั่ง แล้วพูดกับนายตำรวจหนุ่มนั้นว่า “ผมขอสารภาพครับ ผมเองเป็นผู้ร้ายในคดีนี้เองครับ ผมเป็นทหาร ที่ทำงานกินเงินเดือน ที่มาจากภาษีของคนในชาติ เงินที่ทำให้ลูกผมได้มีโอกาสได้ไปเรียนเมืองนอก ด้วยเงินของทางการที่มาจากคนไทยทุกคน เมียผมมีหน้ามีตา มีกินมีใช้ไม่อดอยาก ทุกๆเดือนผมจะได้รับเงินเดือนเป็นประจำไม่เคยขาดแม้แต่สักครั้ง จนทำให้ผมมั่งมีเงินทองและตั้งหลักฐานของชีวิตได้ในระดับที่น่ายินดี

ผมเองครับที่เป็นคนใจร้ายทำลายชาติ ทำร้ายเพื่อนมนุษย์ร่วมชาติ... โดยที่ผมนำทหารเข้าล้มล้างการปกครอง ผมเองที่เป็นคนอกตัญญู ไม่รู้คุณคน ทำร้ายผู้มีคุณของผมเอง ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมชาตินั้น ผม... ผมขอสารภาพและยอมรับว่าทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองครับ... พอนายสะเพล่า พูดจบ หมาตำรวจก็เลียหน้านายสะเพล่า ทีหนึ่ง แล้วก็ออกเดินสูดกลิ่นต่อไปในหมู่คน ในที่สุด หมาตำรวจก็มาหยุดนั่งกระดิกหาง จ้องหน้านักหนังสือพิมพ์ ที่ใช้ไม่ได้คนหนึ่ง ชื่อ นายหลิม แล้วก็เห่าขึ้นสองครั้ง นายหลิมหน้าซีด เหงื่อเต็มหน้า คอตกลงในทันใด ยื่นมือทั้งสองไปที่นายตำรวจหนุ่มผู้จูงหมาตำรวจ แล้วกล่าวว่า


“ผมเองเป็นคนผิดครับ ผมนี่แหละครับเป็นผู้ร้ายฆ่าคนไทยให้ตายทั้งเป็นตัวจริง คนไทยพวกนี้ตายเพราะการกระทำของผมแท้ๆ คนไทยพวกนี้แต่ก่อนเป็นผู้มีหลักฐานดี มีอาชีพที่ดี มีสวน มีไร่นา เป็นผู้ขยันขันแข็ง ทำประโยชน์ให้เกิดแก่ชุมชนอยู่เป็นประจำ ต่อมาผมเองเป็นผู้ริเริ่มเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ และผมพยายามโกงผู้ถือหุ้นทุกคนที่หลงไปซื้อหุ้นของหนังสือพิมพ์ของผม จนสุดท้ายหนังสือพิมพ์ก็เจ๊งไป ผมเลยไปขอความช่วยเหลือจากคนพวกนี่ แต่เขาก็ช่วยบ้างไม่ช่วยบ้าง สุดท้ายเพราะความเลวทรามของผม ผมได้พยายามสร้างเรื่องโกหกต่างๆนาๆ จนพวกเขาทั้งหลายได้รับความเดือดร้อนกันทั่วหน้า


ชีวิตของพวกเขาทั้งหมด ได้ถูกนำมารวมอยู่กับการป้ายสีของผม สุดท้ายพวกเขาก็หมดตัว ไม่มีอะไรเหลือ เงินทองทรัพย์สินของเขาทั้งหมด ตกมาเป็นของผม ผู้เป็นเจ้าของสื่อเลวๆเพียงคนเดียว ผมเป็นผู้ยักยอกเอาชีวิตของเขา เพื่อเอามาเป็นของผม พวกเขาจึงถึงแก่ความตายในที่สุด...ผมเองเป็นผู้ร้ายฆ่าคนๆนี้ครับ คุณตำรวจจับผมไปเถิดครับ..ผมขอสารภาพทั้งหมด”

พอนายหลิมพูดจบ หมาตำรวจก็กระดิกหางดีใจ ลุกขึ้นยืนสองขาหลัง เอาสองขาหน้าพาด ที่ไหล่นาย หลิม แล้วก็เลียหน้านายหลิมเสียสองที เสร็จแล้วหมาตำรวจก็ผละจาก นาย หลิม ออกเดินสูดกลิ่นต่อไปรอบๆที่เกิดเหตุ จนมาถึงตรงหน้าบ้านของนายทหารใหญ่ หมาตำรวจก็หยุดลง นั่งมองหน้านายทหารใหญ่ แล้วกระดิกหางดีใจจนฝุ่นตลบและเห่าขึ้นสามครั้ง นายทหารใหญ่ ควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่หน้าผาก กลืน น้ำลายสองครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า

“ผมเองคือตัวการในวิบัติภัยครั้งนี้...” ผมเป็นนายทหารใหญ่ เข้ามารับหน้าที่นี้ ด้วยความสมัครใจ ไม่มีใครบังคับ เมื่อผมเข้ามารับหน้าที่นายทหารใหญ่ ผมก็รู้หน้าที่นั้นดีว่า หมายถึงเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนรัฐบาล ในการขจัดทุกข์ และต้องบำรุงสุขของประชาชน ผมมีหน้าที่ส่งเสริมช่วยเหลือประชาชนทุกคน ให้ทำมาหากินเป็นหลักฐานและปลอดภัย ด้วยความสุขและความสะดวกทุกเรื่องราว ผมมีหน้าที่แนะนำและดูแล ให้ประชาชนปฏิบัติงานที่ถุกต้องตามกฎหมายและป้องกันการรุกรานจากภายนอก อันจะเป็นประโยชน์มากที่สุดแก่ประชาชนเอง หากประชาชนมีกินมีใช้ อิ่มสบายทั่วกัน ผมก็นับว่าได้ทำหน้าที่ของผม ให้ผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งหมดนี้ผมรู้ ดี แต่ผม...”นายทหารใหญ่ เอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่ออีกครั้งหนึ่ง แล้วก็พูดต่อไปว่า

“แต่ผมไม่ได้ทำหน้าที่ของผมเลย ผมละทิ้งประชาชน ซึ่งเป็นความรับผิดชอบและ หน้าที่ของผมโดยตรง ผมเอาเวลาไปทำงานอื่นๆเสียหมด ถึงตัวผมจะอยู่ที่เมืองนี้ แต่ผมก็เท่ากับนั่งทำงานอยู่ที่อื่น เพราะผมทำงานเพื่อเอาใจคนแก่ๆสองสามคน ที่นั่งทำงานอยู่ในส่วนที่สูงกว่าผม เพียงเพื่อเอาใจคนแก่ๆเหล่านี้ ผมเพียงแต่ทำตามคำสั่งที่คนแก่ๆที่มีตำแหน่งสูง เขาสั่งให้ผมทำ ผมไม่ได้เหลียวแลประชาชนในความรับผิดชอบของผมเลย เพราะผมนึกเอาเองว่า คนแก่ๆพวกนั้นต่างหาก ที่เป็นคนเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ และขึ้นเงินเดือนให้ผม เพื่อจะได้ก้าวหน้าในอาชีพการทำงาน คนแก่ๆเหล่านั้นสั่งให้ผมทำอะไร ผมก็ทำตาม โดยไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ผมทำนั้น จะกระทบกระเทือนถึงประชาชนอย่างไรบ้าง”

“นอกจากนั้นทางผู้ใหญ่ ฝากงานอะไรให้ผมทำ เช่นว่า งานด้านการเกษตร งานด้านการชล ประทาน งานด้านวัฒนธรรม ผมก็เที่ยวรับเอางานนั้นมาทำทั้งหมด ทั้งที่รู้ว่าผมไม่สามารถทำได้ทั่วถึง ผมยอมรับสารภาพ... ผมเองเป็นตัวการฆ่าคนพวก นี้ให้ตายอย่างจงใจ และเจตนาทำผิด เพราะผมละเลยหน้าที่ ทั้งที่รู้หน้าที่ของตนดีอยู่แล้ว แต่กลับไม่ยอมทำ”

พอนายทหารใหญ่ พูดจบ หมาตำรวจก็ออกเดินดมกลิ่น ออกจากกลุ่มคนที่มาชุมนุมกันอยู่ และดึงนายตำรวจผู้ถือสายจูง ลากล้มลุกคุกคลาน ตรงไปยังบ้านของหัวหน้าใหญ่ พอถึงที่นั่น หมาตำรวจก็เดินตรงไปยังที่บ้านพักของหัวหน้าใหญ่ มันดมกลิ่นไปถึงหัวหน้าใหญ่ ผู้ซึ่งนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ แล้วหมาตำรวจก็นั่งลงจ้องหน้าหัวหน้าใหญ่ แล้วกระดิกหางเร็วและแรง เคาะกระดานดังโปกๆ ด้วยความดีใจ แล้วก็เห่าขึ้นสี่ครั้ง หัวหน้าใหญ่ ก้มหน้าลงกับโต๊ะสักครู่หนึ่ง แล้วจึงลุกขึ้นยืน เอามือปัดเอกสารงานต่างๆที่วางอยู่บนโต๊ะ จนตกร่วงลงกองอยู่กับพื้น พลางกล่าวกับนายตำรวจสุนัข ผู้ยืนระวัง และทำความเคารพตามสายการบังคับบัญชาว่า ...

ถูกของหมามันแล้ว ฉันเองคือผู้ร้ายฆ่าคนตาย ฉันไม่มีสิทธิที่จะนั่งโต๊ะนี้ และทำงานในห้องนี้อีกต่อไป ฉันจะเขียนใบลาออกวันนี้ และที่ที่ฉันควรจะอยู่ก็คือห้องขัง ที่ผู้ทำความผิดต้องอาศัยอยู่เท่านั้น ฉันเป็น หัวหน้าใหญ่ มีหน้าที่รักษาความสงบสุขของประชาชน มีหน้าที่ส่งเสริมประชาชนในชาติ ให้รู้รักสามัคคี แต่ฉันมันชอบที่จะไปสนใจ จับผิดเรื่องเล็กๆน้อยๆ แล้วจับมาเป็นประเด็นหาเรื่องด่าคนในชาติ

ส่วนพวกโจรผู้ร้ายที่ฆ่าคนในภาคใต้ ที่เลือกปล้นอาชีพจากคนดีๆที่ เลือกปล้นเอาทรัพย์สิทางปัญญา ที่เลือกปล้นชีวิตจิตใจของประชาชนคนไทย ทั้งที่เห็นได้อย่างชัดเจน หรือบางครั้งก็อาศัยเหลี่ยมมุมของกฎหมาย ชิงเอาความสุขความสงบ ไปจากคนทีดีๆ ที่มีความตั้งใจจริงในการหาเลี้ยงชีวิต ฉันเองกลับนิ่งเงียบ ฉันยอมเฉยชากลับสิ่งที่ผิด เพียงเพื่อต้องการอำนาจ เพียงเพื่อต้องการบ้านหลวงหลังใหญ่ที่อยู่แบบฟรีๆ ไม่ต้องทนลำบากลำบนอะไร เพราะฉันเห็นแก่เงินทองทรัพย์สินพวกนี้ ฉันจึงไม่ทำหน้าที่ของตน ที่ควรจะทำ ฉันตั้งใจทำแต่เรื่องผิดให้เป็นถูก ขาวให้เป็นดำ เรื่องเลวร้ายต่างๆมันทำให้ฉันร่ำรวยบารมีมากขึ้น มันจะทำให้ฉันได้มีชื่อเสียง มีรูปลงหนังสือพิมพ์ ผลของการกระทำทั้งหมดนี้ ทำให้ประชาชนคนดีๆ ถูกปล้นสิทธิอยู่ทุกนาที ทั้งกลางวันกลางคืน ใครทนได้ก็ทน ที่ทนไม่ไหวก็ตายไปก่อน ฉันเองเป็นคนร้ายตัวจริง ฉันยอมรับสารภาพ หมาตำรวจมันชี้คนร้ายถูกของมันแล้ว


คืนนั้นหัวหน้าใหญ่ นอนไม่หลับทั้งคืน พอเช้าตรู่ก็รีบไปมอบตัวที่โรงพัก ท่านเห็นนายตำรวจหนุ่ม ที่ดูแลและรับผิดชอบ ในการนำหมาตำรวจมาทำงานเมื่อวานนี้นั่งร้องไห้อยู่ ท่านหัวหน้าจังหวัดก็ตรงเข้าไปถามว่า “คุณตำรวจคุณเป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไม มีเรื่องอะไรหรือ” นายตำรวจสุนัขลุกขึ้นยืนทำความเคารพ แล้วตอบว่า “เปล่า...เปล่าครับ...แต่หมา...หมาตำรวจ ที่ผมนำมาทำงานเมื่อวานนี้ มันหลุดหนีไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่ผมหลับครับ ผมวิทยุถามรถตำรวจอื่นๆดูแล้ว ว่ามีใครเห็นหมาตำรวจของผมบ้าง ก็ยังไม่มีรายงานกลับมาเลยครับ แต่ เห็นมีตำรวจบางคนบอกว่า มีคนเห็นหมามันวิ่งมุงหน้ากลับเข้าไปที่รัฐบาล ตอนเช้ามืดนี้เอง ผมคิดว่ามันยังคงตามดมกลิ่นคนร้ายต่อไป มันจะไม่หยุดถ้าคนร้ายยังไม่ได้รับการลงโทษ เจ้าหมาตัวนี้นี่มันเป็นหมาตำรวจชั้นสูง มันต้องเสร็จสิ้นในหน้าที่ความรับผิดชอบเสียก่อน มันถึงจะหยุดทำงาน ผมกลัวว่ามันจะไปกันใหญ่ครับ”

“ตายแล้ว...!” ท่านหัวหน้าใหญ่ ตกใจ “ป่านนี้มันไม่ดมกลิ่นเข้าไปถึงที่ตั้งรัฐบาลแล้วหรือนี่”

“ก็นั่นนะซิครับ!” นายตำรวจสุนัขพูดแล้วก็ร้องไห้น้ำตาไหลเต็มหน้า หัวหน้าใหญ่ ยกมือขึ้นเกาศรีษะ และมองดูนายตำรวจสุนัขอย่างงงๆ แล้วถามว่า

“ คุณตำรวจคุณร้องไห้ทำไมล่ะ คุณกลัวว่าท่านผู้นำรัฐบาล เขาจะยอมรับว่าเขาเองก็มีส่วนผิด แล้วยอมลาออกเพื่อรับโทษหรือยังไงครับ”

“เปล่า... เปล่าครับ” นายตำรวจสุนัขตอบระหว่างเสียงสะอื้น“หมาตัวนี้ผมเลี้ยงมาตั้งแต่มันเป็นลูกหมาครับ มันเป็นหมาตำรวจที่ดีที่สุด แต่...ท่านครับ แต่หมาตำรวจทุกตัวนั้น มันถูกสอนมาว่า ถ้าได้ดมกลิ่นไปจนถึงตัวผู้ร้ายแล้ว และปรากฏว่าผิดพลาดไป หมาตำรวจตัวนั้นมันก็จะหมดความเชื่อถือตัวของมันเอง จะใช้ดมคนร้ายไม่ได้อีกต่อไป...”

“เอ...แล้วมันยังไง ฉันไม่เข้าใจเลยว่ะ?” หัวหน้าใหญ่ พูดขึ้น

“ผมกลัวมันจะเข้าไปที่รัฐบาลส่วนกลางตามกลิ่นที่มันมั่นใจ ที่นี้เรื่องมันจะไปกันใหญ่สิครับ!”

“ก็นั่นน่ะซี ถึงได้ถามคุณตำรวจว่า คุณกลัวท่านผู้นำรัฐบาลของเรา เขาจะลาออกหรือไง คุณถึงได้ร้องไห้เสียใจ”

“เปล่าครับ” นายตำรวจสุนัขตอบ

“ถึงยังไงท่านก็ไม่ลาออกครับ และผมว่าท่านไม่ยอมสารภาพเพื่อรับผิดอีกด้วย แล้วที่นี้หมาตำรวจของผมมันก็จะเสียหมาไปเลย มันไม่มีศักดิ์ศรีพอที่จะเป็นหมาตำรวจอีกต่อไป

“ผมเสียดายหมาครับ”

(อ้างอิงจากข้อเขียนของท่านอาจารย์หม่อมครับ แต่งใส่เข้าไปให้มันมาใกล้ๆกับความในยุคนี้)
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 29-04-2007, 20:42 »

ค่ะ ลอกมาจากเรื่องของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช

ถ้าคุณอ่านเรื่องเต็มให้ดีๆ จะพบว่า คนที่หมาไม่กล้าไปดมคนสุดท้ายนั้น เป็นนายกที่โกงชาติ อาจารย์ท่านเขียนเรื่องนี้ไว้กว่า 50 ปีแล้ว ถ้าท่านยังอยู่ ท่านคงขำที่ได้ทราบว่า ที่สุด ไอ้นายกที่ตำรวจไม่กล้าพาหมาไปดมนั้น

มันไม่มีแผ่นดินอยู่ไปแล้ว 

บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #2 เมื่อ: 29-04-2007, 20:55 »

หากอ่านบทความเต็มๆ จะเข้าใจเรื่องราวมากกว่านี้ครับ
หลายๆเรื่องเป็นบทความอมตะ ถึงเวลาจะผ่านไป การเมืองก็ยังวนเวียนอยู่ที่เดิม
บทความตัดแต่งบิดเบือนแล้วยกชื่อ อ.หม่อมมาให้ ท่านจะเสียชื่อเปล่าๆ
บันทึกการเข้า
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 29-04-2007, 21:41 »

เมื่อขายกันเอง สะกดจิตกันเองแล้วเอียน
การ "ตัดแปะ" จึงเป็นวิธีการที่อยู่คู่โลกไซเบอร์


บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

สี่หามสามแห่
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,460



« ตอบ #4 เมื่อ: 29-04-2007, 22:24 »

"“เปล่าครับ” นายตำรวจสุนัขตอบ

“ถึงยังไงท่านก็ไม่ลาออกครับ และผมว่าท่านไม่ยอมสารภาพเพื่อรับผิดอีกด้วย แล้วที่นี้หมาตำรวจของผมมันก็จะเสียหมาไปเลย มันไม่มีศักดิ์ศรีพอที่จะเป็นหมาตำรวจอีกต่อไป

“ผมเสียดายหมาครับ”

ตรงตัวแดงๆ คุ้นๆ ไหมว่าหมายถึงใคร

ฮ่าๆๆ

พวกงี่เง่าก็เป็นเช่นนี้แล

ฮ่าๆๆๆ
บันทึกการเข้า
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 29-04-2007, 22:38 »

ค่ะ ลอกมาจากเรื่องของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช

ถ้าคุณอ่านเรื่องเต็มให้ดีๆ จะพบว่า คนที่หมาไม่กล้าไปดมคนสุดท้ายนั้น เป็นนายกที่โกงชาติ อาจารย์ท่านเขียนเรื่องนี้ไว้กว่า 50 ปีแล้ว ถ้าท่านยังอยู่ ท่านคงขำที่ได้ทราบว่า ที่สุด ไอ้นายกที่ตำรวจไม่กล้าพาหมาไปดมนั้น

มันไม่มีแผ่นดินอยู่ไปแล้ว 


อ้าวเจอ "นักปั่นใบบอก" ทำ GMO ข้อมูลอีกแล้วเหรอเนี่ย 
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
ล้างโคตรทักษิณ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 903



« ตอบ #6 เมื่อ: 30-04-2007, 00:18 »

เสียดายแทน จขกท.มากกว่า อุตส่าห์ไปค้นข้อความมาตัดแปะ หวังใส่ใคล้ศัตรูของเหลี่ยมในดวงใจ

 แต่ดันเข้าตัวทูนหัวที่ลอนดั้นหมด
 
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #7 เมื่อ: 30-04-2007, 09:47 »

เสียดายแทน จขกท.มากกว่า อุตส่าห์ไปค้นข้อความมาตัดแปะ หวังใส่ใคล้ศัตรูของเหลี่ยมในดวงใจ

 แต่ดันเข้าตัวทูนหัวที่ลอนดั้นหมด
 

แสดงความเห็นแบบนี้เดี๋ยวก็เจอ แบบนี้หรอก

55555555555555555555555555555
เก่งจริงนะพ่อคุณ
วนๆแล้วเอาหลังแตะเชือก
อะไรคือข้อคิดของคณ แสดงหรือบอกออกมาให้เห็นหน่อยครับ
ลำคาญกับการเต็นฉาก ซ้ายทีขวาที
ไม่มีงานเขียนที่อ้างอิง หรือให้ผมได้อ่านแม้แต่คนเดียว



พอเข้ามาก็สำรอกออกมา เอ้ยไอ้มันเลว ไอ้นี่มันชั่ว
เห็นมีอยู่ประมาณนี้ ผมคงไม่ต้องขยับตามลงไปคลุกด้วยละนะ  มันเอียนครับ
ผมพยายามหาข้อมูลมาคุยด้วย ฝั่งของคุณมีสักตัวไหมครับ
ที่พอจะงัดออกมาคุยหรือบอกออกมาเข้ามา ประเภทเอาขาแหย่ๆไว้แล้วร้องแหกปาก
มันตัวผู้ตรงไหนวะ

พวกมึงเอาข้อคิดออกมาเสนอหน่อยซิวะ กูเห็นหลายตัวออกมาถึงก็สำรอก แบบที่มีงทำอยู่นี่แหล่ะ
คนที่เข้ามาเล่นเน็ตได้ ไม่มีใครตายเร็วกว่าใครหรอกวะ
ให้เอาสนตีนข้างซ้าย ค้ำหน้าแล้วนอนคิดดูนะ กูเข้ามาในแต่ละครั้ง กูพยายามนำเสนอข้อมูล
พวกมึง เมื่อไม่เห็นด้วยก็เอาข้อมูลมาแย้ง ไม่ต้องมาทำเลวๆแบบนี้ มีสามตัวแล้วนะที่กูเหม็นหน้า
มึงมาทางไหนไปทางนั้นเลยไป กูเข้ามาเล่นเน้ต กูใช้ชื่อจริงมึงไปหาข้อมูลดูได้ ที่เสรีไทยตอนช่วนแรกๆน่าจะมีข้อมูลกูอยู่
และถ้าพวกมึงยังทำเลวๆอีก กูจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก  เวปนี่มันต้องไปได้ดี ถ้าพวกมีงช่วยกันเขียนบทความ
ไม่ใช่ทำเลวแบบทุกวันนี้ จำใส่หัวไว้

จากกูผู้ไม่ชอบมึง

ฮ่า ๆ บทความดี ๆ .......... 
บันทึกการเข้า
chiangraiplus
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 165


ผมขายของเล็กน้อยอยู่เชียงรายครับ เป็นคน นครปฐมน่ะ


« ตอบ #8 เมื่อ: 30-04-2007, 11:09 »

เก่งจริงนะพ่อคุณ
วนๆแล้วเอาหลังแตะเชือก
อะไรคือข้อคิดของคณ แสดงหรือบอกออกมาให้เห็นหน่อยครับ
ลำคาญกับการเต็นฉาก ซ้ายทีขวาที
ไม่มีงานเขียนที่อ้างอิง หรือให้ผมได้อ่านแม้แต่คนเดียว



พอเข้ามาก็สำรอกออกมา เอ้ยไอ้มันเลว ไอ้นี่มันชั่ว
เห็นมีอยู่ประมาณนี้ ผมคงไม่ต้องขยับตามลงไปคลุกด้วยละนะ  มันเอียนครับ
ผมพยายามหาข้อมูลมาคุยด้วย ฝั่งของคุณมีสักตัวไหมครับ
ที่พอจะงัดออกมาคุยหรือบอกออกมาเข้ามา ประเภทเอาขาแหย่ๆไว้แล้วร้องแหกปาก
มันตัวผู้ตรงไหนวะ

พวกมึงเอาข้อคิดออกมาเสนอหน่อยซิวะ กูเห็นหลายตัวออกมาถึงก็สำรอก แบบที่มีงทำอยู่นี่แหล่ะ
คนที่เข้ามาเล่นเน็ตได้ ไม่มีใครตายเร็วกว่าใครหรอกวะ
ให้เอาสนตีนข้างซ้าย ค้ำหน้าแล้วนอนคิดดูนะ กูเข้ามาในแต่ละครั้ง กูพยายามนำเสนอข้อมูล
พวกมึง เมื่อไม่เห็นด้วยก็เอาข้อมูลมาแย้ง ไม่ต้องมาทำเลวๆแบบนี้ มีสามตัวแล้วนะที่กูเหม็นหน้า
มึงมาทางไหนไปทางนั้นเลยไป กูเข้ามาเล่นเน้ต กูใช้ชื่อจริงมึงไปหาข้อมูลดูได้ ที่เสรีไทยตอนช่วนแรกๆน่าจะมีข้อมูลกูอยู่
และถ้าพวกมึงยังทำเลวๆอีก กูจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก  เวปนี่มันต้องไปได้ดี ถ้าพวกมีงช่วยกันเขียนบทความ
ไม่ใช่ทำเลวแบบทุกวันนี้ จำใส่หัวไว้




จากวันนั้นถึงวันนี้ พวกเต้นฉากซ้ายทีขวาที ยังคงทำตัวน่าเบื่อเหมือนเดิม
ในนี้คุณว่ามีใครที่เขียนบทความ ที่เป็นของตัวเอง ที่เสนอแนะอะไรเอง เอาสักเรื่องมาให้ดูหน่อยสิ.... มันเสียเวลา
อยากเห็นข้อคิดของคนฝั่งนี้ เลยตามเข้ามาหาอ่านข้อคิดนะ
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #9 เมื่อ: 30-04-2007, 11:14 »

ฮ่า ๆ เขียนบทความไม่เป็น ด่าไม่เก่ง.........แต่พอแสดงความคิดเห็นไม่มั่งนิดหน่อย........เพราะไม่มีใครเคยเอาใบบอกมาให้โพสต์ ฮ่า ฮ่า.............อยากเห็นคามคิดเห็นของผม คลิ๊กหัวข้อค้นหา........

แต่ผมคลิ๊กของคุณ เชียงราย แล้ว เห็นแต่ใบบอกอย่างเดียว .......อย่างเดียวจริง ๆ
บันทึกการเข้า
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #10 เมื่อ: 30-04-2007, 11:15 »

คุณภาพของคนในนี้ น่าสนใจและน่านำไปคิดต่อจริงๆด้วย

กร๊ากกก... พ่อเกรียนนักคิดด
เกรียนขี้งอนนน

โอ๋๋ๆๆๆๆๆ 

ได้ขำแต่เช้าเลยวันนี้
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #11 เมื่อ: 30-04-2007, 11:32 »

เข้ามาแถมตัวอย่างใบบอก ที่โพสต์โดยนักคิด และ สุดยอด นักเขียนบทความ

http://www.weopenmind.com/board/index.php?topic=2187.msg20354#msg20354
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #12 เมื่อ: 01-05-2007, 14:05 »

เก็บต้นฉบับมาให้อ่านกันครับ คุณชายคึกฤทธิ์เขียนไว้ดีข้ามยุคข้ามสมัยจริงๆ
โดยเฉพาะเรื่องคนในทำเนียบที่ยังไงก็ "ไม่ยอมลาออก"

ต้นฉบับชัดเจนกว่าฉบับดัดแปลงเยอะ ... รับไปเต็มๆ นะครับงานนี้

-----------------------------------------------------------------------------------------

หมาตำรวจ

โดย : ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช


      เมื่อเช้าวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ มีศพชายหนึ่งนอนอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดพิบูลบุรี
ชายคนนั้นมิใช่คนแปลกหน้ามาจากไหนเป็นคนที่อยู่อำเภอเมือง จังหวัดพิบูลบุรี มาแต่อ้อนแต่ออก
ใครๆ ก็รู้จักใครที่แลดูศพนั้นปราดเดียวก็ต้องรู้ว่า ชายคนนั้นตายเพราะอดอาหารเพราะศพนั้นมีแต่
หนังหุ้มกระดูก ท้องป่อง ตานั้นลืมและลึกกลวง เหล่านี้เป็นอาการของผู้ที่อดข้าวตาย

แต่เพราะเหตุที่จังหวัดพิบูลบุรีตั้งอยู่ในประเทศไทยอันเป็นเมืองที่มีชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ มีข้าวเหลือกิน
เหลือใช้ทุกปี ไม่มีใครอดตาย ใครอดตายก็ขัดคำสั่งรัฐบาล จึงไม่มีใครยอมรับว่าชายคนนั้นอดข้าวตาย
เหตุที่ชายคนนั้นถึงแก่ความตาย จึงเป็นเหตุลึกลับ ร้อนถึงต้องส่งหมาตำรวจมาจากกรุงเทพฯ
เพราะตำรวจภูธรจังหวัดพิบูลบุรีไม่สามารถสืบหาสาเหตุได้

      เมื่อนายสิบตำรวจหนุ่มๆ คนหนึ่ง จูงหมาตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุนั้น ปรากฏว่ามีคนมายืนดูศพนั้นอยู่แน่น
นายอำเภอเมืองจังหวัดพิบูลบุรีเป็นคนหนึ่งที่มาอยู่ในที่นั้น พอหมาตำรวจมาถึงก็มีเสียงฮือขึ้นในกลุ่มคน
ด้วยความสนใจเพราะใครก็เคยได้ยินว่า...หมาตำรวจนั้น แน่นัก ลงได้ดมกลิ่นคนร้ายแล้วก็จะต้องสูดกลิ่น
ไปจนถึงตัว จับคนร้ายได้ทุกทีไป ไม่มีพลาด

      พอหมาตำรวจแลเห็นศพนอนอยู่ ก็เห่าขึ้นด้วยความตื่นเต้นแล้วก็ดึงสายจูง ลากเอานายสิบตำรวจหนุ่มคนนั้น
แหวกคนเข้าไปถึงศพ พอถึงศพแล้ว หมาตำรวจก็ดมศพนั้นจนทั่ว แล้วก็หอนขึ้นทีหนึ่ง

      ครั้นแล้ว หมาตำรวจจึงสูดกลิ่นที่พื้นดิน และออกเดินสูดกลิ่นเรื่อยไปตามบรรดาคนที่มายืนอยู่
หมาเดินผ่านคนไปหลายคน และตาทุกคู่ก็จ้องจับอยู่ที่หมาตำรวจด้วยความสนใจ

      พอหมาตำรวจมาถึงตรงหน้าพ่อค้าคนหนึ่ง ชื่อ นายฮวด หมาตำรวจก็ดมกลิ่นเข้าไปถึงเท้านายฮวด
แล้วก็เห่าทีหนึ่ง และลงนั่งแลบลิ้นหอบแฮ่กๆ แหงนหน้าขึ้นจ้องมองนายฮวด พลางกระดิกหางอย่างดีใจ

      นายฮวดหน้าซีดเผือด กลืนน้ำลายอย่างพะอืดพะอม ตัวเนื้อเริ่มสั่นขาอ่อน ทรุดตัวลงนั่ง แล้วพูดกับ
นายสิบตำรวจหนุ่มนั้นว่า

      “ผมขอสารภาพ ผมเองเป็นผู้ร้ายฆ่าคนๆ นี้ให้ตาย ผมเป็นพ่อค้าตั้งร้านขายของชำอยู่ในตลาด
คนๆ นี้เป็นลูกค้าผมมาเก่าแก่ เคยซื้อข้าวสารน้ำปลา น้ำตาล พริก กะปิ หอม กระเทียม จากร้านของผม
มาตั้งแต่ผมตั้งร้าน ช่วยอุดหนุนซื้อของผม จนผมมั่งมีตั้งตัวได้

      แต่ผมสังเกตว่าในระยะปีสองปีนี้ คนๆ นี้ซื้อของน้อยลงไปทุกทีจนในที่สุดเมื่อเร็วๆ นี้เอง เขาแต่งตัว
ขะมุกขะมอม เสื้อผ้าขาดวิ่น เข้ามาในร้านของผม แล้วขอซื้อเชื่อข้าวสารผมไปกิน ถ้าคนๆ นี้มีฐานะดี
เหมือนเมื่อก่อนผมก็คงไม่ขัดข้อง แต่เพราะผมได้เห็นว่าเขาจนลงกว่าแต่ก่อนมาก และเมื่อวันเขามาขอ
ซื้อเชื่อข้าวสาร เขากลายเป็นคนสิ้นคิด ผมจึงไม่ยอมให้เขาซื้อเชื่อข้าวสารไปกิน และไล่เขาออกจากร้านไป...

      ผมเองครับเป็นคนใจร้ายฆ่าเพื่อนมนุษย์... ผมเองที่เป็นคนอกตัญญู ไม่รู้คุณคน ทำร้ายผู้มีคุณแก่ผมจนถึงตาย...
ผมขอสารภาพรับความผิดของผม...”

      พอนายฮวดพูดจบ หมาตำรวจก็เลียหน้านายฮวดทีหนึ่ง แล้วก็ออกเดินสูดกลิ่นต่อไปในหมู่คน

      ในที่สุด หมาตำรวจก็มาหยุดนั่งกระดิกหาง จ้องหน้าคหบดีคนหนึ่งชื่อ นายเกิด แล้วก็เห่าขึ้นสองที
นายเกิดหน้าสลด คอตกลงในทันใด ยื่นมือทั้งสองไปที่นายสิบตำรวจหนุ่มผู้จูงหมาตำรวจ แล้วกล่าวว่า

      “ผมเองเป็นผู้ผิด ผมนี่แหละครับเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย คนๆ นี้ตายเพราะน้ำมือของผมแท้ๆ
คนตายนี้แต่ก่อนเป็นผู้มีหลักฐานดีมีเรือกสวนไร่นา เป็นผู้ขยันขันแข็ง ทำประโยชน์ให้เกิดแก่ชุมชนอยู่เป็นนิจ

      ต่อมาผมเองเป็นผู้ริเริ่มเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ ผมก็ไปชักชวนคนๆ นี้ให้แทงสลากกินรวบกับผม ตอนแรก
เขาแทงทีละน้อย แต่เขาก็เสียทุกครั้งไป สมัยเมื่อสลากกินแบ่งรัฐบาลยังออกแต่น้อยครั้ง เดือนละหนสองหน
เขาก็แทงแต่น้อยครั้งไม่สู้กระไรนัก แต่พอสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเดือนละเจ็ดครั้ง เขาก็ติดเป็นนิสัย เลิกไม่ได้
และจำนวนที่แทงก็มากขึ้น ยิ่งเสียมากเขาก็ยิ่งแทงมากขึ้นไปอีก

      ชีวิตของเขาทั้งหมดมารวมอยู่สลากกินรวบ เลิกทำมาหากินเมื่อยิ่งแทงก็ยิ่งเสีย เขาก็ตั้งหน้าคิดแต่จะแทงให้ถูก
วันหนึ่งๆ เขาก็ได้แต่ไปเที่ยวหาอาจารย์ใบ้หวย เขานอนฝันถึงอะไร รุ่งขึ้นเขาก็เอาฝันนั้นมาคิดออกเป็นเลขสามตัว
แล้วก็มาแทงกินรวบ เงินทองที่เขาเก็บไว้ได้ก็หมดสิ้นไป เรือกสวนไร่นาเขาก็เอาจำนำหรือขายมาแทงกินรวบจนหมด
แม้แต่เครื่องใช้ในบ้าน จนในที่สุดตัวบ้านที่เขาอาศัยอยู่เอง เขาก็ขายเอามาแทงกินรวบ เขาหมดตัว ไม่มีอะไรเหลือ
เงินทองทรัพย์สินของเขาทั้งหมดตกมาเป็นของผมผู้เป็น เจ้ามือสลากกินรวบ...

      ผมเป็นผู้สูบชีวิตของเขาเอามาเป็นของผม เขาจึงถึงแก่ความตาย...
      ผมเองเป็นผู้ร้ายฆ่าคน ตำรวจจงจับผมไปเถิ๊ด..ผมขอสารภาพ”

      พอนายเกิดพูดจบ หมาตำรวจกระดิกหางดีใจยิ่งขึ้นลุกขึ้นยืนสองขาหลัง เอาสองขาหน้าพาดที่ไหล่นายเกิด
แล้วก็เลียหน้านายเกิดหลายที

      เสร็จแล้วหมาตำรวจก็ผละจากนายเกิด ออกเดินสูดกลิ่นต่อไปรอบๆ จนมาถึงตรงหน้านายอำเภอเมือง
หมาตำรวจก็หยุดลง นั่งมองหน้านายอำเภอเมืองแล้วกระดิกหางดีใจจนฝุ่นตลบและเห่าขึ้นสามครั้ง

      นายอำเภอเมืองควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่หน้าผาก กลืนน้ำลายสองที แล้วพูดขึ้นว่า

      “ผมเองคือตัวการในฆาตกรรมรายนี้... ผมเป็นนายอำเภอเมืองเข้ามารับหน้าที่นี้ด้วยความสมัครใจ
ไม่มีใครบังคับ เมื่อผมเข้ามารับหน้าที่นายอำเภอ ผมก็รู้หน้าที่นั้นดีว่า หมายถึงการระงับทุกข์บำรุงสุขของราษฎร
ผมมีหน้าที่ส่งเสริมช่วยเหลือราษฎรทุกคนให้ทำมาหากินเป็นหลักฐานด้วยความสุขและความสะดวกทุกประการ
ผมมีหน้าที่แนะนำและดูแลให้ราษฎรปฏิบัติงานที่ชอบ อันจักเป็นประโยชน์มากที่สุดแก่ราษฎรเอง
หากราษฎรมีกินมีใช้ อิ่มหมีพีมัน ผมก็นับว่าได้ทำหน้าที่ของผมลุล่วงไปด้วยดี ทั้งหมดนี้ผมรู้แต่...”

      นายอำเภอเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่ออีกครั้งหนึ่งแล้วก็พูดต่อไปว่า

      “แต่ผมไม่ได้ทำหน้าที่ของผมเลย ผมละทิ้งราษฎรผู้ซึ่งเป็นภาระและหน้าที่ของผมโดยตรง ไปทำงานอื่นเสียหมด
ถึงตัวผมจะอยู่ที่อำเภอเมืองพิบูลบุรีนี้ แต่ผมก็เท่ากับนั่งทำงานอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยที่กรุงเทพฯเพราะผมทำงาน
เพื่อตาแก่สองสามคนที่นั่งทำงานอยู่ที่นั่น และตาแก่พวกนั้นไม่เคยมาที่จังหวัดพิบูลบุรีนี้เลย

      ผมเพียงแต่ทำตามคำสั่งตาแก่ที่กระทรวง มิได้เหลียวแลราษฎรเพราะนึกเสียว่าตาแก่พวกนั้นต่างหาก
ที่แกเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือนให้ผมได้ทางกรุงเทพฯ สั่งให้ผมทำอะไรผมก็ทำตาม มิได้เหลียวแลว่า
สิ่งที่ผมทำนั้นจะกระทบกระเทือนถึงราษฎรอย่างไรบ้าง

      นอกจากนั้นทางกรุงเทพฯ ฝากงานอะไรให้ผมทำเป็นต้นว่างานเกษตร งานชลประทาน งานกรมการข้าว งานสถิติ
งานวัฒนธรรม ตลอดจนขายหนังสือพิมพ์ให้รัฐบาล ผมก็เที่ยวรับเอางานนั้นมาหมด ทั้งที่รู้ว่าผมไม่สามารถทำได้ทั่วถึง
ผมมัวทำราชการเสียจนลืมราษฎร

      คนตายคนนี้ผมเพิ่งทราบว่าเขาอยู่ที่อำเภอนี้มาตั้งแต่เกิดจนตายแต่ผมก็เพิ่งเห็นหน้าเขาวันนี้เอง เมื่อเขาเป็นศพไปแล้ว
ถ้าหากผมเคยเห็นหน้าเขามาก่อนก็แปลว่า ผมรู้จักกับราษฎรอำเภอนี้ และถ้าเป็นดังนั้น เขาก็คงไม่ตาย แต่ผมไม่รู้จักเขาเลย
เขาจึงต้องมานอนตายเพราะอดอาหาร

      ครับ...ผมยอมรับสารภาพ...ผมเองเป็นตัวการฆ่าคนๆ นี้ให้ตายอย่างจงใจเจตนา เพราะผมละเลยหน้าที่ของผมทั้งที่รู้หน้าที่อยู่แล้ว”

      พอนายอำเภอเมืองพูดจบ หมาตำรวจก็ออกเดินสูดกลิ่น ออกจากกลุ่มคนที่มาชุมนุมกันอยู่ และดึงนายสิบตำรวจผู้ถือสายจูง
ลากถูลู่ถูกังตรงไปยังโรงพักตำรวจภูธร จังหวัดพิบูลบุรี

      พอถึงที่นั่น หมาก็เดินตรงไปยังที่กองกำกับการตำรวจ ดมกลิ่นไปถึงผู้กำกับการตำรวจผู้ซึ่งนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ
แล้วหมาตำรวจก็นั่งลงจ้องหน้าผู้กำกับฯ กระดิกหางเร็วและแรง เคาะกระดานดังโปกๆ ด้วยความดีใจ แล้วก็เห่าขึ้นสี่ครั้ง

      ผู้กำกับฯ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะสักครู่หนึ่ง แล้วจึงลุกขึ้นยืนเอามือปัดงานที่วางอยู่บนโต๊ะร่วงลงกับพื้น
พลางกล่าวกับนายสิบตำรวจสุนัขผู้ยืนระวังตรงอยู่ต่อหน้านั้นว่า...

      “ถูกของหมามันแล้ว! อั๊วเองคือผู้ร้ายฆ่าคนตายที่ศพนอนอยู่ศาลากลาง

      อั๊วไม่มีสิทธิที่จะนั่งโต๊ะนี้ทำงานในห้องนี้อีกต่อไป อั๊วจะเขียนใบลาออกวันนี้ และที่ที่อั๊วควรจะอยู่คือกรงขังผู้ต้องหาบนโรงพัก

      อั๊วเป็นผู้กำกับฯ มีหน้าที่ปราบปรามโจรผู้ร้ายและรักษาความสงบของราษฎรจังหวัดนี้ โดยตรง แต่อั๊วมันเที่ยวจับ
แต่ของที่มีรางวัลงามๆ เสียหมดเป็นต้นว่า ฝิ่นเถื่อนเหล้าเถื่อน และของหนีภาษี จับทีไรอั๊วก็ได้เงินเข้ากระเป๋าบานไป
เพราะพวกค้าของเถื่อนนั้นมันค้าแข่งกับรัฐบาล ใครจับได้จึงให้รางวัลอย่างงาม

      ส่วนพวกโจรผู้ร้ายที่จะปล้นอาชีพ ปล้นทรัพย์ ปล้นชีวิตจิตใจราษฎรอยู่ทั้งกลางวันกลางคืนนั้น ถึงจะจับได้ก็ไม่มีใคร
ตกรางวัลให้ ตรงกันข้ามถ้าหากอั๊วไม่จับเสียอีก อั๊วกลับได้สตางค์ใช้ฟรีๆ จนเดี๋ยวนี้อั๊วมีรถเก๋งขี่ มีตึกสี่ชั้นปลูกอยู่ในตลาด
ลูกเมียอั๊วก็ทองแดงทั้งตัวไปเพราะอั๊วเห็นแก่เงินทองทรัพย์สิน อั๊วจึงไม่จับผู้ร้ายที่ควรจะจับ จับแต่ผู้ร้ายที่ทำให้อั๊วร่ำรวยขึ้น
หรือมิฉะนั้นก็ควงปืนดวลกับผู้ร้ายที่มันจะทำให้อั๊วได้มีชื่อเสียง มีรูปลงหนังสือพิมพ์เผื่อว่ายังไงอั๊วจะได้มีแหวนอัศวินใส่กับเขาบ้าง

      ผลของการกระทำทั้งหมดนี้ทำให้ราษฎรถูกปล้นอยู่ทุกนาที ทั้งกลางวันกลางคืน ใครทนไม่ไหวก็ตายไปก่อน
      อั๊วเองเป็นคนร้าย อั๊วยอมรับสารภาพ หมาตำรวจมันชี้คนร้ายถูกของมันแล้ว”

      พอผู้กำกับฯ พูดจบ หมาตำรวจก็ออกดมกลิ่นจากห้องผู้กำกับฯและดึงนายสิบตำรวจสุนัขตรงแน่วไปที่ศาลากลาง
ผู้กำกับฯก็ออกวิ่งตามมาด้วยตอนนั้นเป็นเวลาเย็นใกล้ค่ำ ศาลากลางปิดเสียแล้ว หมาตำรวจก็บ่ายหน้าดมกลิ่นไปยัง
จวนผู้ว่าราชการฯ พอถึงจวน หมาตำรวจก็วิ่งขึ้นไปชั้นบน และเข้าไปในห้องนั่งเล่นของผู้ว่าราชการจังหวัดพิบูลบุรี
เห็นผู้ว่าราชการนั่งอยู่หมาตำรวจก็เข้าไปนั่งจ้องหน้ากระดิกหางดีใจอย่างมากมาย แล้วก็เห่าขึ้นห้าครั้ง

      ผู้ว่าราชการฯ ตกตะลึงจ้องหน้าหมาอยู่นาน ครั้นแล้วก็ยกมือขึ้นปิดหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้น พูดว่า

      “จับผมไปโรงพักเถิดท่านผู้กำกับฯ ผมเองเป็นคนร้าย ผมเองเป็นคนฆ่าคนตายที่หน้าศาลากลางในจังหวัดของผม
ผมเป็นผู้รับผิดชอบในทรัพย์สินและความเป็นอยู่ของราษฎรทั้งจังหวัด แต่ผมกลับไม่ถือว่าความรับผิดชอบนั้นเป็นของสำคัญ
เอาตัวเองซึ่งเป็นถึงผู้ว่าราชการจังหวัดไปรับผิดชอบต่อนักการเมืองขี้ปะติ๋วสองสามคน

      ผมปกครองจังหวัดนี้โดยไม่คำนึงถึงทุกข์สุข หรือความอดอยากของราษฎร คำนึงถึงแต่ว่า...ทำอย่างไรจะทำให้
พรรคนักการเมืองที่เป็นนายผมเลือกตั้งได้ทุกครั้งไป

      เวลาส่วนใหญ่ของผมต้องใช้ไปในการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯกับพิบูลบุรี เพื่อไปรับคำสั่งจากนักการเมืองบ่อยๆ
และสิ่งที่ผมตั้งใจทำก็คือทำนุบำรุงสมาคมหญิงที่เมียผมเป็นนายก เพราะสมาคมนั้นเป็นสะพานที่จะให้เมียผมเข้าถึง
เมียนักการเมืองที่มีอำนาจเพื่อหาดีให้ตัวผมต่อไป...

      จะพูดกันไปทำไม มีผมเป็นเจ้าเมือง แล้วมีคนอดข้าวมานอนตายอยู่หน้าศาลากลาง ใครจะเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายได้นอกจากผม
ขอเวลาผมเขียนใบลาออกสักเล็กน้อยเถิดท่านผู้กำกับฯ และขอให้ผมได้สั่งลูกสั่งเมียหน่อยแล้วผมจะไปมอบตัวให้แก่ท่านผู้กำกับฯ
ที่โรงพัก ไม่หนีไปไหน”

      ผู้ว่าราชการฯพูดจบแล้ว ก็ซบหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อไป ผู้กำกับฯก็พาหมาตำรวจและนายสิบตำรวจสุนัขกลับมาโรงพัก
แล้วหาที่ให้นอนค้างเพราะดึกแล้วจะส่งกลับมากรุงเทพฯก็ไม่ทัน

      ผู้กำกับนอนไม่หลับทั้งคืน พอเช้าตรู่ก็รีบไปโรงพักเห็นนายสิบตำรวจหนุ่มนั่งร้องไห้อยู่ ผู้กำกับก็ตรงเข้าไปถามว่า

      “หมู่เป็นอะไรไป โดนหมากัดเข้าอีกคนรึ!”

      นายสิบลุกขึ้นยืนชิดเท้า แล้วตอบว่า

      “เปล่า...เปล่าครับ...แต่หมา...หมาผมหลุดหนีไปเมื่อตอนดึกนี้ครับผมวิทยุถามรถกองปราบเขาดู       
เขาว่าเห็นมันวิ่งเข้ากรุงเทพฯ ตอนเช้ามืดตามกลิ่นเข้าไปครับ”

      “ตายหะ...!” ผู้กำกับออกอุทาน “ป่านนี้มันมิดมกลิ่นเข้าไปถึงทำเนียบแล้วหรือวะ!”

      “ก็นั่นนะซิครับ!” นายสิบตำรวจพูดแล้วก็ร้องไห้น้ำตาไหลอีกพรูใหญ่

      ผู้กำกับยกมือขึ้นเกาหัว และมองดูนายสิบตำรวจอย่างงงๆ แล้วถามว่า “ร้องไห้ทำไมนะหมู่ กลัวท่านสารภาพแล้วลาออกรึ?”

      “เปล่า... เปล่าครับ” นายสิบตำรวจตอบระหว่างเสียงสะอื้น“หมาตัวนี้ผมเลี้ยงมาตั้งแต่มันเป็นลูกหมาครับ มันเป็นหมาตำรวจที่ดีที่สุด
แต่...แต่หมาตำรวจนั้น ถ้าลงดมกลิ่นไปจนถึงตัวผู้ร้ายแล้ว ปรากฏว่าผิดตัว มันก็จะหมดความเชื่อถือตัวของมันเอง ใช้ดมไม่ได้อีกต่อไป...”

      “เอ...แล้วยังไง อั๊วไม่เข้าใจเลยว่ะ?” ผู้กำกับพูดขึ้น

      “ผมกลัวมันจะเข้าไปในทำเนียบครับ!”

      “ก็นั่นน่ะซี อั๊วถึงได้ถามว่าลื้อกลัวท่านลาออกรึ!”

      “เปล่าครับ” นายสิบตำรวจตอบ

      “ถึงยังไงท่านก็ไม่ลาออก และไม่ยอมสารภาพรับผิด แล้วหมาผมมันก็จะเสียหมาไปเลย
     
ผมเสียดายหมาครับ”


-----------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2007, 14:25 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
วินท์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 176


« ตอบ #13 เมื่อ: 01-05-2007, 16:02 »

มีปัญญาแค่เนี้ยะ..ก็เหนื่อยหน่อย
แถวนี้ ไม่ใช่โง่ๆเหมือนพวกอยู่ในปลักอาจม งมงายไอ้ทักขี้..

ใครครับ คือ พวกมึง ที่ว่า
ถ้าหมายถึงพวกผม ที่ท้าทายให้เสนอข้อคิดเห็น
ก็ขอบอกว่า ไม่มีประโยชน์สำหรับคุณหรอกครับ
กลับอยู่ตามเว็ปโง่ๆ เชียร์กันเอง ของไอ้ตู่ ไอ้เทย ฯลฯพวกนั้น ดีกว่า
มาตรฐานต่างกันครับ..
.
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: