(ก้อนหิน) ละเมอ
|
|
« ตอบ #50 เมื่อ: 17-04-2007, 22:02 » |
|
สำหรับผมเห็นด้วยครับ
เพราะการที่เรามีศาสนาพุทธลงในรัฐธรรมนูญ
ก้เท่ากับเราได้จดสิทธิบัตรลงไป ทำให้เถระสมาคม มีอำนาจมากขึ้น ดีกว่าปัจจุบัน และที่สำคัญคือช่วยในด้านจริยธรรมอีกมากมาย
และการที่มีศาสนาพุทธลงในรัฐธรรมนูญ แสดงถึงการมีพุทธศาสนาในประเทศไทย และที่สำคัญกว่านั้น คือทำให้มีการปลูกพุทธศาสนา ให้กับคนรุ่นต่อไป
เป็นรผลดีมากกว่าผลเสียนะครับ
อยากจะทราบประโยชน์ที่มันเป็นรูปธรรมมากกว่านี้อ่ะครับ 1. เถรสมาคมมีอำนาจมากขึ้น มากขึ้นยังไง มากขึ้นขนาดไหน 2. ช่วยส่งเสริมด้านจริยธรรมอย่างไร 3. เป็นการปลูกศาสนาอยางไร ส่วนข้อเสีย ที่ผมคิดได้ตอนนี้ คือ ทำให้ช่องว่างระหว่างผู้นับถือศาสนาพุทธกับผู้ที่นับถือศาสนาอื่นๆ ยิ่งห่่างกันเ้ข้าไปอีก...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
morning star
|
|
« ตอบ #51 เมื่อ: 17-04-2007, 22:03 » |
|
สำหรับผมเห็นด้วยครับ
เพราะการที่เรามีศาสนาพุทธลงในรัฐธรรมนูญ
ก้เท่ากับเราได้จดสิทธิบัตรลงไป ทำให้เถระสมาคม มีอำนาจมากขึ้น ดีกว่าปัจจุบัน และที่สำคัญคือช่วยในด้านจริยธรรมอีกมากมาย
และการที่มีศาสนาพุทธลงในรัฐธรรมนูญ แสดงถึงการมีพุทธศาสนาในประเทศไทย และที่สำคัญกว่านั้น คือทำให้มีการปลูกพุทธศาสนา ให้กับคนรุ่นต่อไป
เป็นรผลดีมากกว่าผลเสียนะครับ
ผลดีของศาสนาพุทธคือคนเข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอนไม่ใช่เหรอครับ..แล้วการออกมาเคลื่อนไหว เกิดประโยชน์อะไรบ้าง..การกดดันเพื่อให้เกิดผลดีสำหรับศาสนาต้องเสียอะไร ต้องทำให้ใครเดือดร้อนบ้าง? ...คนในศาสนาพุทธต้องการยังงั้นเหรอครับ? แล้วผลจากการระบุลงไปจะเป็นประเด็นให้คนในศาสนาอื่นเข้าใจไปยังไง? ผมนับถือพุทธนะครับ แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรอะไร ในเมื่อจะเข้าถึงธรรมได้ ก็ด้วยการปฏิบัติ ไม่ใช่ยึดถือสัญลักษณ์อะไร หรือตัวหนังสือไม่กี่ตัว ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับการเขียนลงไป...แต่ไม่เห็นด้วยกับการออกมาเคลื่อนไหวต่างหาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
|
|
|
|
ชัย คุรุ เทวา โอม
|
|
« ตอบ #53 เมื่อ: 17-04-2007, 22:28 » |
|
แต่กว่าเราจะให้คนรุ่นต่อๆมาเข้าถึงได้ ศาสนาไม่หายไปหมดเลยเหรอครับ
สิ่งสำคัญคือการเข้าถึงก็จริง แต่อย่าลืมว่า การที่เราบัญญัติไว้
การกระทำอะไรก็ตาม ที่ผิดตามที่บัญญัติไว้ ย่อมเป็นอะไรที่ทำให้ การบิดพริ้วเป็นไปได้ยาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..." คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน (How the Steel Was Tempered) นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933 ******************************* เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ http://www.oknation.net/blog/amalit1990
|
|
|
morning star
|
|
« ตอบ #54 เมื่อ: 17-04-2007, 22:51 » |
|
แต่กว่าเราจะให้คนรุ่นต่อๆมาเข้าถึงได้ ศาสนาไม่หายไปหมดเลยเหรอครับ
สิ่งสำคัญคือการเข้าถึงก็จริง แต่อย่าลืมว่า การที่เราบัญญัติไว้
การกระทำอะไรก็ตาม ที่ผิดตามที่บัญญัติไว้ ย่อมเป็นอะไรที่ทำให้ การบิดพริ้วเป็นไปได้ยาก
พระธรรม น่ะ มีอยู่แล้วก่อนพระพุทธเจ้าจะค้นพบซะอีกครับ..พระพุทธเจ้าเพียงตรัสรู้ และ เข้าถึงธรรมนั้นได้ด้วยการปฏิบัติจนรู้แจ้งเห็นจริง...อีกหมื่นปี แม้จะไม่มีศาสนาอะไรเหลืออยู่ พระธรรม ก็ยังอยู่เหมือนเดิม อย่ากลัวว่าความเป็นพุทธจะหายไปกับกาลเวลา..เพราะความจริงเป็นสิ่งที่ไม่มีวันตาย...ในอนาคตแม้ทุกคนในโลกไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเลย แต่ทุกคนมีแต่ความสุขที่แท้จริง ไม่โลภ ไม่หลง ไม่ยึดติดกับอะไร การระบุว่าให้นับถือศาสนาอะไรก็ไม่มีสาระให้ต้องขบคิดกันแล้ว เชื่อผมเถอะครับ (หรือคุณอาจไม่เชื่อก็ถูกต้องอยู่) พุทธศาสนา เป็นศาสนาที่อยู่กับความจริง แม้พระพุทธรูปยืนที่สูงที่สุดในโลก(ในอดีต)จะถูกทางการตาลีบันทำลาย แต่ความเป็นพุทธก็ไม่ได้เสื่อมถอยลงเพราะวัตถุที่ถูกทำลายนั้น...เพราะเขาไม่ได้ทำลายศาสนาเรา...เขาทำลายแค่วัตถุชิ้นหนึ่งเท่านั้น... เช่นเดียวกัน จะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่ได้มีผลให้พระธรรมเปลี่ยนแปลงไปในทางไหนเลย...มีแต่คนเท่านั้นแหละที่เปลี่ยนไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #55 เมื่อ: 17-04-2007, 22:56 » |
|
คนรู้จัก เขาไปแต่งงานกับผู้หญิงอิสลาม
ชายคนดังกล่าวเขาเคยแต่งงานและมีลูกมาก่อนแล้วกับผู้หญิงไทยพุทธ และ เมื่อก่อนเขาสัมเลเทเมาไม่ค่อยเอางานเอาการอะไร
พอเขาได้แต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม เขากลับตัวเป็นคนละคนไปเลย ไปละหมาดทุกวัน เคร่งศาสนามาก ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยว
ถามป้าที่รู้จักซึ่งแกก็เป็นคนอิสลาม นับถือศาสนาอิสลาม ว่าทำไมคนที่นับถือศาสนาอิสลามถึงได้รักใคร่ปรองดองดี อยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน
ป้าแกตอบว่า ถ้าใครจะนับถือศาสนานี้ ก็ต้องเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นแล้วเหมือนแกะดำอยู่ในหมู่แกะขาว ในสังคมอิสลามจะจงเกลียดจงชังอยู่ร่วมกันไม่ได้
ย้อนมานึกถึงพี่ไทย อะไรๆก็สะดวกสบายตามอำเภอใจ ตั้งแต่รุ่นย่าตาทอด ดึกดัมบรรพ์สืบสานกันมา จึงทำให้คนไทยมักเป็นคนอะไรก็ง่ายๆ จะทำอะไรก็ไม่ค่อยเคารพกฏระเบียบ ไม่ค่อยสามัคคีกัน
ในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่เจริญแล้ว แม้เขาไม่ได้บังคับว่าต้องนับถือศาสนานั่นนี่น่ะ แต่สังคมของเขาค่อนข้างมีระเบียบ เขาจะทำอะไรก็ทำแบบมีกฏ มีระเบียบ อันนี้ก็เป็นการสืบทอดกันมาอย่างนั้น
สำหรับพี่ไทยเรานั้น เปลี่ยนรัฐบาลที บังคับให้คนเขาทำตามอย่างโน้นอย่างนี้ที ..เฮ้อ
ขออ้างคำที่ท่านเจ้าคุณเทศน์เอาไว้นะคะ (ฟังเทปมาเมื่อวาน) ท่านว่า เพราะคนที่ปากว่านับถือพุทธแต่ไม่ได้เข้าใจพุทธอย่างแท้จริง พุทธแท้นั้นเคร่งมาก เพียงแต่ว่า พุทธเป็นศาสนาที่ไม่บังคับให้กระทำ หรือท่านใช้คำว่า พุทธไม่ใช่ศาสนาแห่งศรัทธา บางครั้งเลยกลายเป็นจุดอ่อนให้หย่อนยานได้ พุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและผล ค่ะ ขออ้างคำที่ท่านเจ้าคุณเทศน์เอาไว้นะคะ (ฟังเทปมาเมื่อวาน) ท่านว่า เพราะคนที่ปากว่านับถือพุทธแต่ไม่ได้เข้าใจพุทธอย่างแท้จริง พุทธแท้นั้นเคร่งมาก เพียงแต่ว่า พุทธเป็นศาสนาที่ไม่บังคับให้กระทำ หรือท่านใช้คำว่า พุทธไม่ใช่ศาสนาแห่งศรัทธา บางครั้งเลยกลายเป็นจุดอ่อนให้หย่อนยานได้
พุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและผล ค่ะ ผมเห็นด้วยครับ.... "คนที่ปากว่านับถือพุทธแต่ไม่ได้เข้าใจพุทธอย่างแท้จริง" ไม่เคยเจอ"ไม้เรียว" เหมือนคนนับถือศาสนาอื่น ๆ ที่อ้างว่า"เคร่งมาก"...... หรือ มาตราการสังคม "แกะดำ"....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ชัย คุรุ เทวา โอม
|
|
« ตอบ #56 เมื่อ: 17-04-2007, 22:59 » |
|
อย่าลืมนะครับว่า คัมภีย์ อัลกุรอาล มีกฎหมายด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..." คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน (How the Steel Was Tempered) นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933 ******************************* เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ http://www.oknation.net/blog/amalit1990
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #57 เมื่อ: 17-04-2007, 23:08 » |
|
แต่กว่าเราจะให้คนรุ่นต่อๆมาเข้าถึงได้ ศาสนาไม่หายไปหมดเลยเหรอครับ
สิ่งสำคัญคือการเข้าถึงก็จริง แต่อย่าลืมว่า การที่เราบัญญัติไว้
การกระทำอะไรก็ตาม ที่ผิดตามที่บัญญัติไว้ ย่อมเป็นอะไรที่ทำให้ การบิดพริ้วเป็นไปได้ยาก
พระธรรม น่ะ มีอยู่แล้วก่อนพระพุทธเจ้าจะค้นพบซะอีกครับ..พระพุทธเจ้าเพียงตรัสรู้ และ เข้าถึงธรรมนั้นได้ด้วยการปฏิบัติจนรู้แจ้งเห็นจริง...อีกหมื่นปี แม้จะไม่มีศาสนาอะไรเหลืออยู่ พระธรรม ก็ยังอยู่เหมือนเดิม อย่ากลัวว่าความเป็นพุทธจะหายไปกับกาลเวลา..เพราะความจริงเป็นสิ่งที่ไม่มีวันตาย...ในอนาคตแม้ทุกคนในโลกไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเลย แต่ทุกคนมีแต่ความสุขที่แท้จริง ไม่โลภ ไม่หลง ไม่ยึดติดกับอะไร การระบุว่าให้นับถือศาสนาอะไรก็ไม่มีสาระให้ต้องขบคิดกันแล้ว เชื่อผมเถอะครับ (หรือคุณอาจไม่เชื่อก็ถูกต้องอยู่) พุทธศาสนา เป็นศาสนาที่อยู่กับความจริง แม้พระพุทธรูปยืนที่สูงที่สุดในโลก(ในอดีต)จะถูกทางการตาลีบันทำลาย แต่ความเป็นพุทธก็ไม่ได้เสื่อมถอยลงเพราะวัตถุที่ถูกทำลายนั้น...เพราะเขาไม่ได้ทำลายศาสนาเรา...เขาทำลายแค่วัตถุชิ้นหนึ่งเท่านั้น... เช่นเดียวกัน จะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่ได้มีผลให้พระธรรมเปลี่ยนแปลงไปในทางไหนเลย...มีแต่คนเท่านั้นแหละที่เปลี่ยนไป โดนใจค่ะ..... เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ในโลกนี้มักจะเลือกมองแต่เปลือก จนลืมมองถึงแก่นแท้
เรียกว่า "มองแต่กระพี้ ไม่มีแก่น'' อาจเป็นเพราะวัตถุนิยม หรืออัตตาในตัวตนซึ่งแก้ไขได้ยากมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #58 เมื่อ: 18-04-2007, 00:46 » |
|
ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็น อัครศาสนูปถัมภก บุคคลใดหรือนิติบุคคลใด จะล่วงละเมิดชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ มิได้
เขาเรียกร้องประโยคนี้กันไม่ใช่เหรอ ถ้าให้ใส่ข้อความนี้ก็จะมีปัญหาครับว่าการ "ล่วงละเมิดพระพุทธศาสนา" หมายความว่าอะไร เพราะกินความกว้างขวางเอามากๆ และเท่ากับต้องออกกฎหมายลูกมารองรับอีกมากมาย เช่นบทลงโทษผู้ล่วงละเมิดพระพุทธศาสนาในกรณีต่างๆ ผมว่ามันจะไปกันใหญ่นะครับ พาให้นึกไปถึง "สภาปราบมิจฉาทิฐิ" ของศาสนาคริสต์สมัยโบราณที่จับกุม กาลิเลโอ ไปข่มขู่บังคับให้ยอมรับว่าโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการที่ กาลิเลโอ ใช้กล้องดูดาวสำรวจดวงจันทร์ของดาวพฤหัส แล้วประกาศว่าโลกไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาล ซึ่งเท่ากับละเมิดความเชื่อของศาสนาคริสต์ในสมัยนั้น การระบุว่า "ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" มันไม่ได้จบอยู่แค่นั้น เพราะจะต้องมีการนำไปอ้างอิง ที่เกิดผลกระทบกับศาสนาอื่นได้อีกมากมายไม่จบไม่สิ้น ถ้าเรื่องนี้ผ่านจริงก็คล้ายๆ กับยื่นอาวุธให้ฝ่ายที่เห็นศาสนาอื่นเป็นภัยคุกคามศาสนาพุทธ จะได้ลงมือ "ปกป้องศาสนา" ให้สมใจเสียที ลองนึกดูนะครับว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นมาบ้าง ... เราต้องยอมรับความจริงครับว่าโดยพฤตินัยแล้ว ภาครัฐ ภาคเอกชน ต่างให้ความสำคัญ กับพุทธศาสนาในฐานะศาสนาประจำชาติอยู่แล้ว แม้แต่คนศาสนาอื่นๆ ก็ยอมรับเรื่องนี้ แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของพิธีกรรมเป็นส่วนใหญ่ เช่น วันหยุดทางศาสนาก็มีแต่ของพุทธ แทบทุกคนเคยทำบุญใส่ซองผ้าป่า เคยไปงานศพฟังพระสงฆ์สวดศพในวัดมาทั้งนั้น แต่ในส่วนพฤติกรรมของประชาชนเกี่ยวกับศาสนาพุทธ น่าจะกล่าวได้ว่าเกือบทั้งหมด ไม่ได้ถือศีลครบ 5 ข้อ (และไม่ได้สนใจจะถือด้วย) หลักธรรมอื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าจะให้อธิบายกับชาวต่างชาติว่าศาสนาพุทธสอนอะไรก็แทบอธิบายอะไรไม่ได้เลย ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่นับถืออะไรอย่างอื่นนอกศาสนาพุทธควบคู่กันไปด้วย ผมคงไม่ต้องอธิบายมีเยอะแยะ ที่ล้วนไม่สอดคล้องกับหลัก "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"ผมก็ยังสงสัยว่าถ้าระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว จะให้ทำยังไงกับสิ่งที่ อยู่นอกเหนือหลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธ จะทำยังไงกับประชาชนที่ไม่ถือศีล 5 และถ้าจะไม่ทำอะไรเลย ... จะระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไปทำไม ... สุดท้ายผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องศาสนา แต่กลายเป็นเรื่องการช่วงชิงอำนาจทางสังคม โดยต้องการกฎหมายมาหนุนหลังมากกว่า และงานนี้ต้องมีผู้หวังผลทางการเมืองมาแจม แต่ไม่ได้เกิดผลดีอะไรที่ทำให้ไทยเป็น "เมืองพุทธ" ขึ้นมาเลยนอกจากแค่ในนาม!!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
opensky
|
|
« ตอบ #59 เมื่อ: 18-04-2007, 00:54 » |
|
มีความคิดอย่างนี้ครับ ๑. เป็นการกระทำที่ขาดความเคารพยำเกรงในพระผู้มีพระภาคหรือเปล่า? ๒. เป็นการกระทำของคนคลั่งศาสนาหรือเปล่า? ๓. ศาสนาเป็นต้นเหตุหนึ่งในการแบ่งแยกมนุษย์อย่างนั้นหรือ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
cameronDZ
|
|
« ตอบ #60 เมื่อ: 18-04-2007, 01:28 » |
|
ความจริง ไม่อยากพูด แต่มันจำเป็นต้องพูด เพราะ มีคนชักจูง เอาประเด็นศาสนา เข้าสู่การช่วงชิงล้มล้างกันทางการเมือง อย่าง โง่เง่าบัดซบ จึงอยากย้ำกับไอ้พวก จุดไฟ จะให้เขียนว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ลงในรัฐธรรมนูญ ว่า
ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาประจำชาติไทย ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือ
ถ้าอยากให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติและอยากให้จารึกไว้ในรัฐธรรมนูญ ก็มีอยู่วิธีเดียวคือ เปลี่ยนราชอาณาจักรไทยให้เป็นรัฐศาสนาเหมือนวาติกัน แล้วทำการเนรเทศ หรือ จับคนนับถือศาสนาอื่น มาฆ่าให้หมด เท่านั้น
ไม่รู้ช่างกล้าคิดกันมาได้อย่างไร แค่นี้บ้านเมืองยังบอบช้ำไม่พอใช่ไหม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย ...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ... แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก ...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
|
|
|
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
|
|
« ตอบ #61 เมื่อ: 18-04-2007, 09:37 » |
|
มาดูรัฐธรรมนูญประเทศ ศรีลังกา ซึ่งก็ไม่ได้เป็นต้นกำเนิดศาสนาพุทธ CHAPTER II - BUDDHISM
Buddhism.
9. The Republic of Sri Lanka shall give to Buddhism the foremost place and accordingly it shall be the duty of the State to protect and foster the Buddha Sasana, while assuring to all religions the rights granted by Articles 10 and 14(1)(e). http://www.priu.gov.lk/Cons/1978Constitution/Chapter_02_Amd.htmlไม่จำเป็นว่าต้องเป็นรัฐอิสลามถึงจะนำศาสนามาไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่เห็นแปลกที่จะเอามาใส่ไว้ ดีกว่าจะปล่อยไว้ว่าเป็นที่รู้กันไม่มีลายลักษณ์อักษร แม้แต่สีขาวธงชาติยังหมายถึง ศาสนาพุทธ ไม่ใช่ศาสนาอื่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
eAT
|
|
« ตอบ #62 เมื่อ: 18-04-2007, 10:08 » |
|
งงมาก ใครที่บอกว่าเขียนลงไปว่าเป็นศาสนาประจำชาติ แล้วจะช่วยส่งเสริม พระพุทธเจ้าไม่เคยเรียกร้อง แถมไม่เคยบอกว่าควรจะทำเลย ท่านสอนให้ เผลแพร่คำสอน "พระธรรม" ไม่ได้สนับสนุนเรื่องการประกาศตัว ทุกวันนี่เห็น แต่เผยแพร่ พระรูปไหนดูดวงแม่น ให้หวย ปลุกพระเครื่อง
ไม่เห็นว่าจะเป็นหารช่วยส่งเสริมตรงไหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #63 เมื่อ: 18-04-2007, 10:41 » |
|
| งั้นระบุไว้ด้วยว่าให้นักการเมืองห้ามทำผิดศีล 5 ด้วยดีไหม ไหนๆ ก็เป็นศาสนาประจำชาติแล้ว ถ้าอนุญาตให้เลือกนักการเมืองขี้โกหก โกงเชคคนอื่นเข้ามานั่งในสภา เข้าเป็นรัฐบาลของประเทศที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ผมว่ามันจะทำให้ศาสนาแปดเปื้อนนะครับ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
Upasaka
|
|
« ตอบ #64 เมื่อ: 18-04-2007, 11:13 » |
|
ในกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับการระบุ "เหตุผลเนื่องด้วยสันติ" พึงพิจารณา โอวาทปาติโมกข์ โดยอรรถ และพยัญชนะว่าข้อไหน ที่พอจะ "ตีความ" ทางนิติและรัฐศาสตร์ เพื่อให้ชาวพุทธเข่นฆ่า กดขี่ศาสนาอื่นได้ ตรงนี้สำคัญมาก เพราะเป็นเหตุให้ร่วมแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้
ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกขา นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต
ขันติคือความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่านิพพานเป็นบรมธรรม ผู้ทำร้ายคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต ผู้เบียดเบียนคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็น สมณะ
สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธาน สาสนํฯ
การไม่ทำความชั่วทั้งปวง ๑ การบำเพ็ญแต่ความดี ๑ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกฺเข จ สํวโร มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญฺจ สยนาสนํ อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธาน สาสนํฯ
การไม่กล่าวร้าย ๑ การไม่ทำร้าย ๑ ความสำรวมในปาติโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้ประมาณในอาหาร ๑ ที่นั่งที่นอนอันสงัด ๑ ความเพียรในอธิจิต ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทเจ้าทั้งหลาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
eAT
|
|
« ตอบ #65 เมื่อ: 18-04-2007, 12:14 » |
|
ในกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับการระบุ "เหตุผลเนื่องด้วยสันติ" พึงพิจารณา โอวาทปาติโมกข์ โดยอรรถ และพยัญชนะว่าข้อไหน ที่พอจะ "ตีความ" ทางนิติและรัฐศาสตร์ เพื่อให้ชาวพุทธเข่นฆ่า กดขี่ศาสนาอื่นได้ ตรงนี้สำคัญมาก เพราะเป็นเหตุให้ร่วมแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้ ถามมา ไม่ตอบ แต่ขอถามกลับ มีตรงไหนที่สามารถนำมาตีความทำให้เกิด * พระพุทธรูป พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ไปยันอวัยวะเพศชายเที่ยม (ปลัดขิก) * น้ำมนต์ (ศักดิ์สิทธิ์บ้าง ไม่ศักดิ์สิทธิ์บ้าง) * พระมีบัญชีในธนาคาร รถ เครื่องเสียง แอร์ ตู้เย็น ที่ดิน * ดูฤกษ์ดูยาม สะเดาะเคราะห์ * เต้นจ้ำบ๊ะในวัดได้ เมียงู สาวน้อยตกน้ำ ... * ใบ้หวยถ้าตอบได้ คุณก็จะได้คำตอบจากผม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
|
« ตอบ #66 เมื่อ: 18-04-2007, 12:35 » |
|
ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็น อัครศาสนูปถัมภก บุคคลใดหรือนิติบุคคลใด จะล่วงละเมิดชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ มิได้
เขาเรียกร้องประโยคนี้กันไม่ใช่เหรอ ถ้าให้ใส่ข้อความนี้ก็จะมีปัญหาครับว่าการ "ล่วงละเมิดพระพุทธศาสนา" หมายความว่าอะไร เพราะกินความกว้างขวางเอามากๆ และเท่ากับต้องออกกฎหมายลูกมารองรับอีกมากมาย เช่นบทลงโทษผู้ล่วงละเมิดพระพุทธศาสนาในกรณีต่างๆ ผมว่ามันจะไปกันใหญ่นะครับ พาให้นึกไปถึง "สภาปราบมิจฉาทิฐิ" ของศาสนาคริสต์สมัยโบราณที่จับกุม กาลิเลโอ ไปข่มขู่บังคับให้ยอมรับว่าโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการที่ กาลิเลโอ ใช้กล้องดูดาวสำรวจดวงจันทร์ของดาวพฤหัส แล้วประกาศว่าโลกไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาล ซึ่งเท่ากับละเมิดความเชื่อของศาสนาคริสต์ในสมัยนั้น การระบุว่า "ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" มันไม่ได้จบอยู่แค่นั้น เพราะจะต้องมีการนำไปอ้างอิง ที่เกิดผลกระทบกับศาสนาอื่นได้อีกมากมายไม่จบไม่สิ้น ถ้าเรื่องนี้ผ่านจริงก็คล้ายๆ กับยื่นอาวุธให้ฝ่ายที่เห็นศาสนาอื่นเป็นภัยคุกคามศาสนาพุทธ จะได้ลงมือ "ปกป้องศาสนา" ให้สมใจเสียที ลองนึกดูนะครับว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นมาบ้าง ... เราต้องยอมรับความจริงครับว่าโดยพฤตินัยแล้ว ภาครัฐ ภาคเอกชน ต่างให้ความสำคัญ กับพุทธศาสนาในฐานะศาสนาประจำชาติอยู่แล้ว แม้แต่คนศาสนาอื่นๆ ก็ยอมรับเรื่องนี้ แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของพิธีกรรมเป็นส่วนใหญ่ เช่น วันหยุดทางศาสนาก็มีแต่ของพุทธ แทบทุกคนเคยทำบุญใส่ซองผ้าป่า เคยไปงานศพฟังพระสงฆ์สวดศพในวัดมาทั้งนั้น แต่ในส่วนพฤติกรรมของประชาชนเกี่ยวกับศาสนาพุทธ น่าจะกล่าวได้ว่าเกือบทั้งหมด ไม่ได้ถือศีลครบ 5 ข้อ (และไม่ได้สนใจจะถือด้วย) หลักธรรมอื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าจะให้อธิบายกับชาวต่างชาติว่าศาสนาพุทธสอนอะไรก็แทบอธิบายอะไรไม่ได้เลย ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่นับถืออะไรอย่างอื่นนอกศาสนาพุทธควบคู่กันไปด้วย ผมคงไม่ต้องอธิบายมีเยอะแยะ ที่ล้วนไม่สอดคล้องกับหลัก "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"ผมก็ยังสงสัยว่าถ้าระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว จะให้ทำยังไงกับสิ่งที่ อยู่นอกเหนือหลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธ จะทำยังไงกับประชาชนที่ไม่ถือศีล 5 และถ้าจะไม่ทำอะไรเลย ... จะระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไปทำไม ... สุดท้ายผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องศาสนา แต่กลายเป็นเรื่องการช่วงชิงอำนาจทางสังคม โดยต้องการกฎหมายมาหนุนหลังมากกว่า และงานนี้ต้องมีผู้หวังผลทางการเมืองมาแจม แต่ไม่ได้เกิดผลดีอะไรที่ทำให้ไทยเป็น "เมืองพุทธ" ขึ้นมาเลยนอกจากแค่ในนาม!!!ตอนมีทติ้งก็มีคนถามว่า ดื่มมั้ย แอนก็ตอบว่าไม่ดื่มค่ะ คนก็นึกว่า ดื่มไม่เป็น แต่กลัวตอบเหตุผลไปจริงๆ จะวงแตกเอา แบบว่า แอนถือศีลอยู่อ่ะค่ะ ตอนนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #67 เมื่อ: 18-04-2007, 13:33 » |
|
ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็น อัครศาสนูปถัมภก บุคคลใดหรือนิติบุคคลใด จะล่วงละเมิดชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ มิได้
เขาเรียกร้องประโยคนี้กันไม่ใช่เหรอ ถ้าให้ใส่ข้อความนี้ก็จะมีปัญหาครับว่าการ "ล่วงละเมิดพระพุทธศาสนา" หมายความว่าอะไร เพราะกินความกว้างขวางเอามากๆ และเท่ากับต้องออกกฎหมายลูกมารองรับอีกมากมาย เช่นบทลงโทษผู้ล่วงละเมิดพระพุทธศาสนาในกรณีต่างๆ ผมว่ามันจะไปกันใหญ่นะครับ พาให้นึกไปถึง "สภาปราบมิจฉาทิฐิ" ของศาสนาคริสต์สมัยโบราณที่จับกุม กาลิเลโอ ไปข่มขู่บังคับให้ยอมรับว่าโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการที่ กาลิเลโอ ใช้กล้องดูดาวสำรวจดวงจันทร์ของดาวพฤหัส แล้วประกาศว่าโลกไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาล ซึ่งเท่ากับละเมิดความเชื่อของศาสนาคริสต์ในสมัยนั้น การระบุว่า "ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" มันไม่ได้จบอยู่แค่นั้น เพราะจะต้องมีการนำไปอ้างอิง ที่เกิดผลกระทบกับศาสนาอื่นได้อีกมากมายไม่จบไม่สิ้น ถ้าเรื่องนี้ผ่านจริงก็คล้ายๆ กับยื่นอาวุธให้ฝ่ายที่เห็นศาสนาอื่นเป็นภัยคุกคามศาสนาพุทธ จะได้ลงมือ "ปกป้องศาสนา" ให้สมใจเสียที ลองนึกดูนะครับว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นมาบ้าง ... เราต้องยอมรับความจริงครับว่าโดยพฤตินัยแล้ว ภาครัฐ ภาคเอกชน ต่างให้ความสำคัญ กับพุทธศาสนาในฐานะศาสนาประจำชาติอยู่แล้ว แม้แต่คนศาสนาอื่นๆ ก็ยอมรับเรื่องนี้ แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของพิธีกรรมเป็นส่วนใหญ่ เช่น วันหยุดทางศาสนาก็มีแต่ของพุทธ แทบทุกคนเคยทำบุญใส่ซองผ้าป่า เคยไปงานศพฟังพระสงฆ์สวดศพในวัดมาทั้งนั้น แต่ในส่วนพฤติกรรมของประชาชนเกี่ยวกับศาสนาพุทธ น่าจะกล่าวได้ว่าเกือบทั้งหมด ไม่ได้ถือศีลครบ 5 ข้อ (และไม่ได้สนใจจะถือด้วย) หลักธรรมอื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าจะให้อธิบายกับชาวต่างชาติว่าศาสนาพุทธสอนอะไรก็แทบอธิบายอะไรไม่ได้เลย ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่นับถืออะไรอย่างอื่นนอกศาสนาพุทธควบคู่กันไปด้วย ผมคงไม่ต้องอธิบายมีเยอะแยะ ที่ล้วนไม่สอดคล้องกับหลัก "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"ผมก็ยังสงสัยว่าถ้าระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว จะให้ทำยังไงกับสิ่งที่ อยู่นอกเหนือหลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธ จะทำยังไงกับประชาชนที่ไม่ถือศีล 5 และถ้าจะไม่ทำอะไรเลย ... จะระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไปทำไม ... สุดท้ายผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องศาสนา แต่กลายเป็นเรื่องการช่วงชิงอำนาจทางสังคม โดยต้องการกฎหมายมาหนุนหลังมากกว่า และงานนี้ต้องมีผู้หวังผลทางการเมืองมาแจม แต่ไม่ได้เกิดผลดีอะไรที่ทำให้ไทยเป็น "เมืองพุทธ" ขึ้นมาเลยนอกจากแค่ในนาม!!!ตอนมีทติ้งก็มีคนถามว่า ดื่มมั้ย แอนก็ตอบว่าไม่ดื่มค่ะ คนก็นึกว่า ดื่มไม่เป็น แต่กลัวตอบเหตุผลไปจริงๆ จะวงแตกเอา แบบว่า แอนถือศีลอยู่อ่ะค่ะ ตอนนั้น มิทติ้งคราวโน้น ผมตาฝาดเห็นคุณแอนดื่มไวน์รึป่าว.....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
cameronDZ
|
|
« ตอบ #68 เมื่อ: 18-04-2007, 13:35 » |
|
สุราเมระยะ ไม่ใช่ไวน์เมระยะ นะฮับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย ...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ... แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก ...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
|
« ตอบ #69 เมื่อ: 18-04-2007, 13:39 » |
|
ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็น อัครศาสนูปถัมภก บุคคลใดหรือนิติบุคคลใด จะล่วงละเมิดชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ มิได้
เขาเรียกร้องประโยคนี้กันไม่ใช่เหรอ ถ้าให้ใส่ข้อความนี้ก็จะมีปัญหาครับว่าการ "ล่วงละเมิดพระพุทธศาสนา" หมายความว่าอะไร เพราะกินความกว้างขวางเอามากๆ และเท่ากับต้องออกกฎหมายลูกมารองรับอีกมากมาย เช่นบทลงโทษผู้ล่วงละเมิดพระพุทธศาสนาในกรณีต่างๆ ผมว่ามันจะไปกันใหญ่นะครับ พาให้นึกไปถึง "สภาปราบมิจฉาทิฐิ" ของศาสนาคริสต์สมัยโบราณที่จับกุม กาลิเลโอ ไปข่มขู่บังคับให้ยอมรับว่าโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการที่ กาลิเลโอ ใช้กล้องดูดาวสำรวจดวงจันทร์ของดาวพฤหัส แล้วประกาศว่าโลกไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาล ซึ่งเท่ากับละเมิดความเชื่อของศาสนาคริสต์ในสมัยนั้น การระบุว่า "ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" มันไม่ได้จบอยู่แค่นั้น เพราะจะต้องมีการนำไปอ้างอิง ที่เกิดผลกระทบกับศาสนาอื่นได้อีกมากมายไม่จบไม่สิ้น ถ้าเรื่องนี้ผ่านจริงก็คล้ายๆ กับยื่นอาวุธให้ฝ่ายที่เห็นศาสนาอื่นเป็นภัยคุกคามศาสนาพุทธ จะได้ลงมือ "ปกป้องศาสนา" ให้สมใจเสียที ลองนึกดูนะครับว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นมาบ้าง ... เราต้องยอมรับความจริงครับว่าโดยพฤตินัยแล้ว ภาครัฐ ภาคเอกชน ต่างให้ความสำคัญ กับพุทธศาสนาในฐานะศาสนาประจำชาติอยู่แล้ว แม้แต่คนศาสนาอื่นๆ ก็ยอมรับเรื่องนี้ แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของพิธีกรรมเป็นส่วนใหญ่ เช่น วันหยุดทางศาสนาก็มีแต่ของพุทธ แทบทุกคนเคยทำบุญใส่ซองผ้าป่า เคยไปงานศพฟังพระสงฆ์สวดศพในวัดมาทั้งนั้น แต่ในส่วนพฤติกรรมของประชาชนเกี่ยวกับศาสนาพุทธ น่าจะกล่าวได้ว่าเกือบทั้งหมด ไม่ได้ถือศีลครบ 5 ข้อ (และไม่ได้สนใจจะถือด้วย) หลักธรรมอื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าจะให้อธิบายกับชาวต่างชาติว่าศาสนาพุทธสอนอะไรก็แทบอธิบายอะไรไม่ได้เลย ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่นับถืออะไรอย่างอื่นนอกศาสนาพุทธควบคู่กันไปด้วย ผมคงไม่ต้องอธิบายมีเยอะแยะ ที่ล้วนไม่สอดคล้องกับหลัก "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"ผมก็ยังสงสัยว่าถ้าระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว จะให้ทำยังไงกับสิ่งที่ อยู่นอกเหนือหลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธ จะทำยังไงกับประชาชนที่ไม่ถือศีล 5 และถ้าจะไม่ทำอะไรเลย ... จะระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไปทำไม ... สุดท้ายผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องศาสนา แต่กลายเป็นเรื่องการช่วงชิงอำนาจทางสังคม โดยต้องการกฎหมายมาหนุนหลังมากกว่า และงานนี้ต้องมีผู้หวังผลทางการเมืองมาแจม แต่ไม่ได้เกิดผลดีอะไรที่ทำให้ไทยเป็น "เมืองพุทธ" ขึ้นมาเลยนอกจากแค่ในนาม!!!ตอนมีทติ้งก็มีคนถามว่า ดื่มมั้ย แอนก็ตอบว่าไม่ดื่มค่ะ คนก็นึกว่า ดื่มไม่เป็น แต่กลัวตอบเหตุผลไปจริงๆ จะวงแตกเอา แบบว่า แอนถือศีลอยู่อ่ะค่ะ ตอนนั้น มิทติ้งคราวโน้น ผมตาฝาดเห็นคุณแอนดื่มไวน์รึป่าว..... จำผิดชัวร์ค่ะ สงสัยว่าจะเห็นแก้วของเจ๊ดาหรือเปล่าคะ เพราะว่ารอบที่แล้ว เข้าพรรษาไม่ได้ดื่ม ช่วงนั้นเพิ่งออกจากกินมังฯ ด้วยค่ะ สงสัยต้องกลับไปกินใหม่ค่ะ เพราะเลิกกินแล้วขึ้นอืด ว่าไปแล้วไม่ดื่มมาเป็นปีๆ แล้วค่ะ เพิ่งจะมีศีลขาดเมื่อ 2 เดือนก่อน เพราะหัดทำคอกเทล ส่วนใหญ่ศีลจะขาดเพราะตบยุงมากกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
An.mkII
|
|
« ตอบ #70 เมื่อ: 18-04-2007, 15:46 » |
|
7 องค์กรชาวพุทธ ออกแถลงการณ์ชุมนุมใหญ่ 26 เม.ย.นี้แน่ โดยทีมข่าว INN News 18 เมษายน 2550 15:19:17 น. 7 องค์กรชาวพุทธ ออกแถลงการณ์ นัดชุมนุมใหญ่ 26 เมษายนนี้ พร้อมเรียกร้อง คมช.อย่าสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาร่วมแสดงความคิดเห็น 7 องค์กรชาวพุทธชาวพุทธแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ โดยให้บัญญัติข้อความในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ นอกจากนี้เนื้อหาในแถลงการณ์ยังได้โจมตี น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า น.ต.ประสงค์ ทำงานด้วยพญาคติและโมหาคติ คือการกลัวคนส่วนน้อยแต่ไม่เกรงคนส่วนใหญ่ พร้อมไม่ยอมรับ น.ต.ประสงค์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างและไม่ยอมรับให้เป็นชาวพุทธที่ดี พร้อมกันนี้ ทางองค์กรยืนยันจะเดินหน้าปักหลักชุมนุมอย่างต่อเนื่องโดยในวันที่ 26 เมษายน ในการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการนั้น จะมีการชุมนุมใหญ่ ซึ่งคาดว่า จะมีผู้มาร่วมชุมนุมประมาณ 1-2 แสนคน พร้อมเรียกร้อง คมช.และเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าสกัดกั้น เพราะหากปิดโอกาสแสดงความคิดเห็นแล้วจะยิ่งมีผู้มาร่วมชุมนุมมากขึ้น ขณะเดียวกันทางองค์กร ยังได้เรียกร้อง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 10 คน ทำหน้าที่เสนอคอแปลญัตติให้เป็นผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ด้วย http://www.innnews.co.th/Breaknews.php?nid=31472--------- อนึ่ง.. นี้หรือชาวพุทธ.. พูทธแบบไหนกันฟะ และสรุปว่า คนส่วนใหญ่เขาต้องการให้บรรจุไว้จริงหรือครับพี่น้อง.. รึว่ามั่วกันเอง และคิดว่า คนไทยที่นับถือศาสนาพุทธทุกคนเขาจะเห็นด้วยกะเรื่องนี้. และแบบนี้มันจะตรงกะคว่าอะไนในทางธรรมีล่ะครับเนี๊ย... และของเเถม.. ม็อบพีทีวีนัดชุมนุม 27 เม.ย. โดยทีมข่าว INN News 18 เมษายน 2550 15:26:56 น. ม็อบพีทีวี นัดชุมนุมที่ท้องสนามหลวง วันที่ 27 เมษายน อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ น ายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธาน สถานีโทรทัศน์พีทีวี กล่าวว่า จะนัดชุมนุมบริเวณสนามหลวง ในวันที่ 27 เม.ย. เพื่ออภิปรายเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดในหลายประเด็น อาทิ ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มาจากการสรรหา การลดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับที่มาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้โดยกลุ่มพีทีวีนัดชุมนุมเ ป็นครั้งที่ 4 หลังจากก่อนหน้านี้ มีการชุมนุมที่สนามหลวงและลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการ กทม.โดยมีการปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. http://www.innnews.co.th/Breaknews.php?nid=31474--- สุดยอด... เชื่อเถอะเดี๋ยวต้องมีการไหลมารวมกันเเน่.. และเราก็จะได้รู้ว่าพุทธเเท้รึพุทธเทียม..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
morning star
|
|
« ตอบ #71 เมื่อ: 18-04-2007, 15:55 » |
|
^ ^ ยากที่จะทำให้เชื่อว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่มีเบื้องหลัง...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
|
« ตอบ #72 เมื่อ: 18-04-2007, 15:57 » |
|
ทิฐิมานะมากไป จะกลายเป็นมิจฉาทิฐิค่ะ คุณมิกิ เห็นว่า เมื่อวานนิมนต์พระท่านไปจะอรรถาธิบายให้ทราบ แต่ท่านไม่รับนิมนต์ ^ ^ ยากที่จะทำให้เชื่อว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่มีเบื้องหลัง...
กลุ่มนำเคลื่อนไหวแต่เดิมไม่มีซ่อนเร้นค่ะ (กลุ่มคุณทองขาว) แต่ที่มีฝ่ายการเมืองมาเกาะชายผ้าเหลืองเพื่อจะอิงกระแสนี่ เฮ้่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
An.mkII
|
|
« ตอบ #73 เมื่อ: 18-04-2007, 16:00 » |
|
พระเคืองจี้'ประสงค์'ถอนคำพูดอำนาจเก่าชักใยชุมนุม โดยทีมข่าว INN News 18 เมษายน 2550 13:24:58 น. ผู้อำนวยการส่วนธรรมนิเทศจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย จี้ ประธานกรรมาธิการยกร่าง ถอนคำพูด พาดพิงอำนาจเก่าชักใยการชุมนุม พ ระมหาโชว์ ทสฺสนีโย ผู้อำนวยการส่วนธรรมนิเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)เรียกร้องให้ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ถอนคำพูด หลังได้มีการระบุว่า มีฝ่ายการเมืองกลุ่มอำนาจเก่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุม เพราะการชุมนุมของคณะสงฆ์ในครั้งนี้ ถือเป็นกิจของสงฆ์ที่ต้องปกป้องศาสนา ซึ่งหากไม่มีการบัญญัติให้ศานาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญแล้ว ก็จะไม่มีหลักประกันว่ากฎหมายลูกจะมีการคุ้มครองดูแลศาสนาได้ ขณะเดียวกันยืนยันกรณีที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตส.ส.ไทยรักไทย มาพบกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น เป็นเพียงการมาเยี่ยมเยือนในฐานะชาวพุทธ โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ อยู่เบื้องหลัง http://www.innnews.co.th/Breaknews.php?nid=31448 -- อ้อ แบบนี้ มันคือกิจของสงฆ์สิน่ะ.. ปล. ผมอ่านหัวข่าวนี้ แล้วผมฮา กลิ้ง เลยน่ะครับ กะไอ้คำว่า พระเคือง เนี๊ย..555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อมพระมาพูด
|
|
« ตอบ #74 เมื่อ: 18-04-2007, 16:08 » |
|
อืมมมมม...ไม่เข้าใจ ทำไมพระสงฆ์องค์เจ้า ถึงได้มาก่อม้อบ ไม่ต้องปาราชิก รึ ? ภาระบทบาทของพุทธทายาท คือเผยแพร่ศาสนาในทางที่ถูกที่ควร พระท่านแน่ใจรึว่า นี่คือภาระหน้าที่ของพุทธทายาท จริงๆ อนึ่งตอนนี้ พุทธศาสนา กลายเป็น พุทธพาณิชย์ ไม่เห็นมีใครไปช่วยรณรงค์ ให้ประชาชนรู้ซึ้งถึงธรรมะ มากกว่าแห่เช่าจตุคามรามเทพ นะครับ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ พุทธศาสนาคงเป็นแค่เปลือก เมื่อใดประชาชนทั้งหลายถึงจะเข้าใจถึงแก่นกระพี้ของศาสนาจริงๆ ต่อให้เขียนบรรจุใน รธน.ก้อไม่มีประโยชน์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พึงทำความเพียรในวันนี้ ใครเล่าจะรู้วันตายในวันพรุ่ง
|
|
|
นทร์
|
|
« ตอบ #75 เมื่อ: 18-04-2007, 16:16 » |
|
ฟังมหาโชให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุ แล้วรู้สึกไม่ค่อยดี
พอพิธีกรพูดถูกใจดำ ก็ตบะแตก เกือบหลุดไปหลายที
เจอถามประเด็นที่เป็นตรรกะบางประเด็น ฟังแล้วไม่เป็นเหตุเป็นผล
ไม่ไหวครับ
นอกจากเหตุผลมุ่ง ประเด็นเดี่ยว แล้วยังมีอารมณ์เหนือเหตุผลในบางครั้งอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
login not found
|
|
« ตอบ #76 เมื่อ: 18-04-2007, 16:54 » |
|
ฟังมหาโชให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุ แล้วรู้สึกไม่ค่อยดี
พอพิธีกรพูดถูกใจดำ ก็ตบะแตก เกือบหลุดไปหลายที
เจอถามประเด็นที่เป็นตรรกะบางประเด็น ฟังแล้วไม่เป็นเหตุเป็นผล
ไม่ไหวครับ
นอกจากเหตุผลมุ่ง ประเด็นเดี่ยว แล้วยังมีอารมณ์เหนือเหตุผลในบางครั้งอีก
ก็ว่าแล้วเชียว มิน่าละ ที่แท้ก็มีเบื้องหลัง หากยอมตามให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ รับรองไม่มีปรองดองหรอก จะเปิดศึกเต็มรูปแบบซะมากกว่า งานใดเริ่มจากมิจฉาทิฐิ งานนั้นไม่มีทางออกมาเป็นผลดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นทร์
|
|
« ตอบ #77 เมื่อ: 18-04-2007, 16:57 » |
|
รับรองไม่มีปรองดองหรอก จะเปิดศึกเต็มรูปแบบซะมากกว่า
งานใดเริ่มจากมิจฉาทิฐิ งานนั้นไม่มีทางออกมาเป็นผลดี
ใช่ครับ เห็นแววว่าจะออกแนวบู้ งานนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #78 เมื่อ: 18-04-2007, 16:58 » |
|
ฟังมหาโชให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุ แล้วรู้สึกไม่ค่อยดี
พอพิธีกรพูดถูกใจดำ ก็ตบะแตก เกือบหลุดไปหลายที
เจอถามประเด็นที่เป็นตรรกะบางประเด็น ฟังแล้วไม่เป็นเหตุเป็นผล
ไม่ไหวครับ
นอกจากเหตุผลมุ่ง ประเด็นเดี่ยว แล้วยังมีอารมณ์เหนือเหตุผลในบางครั้งอีก
ก็ว่าแล้วเชียว มิน่าละ ที่แท้ก็มีเบื้องหลัง หากยอมตามให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ รับรองไม่มีปรองดองหรอก จะเปิดศึกเต็มรูปแบบซะมากกว่า งานใดเริ่มจากมิจฉาทิฐิ งานนั้นไม่มีทางออกมาเป็นผลดี การสืบทอดศาสนา มีทางเดียวคือ ความเชื่อในแก่นคำสอนของพุทธศาสนิกชน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Scorpio6
|
|
« ตอบ #79 เมื่อ: 18-04-2007, 17:04 » |
|
ในทางปฏิบัติ......ศาสนาพุทธเป็นศาสนา(หลัก)ประจำชาติอยู่แล้ว จะบัญญัติใน รธน.หรือไม่ ใช่สาระสำคัญ..... ประเด็นคือ..หากเกิดความแตกแยกเรื่องระหว่าง..ศานา เมื่อไหร่ เรื่องใหญ่ครับ ส่วนตัวคิดว่า ไม่ควรกำหนด...ให้เกิดความ ไม่เสมอภาคทางการนับถือศาสนา
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2007, 17:40 โดย Scorpio6 »
|
บันทึกการเข้า
|
คิดจะล้มระบอบทักษิณ ต้องอ่านใจเนวินและเพื่อนบล็อกเสี่ยวไทบ้าน*แวะเยี่ยมRepublican Collage ของคุณสุธา ชันแสง* http://www.oknation.net/blog/thaibaan/2008/03/26/entry-1"ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนและในฐานะอย่างไร จงตรองหาว่า จะมีทางใช้ชีวิต ให้เป็นประโยชน์ในทางใดบ้าง เมื่อตั้งใจคิดถึงมันแล้วก็จะพบเสมอ ไม่ว่าอยู่ที่ใด เมื่อพบทางแล้วจงลงมือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์"
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #81 เมื่อ: 18-04-2007, 18:57 » |
|
มาดูรัฐธรรมนูญประเทศ ศรีลังกา ซึ่งก็ไม่ได้เป็นต้นกำเนิดศาสนาพุทธ CHAPTER II - BUDDHISM
Buddhism.
9. The Republic of Sri Lanka shall give to Buddhism the foremost place and accordingly it shall be the duty of the State to protect and foster the Buddha Sasana, while assuring to all religions the rights granted by Articles 10 and 14(1)(e). http://www.priu.gov.lk/Cons/1978Constitution/Chapter_02_Amd.htmlไม่จำเป็นว่าต้องเป็นรัฐอิสลามถึงจะนำศาสนามาไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่เห็นแปลกที่จะเอามาใส่ไว้ ดีกว่าจะปล่อยไว้ว่าเป็นที่รู้กันไม่มีลายลักษณ์อักษร แม้แต่สีขาวธงชาติยังหมายถึง ศาสนาพุทธ ไม่ใช่ศาสนาอื่น จริงครับศรีลังการะบุในรัฐธรรมนูญให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่หลังจากระบุเกิดผลพลอยได้มาด้วย คุณชอบแถรู้จักขบวนการพยัคฆ์ทมิฬอีแลมไหมครับ การระบุในครั้งนั้นผมไม่ทราบว่าเกิดผลดีอะไรบ้างกับพุทธศาสนา แต่ที่ผมรู้ก็คือกลายเป็น เหตุผลให้เกิดการเคลื่อนไหวของผู้นับถือศาสนาอื่นในศรีลังกาจนมีคนล้มตายหลายแสนคน บาดเจ็บพิกลพิการ ไร้ที่อยู่ที่ทำกินอีกนับล้านคน ซึ่งผมคิดว่ามันไม่คุ้มกันเลย และประเทศไทยเราตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์สงบเรียบร้อย การไประบุอะไรแบบนั้นเข้า จะกลายเป็นทำให้กลุ่มก่อการร้ายภาคใต้อ้างเป็นเหตุผลในการแบ่งแยกดินแดนได้เต็มปาก และอาจมีคนเห็นด้วยเป็นจำนวนมากก็ได้ (ผมหมายรวมถึงชาวอิสลามทั่วโลกด้วยนะครับ) ในขณะที่ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรกับพุทธศาสนาที่พอจะคาดหวังได้เลย สีขาวในธงชาติที่คุณชอบแถคิดว่าหมายถึงศาสนาพุทธเพียงศาสนาเดียวนั้น คุณชอบแถอธิบายได้ไหมว่าทำไมถึงต้องแบ่งเป็น 2 แถบ มันมีเหตุผลเดียวกัน กับการที่สีแดงที่หมายถึงชาติแบ่งเป็น 2 แถบ ในขณะที่สีน้ำเงินคือพระมหากษัตริย์ นั้นมีแถบเดียวอยู่ตรงกลางไปคิดดูใหม่นะครับว่าสีขาวในธงชาติหมายถึงศาสนาพุทธเพียงศาสนาเดียวหรือเปล่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2007, 18:58 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #83 เมื่อ: 18-04-2007, 21:01 » |
|
..ขออนุญาตตอบตัดหน้าคุณชอบแถนะคะ คุณ jerasak
..ในบทความของคุณเสฐียรพงษ์ฯ (ดูได้ในลิงค์ของคุณอุบาสก) อ้างถึง พระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ จาก ดุสิตสมิต เล่ม ๑ ตอนหนึ่งว่า 'สีขาว หมายถึงพระไตรรัตน์ และธรรมะคุ้มจิตไทย' ซึ่งย่อมหมายถึงศาสนาพุทธแน่แท้ค่ะ (ศาสนาอื่นไม่มีพระรัตนตรัย)
แต่.. แม้ว่าแถบสีขาวในธงชาติจะหมายถึงพุทธศาสนา ข้าพเจ้าก็ไม่คิดว่ามันน่าจะ มีผลกระทบกับจิตใจคนไทยที่นับถือศาสนาอื่นๆ หากไม่มีใครนำมาชูเป็นประเด็น ทางการเมืองตอกย้ำให้เกิดความแตกแยก
ประวัติของธงไตรรงค์เป็นจริงตามนั้นครับคุณอังศนา แต่ความหมายปัจจุบันที่ยอมรับกันมีการเปลี่ยนแปลง ต่างไปจากในตอนแรกแล้วครับ ยกตัวอย่าง สีแดง ตามความหมายในเอกสารฉบับเดียวกัน หมายถึง "เลือด" ที่จะพลีเพื่อชาติไม่ใช่หมายถึงชาติตรงๆ แต่ความหมายปัจจุบันหมายถึง "ชาติ" ครับ สำหรับ สีขาว ตามความหมายที่ยกมาหมายถึง "พระไตรรัตน์" และ "ธรรมะคุ้มจิตไทย" ซึ่งได้มีการพิจารณากันว่า "ธรรมะ" ที่ระบุต่อจากพระไตรรัตน์นั้นน่าจะไม่ใช่ พระธรรม ในพระรัตนตรัย (ซึ่งประกอบด้วย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์) เนื่องจากมีการ เชื่อมด้วย "และ" ซึ่งใช้สำหรับเชื่อม 2 สิ่งต่างกันเข้าด้วยกัน ดังนั้นสีขาวในธงชาติจึงไม่ได้จำกัดว่าหมายถึงเฉพาะศาสนาพุทธ และสีขาวในความหมายปัจจุบันเราหมายถึง "ศาสนา" ครับ ส่วนสีน้ำเงินนั้น เป็นสีประจำพระชนมวาร(วันเกิด) ของรัชกาลที่ 6 ความหมายในขณะนั้นจึงหมายถึงเฉพาะองค์รัชกาลที่ 6 เป็นสำคัญ และธงนี้เป็นธงที่ใช้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงเสมือนหนึ่งว่า เป็นสัญลักษณ์แทนพระองค์รัชกาลที่ 6 ในการรณรงค์สงคราม อีกจุดประสงค์หนึ่งที่ไม่ค่อยกล่าวถึงกันคือสีน้ำเงินนี้เพิ่มขึ้นภายหลัง ให้สอดคล้องกับสีธงชาติของชาติพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะก่อนหน้านั้นธงชาติไทยมีเพียงสีขาวและแดง ต่อมาภายหลัง ในรัชกาลที่ 7 มีการพิจารณาถึงลักษณะธงชาติอีกแต่ไม่มีข้อสรุป จึงให้คงลักษณะไว้ตามเดิม ความหมายของสีน้ำเงินจึงต่อเนื่องมา จนปัจจุบันว่าหมายถึงองค์พระมหากษัตริย์ แม้สีประจำพระชนมวาร จะไม่ใช่สีน้ำเงิน (สีประจำพระชนมวารของรัชกาลที่ 9 คือสีเหลือง) เท่ากับว่าความหมายของสีน้ำเงินในธงชาติก็มีความเปลี่ยนแปลง จากสัญลักษณ์แทนรัชกาลที่ 6 มาเป็นแทนพระมหากษัตริย์ครับ ความจริงแม้แต่สีน้ำเงินก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วย เพราะเคยมีระบุ ไว้เป็นกฎหมายว่าให้ใช้สีขาบ (น้ำเงินอมม่วง) แต่ปัจจุบันเราใช้ สีน้ำเงินเฉยๆ ... การที่คุณเสถียรพงษ์ ไปยกอ้างเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาอ้างอิง และพยายามให้ถือตามอดีต ทั้งที่ปัจจุบันได้ผ่านการเปลี่ยนแปลง มาอย่างมากมาย สังคมเราก็ได้เปลี่ยนแปลงไปจนกลับไปหาอดีต ไม่ได้แล้ว เงื่อนไขปัจจัยเสี่ยงในปัจจุบันไม่เอื้อต่อการระบุศาสนา- ประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญยิ่งกว่าที่เคยตัดสินใจไม่ระบุมาในอดีต แล้วยิ่งการขู่จะเคลื่อนไหวทางการเมือง ประกาศชุมนุมก่อนหน้า พีทีวี 1 วันเข้าไปอีก ยิ่งกลายเป็นเรื่องล่อแหลมกับการหวังผล ทางการเมืองของฝ่ายอำนาจเก่า ทั้งหมดยิ่งทำให้การอ้างเรื่อง ประวัติศาสตร์มีน้ำหนักน้อยลงครับ ไปๆ มาๆ กลายเป็นเรื่องทาง การเมืองหรือเปิดโอกาสให้คนมาแอบแฝงหวังผลทางการเมือง อ้อ! บทความแกเปิดมาก็พูดเรื่อง คปค.ฉีกรัฐธรรมนูญเสียด้วย
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2007, 21:48 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
นทร์
|
|
« ตอบ #84 เมื่อ: 18-04-2007, 21:39 » |
|
ขอบคุณคุณอังกับคุณjerasak
เสวนากันแล้วได้ข้อมูล ชัดเจนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
morning star
|
|
« ตอบ #85 เมื่อ: 18-04-2007, 22:04 » |
|
เรื่องธงชาติ ไทย สี แดง ขาว น้ำเงิน...ผมได้ยินมาตั้งแต่จำความได้แล้วครับ...แต่ป่วยการจะพูดกันถึงสี ว่ามันหมายความว่ายังไง...ในเมื่อนมนานมาแล้วเราก็ไม่ได้มีธงชาติตามแบบต่างชาตินิยมกันเท่าไหร่เลย...เราเพิ่งเปลี่ยนธงชาติก็เมื่อสมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลาง ๆ ปลาย ๆ กันนี่เอง
ซึ่งสี แดง ขาว น้ำเงิน ก็ลอกแบบมาจากประเทศอื่นทั้งนั้น
เท่าที่ผมรู้ เราเริ่มใช้ธง ก็เมื่อต้องติดต่อการค้ากับต่างชาติ ที่เรือต้องติดธงแสดงให้เห็นว่าเป็นเรือของชาติไหน ....แล้วเราก็เลือกใช้สัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์เป็นรูปช้าง บนพื้นสีแดง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #86 เมื่อ: 18-04-2007, 22:30 » |
|
ขอบคุณคุณอังกับคุณjerasak
เสวนากันแล้วได้ข้อมูล ชัดเจนครับ ครับคุณนทร์ ไหนๆ ก็คุยเรื่องนี้กันแล้วมาพิจารณาข้อความเจ้าปัญหาที่ว่าจะให้ใส่ ในรัฐธรรมนูญกันอีกที เอาในแง่ของการตีความกฎหมายนะครับ "ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็น อัครศาสนูปถัมภก บุคคลใดหรือนิติบุคคลใด จะล่วงละเมิดชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ มิได้"เรื่องปลีกย่อยของการใช้ภาษาทางกฎหมายแปลกๆ ในนั้นผมจะไม่พูดถึงแล้วกัน แต่จุดสำคัญที่สุดจุดหนึ่งก็คือถ้าใส่เข้าไปแล้ว "พระพุทธศาสนา" ที่ระบุไว้นั้น "หมายถึงอะไรแน่"เหมือนถามเล่นแบบกวนๆ นะครับ แต่ความจริงเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เพราะ ชาติ และ พระมหากษัตริย์ นั้นต่างเข้าใจตรงกันในความหมาย แต่ "พระพุทธศาสนา" นั้นไม่ใช่ เนื่องจากแบ่งเป็นมากมายหลายนิกาย หลักธรรมคำสอนก็แตกต่างกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่ารวม "ธรรมกาย" ไหม รวม "สันติอโศก" หรือเปล่า แล้วรวม "เจ้าแม่กวนอิม" ด้วยหรือเปล่า ถ้าจะหมายความเฉพาะพุทธศาสนาแบบเถรวาทก็ต้องระบุกันลงไปให้ชัด เพราะพุทธแบบมหายานก็มีทั้งทิเบต จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ แต่ถ้าระบุนิกายชัดเจน วัดจีนที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยก็เท่ากับไม่ใช่ พระพุทธศาสนา ตามนิยามของ กฎหมายไทยทั้งหมดเลยนะครับ สนุกไหมล่ะครับทีนี้ นอกจากนี้ "พระพุทธศาสนา" ที่ว่าล่วงละเมิดมิได้นั้น รวมถึงองค์กรศาสนา เช่น มหาเถรสมาคม มหาจุฬา ด้วยไหม นอกจากนี้ในส่วนที่เป็นบุคคลนั้น หมายรวมพระสงฆ์ที่ส่วนใหญ่มาบวชกัน 7 วัน 15 วันเข้าไปด้วยหรือไม่ ทั้งหมดได้รับความคุ้มครองห้ามล่วงละเมิดด้วยไหม ในส่วนของถาวรวัตถุ และสถานที่ เช่นพระพุทธรูป และวัดวาอารามทั้งหลาย หมายรวมอยู่ในคำ "พระพุทธศาสนา" ด้วยหรือไม่ แล้วพระเครื่อง+วัตถุมงคล ที่พระสงฆ์และวัดต่างๆ ผลิตออกมา ทั้งหมดนี้ห้ามล่วงละเมิดหรือไม่ (ในทาง กลับกันการอ้างว่าวัตถุมงคลมี "พุทธคุณ" ทั้งที่ไม่มีระบุอยู่ในพระไตรปิฎกเลย ถามว่าเป็นการล่วงละเมิดพระพุทธศาสนาหรือไม่) ทั้งหมดที่พูดมามันหมายถึงการต้องออกกฎหมายใหม่ระบุบทลงโทษกันวุ่นวาย ให้ครอบคลุมหมดทุกกรณีหรือเปล่า หรือจะจำกัดกันแค่ห้วนๆ ว่าพระพุทธศาสนา หมายถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งแค่นั้นผมว่าตีความกันไม่จบนะครับเพราะ ทั้ง 3 องค์ดังกล่าวก็เป็นพระรัตนตรัยในพระพุทธศาสนา แต่จะบอกว่าเป็นทั้งหมด ของพระพุทธศาสนาก็คงไม่ได้ ถ้าบัญญัติจริงก็สนุกกันใหญ่แน่นอนครับ ถ้าจะให้ระบุในรัฐธรรมนูญ ก่อนอื่นต้องนิยามกันให้เป็นที่ยุติโดยสมบูรณ์นะครับ ไม่ใช่นึกจะใส่ก็ใส่เข้าไปดื้อๆ แล้วไปตีความเอาในอนาคตข้างหน้าตามใจนิติบริกร ... ก็เป็นโจทย์ที่ผมตั้งขึ้นมาให้อ่านกันปวดหัวเล่น นอกจากประเด็นที่อาจเป็นเหตุ ให้เกิดความวุ่นวาย จากผู้ฉวยโอกาสก่อประเด็นทางศาสนาเช่นที่ภาคใต้ครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2007, 22:38 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
meriwa
|
|
« ตอบ #87 เมื่อ: 18-04-2007, 22:42 » |
|
ไม่เห็นด้วยเลยจริงๆ กับการบรรจุลงในรัฐธรรมนูญ
ความจริงเรื่องศาสนาที่ผ่านมามันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว การจะให้บรรจุลงไปก็คงไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา
ศาสนาจะเจริญรุ่งเรื่องได้ ขึ้นอยู่กับคนปฏิบัติ ว่าจะปฏิบัติตามหลักศาสนากันได้มากน้อยแค่ไหน
ไม่ใช่ว่าเอาพระห้อยคอ แล้วบอกนับถือพุทธ หรือเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วบอกประเทศเป็นพุทธ
ศาสนาเสือมก็เพราะคนทำ ไม่ได้เสื่อมเพราะเขียนหรือไม่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสามารถของตน อย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่น อย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่น อย่างเต็มที่
...คำคมขงเบ้ง
|
|
|
nick
|
|
« ตอบ #88 เมื่อ: 18-04-2007, 22:47 » |
|
มันยุ่งอีรุงตุงนังกันไปหมดแล้วครับพระคุณท่าน ไปๆมาๆคนที่เผยแผ่ศาสนา ที่ได้ผลดี ต้องเก่งเรื่องการพูด เลียนแบบตลกคาเฟ่กันไปหมด กระทั่งนักการเมืองยังต้องเอาอย่างเลย ยังดีที่ไม่มีใครคล้องพวงมาลัยผูกแบงค์ห้าร้อยแบงค์พันสวมคอพระ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #89 เมื่อ: 19-04-2007, 04:42 » |
|
ทำให้มันยุ่งเข้าไว้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #90 เมื่อ: 19-04-2007, 08:17 » |
|
ทำให้มันยุ่งเข้าไว้
ล่าสุดดูข่าววันใหม่เมื่อหลังเที่ยงคืน เห็นคุณทัชภูมิไปนั่งหัวเกรียนกางเกงขาสั้นอยู่ในเต็นท์ม็อบพระ และถ้าจำไม่ผิดมีพวกคุณป้าแก็งค์เชียร์เหลี่ยมนั่งปนอยู่ในนั้นด้วย ประท้วงงานนี้ถ้าไม่มีเบื้องหลังก็โดนสอดไส้ไปเรียบร้อยแล้วครับ ทำให้มันยุ่งเข้าไว้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
cameronDZ
|
|
« ตอบ #91 เมื่อ: 19-04-2007, 09:21 » |
|
ตอนนี้มันแจ่มแจ้งแดงแจ๋แล้วว่า คนที่เชียร์ สนับสนุนให้บรรจุศาสนาพุทธไว้ในรัฐธรรมนูญ คือ พวกรักเหลี่ยม
ช่างเป็นคนดีสมบูรณ์แบบจริง ๆ รักประชาธิปไตย รักพุทธศาสนา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย ...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ... แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก ...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
|
|
|
login not found
|
|
« ตอบ #92 เมื่อ: 19-04-2007, 09:56 » |
|
ตอนนี้มันแจ่มแจ้งแดงแจ๋แล้วว่า คนที่เชียร์ สนับสนุนให้บรรจุศาสนาพุทธไว้ในรัฐธรรมนูญ คือ พวกรักเหลี่ยม
ช่างเป็นคนดีสมบูรณ์แบบจริง ๆ รักประชาธิปไตย รักพุทธศาสนา
งานไหนมีกลุ่มนี้สอดแทรก งานนั้นล่มทุกราย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
bgn
|
|
« ตอบ #93 เมื่อ: 19-04-2007, 12:06 » |
|
ถ้าตัดเรื่องการเมืองออกไป ...
เรื่องนี้มาผลต่อความเป็นอยู่มีอยู่ของศาสนาพุทธในประเทศไทยมากทีเดียว สีขาวคือศาสนาพุทธเท่านั้นครับ ประเทศไทยเกิดขึ้นมาพร้อมศาสนาพุทธ เรามีวัดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจะบอกว่าศาสนาพุทธเข้ามาเผยแพร่จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาทั่วบ้านทั่งเมืองคงไม่ใช่ ผมว่ามันเป็นมรดกตกทอดของบรรพบุรุษที่อพยพเข้ามามากกว่า
คนที่เขาจ้องล้มจนตัวสั่น ก็เห็นๆกันอยู่ กลัวว่าซักวันหนึ่งลูกหลานมันจะไม่เหลืออะไร หรืออาจเป็นซากแห่งความทรงจำเหมือนในหลายๆที่
ขอพูดแค่นี้ ... ที่เหลือก็ปล่อยไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
eAT
|
|
« ตอบ #94 เมื่อ: 19-04-2007, 14:01 » |
|
เรื่องเป็นแค่เรื่อง ผักชีโรยหน้า อีกเรื่องเท่านั้นแหละ
พุทธศาสนา อยู่ได้ด้วยพุทธบรรษัท 4 ไม่ใช้ด้วยหนังสือพิมพ์ประโยค ว่า "พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" ขณะที่พระมัวแต่ ปลุกเสก จตุคามรามเทพ มันจะทำให้พุทธศาสนาล่มจมอยู่แล้ว ขณะที่ประชาชน เอาแต่ไหว้ต้นไม้ขอเลขเด็ก หรือไปกินน้ำส้วมศักดิ์สิทธิ์ ไม่อย่างนั้น ก็เอาคุลฟีเวอร์มาแช่นำ แล้วก็มาบอกว่าเป็น "แก้วสารพัดนึก"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
THE THIRD WAY
|
|
« ตอบ #95 เมื่อ: 19-04-2007, 15:15 » |
|
ต้องบรรจุไปไปไหมว่า ข้าวจ้าวเป็นอาหารประจำภาคใต้และภาคกลาง ข้าวเหนียวสำหรับภาคเหนือและอิสาน ผมเป็นคนไทยโดยกำนิด แต่มิได้นับถือพุทธ ผมรู้สึกเสียดายที่ศาสนาที่ผมนับถือ ต่อไปนี้ผมได้ชื่อว่านับถือศาสนาที่มิใช่ศาสนาประจำชาติ ผมเป็นคนกลุ่มน้อย ผม..ผม..ผม ฯลฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้ ************************ การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
|
|
|
morning star
|
|
« ตอบ #96 เมื่อ: 19-04-2007, 15:49 » |
|
ถ้าตัดเรื่องการเมืองออกไป ...
เรื่องนี้มาผลต่อความเป็นอยู่มีอยู่ของศาสนาพุทธในประเทศไทยมากทีเดียว สีขาวคือศาสนาพุทธเท่านั้นครับ ประเทศไทยเกิดขึ้นมาพร้อมศาสนาพุทธ เรามีวัดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจะบอกว่าศาสนาพุทธเข้ามาเผยแพร่จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาทั่วบ้านทั่งเมืองคงไม่ใช่ ผมว่ามันเป็นมรดกตกทอดของบรรพบุรุษที่อพยพเข้ามามากกว่า
คนที่เขาจ้องล้มจนตัวสั่น ก็เห็นๆกันอยู่ กลัวว่าซักวันหนึ่งลูกหลานมันจะไม่เหลืออะไร หรืออาจเป็นซากแห่งความทรงจำเหมือนในหลายๆที่
ขอพูดแค่นี้ ... ที่เหลือก็ปล่อยไป
จริง ๆ แถบประเทศเราตั้งแต่นมนานมาแล้วนับถือผีกันครับ จนกระทั่งมีร่องรอยหลักฐานการเข้ามาของพวกพ่อค้าวานิช(ซึ่งก็คงมีนักบวชด้วย) จากทางชมพูทวีป ซึ่งเป็นช่วงที่เราเห็นหลักฐานการเกิดขึ้นของศาสนาพุทธด้วยเช่นกัน (น่าจะก่อนสุโขทัยซะอีก) คงอนุมานได้ว่ามีการนำมาเผยแพร่จากพวกเขาเหล่านั้น ส่วนจะบอกว่าสีขาวในธงชาติ หมายถึงพุทธศาสนา บ้านเราคงต้องเป็นพุทธศาสนาเท่านั้น น่ะ ตรรกะดูเพี้ยนไปมั้งครับ...เมื่อธงไตรรงค์ มีใช้เมื่อไม่นานนี้เองตามประวัติศาสตร์ชาติเรา เขียนหรือไม่เขียนไว้ก็ไม่ทำให้ศาสนาเสื่อมลงหรอกครับ..เหมือนกับทุกหมู่บ้านมีวัด เมืองไทยมีวัดเต็มไปหมดแต่คนยังไม่มีธรรมมะในจิตใจ นั่นก็ไม่ได้ทำให้ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปเท่าไหร่เลย ผมว่าหยุดเรียกร้อง แล้วหันมาทบทวนตัวเองกันดีกว่ามั้ยครับ?...ว่า พระหลาย ๆ รูปนั่นน่ะ ได้ทำอะไรให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองขึ้นบ้าง ..ไม่ได้อยากตกนรกหรอกนะครับที่ออกมาวิจารณ์พระวิจารณ์เจ้า แต่ผมไม่อยากเห็นการเติบโตของศาสนาที่เจริญแต่ด้านวัตถุ แต่จิตใจกลับไม่ได้เจริญรุ่งเรืองตามไปด้วยเลย... แล้วการระบุลงไปเกิดผลดีอะไร และจะเกิดผลเสียอะไร ผมว่าคุณ jerasak ก็เขียนได้ดีแล้ว น่าจะย้อนขึ้นไปอ่านดูหน่อยก็ดีนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
|
|
|
Upasaka
|
|
« ตอบ #97 เมื่อ: 19-04-2007, 17:50 » |
|
1. เรื่องกิจของสงฆ์ สมัยบวช พระอาจารย์ของ Upasaka ท่านกล่าวด้วย โวหารง่ายๆว่า พระมีงานอยู่ 3 ประเภท - งานหลัก คือ การปฏิบัติตามพระธรรมวินัย - งานรอง คือ การเผยแผ่พระธรรมวินัย - งานเสริม คือ การธำรงค์รักษาพระธรรมวินัย ถามว่าที่ท่านออกมาเคลื่อนไหวนั้น ต้องปาราชิกหรือเปล่า ปาราชิก เป็นชื่อสิกขาบท ที่ปรับอาบัติหนักขั้นขาดจากความเป็นภิกษุ มี 4 อย่าง คือ เสพเมถุน ลักของเขา ฆ่ามนุษย์ อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน ส่วนเหมาะหรือไม่ต้องลองสืบสาวราวเรื่องว่า นี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่า แล้วครั้งนี้ ท่านเคยยื่นหนังสือไปแล้ว หรือเปล่า 2. คำถามที่ว่า บรรจุแล้วจะทำให้คนเลิกงมงายหรือเปล่า ชาวพุทธจะพ้นทุกข์หรือเปล่า พระพุทธศาสนาจะดีขึ้นหรือเปล่า ถ้าตอบแบบกวนๆ คือ ประเทศไทยปกครองด้วยประชาธิปไตยมากี่ปี ประเทศเจริญขึ้นหรือเปล่า ล้มรัฐธรรมนูญมากี่ฉบับ ทำไมยังไม่เข้าใจถึง สิทธิ หน้าที่ และเสรีภาพ ยังมีบางส่วนเข้าใจ หรือแกล้งไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งเท่านั้น แค่คำว่าเสรีภาพ ก็ตีความกันไปต่างๆนาๆ ตีความตามใจตัวเอง บ้านเมืองวุ่นวาย ในโลกข้างนอก กรณี U Tube นั้นถือว่าเป็นเสรีภาพหรือเปล่า หรือกรณีชนกลุ่มน้อย ที่ไม่ได้รับการยอมรับ จากรัฐ อย่างนี้ สิทธิ เท่าเทียมหรือเปล่า การใช้ชื่อว่าประเทศไทย ทำให้เกิดการ รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หรือเปล่า เอาล่ะ ตอนนี้มีปัญหามากมาย แต่เราจะแก้ปัญหาด้วยการแกล้งลืมปัญหา ได้หรือในความเป็นจริงคือ ศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะเป็น ศีล หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่อยู่ในสภาพบังคับ เมื่อไม่บังคับก็หย่อนยาน ละเลย และคนส่วนใหญ่รู้สึกว่า ศีลมีสภาพเป็นข้อห้าม คล้ายๆกับกฏหมาย ฉะนั้น การชักจูง คนเข้าสู่ธรรมะด้วยศีล 5 Upasaka จึงไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เกาไม่ถูกที่คัน จึงอยากจะเสนอว่า น่าจะเริ่มต้นกันด้วย มงคล 38 ประการมากกว่า http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_line.php?B=25&A=41พิจารณาวรรคแรก การไม่คบคนพาล ๑ การคบบัณฑิต ๑ การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ๑ นี้เป็นอุดมมงคล เมื่อศึกษาเพิ่มเติม ใช้ปัญญาไตร่ตรอง ทำความเข้าใจอย่างแท้จริง รู้ถึงลักษณะ ของบัณทิต และ คนพาล เลือกคบบัณทิตๆย่อมเป็นกัลยาณมิตร ชักจูงเข้าสู่พุทธธรรม และ รู้จักแยกแยะ ความหมาย คนไหนควรบูชา บูชาอย่างไร เพราะอะไร ปัญหาการถือเครื่องลาง ของขลัง วัตถุมงคล อย่างงมงาย ไม่พึ่งพาตนเอง ก็หมดไปด้วย ปัญญาสังคม ขาดศีลธรรม ก็ลดน้อยลง ถ้าใส่ใจและจริงจังกับการนำพุทธศาสนามาแก้ปัญหาจะเห็นได้ว่า แค่วรรคแรกนี้แก้ปัญหาต่างๆได้มากมายแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Upasaka
|
|
« ตอบ #98 เมื่อ: 19-04-2007, 17:53 » |
|
3. เรื่องแก่น กระพี้ มหาสาโรปมสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=12&A=6309&Z=6504จากพระสูตร พระพุทธเจ้าอุปมา ลาภสักการะและความสรรเสริญ ดัง กิ่งและใบ ศีล ดัง สะเก็ด ,สมาธิ ดัง เปลือก ,ญาณทัสสนะ ดัง กระพี้ ,สมยวิมุติ ดัง แก่น และสรุปท้ายพระสูตรว่า [๓๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดังพรรณนามาฉะนั้น พรหมจรรย์นี้ จึงมิใช่มีลาภ มิใช่มีความถึงพร้อมแห่งสมาธิเป็นอานิสงส์ สักการะและความสรรเสริญเป็นอานิสงส์ มิใช่มี ความถึงพร้อมแห่งศีลเป็นอานิสงส์ มิใช่มีญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์ แต่พรหมจรรย์นี้มี เจโตวิมุติอันไม่กำเริบ เป็นประโยชน์ เป็นแก่น เป็นที่สุด. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้น ชื่นชม ยินดี พระภาษิต ของพระผู้มีพระภาคแล้วแล.ถามว่าจะมีซักกี่คนที่กล่าวถึงคนอื่นว่านับถือ พระพุทธศาสนาแต่กระพี้ แล้วเคยได้อ่านพระสูตรนี้โดยตรงบ้าง รู้กันหรือเปล่า กระพี้นี้ พระองค์เปรียบกับ ญาณ ทีเดียว พระพุทธศาสนาสอนเรื่องเหตุปัจจัยเป็นสำคัญ (ปฏิจจสมุปบาท) ถ้าเหตุ อันประกอบด้วย กุศลจิต แล สัมมาทิฐิเกิด ,ปัจจัย คือศีล เป็นอาทิ ถ้าศีลไม่ถึงพร้อม แล้วผล คือ สมาธิจะเกิดได้หรือเปล่า ในเมื่อก่ออกุศลกรรมมาตลอดวัน ไปนั่งหายใจเข้าออก ด้วยความอยากจะสงบ ซ้ำยังไม่รู้ว่า สมถะภาวนาคือ อะไร ต่างกับ วิปัสนาภาวนาหรือเปล่า รีบแต่จะปฏิบัติ นี่โมหะเกิดแล้ว ถ้าสมาธิไม่ถึงพร้อม จะสามารถ วิปัสนาภาวนาได้หรือเปล่า ถ้าวิปัสนาภาวนาไม่ถึงพร้อม จะเห็นสภาพธรรมะที่ปรากฏตาม ไตรลักษณะ ได้หรือเปล่า เมื่อไม่แจ้งในไตรลักษณ์ จะพ้นทุกข์ได้หรือ การตรัสรู้โดยฉับพลันมีได้หรือไม่ http://84000.org/true/255.htmlประเด็นนี้สอดคล้องกับคำสอนของท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ ซึ่งมีประโยชน์มากคือ "ให้สันโดษในสิ่งเสพบริโภค แต่ไม่สันโดษในกุศลธรรม" คือเมื่อศีลพร้อม ก็ก้าวต่อไป ยังสมาธิ เมื่อสมาธิพร้อม ก็เริ่ม เจริญสมถะ เจริญวิปัสนา ไปตามลำดับ อย่าหยุด เมื่อเปรียบกับทางโลก ก็คือให้สันโดษในคุณค่าเทียม "รู้จักพอเพียง" แต่ไม่สันโดษในกุศลธรรม หมั่นศึกษาหาความรู้(ไตรสิกขา) ตามที่ตนถนัด เช่น วิทยาศาสตร์ เพื่อเกื้อหนุน เทคโนโลยี พัฒนาประเทศชาติ ให้เข้มแข็ง ไม่ใช่อยากมี แต่ จง"อยากทำ" คคห.ส่วนตัวต่อกรณีนี้* คือ หนังสือตัวกูของกู และงานเขียน งานบรรยาย ของท่านพุทธทาส ถือเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่ไม่เคยมีมาก่อน (ในยุคสมัยนั้น) ตรงและแรง คำสอนที่ท่านรวบรวมมา ตอบสนองต่อผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นปัญญาชน เรียกได้ว่า ถ้าไม่มีพื้นฐานที่ดีและปัญญาอันหลักแหลม อาจเข้ารกเข้าพงได้ง่ายๆ คำถามคือ พวกคุณเข้าใจคำสอน และ ปฏิปทาของท่านดีแล้วหรือ หลายๆพระสูตรที่ท่านนำมาสอน เคยอ่านโดยตรงจากพระไตรปิฏกกันบ้างหรือเปล่า รู้หรือเปล่าว่าคำสอนใดเป็นสมณะวิสัย ฆราวาสวิสัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Upasaka
|
|
« ตอบ #99 เมื่อ: 19-04-2007, 17:57 » |
|
4. ตัวกูของกู ท่านพระพรหมคุณาภรณ์ได้ขยายความต่อไว้ว่า ตรงกับ ปปัญจธรรม 3 และใช้โวหารอย่างโลกว่า อยากได้ อยากใหญ่ ใจแคบ http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=91ตัวกู คือ ทิฐิ ,ของกู คือ ตัณหา ส่วน มานะ ท่านพุทธทาสสอนรวมไว้ที่คำว่า ตัวกู ทิฐิแบ่งอย่างง่ายที่สุดคือ สัมมาทิฐิและมิจฉาทิฐิ ท่านสรุปลงที่คำว่า อัตตา ท่านเสถียร โพธินันทะ ได้ให้ความเห็นว่า ตัวกู (อหังการ) คือ ปุคคลสุญญตา แจ้งว่า บุคคลไม่เที่ยง สัตว์ไม่เที่ยง ของกู (มมังการ) คือ ธรรมสุญญตา รูป ไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง ฯลฯ ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย จากหนังสือตัวกูของกูของท่านพุทธทาส จะละทิฐิได้ ก็คือ พระโสดาบัน ตามหลักที่ว่าละสังโยชน์ได้ 3 ทิฐิ ก็คือ สักกายทิฐิ สีลัพพตปรามาส รวมกับ วิจิกิจฉา ครบ 3 ส่วน ของกูคือ ตัณหา และ มานะ พระอรหันต์จึงละได้ http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=164หลังจากอ่าน คคห. ทั้งกระทู้นี้และที่ผ่านมา หลายๆคนเคยยกคำว่าตัวกูของกู ขึ้นสนทนา ถึงตอนนี้ ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าได้อ่านหนังสือของท่านจบหรือเปล่า เข้าใจคำว่ายึดมั่นถือมั่นกันจริงหรือเปล่า หรือได้แต่เพียงยึดมั่น ว่าจะไม่ยึดมั่นอลคัททูปมสูตร ธรรมเปรียบเหมือนแพ http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=12&A=4443&Z=4845ในนี้ใครมีภูมิธรรมสูงขนาด สูงสุดคืนสู่สามัญพอจะวางแพ ลงบ้าง หรือแม้แต่สามารถวางแพ ลงได้ จะช่วยรักษาแพไว้ให้คนอื่นได้ใช้ หรือ จะปล่อยให้ผุพังโดยไม่รักษา5. การข่มเหงศาสนาอื่น ที่ยกโอวาทปาติโมกข์มานี้ซึ่งถือเป็น ทั้งหัวใจ และ นโยบายในการเผยแผ่ศาสนาพุทธ เพื่อจะบอกว่าโดยหลักของศาสนาพุทธแท้ๆ ไม่สามารถไปเบียดเบียนใครได้ น่าจะเป็นการกระตุ้นเตือนชาวพุทธกันได้บ้างหรือเปล่า กับการแสดงคคห. ว่า ศาสนาพุทธจะสามารถข่มเหงศาสนาอื่น ตั้งศาลสัมมาทิฐิ อธิบายได้ว่าอย่างไร? ไหนๆก็อ้างศรีลังกามาแล้ว รบกวนขอแรงคุณ จีรศักดิ์ ช่วยค้นภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรมเขาเป็นอย่างไร ทำไมถึงบัญญัติ ข้อดีข้อเสียอย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากพุทธศาสนาแน่หรือ หรือใช้แค่เพียงศาสนาเป็นข้ออ้าง ถือว่าแลกเปลี่ยนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|