ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 01:15
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สโมสรริมน้ำ  |  คุยกันเรื่องเก่า เล่าความเบื้องอดีต (1) 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
คุยกันเรื่องเก่า เล่าความเบื้องอดีต (1)  (อ่าน 3134 ครั้ง)
นายชด(หนุ่ม)
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« เมื่อ: 03-05-2006, 11:07 »

หลายๆท่าน มีความทรงจำที่ดีในอดีต เมื่อครั้งยังเด็ก  ยังวัยรุ่น ซึ่งเมื่อนึกถึงทีไรก็อดยิ้มไม่ได้  บางท่านเวลาเจอหน้าเพื่อสนิท มิตรสหายเก่าๆ สมัยยังเด็ก  ก็นำมาคุยกัน อย่างออกรส อย่างไม่รู้จบ

สมัยนี้ เด็กหลายคนอาจไม่ค่อยรู้จัก หรือรู้จัก แต่ไม่ค่อยได้ใช้  นั่นคือ ปิ่นโต และกล่องข้าว
อาจเป็นเพราะสังคมเปลี่ยนไปมีความเจริญทางวัตถุมากขึ้น มีระบบการจัดการใหม่ๆ มีการค้าขายขยายวงไปมากขึ้นนั่นเอง

เมื่อครั้งยังเด็กๆ หลายท่านคงต้องนำข่าวใส่อับข้าวไปกินที่โรงเรียน เพราะบางโรงเรียนอาจมีร้านค้าน้อย  แต่หลายคนที่ต้องทำเช่นนั้น เพราะเศรษฐกิจของครอบครัว และ คำว่า ประหยัด นั่นเอง

ในสมัยเด็กๆ ผมก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่ต้องนำกล่องข้าวไปทานที่โรงเรียน สมัยก่อน กล่องข้าวที่ผมใช้เป็นโลหะ มีทั้งแบบเคลือบสี และเป็นแบบอลูมิเนียม สนนราคาก็ใช่ว่าจะแพง แต่ก็ไม่ถูก


แต่การที่เด็กๆสมัยผมเอากล่องข้าวไปกินที่โรงเรียนนั้น มองไปแล้วมันเป็นวัฒนธรรมของคนในยุคนั้นมากกว่าที่ผู้ปกครอง มีเวลาในการจัดหา  และรู้จัก ประหยัดรวมทั้งอาจต้องการให้เด็กๆกินข้าวอิ่มท้อง

เริ่มแรกเดิมที ก่อนจะเป็นกล่องข้าว การนำอาหารไปกินที่โรงเรียนนั้น เป็นปิ่นโต  และเป็นหน้าที่ของพี่ๆของผมที่จะต้องหิ้วปิ่นโตสองเถา ไปโรงเรียน  ก็พี่น้องชายสี่คน เรียนโรงเรียนเดียวกันหมดนี่ครับ  ผมในฐานะน้องคนเล็กก็สบายไป ไม่ต้องหิ้ว  กินอย่างเดียว

เช้าตรู่ แม่จะคดข้าวใส่ชั้นของปิ่นโต สี่ชั้นเลย เรียกว่าข้าวเพียบไปหมดทั้งสี่ชั้น   ปิ่นโตที่ใช้จำได้ว่ามี ห้าชั้น
ชั้นบนสุด จะเป็นกับข้าว
ส่วนปิ่นโตอีกแถวก็จะเป็นกับข้าวต่างๆ ที่ขาดไม่ได้ หนึ่งชั้นก็คือ น้ำพริกผัดที่แม่ทำ และพริกขี้หนู รวมทั้ง ผักสด

กับข้าวน่ะ ไม่ค่อยจะครบหมดทุกชั้นหรอกครับ  แม่หรือพี่ชายคนโตจะจัดไปสามอย่าง มาตรฐาน และก็เป็นกับข้าวง่ายๆที่ไม่ทำให้หกเลอะเทอะ  ประเภท แกงจืด  แกงเผ็ดนั้น  ก็มี  แต่วันใดมี  ก็จะต้องถือกันอย่างระวังๆมากทีเดียว  จะวิ่งเล่นกันไป มีหวังอดกินทั้งหมดสี่คน

ส่วนขนมหวาน ส่วนใหญ่จะเป็นขนมใส่ไส้ ที่แม่ทั้งทำขายและทั้งเอาให้เราไปกินที่โรงเรียน ไส้ที่แม่ทำ ใส่เยอะครับ  แป้งน้อย แม่บอกว่า ขนมใส่ไส้ที่ดี แป้งต้องไม่มากไป  กัดโดนไส้แล้วต้องฉ่ำนิดๆ  เนื้อมะพร้าวต้องหวานไม่มากและต้องละเอียด

ตอนดึกๆ พี่น้องสี่คนต้องมาช่วยปั้นไส้ให้แม่ เพื่อนึ่ง เกือบทุกวันครับ   แต่มันก็สนุกดี

กับข้าวมาตรฐานหลักๆ จะเป็นไข่เจียวหอมใหญ่ ใส่หมูสับ  แม่จะทอดให้แต่เช้าๆ ใส่หอมใหญ่เยอะหน่อยเพื่อไม่เปลืองไข่ ส่วนหมูสับนั้น นับชิ้นได้ แต่ก็ยังหาพบ

อันดับต่อมาก็จะเป็นน้ำพริกซึ่งแม่จะเอาใบตองคลุมไว้อีกที กันกลิ่นและกัน น้ำพริกกระฉอก ใบตองจะทำหน้าที่เสมือนฝาอีกชั้นที่ป้องกันการกระฉอกหกและกลิ่น   เราจะเน้นผักสดเอามากๆ  ผักต้มแทบจะไม่มีเอาไปยกเว้น หน่อไม้ และ ผักบุ้ง   แตงกวา มะเขือ ขมิ้นขาว ผักอื่นๆนานาชนิด เราจะเอาไปกินสดๆ ยัดอัดลงไปในปิ่นโตให้มากที่สุด เพราะ ที่บ้าน กินผักกันเก่งมากๆ

พริกขี้หนูสด ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน  จะติดไปหลายๆเม็ด ..........พอเผ็ด  ก็ไม่เปลืองกับข้าวครับ

กับข้าวมาตรฐานอีกอย่างคือ มะเขือยาวผัดโหระพา ใส่หมูและเต้าเจี้ยว มันเด็ดขาดมากๆ เพราะเราสามารถเอาน้ำขุลกขลิก คลุกข้าวกินได้ อย่างอร่อยทีเดียว

พวกผัดเผ็ดปลาดุก ผัดกระเพรา ก็เป็นเมนูหลักประจำเช่นกันที่เรานิยมเอาไป

วันศุกร์จะเป็นวันของเมนูใหญ่ครับ  เย็นพฤหัสฯ เราจะบอกแม่ว่าให้ทำแกงเนื้อ หรือไม่ก็แกงเผ็ดอื่นๆ รวมทั้งแกงส้มหัวปลาช่อน ใส่ผักรวมมิตรหรือไม่ก็ มะรุม ด้วย

มะระยัดไส้  ปลาหมึกยัดไส้ผัดเค็ม  ก็เป็นเมนูจานเด็ดของวันศุกร์เช่นกัน

ต่อมาพี่ๆเรียนจบกันไป บางคนก็บอกว่าไม่อยากหิ้วปิ่นโตกินกะน้อง  อยากร่วมวงกินกะเพื่อนๆ  ทีนี้ก็เลยกลายเป็น วงแตก แยกทาง  ต่างคนต่างเอาอับข้าวไปกิน

พอแยกวง  ผมก็เลยต้องเอาข้าวใส่อับไปกินกะเพื่อนๆ  แต่ขอโทษครับ  มีหรือจะเอากับไปอย่างเดียว ผมโปะกับข้าวไปเรียกว่ามองไม่เห็นข้าวเลย จนบางครั้งแทนที่จะอร่อย มันดูเละๆเหมือนขยะไป

รสชาติของการนำอับข้าวไปกินโรงเรียนเริ่มหลากหลายและมีวิธีการมากขึ้น เมื่อผมและเพื่อนๆต่างร่วมวงแลกเปลี่ยนกับข้าวกันกิน  ต่างคนต่างเอากับข้าวมาคนละอย่างก็พอแล้วมาแบ่งกันกิน ก็เท่ากับทุกคนได้กินกับข้าวหลายๆอย่าง

การกินข้าวร่วมกันนั้น มันก่อเกิดมิตรภาพน้อยๆในใจและความผูกพันของเด็กๆจนบอกไม่ถูกครับ  มันเป็นอะไรที่เสมือนการทอถักสายใยของเด็กๆเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวจริงๆ  ได้หัวเราะ พูดคุยกันในวงข้าวที่เอามาจากบ้าน ได้ชิมอาหารของแม่เพื่อน  เพื่อนก็ได้ชิมอาหารของเรา  ซึ่งมันต่อยอดไปถึงการที่เราก็ได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อน ไปกินอาหารฝีมือแม่ของเพื่อน  ไปๆมาๆ พวกเราต่องเป็นลูกแม่คนเดียวกันไปหมด และแม่ๆของเราก็ต่างมีลูกเพิ่มขึ้นอีกหลายๆคน

เดี๋ยวนี้ เพื่อนบางคนยังเจอกันอยู่ บางคนก็ไม่ค่อยเจอ  บางคนเสียชีวิตไปแล้ว  แต่พวกเราเจอกันทีไร มันเหมือนว่าเราย้อนไปตอนเด็กๆทุกครั้ง  ไม่มีหน้ากาก  ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเลยในระหว่างเรา
แม่ของเพื่อนๆ ผมเองก็แวะเวียนไปหาท่าน  เพื่อนผมก็แวะเวียนมาหาแม่ของผมเช่นกัน

ลูกๆของพวกเรา เราก็นำเขามารู้จักกัน แม้จะเรียนคนละที่ คนละแห่ง และบอกเล่าให้ทราบว่า พ่อและเพื่อนพ่อ มีมิตรภาพกันมากน้อยเท่าไร เสมือนเป็นพี่น้องร่วมท้องกันก็ว่าได้  ด้วย กล่องข้าว ที่เรานั่งกินด้วยกันทุกเที่ยงนี่แหละ

ภาพในอดีต ในความทรงจำของผมนี้ แม้มันจะดูธรรมดามากๆ  แต่ผมกลับรู้สึกว่า สังคมไทยเราตอนนี้ ขาดภาพเหล่านี้ ขาดภาพเหล่านี้ที่กำเนิดจากใจและเติบโตขึ้นมา   เราขาดการปลูกฝังรู้รักสามัคคีกันแบบชาวบ้านหรือเปล่า?  ผมเคยคิดในใจจริงๆ



ผมภาวนา อยากให้ภาพเก่าๆเหล่านี้ เกิดกับสังคมไทยอีกครั้ง มันไม่เก่า ไม่โบราณหรอกครับ

แต่มันสร้างสำนึกดีๆแก่เรา และมันคือ รากและสายใยของคำว่า  "รู้รักสามัคคี"
บันทึกการเข้า

ฤทธี  สีหจักร ลักษณ์ซ่อนเงื่อน
เถื่อนกำบัง  พังภูผา ม้ากินสวน
พวนเรือโยง  โพงน้ำบ่อ ล่อช้างป่า
ฟ้างำดิน  อินทร์พิมาน ผลาญศัตรู
ชูพิษแสลง  แข็งให้อ่อน ยอนภูเขา
เย้าให้ผอม  จอมปราสาท ราชปัญญา
ฟ้าสนั่นเสียง  เรียงหลักยืน ปืนพระราม
นายท้ายเรือ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 760



« ตอบ #1 เมื่อ: 03-05-2006, 11:18 »

เข้ามาอ่าน อดีตของคนอื่น....
อดีตผม เขียนไว้ 3 ที่ แล้ว
1..ท้องทุ่งนาและควาย ในทู้ของ 100600
2..ชายทะเล ในทู้ ชะอำ ของ ป้าเสลา
3..ที่มาของนามแผง " นายท้ายเรือ " ทู้ เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ
...
เข้ามาอ่าน ของคนอื่นมั่ง....เผื่อ ...จะได้เอาเรื่องตัวเองมาคุยได้อีก อิอิอิ
..
ถ้ามีน้ำชากาแฟ เสิร์ฟ สักหน่อยก็ดีนะครับ .. คุณ shane ...
บันทึกการเข้า

ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แต่จะเหลืออะไรไว้ให้แผ่นดิน
ประกายดาว
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,266


" ดาว " ดวงน้อยประกาย นั่นยังพร่างพราย.....


« ตอบ #2 เมื่อ: 03-05-2006, 11:27 »

ประเดี๋ยว มาตอบ ค่ะ

ขอ กิน อะไร ขมๆ ไหมคะ ...ใครต่อได้บ้าง มี รางวัล  Very Happy
บันทึกการเข้า



วันที่ดาว ทวงฟ้า นภากระจ่าง
ดาวล้านดวง ทวงทาง ระหว่างฝัน
ผุดขึ้นมา  คราเดียว พร้อมพร้อมกัน
ประกาศมั่น.... วันนี้... เสรีไทย



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=twinkling-stars&group=1
นายชด(หนุ่ม)
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #3 เมื่อ: 03-05-2006, 11:31 »

*-* คุณนายท้ายเรือ   ดีเลยครับ ผมกำลังอยากคุยเรื่องเก่าๆพอดี  ขอเชิญมาโพสต์ลงเลยครับ  ยิ่งเรื่องเกี่ยวกับการเอาอับข้าวไปกินที่โรงเรียนตอนเด็กๆนี่  ยิ่งดีเลยครับ


*-*คุณประกายดาว

ขมๆ  ก็ มะระ ครับ แต่ผมชอบมะระ  เวลาแม่ทำมะระผัดไข่  แกงจืดมะระ  ไม่มีคนแย่งกินเท่าไร พี่ชายสองคนไม่กิน  ผมกะพี่อีกคนชอบกินครับ

มะระ เชื่อม....ว่าไปแล้ว แม่ผมนี่แหละเชื่อมอร่อยมาก
บันทึกการเข้า

ฤทธี  สีหจักร ลักษณ์ซ่อนเงื่อน
เถื่อนกำบัง  พังภูผา ม้ากินสวน
พวนเรือโยง  โพงน้ำบ่อ ล่อช้างป่า
ฟ้างำดิน  อินทร์พิมาน ผลาญศัตรู
ชูพิษแสลง  แข็งให้อ่อน ยอนภูเขา
เย้าให้ผอม  จอมปราสาท ราชปัญญา
ฟ้าสนั่นเสียง  เรียงหลักยืน ปืนพระราม
ลับ ลวง พราง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 945



« ตอบ #4 เมื่อ: 03-05-2006, 11:42 »

เรื่องหิ้วปิ่นโตไปโรงเรียน ผมจำได้แค่ว่าทำกล่องข้าวหายประจำ มัวแต่เล่น
บันทึกการเข้า

"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
นายท้ายเรือ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 760



« ตอบ #5 เมื่อ: 03-05-2006, 11:51 »

นึกขึ้นได้อีกเรื่อง...คือ ผัก
ตอนเด็กๆ เกลียดผักมาก เพราะอาหารมีแต่ผัก  ก็อยู่บ้านนอกนะครับ
ผักปลาหาได้จากธรรมชาติ ไม่เคยซื้อเลย..
...
แปลกดีเน๊าะ..พออายุมากๆ เข้า กลับมาชอบผัก
กลับบ้านเกิดช่วงสงกรานต์ที่ไร เดินเก็บผักตามสวนเอง
แต่ไม่ค่อยมีเหมือนแต่ก่อน นอกจากพี่ๆ เขาปลูกไว้..
ตามบริเวณใกล้บ้าน ทั้ง ชะอม ผักวาน ....แต่ผักบางอย่าง
ต้องซื้อจากตลาดแล้ว เช่นผักกรูด เอามาลวก(ต้ม)กับกะทิ แล้ว
กินกับน้ำพริกกะปิ..............ยังคิดถึงไม่รู้คลาย
บันทึกการเข้า

ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แต่จะเหลืออะไรไว้ให้แผ่นดิน
นายชด(หนุ่ม)
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #6 เมื่อ: 03-05-2006, 12:22 »

ผมจำได้ดี คุณครูสอนเลขคณิต  ครูเสาวณีย์  ท่านจะเอาปิ่นโต มานั่งทานข้าวกับเด็กๆ รวมทั้งลูกชายแก ซึ่งเป็นเด็กเล็กอยู่ ป.2  ตอนนั้นผมอยู่ป.4

ท่านไม่ถือเลย เอากับข้าวมาเผื่อเด็กๆทุกๆวัน   แต่เวลาท่านสอน  จะดุมาก   นอกเวลาสอนท่านออกจะใจดี เหมือนเป็นแม่ของพวกเราเลยก็ว่าได้


ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้ว   งานศพของท่าน พวกผมเพื่อนๆหลายคนเป็นเจ้าภาพให้ท่านสามวันติดกัน ด้วยความรักเสมือนท่านเป็นแม่ของพวกเรา

ผมจำได้เลยว่า รู้จักชอกโกแล็ตขาว ก็เพราะท่าน เพราะท่านเป็นคนนำมาให้กินกันคนละชิ้น  สมัยก่อน รุ่นผมนั้นหายากมาก  แสดงว่ามันต้องแพงจริงๆ  แต่ท่านกลับเอามาแจกให้พวกเราลิ้มรสกัน


บันทึกการเข้า

ฤทธี  สีหจักร ลักษณ์ซ่อนเงื่อน
เถื่อนกำบัง  พังภูผา ม้ากินสวน
พวนเรือโยง  โพงน้ำบ่อ ล่อช้างป่า
ฟ้างำดิน  อินทร์พิมาน ผลาญศัตรู
ชูพิษแสลง  แข็งให้อ่อน ยอนภูเขา
เย้าให้ผอม  จอมปราสาท ราชปัญญา
ฟ้าสนั่นเสียง  เรียงหลักยืน ปืนพระราม
500
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 391



« ตอบ #7 เมื่อ: 03-05-2006, 12:36 »

 Very Happy


......สวัสดีพ่อใหญ่แม่ใหญ่.....

มานอนกลางวันรอฟัง..........



บันทึกการเข้า

visitna
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 209



« ตอบ #8 เมื่อ: 03-05-2006, 13:12 »

 มันจะเข้าตำรา กินของขม  ชมสาวสาว  เล่าความหลัง
ความจริงผมชอบ  ของผมเป็นกล่องข้าว กับไม่เป็นไข่ดาวก็ไข่พะโล้
มีสองอย่างยืนพื้น 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2006, 13:16 โดย visitna » บันทึกการเข้า
sofar...sogood
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 278


=ไอ้ลิ่วล้อสิงกาโปโตก..มันจะตกนรกกะลาหัวไม่เจียม=


« ตอบ #9 เมื่อ: 03-05-2006, 14:10 »

เขียนดีจังค่ะ
อ่านแล้วชอบ

หาไม่ได้แล้วมังคะสมัยนี้ ที่จะห่อข้าวไปทาน
แล้วถ้าอยู่คนเดียวนี่ซื้อข้าวแกงกินเผลอๆ อาจถูกกว่าทำทานเอง แต่เรื่องคุณภาพและคุณค่าทางอาหาร ข้าวแกงข้างถนนสู้ไม่ได้แน่นอน

แต่ไม่แน่ตอนนี้ข้าวยากหมากแพงขึ้นทุกวันๆ หันกลับไปใช้วิถีชีวิตในอดีตก็ดีนะ
บันทึกการเข้า
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #10 เมื่อ: 03-05-2006, 15:47 »

ตอนเด็กๆ ผมก็เคยช่วยคุณย่าหิ้วปิ่นโตไปวัดบ่อยๆ
ส่วยคุณยายของผมนั้นท่านบวชชี ไม่ใช่เพราะหนีช้ำ
แต่คุณยาย บวชชีเพราะหนีตามากกว่า เพราะคุณตา
ของผมเป็นนักเลง นักเล่น คุณยายเลยทนไม่ไหว
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
นายชด(หนุ่ม)
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #11 เมื่อ: 03-05-2006, 16:59 »

ช่วงบ่าย ผมได้มีโอกาสแวะไปดูงาน สถาปนิก 49 น่าสนใจมากครับ

หากใครว่างก็เชิญแวะไปชม  มีหลายสิ่งน่าสนใจจริงๆ โดยเฉพาะท่านที่กำลังสร้างครอบครัว


-----------


เมื่อพูดถึงปิ่นโต ได้ยินมาว่า เป็นคำที่แผลงมาจากภาษาต่างประเทศ คือภาษาญี่ปุ่น  เขาเรียกว่า "เบนโตะ"
แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า จะจริงเท็จประการใด แต่เขาก็หมายถึงภาชนะใส่อาหารเช่นกัน และก็มีภาชนะเป็นเถาแบบเราเสียด้วย  แต่ปัจจุบันเห็นเขาเรียกกล่องใส่อาหารว่าเบนโตะ เหมือนกัน


หลายๆคำไทยที่เราได้มาจากต่างประเทศ อย่างคำว่า สบู่  ก็มาจากภาษาโปรตุเกส อันนี้ก็ได้ยินมาเช่นกันครับ   อิอิ.

ปินโตสมัยก่อน แบบสวยงามที่คนมีเงินใช้กันจะเป็นโลหะและเคลือบสีสวยๆ  บางเถาก็มีวาดรูปสวยงามไว้

อย่างที่คุณถึก กล่าว  คนสมัยก่อนนิยมหิ้วปิ่นโต ไปวัด ไปถวายพระ  บางคนก็หิ้วไปกินเจที่วัดก็มีครับ

งานบุญ งานกุศล ที่วัด ชาวบ้านนิยมหิ้วปิ่นโตเพื่อใส่อาหารไปถวายพระที่วัด  ถวายส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็ล้อมวงกินข้าวกัน กับข้าวบ้านใครอร่อยก็จะมีการถามว่าใครทำ หากบอกว่า แม่ทำ ก็จะถามกันว่า ลูกสาวมีไหม  เพราะ เขามองว่า ทำกับข้าวอร่อย ลูกสาวก็คงเป็นแม่ศรีเรือนเก่งเหมือนแม่ อาจเล็งๆไว้เป็นสะใภ้

บางคนพาลูกสาว ลูกชายไปด้วย เด็กๆก็ได้ส่งตาหวานๆให้กัน บางคนก็ได้มีโอกาสสนทนากัน
โอกาสที่ชาย หญิงสมัยก่อน จะมีก็คงเป็นการไปทำบุญที่วัดนี่แหละครับ  แต่ก็ดูแล้วเป็นสิ่งสวยงาม ตามวัฒนธรรมเรา อยู่ในสายตา ผู้ใหญ่ และมีกิจกรรมดีๆด้วยกัน  ภาพแบบนี้ ไม่มีแล้ว หรือหากมีก็น้อยเต็มที

การเดินหิ้วปิ่นโตนั้น เหมือนขี่จักรยานครับ  ไม่ใช่หิ้วเกร็งไปหมด ต้องปล่อยตามสบาย  แต่ก็ไม่แกว่งมากไป จะได้ไม่เมื่อย
เด็กๆบางคน หิ้วอาหารไปกินที่โรงเรียน แต่วิ่งเล่นมากไป  บางทีอาหารก็เละไปหมด หรือไม่ก็ล้มปิ่นโตกระจาย  กลายเป็นว่า เจ้าหมาข้างทางอิ่มไปเลย


ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ครอบครัวเขาค่อนข้างยากจน พ่อเขาเขาสามล้อ ส่วนแม่เขาก็ทำน้ำใบบัวบกขาย หน้าโรงเรียนเรานี่แหละ

ทุกๆวันเพื่อนผมคนนี้ จะหิ้วอับข้าวมาร่วมวงกับเรา แต่กับข้าวของเขาเป็นปลาตากแห้งตัวน้อย และน้ำพริกคั่ว พร้อมถั่วฝักยาวสองสามเส้น เป็นประจำ

แรกๆ เพื่อนคนนี้จะแอบไปนั่งกินข้าวคนเดียว แถวหลังโรงเรียน ต่อมาผมไปเจอก็ชวนเขามาร่วมวง เขาก็อายไม่กล้ามา และไม่บอกผม   ผมชวนเขาหลายครั้งเขาจึงบอกความจริง  ผมก็บอก ไม่เป็นไร พวกเราเพื่อนกัน ไม่มีใครว่าคุณหรอก เชื่อผมเถอะ

จากนั้นเขาก็มาร่วมวงกับเราเป็นประจำ และมันเป็นอะไรที่ทำให้เพื่อนคนนี้ มีรอยยิ้มได้เสมอเมื่อล้อมวงกินข้าวกัน
ผมเองก็ติดใจปลาตากแห้งที่มาทราบภายหลังว่า คุณแม่ของเขาทำเอง  แถมน้ำพร้กคั่วที่อร่อยอย่าบอกใคร  จนวันนึงไปเที่ยวที่บ้านเขา  ก็บอกแม่เพื่อนว่า น้ำพริกของคุณแม่อร่อยจัง จดสูตรให้ผมหน่อย จะได้ไปให้แม่ของผมทำให้กิน

คุณแม่ของเพื่อนใจดีมากๆ ทำให้ตั้งเยอะ  แถมจดสูตรให้ด้วย  ผมวิ่งตื๋อกลับบ้านดีใจมากๆ เอาไปให้แม่
จากนั้น คุณแม่ของผมและคุณแม่ของเพื่อนคนนี้ก็รู้จักกัน มาเป็นเพื่อนกัน

ไม่กี่ปีให้หลัง ทราบว่า คุณแม่ของเพื่อนท่านนี้ ก็ทำน้ำพริกออกขายตามตลาด และก็ขายดี จนฐานะกระเตื้องขึ้น โดย แม่ของผมนี่แหละ ไปร่วมด้วยช่วยกันขาย ช่วยกันทำ

ตอนนี้เพื่อนคนนี้ เป็นนายทหารใหญ่ไปแล้วครับ เจอกันเดือนละครั้ง  เวลาพูดถึงเรื่องนี้ทีไร ขนาดว่าอายุมากๆกันแล้ว น้ำตาลูกผู้ชายมันคลอๆเบ้า  มันรู้สึกไงก็ไม่ทราบ  รู้แต่ว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขแบบเด็กๆ ตอนนั้น มันดีเหลือเกินสำหรับเรา   

มิตรภาพยามเด็กที่ก่อเกิดขึ้นมาจากความเห็นใจกัน เข้าใจกัน และไร้เล่ห์มารยาใดๆ มันเป็นเสมือนปุ๋ยวิเศษที่ทำให้เราโตขึ้นมาอย่างคนที่มีน้ำมิตรและซื่อต่อกันไปตลอดจริงๆ


ผมจำได้เมื่อคราวที่ผมสอบได้คะแนนไม่ดี และไม่กล้าเอาสมุดพกไปให้แม่  ผมไปหลบอยู่ที่บ้านเพื่อนคนนี้ไม่กล้ากลับบ้าน 
คุณแม่ของเพื่อนบอกว่า  กลับบ้านเถอะลูก  เราพลาดไปแล้ว เราก็ต้องยอมรับตรงๆ คุณแม่ไม่ตีหรอกลูก แต่ท่านอาจจะดุ และสั่งสอน  หรือ ถ้าคุณแม่ตี  ก็เพราะรักลูก    ท่านสอนผมเกลี้ยกล่อมผมจนผมกลับบ้าน


เย็นวันนั้น ผมกลับบ้านเย็นเอามากๆ พร้อมสารภาพ กับแม่

ผมโดนก้านมะยม นับรวมกันได้ มากกว่าสิบที   นอนร้องไห้จนเช้าเลย ครับ.........มันเจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจตัวเองที่สอบไม่ได้ดี
บันทึกการเข้า

ฤทธี  สีหจักร ลักษณ์ซ่อนเงื่อน
เถื่อนกำบัง  พังภูผา ม้ากินสวน
พวนเรือโยง  โพงน้ำบ่อ ล่อช้างป่า
ฟ้างำดิน  อินทร์พิมาน ผลาญศัตรู
ชูพิษแสลง  แข็งให้อ่อน ยอนภูเขา
เย้าให้ผอม  จอมปราสาท ราชปัญญา
ฟ้าสนั่นเสียง  เรียงหลักยืน ปืนพระราม
กรองแก้ว(ย่าแก้ว)
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 32



« ตอบ #12 เมื่อ: 03-05-2006, 20:00 »

ย่าแก้วแวะมาอ่านกระทู้ นั่งเคี้ยวหมากพลูสบายใจ
ดีใจที่เวปนี้มีคนสูงวัยเหมือนกัน  แต่อายุท่านเจ้าของกระทู้คงน้อยกว่าย่าแก้วอยู่หรอกนะเจ้าคะ ขออภัยที่เสียมารยาทเรื่องอายุอ่ะนะเจ้าคะ
บันทึกการเข้า
R O S #41
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 236



« ตอบ #13 เมื่อ: 03-05-2006, 20:32 »

มาดีใจกับกระทู้นี้คะ ไม่ได้อ่านเสียใจตายเลยคะ อ่านแล้วดิฉันนึกภาพออกเลยคะ เพราะดิฉันก็เคยเอาอาหารใส่กล่องไปทานที่โรงเรียนด้วยคะ คือบางโรงเรียนที่คุณพ่อย้ายไปอยู่แล้วโรงเรียนใกล้บ้านดิฉันก็จะวิ่งไปทานอาหารที่บ้านคะ เพราะ โรงเรียนตามอำเภอชั้นปฐมส่วนมากจะอยู่ใกล้บ้านคะ  ดิฉันเลยมีประสบการณ์อยู่ สองอย่างคะ คือ ถ้าเข้าโรงใกล้บ้านก็วิ่งมาทานข้าวบ้าน และตอนเดินกลับโรงเรียนพรอ้มเพื่อนๆพี่ จะเล่นไปตามทาง บางที่เข้าห้องสายก็โดนตีคะ5555หรือไม่ก็ยืนหน้าห้องเรียนก่อนได้เข้าห้อง หรือไม่ก็ต้องกลับบ้านช้าในตอนเย็นเพราะต้องโดนทำโทษโดยทำความสะอาดที่ห้องเรียน
แต่ถ้าที่คุณพ่อย้ายไปอยู่ตามจังหวัด โรงเรียนจะอยู่ใกลบ้านคะ อันนี้ต้องเอากล่องข้าวไปด้วยคะกล่องดิฉันเป็นกล่องพลาสติกคะ และดิฉันไม่เคยอายนะคะ เรื่องการเอาอาหารไปทานที่โรงเรียนเป็นการสนุกเสียอีกคะ แม้ดิฉันจะอยู่ชั้นมัธยมแล้วก็ตาม เพราะเพื่อนบางคนเค้าอายคะ แต่เพื่อนกลุ่มดิฉันไม่มีคนใดเลิแลยคะ และอาหารจะเป็นพวกแห้งๆๆคะ คือ ประเภทไข่ทุกชนิดดิฉันได้ทานหมดคะ ไข่ต้ม ไข่เจียม ไข่ดาว ไข่ตุ่น ไข่ลูกเขย ไข่พะโล และไข่เค็ม และประเภททอดคะ ทอดปลา ทอดเนื้อ ทอดหมู และทอกกุนเชียง ใส้กรอก
วนกันอยู่แบบนี้แหละคะ นานๆจะมีหมูหยอง ปลาหมึกทอด ย่าง
ขนมส่วนมาก ก็จะเป็นพวกผลไม้คะ บางที่ของดิฉันบางที่ของเพื่อนๆ คือพวกผลไม้ กล้วยน้ำหว้า ฝรั่ง พุทธรา ลำใย มะม่วง มะขามเทศ ถั่วลิสง อะไรแบง่ายๆ และหาได้จากที่บ้านปลูกกันคะ เพราะ ครอบครัวเพื่อนๆและครอบครัวดิฉัน จะชอบปลูกผักผลไม้เองคะ
บันทึกการเข้า

ไม่มีอะไรที่ จะทำไม่ได้ และไม่ได้มา นอกจากเราจะท้อแท้ และยอมแพ้กับมัน
ประกายดาว
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,266


" ดาว " ดวงน้อยประกาย นั่นยังพร่างพราย.....


« ตอบ #14 เมื่อ: 04-05-2006, 07:01 »


ในปีนึง ....ที่หนูอายุ เจ็ดขวบ
แม่บอกว่าจะพาไป บ้าน คุณยายทวด ที่ริมแม่น้ำป่าสัก
ต้องไปจอดรถ ไว้ที่ ท่าน้ำ แล้วข้ามเรือไป

นั่นเป็น
ความ ทรงจำ ครั้งสำคัญที่มีความหมายมากที่สุด
ครั้งนึงในชีวิต ....แม่น้ำป่าสัก ต้นมะม่วงริมตลิ่ง
และ การขี่ควาย ครั้งแรกในชีวิต ยังมีรูป อยู่เลย
หนูอยู่ บนหลังควาย ...จำได้ว่า เจ็บก้นชะมัด

แม่พาเดินจาก บ้านคุณยาย ตาม ท้องนา ไปที่วัด
สนุกมากๆ เด็กกรุงเทพฯ อย่างหนู ร้องไห้
ไม่อยากกลับบ้าน อยากผจญภัยอยู่ที่นั่น
คุณยายมีสวนผลไม้ หลังบ้าน มีไก่แจ้ มีไอ้ทุย
แถม หนูมี ชุด ผ้านุ่งจิ๋ว กับ เสื้อคอกระเช้า
ไว้ใส่ให้เข้ากับบรรยากาศอีกด้วย.....

คุณยายทวด โม่แป้งสด ๆ ทำขนมครก ให้หนูกิน
หนูมีเตาเล็กๆ ไว้ทำขนมครกอันจิ๋วๆ ส่วนตัว
คุณยายทำ ข้าวเม่าคลุก นิ่มๆ สีเขียวอ่อนสวย ไว้กินกับ กล้วยไข่
กับกุ้งฝอย ๆ ชุปแป้งทอดกรอบๆ ที่ไปช้อนริมแม่น้ำ สนุกมากๆ

เดือนที่แล้ว หนู กลับไปเยี่ยมบ้านสวน
แม่น้ำป่าสัก ยังสวย อบอุ่น และ เต็มไปด้วย
ความทรงจำ เก่าๆ เหมือนเดิม...

หนูหลงรัก ลำนำ ป่าสัก แม่น้ำของความทรงจำในวัยเด็ก
วันนี้ฝัน ว่า จะมีสักวัน จะมี ใครหนึ่งคนพิเศษ ไป ว่ายน้ำแข่งกัน
ที่แม่น้ำป่าสักนี้

 
บันทึกการเข้า



วันที่ดาว ทวงฟ้า นภากระจ่าง
ดาวล้านดวง ทวงทาง ระหว่างฝัน
ผุดขึ้นมา  คราเดียว พร้อมพร้อมกัน
ประกาศมั่น.... วันนี้... เสรีไทย



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=twinkling-stars&group=1
bobo
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 143



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 04-05-2006, 20:39 »

ตอนเด็กๆ ไม่เคยพกกล่องข้าวไปโรงเรียน เพราะบ้านกับโรงเรียนอยู่ไม่ไกลกันเท่าไร

ช่วงพักเที่ยงก็จะขี่จักรยานไปกินข้าวที่บ้าน  เด็กในกรุงคงไม่มีบรรยากาศแบบนี้

จะมีก็แต่เพื่อนๆ ที่เขาจะพกกล่องข้าวแบบแบนๆ ส่วนมากจะเป็นไข่เจียว หรือพวกของแห้งๆ

เพื่อนผมบ้านอยู่ไกลต้องนั่งรถประจำทางมาเรียนกัน
บันทึกการเข้า

  you are beautiful 20061. You are beautiful   2. Thank You  3. How Do I Live  4. She Will Be Loved  5. Kiss Me  6. I am with you  7. Walking Away  8. Vincent  9. separate lives  10. RUNAWAY  11. Wonderful Tonight  12. Torn  13. hand in my pocket  14. More Than Words  15. Bizarre Love Triangle  16. Stay (I Missed You)  17. the blower's daughte  18. Fields Of Gold
ลูกไทย หลานไทย
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,196


วันนี้วันดี วันที่เป็นไท


« ตอบ #16 เมื่อ: 05-05-2006, 08:55 »

โอเบนโตะ นี่เคยเห็นแต่ในปัจจุบันว่าเป็นกล่องข้าวใส่อาหารญี่ปุ่นของเขานะครับ ส่วนเป็นเถาๆแบบของไทยนี่ไม่เคยเห็นที่ญี่ปุ่น แต่ก็คิดว่าปิ่นโตน่าจะเป็นคำที่แผลงมาจากคำต่างประเทศเพราะว่าไม่รู้จะแปลงเข้ากับคำไทยคำไหน

จำได้แต่ตอนอนุบาล ที่บ้านผมเขาให้กินอาหารเที่ยงของโรงเรียน แต่เพื่อนของผมนั้นจะมีคุณพ่อเขาเอาอาหารมาเตรียมให้ตอนเที่ยง ผมก็ไปนั่งข้างๆเพราะเวลาที่คุณพ่อเขามักแบ่งกับข้าวให้ผมกินเสมอๆระหว่างที่ป้อนลูกเขา อืมมมมมมม นึกถึงความหลังแล้วดีจริงๆ จำได้แล้วว่าไอ้เพื่อนคนนั้นร้องอย่างเสียดายทุกครั้งเวลาที่คุณพ่อเขาป้อนปลาทูในกล่องข้างเพื่อนผมใส่ปากผม

 Razz
บันทึกการเข้า

Ŋēmŏ mē ĩmρưŋē ĺдċęşšįҐ
ภูพาน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 671


« ตอบ #17 เมื่อ: 05-05-2006, 09:50 »

ย้อนเวลากลับไปในวัยเด็กของผม
ทางบ้านตอนนั้นต้องถือว่ามีฐานะครับ  .....ฐานะยากจน
แต่ตอนนั้นผมก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองลำบากอะไร (...แต่พ่อแม่อาจไม่คิดอย่างนั้น)
ผมกลับรู้สึกว่ามีเวลาว่างมาก (พ่อแม่ไม่มีเวลาดูมั่ง)
บ้านพักของผมอยู่ในเรือนบ้านพักคนงาน  บ้านพักเรือนห้องแถวไม้  ใต้ถุนสูง
พื้นห้องเป็นไม้ปู  มีรูอยู่ทั่วไป    ใต้ถุนบ้านจึงเป็นคลังเก็บมหาสมบัติของพวกเด็กๆ
พวกเรามักจะมุดไปเดินเล่นหาของที่เขาทำตกจากห้อง 
เราเก็บได้หลายอย่าง  หนังยาง  ปากกา  และสมบัติมีค่าใหญ่สุดก็เป็นเงินครับ
ใครเจอสักเหรียญก็จะเหมือนเจอทอง 1 บาทเลยล่ะ
สมาชิกจะมารุมมะตุ้มพากันไปซื้อขนมแบ่งกันเป็นที่เฮฮา......
ที่ตั้งบ้านมีต้นมะขามเทศ่ขึ้นอยู่หลายต้น  จึงเป็นที่ปีนและเป็นอาหารว่างของเด็ก ๆ
(แต่ปีนต้องฝีมือหน่อยนะ หนามมันเยอะ)  กินเนื้อแล้วก็เอาเม็ดมาปาหัวกันเล่นสนุกไป
มื้อเย็นมะขามเทศยังมีประโยชน์  เก็บฝักอ่อน มาเลาะเอาเนื้อจิ้มกับน้ำพริก
ได้ยอดกระถินอีกหน่อยก็อร่อยกันทั้งบ้าน   
ผมเดินไปโรงเรียนเพราะโรงเรียนอยู่ไม่ไกลบ้านนัก
พื้นของโรงเรียนสมัยผมอยู่ยังเป็นดินอยู่เลย
เดี๋ยวนี้เป็นปูนซิเมนต์แทบหมดแล้ว   ผมว่ามันน่าเสียดายมาก
เพราะพื้นดินนั้นสามารถใช้เล่นกีฬาแบบเด็กๆ ได้หลายอย่าง 
พวกเด็กผู้ชายน่ะชอบ   โยนลูกหิน   โยนตุ๊กกะตุ่น (แบบเป็นตัวยาง)
โยนหนังยาง  ฟุตบอล เด็กผู้หญิงชอบโดดยาง หมากเก็บ  ผมน่ะชอบกีฬานี้เป็นชีวิตจิตใจ
แม่ให้เงินมาก็ไปซื้อลูกหิน  ตุ๊กกะตุ่น เกือบหมด   เงินอาหารเที่ยงแทบไม่เหลือ
หิวก็กินน้ำ  หิวหนักก็ไปซื้อบ๊วยเค็มมากิน (อาจมีผมทำให้ไม่ค่อยโตจนถึงปัจจุบัน)
ไม่สนใจกิน  อาศัยว่าเย็นก็ไปกินข้าวที่บ้านก็ได้ไปโรงเรียนเมื่อไหร่  ก็ไม่ค่อยอยากกลับบ้าน
เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของผมเชียวล่ะ
บันทึกการเข้า

ขอกันข้าให้ไกลห่างจากคนที่กล่าวว่า "ข้าเป็นดวงเทียนที่นำความสว่างให้หนทางของประชาชน"
หากแต่ผู้ที่แสวงหาหนทางของตนจากแสงแห่งประชาชนนั้น  ขอจงนำข้าเข้าไปใกล้ชิดด้วยเถิด
~ คาลิล ยิบราน
ประกายดาว
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,266


" ดาว " ดวงน้อยประกาย นั่นยังพร่างพราย.....


« ตอบ #18 เมื่อ: 06-05-2006, 08:09 »

คุณ ภูพาน น่ารักจัง เล่า แบบละเอียดมาก ได้อรรถรส ชอบตอนที่เขียนถึง

ตัวตุ๊ก กะ ตุ่น แบบเป็น ตัวยาง ...


ใช่ พวกที่หน้าตาเป็น สัตว์ประหลาด หรือ เปล่าคะ ??? Laughing
บันทึกการเข้า



วันที่ดาว ทวงฟ้า นภากระจ่าง
ดาวล้านดวง ทวงทาง ระหว่างฝัน
ผุดขึ้นมา  คราเดียว พร้อมพร้อมกัน
ประกาศมั่น.... วันนี้... เสรีไทย



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=twinkling-stars&group=1
หน้า: [1]
    กระโดดไป: