เมื่อวานไม่ได้ไปร่วมงานชุมนุมพันธมิตร ที่เวทีลีลาศสวนลุม...อ่านข่าวไทยรัฐละกัน

[Can ไทเมือง]

ความเคลื่อนไหวของเหล่าแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังเดินหน้าจัดการชุมนุมไม่หยุด แม้จะโดนมรสุมถูกดำเนินคดีในสารพัดข้อหา ปรากฏว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 พ.ค. ที่กองปราบปราม นางสุดา ดามาพงศ์ อายุ 61 ปี และนายชัชชัย ดามาพงศ์ อายุ 33 ปี บุตรชาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.มนตรี เทศขัน สว.งาน 4 กก.5 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมนำหลักฐานข้อความใน น.ส.พ.ผู้จัดการ และแผ่นซีดีคำให้สัมภาษณ์ของนายสนธิ มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นตำรวจได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป

นางสุดาเปิดเผยว่า ครอบครัวของตนเป็นญาติห่างๆ กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร แต่ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ กับธุรกิจของครอบครัวดามาพงศ์ ตามที่นายสนธิกล่าวหาคนในตระกูลดามาพงศ์ทั้งหมด เมื่อครั้งปราศรัยในที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ครอบครัวของตนเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ผู้อื่นเกิดความเกลียดชังต่อครอบครัว ธุรกิจการค้าอุปกรณ์การไฟฟ้าของบุตรชายต้องหยุดชะงักไปด้วยเนื่องจากมีบริษัทบางแห่งที่เคยค้าขายกันอยู่เข้าใจผิด ธนาคารก็ไม่ยอมปล่อยเครดิตให้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร กระทั่งมาเกิดเรื่องนี้ขึ้น ส่วนทางด้านตำรวจเบื้องต้นได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป

ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วันและเวลาเดียวกัน พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษก สตช. กล่าวถึงกรณีการนัดชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า การที่ผู้ชุมนุมเปลี่ยนสถานที่จากสนามหลวง มาเป็นสวนลุมพินี ทำให้ตำรวจเบาใจในการดูแล และเชื่อว่าการชุมนุมเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างไรก็ดี อยากฝากข้อคิดไว้ว่า ประเทศของเรา คนในชาติของเรา อย่าหลงลืมอดีต อย่าหลงลืมประวัติศาสตร์ของชาติ วุ่นวายอยู่กับปัจจุบันจะไม่มีอนาคต ต้องทบทวนประสบการณ์ที่ผ่านมา แยกแยะว่าอะไรควรไม่ควร ประโยชน์ที่ได้จากคนรุ่นเราจะมีผลต่อคนรุ่นหลัง อยากให้ทุกฝ่ายคิดถึงประโยชน์ของชาติเป็นหลัก

พล.ต.ท.อชิรวิทย์ ยังกล่าวถึงการดำเนินคดี 5 แกนนำพันธมิตรฯ ที่มีการเปลี่ยนตัวผู้ร้องทุกข์จาก ร.ต.ฉลาด วรฉัตร เป็น พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบช.น.ว่า ได้หารือ พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบช.น. การเป็นผู้กล่าวหาไม่ได้เฉพาะคดีของ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร เท่านั้น คดีอะไรที่กระทบบ้านเมือง รัฐเป็นผู้เสียหาย พนักงานสอบสวนในเขตพื้นที่รับผิดชอบสามารถแจ้งความได้ รายละเอียดคดีนี้ขออย่าได้รีบวิจารณ์ เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนในการดำเนินคดี พนักงานสอบสวนไม่ได้ทำฝ่ายเดียว มีอัยการและศาลกรองเรื่องอีกชั้น ขอให้พันธมิตรฯรอสรุปคดีไปอัยการและศาล จะได้รู้ว่าใครปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง ถ้าพนักงานสอบสวนทำไม่ถูกต้อง ศาลต้องยกฟ้อง ซึ่งคดี ดังกล่าวนี้มีการระดมพนักงานสอบสวนฝีมือดีเข้ามาร่วมพิจารณา อะไรที่ทำได้ อะไรที่ไม่ควรทำ ควรฟ้องหรือไม่ควรฟ้อง ขอให้ทุกฝ่ายวางใจการทำงานของพนักงานสอบสวน ถ้าตำรวจทำคดีไม่รอบคอบ ศาลยกฟ้อง ตำรวจต้องรับภาระ คิดว่าพนักงานสอบสวนพิจารณาละเอียดรอบคอบ ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และทำตามตัวบทกฎหมายชัดเจน อย่างกรณีผู้ชุมนุมปิดล้อม น.ส.พ.เนชั่น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ไม่ได้ล่าช้าอย่างที่พันธมิตรฯตั้งข้อสังเกต อย่างคดีที่มีนายทหารแจ้งความดำเนินคดีนายกฯ ที่ สน.ชนะสงคราม มีการดำเนินคดี อัยการสั่งไม่ฟ้อง ส่วนกรณีแจ้งความดำเนินคดี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ จ.ยโสธร ไม่ได้เป็นข่าว แต่อัยการสั่งฟ้องเช่นกัน ดังนั้น หากแกนนำพันธมิตรฯจะฟ้องตำรวจก็ทำได้เลย ตำรวจถูกฟ้องเป็นประจำ ถ้าพันธมิตรฯเห็นว่าทำไม่ถูกต้อง อคติฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทุกคนมีสิทธิฟ้องตำรวจได้ กฎหมายให้โอกาสทั้ง 2 ฝ่าย พนักงานอัยการจะเป็นทนายแก้ต่างให้ตำรวจ


 

[Can ไทเมือง]

ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.อ.สมคิด จงพยุหะ ประธานที่ปรึกษาองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ พร้อมด้วยตัวแทนองค์การต่างๆ อาทิ สมาพันธ์ พิทักษ์ประชาธิปไตย สมาคมพิทักษ์ผู้ขับรถแท็กซี่ กว่า 20 คน เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. เพื่อมอบดอกไม้เป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมายอย่างถูกต้องและปราศจากแรงกดดันใดๆ โดย พล.ต.ต.วินัยกล่าวกับผู้ที่เข้าให้กำลังใจว่า ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีทุกคดีอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่มีการเสริมแต่งเพื่อกล่าวหาผู้หนึ่งผู้ใดทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้กับทุกฝ่ายกรณีมีการกล่าวให้ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีมูลความจริงก็ต้องให้ศาลยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน

ส่วนที่สภาทนายความ นายเสงี่ยม บุญจันทร์ รองโฆษกสภาทนายความ เปิดเผยถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ชุมนุมในนามกลุ่มพันธมิตรฯว่า จนถึงขณะนี้สภาทนายความได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือทางคดีแล้วหลายรายและได้มอบให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนสภาทนายความ พิจารณาช่วยเหลือแล้ว ได้แก่ นายกฤช เทพบำรุง กับพวกรวม 5 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฉีกบัตรเลือกตั้งที่ สภ.อ.เมืองภูเก็ต นายเกรียงศักดิ์ หลงจันทร์พัฒนา กับพวกรวม 6 คน ผู้ต้องหาคดีฉีกบัตรเลือกตั้ง เหตุเกิดท้องที่ สภ.อ.เมืองหาดใหญ่ นายเทอดศักดิ์ หัตถศิลปทรัพย์ กับพวกรวม 3 คน เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณหน้าห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.00 น. แต่ต่อมาถูกตำรวจ สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์


จากนั้นในช่วงเย็น นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล กรรมการ บ.ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด กับพวกรวม 3 คน และทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันดำเนินกิจการส่งวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ให้บริการแก่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังถูกกรมประชาสัมพันธ์เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นว่าบริษัทดังกล่าวร่วมกันตั้งสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอเอสทีวี และดำเนินการบริการส่งวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์ เพื่อให้บริการแก่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต เหตุเกิดตั้งแต่เดือน ก.ย.2548 จนถึงปัจจุบัน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมระบุว่า บ.ไทยเดย์ ด็อทคอม ประกอบกิจการผลิตและบันทึกรายการประเทศไทย เมื่อกระบวน การผลิตเสร็จสิ้น จะส่งเทปไปยังบริษัทที่ฮ่องกง ก่อนจะนำเผยแพร่ผ่านสัญญาณดาวเทียม ช่องเอเอสทีวี ซึ่งผู้ใดมีอุปกรณ์จานจ่ายสายอากาศขนาดเล็กที่บ้านก็จะสามารถรับสัญญาณโทรทัศน์ของเอเอสทีวีได้ ซึ่งรายละเอียดการดำเนินการส่งสัญญาณของบริษัทที่ฮ่องกง ไม่เกี่ยวข้องกับ บ.ไทยเดย์ฯ อีกทั้ง บ.ไทยเดย์ฯ ก็ไม่ได้ใช้สัญญาณคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้าตามที่กรมประชาสัมพันธ์กล่าวหาด้วย


ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่อาคารลีลาศ สวนลุมพินี ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีคนทยอยเข้ามาตั้งแต่เวลา 15.00 น. จนถึงเวลาประมาณ 18.30 น. ก็มีคนจำนวนมากเข้าไปภายในอาคาร ส่วนภายนอกก็เต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่นำของที่ระลึก เสื้อยืด ผ้าโพกหัว เทป ซีดีการปราศรัยที่ผ่านๆมา ฯลฯ มาจำหน่าย โดย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า การชุมนุมในครั้งนี้ไม่ใช่การกดดันทางการเมือง แต่เป็นการออกมาแสดงตนน้อมรับกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อยืนยันว่าพันธมิตรฯไม่ได้มีพฤติกรรมตะแบง รวมทั้งเป็นการออกมาให้กำลังใจองค์กรศาลทั้งสามศาล และเพื่อทวงถามความรับผิดชอบจากรัฐบาลและ กกต.ต่อความพยายามที่จัดการลากตั้งในวันที่ 2 เม.ย. และความพยายามที่จะเปิดสภา โดยไม่สนในกระแสพระราชดำรัส ซึ่ง ส.ส.ทรท.ออกมาแสดงอาการขู่ว่าจะฟ้องศาลปกครองหากมีการตัดสินว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. เป็นโมฆะ ก็เป็นพฤติกรรมที่จาบจ้วงเบื้องสูง เพราะเป็นการตะแบงโดยไม่น้อมรับกระแสพระราชดำรัส สำหรับแนวทางการเคลื่อนไหวจากนี้ไป ในปลายเดือนนี้จะมีการจัดรูปแบบองค์กรใหม่ เปิดเป็นสมัชชาเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับภาค ระดับจังหวัด ให้ครบทั้ง 76 จังหวัด เพื่อเตรียมความพร้อมประชาชนต่อการปฏิรูปการเมืองครั้งที่สอง


กระทั่งช่วงค่ำ ภายในอาคารลีลาศก็มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาฟังแกนนำพันธมิตรฯขึ้นปราศรัยจนล้นหลาม ส่วนด้านนอกอาคารก็มีการตั้งจอทีวีอีก 7 จอให้ประชาชนที่อยู่ด้านนอกได้รับฟัง ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ประมาณ 300 นาย
ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยในเวลาประมาณ 21.20 น. ว่าการจัดการชุมนุมครั้งนี้เป็นไปเพื่อน้อมรับพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมอธิบายเหตุการณ์ต่างๆให้แก่ประชาชนได้เข้าใจ ตลอดจนให้กำลังใจต่อศาลที่จะมีมาตรการแก้ไขปัญหาออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง

เมื่อถามว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการถอยหนึ่งก้าวหรือไม่ นายสนธิกล่าวว่า นักข่าวชอบถามว่าแพ้หรือถอย ความจริงไม่ใช่ เมื่อในหลวงมีพระราชดำรัสเราก็ต้องปฏิบัติตาม แต่จะไปถอยให้รัฐบาลได้อย่างไร ส่วนจะไปจัดที่สนามหลวงก็ติดขัดที่สถานที่ การจะไปจัดที่บริเวณลานคนเมือง หรือลานพระบรมรูปทรงม้า ก็จะต้องเคลื่อนขบวนเข้าไปยึดพื้นที่ ซึ่งเราไม่อยากแสดงท่าทีแบบนั้น ช่วงนี้ทุกอย่างต้องนุ่มนวล ราบเรียบ จึงต้องมาจัดที่นี่


ทั้งนี้ ในการขึ้นเวทีปราศรัยของ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ยังคงชูประเด็นที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นไปจากเวทีการเมืองไทย เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น วิกฤติของชาติจะไม่ได้รับการแก้ไข โดยกลุ่มพันธมิตรฯก็จะตามไปชุมนุมขับไล่อีก โดยยังมีประเด็นที่ถูกนำมาใช้คือความไม่เหมาะสม ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะเป็นนายกฯ เพราะนำสมบัติชาติไปขาย ยกตัวอย่าง กรณีขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเสก ดังนั้น นอกจากต้านการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ยังต้องล้มล้างระบอบทักษิณโณมิกส์ให้สิ้นซาก เพื่อป้องกันพรรคการเมืองใดนำกลับมาใช้อีก ส่วนนโยบายประชานิยม เช่น 30 บาท รักษาทุกโรค และกองทุนหมู่บ้าน แกนนำพันธมิตรฯกลับระบุว่าเป็นนโยบายสวัสดิการสังคมที่ดีและมีอยู่แล้ว จึงต้องคงอยู่ นอกจากนี้ นายสนธิยังกล่าวด้วยว่า นับจากนี้ไป จะกลับมาจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรอีกครั้งทุกวันเสาร์ ที่สวนลุมพินี โดย จะเริ่มตั้งวันแต่เสาร์ที่ 20 พ.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการขึ้นเวทีปราศรัยของแกนนำพันธมิตรฯในครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านๆ มา เพราะลดดีกรีการใช้ถ้อยคำปลุกเร้ารุนแรง หรือเสียดสีประชดประชันลงไปอย่างมาก

[ลูกไทย หลานไทย]

ไม่เป็นไปตามที่ฝ่ายตรงข้ามของคุณสนธิคาดการณ์ไว้ เมื่อวานนี้เห็นเกร็งกันหลายคนเลย 

[จูล่ง_j]

เห็นบอกแกนนำโดนฟ้องบานเลย คนละ 50 กว่าคดี
สนธิ โดน 100 กว่า คดี
ไม่รู้อีกหน่อยจะต้องไปนอนในศาลรึเปล่า เห็นใจจริงๆ

[Can ไทเมือง]

สู้กับพวกเศรษฐี ก็ต้องเหนื่อยครับ พวกนั้นค่าจ้างทนายความ คิดแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วง

แต่ฝ่ายตรวจสอบสิ...พลาดไปก็นอนคุกลูกเดียว

[แม่นกฮูก]

ไปมาค่ะ นึกถึงบรรยากาศเก่าๆที่เคยจัดเมืองไทยรายสัปดาห์ อยากให้คุณสนธิกลับมาทำรูปแบบนั้นอีก ยิ่งถ้าได้รูปแบบเหมือนตอนอยู่บนฟรีทีวีได้จะยิ่งดีมาก คุณสนธิจะวิเคราะห์ทั้งเรื่องการเมืองและเรื่องทีไม่ใช่การเมือง ซึ่งพอฟังการวิเคราะห์อย่างนั้นแล้วมันโดนค่ะ...

จากสูงสุด คืนสู่สามัญดีไหม

เชื่อว่า คุณสนธิจะได้แฟนๆเพิ่มขึ้นอีกและแฟนเก่าที่เคยเปลี่ยนไปก็จะกลับมาค่ะ

[Can ไทเมือง]

การขับเคลื่อนขบวนการประชาชน ต้องมีวาระแห่งชาติ

มีการตั้งประเด็นย่อยถกเถียง ชี้แจง แสดงเหตุผล

ไล่ไปทุกประเด็นให้ประชาชนรู้ว่า อะไรที่เป็นปัญหาของชาติ

[In The Name Of Justice.]

เงินฟาดหัว

ถ้าไม่มีแกนนำทั้ง 5 แล้วจะมีใครมาสานต่อไหม?

มีสุริยะใสอีกคนนึงพอไหวปะ

[สาธุ]

รอบนี้ผมและเพื่อนๆไม่ได้ไปเหมือนกันครับ
ไม่ใช่หยุดนะครับ  เรายังเป็นพันธมิตรเหมือนเดิม!!!

[คนเดินดิน]

ไปมาครับ เอารูปมาฝาก

[คนเดินดิน]

อีกรูป

[Can ไทเมือง]

เวทีต่างจังหวัด ยังคงเดินงานให้ความรู้ประชาชนอยู่ไม่ใช่เหรอครับ

คงไม่หยุดลงในทันที ยิ่งถ้ามีเลือกตั้งใหม่ เวทีประชาชนยิ่งสำคัญ

[Jupiter]

ได้ไปตอนช่วงหัวค่ำอ่าค่า..  อยากลองไปดูอ่ะ ได้ดูแต่ในทีวีอย่างเดียวมานานแล้ว
รู้สึกว่าคนก็ยังไปกันเยอะนะคะ แต่ไม่ได้เอากล้องไปด้วย งานนี้เลยอดถ่ายรูปเลยอ่ะ.

แง่ะ...  แต่ก้อยังดีค่ะ มีของขายเยอะดี
ไม่ได้อยู่ดูคุณสนธิกับแกนนำขึ้นปราศรัยอ่า เสียดายเหมือนกันค่ะ
แต่พอทันดูคุณสุริยะใสขึ้น  ขึ้นไม่ถึงนาที แม่ยกเอาดอกไม้มาคล้องคอเพียบ
อ่าโห  ไม่เบาๆ คิกๆๆ

ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ เปิดเทอมแล้วมีหวังอดแหงเยย

เอิ้ก