ประธาน คมช.ชี้ เม.ย.-พ.ค.ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเอาผิด“ทักษิณ”

ที่โรงแรมอลิซาเบซ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(ผอ.รมน.) เป็นประธานพิธีเปิดโครงการสัมมนาวิทยุชุมชนเพื่อความมั่นคงของ กอ.รมน. ซึ่งโครงการนี้เพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามแผนงานการปฏิบัติงานจิตวิทยาและประชาสัมพันธ์ เพื่อความมั่นคง โดยประสานกับสมาคมผู้ผลิต ผู้ดำเนินรายการวิทยุ และวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งเห็นร่วมกันว่าวิทยุชุมชน ควรเปิดให้บริการเพื่อเผยแพร่ข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ ความรู้ต่างๆแก่ประชาชนทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

พล.อ.สนธิ กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาขณะนี้คนไทยมีความอึดอัดไม่สบายใจทั่วกัน สืบเนื่องมาจากปีที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ ซึ่งปัญหาความขัดแย้งทางสังคมยังมีต่อเนื่อง และเมื่อย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์เห็นว่า เมื่อบ้านเมืองเกิดความขัดแย้งเมื่อใดจะนำไปสู่ความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองทุกครั้ง ซึ่งการเสียกรุงทั้ง 2 ครั้งเกิดจากคนไทยไม่รักกันและไม่สามัคคีกัน ในวันนี้ปัญหาความขัดแย้งของสังคมกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ถือเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ในฐานะที่ กอ.รมน.มีหน้าที่รักษาความมั่นคงภายใน ต้องทำให้คนในชาติรู้รักสามัคคี หากเราแก้ปัญหาตรงนี้ไม่ได้ เชื่อว่าปัญหาของบ้านเมืองคงมีความยุ่งยากลำบากมากขึ้น

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาประชาชนรากแก้วส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทำให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารและข้อมูลข้อเท็จจริงจากสื่อของรัฐไปถึงประชาชนลำบาก ดังนั้น เชื่อว่าวิทยุชุมชนนั้นมีส่วนที่จะทำให้เกิดความเข้าใจ เพื่อกระจายข้อมูลข้อเท็จจริงจากส่วนกลาง และนโยบายของรัฐบาล เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจของประชาชนพื้นที่ หากประชาชนรากแก้วมีความเข้าใจในปัญหาต่างๆ คิดว่าปัญหาบ้านเมืองจะทุเลาลงไปส่วนหนึ่ง เพราะประชาชนรากแก้วอาจจะกลายเป็นเครื่องมือของคนบางส่วนที่มุ่งในการที่จะทำให้เกิดต่อความมั่นคงของประเทศ

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า กอ.รมน.แบ่งเป้าหมายบุคคลหลายกลุ่ม กลุ่มแรก คือ ระดับผู้บริหาร ผู้เป็นเจ้าของกิจการต่างๆ ถือเป็นผู้ที่มีอิทธิพลระดับหนึ่งที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองดูดี กอ.รมน.และ คมช.จึงจัดกิจกรรม เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกให้ผู้บริหารทุกระดับมีความรักชาติ โดยการนำเพลงปลุกใจให้นำไปใช้ประโยชน์ได้ และใช้โครงการคุณธรรมนำไทย เพื่อให้ประเทศชาติรู้รักสามัคคี อีกงานที่ กอ.รมน.ทำอยู่ คือ การส่งหน่วยงานต่างๆลงไปเพื่อทำงานในด้านจิตวิทยาและประชาสัมพันธ์ โดยมี รองผอ.รมน.จังหวัดเป็นผู้ที่กำกับดูแลในการใช้เครื่องมือของกองทัพเข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่รากแก้ว และสิ่งจะแก้ปัญหาดีที่สุดคือทำให้คนในชาติมีจิตสำนึก มีอุดมการณ์ มีความรักชาติ นำไปสู่ความรู้รักสามัคคี หนทางแก้ไขดีที่สุดคือทุกคนต้องมีความสำนึกในความเป็นชาติ

“ในเวลาสั้นๆเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นเดือนที่รัฐบาลต้องเฝ้าระวัง เพราะเป็นเดือนที่นโยบาย 4 ข้อของ คมช.จะสัมฤทธิ์ชัดเจนขึ้นในเดือนพฤษภาคมหลายเรื่อง ดังนั้น สถานการณ์ต่างๆในเดือนพฤษภาคมน่าจะเป็นสถานการณ์ที่รัฐบาลต้องเฝ้าระวัง แต่หากผ่านพฤษภาคมไปแล้วสถานการณ์ต่างๆจะดูดีขึ้น ทั้งนี้ การตัดสินคดีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการยุบพรรคที่จะมีหรือไม่มี ซึ่งปัญหาตรงนี้จะนำไปสู่กลุ่มคนหลายกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหว เพื่อทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยขึ้น และเพื่อบ่งบอกว่าการทำงานของรัฐบาลกับ คมช.ไม่สามารถบริหารงานได้ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดสำคัญและเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อในเดือนเมษายนและพฤษภาคม”พล.อ.สนธิกล่าว

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ขอให้ทุกคนสบายใจว่ารัฐบาลและ คมช.กำลังพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ชาติบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ซึ่งเข้าใจดีว่าปัญหาที่ทุกคนกำลังกังวลอยู่ทั้งเรื่องความสงบเรียบร้อย และเศรษฐกิจ ในเรื่องของเศรษฐกิจนั้นการส่งออกเวลานี้มากกว่าห้วงเวลาที่ผ่านมาค่อนข้างสูง และการนำเข้าในเวลานี้ลดลง ขณะนี้ภาพรวมของเศรษฐกิจดีกว่าที่ผ่านมา ขอให้ทุกท่านสบายใจ แต่ปัญหาคือ เราทุกคนมีเงิน แต่เก็บไว้ไม่ยอมใช้ ทำให้การหมุนเวียนเงินมีจำกัด ทำให้ดูเหมือนเศรษฐกิจหดตัวลง แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะทุกคนกำลังอยู่ในระหว่างการปลูกจิตสำนึกในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

“ผมคิดว่าในระยะเวลาข้างหน้าจะเป็นจุดหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าบ้านเรากำลังจะเดินไปข้างหน้าในสิ่งที่ดีขึ้น ขอให้สบายใจในเรื่องความสงบเรียบร้อย และปัญหาต่างๆ ผมเชื่อได้ว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องหนักใจ แต่สถานการณ์เริ่มทวีขึ้นเพราะจะมีการตัดสินคดีต่างๆ” พล.อ.สนธิ กล่าว

จากนั้น พล.อ.สนธิ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่ระบุว่าห้วงเวลา 1-2 เดือนนี้ รัฐบาลต้องเฝ้าระวังว่า ห้วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมเป็นห้วงเวลาการตัดสินคดีของ คตส.และปปช. หลายโครงการรวมถึงคดียุบพรรคคิดว่ากลุ่มบ้างกลุ่มพยายามเคลื่อนไหวให้เกิดความไม่เป็นธรรมและความเชื่อมั่นต่อคมช.และรัฐบาลลดลง ซึ่งเป็นแนวทางการต่อสู้ทางการเมืองรูปแบบหนึ่ง

เมื่อถามว่าการยุบพรรคการเมืองทั้งไทยรักไทยและประชาธิปัตย์เกรงหรือไม่จะมีการปลุกม็อบ มาสนับสนุนจนทำให้เกิดความวุ่นวาย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่น่าถึงขนาดนั้นเพราะการตัดสินของศาลเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คนไทยต้องยอมรับการตัดสินขององค์กรที่ยุติธรรมที่สุด ทั้งนี้ กองทัพให้หน่วยงานต่างๆเข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชนในภาพรวมเพื่อให้เข้าใจในสถานการณ์บ้านเมือง ทั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนที่ไม่เข้าใจ คมช.นี้ไม่มากและมี่ห่วงว่าจะมีการเผชิญหน้ากัน เพราะเราเข้าใจคนไทยดีและมีมาตรการรับมืออยู่

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินมาควบคุมสถานการณ์หรือไม่พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หากมีบีบบังคับมาก รัฐบาลก็คงต้องประกาศ

แนวหน้า

+++++++++++++

หน้าติดตามเป็นอย่ามาก 2 เดือนนี้ ลิ่วล้อเหลี่ยมคงดิ้นพล่านน่าดู ผมมีลางสังหรณ์ว่าคนใหญ่คนโตของระบอบเก่ามีแวว นอนซังเตนะครับ