ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-04-2024, 05:33
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  คนที่อยากให้กำหนด "พุทธศาสนา" ลงในรัฐธรรมนูญ เป็นพวกคลั่งศาสนา 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
คนที่อยากให้กำหนด "พุทธศาสนา" ลงในรัฐธรรมนูญ เป็นพวกคลั่งศาสนา  (อ่าน 1668 ครั้ง)
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« เมื่อ: 19-04-2007, 18:44 »

เท่าที่วิเคราะห์ (โดยแทบไม่ต้องวิเคราะห์) ผมแยกกลุ่มชนที่ "อยาก" ให้บรรจุคำว่า
"พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย"
ออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่ 1
กลุ่มอำนาจเก่า ที่พยายามทุกวิถีทางจะให้คนไทยแตกแยก เพื่อผลทางการเมือง
ทำมาหลายทางแล้ว ดูท่าจะไม่สำเร็จสักอย่าง
กระทั่งมาหยิบเอาเรื่อง "ศาสนา" ที่เป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่สุด
มา "ล่อเป้าสังคม"
ซึ่งน่าจะเกิดแรงกระเพื่อมสูง กว่าทุกอย่างที่เคยทำมา


กลุ่มที่ 2
พวกคลั่งศาสนา ที่คิดว่าศาสนาของตัวเอง(เท่านั้น)ดีเลิศประเสริฐสุด
ซึ่งลักษณะเช่นนี้ น่าจะถือเป็นอาการของ Racism ชนิดหนึ่ง


ว่ากันตรง ๆ อย่างนี้ล่ะ
ใครเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย อยากเถียง อยากด่า อย่างไร
ก็ว่ามาเลยครับ ไม่ต้องอ้อมค้อม ไว้ไมตรี
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
engg
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 388


« ตอบ #1 เมื่อ: 19-04-2007, 20:36 »

ไม่จริงครับ อ่านหนังสือพุทธธรรม ของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) จะทราบว่าดีอย่างไร แตกต่างโดยสิ้นเชิง MP3 เสียงอ่านหนังสือเล่มนี้ก็มี หามาฟังครับ
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 20-04-2007, 12:37 »

กิจของสงฆ์คืออะไร อันใดมิใช่กิจของสงฆ์

ตอบคำถามเหล่านี้ได้ ทุกอย่างจบครับ

ที่สำคัญ เมื่อบวชเรียนในพระพุทธศาสนาแล้ว ต้อง ละเลิก "รัก โลภ โกรธ หลง" ครับ ถ้าทำมิได้ ไม่ใช่พระสงฆ์ครับ เป็นได้แค่ โล้นห่มจีวร เท่านั้นครับ

บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
aoporadio
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 404


« ตอบ #3 เมื่อ: 20-04-2007, 20:13 »

แหม บางคนเขาก็หวังดี อยากให้ สถาบัน ทั้ง 3 แข็งแรง

ชาติเรา ถ้าไม่ได้ คำสอนของ พระพุทธองค์ คนคง ชั่ว เร็วกว่านี้เยอะ

เรามีบรรพบุรุษ ที่ดี ก็เพราะ ศาสนธรรม ของ ศาสนาพุทธนะค้าบ ท่านทั้งหลาย

แต่สิ่งที่พระมหาโชว์ทำนั้น มีวาระซ่อนเร้น ซึ่ง ก็รู้กันอยู่ ว่าจะหาเรื่อง ล้ม รัฐธรรมนูญ 

แถมตะแกก็ไม่มีเครดิต เพราะเลือกข้างชัดเจนตั้งแต่ดอน ม๊อบพระ  เมื่อปีที่แล้วของตะแกอะจ้า

บันทึกการเข้า
morning star
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,119


don't let them make up your mind


« ตอบ #4 เมื่อ: 20-04-2007, 21:18 »

กิจของสงฆ์คืออะไร อันใดมิใช่กิจของสงฆ์

ตอบคำถามเหล่านี้ได้ ทุกอย่างจบครับ

ที่สำคัญ เมื่อบวชเรียนในพระพุทธศาสนาแล้ว ต้อง ละเลิก "รัก โลภ โกรธ หลง" ครับ ถ้าทำมิได้ ไม่ใช่พระสงฆ์ครับ เป็นได้แค่ โล้นห่มจีวร เท่านั้นครับ



จริง ๆ ก็พูดหนักเกินไปนะครับ...โล้นห่มจีวร นี่ก็พระนะครับ..และสงฆ์เองก็ ยังมี "รัก โลภ โกรธ หลง" (ห้ามกันไม่ได้ซะด้วย) เพราะไม่ใช่พระอิฐ พระปูน..ที่เข้ามาห่มผ้าเหลือง ส่วนนึงต้องยอมรับว่าเพื่อหาทางออกให้ชีวิต ส่วนนึงก็เพื่อเข้ามาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง มีบ้างที่หนีความวุ่นวาย และ คงมีที่ต้องการปวารณาตัวเป็นสาวกของพระพุทธองค์...ยังไง สงฆ์ ก็ยังเป็นหนึ่งในไตรลักษณ์ ...ทุกครั้งที่กราบไหว้พระสงฆ์ ให้นึกเสมอว่าเราไม่ได้ไหว้ตัวบุคคลนั้น เราไหว้ "พระสงฆ์"
บันทึกการเข้า

อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
meriwa
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,100



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 20-04-2007, 23:15 »

ผมมองว่าไม่ใช่พวกคลั่งศาสนาอะไรหรอกครับ

เป็นเรื่องของผลประโยชน์ล้วนๆ  หวังจะเรียกร้องให้รัฐต้องดูแล  นั่นหมายถึงเงินที่จะต้องนำไปใช้จ่ายในกิจของสงฆ์ และสิ่งก่อสร้างต่างๆ

การต้องเขียนกฏหมายกำกับไว้ มันส่อถึงจิตสำนึกของคนเราลดน้อยลง  ที่เปลี่ยนจากการทำให้คนศรัทธามาเป็นการต้องบังคับให้นับถือแทน
บันทึกการเข้า

ผู้ปกครองระดับธรรมดา   ใช้ความสามารถของตน    อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง       ใช้กำลังของคนอื่น             อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง           ใช้ปัญญาของคนอื่น           อย่างเต็มที่

                                                                  ...คำคมขงเบ้ง
engg
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 388


« ตอบ #6 เมื่อ: 21-04-2007, 11:15 »

ที่สำคัญ เมื่อบวชเรียนในพระพุทธศาสนาแล้ว ต้อง ละเลิก "รัก โลภ โกรธ หลง" ครับ ถ้าทำมิได้ ไม่ใช่พระสงฆ์ครับ เป็นได้แค่ โล้นห่มจีวร เท่านั้นครับ


ไม่ได้ทำเพราะ รัก โลภ โกรธ หลง แต่ได้วิเคราะห์ว่าเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์

ถึงต้องแนะนำให้ศึกษาเพื่อขจัด สิ่งที่เรียกว่า "อวิชา"
บันทึกการเข้า
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 21-04-2007, 20:33 »

บางคนอาจใช่ แต่หลายคนไม่ขนาดนั้นหรอกครับ

แต่บางคน "คลั่งแม้ว" เลยผสมโรงไปด้วยเลยก็มี

มีหลายประเภท ต้องแยกแยก
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 22-04-2007, 22:20 »

คือ ผมไม่ได้ว่าพระท่านที่ทำหน้าที่เป็นพระจริงๆนะครับ

ที่ผมกำลังพูดถึงคือคนที่พยายามแอบอ้างความเป็นพระ อยู่น่ะครับ

จริงๆแล้วพระดีๆ ก็มีเย้อ พระแย่ๆ ก็มี พยายามเป็นพระ ก็มี อลัญชี ก็มี ฯลฯ อันนี้มันต้องแยกแยะน่ะครับ

แล้วพระที่หูเบา กับ คนที่ไปปั่นหัวพระ ใครจะบาปกว่ากันล่ะครับ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
(ก้อนหิน) ละเมอ
Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,041



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 22-04-2007, 22:48 »

คือ ผมไม่ได้ว่าพระท่านที่ทำหน้าที่เป็นพระจริงๆนะครับ

ที่ผมกำลังพูดถึงคือคนที่พยายามแอบอ้างความเป็นพระ อยู่น่ะครับ

จริงๆแล้วพระดีๆ ก็มีเย้อ พระแย่ๆ ก็มี พยายามเป็นพระ ก็มี อลัญชี ก็มี ฯลฯ อันนี้มันต้องแยกแยะน่ะครับ

แล้วพระที่หูเบา กับ คนที่ไปปั่นหัวพระ ใครจะบาปกว่ากันล่ะครับ

ทำให้คณะสงฆ์แตกแยกเนี่ย บาปขั้นหนักสุดเลยนะครับ ทางเดียวที่จะไปได้ คือ นรกขุมอเวจี
ใครอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนี้ ก็เตรียมตัวให้ดีก็แล้วกันครับ
บันทึกการเข้า

engg
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 388


« ตอบ #10 เมื่อ: 22-04-2007, 23:30 »

ท่านที่ไม่เห็นด้วย ต้องเสนอผลเสียหรือความกังวลที่ "กำหนดให้เป็นศาสนาประจำชาติ"

จะได้ผลมากกว่าการต่อว่าผู้เสนอบางคนว่าไม่จริงใจ

ทำให้เสียโอกาสที่จะได้สิ่งที่ดีกว่า
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 23-04-2007, 00:02 »

ท่านที่ไม่เห็นด้วย ต้องเสนอผลเสียหรือความกังวลที่ "กำหนดให้เป็นศาสนาประจำชาติ"

จะได้ผลมากกว่าการต่อว่าผู้เสนอบางคนว่าไม่จริงใจ

ทำให้เสียโอกาสที่จะได้สิ่งที่ดีกว่า

คุณก็บอกมาก่อนซิ ว่า ถ้าไม่ได้ใส่คำว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แล้ว มีข้อเสียอะไรบ้า 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #12 เมื่อ: 23-04-2007, 01:37 »

หน้าสิ่วหน้าขวาน
บ้านจะพังแหล่มิพังแหล่
มามัวปีนหลังคาประดับช่อฟ้าใบระกากันอยู่ทำไม

ซ่อมฐานราก ตอหม้อ เสาเข็ม ให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
montasavi
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8


« ตอบ #13 เมื่อ: 25-04-2007, 10:46 »

ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องศาสนาประจำชาติ

ข้าพเจ้าเคยได้ยินหลักสูตรภาษาไทยของพี่น้องมุสลิมในจังหวัดภายได้ เขาเริ่มสอนว่า " กอ ไก่ พระเจ้าสร้างมา" แทนที่จะสอนว่า กอ เอ๋ย กอ ไก่ นั่นแสดงว่าเป็นเรื่องดีที่เขาสนใจปลูกฝังหลักศาสนาให้แก่ลูกหลานตั้งแต่เยาว์วัย โดยที่พ่อ-แม่ ครูบาอาจารย์เป็นผู้สอนเอง ไม่ต้องรอให้นักการศาสนามาสอน  แต่พอหันมาดูพี่น้องชาวพุทธด้วยกัน จะมีสักกี่คนที่เคยสอนศาสนาให้กับลูกหลานด้วยตนเอง  เพราะแม้แต่พ่อ-แม่เองก็ทำตัวเหินห่างจากศาสนามาโดยตลอด

ขอถามหน่อยนะครับ
1. ท่านคิดว่า พุทธศาสนิกชนทั่วโลก ในปัจจุบันนี้มีมากขึ้นหรือน้อยลงครับ? ลองเข้าไป
ที่นี่ดู http://www.newmana.com/yabb/index.php?board=1.0 และ http://www.muslimthai.com/forum/index.php?board=9.0 ก็จะทราบว่าเยาวชนของเราเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ที่กล่าวกันว่า ประเทศไทยมีประชากรนับถือศาสนาพุทธ กว่า 90 % คงไม่เป็นความจริงอีกต่อไปแล้ว

2. เป็นคำถามเชิงเปรียบเทียบนะครับ
เด็กเล็กๆที่ป่วย ไม่ยอมรับประทานยาขม แต่เพราะกลัวคำสั่งของพ่อ-แม่จึงยอมทานยา สุดท้ายท่านคิดว่าเขาจะหายป่วยมั๊ยครับ..   การบัญญัติพุทธศาสนาก็เช่นกัน  เมื่อบัญญัติแล้ว ก็จะสามารถออกกฎหมายมาบังคับไม่ให้มีการฆ่าสัตว์และดื่มสุราในวันพระ   นักเรียนนักศึกษาต้องปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนาภาวนา ปีละ 10 วัน เป็นต้นได้...
(...ศาสนาอิสลามห้ามดื่มสุรา และเล่นการพนันโดยเด็ดขาด..)

3. เมื่อก่อนนี้   ข้าพเจ้าไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่กับการให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ   แต่เนื่องด้วย ขณะนี้เยาวชนคนรุ่นใหม่ทำตัวห่างเหินจากศาสนาที่พ่อแม่นับถือมากขึ้นทุกวัน   พ่อ-แม่ก็ไม่สามารถชักจูงลูกหลานให้เข้าหาศาสนาได้ เพราะตนเองก็เคยถูกคนรุ่นปู่-ย่า ละเลยในเรื่องนี้เช่นกัน   เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ อีก ๕๐ ปีข้างหน้าพระพุทธศาสนาจะเป็นเช่นไรละครับ   มันน่าจะถึงเวลาแล้วนะครับ ก่อนที่จะปล่อยให้ศาสนิกของศาสนาอื่นมีมากขึ้นกว่านี้  จนแก้ไขอะไรไม่ทัน ..

...ศาสนาอิสลามไม่เหมือนศาสนาอื่นนะครับ   อย่าได้หวังว่า เมื่อเขาขึ้นเป็นใหญ่แล้วเราจะขอร้องอะไรเขาได้ ประเทศอินโดเนเซีย มาเลเซีย เคยเป็นประเทศพุทธศาสนา 100 % มาก่อน แต่เดี่ยวนี้ ชาวพุทธจะขอเช่าสถานีวิทยุออกอากาศรายการธรรมสอนชาวพุทธด้วยกันก็ยังไม่ได้เลยครับ.. ประเทศมุสลิมแถบอาหรับจะเอาเทปธรรมเข้าประเทศเขาก็ยังไม่ได้เลยนะครับ...
...จะทำกันประการใด  ก็โปรดพิจารณากันให้ถี่ถ้วน   ส่วนตัวข้าพเจ้าเองอีกไม่เกิน 50 ปี ก็คงไม่อยู่แล้ว ลูกหลานก็ไม่มี จึงไม่เดือนร้อนในประเด็นนี้เท่าไหร่นัก แต่พวกท่านทั้งหลายยังมีลูกหลานสืบสกุลกันอยู่มิใช่หรือ

... ขอให้เป็นชะตากรรมของสัตว์ก็แล้วกัน     ถ้าจะให้อาตมาไปร่วมประท้วงด้วย..คงจะไม่ไป?


ประเด็นหลัก
ประเด็นที่แท้จริงในเรื่องนี้ ก็คือ สถานการณ์ที่เป็นไปในปัจจุบันนี้ จะต้องมีกฎเกณฑ์ หรือมาตรการข้อบังคับอย่างใดอย่างหนึ่งมาแก้ไขโดยด่วน ได้แก่
1. จะต้องมีกฎหมายที่แน่นอน ที่จะมาบีบบังคับให้ผู้ที่ประพฤติเสื่อมเสียออกไปเสียจากศาสนาให้เร็วที่สุด และมากที่สุด เท่าที่จะทำได้
2. จะต้องมีกฎข้อบังคับให้ชาวพุทธทุกคนต้องปฏิบัติวิปัสสนาอย่างน้อย ๑๐ วัน ในชาตินี้ หลังจากนั้นทุก ๆ อย่างก็จะเข้าสู่ระบบของมันเอง
เมื่อถึงตรงนี้ ขอถามว่า จะมีสิ่งใดที่จะช่วยผลักดันให้สองข้อข้างต้นเป็นไปได้จริง ยิ่งไปกว่ากันบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือท่านมีข้อคิดเห็นที่เป็นไปได้ และน่าสนใจยิ่งไปกว่านี้..?

ศาสนาพุทธ มีจุดอ่อนตรงที่ให้อิสรเสรีแก่ทุกๆคนที่จะปฏิบัติตาม  แต่ในเมื่อพวกเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่รู้แจ้งแก่ใจว่า หากใครปฏิบัติตามคำสอนของพุทธศาสนาจะต้องได้ดีทุกคน  แล้วพวกเราจะมัวมาลังเลอะไรกัน กับการช่วยกันออกกฎข้อบังคับ เพื่อบีบบังคับให้ลูกหลานได้ปฏิบัติตาม

ขอถามย้ำอีกครั้งว่า ในสถานการณ์ที่สื่อโหมโฆษณาชวนชื่อดึงจิตคนรุ่นใหม่ให้ห่างไกลศาสนาออกไปทุกนาที ทุกชั่วโมง และยั่วยุ-เย้ายวนจิตใจให้พระหนุ่ม เณรน้อยมีพฤติกรรมที่เสื่อมเสีย มากขึ้น ๆๆ อย่างที่เป็นอยู่นี้    จะมีวิธีการใดที่เป็นไปได้จริงมิใช่แค่บ่น ที่จะทำให้พระไม่ดีออกไปจากศาสนา และส่งเสริมให้ชาวพุทธทุกคนได้ลิ้มรสชาติแห่งพระสัทธรรมอย่างน้อย ๑๐ วันในชาตินี้ ได้ดีและเป็นไปได้จริงยิ่งไปกว่าการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และออกกฎหมายลูกมาบีบบังคับ

ถ้าหากมีวิธีการอื่นที่ทำได้ และเป็นไปได้จริงด้วยนะ ก็โปรดนำมาเสนอด้วย

.. ที่ว่าประเทศภูฐาน ไม่ได้บัญญัติในรัฐธรรมนูญนั้น   ก็เพราะเขายังไม่มีสิ่งยั่วยุมากมายเหมือนบ้านเรา คนในชาติและพระสงฆ์ยังยึดมั่นในศาสนากันดีอยู่ 
...ที่ว่า ถึงบัญญัติไว้ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้   แต่ที่เกิดขึ้นจริงคืออะไร ปัจจุบันนี้มิได้บัญญัติไว้มิใช่หรือ จึงไม่สามารถออกกฎหมายลูกมาบีบบังคับพระสงฆ์และข้าราชารได้ สิ่งเลวร้ายต่างๆจึงเกิดขึ้นทั้งแก่พระศาสนาและสังคม จนแทบจะหาทางแก้ไม่ได้แล้ว   รัฐธรรมนูญฉบับนี้ อาจจะเป็นรถด่วนขบวนสุดท้าย ที่จะมาช่วยให้พุทธศาสนาอยู่รอดในสังคมไทยก็ได้นะ..โปรดพิจารณาดู
..สิ่งที่ต้องการจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ การออกกฎหมายลูกมาบีบบังคับพระอลัชชีและข้าราชการในเรื่องเกี่ยวกับศาสนาโดยเฉพาะ   ..ท่านก็รู้ดีนี่หน่า ว่า..แค่พระธรรมวินัยเอาแทบไม่อยู่แล้ว   

ปฏิบัติวิปัสสนาปีละ ๑๐ วัน
ที่อาตมากล้าพูดเรื่องวิปัสสนา ๑๐ วันนั้น เนื่องจาก เมื่อ ๗ เดือนที่ผ่านมา อาตมาได้ไปปฏิบัติวิปัสสนา ๗ เดือนเต็ม  เป็นการปฏิบัติแบบวิปัสสนาล้วน ๆ ซึ่งถูกต้องตามหลักคัมภีร์พระไตรปิฎก อรรถกถาและฎีกาทุกประการจึงกล้าที่จะยืนยันว่า หากใครปฏิบัติด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ผ่าน ๑๐ วันแรกของชีวิตไปได้ หลังจากนั้นเขาจะปฏิบัติต่อเองโดยไม่ต้องบังคับ  แต่มีเงือนไขว่า ต้องเป็นการปฏิบัติแบบวิปัสสนาล้วน ๆ นะครับ จึงจะได้ผลเช่นนี้  แต่ถ้าปฏิบ้ติแบบปุพพังคมนัย ก็จะได้ผลเช่นกัน แต่ต้องใช้เวลานากว่านี้มาก แค่ ๑๐ วันยังไม่ได้อะไรเลย   การปฏิบัติทั้ง ๒ แบบนี้มีข้อแต่ต่างดังนี้
.. วิปัสสนาล้วน(สุทธวิปัสนา) ทำให้กิเลสลดและเข้าใจชีวิตมากขึ้นเท่านั้น แต่สมาธิไม่ดิ่งลึกมาก
..ปุพพังคมนัย(สมถนำหน้า) ช่วงแรกจะฟุ้งซ่านมาก แต่พอผ่านไปสมาธิจะดิ่งลึกมาก สุขสงบมากเกินไป ช่วงแรกๆ ยิ่งปฏิบัติยิ่งยึดติด จนบางคนหลงไปเลยก็มี   

...ที่อาตมาสามารถปฏิบัติวิปัสสนาติดต่อกัน ๗ เดือนเต็มได้ ก็เนื่องมาจาก ตอนเรียนปริญญาตรี ถูกมหาวิทยาลัยบังคับให้ปฏิบัติ ปีละ ๑๐ วันนี้แหละ
บันทึกการเข้า
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #14 เมื่อ: 25-04-2007, 13:28 »

ไม่จริงหรอก ครับ ผมก็เห็นด้วยที่จะระบุลงไปให้ชุดเจน ว่าเราคือประเทศที่นับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ

เพราะว่า อะไรเหรอ เพราะประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองเรา ตั้งแต่สมัย สุโขทัยจนถึงปัจจุบัน ผู้นำ ของประเทศเราต้องปกครองด้วยรูปแบบธรรมราชาซึ่งต้องใช้ศาสนาพุทธเป้นตัวนำในการกำหนดทศพิษราชธรรม แล้วถ้าวันนี้เรายังเชื่อมั่นในหลักธรรมอันนี้อยู่ ทำไมเราจะประกาศให้ชาวโลกรู้ไม่ได้เหรอว่าประเทศเรามีศาสนาประจำชาติ ประเทศอื่นเค้าก็มีการระบุมิใช่เหรอไง และการระบุไม่ได้เป็ฯการยึดติด แต่เป้ฯกรอบในแนวทางบริหารปกครองประเทศว่าเราจะใช้หลักคำสอนของศาสนาไหนเป็นแนวทาง ถ้าเราใช้หลักศาสนาอื่น เราก็ระบุศาสนาอื่นได้ครับผมไม่แย้ง แต่นี่เราใช้หลักของพุทธ เราก็ระบุไปเลยก็ดีครับ
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
montasavi
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8


« ตอบ #15 เมื่อ: 25-04-2007, 18:55 »

พระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์

“The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend a personal God and avoid dogmas and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising , from the experience of all things, natural and spiritual as a meaningful unity.
Buddhism answers this description.. If there is any religion that could cope with modern scientific needs it would be Buddhism.”

“ศาสนาในอนาคตจะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือ พระเจ้าที่มีตัวตนและควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ ศาสนานั้นเมื่อครอบคลุม ทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสำนึกทางศาสนาที่เกิดขึ้นจาก ประสบการณ์ตรงต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวม ที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้ ..
ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัย ปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา ”

Albert Einstein ( อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ )
นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมัน ผู้เสนอทฤษฎีสัมพันธภาพ

อ้างอิง. Eistien , 1879- 1955,
Great personalities on Buddhism, By K. Dhammananda,Thera , Kuala Lumpur, Malaysia : Buddhist Missionary Society, 1965, p.87.




ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับการเรียกร้องของพระสงฆ์   แต่ไม่เห็นด้วยกับการเข้าไปร่วมกับพีทีวี 
....ขอเรียกร้องตรงนี้ว่า  พระสงฆ์ทั้งปวงอย่าได้เข้าไปร่วมประท้วงกับพีทีวีเลยนะครับ.. มิฉะนั้นแล้วจะมีแต่ผลเสีย มิใช่ผลดี..       มิใช่ว่าพีทีวีชั่วร้ายนะครับ   แต่การทำแบบนั้นเป็นการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเกินไป  อาจทำให้บ้านเมืองแตกแยกได้
.....และขอเรียกร้องไปยังพีทีวี.. ว่า อย่าได้นำพระสงฆ์มาเรียกร้องทางการเมืองเลยนะครับ..  เห็นแก่ความสงบสุขขอบ้านเมืองเถอะนะ.....

......พระสงฆ์เรียกร้องทางการปกครอง(แต่มิใช่ทางการเมือง) ได้    แต่ต้องไม่ฝักไผ่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง  ควรตั้งอยู่ในฐานะครูบาอาจารย์ของบ้านเมือง..ที่เห็นว่าอะไรควรทำที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้..
……ควรทำเหมือนกับพระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ออกมาคลื่นไหวเรียกร้องขอชีวิตให้กับแม่ทัพนายกอง ที่จะต้องถูกประหารชีวิต  ...ทำให้พระนเรศวรยังเหลือแม่ทัพนายกองไว้ป้องกันประเทศต่อไปได้...

……..แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ก็ยังเคยเสด็จไปห้ามกองทัพของพระเจ้าวิฑูฑภะถึง ๒ ครั้ง ๒คราว
.........กษัตริย์ ๒ เมืองทะเลาะแย่งน้ำกัน จนประจันหน้ากันแล้ว ..พร้อมที่จะทำสงครามแย่งน้ำกันโดยฉับพลัน ..พระองค์จึงเสด็จไปในระหว่างกองทัพทั้ง ๒ ฝ่าย แล้วทรงเตือนให้สติ ว่า “เลือดมีค่ามากกว่าน้ำ


......สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงรอดชีวิตจากพม่ามาได้เพราะใครครับ...????
ชาวบางระจัน มีจิตมุ่งมั่นได้เพราะใครครับ....?
.....สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช(อินเดีย) และสมัยพ่อขุมรามคำแหงมหาราช สุขสงบกว่ายุคใด ๆๆๆ เพราะใครครับ.....???
.....พระเจ้าตากสินมหาราชทรงกูชาติมาได้ เพราะมีอะไร? เป็นแรงจูงใจครับ ....
..ศึกษากันมั่งป่าว หรือว่า ศึกษาแต่ประวัติศาสตร์ฝรั่ง จนลืมประวัติศาสตร์ไทยไปแล้ว

....สุดท้ายนี้..ขอตำหนิพีทีวิหน่อย... ที่ใช้สถานการณ์นี้มาเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง ทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจผิด ..ด่าพระกันทั่วบ้านทั่วเมือง
..บาปใครบาปมันก็แล้วกันนะ..





ประเทศมาเลเซีย ประกาศศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ ทั้งที่มีประชากรชาวมุสลิมเพียงแค่ 65 %

ชื่อทางการ มาเลเซีย
ประมุข สมเด็จพระราชาธิบดี ตนกู ไซด์ ซีราจุดดิน ไซด์ ปุตรา จูมาลูลลาอิล
พื้นที่ 329,758 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง กรุงกัวลาลัมเปอร์
ประชากร 23.8 ล้านคน
สกุลเงิน ริงกิต
ศาสนา  อิสลาม 65%     พุทธ 16% เต๋า 10% ฮินดู 6%
ภาษา บาฮาสา มาเลเซีย
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%...%B8%B5%E0%B8%A2
http://www.mfa.go.th/web/479.php?id=164


รัฐธรรมนูญของมาเลเซีย

(1) Islam is the religion of the Federation; but other religions may be practised in peace and harmony in any part of the Federation.
(2) In every State other than States not having a Ruler the position of the Ruler as the Head of the religion of Islam in his State in the manner and to the extent acknowledged and declared by the Constitution, all rights, privileges, prerogatives and powers enjoyed by him as Head of that religion, are unaffected and unimpaired; but in any acts, observance or ceremonies with respect to which the Conference of Rulers has agreed that they should extend to the Federation as a whole each of the other Rulers shall in his capacity of Head of the religion of Islam authorize the Yang di-pertuan Agong to represent him
(3) The Constitution of the States of Malacca, Penang, Sabah and Sarawak shall each make provision for conferring on the Yang di-Pertuan Agong shall be Head of the religion of Islam in that State
(4) Nothing in this Article derogates from any other provision of this Constitution
(5) Notwithstanding anything in this Constitution the Yang di-Pertuan Agong shall be the Head of the religion of Islam in the Federal Territories of Kuala Lumpur and Labuan; and for this purpose Parliament may by law make provisions for regulating Islamic religious affairs and for constituting a Council to advise the Yang di-Pertuan Agong in matters relating to the religion of Islam.
http://www.malaysianmonarchy.org.my/portal...ial%20Functions

ของอินโดนีเซีย
Chapter XI. Religion
Article 29
1. The State shall be based upon the belief in the One and Only God
2. The State guarantees all persons the freedom of worship, each according to his/her own religion or belief




นำมาให้อ่านครับ...

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย... ในมุมมองมุสลิม(คนหนึ่ง)
http://www.oknation.net/blog/unussorn/2007/04/18/entry-1



ทีแรกผมเฉยๆ กับประเด็นนี้  ไม่ได้ติดตามเพราะไม่เห็นว่ามันสำคัญ  แต่เมื่อไม่นานมานี้ผมได้อ่านคอลัมน์หนึ่งในหนังสือพิมพ์คมชัดลึก  ดร.ธีรวิทย์ ภิญโญณัฐกานต์ อดีตที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ผู้เขียนคอลัม์นี้ ท่านเห็นด้วยกับการบัญญัติให้ระบุคำว่า “ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ” ลงในรัฐธรรมนูญ 

ด้วยเหตุผลที่ว่า ในประเทศมุสลิมหลายประเทศ  ยังระบุเลยว่า “อิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ” แล้วทำไมพุทธศาสนิกชนถึงไม่กล้าระบุเช่นนั้นบ้าง  ท่านยกตัวอย่างรัฐธรรมนูญของประเทศมุสลิมประเทศหนึ่ง “Islam is the Religion of the Federation but other religion may be practiced in peace and harmony in any part of the Federation” (อิสลามเป็นศาสนาแห่งสมาพันธรัฐ แต่ศาสนาอื่นได้รับการปฏิบัติโดยสันติและกลมกลืน ในส่วนใดของสมาพันธรัฐก็ได้) และประเทศมุสลิมอื่นๆ อีกหลายประเทศที่ระบุเนื้อหาทำนองนี้ลงในรัฐธรรมนูญของตน

อ่านจบแล้วผมก็ “เออ... จริงด้วย” ประเทศที่มีมุสลิมเป็นประชากรส่วนมากเขายังทำกันเลย  แล้วทำไมประเทศไทยที่มีพุทธศาสนิกชนมากถึง 90% จะทำแบบนั้นไม่ได้

ผมเห็นด้วยกับเขาครับ  ซึ่งตรงนี้ขอออกตัวก่อนว่าอาจจะเป็นความเห็นที่ต่างจากมุสลิมท่านอื่น แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะผมเห็นข้อดีของการยืดอกประกาศตัวแบบนี้  ความภูมิใจในความเป็นอัตลักษณ์ของตัวเองท่ามกลางความเน่าเฟะของลัทธิบริโภคนิยมถือว่าเป็นเจตนารมณ์ที่น่ายกย่อง 

หากประเทศไทยของผมหาญกล้าที่จะประกาศให้รู้ว่า บ้านนี้เมืองนี้มีพุทธศาสนิกชนเป็นสมาชิกส่วนมาก เพราะฉะนั้นอบายมุขต่างๆ อย่าได้หวังเข้าครอบงำประเทศนี้ ในศีล 5 ข้อที่เป็นชุดศีลเบื้องต้น ศาสนาพุทธห้ามดื่มสุรา สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี สิกฺขาปะทัง สมาทิยามิ ประเทศที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติจะไม่มีสุราจำหน่ายโดยถูกกฎหมาย ไม่มีผับไม่มีบาร์   ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ต่อต้านการพนัน ประเทศนี้จะไม่มีกฎหมายใดๆ รองรับการพนันในทุกประการ,  จะออกกฎหมายปราบปรามการค้าประเวณีอย่างถึงที่สุด

ถ้าประเทศไทยของผมมีรัฐธรรมนูญที่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรว่า “ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ” เป็นรูปธรรมชัดเจน  แล้วนำคุณธรรมทางพุทธศาสนามาแปรรูปเป็นกฎหมายจรรโลงสังคม เหมือนหลายประเทศในตะวันออกกลาง  ผมว่าประเทศไทย(ในความเห็นของผม) คงจะน่าอยู่กว่าปัจจุบัน  ที่กฎหมายถูกผลิตขึ้นจาก “กิเลส” ของสังคม ไม่ได้เกิดขึ้นจาก “ศีลธรรม” อย่างที่ควรจะเป็น 

แต่ถ้าแนวคิดการระบุศาสนาประจำชาติ เกิดจากการยึดมั่นถือมั่นในสถาบันของตน หรือเกิดขึ้นเพื่อสนองความสะใจตน, เอาชนะคะคานกันและกันโดยที่ไม่มีผลทางการปรับปรุงสังคม ผมถือว่ามันไร้สาระ ไม่ควรค่ากับการเสียเวลาทุ่มเถียง มันเป็นการเชิดชูศาสนาด้วยตัวอักษร หาใช่การเชิดชูศาสนาด้วยแก่นของศาสนาแต่อย่างใด
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: