ข้องใจอัยการเร่งปิดคดี"แม้ว"หมิ่นเบื้องสูง "ราชสกุล"จี้ทบทวน
ระดมข้าแผ่นดินบุกถาม18เมษานี้
ม.ร.ว.ยงยุพลักษณ์ย้ำให้ศาลชี้ขาด
กลุ่มจุฬาฯเชิดชูคุณธรรมร่วมด้วย
เมื่อวันที่ 13 เมษายน ม.ร.ว.ยงยุพลักษณ์ เกษมสันต์ แกนนำกลุ่มราชสกุลข้าแผ่นดินผู้จงรักภักดี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มราชสกุล และข้าแผ่นดินผู้จงรักภักดี เตรียมออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านคำวินิจฉัยของอัยการ กรณีมีคำสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยยืนยันว่า ในวันที่ 18 เม.ย. เวลา 13.30 น.นี้ กลุ่มข้าแผ่นดินฯ จะเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านการวินิจฉัยดังกล่าว ที่สำนักงานอัยการ ถนนรัชดาภิเษก เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อประชาราษฎร์
โดย ม.ร.ว.ยงยุพลักษณ์ อธิบายเหตุผลว่า การพิจารณาของอัยการเจ้าของสำนวนคดีจนมีคำสั่งไม่สั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ทางกลุ่มราชสกุลและข้าแผ่นดินผู้จงรักภักดี เห็นว่า คดีมีมูล และหลักฐานชัดเจนนั้น ทาง อัยการไม่มีอำนาจที่จะมาตัดสิน หรือ ตีความว่าพฤติกรรม คำพูดเหล่านั้นว่าเป็นเพียงคำหมิ่นเหม่ และทำให้คดีนั้นได้ข้อยุติเพียงแค่นั้น เพราะอัยการเป็นเพียงทนายของรัฐเท่านั้น ไม่มีอำนาจชี้ขาด อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าคดีหมิ่นประมาท จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ต้องหานั้น เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทางคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) อ้างขึ้นมาเพื่อเป็นการยึดอำนาจ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานยุติธรรมของรัฐ หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ต้องออกมาเร่งรัดในคดีและเอาผิดบุคคลที่ทำความผิดให้ได้
"อัยการ เปรียบเหมือนทนายของรัฐ ซึ่งไม่มีอำนาจใจการชี้ขาดว่าผู้ใดผิด หรือถูก ได้ ทั้งนี้บุคคลที่จะมีสิทธิในการตัดสินชี้ขาดกรณีดังกล่าวได้ ก็มีเพียงแต่ศาลเท่านั้น แต่ที่ผลการตัดสินออกมาในลักษณะดังกล่าวไม่ทราบว่ามีกลุ่มบุคคลใด บงการอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ก็หวังเพียงแต่อาศัยอำนาจของศาลเท่านั้นที่จะตัดสิน ชี้ขาด และทำให้สังคมพอใจได้" ม.ร.ว.ยงยุพลักษณ์ กล่าว
ส่วนลักษณะการเคลื่อนไหวในวันดังกล่าวนั้น แกนนำกลุ่มข้าแผ่นดินฯ เปิดเผยว่า จะมีสมาชิก อาทิ กลุ่มจุฬาเชิดชูคุณธรรมนำประชาธิปไตย (จคป.) และกลุ่มข้าแผ่นดิน ที่มีความคิดเห็นคัดค้านกับคำตัดสินของอัยการ ที่ได้มีการนัดหมายผ่านทางโทรศัพท์ ไม่ต่ำกว่า 100 คน จะนำหนังสือที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับตัดสิน ไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้ทบทวนคำวินิจที่ขัดต่อข้อเท็จจริงที่สังคมได้รับรู้ ทั้งนี้ได้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามขั้นตอนของคดีเมื่ออัยการเจ้าของสำนวนคดีมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องก็จะต้องส่งสำนวนกลับไปให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาอีกครั้งว่าจะยืนยันในคำสั่งฟ้องหรือไม่ ถ้าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าให้สั่งฟ้อง ก็จะส่งสำนวนไปให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดสั่งคดีต่อไป
http://www.naewna.com/news.asp?ID=56091อยู่กับรัฐบาลจริงๆว่าจะเอาไงกับเรื่องนี้