หรือนี้คือเวรกรรมของชาติเรากันแน่

[ชานบ้านชานเมือง]

วันพฤหัสบดี ที่ 12 เมษายน 2550
หรือนี้คือเวรกรรมของชาติเรากันแน่
Posted by ชานบ้านชานเมือง : 13:11:15 น. | หมวดหมู่ : การเมือง   

ในยามนี้ยังนั่งกินกล้วยไข่
ผมเองบอกตรงๆ ฟังการเคลื่อนทัพของพวกทักษิณแล้ว ไม่สบายใจ
ยิ่งทำแบบนี้ไม่หมิ่น
ก็หมายความว่า ใครๆ ก็ทำตามได้
อาจใช้คำพูดแรง ไม่เพราะ
แต่บอกตรงๆ ว่ารับไม่ได้จริงที่ไม่หมิ่น ทั้งๆ ที่การกระทำต่างๆ คนทั่วไปทำตามไม่ได้ เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
แสดงว่าหากเป็นนักการเมืองสายไทยรักไทยก็ทำอะไรได้หมด รัฐอุ้มอย่างนั้นหรือ
ท่านกลับไปคิดดูว่าประชาชนเขาถูกหลอกแค่ไหน
แล้วคนที่ต่อสู่ก็มีทั้งพวกยึดกระแส
กลับพวกอีแอบทางการเมือง
ประชาชนที่ต่อสู้จริงๆ นั้นยืนตามลำพัง ไม่มีร่มโพธิ์ร่มไทรไหนให้พำนัก

หรือนี้คือเวรกรรมของชาติเรากันแน่

[นทร์]

เป็น "กรรม"ของชาติ ตั้งแต่ทักษิณคิดลงมาเล่นการเมืองแล้วครับ

 

[opensky]

ไม่ทราบว่าถึงเวลาแล้วยังครับ  ที่จะมาพิจารณาคำกล่าวที่บอกว่า
"ลักษณะของผู้นำของประเทศ  สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของประชาชนของประเทศนั้น"

[ScaRECroW]

ไม่น่าจะถึงขนาดนั้นกระมังครับ ผมว่าบางครั้งท่ามกลางความมืดสนิท ถ้าเรานิ่งพอ เราก็จะมองเห็นแสงสว่างได้
ในความเป็นจริงผมมองว่า ถึงตอนนี้ ประเทศไทยพัฒนามามากยิ่งขึ้น
เราเคยไปประท้วงไม่เอาเผด็จการ   จากการเสียเลือดเนื้อไปเมื่อปี 16 กับ 19 เราได้ประชาธิปไตยมาครึ่งหนึ่ง
เราไม่พอใจกับประชาธิปไตยครึ่งใบ  เราได้นายกมาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ฉ้อฉลกัน แล้วก็ถูก รสช.
เราไม่ยอมรับการสืบทอดอำนาจของ รสช.   เราเสียเลือดเนื้อกันอีกครั้ง แล้วเราก็ได้รัฐธรรมนูญ ปี 40 ที่ถูกปู้ยี่ปู้ยำเสียเละเทะ
แล้วล่าสุด เราไม่ยอมรับ ผู้นำไร้จริยธรรม ประชาชนเลือกเข้าไปให้ทำประโยชน์ให้แผ่นดิน ประเทศชาติ และประชาชน กลับมุดทุกรู เพื่อประโยชน์ตนเอง


มาถึงตอนนี้ บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันมืดมนอนธกาล แต่ผมเชื่อว่าเรามาถูกทาง ผู้นำคนต่อไป จะทำอะไรชั่ว ๆ ก็คงต้องคิดหลายตลบ

ใครจะไปรู้ ต่อไปเราอาจจะได้นักการเมืองที่มีความรับผิดชอบมากกว่าแต่ก่อนก็เป็นได้ อย่างน้อยสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง ปีกว่าที่ผ่านมา คงจะเป็นบทเรียนให้นักเลือกตั้ง  กลับไปตั้งหลัก ตั้งสติ แล้วกลับตัวมาบ้าง คนหรือสองคนก็ยังดี

ไม่ใช่หรือครับ

[ไทมุง]

เหตุการณ์ครั้งนี้ นับเป็นครั้งสำคัญ ที่ทำให้คนไทยได้เรียนรู้ และจดจำมากขึ้น ว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการแสดงความเห็นต่อการบริหารประเทศ

ไม่ว่าจะกับรัฐบาลชุดเดิม หรือชุดปัจจุบัน

เช่นเดียวกับผู้บริหารประเทศ ที่ต้องสำเหนียกว่าเสียงตะโกนเหล่านี้ ท่านจะทำเป็นหูทวนลมไม่ได้

เพราะนั่นหมายถึง การอยู่ หรือการไปของท่าน และให้รู้ลาดเลาว่า ท่านจะไปโดยดี หรือโดยการไสส่ง

ส่วนนักการเมืองทั้งหลาย ถ้ากลับมาหลังเลือกตั้ง แล้วยังใช้นิสัยเดิม ทำมาหากินโดยใช้ความเป็นนักการเมืองนำหน้า

ประชาชนจะทำให้ท่านอยู่ไม่เป็นสุขเอง

ทุกช่วงชีวิตของเรา จำเป็นต้องมีบทเรียน เพื่อจะได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และเต็มไปด้วยสติ

[********Q********]

เหตุการณ์ครั้งนี้ นับเป็นครั้งสำคัญ ที่ทำให้คนไทยได้เรียนรู้ และจดจำมากขึ้น ว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการแสดงความเห็นต่อการบริหารประเทศ

ไม่ว่าจะกับรัฐบาลชุดเดิม หรือชุดปัจจุบัน

เช่นเดียวกับผู้บริหารประเทศ ที่ต้องสำเหนียกว่าเสียงตะโกนเหล่านี้ ท่านจะทำเป็นหูทวนลมไม่ได้

เพราะนั่นหมายถึง การอยู่ หรือการไปของท่าน และให้รู้ลาดเลาว่า ท่านจะไปโดยดี หรือโดยการไสส่ง

ส่วนนักการเมืองทั้งหลาย ถ้ากลับมาหลังเลือกตั้ง แล้วยังใช้นิสัยเดิม ทำมาหากินโดยใช้ความเป็นนักการเมืองนำหน้า

ประชาชนจะทำให้ท่านอยู่ไม่เป็นสุขเอง

ทุกช่วงชีวิตของเรา จำเป็นต้องมีบทเรียน เพื่อจะได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และเต็มไปด้วยสติ

ถูกต้องเลยครับ การจะลดผลร้ายจากเวรกรรมนั้น มีทางเดียวคือ

เตรียมพร้อม และไม่ประมาท
                                                                     

[นู๋เจ๋ง]

คนไทยนั้นโชคดีหนักหนา
ที่ประเทศไทยนี้มีในหลวง
พระองค์ท่านทรงรักและทรงห่วงใยทุกข์สุขของประชาชน
กี่ครั้งกี่หนที่พระองค์ท่านทรงช่วยแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง

ดวงเมืองของประเทศไทยผูกไว้กับทหาร ตามที่กล่าวขานกันมา
จะเวรกรรมหรือบุญกรรมนั้น ผ่านมาได้ด้วยพระปรีชาสามารถ

ยิ่งอ่านกระทู้นี้ ทำให้รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

รักในหลวง ด้วยการร่วมด้วยช่วยกันดูศาล ดูอัยการทำงานให้ประเทศชาติในขณะนี้
โปรดให้ความร่วมมือ ชี้เบาะแส และหาข้อมูลหลักฐานเอาผิดคนชั่วให้ได้รับโทษ รับกรรมด้วย

ขอพระองค์จงทรงพระเกษมสำราญ ทรงพระเจริญ 

[aiwen^mei]

ไม่น่าจะถึงขนาดนั้นกระมังครับ ผมว่าบางครั้งท่ามกลางความมืดสนิท ถ้าเรานิ่งพอ เราก็จะมองเห็นแสงสว่างได้
ในความเป็นจริงผมมองว่า ถึงตอนนี้ ประเทศไทยพัฒนามามากยิ่งขึ้น
เราเคยไปประท้วงไม่เอาเผด็จการ   จากการเสียเลือดเนื้อไปเมื่อปี 16 กับ 19 เราได้ประชาธิปไตยมาครึ่งหนึ่ง
เราไม่พอใจกับประชาธิปไตยครึ่งใบ  เราได้นายกมาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ฉ้อฉลกัน แล้วก็ถูก รสช.
เราไม่ยอมรับการสืบทอดอำนาจของ รสช.   เราเสียเลือดเนื้อกันอีกครั้ง แล้วเราก็ได้รัฐธรรมนูญ ปี 40 ที่ถูกปู้ยี่ปู้ยำเสียเละเทะ
แล้วล่าสุด เราไม่ยอมรับ ผู้นำไร้จริยธรรม ประชาชนเลือกเข้าไปให้ทำประโยชน์ให้แผ่นดิน ประเทศชาติ และประชาชน กลับมุดทุกรู เพื่อประโยชน์ตนเอง


มาถึงตอนนี้ บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันมืดมนอนธกาล แต่ผมเชื่อว่าเรามาถูกทาง ผู้นำคนต่อไป จะทำอะไรชั่ว ๆ ก็คงต้องคิดหลายตลบ

ใครจะไปรู้ ต่อไปเราอาจจะได้นักการเมืองที่มีความรับผิดชอบมากกว่าแต่ก่อนก็เป็นได้ อย่างน้อยสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง ปีกว่าที่ผ่านมา คงจะเป็นบทเรียนให้นักเลือกตั้ง  กลับไปตั้งหลัก ตั้งสติ แล้วกลับตัวมาบ้าง คนหรือสองคนก็ยังดี

ไม่ใช่หรือครับ

ประเทศไทยเพิ่งเลิกทาสไปเมื่อสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 และการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ.2475 ถึงเวลานี้ ก็พิสูจน์ได้ว่า "เร็วเกินไป" เพราะประชาชนยังไม่พร้อม อันเนื่องมาจาก การศึกษา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญจนถึงขณะนี้ก็ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ

และเมื่อมองย้อนประวัติศาสตร์ของชาติไทยนับว่าโชคดีนักหนาเมื่อเปรียบเทียบกับหลาย ๆ ประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันขมขื่น ประกอบกับประเพณี หรือค่านิยมของสังคมบางอย่างที่เป็นจุดอ่อน  แต่เมืองไทยของเราก็มีจุดแข็งหลายอย่างเช่นกัน

ทุกคนย่อมมีส่วนไม่มากก็น้อยในการนำพาประเทศไปสู่ความเจริญมากขึ้นหรือถอยหลังลงคลอง

[Body&Soul]

สังคมจะค่อยๆขับเคลื่อนจากการเรียนรู้ของอดีตและนำมาเป็นบทเรียนครับผม