วาสนา"ส่อซวยซ้ำงบพันล้านกกต.ไม่มีใบเสร็จ 13 เมษายน 2550 19:54 น.
สตง.ชง กกต.สอบเอาผิด 3 อดีต กกต. หลังพบปมส่อทุจริตงบเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ว. แถมจ้างพิมพ์บัตรแบบไม่มีประมูล ซ้ำที่อยู่โรงพิมพ์เป็นร้านขายของเด็กเล่น เผยตัวเลขกว่า 1,000 ล้าน ขณะที่ สนช.เล็งถกออกกฎหมายต่ออายุ-เพิ่มดาบ คตส.
คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน แจ้งผลการตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เมื่อปี 2549 อันเป็นการจัดการเลือกตั้งในสมัย กกต.มี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการทำหน้าที่ และต่อมาอดีต กกต.ทั้งสามคนได้ถูกศาลตัดสินจำคุกกรณีการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง
รายงานข่าวแจ้งว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือ ตผ.0020/1235 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2550 เรื่องการตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ปี 2549 ของ กกต.ไปถึง นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.โดยระบุว่า สตง.ได้ตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งดังกล่าวและเห็นว่า.....
1.การเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายพบมูลค่าเสียหายเบื้องต้นจำนวน 1,166,750 บาท มีพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่สุจริต น่าเชื่อว่าไม่มีการเบิกจ่ายเงินจริงหรือเบิกจ่ายซ้ำซ้อน อีกทั้งไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับหรือกฎหมายจนก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าว
2.การบริหารงานพัสดุไม่เหมาะสม เพราะมีการอ้างการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ทั้งที่ผลการดำเนินการไม่สอดคล้องกับแผนการปฏิบัติการ รวมถึงไม่มีการสอบราคากลางเพื่อเปรียบเทียบ อีกทั้งพบว่า การจัดทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์มีการจ้างบริษัทผู้ประกอบการรายเดิมๆ สถานที่ประกอบการที่อ้างไม่ตรงกับข้อเท็จจริง มีการว่าจ้างผู้ประกอบการที่ไม่มีความชำนาญแสดงให้เห็นถึงการบริหารงานด้านวัสดุไม่รัดกุม
3.ในการจัดทำประกาศการรับสมัคร ส.ว.หรือแบบ ส.ว.24 และ ส.ส.หรือแบบ ส.ส. 24/ข มีการว่าจ้างบริษัทซึ่งไม่ได้ประกอบงานดังกล่าว อีกทั้งบริษัทห้างร้านที่เข้ามารับงานพิมพ์ดังกล่าว ไม่มีการจดแจ้งเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต 7%) ตามที่กฎหมายกำหนด สตง.จึงขอให้ กกต.ทบทวนกระบวนการจัดการเลือกตั้ง ประกอบกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้แล้วว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในลักษณะเดียวกันนี้อีก จึงขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในการเบิกจ่ายเงินที่ใช้ในการเลือกตั้งครั้งดังกล่าวที่มีพฤติการณ์ส่อและน่าเชื่อว่าไม่มีการเบิกจ่ายเงินจริงหรือเบิกจ่ายซ้ำซ้อน รวมถึงกรณีที่บางหน่วยงานใช้หลักฐานเป็นการเบิกจ่ายเงินหรือไม่มีหลักฐานการเบิกจ่ายให้ สตง.ตรวจสอบ
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากที่ สตง.ส่งหนังสือไปยังเลขาธิการ กกต.เมื่อวันที่ 13 มีนาคมแล้ว สำนักงาน กกต.มีมติตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ รวม 11 คน ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าวมีการประชุมล่าสุดเมื่อวันที่ 10 เมษายน แต่เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นการเบิกจ่ายเงินเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งครั้งดังกล่าวในหลายทาง คณะกรรมการจึงต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ จึงนัดประชุมอีกครั้งถึงวงเงินและค่าเสียหาย รวมทั้งผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการอนุมัติใช้เงินดังกล่าวหลังเทศกาลสงกรานต์
แหล่งข่าวจาก สตง.เปิดเผยว่า สตง.ได้เข้าไปตรวจสอบงบประมาณที่ใช้ในการเลือกตั้งในปี 2549 ทั้งการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. โดยอาศัยอำนาจตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 12 ซึ่งการเข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณดังกล่าว พบว่ามีการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งมีพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่สุจริต ไม่มีหลักฐานการเบิกจ่ายเงินให้ สตง.
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของ สตง.ยังพบว่า บริษัทที่รับงานพิมพ์จาก กกต.นั้น เมื่อไปตรวจสอบสถานที่ตั้งตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ ปรากฏว่าไม่ใช่ร้านสำหรับจัดพิมพ์งาน แต่กลับเป็นร้านขายของเด็กเล่น http://www.komchadluek.net/2007/04/13/a001_107436.php?news_id=107436ผลการสอบสวนของคุณหญิงจารุวรรณ ผู้ว่าฯสตง.หนนี้
ทำให้เข้าใจได้ว่า "สามหนา ห้าห่วง"ช่วยเหลือทักษิณ ในการจัดการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549
จนศาลฯสั่งให้การเลือกตั้งโฆษะ เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย
เพื่อให้ทักษิณ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นาน ๆ เพราะอะไร.......