"แสงศตวรรษ" หรือ Syndromes and a Century หนังเรื่องล่าสุดของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล
ผู้กำกับฯ "สุดเสน่หา" และ "สัตว์ประหลาด"
ตอนแรกมีข่าวว่าจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ในวันที่ 19 เม.ย.นี้
แต่ล่าสุด ได้รับอีเมล์จากทีมงานหนังสือไบโอสโคป ว่าหนังเรื่องนี้ ไม่สามารถฉายได้เสียแล้ว
เพราะไม่ผ่านเซนเซอร์ และมีเรื่องพิลึกพิลั่น ไม่น่าเชื่อ ตามมาอีก ดังรายละเอียด นี้
เรียน ท่านสื่อมวลชนและท่านผู้อ่านทุกท่าน
เรื่อง งดฉายหนัง แสงศตวรรษ
ตามกำหนดการเดิม วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายนนี้ จะเป็นวันแรกของการฉายภาพยนตร์เรื่อง แสงศตวรรษ โดยจะเป็นการฉายแบบจำกัดโรงเพียง 2 โรงเท่านั้น หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ เจ้ย - อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับหนังแนวศิลปะที่ได้รับการจับตาในวงการหนังระดับโลก จากผลงานเรื่อง สุดเสน่หา และ สัตว์ประหลาด และยังเป็นศิลปินเจ้าของรางวัลศิลปาธร ปี 2549 สาขาภาพยนตร์ จากสำนักศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
แสงศตวรรษ เป็นหนังเรื่องล่าสุดของ เจ้ย ที่นอกจากจะได้แข่งขันในเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิซ และเดินทางไปฉายตามเทศกาลสำคัญต่างๆ มากกว่า 10 เทศกาลทั่วโลกแล้ว ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แสงศตวรรษ เพิ่งคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเอเชียโดวิลล์ ประเทศฝรั่งเศส และรางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม จาก Asian Film Awards ประเทศฮ่องกง
แต่แล้วกำหนดการฉายหนังก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ทีมงานคาดไว้ เมื่อแสงศตวรรษไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ โดยคณะกรรมการมีเงื่อนไขให้ฉายหนังเรื่องนี้ได้ก็ต่อเมื่อต้องตัดฉากสำคัญออกไป 4 ฉาก
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ผู้กำกับ เจ้ย อภิชาติพงศ์ จึงตัดสินใจ ไม่ ตัดทอนหนังเรื่องนี้ ดังนั้นทางทีมงานจึงมีความจำเป็นต้องแจ้งให้ท่านสื่อมวลชนทราบว่า หนังเรื่อง แสงศตวรรษ จะไม่เข้าฉายในประเทศไทย
ในขณะนี้ผู้กำกับอภิชาติพงศ์กำลังเดินทางโปรโมตภาพยนตร์ในประเทศสหรัฐอเมริกา เขาแสดงความเสียใจผ่านทางอีเมล์ว่า ในฐานะนักทำหนังคนหนึ่ง ผมปฏิบัติกับหนังของผมประดุจลูกชายและลูกสาว เมื่อผมให้กำเนิดเขา พวกเขาก็มีชีวิตเป็นของตนเอง ผมไม่ใส่ใจว่าผู้คนจะรักหรือเกลียดลูกของผม ตราบใดที่ผมสร้างเขาขึ้นมาด้วยความตั้งใจและความพยายามอย่างสูงสุด ถ้าลูกๆ ของผมไม่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศของเขาเองไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม ก็ปล่อยเขาเป็นอิสระเถิด เพราะมันยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นในแบบอย่างที่เขาเป็น มันไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องทำให้พวกเขาพิกลพิการจากระบบแห่งความกลัวหรือความละโมบ มิฉะนั้นแล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่คนสักคนหนึ่งจะสร้างงานศิลปะต่อไป
แปลจาก "I, a filmmaker, treat my works as my own sons or my daughters. When I conceived them, they have their own lives to live. I don't mind if people are fond of them, or despise them, as long as I created them with my best intentions and efforts. If these offspring of mine cannot live in their own country for whatever reasons, let them be free. Since there are other places that warmly welcome them as who they are, there is no reason to mutilate them from the fear of the system, or from greed. Otherwise there is no reason for one to continue making art."
สำหรับความคืบหน้า หลังจากคุณอภิชาติพงศ์กลับมาถึงเมืองไทยแล้ว จะได้มีการจัดการแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ รวมทั้งเสวนาถึงการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ในประเทศไทย โดย วัน เวลา และสถานที่จัดงานจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
จึงเรียนให้ท่านสื่อมวลชนทราบและขอความกรุณาช่วยเผยแพร่ข้อมูลมา ณ ที่นี้ด้วย และหากท่านสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องแสงศตวรรษ (ข้อมูลภาษาอังกฤษและไทย รวมทั้งรูปภาพ) สามารถเข้าไปดูได้ที่ในเว็บ
www.kickthemachine.com/works/Syndromes.html
ขอให้เสรีภาพฉายแสงในจิตใจของท่าน
ด้วยมิตรภาพ***ทราบมาว่าฉากที่ไม่ผ่านเซ็นเซอร์มีฉากพระเล่นกีตาร์ ฉากหมอดื่มเหล้าในโรงพยาบาลขณะปฏิบัติหน้าที่ และฉากอวัยวะเพศของหมอแข็งตัวใต้ร่มผ้า
อ่านข่าว ประกอบความเห็นของคุณโดม สุขวงศ์ ที่นี่ครับ http://www.thaicinema.org/news&scoops50_08saeng.asp**************************
ข่าวเพิ่มเติมจาก เว็บบอร์ดไบโอสโคปhttp://www.bioscopemagazine.com/smf/index.php?topic=162.msg815#newความคืบหน้าเพิ่มเติม กรณีฟิล์มภาพยนตร์เรื่อง "แสงศตวรรษ"
หลังจากทีมงานภาพยนตร์เรื่อง "แสงศตวรรษ" ได้ตัดสินใจยุติการเข้าฉายในประเทศไทยไปแล้ว เพื่อแสดงจุดยืนไม่ยินดีที่จะทำการตัดฉาก 4 ฉากในหนังออกตามมติของคณะกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์นั้น (อนึ่ง เดิม หนังเรื่องนี้เข้ารับการพิจารณาครั้งแรกในวันที่ 2 เมษายน 2550 ซึ่งกรรมการตัดสินให้ตัด 3 ฉาก ต่อมาในวันที่ 10 เมษายน ได้มีตัวแทนจากแพทยสภาเข้าร่วมพิจารณาเพิ่มเติม และผลปรากฏว่าสรุปให้ตัดเพิ่มอีก 1 ฉาก จึงรวมเป็น 4 ฉาก)
ในวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ทีมงานจึงได้เข้าติดต่อเพื่อขอรับฟิล์มภาพยนตร์คืน "ในสภาพเดิม" โดยพร้อมกันนั้นได้ทำจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งแก่คณะกรรมการตรวจพิจารณาว่า จะยุติการยื่นขอฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ และยืนยันว่าจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์อีกเนื่องจากไม่ต้องการฉายในระบบอีกต่อไป
แต่การณ์ปรากฏว่า คณะกรรมการฯ ไม่ยินยอมคืนฟิล์มภาพยนตร์ให้แก่ทีมงานในสภาพเดิม โดยชี้แจงกลับมาว่า จะคืนให้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการฯ ได้นำฟิล์มไปทำการตัดฉากทั้ง 4 ฉากทิ้งออกเสียก่อน (โดยกรรมการฯ ตัดเอง มิใช่ส่งคืนให้ทีมงานเป็นผู้ตัด) ด้วยเหตุผลว่า "หากส่งฟิล์มในสภาพสมบูรณ์คืนแก่ทีมงาน ทางทีมงานอาจถือโอกาสนำกลับมาตัดเองแล้วส่งเข้าสู่กระบวนการอุทธรณ์อีกครั้ง อันจะทำให้คณะกรรมการตรวจพิจารณาฯ มีความผิดในการปฏิบัติงานทันที"
เมื่อได้รับคำฟังคำยืนกรานดังกล่าว ทีมงานได้ชี้แจงว่า เราไม่มีเจตนาจะทำการตัดหนังเรื่องนี้ไม่ว่าโดยตนเองหรือโดยผู้ใด และมิได้มีความตั้งใจใดๆ ทั้งสิ้นที่จะยื่นอุทธรณ์ในกรณีใดๆ อีก แต่คำชี้แจงดังกล่าวมิเป็นผล
คณะกรรมการฯ ท่านหนึ่งกล่าวแก่ทีมงานว่า "ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ หนังพันล้านยังไม่มีท่าทีแบบคุณเลย" ซึ่งทางทีมงานได้ชี้แจงกลับว่า "แสงศตวรรษ" มิได้อยู่ในสถานการณ์ลักษณะเดียวกับหนังทุนสูงต่างๆ ที่ท่านอ้างถึง เพราะหนังเรื่องนี้มิได้คาดหวังรายได้หรือกำไรเป็นกอบกำใดๆ จากการเข้าฉายโรงในประเทศอยู่แล้วในเบื้องต้น จึงมิได้ถือว่าตนเองจำเป็นต้องยอมตัดแก้สิ่งใดเพียงเพื่อแลกกับการได้เข้าฉายในระบบ แต่ทีมงานภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการรักษาคุณภาพของผลงานไว้ให้ตรงกับความตั้งใจในการสร้างมันขึ้นมา จึงได้เลือกวิธีถอนตัวออกจากระบบการฉายแทน เหตุผลเป็นดังนี้ซึ่งก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม จนถึงเวลาล่าสุด การติดต่อขอนำฟิล์ม "แสงศตวรรษ" ออกจากคณะกรรมการฯ ในสภาพสมบูรณ์ดังเดิม ยังคงไม่ประสบผลสำเร็จ สถานการณ์จะคลี่คลายลงเช่นไร ทีมงานจะแจ้งให้ทุกท่านทราบในวาระต่อไป*******************************
ในความเป็นจริง หนังของเจ้ย น้อยคนนักจะ "ดูรู้เรื่อง" และ "ชอบ"
(ก็ไม่เข้าใจ "ฝรั่ง" เหมือนกันว่า
ดูรู้เรื่อง และ
ชอบมาก ได้ยังไง)
สุดเสน่หา คนส่วนใหญ่ดูแล้วด่าเช็ด แม้แต่ผมเอง ก็ ดูไปด่าไป เหมือนกัน
ส่วน
สัตว์ประหลาด พอมีเนื้อมีน้ำขึ้นมาบ้าง เรื่องนี้ ผมตีตั๋วเข้าไปดูในโรง
เพราะอยาก "แสดงตน" สนับสนุนคนทำงานศิลปะแท้ ๆ ซึ่งนับวันยิ่งหายากในประเทศเรา
แม้ จะเป็นศิลปะที่เข้าใจยาก และ พยายาม "คอสูง" ยังไง ก็ไม่ชอบ-ไม่รู้เรื่องอยู่เหมือนเดิม
แต่งานนี้ ผมว่า ประเทศไทย-กองเซ็นเซอร์ไทย ทำเกินไปครับ
ทุเรศ เกินจะรับได้ใครที่ไม่เห็นด้วยกับระบบเซ็นเซอร์คร่ำครึบ้านเรา ก็เชิญไปลงชื่อที่เว็บนี้ได้http://thaifilm.com/forumDetail.asp?topicID=3130